Knight Vs Queen! ศึกปราบเกรียน[อัศวินแด่ราชินี]
ตอนที่ 29 : 22nd Round::Never Die <rewrite>
22nd Round
Never Dei
เธอไม่เคยจะตายจากไป...ในใจฉันยังมีเธอ
วิลเลี่ยมหน้าซีด ภาพที่เห็นเหมือนพาลเอาใจหยุดเต้น แม้จะดีใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังมชีวิต แต่ความดีใจก็ต้องพังทลายลงเมื่อต้องมาเจอกันในสถานะที่ไม่คาดคิด
“บิชอบคนนี้...เอาจริงหรอเนี่ย...”แอมไพร์พึมพำ ไม่คิดว่าจะเป็นไปตามที่สันนิษฐานจริงๆ
“นั่น...นั่นอาจจะเป็นภาพลวงตาหรือมนตร์อะไรก็ได้นะครับ!”วิลเลี่ยมรีบหันไปแย้ง
แอมไพร์ไม่ออกความคิดเห็น เขาแค่เพ่งสายตามองไปยังด้านล่างอย่างตั้งใจ ทางฝ่ายเลโอก็ทำหน้านิ่งเป็นปกติจนไม่สามารถตอบได้ว่าคิดอะไรอยู่
“งั้นข้าจะพิสูจญ์เอง!”
ไม่ทันได้ห้ามปรามวิลเลี่ยมก็กระโจนลงจากหน้าผา โหนไปตามกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาอย่างน่าหวาดเสียว แอมไพร์มองภาพนั้นแล้วอ้าปากครั้ง นี่พ่อคุณเก่งขนาดนี้เชียว
“อย่ามัวแต่อึ้งสิครับ”
เลโอดุก่อนจะกระโจนตามลงไป ราชินีเหมือนจะสำนึกได้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ร่างบางกระโจนตามเลโอลงไปเป็นลำดับสุดท้าย ภาพนัยน์ตาที่สั่นระริกของวิลเลี่ยมยามเมื่อถูกทำลายความเชื่อใจยังคงติดตาไม่จางหาย นี่เขาอาจจะต้องเห็นสีหน้าแบบนี้อีกครั้ง...จากคนใกล้ตัวงั้นหรอ
“แกเป็นใครบอกมานะ!”
เด็กหนุ่มกระโจนไปขวางหน้าร่างชองบิชอบหนุ่ม นัยน์ตาสีฟ้าครุกรุ่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ในใจยังคงเชื่อมั่นว่าที่อยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับเขา
“อ้าววิลเลี่ยม...เจ้าไปไงมาไงล่ะ”อีกฝ่ายแสร้งทำสีหน้าตกใจก่อนจะยิ้มอบอุ่นให้
“อย่ามาเรียกชื่อข้านะเจ้าตัวปลอม!”
“ใจเย็นก่อนสิ”เลโอวิ่เงข้ามาดึงตัวอีกฝ่าย นัยน์ตาสีเขียวของบิชอบอัลลาเต้ชายไปมองที่อัศวินหนุ่ม เลโอเองก็เสนัยน์ตาขึ้นสบกับอีกฝ่ายราวกับจะท้าทายเช่นกัน
“ทำไมเจ้าพูดแบบนั้นล่ะวิล พูดจาไม่ไพเราะเสียเลย กลับไปข้าคงต้องอบรมเจ้าหน่อยล่ะมั้ง”
นัยน์ตาสีเขียวมองเด็กหนุ่มผ่านเลนส์แว่นด้วยความอบอุ่น เสียงหัวเราะแผ่วๆที่ไม่เจือปนความจริงจังทำให้วิลเลี่ยมเหมือนถูกฝังทั้งเป็น
“อย่ามาทำอวดดีนะเจ้าตัวปลอม!”
“ปลอมไม่ปลอมใจเจ้าก็รู้ดีแก่ใจ”
!!!
พริบตาที่เด็กหนุ่มและเลโอเผลอ มือของอัลลาเต้ก็ยื่นออกมาคว้าแขนของวิลเลี่ยมเพื่อดึงตัวเข้าไปหา เด็กหนุ่มทำหน้าตาแตกตื่นด้วยความตกใจ ยามเมื่อสบกับนัยน์ตาสีเขียวราวกับจะทำให้ใจหยุดเต้น...เมื่อมันยังเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง! ความคุ้นเคยยังคงอยู่ไม่จางหาย บ่งบอกว่าคนตรงหน้าคือตัวจริง
ควับ!
“มานี่เดี๋ยวนี้วิล!”
โซ่เคียวหวนลงมากึ่งกลางระหว่างทั้งสองร่าง ทำให้วิลเลี่ยมถูกแยกออกจากบิชอบอัลลาเต้โดยทันที แอมไพร์ดึงแขนเด็กหนุ่มมาทางตนพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยแววตาไม่เป็นมิตร บิชอบหนุ่มเอียงคอด้วยใบหน้าใสซื่อก่อนจะก้าวเท้าเข้าหาพวกแอมไพร์หนึ่งก้าว
กรุ๋งกริ๋ง
แอมไพร์เหล่อมองไม้เท้าที่สูงท่วมหัวในมืออีกฝ่าย เสียงลูกกระพรวนจากปลายไม้ท้าวดังลอดเข้าหู แอมไพร์กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนหุบมันลง
“ที่ผ่านมานั่นหลอกพวกข้าซะสนิทใจเลยนะ”แอมไพร์กดเสียงต่ำ
“หึหึ ท่านเองก็หลอกข้าจนตายใจสนิทว่าเป็นนักบวชสาวไม่มีพิษมีภัย”บิชอบหนุ่มหัวเราะแผ่วๆแล้วกล่าวตอบ
“แต่ท่านหลอกแม้กระทั่งคนที่รักและเทิดทูนท่านไว้เหนือหัว”
อัศวินหนุ่มกล่าวพลางหรี่ตา นัยน์ตาของทั้งสองประสานกันก่อนจะเป็นอัลลาเต้ที่หัวเราะขึ้นมาแผ่วๆราวกับกำลังเจอเรื่องสนุกที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แอมไพร์กัดปากตนเองมองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจในการลงมือ ไม่อยากทำอะไรพลีพลามถ้ายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพาเด็กๆพวกนี้ไปไหน
“ดูเหมือนข้ากับนายของท่านอาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่”
คำพูดของอัลลาเต้ทำให้นัยน์ตาสีเทาเสมองแอมไพร์อย่างลืมตัว ทางฝั่งร่างบางก็ตวัดเคียวโซ่โจมตีอีกฝ่ายอย่างไม่ทันตั้งตัวราวกับจะรีบตัดบทสนทนาที่ชวนน่าสงสัย บิชอบหนุ่มทำเพียงยกมือขึ้นปัดป้องเคียวนั้นก็กระเด็นออกไป
“เจ้าเป็นใครบอกข้ามา! เจ้าไม่ใช่อัลลาเต้...”ร่างบางกดเสียงต่ำหน้ากลัว คำพูดนั้นทำให้วิลเลี่ยมหันมาอย่างมีความหวัง
“มองยังไงข้าว่าก็ใช่....”
“เจ้าอย่าลืมว่าบิชอบนั่นซุ่มซ่ามขนาดไหน แต่ตั้งแต่ที่เราพบกัน เจ้านี่ยังไม่สะดุดล้มหรืออะไรเลยสักครั้ง”
แอมไพร์ว่าพลางชี้นิ้วไปยังบิชอบผมแดง เหตุผลของแอมไพร์อาจจะดูตลกแต่นั่นก็นับว่าเป็นความจริงข้อหนึ่งเช่นกัน
“หึหึหึ ข้าจะไม่ใช่อัลลาเต้ได้อย่างไรท่านแอมไพร์...ท่านพูดแบบนั้นกำลังจะบอกว่าบิชอบอัลลาเต้ตายไปในกองเพลิงที่โบสถ์แล้วงั้นสิ จะเชื่อว่าเขาตายไปแล้วในกองเพลิง หรือเขาคือข้าที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็เลือกเอานะ”
คำพูดที่เหมือนสนทนากับแอมไพร์แต่รูปประโยคกลับบ่งบอกว่าพูดกับใคร วิลเลี่ยมก้มหน้านิ่ง ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเชื่อว่าบิชอบอัลลาเต้ตายไปแล้วในกองเพลิง หรือยังยืนอยู่ตรงนี้ฐานะผู้ร้าย ทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น!
“ข้างนอกน่ะใช่ แต่ข้างในน่ะใคร?”
เลโอหันมองเมื่อร่างบางถามคำถามเดียวกับที่เขาเคยถาม บิชอบผมแดงยังยิ้มอบอุ่นไม่เสื่อมคลาย นัยน์ตาสีเขียวยังคงความเป็นมิตรไม่จางหาย
“ใครกันหนา...”
องค์ราชินีจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด อีกฝ่ายกำลังกวนประสาทเขาด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว แอมไพร์เกลียดการคุยกับคนประเภทนี้! อัลลาเต้ยังยิ้มไม่เลิกรายิ่งกว่าไอโรเสียอีก เมื่อเห็นว่ารั้งรอต่อไปก็ไม่ได้คำตอบแอมไพร์จึงรีบถามคำถามใหม่ขึ้นมาทันที
“เจ้าจะเอาเด็กพวกนี้ไปไหน?”
“หื้ม? เด็กพวกนี้หรอครับ?”
มือเรียวดึงร่างของเด็กสาวที่อยู่ใกล้ตัวเข้ามาใกล้ มือขวายกขึ้นเชยใบหน้าอีกฝ่ายขึ้น นัยน์ตาของเด็กสาวไร้ซึ่งแววของสิ่งมีชีวิตจนแอมไพร์ชักเครียด
“น่ารักดีนะครับ”
“...บ้าแน่ๆ...”
“เหมือนตุ๊กตาเลย”
“!!!”
ควับ!
โซ่เคียวถูกตวัดเหวี่ยงเข้าหาบิชอบผมแดง แต่บิชอบหนุ่มกลับดึงตัวของเด็กสาวใมนมือมาบังตนไว้ทำให้แอมไพร์ต้องรีบดึงอาวุธของตนกลับทันที นัยน์ตาสีม่วงมองอย่างครุกนรุ่น การกระทำของอีกฝ่ายกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า!
“อย่ามาเห็นชีวิตคนอื่นเป็นสิ่งของ เด็กคนนั้นไม่ใช่ตุ๊กตาหรืออะไรที่เจ้าจะเอาไปเปรียบเทียบ”
“อ่อ..หรอ”
ผลั่ก!
บิชอบหนุ่มร้องรับก่อนจะผลักร่างในมือไปกองกับพื้น แอมไพร์มองแล้วกำมือแน่นโชคยังดีที่เลโอรั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้เพราะร่างบางชักหวูวามมากไปแล้ว อัลลาเต้ยกยิ้มที่เลวร้ายมากในสาราณุกรมรอยยิ้มของแอมไพร์มาให้
“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีนี่ครับ เด็กพวกนี้ไม่ขัดขืน ไม่ต่อต้าน ไม่ว่าอะไรเลยสักนิดไม่ว่าข้าจะทำอะไรเขา มันก็ตุ๊กตาดีๆใช่ไหมล่ะ?”
“แก!!!!”แอมไพร์คำรามลั่น ถ้าไม่ติดมือเลโอที่รั้งเอาไว้เขาคงพุ่งเข้าไปแล้ว
“อย่ามาทำเหมือนชีวิตคนอื่นเขาเป็นของแกสิเจ้างั่ง!”ร่างบางตวาดซ้ำ เหมือนการกระทำของอีกฝ่ายจะไปกระตุ้นปมในใจจนร่างบางหมดความอดทน
“คืนเด็กพวกนี้ไปให้พ่อแม่เขาเถอะครับ”เลโอพยายามต่อรอง
“ทำไมข้าต้องคืน?”บิชอบหนุ่มทำสีหน้าเหมือนสงสัยเสียเต็มที่
“คิดจะเอาเด็กพวกนี้ไปทำอะไรกันแน่...”
อัลลาเต้ไม่ตอบ เขาทำเพียงยกยิ้มมุมปากที่น่ารังเกียจ วิลเลี่ยมมองภาพนั้นด้วยแววตาสั่นระริก คนที่อ่อนโยนและอบอุ่นคนนั้นกับรอยยิ้มนี่...
“บ้าไปแล้วแน่ๆ...เขาไม่ใช่บิชอบอัลลาเต้”
“ใช่สิวิล ทำไมเจ้าพูดแบบนั้นล่ะ”รอยยิ้มแสยะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มอบอุ่น
เด็กหนุ่มผมทองเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย แววตาที่มอง รอยยิ้ม ใบหน้า ความคุ้นเคย ทุกอย่างใช่ ใช่แน่ๆ
“แต่ข้างในเจ้าน่ะใคร”
คำถามเดิมถูกถามซ้ำอีกครั้งจากคนอีกคน อัลลาเต้หัวเราะเหมือนสนุกมากอีกครั้ง ยามเมื่อแววตาที่เทิดทูนนั่นแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่คลั่งแค้น ช่างน่ามองยิ่งนัก...
“นั่นสิ ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าเป็นใคร”แอมไพร์เสริมขึ้นทันที
“ต่อหน้าคนพวกนี้ข้าพูดไม่ได้หรอกครับ”
คำตอบแตกต่างไปจากเดิมแต่ทว่าความกดดันที่น่าขยะแขยงสำหรับแอมไพร์กลับเพิ่มมากขึ้น ร่างบางกัดฟันกรอดก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างถือตน
“งั้นข้าจะส่งเด็กพวกนี้กลับบ้านให้หมด!”
“ส่งกลับไปก็เท่านั้นแหละครับ...คิดว่าพวกเขาจะกลับไปครับสามสิบสองประการไหมล่ะ”
“ไม่ว่าจะกายเนื้อหรือร่างวิญญาณข้าก็จะส่งคืนให้หมด”แอมไพร์ยกยิ้มเหนือกว่าขึ้นบ้าง
“คนเยอะนะครับ”
“ก็แล้วไง”
เลโอมองท่าทีมาดมั่นของราชินีอย่างสงสัย ดูว่าร่างบางจะมีแผนหรือวิธีในใจที่เขาไม่รู้ซ่อนอยู่ โซ่เคียวถูกเก็บไปด้วยเวทย์มนตร์ นัยน์ตาสีม่วงสบกับนัยน์ตาสีเขียวอย่างจงใจหาเรื่อง
“แล้วเจ้าจะรู้ว่าคิดผิดที่มาหาเรื่องท้าทายคนอย่างข้า”
ป๊อก!
ทันทีที่นิ้วเรียวดีดขึ้นวงเวทย์สีขาวขนาดใหญ่ก็ทอแสงขึ้นใต้เท้าของขบวนเด็กๆ! นัยน์ตาสีม่วงพราวระยับอย่างคนเหนือกว่า วิลเลี่ยมดูตกใจยามเมื่อเห็นวงเวทย์ที่ขนาดมหึมาขนาดนี้ เลโอเองก็ตกใจไม่แพ้กันเพียงแต่กลับไม่ได้แสดงออกมาผ่านสีหน้าเท่านั้น ร่างบางมีพลังเวทย์มากมายถึงเพียงนี้เลยหรือนี่
“อัลชิลิตส์!”
แอมไพร์เอ่ยเรียกม้าหนุ่มออกมาจากตัวเจ้าปุงิ มันพยศสูงก่อนจะพ่นลมหายใจฮึดฮัด
“นำทางเด็กพวกนี้ไปส่งให้ถึงที่ให้ครบสามสิบสองประการ อะไรที่หายไป...เอาคืนมาด้วย”
“รับทราบครับ”
อาชาหนุ่มขานรับก่อนจะพ่นเพลิงสีฟ้าออกมาจากปาก มันพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าก่อนจะปรากฏประตูบานใหญ่ขึ้น วิลเลี่ยมมองบานประตูนั้นด้วยความตกตลึง
“ไปได้แล้วอัลชิลิตส์!”
เจ้ามาหนุ่มส่งเสียงร้องก่อนจะจะพุ่งเข้าไปในประตูโดยมีร่างของเด็กๆที่หลายแป็นเพียงแสงราวหิ่งห้อยลอยตามไป อัลลาเต้ไม่เอ่ยห้ามหรือแสดงท่าทีต่อต้านจนแอมไพร์หวั่นใจ เป้าหมายของอีกฝ่ายราวกับว่าไม่ใช่เด็กพวกนี้อย่างนั้นแหละ
“เจ้า...”
“หมดตัวเกะกะสักทีนะครับ...แต่อาจจะยังไม่ใช่ซะทีเดียว”
พลั่ก!
“วิล!!!”
แอมไพร์ร้องอย่างตกใจโดยมีเลโอยื่นตลึงอยู่ข้างๆเมื่อร่างของเด็กหนุ่มผมทองลอยหวือไปชนกับหินก้อนใหญ่ก่อนจะล่วงลงมากองกับพื้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวสักนิด ร่างบางสะบัดศรีษะมามองบิชอบหนุ่มด้วยความโกรธเคือง
“เจ้ากำลัง...”
พรึ่บ!
พลังที่ส่งมาถูกแอมไพร์ตวัดมือปัดด้วยสีหน้าน่ากลัว ใบหน้าสวยนิ่งเรียบสงบจนน่าหวั่นเกรง
“อย่าคิดมายุ่งกับเขา...”แอมไพร์กดเสียงต่ำยามเมื่อยืนอยู่ด้านหน้าเลโอ ถ้าเมื่อครู่แอมไพร์เคลื่อนไหวมาปัดพลังไม่ทันเลโออาจจะโดนเข้าจังๆเพราะดูเหมือนอัศวินหนุ่มจะไม่รู้ตัวสักนิด
“เก่งจังนะครับตัวแค่นี้...เก่งกว่าเมื่อสิบปีก่อนตั้งเยอะ”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้แอมไพร์เลิกคิ้วสูง นัยน์ตาสีม่วงเบิกโพลงอย่างตกใจก่อนจะค่อยๆถอยล่นลงมาด้านหลัง
“แกเป็นใคร”
“หึหึหึ ใครล่ะครับ?”
“อย่ามากวนประสาท!”แอมไพร์ตวาดลั่น รู้สึกเหมือนควบคุมตนเองไม่อยู่ขึ้นมา
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิครับ หน้าสวยๆไปหมดแล้วนะ”
ชั่วพริบตาที่คำพูดนั้นหลุดออกมาพลังกดดันสูงก็ถูกส่งมาจากตัวร่างบาง เลโอที่ยืนอยู่ติดกันถึงกับใจกระตุกวาบราวกับมันหยุดเต้นไปเสี้ยววินาที แอมไพร์ตรงหน้าดูไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความอดทนอดกลั้นกับการเล่นลิ้นของอีกฝ่ายหมดลงไปแล้ว แอมไพร์ตอนนี้ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมใดๆทั้งนั้น!
ร่างบางพุ่งเข้าใส่บิชอบผมแดงอย่างรวดเร็ว ขาเรียวตวัดเตะชายโครงอีกฝ่ายแต่กลับถูกกันเอาไว้ได้ นัยน์ตาสีเขียวยั่วเย้าราวกับว่ากำลังท้าทายพลังของราชินีคนสวย แอมไพร์ประเคนหมัดแข็งใส่อีกฝ่ายเต็แรงแต่ก็ถูกกันไว้ได้เหมือนครั้งแรก ร่างบางจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระโดดถอยล่นลงมา
“จะทำอะไรก็ใจเย็นๆก่อนเถอะครับ”เลโอว่าอย่างอ่อนใจ
“ก็มันกวนประสาทข้าอ่ะ!”แอมไพร์ว่าแล้วชี้ไปทางบิชอบหนุ่ม ท่าทางคล้ายลูกตัวเล็กๆฟ้องพ่อยามถูกรังแก
“ท่านก็ไหลไปตามน้ำเขา นั่นอาจจะเป็นแผนก็ได้”
“แผนไม่แผนก็ช่าง! ข้าจะอัดมัน!”แอมไพร์ร้องก่อนทำท่าจะพุ่งไป เดือดร้อนเลโอต้องรั้งแขนร่างบางทั้งสองข้างไว้กับตัว
“ก็บอกให้ใจเย็นๆไงครับ”เลโอว่าเสียงเรียบก่อนจะรีบหมุนตัวกลับด้านด้วยความเร็วสูง
เวทย์ลมที่ถูกส่งมาโจมตีฟาดเข้ากับกลางหลังของเลโอจนอัศวินผมแดงสะดุ้ง แม้ไม่มีเสียงร้องเล็ดรอดออกมาแต่ทว่าสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดกลับปิดไม่มิด
“เลโอ!แอมไพร์ร้องก่อนสะบัดตัวออกจากอีกฝ่าย
ร่างบางรีบวิ่งอ้อมไปดูบาดแผลที่กลางหลังอีกฝ่าย แม้จะไม่ลึกมากแต่มันก็เป็นทางยาวตั้แต่ไหล่ขวาไปจนถึงเอวซ้าย เลือดสีแดงไหลซิบๆออกมาเปื้อนเสื้อของเลโอ ชุดของเลโอเป็นสีขาวยิ่งขลับให้เห็นสีของเลือดชัดขึ้นเข้าไปใหญ่ ร่างบางสะบัดสีหน้ากลับไปที่บิชอบหนุ่มผู้ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ด้วยความโมโห
“ขี้โกงนี่!”
“ครับ? ข้าเปล่านะ”
“ชิท!”
“ใจเย็นๆก่อนสิครับ”
เลโอปรามอีกครั้ง แอมไพร์หันหน้ากลับมาด้วยใบหน้าแสนหงุดหงิด”มันทำกับเจ้าขนาดนี้จะให้ใจเย็นอยู่ได้งั้นเหรอ? ห๊ะ?”
“ข้าเป็นอัศวิน มีหน้าที่ปกป้องท่านอยู่แล้ว แผลแค่นี้นับว่าปกติ ถอยมาแล้วให้ข้าสู้แทนดีกว่าครับ”เลโอเอ่ยอ้างเหตุผล ซึ่งแอมไพร์ฟังไม่ขึ้นสักนิด
“มีกฎบัญญัติข้อไหนห้ามราชินีสู้กันเจ้าตอบมาสิ? มีข้อไหนที่ห้ามไม่ให้เจ้านายปกป้องคนในปกครองของตน มีกฎข้อไหนห้าไม่ให้เพื่อนปกป้องเพื่อน มีกฎข้อไหนห้ามไม่ให้ปกป้องคนที่เราร่ะ...”
แอมไพร์รีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองก่อนจะเผลอพูดอะไรที่อันตรายออกมา เลโอมองหน้าแอมไพร์อย่างไม่เข้าใจ ทำไมองค์ราชินีถึงรีบปิดปากของตนเองขนาดนั้น
“คนที่อะไรครับ?”
“..ช่างมันเถอะ! เจ้าอยู่นี่แหละ!”แอมไพร์กระแทกเสียงก่อนจะหยิบมีดสั้นที่ซ่อนไว้ที่ด้านหลังออกมา ร่างบางนี่เป็นคลังแสงเคลื่อนที่หรือไงเนี่ย
เลโอมองคามร่างที่พุ่งออกไปสู้อย่างจนปัญญา ถ้าไอโรรู้เรื่องนี้เข้าเขาคงได้โดนบ่นเป็นแน่ ที่เขามาด้วยเพราะมาในฐานะองครักษ์ของร่างบาง แต่นี่กลับมายืนอยู่เฉยๆมองแอมไพร์ออกไปบู๊เนี่ยนะ เหอะๆ ไอโรคงสาปแช่งเขาและตัดเงินเดือนฐานทำหน้าที่บกพร่องแน่
“ฝีมือเจ้าห่วยที่สุด!”
อัศวินหนุ่มมององค์ราชินีจอมปากเสียแล้วถอนหายใจ ถ้าวันไหนแอมไพร์ไม่ได้ด่าใครเขาจะลงแดงตายหรือเปล่านะ ทางฟังร่างบางก็ฟาดฟันใส่อัลลาเต้อย่างไม่หยุดมือ มือเรียวตวัดมีดสั้นไปมาอย่างชำนาญราวกับมือสังหาร นัยน์ตาสีม่วงฉายแววความสนุกออกมาเล็กน้อยกับการได้สู้ ทางอัลลาเต้ก็ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้อย่างไม่ขาดตกบ่งพร่อง เขาไมได้โจมตีแอมไพร์เลยสักครั้ง เอาแต่ตั้งรับจนแอมไพร์ชักอารมณ์เสีย
“หัดตอบโต้บ้างสิเจ้าโง่!”
แอมไพร์กระโดดถอยออกมาก่อนจะซัดแท่งเหล็กแหลมสามแท่งใส่อีกฝ่าย อัลลาแต้โบกมือผ่านหน้าตนราวกับปัดแมลงวันแต่น่นันก็ทำให้แท่งเหล็กทั้งสามสลายไป แอมไพร์ทองภาพนั้นด้วยความตกใจเพียงเสียววิก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตีอีกฝ่ายอีกครั้ง
“เขาเป็นอะไรกับท่านหรอครับ?”
อยู่ๆท่ามกลางการต่อสู้อีกฝ่ายก็ถามขึ้นมาดื้อๆ แอมไพร์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ตอบข้าหน่อยเถอะ อย่าปล่อยให้ข้าคุยคนเดียวนะ”
ร่างบางไม่เข้าใจไปกันใหญ่ อัลลาเต้ต้องการจะทำอะไร ทำลายสมาธิเขางั้นเหรอ? ได้ จะเอาหน่อยก็ได้!
“เลโอเป็นองค์รักษ์ของข้า แล้วก็เป็นเพื่อน”
“ฮ่ะๆ แต่ดูท่านให้ความสนใจเขานะครับ”
มือเรียวยกขึ้นปัดมีดที่เสือกเข้าหาตน ร่างบางสะบัดมือออกก่อนจะหมุนตัวเพื่อศอกเข้าใส่
“ก็นะ”
บิชอบผมแดงยกมือขึ้นกันศอกอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้โดนหน้าตนก่อนจะผลักส่งร่างบางออกไป เสี้ยววินาทีแอมไพร์ก็ดีดตัวกลับมาโจมตีอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“แถมให้ความสำคัญซะสูงลิบ ไม่มีใครมาปกป้ององค์รักษ์ของตนหรอกนะครับ”
อัลลาเต้ยกมือขึ้นจับขาแอมไพร์ที่ตวัดเตะชายโครงเขา แอมไพร์กระตุกขาออกซึ่งมันก็หลุดง่ายอย่างเหลือเชื่อราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการจะฉุดรั้งเขาเอาไว้
“มีกฎห้ามไว้หรือไง?”
แอมไพร์ยักคิ้วกวนๆก่อนภาพของร่างบางจะกลายเป็นภาพติดตาไป แอมไพร์ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของบิชอบหนุ่ม แขนเรียวยกขึ้นสูงหวังจะหวดเข้ากับสันคออีกฝ่าย แต่ทว่าบิชอบผมแดงกลับยื่นมือไปด้านหลังหยุดมือร่างบางไว้ก่อนจะเหวี่ยงร่างทั้งร่างข้ามหัวตนไป
“ก็แค่คิดว่ามันแปลกนะครับ”อัลลาเต้ยังคงยิ้มต่อไป
นัยน์ตาสีเขียวมองภาพแอมไพร์ที่ไถลไปกับพื้นอย่างไม่ยินดียินร้าย แอมไพร์รีบดีดตัวขึ้นมาตั้งหลังอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีม่วงปรายหางตาไปมองว่าเลโอยังอยู่ดีหรือไม่ก่อนจะเบนกลับมาที่บิชอบตรงหน้า
“แปลกยังไง?”
แอมไพร์ขมวดคิ้วก่อนจะกลิ้งหลบเวทย์ลมที่อีกฝ่ายเริ่มจะโจมตีกลับมาบ้าง
“ก็ท่านทำเหมือนกับว่าเป็นคนที่สำคัญเทียบเท่าหัวใจ อะไรทำนองนั้น....”
“หุบปากน่า!”
แอมไพร์ร้องก่อนพุ่งตัวเข้าใส่ มีดสั้นถูกคาบไว้ด้วยฟันหน้า ส่วนมือทั้งสองก็ล้วงเอาแท่งเหล็กแหลมออกมาจากที่ซ่อนแล้วจึงซัดเข้าใส่อีกฝ่าย อัลลาเต้เอี้ยวตัวหกลบเล็กน้อยก็สามารถพ้นมันไปได้ด้วยดี
“อ๊ะ...”
แอมไพร์ยิ้มกริ่มเมื่อสามารถสร้างบาดแผลที่แก้มขวาของอีกฝ่ายได้ แม้จะเป็นแผลที่ไม่ลึกทว่ากับการสู้กันที่ค่อนข้างยาวนาน การไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายมีแผลได้ช่างทำลายความมั่นใจนัก บิชอบหนุ่มยกนิ้วหัวแม่มือซ้ายป้ายเลือดที่แผลตนมาดูก่อนจะหัวเราะแผ่วๆ
“ทั้งเก่งทั้งเจ้าเล่ห์เลยนะครับ”
“ขอบคุณที่ชม”
แอมไพร์ก็ยังคงเป็นแอมไพร์ ยิ้มรัยคำชมทุกรูปแบบได้อย่างไม่มีเขินอาย ไม่ว่ามันจะมาจากคนที่สนิท เพื่อน พี่น้อง หรือศัตตรูก็ตาม ไม่รู้ว่านั่นดีหรือไม่ดีกันแน่
“ถ้าให้เลือกระหว่างข้ากับท่านเลโอ จะอยู่กับใครครับ?”
แอมไพร์ทำหน้าเหมือนถูกถามคำถามว่า”เสือกับกระต่ายอันไหนดุกว่ากัน” มันเป็นคำถามที่ทั้งสิ้นคิดและไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แอมไพร์ยกยิ้มมุมปากก่อนจะส่ายหัว
“เลโอสิ”
“ทำไมรับ?”
แอมไพร์ขมวดคิ้ว ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องถามด้วยล่นี่ย คิดเองก็น่าจะได้ ใครจะเลือกไปอยู่ฝั่งศัตตรูกัน
“ก็...”แอมไพร์พยายามหาเหตุผลสวยหรูออกมา”...เลโอทั้งเก่ง ฉลาด แล้วก็หล่อ..ดูดีกว่าเจ้าทุกอย่างเลยนะ อีกอย่างหมอนี่ก็เพื่อนข้า ข้าจะไปเลือกคนอื่นทำไมล่ะ?”แอมไพร์ขมวดคิ้ว
“มีเหตุผลอื่นอีกไหมครับ?”
“เอ่อ....”
แอมไพร์อยากจะรู้นักว่าอีกฝ่ายถ่วงเวลาเขาทำอะไรหรือเปล่า ทำไมเขาต้องมาตอบคำถามเหมือนกับกำลังจะไปลงหนังสือพิมพ์ของเมือง ในคอลัมน์อัศวิน ราชินี และนักบวช ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีหรอก!
“เรื่องพวกนี้มันเหนี่ยวรั้งกันที่จิตใจนะ...”แอมไพร์ว่าก่อนจะตอบออกไปส่งๆ
“ก็ข้ารักเขามากกว่าเจ้า เจ้าไม่มีอะไรดีให้ข้าอยากอยู่ด้วยสักนิด”
คำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรแต่กลับไปสะกิดโดนบางสิ่งขึ้นมาอย่างช่วยไมได้ วัตถุบางสิ่งพุ่งเฉี่ยวใบหน้าของแอมไพร์ไปด้วยความเร็วจนร่างบางมองตามไม่ทัน รู้อีกที่ก็เมื่อได้ยินเสียงเหมือนมันปักเข้ากับบางสิ่ง แอมไพร์หันหน้ากลับไปด้านหลังก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจ
“เลโอ!”
มีดสั้นที่แอมไพร์เคยใช้ปาอีกฝ่ายถูกปากลับคืนไปยังอัศวินหนุ่ม ยังดีที่เลโอหลบทันมีดจึงปักแค่ไหล่ซ้ายของเขาเท่านั้น แอมไพร์ค่อยๆผ่อนลมหายใจก่อนจะหันไปหาอัลลาเต้
“โง่ยังไงก็ไง่เหมือนกันทั้งครอบครัวเลยนะครับ”อัลลาเต้ยกยิ้ม
“แก...”
“สีหน้าของคนตระกูลนี้ยามเห็นคนที่รักถูกทำร้ายช่างเหมือนกันอย่างไร้ที่ตินัก..”
แอมไพร์เบิกตากว้าง อาวุธใดๆที่จับอยู่ล่วงหลุดมือลงสู่พื้นโดยปราศาจากการเหนี่ยวรั้ง อัศวินหนุ่มที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติจึงเดินเข้ามาใกล้
“ท่านแอมไพร์...”
“ถอยออกไปเลโอ...”
อัศวินหนุ่มขมวดคิ้ว”แต่...”
“ข้าบอกให้ถอยไป!”
เลโอถูกผลักออกมาไกลจากร่างบางด้วยมือที่มองไม่เห็น แอมไพร์เงยใบหน้าที่เรียบนิ่งขึ้นมองอัลลาเต้ นัยน์ตาสีม่วงคมกริบยิ่งกว่าดาบชั้นดีจากช่างฝีมือคนไหนๆ
“แก...ที่แท้ก็แกนี่เอง...”
“จำกันได้แล้วล่ะ”อีกฝ่ายยิ้มออกมาก่อนจะซัดเวทย์ลมเข้าหาแอมไพร์ มือเรียวยกขึ้นปัดมันอย่างไม่สนใจแม้ปรายตามอง
“อย่าคิดจะทำอะไรโง่ๆอีก”
“แต่โจมตีอัศวินผมแดงนั่นท่านก็โกรธซะแล้ว สำคัญมากสินะครับ”
แอมไพร์ไม่ปริปากพูด เขาแค่จ้องอีกฝ่ายไม่ละสายตา ถ้าสมมติคนสามารถตายได้ด้วยการถูกจ้อง อัลลาเต้อาจจะตายไปแล้ว
“ถ้าลองฆ่าดูจะเกิดอะไรขึ้นนะ?”
“อย่ายุ่งกับเขา!”
แอมไพร์ตวาดลั่นพร้อมท้องฟ้าที่คำรามก้อง เมฆฝนที่ไม่มีเค้ามาก่อนลอยเคว้งเข้ามาปกคลุมเหนือหัวอย่างน่าประหลาดใจ
“เอาจากข้าไปเท่าไหร่ เอาจากครอบครัวข้าไปเท่าไหร่ พรากไปเสียเท่าไหร่ ใจเจ้าถึงจะพอใจเสียที”
วงเวทย์สีม่วงคุ้นตาทอแสงใต้เท้าของแอมไพร์ มันหมุนวนราวกับกำลังรอคำสั่งจากผู้เป็นนายของตน บิชอบผมแดงมองมันด้วยแววตาที่ยากจะยั่งถึง เขามองมันด้วยความหลงใหลเหมือนขี้เหล้าที่หลงใหลในรสสุรา เหมือนบุรุษจอมเจ้าชู้ผู้หลงใหลในอิสตรีไม่มีผิด!
“ปลดผนึกหนึ่งส่วนแปด’S’”
“ปลดผนึกสองส่วนแปด’U’”
“ปลดผนึกสามส่วนแปด’I’”
“ปลดผนึกสี่ส่วนแปด’D’”
แอมไพร์พึมพำกับตนเองเหมือนร่ายเวทย์ แต่ทุกครั้งที่ร่างบางกล่าวจบวงเวทย์ที่ใต้เท้าจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้น อัลลาเต้มองดูมันด้วยความหลงใหลก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าแอมไพร์ นัยน์ตาสีม่วงทอแสงราวกับสัตว์ร้าย รอยสีตำใต้ตาเด่นชัดขึ้นและเบาบางลงตามจังหวะการหายใจของอีกฝ่าย ใบหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆราวกับว่าแอมไพร์ถูกตัดออกจากความรู้สึกนึกคิดทุกสิ่ง
“ตั้งสี่เชียว...ท่านจะใช้พลังกับข้าถึงสี่ส่วนเชียว!”บิชอบผมแดงร้องอย่างลุ่มหลง ใบหน้าดูพึงพอใจจนน่ากลัว
“พันธะแห่งตนข้าเอ๋ย จงสถิตนะหัตถ์แห่งข้า...”
“นี่ท่าน! ฮ่าๆๆ ท่านกำลังจะเรียกอาวุธของท่านออกมา ไม่จริงน่า! ฮ่าๆๆๆ”
เลโอมองอัลลาเต้ที่หัวเราะเหมือนเสียสติไปแล้ว นัยน์ตาทั้งสองเบิกโพลงขึ้นจนน่ากลัว สิ่งที่อัศวินหนุ่มได้ยินทำให้พอคิดได้ว่าทั้งคู่คงต้องรู้จักกันมาก่อน...และมีความแค้นกันมาก่อน เรื่องนี้มันบังเอิญ หรือมีคนจงใจกันแน่
“...ผู้พิทักษ์สีดำเอ๋ยจงตื่นจากนินทรา เมรูล่า”
เส้นแสงสีดำทอประกายไหลวนรอบตัวแอมไพร์อย่างอ้อยอิ่ง มันทั้งสวยงามและน่ามองจนเลโอยังตกอยู่ในมนตร์สะกด แต่เพียงเสียงดีดนิ้วเบาๆอัศวินหนุ่มก็กลับมาเป็นตัวของตนเองอีกครั้ง ในมือเรียวของเด็กหนุ่มผมยาวมีโซ่สีดำเส้นขนาดพอดีมืออยู่ ความยาวของมันไม่สามารถจะระบุได้ โซ่สีดำเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เลโอมองมันอย่างไม่เชื่อสายตา
“ห้ามขยับไปไหนนะเลโอ”แอมไพร์เอ่ยราบเรียบ
ภาพคนตรงหน้าไม่สามารถทำให้เลโอขัดขืนได้ แอมไพร์ที่ทั้งสง่าและน่ากลัว ทั้งดูเย็นชา ไร้หัวใจ จนเลโอสามารถคิดได้ทันทีว่า นี่ไม่ใช่แอมไพร์ที่ตนรู้จักอีกต่อไป
“ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องระหว่างข้าและเจ้า...”
“มิคาเอล”
มาแล้วๆ เก๊าจำวันอัพผิดเลยไม่ได้มาอัพนาน55555+ ใครมาปล้ำเลโอนะ ไม่ได้ๆๆ อยากโดนแม่นางแอมไพร์โดดงับหูอ่อครับ5555
ความคิดเห็นที่459นะครับ พี่ก็อยากแต่งนะน้องเอ๊ย แต่ว่าพี่คิดไม่ออกอ่ะ แต่งไม่ได้ แต่งแล้วไม่ดีเลยไม่กล้าลง ไม่อยากให้อ่านงานห่วยๆกัน//ทุกวันนี้ก็ห่วยเกินพอ//แต่คิดว่าก่อนมิถุนายนจะสามารถกลับมาอัพคาราเมลได้ครับ คิดว่านะ....
พรุ่งนี้เปิดเทอม แอแฮ่! เหมือนยังไม่ได้หยุดเลยครับแอบมีข่าวร้ายมาแจ้งล่วงหน้า อยู่ในช่วงกำลังจะย้ายบ้าน ไม่แน่ใจว่าไปบ้านใหม่จะติดเน็ตเร็วแค่ไหน ถ้าติดช้าอาจจะหายไปพักใหญ่ๆ ถ้ามีอะไรจะมาแจ้งอีกทีฮับ!
มิคาเอลเวอชั่นจิตมาแล้นนนน *0* มาต่อเร้วๆน้าาา ลุ้นๆๆ
กวนประสาทชะมัดเลยผีตัวนี้นี่ เที่ยวสิงร่างคนอื่นมั่วซั่ว ... หมั่นไส้
นี่ขนาดไรต์แต่งห่วยยังติดงอมแงมถ้าไรต์แต่งดีแล้วหามไปวันหรือสองวันคงขาดใจตามอะค่ะ