คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : บทที่สิบแปด ผิดที่เขา...จักรพรรดิคาเนียร์[100%]
บทที่สิบแปด
ผิดที่เขา...จักรพรรดิคาเนียร์
ท่านอาที่ออกมาหลังจากท่านพ่อส่งยิ้มหวานรอบทิศก่อนจะหยุดสายตาที่จักรพพรดิปีศาจ รายนั้นหน้าถอดสีไปครู่หนึ่งก่อจะกลับมาแสยะยิ้มตามเดิม
“ว่าไงขอรับ ถ้าอลาวลูกข้าไม่มีเลือดปีศาจอะไรๆมันก็ง่ายขึ้นใช่ไหมล่ะ?”
เสียงนั้นยังคงนิ่งเรียบไม่มีท่าทีโกธรเกรี้ยวหรือว่าไม่พอใจอยู่เลย แต่ว่าจิตสังหารรอบๆมันยังทำให้พวกข้ารู้สึกกดดัน
“มันก็ใช่แต่ว่าทำเหมือนมันจะง่าย”จักรพรรดิปีศาจแสยะยิ้มและมันทำให้จิตสังหารท่านอาเพิ่มขุ้นอีกเป็นพรืด(?)นอกจากที่จะล้มช้างตายแลเวตอนนี้ไดโนเสาร์กินเนื้ออย่างไทราโนซอรัส เร็กซ์ก็ม่องเท่งแล้วจ้า^O^ มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจสักนิด!
“ใช่มันไม่ง่ายหรอก ถ้าข้าไม่ได้เบลเซ่ช่วยเอาไว้”
ขวดแก้วใสที่บรรจุยาสีฟ้าเรืองแสงอยู่ในมือท่านลุงพร้อมเขย่าไปมาให้ดูโดดเด่น พอได้ยินชื่อเบลเฟ่ก็รู้สึกได้ว่าความน่าเชื่อถือมันเพิ่มขึ้นมาอีกมากโข จักรพรรดิปีศาจหน้าซีดลงฉับพลันด้วยสถานะการณ์ตอนนี้กำลังดี จิตสังหารลดเหลือแค่เสือตายแต่อลาวดันพูดประโยคที่ทำให้จิตสังหารเพิ่มเป็นระดับก๊อตซิล่าม่องเม่ง!
“ตาแก่ คนที่หน้าเหมือนข้านั่นใคร??”
ข้ายกมือขึ้นตบหน้าผากก่อนจะพยายามแผ่ไอเทพมาคลุมตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จักรพรรดิปีศาจแสยะยิ้มอีกรอบ ข้าหันมองท่านอาที่ก้มหน้าลงกับพื้น
“ท่านทำอะไรลูกข้ากัน ไอ้หอกหักในไส้?”
เมื่อครู่ท่านอาด่า.....
“ดูท่าว่าวันนี้แดนปีศาจจะได้อยู่เป็นวันสุดท้ายแล้วมั้ง”
แผ่นดินตรงส่วนที่ท่านอายืนยุบลงไปเป็นหลุมขนาดกว้างพร้อมพื้นดินที่แตกระแหง ทหารหลายนายที่ทนจิตสังหารของท่านอาไม่ไหวก็ถึงกับสลายเป็นผงไปโดยที่ท่านอาไม่ได้ทำอะไรเลย
“อลัน พอเถอะ”ท่านพ่อพยายามเข้าไปห้ามปราม มือเรียวยกขึ้นจับแขนท่านอาเอาไว้
“พอเหรอ...พองั้นเหรอฟีเนอร์!!!!!!!! ท่านก็เห็นว่ามันทำอะไรลูกข้าบ้าง!!!”
ท่านอาตวาดลั่นจนแม้แต่ข้ายังสะดุ้ง ดวงตาแดงกร่ำจนหน้ากลัว ข้าไม่เคยเห็นท่าอาเป็นแบบนี้ นี่สินะที่เขาบอกว่าคนที่เงียบๆเวลาโมโหจะน่ากลัว ท่านพ่อถอนหายใจก่อนวางมือลงบนหัวท่านอาเบาๆ
“เออ ข้าเห็น แต่เจ้าสงบก่อนเหอะน่า โมโหไปโลกจะเสียสมดุล”
ท่านอาค่อยๆผ่อนลมหายใจพร้อมลดจิตสังหารที่อัดแน่นลงแต่นัยน์ตาแดงกร่ำยังจ้องจักรพรรดิปีศาจอย่างไม่เลิกรา ข้ารอบกลืนน้ำลายเอื้อก ล้มเลิกความคิดท่เคยจะแกล้งแหย่ท่านอาลงฉับพลัน เกิดแหย่ไปแหย่มาโมโหขึ้นข้าตายแหง๋แซะ ทางฟังจักรพรรดิปีศาจก็ผ่อนลมหายใจเบาๆเหมือนคลายจิตที่ใช้ปกป้องตัวเองลง
“คืนลูกข้ามาก่อนข้าจะสติแตกอีกรอบ ท่านพี่”
ท่านอาพูดเสียงเย็น แต่จักรพรรดิปีศาจกลับไม่เกรงกลัวอะไรเลย”ท่านพี่หรอ? ทำไมตอนที่มาลักพาตัวน้องข้าไปไม่เห็นเรียกข้าสุภาพแบบนี้เล่า อลัน!”
“เออ!!!!!!!!!!! ตาแก่หนังเหี่ยวเอาลูกข้าคืนมา ถ้าไม่คืนพ่อจะซัดเปรี้ยงให้หายไปทั้งแดนนี่แหละ พอใจยังไง?? ไอ้มาโซคิสน่ากระทืบลงดิน ไอ้ตาแก่พันปีไม่มีที่ไปผุดไปเกิดเอ๊ย!!!”
อึ้ง...ข้ามองท่านอาที่แหกปากด่าอีกฝ่ายแถมท้ายด้วยการยกนิ้วกลางให้อย่างอึ้งๆ
“ยอลูกยอ อลันยอนะยอ”
“ข้าไม่ใช่ม้านะฟีเนอร์!”
“ครับๆ”
ทางฝั่งท่านพ่อก็ลูบหัวลูบหางท่านอาใหญ่ หรือว่านี่จะเป็นตัวตนที่แท้จริงกันแน่ ก็ไม่แปลกใจที่ท่านพ่อบอกว่าอลาวเหมือนท่านอาเลยสักนิด
“เจ้าทำอลันตบะแตกแล้วนะคาเนียร์”
ท่านพ่อปลายตาสีม่วงเข้มทางจักรพรรดิปีศาจด้วยสายตาไม่พอใจแต่อีกฝ่ายกลับทำสีหน้าท้าทายเต็มที่
“ข้าชอบอลันแบบที่ขี้โวยวายมากกว่านะฟีเนอร์”
อีกฝ่ายขยับยิ้มก่อนจะยกดาบขึ้นขึ้นมาทางพวกข้า”มาสู้กันไหมล่ะ?”
“ก็ดี”ท่านพ่อก้าวออกมาข้างหน้าท่านอาหนึ่งก้าว มองเผินๆยังกะศึกชิงท่านอาแหะ= =^
“ฟราน…”
“ข..ขอรับ!”
เวรล่ะอย่าบอกว่าได้ยินที่ข้าคิดในใจ
“เอายานี่ไปให้อลาวกินซะ!”
“คิดว่ามันจะง่ายเหรออลัน”
“จะกรอกปากตัวเองแล้วประกบปากส่งยาให้อลาวก็ได้ข้าไม่ว่า!!!!”
เสียงท่านอาที่มีความคิดโคตรบรรเจิดดั่งชี้โพรงให้กระรอกเปรียบดังระฆังเปิดศึกการชนกันของพวกข้า ข้าพุ่งไปหาอลาวที่ทำหน้าเหวอ ซีโร่พุ่งเข้าใส่เดม่อน เรย์ก็พุ่งเข้าใส่เมลลาเวียร์พร้อมๆกับท่านพี่ ทางฝั่งท่านพ่อก็ปะดาบกับจักรพรรดิปีศาจอยู่เป็นที่เรียบร้อย
ข้าพุ่งเข้าหาอลาวด้วยความเร็วสุดๆ อลาวชะงักไปชั่วคราวก่อนจะถอยหลังหลบข้าที่เข้ามาหาได้อย่างเฉียดฉิว อีกฝ่ายมองข้าหน้าตาตื่นถึงจะชอบอลาวแบบที่แกล้งง่ายๆนี่มากกว่าแต่ยังไงอลาวแบบเดิมก็ดีกว่านี้เยอะ! ข้าก็อยากจะประกบปากดั่งความคิดท่านอาจะแต่เกรงว่าถ้าอลาวคืนสติมาพอดีกับที่ปากยังถูกประกบอยุ่ ข้าดับ
อนาจแน่!!
“อย่ามายุ่งกับข้า ฟราน!”
“เคยห้ามข้าได้ด้วยเหรอเจ้าน่ะ”ข้าขยับยิ้มกริ่มก่อนจะรวบเอวอีกฝ่ายเข้าประชิดตนเอง
แต่อลาวก็ไว้พอตัวผละออกไปด้านข้างอีกทั้งยังตั้งท่าจะยกเท้าถีบข้าอีก ข้าเอนตัวหลบเรียวขายาวๆนั่นแล้วเอามือข้าที่ยังว่างยันพื้นแล้วส่งขาขึ้นตวัดเตะอลาว อีกฝ่ายเอี้ยวหลบได้อย่าเฉียดฉิว การต่อสู้ครั้งนี้ถ้าไม่จำเป็นข้าจะไม่ทำให้อลาวบาดเจ็บเพราะงั้นข้าจะไม่เรียกสามง่ามออกมาแน่นอน แต่ทางอลาวอาจจะไม่คิดแบบนั้น ร่างสูงตวัดขากลับแล้วจะเตะเข้ามายังมือที่ยันพื้นของข้าไว้ทันที แขนที่ยันพื้นอยู่ย่อลงต่ำก่อนข้าจะดีดตัวขึ้นสู่กลางอากาศ ข้ากระดิกนิ้วเรียกอีกฝ่ายให้ขึ้นมาหา อลาวเองก็ไม่รอข้าพุ่งขึนมาทันที
“อลาวเจ้าจำได้หรือเปล่าว่าเราเจอกันครั้งแรกที่ไหน?”
อลาวพุ่งหมัดเข้ามาที่หน้าข้าแต่ข้าแค่ยกแขนขึ้นกันเอาไว้แล้วพุ่งเข้าใกล้ใบหน้าอีกฝ่าย”ที่ร้านน้ำชากลางเมืองหลวง”
ข้าขยับตัวไปด้านหลังอีกฝ่ายอลาวจึงหมุนตัวกลับมาเตะข้าแต่ก็นั่นแหละข้าก็เอี้ยวตัวหลบอีกฝ่ายก่อนจะพุ่งขึ้นไปลอยตัวอยู่สูงขึ้นไปอีก
“ข้าเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นหญิงขายตัว ตลกเนาะ”ข้ายกมือขึ้นปิดปากตัวเองแสร้งขำเบาๆแต่อีกฝ่ายกลับไม่ขำด้วยแถมยังศอกเข้าที่ท้องข้าอีก
“แล้ววันเดียวกันเจ้าก็ปีนเข้าบ้านข้า”ข้าใช้มือที่กันศอกอลาวอยู่ดันอีกฝ่ายออกไปแล้วพุ่งไปด้วยความเร็วไปรับร่างอีกฝ่ายไว้”แล้วข้าก็เข้าใจผิดว่าเจ้าทำมิดีมิร้ายคู่หมั้นข้า ตอนนั้นข้าเลือดขึ้นหน้าเชียวล่ะ”
อลาวที่เพิ่งระลึกได้ว่าที่จับแขนเขาอยู่เป็นตัวข้าเขารีบบิดตัวออกทันทีและข้าก็ปล่อย ไม่...มันยังไม่ใช่เวลา
“เจ้าพล่ามบ้าอะไร ข้าเจอกับเจ้าที่ใต้ต้นไม้ เจ้าแกล้งตายข้าเลยเข้าไปช่วย แต่เจ้าจูบข้า!!”
อลาวตวาดลั่นเล่นซะพวกที่เหลือหยุดสู้เงยหน้าขึ้นมากันเป็นแทย ที่จริงนี้มันเป็นความลับนะเนี่ย
“หึหึหึ ข้าไม่ได้หมายถึงเราในตอนนี้สักหน่อย”
“ข้าหมายถึงบลังซ์กับนัวร์ต่างหาก”
อีกฝ่ายนิ่งไปตรงนั้นกลางอากาศข้าเลยรอยวนรอบๆร่างนั้นโดยที่ขวดยายังอยู่ในมือ”เจ้าในตอนนั้นมอบสิ่งสำคัญกับข้ามิตรภาพที่ข้าไม่เคยได้พบ”
“พอ...”
“แต่เจ้ากลับทรยศข้าเมื่อข้าพบว่าเจ้าอยู่ฝั่งนรกในสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าอยู่ฝั่งสวรรค์”
“เจ้าจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา....”อลาวตวัดสายตามองข้าที่ลอยวนไปมาไม่เลิก
“แล้วข้าก็พบว่าเข้าใจผิด เจ้าไม่ได้เต็มใจเหมือนข้าที่ไม่อยากให้เกิดสงคราม แล้วตอนนั้นพวกเราก็ต่างไปแม่ทัพของตนเอง เฟย์และอลังซ์”
อลาวยกมือที่กุมหัวตัวเองออกข้างหนึ่งแล้วพยายามดันอกข้าให้ออกห่าง แต่ข้าก็จับมือนั้นออกแล้วลอยเข้าใกล้เข้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“ปรากฎว่าพวกเราร่วมมือกันทำให้สงครามสงบ”ข้าเว้นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ”แต่เรื่องมันดันไม่จบลงง่ายๆ ทุกที่ที่มีอำนาจย่อมมีผู้โลภมากอยากครอบครอง และนั่นก็คือกบฎ พวกนั้นปลุกทหารผีดิบด้วยมนตร์ดำมากกว่าหมื่นตัว พวกมันมีมากกว่ากำลงัทหารทั้งสองฝ่ายเกือบสิบเท่า”
“แล้ว...แล้วยังไง?”อลาวที่เริ่มจับน้ำเสียงข้าได้ถามกลับมาอย่างอยากรับรู้เรื่องราว
“เทวทูตสววรค์ ตระกูลแห่งการชำระล้าง และนั่นก็คือเจ้าที่เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียว เจ้าใช้มนตร์ศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างพวกนั้นจนหมดสิ้นโดยแลกมาด้วยชีวิตของตนเอง”ข้าสวมกอดแผ่วเบาแก่ร่างนั้น
“ข้าเสียเจ้าไปที่ดินแดนมนุษย์ ได้พบเจ้าครั้งสุดท้ายที่นั่นทั้งยังขอแก่เฟย์และอลังซ์ให้เราได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีกครั้ง...ให้เป็นเพื่อนที่ดีกว่านี้ตราบนานเท่านาน”
อลาวนิ่งงันไม่พูดอะไรออกมาข้าจึงเอ่ยต่อไป”แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะยอมเสียเจ้าไปด้วยเรื่องไร้สาระอย่างนั้นหรือ เซนดิเฮลเลอร์ อลาว”น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นข้างหูอลาวแต่กว่าอีฝ่ายจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
“วายโยเอ๋ยโปรดสดับรับฟังเสียของข้า มอบพันธนาการแด่วิญญาณอันโง่เขลา มอบพลังแด่ข้าบริวารแห่งเจ้า เพื่อชำระแด่ร่างอันศักดิ์สิทธิ์ พันธนาการแห่งสายลม”
ว่าจบข้าก็ดีดตัวออกห่างจากอลาวทันที นี่เป็นบทชำระที่รวมกับบทผนึกมันเป็นบทสูงสุดที่ใช้สำหรับผนึกวิญญาณที่พยศมากๆและข้าคิดว่าน่าจะใช้กับอลาวได้ผล สายลมโหมรอบตัวอีกฝ่ายก่อนจะหยุดลง ลอยค้างอยู่กลางอากศโดยมือทั้งสองกลางออกราวกับถูกตรึงไว้กับกางเขน ข้าลอยเข้าใจใกล้ๆด้วยใจรู้สึกผิดมือเชยคางอีกฝ่ายขึ้นแล้วพบกับสายตาเจ็บปวดของอีกฝ่าย ข้ามั่นใจมากว่าบทชำระที่รวมบทผนึกนี่ไปด้วยมันจะทำให้อีกฝ่ายทรมานเพราะงั้นข้าต้องรีบทำ
เคร้ง!
“อย่ามายุ่งตรงนี้ดีกว่า เมลลาเวียร์”
ข้ายกสามง่ามขึ้นกันโดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อยก่อนจะถีบเข้าช่องท้องอีกฝ่ายไป
“ขอโทษนะอลาว”
ข้าบีบคางอีกฝ่ายก่อนจะกรอกน้ำยาสีฟ้าเรืองแสงเข้าสู้ปากอีกฝ่าย
ฉึก!
“ถ้าเจ้าไม่กลืนเองข้าต้องช่วยนะ”
ข้าขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายโดยไม่สนใจแผลที่โดนเมลลาเวียร์แทงจากด้านหลัง เหลือบตามองไปทางซีโร่ก็รู้เลยว่าท่านพี่กับเรย์ไปไหน พวกเขาไปช่วยซีโร่ที่ไม่กล้าลงมือนั่นเอง
“แค่กๆ แค่ก!”
“สลาย”
ร่างอลาวร่วงวูบลงข้าจึงรีบเข้าไปรับเอาไว้อย่างกลัวอีกฝ่ายจะล่วงลงพื้น มือข้างหนึ่งถือสามง่ามส่วนอีกข้างก็โอมร่างอลาวไว้ จะให้สู้ตอนนี้มันลำบากนะเนี่ย! ข้าหันไปจ้องหน้าเมลลาเวียร์ที่มีสภาพยับเยินเอาเรื่อง หางคิ้วแตก ปากแตก แว่นหลุด ดวงตาสีแดงสดที่ข้าไม่เคยได้เห็นจ้องมาที่ข้าอย่างเหนื่อยอ่อน
“เมลลาเวียร์หยุดเถอะ!”
เสียงท่านอาตะโกนดังขึ้นมาบนท้องฟ้าทำให้ทั้งข้าทั้งเมลลาเวียร์หันไปมอง
“เรื่องทั้งหมดที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อเจ้า!!”
“อย่ามาโยนขี้น่าน้องเขย”
“หรือมันไม่จริง!”
ท่านพ่อและท่านอาตวาดพร้อมกันก่อนท่านพ่อจะรับหน้าที่สู้ต่อไปโดยมีท่านอาที่เงยหน้ามองพวกข้าอยู่
“พ่อเจ้ามันโง่ บ้า มาโซคิส ไร้สาระ ปัญญาอ่อน อ่อนมาจากต้องเสียคนสำคัญไปถึงสองคนน่ะ!”
“เจ้ากล้าด่าข้าหรออลัน!!!”
“ไม่มั้งไอ้ดอกผักบุ้ง!”
ผักบุ้งมีดอกด้วยหรอวะ?
“เจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ อลาวไม่เกี่ยวเขาไม่ได้แย่งความรักใครไปจากเจ้า เจ้าเข้าใจผิด คิดดูให้ดีเมลลาเวียร์ถ้าพ่อเจ้าไม่โง่จนโดนหลอกแม่เจ้าจะตายไหม? ถ้าพ่อเจ้าไม่กระบือพี่เจ้าจะโดนไล่ออกจากประสาทไหม? ถ้าพี่เจ้าไม่โดนไล่ออกจากประสาทอลาวจะโดนพาตัวมาที่นี่ไหม? ถึงตาแก่ที่ลาลับโลกไปแล้วอย่างปู่เจ้าต้องการ แต่ถ้าตอนนั้นยังมีเขจ้ากับพี่อยู่เขาจะหันไปมองคนอื่นทำไม?”
เมลลาเวียร์มองหน้าท่านอาสลับกับพ่อตัวเองอย่างสับสน นัยน์ตาสีแดงมองกลับมาที่อลาวในมือข้า(?)
“อลาว...”
“อย่าไปฟังมันเมลลาเวียร์ ข้าไม่เกี่ยว เจ้ามันไม่มีค่าพอขนาดนั้นหรอก”
“โห่ไอ้แก่นี่!!!”
ท่านพ่อหกับท่านลุงพร้อมใจกันถีบเข้ายอดหน้าของจักรพรรดิปีศาจ
“เมลเจ้าฟังข้า เจ้ามีค่า มีค่าพอหากเจ้าตายไปต้องมีคนเสียใจแน่!”
ท่านอาตะโกนกลับมา แต่เมลลาเวียร์กลับยกมือขึ้นปิดตาตัวเองอย่างสับสน
“ข้าตายไป...ใครจะเสียใจล่ะ”
“เดม่อนไง...”
เสียแผ่วๆดังขึ้นข้างหู อลาวพลิกตัวออกจากแขนข้าก่อนจะพยายามลอยตัวอยู่กลางอากาศ
“ถ้าเจ้าตายไปเดม่อนจะเสียใจนะ...รู้ไหม?”
อลาวว่าด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เจ้าชายปีศาจมองยังอลาวสลับไปมากับเดม่อน”เขาจะเสียใจหรือ...”
ในระหว่างที่พวกข้าให้เวลาเมลลาเวียร์ทบทวนตนเองดีๆลูกหลงจากการต่อสู้ของเดม่อนกับพวกท่านพี่ก็ดันหลุดมาทางนี้พอดี ]ลูกไฟขนาดใหญ่ลอยเด่นมาทางนี้ราวกับตรงใจจะปลิชีพของเจ้าชายปีศาจลำดับสอง
“เวรล่ะ!”
ข้ากับอลาวประสานเสียงแต่ไม่สามารถพุ่งไปได้ทัน อลาวยังฟื้นไม่เต็มที่ส่วนข้าก็เคลื่อนไหวไม่สะดวกถ้ายังมีอลาวเกาะอยู่ ข้ายกมือค้างส่วนอลาวก็ปิดหน้าอย่างไม่อยากดู
“ใครเสียใจบ้างข้าไม่รู้ แต่ข้าเสียใจนะถ้าท่านไม่อยู่บนโลกนี้”
เสียงทุ้มๆนั้นทำให้ข้าคลี่ยิ้มออกมารวมทั้งอลาวก็เปิดเปลือกตาอออกแล้วยิ้มออกมาเหมือนข้า
มือเรียวดึงมือของเมลลาเวียร์ที่ยกขึ้นบังตัวเองตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด รอยยิ้มละมุนละไมถูกส่งให้ใบหน้าเอ๋อๆของเมลลาเวียร์
“ข้ากลับมาแล้ว ขอโทษที่หายไปขอรับ เมลลาเวียร์”
“เรเวอร์เรีย!”
เจ้าชายปีศาจมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจละคนดีใจ”เจ้า...เจ้าไม่โกธรข้าหรอ?”
“โกธรไม่ลงมากกว่าพอได้ยินว่าท่านร้องไห้พอข้าไม่อยู่ก็เลยไม่กล้าโกธรเลยทีเดียว”
“ร้องไห้!! ใครบอกเจ้าน่ะ!”
เมลลาเวียร์หน้าขึ้นสีเมื่ออีกฝ่ายรู้ความลับของตนเองเฉย ข้าค่อยๆลอยลงมายังพื้นอย่างไม่อยากขัดจังหวะพวกเขานัก
“ก็....”
เรเวอร์เรียยกขึ้นโป้งชี้ข้ามไหล่ตัวเองไป ใครอีกแฟะ?ข้ามองตามนิ้วไปเหมือนคนอื่นๆ นี่จะนัดประชุมรวมญาติหรือไงจะพาใครมานักหนาถ้ารู้นะว่าใคราพ่อจะทุ่มให้ด้วย...
“ท่านปู่....”
“คนชุดดำวันนั้นนี่!!”
เมลลาเวียร์ชี้ที่ท่านปู่อลังซ์ที่ทำสีหน้าเรียบเฉยโดยมีท่านปู่เฟย์ยิ้มอยู่ด้านข้าง ข้าหันมองท่านปู่อลังซ์สลับกัลเมลลาเวียร์แบบมึนตึบ นี่ไปรู้จักกันตอนไหนเนี่ย?
“ข้าชื่ออลังซ์เป็นปู่ของอลาว แน่นอนว่ามีศักดิ์เป็นปู่เจ้าด้วยเพราะน้าเจ้าเป็นลูกสะใภ้ข้า”
“พวกท่านมาได้ไงเนี่ย!!”อลาวรอ้งลั่นพลางชี้นิ้วไปมาระหว่างปู่ทั้งสอง
“ข้าก็มาทำเรื่องให้จบนะสิท่านนัวร์”
ปู่เฟย์ลอยลงมาหาอลาวพลางเอาเอามือเชยคางอลาวเฉย
“น่ารักจังน๊า ร่างนี้น่ะ”
“นี่มันนัวร์ของข้า/นี่มันหลานข้า”
ข้าร้องพลางดึงตัวอลาวกลับมาส่วนท่านปู่อลังซ์ก็ลอยลงมาดึงผมท่านปู่เฟย์ให้ออกห่างอลาว เฟย์ยังไงก็คือเฟย์ ยังชอบใบหน้าของอลังซ์ไม่เปลี่ยนต่อให้มันจะบูดบึ้งแต่ไหนก็ตาม
“ท่านพ่อ...อลาว!!!!”
ท่านอาที่ตอนแรกอาจจะเข้ามาหาพ่อตัวเองแต่พอเหลือบเห็นอลาวที่ข้ากอดอยุ่เลยเรียกซะดังลั่น
อลาวเองก็ผละออกจากตัวข้าแล้ววิ่งเข้าไปกอดท่านอาเสียเต็มแรง
“ข้าคิดถึงท่าน”
“ข้าก็คิดถึงเจ้า”
ท่านอาลูบหัวอลาวด้วยสีหน้าดีใจ รอยยิ้มอบอุ่นฉายบนใบหน้าอีกครั้ง
“เราไม่เคยห่างกันเกินสองวันโดยไม่มีการบอกล่วงหน้าเลยสักครั้ง”อลาวบ่นงึมงัม
“ใช่...ใครทำเราห่างกันมันต้องตาย..”
“อลังซ์เจ้าห้าม....”
“ใครทำลูกข้าโกธร...มันไม่ตายดีแน่ๆ”
เฮ้ยๆ ข้าเริ่มถอยห่างออกมาพร้อมๆกับอีกสองคนตือท่านพ่อและท่านปู่
“ชาวนรกเขาน่ากลัวทุกรุ่นเลยหรอ?ท่านพ่อ ท่านปู่”
“ปกติอลันน่ะไม่นะ”
“แต่อลังซ์นี่เป็นปกตินี่....”
“น่ากลัวว่ะ”
พวกข้าทั้งสามพร้อมใจกันประสานเสียงก่อนจะมองรังสีดำสนิทที่ลอยออกมาจากคนสามรุ่นแห่งแดนนรก สยองขวัญสั่นประสาท!
“นี่อลาวกก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว มีอะไรที่จะยากต่อการพาตัวเขากลับไปอีกไหม?”
ท่านอาทำสีหน้ากวนตีนใส่ จักรพรรดิปีศาจขบเขี้ยวฟันอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก นัยน์ตาสีแดงตวัดมาองที่เดม่อนก่อนจะกลับมายังเมลลาเวียร์แล้วมาหยุดที่ท่านอาเหมือนเดิม
“ข้าไม่ให้เอากลับ จบป่ะ?”
“จะไม่จบเพราะไอ้จบป่ะนี่แหละเว้ย!”
อลาวทำท่าจะพุ่งใส่เพียงแต่ท่านอากับท่านปู่ห้ามไว้ก่อน วุ่นวายโดยแท้จริง...
“ข้าว่าข้าไปช่วยห้ามดีกว่ามั้งเนี่ย”
ปู่ข้าทำท่าจะเดินออกไปช่วยฉุดอลาวอีกแรงเพียงแต่ข้ากลับดึงผมของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะได้ก้าวไปไหน
“ใครให้เจ้าไปกัน ข้ายังพูดกับเจ้าไม่จบ”
“โห่หลานรัก...เจ้าช่วยอย่าใช้บุคลิคของท่านบลังซ์ได้ไหม เจ้าก็รู้ว่าข้าเกรงใจ”
เฟย์ทำเสียงอ่อนเสียงหวานเพียงแต่ข้าก็ยังตีหน้านิ่งต่อไป
“เกรงใจหรือว่ากลัวกันแน่ท่านพ่อ?”
“ไอ้ลูกคนนี้นี่! เกินไม่ทันเหตุการณ์แท้ๆ...ทำไมรู้ดีจังวะ”
เฟย์คิ้วกระตุกหน่อยๆกับการรู้ทันของท่านพ่อแล้วจึงหันมาแกะมือข้าออกจากผมตัวเอง
“แล้วท่านจะคุยอะไรกับข้าเล่า อยู่แบบนี้มันอึดอัดนะเนี่ย”เฟย์บ่นอุบพลางทำปากยื่นหน่อยๆ สายตาก็ยังคอยเหล่มองพวกอลาวอย่างไม่วางตา
“มีคนบอกมาว่าพวกเจ้ารู้ถึงสาเหตุที่ว่าทำไมข้าถึงต้องมาวิ่งตามนัวร์อีกหน”
“บ๊ะ! ใครบอกท่านกัน ข้าจะไปฆ่าทิ้งให้”
“ท่านพี่”
ข้าตอบเสียงนิ่งๆแต่อีกฝ่ายเบ้หน้าก่อนหันกลับไปสบตากับท่านพ่อ”ยังไงก็หลานรัก ไม่ฆ่าทิ้งหรอกเนาะ ฟีเนอร์”
“ลองท่านฆ่าทิ้งสิ! ข้าจะฆ่าท่านตามไปดูแลเฟรนด์เชียวล่ะ!”
ท่านพ่อขู่แง่งๆก่อนจะเพยิดให้เฟย์หันกลับมามองที่ข้าที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ด้วยสีหน้า(แสร้ง)ไม่พอใจ
“โห่ๆท่านบลังซ์ ข้าบอกแล้วก็ได้อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ หึ้ย~”เฟย์ถอนหายใจก่อนจะเริ่มทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา”มันเรียกว่า”วัฏจักร” ก็ข้าคิดว่าเฟรนด์เองอาจจะเคยๆบอกท่านไปบ้างแล้วนะ เรื่องมันเริ่มจากการที่ท่านนัวร์วิ่งตามท่านโดยที่ท่านไม่กลับไปสนใจมันก็เลยทำให้ในชาตินี้ท่านต้องมาวิ่งตามเขาอีกไงเล่า”
“แล้วที่นัวร์หายไปต่อหน้าต่อตาข้านั่นข้ายังวิ่งตามเขาไม่พออีกหรอ”
เฟย์หน้าเจื่อนเมื่อรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่แลดูไม่พอใจของข้า
“เจ้าคิดว่าเรื่องแค่นั้นมันจะพองั้นหรือฟราน”
ท่านพ่อที่เห็นว่าให้เฟย์พูดต่อไปคนเดียวมัหวังได้โดยข้าฆ่าทิ้งก่อนเป็นแน่เมื่อเขายังหาเหตุผลที่น่าฟังมาให้ข้าไม่ได้
“แล้วทำไมมันถึงไม่พอกัน แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าพอ”ข้าถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาทอดมองไปยังอลาวที่ทำท่าจะเข้าไปฆ่าจักรพรรดิปีศาจไม่เลิก
“ท่านนัวร์ใช้เวลานานแค่ไหนในการตามเจ้าตอนที่เป็นบลังซ์กัน? เขาลำบากแค่ไหนเจ้าได้รับรู้หรือไม่? แล้วเคยคิดจะหันกลับไปมองเขาบ้างหรือเปล่าฟราน? เจ้าเคยเข้าใจความทรมานของการที่อยู่ใกล้ๆแต่ไม่สามารถไขว่คว้าได้ไหม เจ้าในตอนั้นคิดอะไรอยู่จำได้หรือเปล่า?”
“ไม่ได้ขอ...ให้มาตาม”
“เช่นนั้นแล้วนี่คือสิ่งที่อลาวคิดเช่นกัน”
“แต่อลาวขอให้ข้าช่วย?”
ข้าเถียงกลับทันควัน ยังจำน้ำเสียงที่ดังก้องในหัวนั่นได้ ความรู้สึกของการสูญเสียคนตรงหน้าไปอีกหน
“แต่มันคนละความรู้สึก”เฟย์พูดขึ้นมาบ้าง อาจจะพอเรียบเรียงความคิดตัวเองได้บ้าง
“ท่านในตอนนั้นรู้สึกรำคาญเขา เพียงแต่ท่านัวร์ในตอนนี้ที่เขาไม่ได้ขอให้ท่านมาตามก็ด้วยใจเป็นห่วง...แต่อีกใจหนึ่งเขาเองก็อยากกลับไปยังที่ที่เคยยืนเช่นกัน”เฟย์ว่าด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ”ท่านรู้ไหมท่านนัวร์ใช้ความอดทนเท่าไหร่ในการตามให้ทันท่านและใช่เวลามากแค่ไหนกว่าท่านจะรับรู้ถึงมิตรภาพที่เขาต้องการสื่อให้”
ข้ากำมือแน่นแล้วก้มมองพื้น ข้าไม่เคยคิดถึงจุดนั้นมาก่อนไม่เคยคิดเลยสักครั้ง
“มันก็เหมือนเรื่องของเดม่อน เมลลาเวียร์ และเรเวอร์เรีย”ท่านพ่อเสริมขึ้นมาอีก
“เรเวอร์เรียคอยวิ่งตามเมล และเมลก็วิ่งตามเดม่อน”ข้าบอกออกไปเสียงแผ่ว อีกสองคนพยักหน้าก่อนจะเป็นเฟย์ที่พูดขึ้นมา”แต่ถ้าท่านได้สังเกตุในตอนนี้ทุกอย่างกลับกันหมดแล้ว เดม่อนต้องเป็นฝ่ายกลับไปวิ่งตามเมลลาเวียร์ที่เคยตาตนเองและเมลลาเวียร์ก็เพิ่งกลับไปมองเห็นค่าเรเวอร์เรีย ทุกอย่างมัยกลับตาลบัดเมื่อได้รู้ถึงบางสิ่ง”
“บางสิ่ง?”
“ทางเมลลาเวียร์คือการที่ไม่มีเรเวอร์เรียในชีวิต ส่วนเดม่อนน่ะข้าไม่รู้ต้องไปถามรายนู้นเอาว่าไปบอกอะไรกับเดม่อนเอาไว้”
เฟย์ชี้ข้ามไหล่ตัวเองไปยังอลาวที่ยืนอยู่หลังอลังซ์ ข้าถอนหายใจออกมาก่อนจะขยับยิ้ม”ข้าเข้าใจแล้ว แม้มันจะงงๆแปลกก็เหอะนะท่านปู่”
“ในที่สุดก็กลับมาเป็นหลาน แอ๊ก!”
“อย่ามากอดลูกข้าน่า”
“ลูกเจ้าก็หลานข้านะ หรือจะให้ข้ากอดเจ้าแทน?”
“ไปไกลๆน่าตาแกวิปริต!”
“ข้าไม่เป็นจักรพรรดิปีศาจ!!!!!”
เสียงอลาวที่ตะโกนดังลั่นทำให้ข้าหันกลับไปมองขวับก่อนจะสาวท้าวก้าวเดียวไปถึงตัวอีกฝ่าย
“มีอะไรหรืออลาว”
“ก็ตาแก่เนี่ย พูดอะไรก้ไม่รู้เรื่องเอะอะจะให้ข้าเป็นจักรพรรดิปีศาจอย่างเดียวเลยพับผ่าเซ่!”
อลาวโวยวายก่อนจะสบัดหน้าพรึบใส่ สีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจสุดๆ ทางฝั่งของจักรพรรดิปีศาจเองก็ดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้วเช่นกันดาบใหญ่ผ่ากลางวงพวกเราที่ยืนหน้าเครียดอยู่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ละคนกระโดดหลบไปคนละทางอย่างตกใจ ไม่คิดว่าไอ้ปีศาจที่อยู่ตรงหน้ามันจะเหวี่ยงดาบลงมา ข้ายกมือขึ้นกันฝุ่นที่เป็นเอฟเฟ็กจากการที่อีกฝ่ายหวี่ยงดาบลงมาแล้วมองหาร่างของอลาว
“อลาว!!”
ข้าตะโกนเรียกหาอีกฝ่ายพลางไอสำลักฝุ่น บ้าจริง!ไม่คิดว่าไอ้ดาบบ้าๆที่ตอนแรกมันเท่าดาบธรรมดามันจะขยายใหญ่แถมมีอานุภาคแรงขนาดนี้
หมับ!
แขนสองข้างข้าโดนล็อกเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว ข้าหันไปมองก็พบกับเมลลาเวียร์และยังไม่ทันได้พูดอะไรข้าก็โดนลากออกมาจากตรงนั้นเสียเฉย
“เมล!.....”
ข้าเรียกอีกฝ่ายได้ยังไม่ทันจะจบก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อเกิดบาเรียขึ้นมาตรงที่ที่ข้าเคยยืน บาเรียบางๆนั่นเฉี่ยวเอาปลายเสื้อคลุมข้าไป แต่แค่นั้นก็ทำให้รู้ถึงความคมของมัน บ้าจริง!นี่มันบาเรียหรือบ้าอะไรวะเนี่ย????
“อลาว!!!!”
ท่านอาตะโกนสุดเสียงเมื่อร่างหนึ่งร่างเดียวที่ยังอยู่ในนั้นก็คืออลาว อาจจะด้วยเพราเพิ่งฟื้นมาทำให้ประสาทจะช้ากว่าชาวบ้านชาวช่องเขามากโข ข้าเองก็กระวนกระวายใจไปด้วยแต่ทางเมลลาเวียร์กลับไม่นอมปล่อยข้าเลยสักนิด ไอ้บ้านี่!ตัวก็ผอมกว่าข้าแล้วไปเอาแรงจากไหนมาเยอะแยะฟระ!
“เรเวอร์เรียกันทุกคนห้ามเข้าใกล้บาเรียนั่น! ท่านพ่อบ้าไปแล้ว!!!”
เมลลาเวียร์ตะโกนสุดเสียง ข้าหยุดดิ้นรนก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย ดวงตาสีแดงฉาบแววจริงจังขึ้นมาแต่ที่หน้าดีใจแต่มันมีเคล้าโครงความอ่อนโยนเหมือนเคยแล้ว!
“ข้าจะเข้าไปช่วยอลาว!”
“อลันเจ้าหยุดใจร้อนก่อนได้ไหม? กลับมาเป็นตัวเจ้าก่อน”
ทางท่านพ่อก็ลำบากพอตัวเพราะต้องพยายามรั้งท่านอาเอาไว้ รายนั้นคงไม่ยอมอีกแน่ถ้ามาถึงที่แล้ว
อลาวยังจะกลายเป็นปีศาจไปต่อหน้าต่อตาอีก
“อลันเจ้าหยุดก่อนเถอะ อลาวต้องไม่เป็นไรเชื่อพ่อสิ”
ท่านปู่อลังซ์เข้าไปลูบหัวท่านอาเบาๆทางนั้นถึงหยุดดิ้นรน
“แต่....”
“เชื่อพ่อเถอะ นั่นคือท่านนัวร์เชียวนะ”
ปู่แกยิ้มเบาๆแต่เล่นเอาหลายคนเคลิ้มไปอย่างไม่เข้าสถานะการณ์ ส่วนทางปู่ข้านี่เลือดกำเดาพุ่งลงไปหมอบอยู่กับพื้นแล้ว อนาจจิตแท้
“ทำไมเจ้าถึงไม่มาเป็นจักรพรรดิปีศาจให้ข้า หลานรัก”
น้ำเสียงทุ้มติดเย็นชาน่าขนลุกนั่นทำให้จักรพรรดิปีศาจดูสมตำแหน่งขึ้นมาเป็นกองแต่มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจสักนิดเมื่อประเมินจากสายตาความโหดนั่นมันเพิ่มขึ้นด้วย!
“แล้วทำไมข้าต้องเป็นตามท่านว่า”
อลาวเองก็ใช้น้ำเสียงเรียบเฉยน่าเกรงขามเข้าสู้ ทำให้บรรยากาศทั้งหมดตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียด ข้าเสรตามองยังหลายๆร่างที่อยู่ใกล้แต่ละคนหัวคิ้วชนกันแทบทุกราย
“ก็เพราะว่าเป็นเจ้าน่ะสิ!!!”
“อือ!!!”
อลาวร้องขึ้นเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาบีบแก้มของเขา พวกข้าทุกคนแทบจะพุ่งออกไปเพียงแต่ตั้งสติได้ว่าตนเองไม่สามารถเข้าไปยังในพื้นที่ได้
“เพราะเจ้าไง เจ้าที่ให้ความรู้สึกดื้อรั้นเหมือนอลิซ เจ้าที่มีเคล้าโครงความเป็นอลิซเสียทุกอย่าง!! ผิดเพียงสีนัยน์ตาและเรือนผม เพรามันทำให้ใบหน้าที่งดงามต้องแปดเปื้อน!”
“อย่ามาเรียกพ่อข้าว่ามัน!! เจ้าไม่มีสิทธิ์!”
อลาวตวาดลั่น จิตสังหารครุกรุ่นลอยออกมาแต่ข้ากลับสัมผัสได้ว่ามันเบาบางจนน่าใจหาย ถ้าจะสู้ตอนนี้คงไม่พร้อมแน่อลาว...
“ท่านพ่อหลงรักท่านน้า....รักน้องสาวแท้ๆของตนเอง”
เมลลาเวียร์ที่อยู่ด้านหลังข้าพึมพัม ข้าหันกลับไปมองอีกฝ่ายถึงเงยหน้าขึ้นสบตาข้าเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าอยากให้ข้ารับรู้
“ท่านแม่ถึงได้มีใบหน้าเหมือนท่านน้า ท่านพ่อเก็บท่านแม่เป็นเป็นเพียงตัวแทนท่านน้าโดยหารู้ไม่ว่าตน...หลงรักในความอ่อนโยนของท่านแม่เข้าให้แล้ว ไม่รู้แม้สักนิดว่ากับท่านน้านั่นคือความหลงใหลในความสมบูรณ์แบบเท่านั้น ท่านพ่อทำท่านแม่เสียใจ และเสียท่านแม่ไปโดยไม่แม้แต่เคยได้บอกรักสักคำ”
เมลลาเวียร์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีขาวที่ข้าเพิ่งเคยเห็นในโลกปีศาจแห่งนี้ ปกติท้องฟ้านั้นมันจะเป็นสีมืดครึ่มเสมอ และท้องฟ้าทั่วไปยอมเป็นสีฟ้าครามแต่ที่ข้าเห็นเป็นท้องฟ้าสีขาวบริสุทธิ์
“อลัน!!”
เสียงตะโกนของจักรพรรดิปีศาจทำให้ข้าหันกลับไปสนใจเหตุการณ์ที่เป็นไปอีกครั้ง
“ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ครอบครองใบหน้านี้อีก!!!”
“!!!!”
ข้าตะลึงงันเมื่ออีกฝ่ายจตะโกนออกมาแบบนั้นมันหมายถึง...เขาจะฆ่าอลาวทิ้ง!!
“แค่กๆๆ”
อลาวไอโขกเมื่อโดนบีบเข้าที่ลำคอก่อนจะโดนยกสูงจากพื้น อลาวพยายามดิ้นรนเหมือนด้านนอกที่เริ่มโจมตีใส่บาเรียอย่างไม่ลดละ
“อย่าท่านฟราน...มันจะทำให้เปลืองแรงโดยใช่เหตุ เก็บแรงของท่านไว้ยามฉุกเฉินเถอะ”
“นี่ยังไม่ฉุกเฉินหรือไง????”
เพลี๊ยะ!
“เลิกไร้สาระแล้วฟังข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้าไปในอาณาเขตนั่นไม่ได้เด็ดขาดหากไม่มีเลือดปีศาจในตัว ท่านเข้าใจไหม???”
เมลลาเวียร์ปลายตามองข้าด้วยหางตา ข้ายกมือขึ้นแตะใบหน้าที่เพิ่งโดนตบเรียกสติไปแล้วจึงกลับไปมองยังอลาว
“อึก!”
ร่างทั้งร่างโดนเหวี่ยงลงไปกับพื้นดินแข็งๆ อลาวยันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบากพลางไอ้โขกอย่างทรมาน
“ข้าไม่ได้...ใครหน้าไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น!”
“อลาว!!!!!!!!!!!!!!”
กึก
“พอเถอะขอรับ...ท่านพ่อ”
“ท่านพี่!!!”
เมลลาเวียร์ร้องลั่นเมื่อคนที่เข้าไปรับดาบแทนอลาวเป็นเดม่อน ข้าเองยังอึ้งไม่หายเดม่อนดูแตกต่างจากเดิมไปมากทั้งๆที่เหมือนไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้ทุกอย่างยังคงปกติดี เส้นผมสีไพลินยาวถึงกลางหลังกับรูปร่างที่ดูสูงใหญ่ขึ้นเล็กน้อยอาจจะเพราะอีกฝ่ายคลายการสะกดพลังปีศาจในตัวเพื่อเข้าไปช่วยอลาว
“ท่านจะไปหาจักรพรรดิที่ไหนอีกทำไมหรือท่านพ่อ....ข้ากลับมาแล้วไงขอรับ”
ดวงตาสีแดงสดสองคู่สบกันท่ามกลางกลิ่นคราวเลือด มันไม่น่าพิศมัยสักนิด ไม่เลย แต่ดวงตานั้นแม้มองจากที่ไกลๆข้ายังแอบหลงใหลไปด้วย เดม่อนมีดวงตาที่เหมือนอลาวเป๊ะโดยที่ข้าไม่เคยสังเกตมาก่อน อีกทั้งยังเหมือนกับเมลด้วยนั่นแหละ
“ทำไมเขาถึงทำแบบนี้เล่า...”
“ท่านเมล!”
เรเวอร์เรียพุ่งมารับตัวของเมลลาเวียร์ที่เข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น
“ท่านพ่อ...ท่านแทงพี่ข้าทำไม!!! อยากจะเสียดวงตาแสนสำคัญไปงั้นหรือ จะไม่ให้ข้าเหลือที่พึ่งใดเลยหรือไร?”
เมลลาเวียร์ตะโกนออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว การมองเห็นคนเป็นพี่เสียเลือดต่อหน้ามันยากเกินจะรับไหว ยิ่งเมลลาเวียร์ติดเดม่อนมากด้วยแล้วมันมีโอกาสที่เขาจะคลั่งได้ง่ายๆเลย
“เมล พี่ไม่เป็นไรเสียหน่อย อย่าได้โวยวายไป”เดม่อนตอบกลับมาด้วยความอ่อนโยนที่จริงใจ
“ทำไมท่าน...”
“ท่านอลาวบอกข้าหมดแล้วเมล ข้าขอโทษที่เข้าใจเจ้าผิด ขอโทษจริงๆแต่ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกลัวแล้วนะ ไม่ว่าใครก็ฆ่าข้าไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
“หมายความว่าไง?”
ข้าหันไปถามเมลลาเวียร์เพราะชักไม่เข้าใจว่าสองปีศาจนี่คุยอะไรกัน
“วันที่ท่านเดม่อนถูกกล่าวหาว่าฆ่าองค์ราชินี พยานเพียงหนึ่งคือท่านเมลเพียงแต่ท่านเมลถูกขู่เอาไว้ว่าหากออกไปเป็นพยานให้เขาจะได้เห็นท่านเดม่อนตายต่อหน้าต่อตา ท่านเมลตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรจึงไม่กล้าออกไปช่วยด้วยความกลัว...กลัวว่าจะเสียพี่ชายไป”เรเวอร์เรียว่าด้วยความเสียงเศร้าสร้อย
“แต่การแยกจากด้วยความตายไม่เจ็บปวดเท่าห่างกันทั้งยังมีลมหายใจ...สุดท้ายท่านพ่อก็ไม่คิดเข้าข้างลูกตัวเองไล่ท่านพี่ออกจากที่นี้!! ท่านเอาอะไรคิด!”
เมลลาเวียร์โมโหขึ้นมาอีกรอบหนึ่งแต่เรเวอร์เรียก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ยังรั้งเมลลาเวียร์เอาไว้ได้อยู่...
“ท่านพ่อ...ข้าจะลืมเรื่องที่เคยโกธรเคืองท่านทุกสิ่งไม่ว่าสิ่งไหนดังนั้น...”
“...ปล่อยท่านอลาวกลับไป ข้าจะขึ้นเป็นจักรพรรดิปีศาจแทนเอง”
“ไม่!! เดม่อนเจ้าจะบ้าหรือไง?? เจ้าเป็นลูกน้องของข้านะ! เป็นหัวหน้ายมทูตของข้านะ เจ้าจะต้องกลับไปกับข้า!”อลาวตะโกนลั่น น้ำเสียงเหมือนโกธรเพียงแต่นั่นคือน้ำเสียงยามเอาแต่ใจของเขา น้ำเสียงที่เป็นความเอาแต่ใจเพื่อคนอื่น
“ข้าคงกลับไปกับท่านไม่ได้”
เดม่อนโน้มตัวลงมาลูบบาดแผลตามใบหน้าของอลาวเพื่อช่วยรักษา
“ทำไมเจ้าถึงกลับไปกับข้าไม่ได้!”
อลาวปัดมือนั้นทิ้งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจ้องหน้าอีกฝ่าย ทางจักรพรรดิปีศาจเพียงมองอยู่เฉยๆอย่างจะรอดูต่อไป
“ข้าทรยศ...ท่านก็เห็น ข้าเป็นปีศาจหากให้เลือกแล้วกับนายและครอบครัว ข้าย่อมเลือกครอบครัว ข้าเป็นดั่งเม่นหากท่านยังโอบกอดข้าต่อไปหนามนั้จะทิ่มแทงท่านจะเป็นแผลเต็มร่างกาย เหมือนอย่างตอนนี้ที่ท่านต้องมากลายเป็นปีศาจและทำร้ายท่านฟราน นั่นเพราะข้าเองที่พูดไม่คิดและคิดไปเองจนโกธรน้องชายตนเอง ทำให้พูดทำร้ายจิตใจเขาจนเขามาลงที่ท่านทั้งที่ท่านไม่ผิด อลาวท่านรู้ใช่ไหม....”
“ใช่ข้ารู้...ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังทรยศ...”
อลาวตอบเสียงเรียบ สายตามองยังพื้นเบื้องล่างก่อนจะเงยขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาที่แข็งกร้าวขึ้น
“แต่ที่เจ้ากำลังทรยศอยู่มันคือตัวเจ้าเองเดม่อน!”
“ท่านอลาว...”
“ข้าไม่กลัวที่จะโดนหนาจากตัวเจ้าทิ่มแทง ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่โดนทำร้ายข้าก็ยังจะยืนยันที่จะโอบอุ้มเจ้าไว้ ไม่ว่าเจ้าจะทรยศข้ากี่ครั้งข้าก็ไม่หวั่น หนามนั้นจะทิ่มข้าปรางตายข้าก็ไม่สน ไม่ใช่แค่เจ้าคนเดียวแต่เป็นพวกเจ้าทั้งสิบสองคน ไม่ว่าเจ้าจะเคยทรยศใครมาก่อนข้าไม่เคยคิดแม้แต่จะใส่ใจขอแค่เพียงทุกวันนี้เจ้ายังคงเป็นกำลังให้ข้า พวกเจ้าทุกคนล้วนแต่ได้รับความเชื่อใจจากข้า เดม่อนข้าว่าเจ้ารับรู้ถึงจุดนี้”
“แต่ท่านอลาว...”
“ฟังข้าให้จบเดม่อน...ข้าไม่ได้หวังให้พวกเจ้ามาเชื่อใจข้าตอบ มันไม่จำเป็น ขอแค่ข้ายังมีพวกเจ้าอยู่ข้างกายเป็นพอ ถึงแม้วันใดวันหนึ่งมีสักหนึ่งคนที่เกิดทรยศข้าขึ้นมาข้าก็ไม่สามารถหันอาวุธใส่พวกเจ้าได้ ให้ตบเจ้าสักทีด่าว่าเจ้าสักคำข้ายังทำไม่ลงหากวันที่พวกเจ้าทรยศข้ามาถึง ดังนั้นข้าอยากให้เจ้ารู้คือสิ่งที่ข้าติองการคือการมีพวกเจ้าร่วมเดินไปด้วยกัน จำไว้ว่าคำว่าทรยศไม่อาจลบความเชื่อใจของข้าได้”
เดม่อนนิ่งงันกับคำพูดของอลาวแม้แต่ข้ายังอดซึ้งไปด้วยไม่ได้เลย
“นั่นสินะ ข้าไม่อาจ...จะละทิ้งไปได้ ข้าไม่อาจทิ้งให้สตาร์สะสางงานคนเดียว ไม่อาจทิ้งให้แบล็กกับเบลเฟ่ทะเลาะกันจนปราสาทพัง ไม่อาจจะทิ้งให้เดฟทำอะไรเอ๋อๆ ไม่อาจทิ้งให้ชิลลี่กับซัมวันไปเที่ยวเล่นไร้สาระ ไม่อาจทิ้งสมายด์ให้ต้องดูแลทุกคนอยู่คนเดียว ไม่อาจทิ้งให้คอรัสเครียดในเวลาทีเจลาโต้ไม่พูดด้วย ไม่อาจทิ้งให้จัสตินต้องรายงานทุกอย่างคนเดียว และข้าไม่อาจทิ้งเพื่อนที่สำคัญที่สุดของข้าไปได้...ซีโร่”
เดม่อนขยับยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ ข้าว่าบางทีเขาอาจจะเพิ่งนึกได้ว่าเขายังมีคนอีกมากมายที่รอเขาอยู่ มีอีกหลายคนที่เชื่อใจเขาอย่างไม่ไหวหวั่น เป็นมิตรภาพที่ดีนะ.....
“แล้วใครจะมาเป็นจักรพรรดิปีศาจให้ข้า”
มันยังไม่ไปไหนอีกหรอฟระ? ข้ามั่นใจว่าทุกคนคิดแบบที่ข้าคิดแน่นอนเมื่อสายตามันบอกว่าคิดแบบนั้น
“ท่านพ่อ....”
“ก็เมลลาเวียร์ไง”
อลาวตอบให้ดวยสีหน้าตายด้านอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรก่อนเดม่อนจะหายมาอยู่ตรงหน้าแล้วเอาตัวเมลลาเวียร์ไปยังในบาเรียอย่างรวดเร็ว พวกข้าได้แต่เอ๋ออยู่ตรงนั้นด้วยความรวดเร็วของอีกฝ่าย พอเป็นปีศาจแล้วโชว์เท่ห์เลยนะ!
“นี่ไงท่านพอ่ว่าที่จักรพรรดิปีศาจองค์ต่อไป”เดม่อนยิ้มกริ่ม โดยมีอลาวยกนิ้วโป้งรับประกันคุณภาพอยู่ข้างๆ
“แม่ช้อยไม่ต้องมารำ เชฟไม่ต้องมาชวนชิมข้ารับรองนี่แหละ”
อลาวพูดอีกสบทบอีกระรอก
“อ....อลาวครับ! ให้ผมเป็นเนี่ยนะไม่ไหวหรอก”
“ใช่ไม่ไหว”
“ท่านพ่อ!”
เดม่อนดุก่อนจะร่ายพลังสลายบาเรียรอบๆออกไปแต่ถึงกระนั้นพวกข้าก้ยังไม่มีใครเข้าไปสักคน
“ทำแบบที่เจ้าเคยทำที่ลำธารสิเมลลาเวียร์”
ฟ้าสีขาวบริสุทธิ์กลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปเมฆฝน ก่อนน้ำฝนจะค่อยๆเทลงมาเบาๆ พวกเราแหงนหน้ามองท้องฟ้าเมื่อมองหยาดฝนที่ลงมาจากฟ้าโดยฝีมือของเดม่อนก่อรจะตะลึงงันเมื่อน้ำฝนเหล่านั้นค่อยๆแข็งตัวและกลายเป็นหิมะ ข้าก้มหน้าลงมาแล้วหันไปมองยังเมลลาเวียร์ ร่างนั้นยิ้มออกมาน้อยๆมือสองข้างไขว่กันเพื่อร่ายเวทย์
“สุดยอด”
พวกท่านพ่อพึมพัมเบาๆ การที่ทำให้ฝนทั้งฟ้าเป็นหิมะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะข้าขอยืนยันเพราะเคยลองแล้วตอนที่อลาวชวนฝึกมนตร์เพิ่มเติมน่ะ
“หิมะ...เจ้าเลือกมันเพราะมันเยือกเย็นเหมือนตัวตนของจักรพรรดิปีศาจงั้นหรือ?”
จักรพรรดิปีศาจถามเสียงอ่อน ก่อนหน้านี้ไอ้ลุคสุดรั่วนั่นข้าจะทำเป็นลืมๆไปก็แล้วกันนะ....
“ไม่ใช่หรอกท่านพ่อ...”
“แล้วทำไมเจ้าดึงเลือกใช้เวทย์น้ำแข็ง”
“ท่านแม่ชอบหิมะ”
คำตอบที่ได้มาทำเอาพวกเราหยุดมองหิมะชั่วคราว เมลลาเวียร์ลดมือลงข้างตัวก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้ายามนี้”ท่านแม่บอกไว้ว่าหิมะนั้นบริสุทธิ์และสวยงามเสมอ หากมันจะแปดเปื้อนก็ต่อเมื่อสัมผัสกับพื้นดินเท่านั้น มันไม่เคยแปดเปื้อนด้วยตัวมันเอง”
“งั้นหรอ...ลิเวียร์”
จักรพรรดิปีศาจเงยหน้ามองท้องฟ้าบ้าง รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏขึ้นบนในหน้านั้นมันทำให้เขาเข้าใกล้คำว่าพ่อมากขึ้น
“นี่ข้าหลงรักลิเวียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ในสายข้านางเป็นนางไม่ใช่มองเป็นอลิซ”
พวกเราต่างทอดสายตามองจักรพรรดิปีศาจที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างไม่มีใครพูดอะไร ต้นเหตุที่ทำให้เขาเป้นแบบนี้คงจะเป็นความรัก เขาไม่รู้ตัวว่ารักใครแม้เสียไปแล้ว แต่ความรักมันไม่อาจลบเลือนจากหัวใจได้ง่ายๆ จักรพรรดิยังไขว่คว้าเอาไว้โดยที่ยังแยกไม่ออกระหว่างความรักและความหลงใหล เขาเพียงหลงใหลในใบหน้าของท่านอาอลิซถึงต้องการตัวอลาว และยังคงอาลัยอาวรในตัวของท่านอาลิเวียร์ถึงได้ทำสิ่งที่ไร้เหตุผลลงไป ความรักนี่น่ากลัวเนาะ...
“ข้ายังไม่เคยแม้แต่บอกรักนางด้วยซ้ำ”
“งั้นก็บอกซะสิ”
“เรย์....”
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไง?”
ข้าหันไปมองท่านปู่ทั้งสองที่ตีสีหน้าไม่เข้าใจก่อนท่านพ่อจะเอานิ้วชี้เรย์แล้วถอนหายใจออกมา
“ทำไมข้าจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะท่านพี่เฟย์”
ห๊ะ???
“ข้าว่าแล้วคนขี้เบื่ออย่างเจ้าหายไปไหนกันที่แท้ก็มาเล่นเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่หรอกเร๊อะ!”
“แล้วเศษลูกแก้ววิญาณของนภา?”
ท่านปู่อลังซ์ถามเสียงเครียดพลางใช้สายตาสำรวจ
“ให้อลาวไปแล้ว”เรย์ตอบเสียงใส
“เจ้าจะบอกว่าของที่เจ้าขโมยลงมาและข้าก็ใช้เวลาตามหามาตั้งนานเจ้าเอาไปให้หลายสะใภ้ข้างั้นหรือ??”
“หลานข้าไม่ใช่หลานสะใภ้เจ้า”
ท่านปู่อลังซ์ว่าเสียงเย็นก่อนปลายตาอลาวที่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“นี่สรุป...”ท่านพี่ที่เงียบมานานมองท่านปู่กับเรย์สลับไปมา
“เรย์เป็นน้องข้าและมีศักดิ์เป็นปู่เจ้า”
“เห็นไหมฟราข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่ปู่แท้ๆของเจ้า”
ข้ายกมือกุมหัวอย่างสับสน เรื่องใครปู่ใคร ญาติใคร น้องใครนี่ช่างก่อนเหอะ
“แล้วที่บอกว่าให้บอกรักท่านอาลิเวียร์นี่คือ?”
ข้าหันไปถามอย่างพยายามจะเคลียร์เรื่องทุกอย่าง เรย์ยักไหล่ก่อนจะร่ายมนตร์เบาๆ วงเวทย์สีทองปรากฎขึ้นบนพื้นก่อนร่างหนึ่งจะปรากฎออกมา
“เรย์เจ้าเรียกข้า.......”
เสียงหวานที่เอ่ยทันทีที่ตัวเองออกมาหายเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นสภาพรอบๆ เส้นผมสีไพลินยาวถึงข้อเท้าพลิ้วไหวตามการหมุนตัวของนาง ใบหน้างดงามตีหน้ายุ่งก่อนจะแสดงความตกใจออกมา
“ลิเวียร์!”
“ท่านพี่....”
เสียงความเอ่ยอย่างงุนงงก่อนจะหันไปมองคาดโทษแก่คนที่ตอนนี้มาศักดิ์เป็นปู่ข้า
“เรย์นี่เจ้า....”
หมับ!
“ข้าคิดถึงเจ้า เจ้ายังไม่ตาย”
จักรพรรดิปีศาจสวมกอดอย่างแผ่วเบากับภรรยาของตน เสียงนุ้มกระซิบบอกข้างหูอย่างโหยหา
“ข้าคิดถึงเจ้า...โหยหาเจ้าเสมอมา ที่ผ่านมาข้าขอโทษที่เห็นเจ้าเป็นตัวแทนของอลิซ ต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้วลิเวียร์ ข้ารักเจ้า กลับมาอยู่กับข้านะ”
“อืม....”
“เดี๋ยวนะนี่มันเรื่องอะไรกัน??”เมลลาเวียร์ถามเสียลอยๆ
“จะให้เล่าคงต้องย้อนความตั้งแต่สมัยที่อลันเพิ่งติดต่อกับอลิซตอนนั้นอลิซมองทางออกมาว่าลิเวียร์อาจจะโดนวางแผนฆ่าทิ้งเอาได้นางก็เลยให้หาทางพาลิเวียร์ตัวจริงไปซ่อนและให้ตัวปลอมมาโดนฆ่าแทน อลันก็เลยติดต่อข้าบอกให้หาที่ซ่อนให้ลิเวียร์ ทีแรกพออลิซจับตัวคนร้ายได้เรื่องมันก็จะจบ ลิเวียร์ก็จะกลับมาแต่ทีนี้นางเห็นเจ้าให้ความสำคัญกับอลิซมากเกินไปนางก็เลยไม่ยอมกลับมาหาเจ้าไง”ปู่เรย์ว่าจบก็ชี้ไปที่จักรพรรดิปีศาจ
“เดี๋ยวนะอลัน...นี่แปลว่าเจ้ารู้จักกับน้องข้ามาตั้งนานแล้วสิ!”
“ท่านพี่!!”
ท่านอาลิเวียร์ร้องเสียงหลงเมื่อจักรพรรดิปีศาจทำเหมือนจะหวงท่านอาอลิซอยู่
“ไม่ลิเวียร์นี่มันในฐานะพี่ชายนะ”
“อีกอย่างเจ้ารู้ที่อยู่ของเรย์มาตลอดเลยหรอ?”ท่านปู่หันไปถามลูกตัวเอง
“ก็ตอนก่อนโน้นที่แอบหนีลงขึ้นมาเที่ยวสวรรค์ระหว่างทางก็เจอตาแก่นี้....ข้าหมายถึงปู่เรย์นั่งยิ้มอยู่ที่หน้าป่าข้าเลยเข้าไปทักแล้วก็เลยผ่านเข้ามาที่นี่แล้วก็ได้เจอกับอลิซ”
ท่านอาเล่าเสียงเรียบราวกับมันเป็นเรื่องแสนจะธรรมดา นี่สรุปว่าเรื่องวุ่นๆนี่มันมาจากท่านอาหรือเปล่าเนี่ยหา???
“สรุป...อลันเจอเรย์ตั้งนานแล้วและเศษลูกแก้วก็อยู่กับอลาว ลูกหลานข้านี่มัน...กลับไปมีคุย”
“คิดว่าข้าจะอยู่ให้คุยเร๊อะ แบร่!”
ท่านอากับอลาวพร้อมใจกันดึงเปลือกตาล่างลงแล้วแลบลิ้นหลอก มันดูน่ารักมากจนเกินพอดีจริงๆ
“ท่านแม่...นี่ท่านยังไม่ตาย”
เดม่อนที่เหมือนจะเรียกสติกลับมาได้ช้าสุดเดินเข้าไปหาท่านอาก่อนจะสวมกอดอย่างโหยหาข้ามองภาพนั้นแล้วคิดถึงท่านแม่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อลาวเองคงจะพอๆกัน
“ท่านแม่~”
เมลลาเวียร์ถลาเข้ามาเป็นคนสุดท้ายก่อนจะกอดรัดร่างนั้นเข้าเต็มแรง ทั้งสี่คนหัวเราะออกมาพร้อมๆกันอย่างมีความสุขรวมถึงพวกข้าที่มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม จบแล้วการเดินทางตามหาสิ่งสำคัญของข้า ในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว...เอ๋? ตรงหน้าหรอ อ้าวก็อลาว...
“กอดหน่อย”
อลาวว่าเสียงใสใบหน้าแดงขึ้นมานิดๆแต่ก็อ้าแขนรอ ข้าหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะสวมกอดร่างนั้นเบาๆอย่างโหยหา เพื่อนคนสำคัญที่ข้าเคยเสียเขาไปนับครั้งไม่ทวน ทั้งด้วยความโง่เง่า ทั้งโชคชะตา ต่อจากนี้เชื่อเลยว่าข้าจะไม่มีทางให้เขาหายไปไหนอีกแน่ๆ สัญญาเลย
ด้วยเกรียติขององค์ชายอันดับสามแห่งสวรรค์ อลาวและข้าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
ข้าจะปกป้องเขาไปตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต ข้าสัญญาเลย!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น