Knight Vs Queen! ศึกปราบเกรียน[อัศวินแด่ราชินี]
ตอนที่ 3 : 1st Round::The First Meeting<rewrite>
1st Round
The First Meeting
แรกพบ สบตา...กับความเกรียน
“หมายความว่าไงน่ะ? เรื่องนี้พวกเจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม?”อัศวินหนุ่มพูดเสียงเรียบก่อนยกชาดอกไม้ตรงหน้าขึ้นดื่ม
“สีหน้าพวกข้าดูล้อเล่นมากหรือไงเลโอ?”
ชายผมฟ้าอ่อนว่าอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก ดวงตาสีมรกตกรอกไปมาอย่างใช้ความคิด
“แล้วหมายความว่าไงที่พวกเราต้องดูแลราชินีน่ะ!!”เคอร์รีสลุกขึ้นพรวดพลางทุบโต๊ะหวายอย่างแรง แต่สองคนที่นั่งอยู่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรกลับกันทั้งคู่ยังทำเพียงแค่ยกแก้วน้ำชาตัวเองขึ้นเพื่อไม่ให้หกเท่านั้นเอง
“นั่งลงก่อนเคอร์รีส พี่อย่าโมโหไปเลยน่า”คาร์เรย์ฉุดชายเสื้อพี่ชายฝาแฝดเบาๆ
เคอร์รีสยอมนั่งลงดีๆตามคำของน้องชายที่รัก แต่สีหน้าหงุดหงิดนั่นไม่คลายลงสักนิด
“จะบอกว่าข้าเองก็อึ้งพอตัวเหมือนกัน...”น้ำเสียงเอ่ยเฉื่อยเอ่ยขึ้นเรียบๆก่อนจิบชา”..และพอรู้ว่าราชินีเป็นไม่ใช่ผู้หญิง...”อัศวินผมแดงเสนัยน์ตาสีเทาอ่อนมองชาในแก้ว”...มันก็หนักใจ”
“ใช่ไหมล่ะ! ขนาดเจ้าชายน้ำแข็งยังสะทกสะท้านแล้วพวกข้าเล่า!”ชายผมเขียวทุบโต๊ะอีกรอบก่อนจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ
“แต่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา พระราชาไม่ฟังข้าคัดค้านสักนิด ขนาดบอกว่าเลโอจะหนักใจเอาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ...”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
อัศวินหนุ่มวางแก้วชาลงเงียบๆ เขากับพระราชาองค์ปัจจุบันอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเพราะเขาเป็นลูกชายของที่ปรึกษาที่ราชาองค์ก่อนไว้ใจทำให้ทั้งเขาและพระราชานับถือกันเป็นพี่น้อง ถึงขนาดที่เขาสามารถเรียกชื่อพระราชาได้เฉยๆโดยไม่ต้องที่ศักดิ์ใดๆนำหน้า ทั้งอีกฝ่ายก็คิดถึงเขาทุกการกระทำ แล้วทำไม...
“ข้าชักอยากเห็นหน้าองค์ราชินีของเราแล้วสิ”เลโอเปรยเรียบๆแต่เพื่อนทั้งสองกลับหันมองอย่างหวาดหวั่น
“โรคติดพี่กำเริบเหรอะครับท่าน”เคอร์รีสพูดเสียงหวั่นๆ
เลโอปรายตามองด้วยดวงตาที่ติดความเฉยชาเอาไว้”ข้าแค่อยากเห็นหน้าของคนที่ทำให้ไอโรจอมเจ้าชู้ยอมสยบได้”
สองพี่น้องที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจ คิดว่าเพื่อนรักจะทำการฆาตกรรมราชินีเสียแล้ว
“นั่นสินะ ที่ผ่านๆมาพระราชาก็ออกจะ...เจ้าชู้จะตาย”อัศวินผมฟ้าลูบคางอย่างคิดหนัก ให้พวกเขาไปทำสงครามยังดีกว่ามานั่งรับมือกับราชินีที่เป็นผู้ชายเลย…
“ท่านอัศวินทั้งสาม องค์ราชาเรียกเพื่อเข้าพบองค์ราชินีขอรับ”
ทั้งสามหันไปตามเสียงทหารชั้นผู้น้อย ดวงตาสองสีแต่มีสามคู่มองอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอยหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง ทั้งสามลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายที่นั่งแล้วเดินจากไป ทิ้งน้ำชาที่ยังร้อนไว้บนโต๊ะโดยหวังว่าจะไม่ต้องกลับมานั่งดื่มมันด้วยความเครียดอีก
“มาแล้วๆ รอกันหน่อยจะเจ้าทั้งสาม เเอมไพร์กำลังแต่งตัวเชียวล่ะแหม่ ฮ่าๆๆๆ”
พระราชาหนุ่มทักทันทีที่เห็นสามอัศวินคนสนิท ดวงตาสีทองเช่นเดียวกับเส้นผมแต้มไปด้วยความร่าเริงและสนุกสนาน เอาตามเจริงว่าตามตรงพระราชายังทรงมีอายุที่น้อยนัก เพียงสิบเก้าปีเท่านั้นแต่กลับต้องขึ้นครองเมืองด้วยเหตุผลน่าตบ...พระราชาองค์เก่าอยากเที่ยวรอบโลก
“ข้าไม่ยักรู้ว่าท่านไปถูกตาต้องใจกับใครไว้”เลโอทักเรียบๆเพื่อไม่ให้ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพร่ำเพื่อของพระราชา
“ฮ่ะฮ่า น้องข้าอย่าเครียดไป ข้าแค่เจอรักแรกพบ สบตาก็พาเข้าวังน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“จะขำอะไรนักหนา”เคอร์รีสบ่นงึมงัมอย่างเซ็งจิต แต่ที่เซ็งกว่าคือคำตอบขององค์ราชาเสียมากกว่าแรกพบ สบตา ก็พาเข้าวัง นี่มันเพิ่งเจอกันชัดๆ
“อ๊ะ!แอมไพร์มาโน่นแล้วล่ะนั่น”มือเรียวชี้ไปยังประตูท้องพระโรงที่เปิดออก
อัศวินทั้งสามหันไปอย่างเหนื่อยหน่ายแต่แล้วกลับต้องตกตะลึงเมื่อพบกับร่างที่เดินมา เส้นผมสีม่วงอ่อนยาวถึงเอวพริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว ดวงตาเรียวสวยสีอเมทิสต์ดูเจ้าเล่ห์แต่แฝงไว้ด้วยสเน่ห์ รูปกายดูบอบบางน่าถนุถนอมอีกทั้งท่วงท่ายังสง่างามจนกลบความหรูหราของชุดสีชมพูอ่อนฟู่ฟ่องที่ใส่เสียจนหมด ดอกไม้ข้างทางเดินแทบพากันเหี่ยวเฉาเพราะไม่อาจสู้ความงดงามของบุคคลที่ย่างกายเข้ามาได้
“สวยแหะ สง่ามากด้วย”เคอร์รีสพึมพัมทั้งที่ยังอยู่ในภวังค์ นัยน์ตาสีมรกตมองตามร่างนั้นไม่วางตา
“ถ้าบอกว่าเป็นราชวงศ์ข้าก็เชื่อเลยนะเนี่ย”คาร์เรย์เปรยอย่างชอบใจ
“สวย สง่า เหมือนราชวงศ์จนไม่คิดว่าจะเป็นเด็กหนุ่มชาวบ้านธรรมดา”
“....”
บรรยากาศโดยรอบที่กำลังจะไปได้สวยโดนตัดพลันเพียงคำพูดที่ไม่รู้ว่าเน้นผิดที่หรือตั้งใจกันแน่ของเลโอ นัยน์ตาสีเทาอ่อนมองตามร่างนั้นไปเช่นคนอื่นๆเพียงแต่ไม่ใช่ความชื่นชมแต่เขากำลังจับผิดต่างหาก แม้ใครจะมองว่ารอยยิ้มบนใบหน้านั้นดูงดงามและสดใสแต่เขากลับเห็นมันเต็มไปด้วยเล่ห์กลมากมายเกินคาดเดา
“เจ้าสวยจริงๆนะเนี่ย”พระราชาเอ่ยอย่างตะลึงก่อนลุกจากบัลลังค์มาหาร่างบาง มือเรียวตวัดโอบเอวพลางดึงเข้าแนบชิดกายอย่างหวงแหน
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าใส่กระโปรงแล้วจะสวยขนาดนี้ ข้าทำเจ้าลำบากใจหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกครับ ถือว่าข้าได้มีอะไรทำขั้นเวลา อย่างน้อยๆนี่ก็ทำให้ข้ารู้ว่ากว่าอิสตรีจะสวยพร้อมนั้นลำบากเพียงใด”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกลับอย่างดูมองโลกในแง่ดี รอยยิ้มใสซื่อแต่งแต้มบนใบหน้าสวยจนสะกดสายตาคนมอง
“อ่อ...ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักอัศวินทั้งสามที่จะดูแลเจ้านะแอมไพร์”
มือเรียวผายมือไปยังชายทั้งสามที่ยืนอยู่ ทั้งสามค้อมตัวพร้อมกันหนึ่งครั้งเพื่อทำความเคารพ
“ข้ามีนามว่ามาริค คาร์เรย์ อัศวินวารีครับ”ชายผมฟ้าว่าพร้อมยกมือแนบอกพลางแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“ข้ามาริค เคอร์รีส อัศวินปัฐพีครับ”ทางฝั่งผู้เป็นพี่ออกจะแนะนำตัวแบบขอไปทีและรอยยิ้มฝืนๆเล็กน้อย
“พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันหรอ? “ราชินีถามเสียงใสอย่างเป็นมิตร
“ครับ เป็นแฝดเสียด้วยซ้ำ”
เคอร์รีสตอบด้วยท่าทีต่อต้านเล็กๆ แต่เขาก็ยอมรับว่ารูปกายอีกฝ่ายทำให้ใจอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว
“ว้าว! พวกเจ้าดูไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่นั่นทำให้ข้านึกถึง...พี่ชายข้าทั้งสอง แต่พวกเขา....”
ใบหน้าสวยหมองลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อกล่าวถึงบุคคลที่สาม พระราชามีท่าทีร้อนรนเมื่อเห็นอาการแบบนั้น
“อย่าทำหน้าเศร้าไปสิแอมไพร์ เจ้าเป็นคนที่เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ ถ้ายังไงให้ทั้งสองเป็นพี่ของเจ้าแทนก็ได้”
“หา?”
สองคนที่ถูกพาดพิงร้องหาออกมาพร้อมๆกันอย่างงงวย พระราชาละสายตาจากราชินีขึ้นมามองทั้งสอง
“แอมไหร์อายุสิบเจ็ด อ่อนกว่าพวกเจ้าตั้งสองปีเชียวนะ”
“ตาแก่กินเด็ก”
“ข้าก็อายุเท่าพวกเจ้านะอย่าลืม”
“เอ่อ...ไอโร แล้วอีกคน”
องค์ราชินีที่(น่าจะ)รักความสงบเอ่ยห้ามศึกด้วยการกล่าวถึงอัศวินอีกคนที่ยืนหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า
“เอ้อ! จริงสิ นี่...”
“เมนนาวิล เลโอ อัศวินนภา”
ทุกคนในท้องพระโรงต่างเงียบกริบเมือ่ได้ยินเสียงเลโอเอ่ยแนะนำตัว รวมทั้งพระราชาที่ทำหน้าเหวอด้วย หากจะไม่ให้ตกใจนั่นสิถึงเรียกว่าแปลกของแท้ ในเมื่อทุกคนในพระราชวังต่างรู้ดีว่าอัศวินนภาของพวกเขาไม่ชอบแนะนำตัวกับใคร เป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์ติดลบแต่อยู่ๆกับแนะนำตัวออกมาหน้าตาเฉย ถึงจะแบบขอไปทีและหน้าตายสนิทก็ตามเถอะ
“สิงโตผู้ผงาดบนท้องฟ้างั้นหรือ...”
ครู่เดียวที่เลโอเห็นถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เผยออกมาอย่างเต็มรูปแบบ แต่นั่นอาจไม่ชัดพอให้พวกความรู้สึกช้าจับสังเกต
“ว้าวๆ เลโอแนะนำตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่ว่าถูกใจแอมไพร์เข้าให้นะ นี่ของพี่นะเลโอ”ไอโรพูดกึ่งจริงกึ่งเล่น
“ข้าไม่ได้ถูกใจเสียหน่อย...”
“...เกลียดต่างหาก”
ท้องพระโรงเงียบกริบหนักกว่าเก่าทันทีที่สิ้นเสียงอัศวินนภา พระราชาไอโรยิ้มค้างอยู่กับที่อย่างไม่กล้าเปลี่ยนสีหน้า
“เกลียดข้าจริงๆน่ะเหรอ?”ร่างบางเอียงคอถามอย่างฉงน
“แน่นอนครับ”
แอมไพร์ยิ้มขำก่อนกล่าววาจาที่ทำให้เลโอเริ่มประเมินอีกฝ่ายใหม่”บอกกันตรงๆก็ดีใช่น้อยท่านอัศวิน ตั้งแต่เกิดมาข้าเองไม่เคยมีใครพูดแบบนี้ต่อหน้า มีท่านคนแรก ขอให้รักษาคำพูดนั้นให้มั่นเถอะ”แอมไพร์ยิ้มมุมปากก่อนเริ่มแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ
“ข้ามีนามว่าเวนเดล แอมไพร์ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน โดยเฉพาะท่านอัศวินนภา เลโอ...”
บรรยากาสโดยรอบราวกับหงส์ปะทะพยัคฆ์ ทั้งอึดอัด ทั้งทำตัวไม่ถูก นัยน์ตาสีทองของพระราชากรอกสลับไปมาระหว่างเลโอและแอมไพร์อย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี รอยยิ้มแห้งๆนั่นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสักนิด
“อ่ะ..เอ่อ..เคอร์รีส คาร์เรย์ พาแอมไพร์ไปที่ห้องพักเถอะ ป่ะ เลโอด้วยนะ”
พระชาราสั่งกึ่งไล่สองคนที่นิ่งเป็นหินกับการพูดตรงๆแบบไม่ปิดบังของเลโอ ทั้งคู่พยักหน้ารับอย่างงงๆ อัศวินนภาเหลือบสายตามองพี่ชายต่างสายเลือดก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่บอกกล่าว จึงกลายเป็นสองพี่น้องที่บอดให้ร่างบางเดินตามมา
“เจ้าทั้งสามน่ะหรืออัศวินที่ไอโรกล่าวถึงบ่อยๆ น่าผิดหวังแหะ..”
เสียงทุ้มเปลี่ยนอารมณ์ทันใดที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าพระราชา นัยน์ตาที่ใสซื่อและสดใสกลายเป็นแววตาที่ยียวนสิ้นดี
“มารยาทงามๆในท้องพระโรงมันหายไปไหนแล้วหรือครับ องค์ราชินี?”อัศวินนภาที่เดินนำใช้หางตามองอีกฝ่ายที่ตามหลัง
“มารยาท? ของพรรค์นั้นข้าไม่มีแต่แรกอยู่แล้ว ถึงมีก็ใช้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเสียมารยาทน่ะ”
“อ่า...องค์ราชินีหรือนี่...อนาคตยูโนสซิสแตกสลายแน่”
เคอร์รีสบ่นเสียงดังให้อีกฝ่ายได้ยิน นั้ยน์ตาสีม่วงอ่อนปรายมองก่อนหันไปหาอีกฝ่าย ร่างระหงส์เดินเข้าใกล้ก่อนเชยคางอีกฝ่ายขึ้น
“ข้านี่แหละราชินี จงมองให้เต็มตาซะท่านอัศวินปัฐพี”
หมับ!
“ปล่อยมือเถอะครับองค์ราชินี คนอื่นมองมาจะไม่งาม”คาร์เรย์เอ่ยเสียเรียบแต่มือเรียวยังจับที่ข้อมือบางเอาไว้
“หวงหรอ? นั่นสินะมีคนรักหน้าตาดีก็ต้องหวงเป็นธรรมดา ขนาดไอโรยังหวงข้าเลย”
สองพี่น้องถึงกับอึ้งในสิ่งที่ราชินีพูด ไม่คิดว่าราชินีจะมามุกนี้ มือเรียวของคาร์เรย์บีบแน่นอย่างไม่ชอบใจ
“ข้าเจ็บนะเจ้าบ้า!”
เสียงตวาดอย่างไม่ชอบใจดังอยู่อีกด้านของทางเดิน ร่างบางบีบข้อมือตัวเองเบาๆท่ามกลางความตกตะลึงของอัศวินทั้งสองที่ไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
เลโอปลายตาจ้องไปยังราชินีที่ท้าวเอวข้างหนึ่งมืออีกข้างจับกระโปรงโบกไปมาอย่างพิจารณา ดูท่าว่าองค์ราชินีที่น่าคารพจะไม่ใช่คนะรรมดาๆเสียแล้ว
“ไอโรคิดจะให้ข้าขังไก่แน่ๆ ถึงได้ให้ข้าใส่กระโปรงแบบนี้น่ะ!”
มือเรียวขยับหยุกหยิกที่เอวซ้ายก่อนจะดึงเชือกที่ไม่รู้ว่าเป็นเชือกอะไรสุดแรง
พรึ่บ!
ผ้าสีชมพูที่คาดว่าเป็นกระโปรงของเด็กหนุ่มถูกกระชากออกมาโดยฝีมือเจ้าตัวเอง อีกทั้งยังโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีเพราะด้านในมีกางเกงหนังขายาวสีดำมันอยู่แล้ว โครงกระโปรงถูกกระชากออกโยนไปกองไว้ใกล้ๆกัน เสื้อแขนสั้นคอสูงก็ถูกโยนตามไปติดๆรวมทั้งคอสเซทที่ใช้รัดเอวให้คอดสวยเหลือไว้ก็แค่เสื้อก้ามสีดำเพียวๆหนึ่งตัว เชือกที่ข้อมือถูกแก้ออกมาผูกเส้นผมสีม่วงให้เป็นหางม้าสูง เลโอมองภาพนั้นก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ไหนบอกว่าจะได้รู้ว่ากว่าอิสตรีจะงดงามต้องลำบากเพียงใดไงครับ ไม่ลำบากอีกสักหน่อยเหรอครับ?”
“ถ้าเจ้าเป็นผู้ชายแท้คงไม่ชอบแต่งหญิงหรอกใช่ไหมล่ะ เลโอ”แอมไพร์หัวเราะคิกคักต่อท้าย
“แล้วผู้ชายแท้ที่ไหนถึงยอมมาเป็นราชินีกันล่ะครับ หรือหวังจะเอาอะไรจากไอโร?”
การปะทะคารมทั้งนี้ อัศวินที่เหลือทั้งสองได้แต่ส่ายสายตาไปมาเหมือนพระราชาเมื่อครู่ในท้องพระโรง บรรยากาศตรงหน้าทำเอาดูเหมือนโลกนี้เหลือที่ให้แค่สองคนนี้ยืนเท่านั้น สองพี่น้องได้แต่ถือคติ’ยิ้มปัญญาอ่อนกู้โลก’แล้วยิ้มใส่ทั้งคู่
“อ่า..เอ่อ ท่านแอมไพร์อากาศช่วงนี้เริ่มเย็น เอาเสื้อข้าไปใส่ทับเถอะครับ ข้าใส่ตั้งสามชั้น”
เคอร์ริสถอดเสื้อให้อีกฝ่ายด้วยยิ้มแห้งๆ แอมไพร์เหลือบตามองก่อนยิ้มรับ
“ขอบคุณสำหรับเสื้อแม้มันจะใหญ่สำหรับข้าก็ตาม”ร่างบางบอกก่อนรับเสื้อเนื้อดีสีแดงไปใส่ทับด้วยสภาพโคร่งๆ
“ตัวเล็กขนาดนี้ ไม่ใช่เป็นผู้หญิงปลอมตัวมาหรอกนะครับ”เลโอยังกัดด้วยน้ำเสียงเรียบๆตามแบบตน
ราชินีหันมองก่อนเดินเข้าไปใกล้ ดูท่าการเชยคางจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวทำบ่อยจนเป็นนิสัย”ชายจริงหรือหญิงแท้ พิสูจญ์ไหมล่ะ?”
“ใช้สายตาแบบนี้มากับคนกี่คนแล้วล่ะครับ?”
มือเรียวสวยถูกจับออกจากตำแหน่งเดิม เรียวปากกระจับยกยิ้มก่อนหันหลังให้
“ก็ไม่รู้สิ เมื่อไหร่จะพาข้าไปห้องพักสักทีล่ะ ข้าอยากจะพักเต็มแก่แล้วนะ”
“งั้นก็เชิญเดินตามมา”
อัศวินนภากล่าวเสียงเรียบก่อนนำไปอย่างไม่คิดจะสนใจว่าอีกฝ่ายตามมาหรือไม่ แอมไพร์ไหวไหล่อย่างไม่แยแสรท่าทางไร้มนุษย์สัมพันธ์นั่น เขาเดินตามอีกฝ่ายไปด้วยความเงียบพอๆกับสองคนด้านหลังที่เหมือนจะโดนเด้งไปเป็นตัวประกอบเพราะต่อปากต่อคำสู้ไม่ได้ เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังก้องทางเดินแทนเสียงพูดคุย สีหน้าแต่ละคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งหน้าตาย คนหนึ่งหน้าลั้ลลา อีกสองคนหน้าซีดอย่างวิตก
“ถึงแล้วครับ”เลโอกล่าวเรียบๆเมื่อถึงประตูสีแดงที่สลักลวดลายสีทองบานใหญ่
“ทำไมราชินีถึงไม่นอนห้องเดียวกับพระราชาล่ะครับล่ะครับ?”
คาร์เรย์ถามเมื่อเห็นว่าห้องที่แอมไพร์จะต้องพักไม่ใช่ห้องบรรทมของพระราชา เจ้าของนัยน์ตาเจ้าเล่ห์หันมามองพร้อมรอยยิ้ม
“อย่าชิงสุกก่อนห่าม ข้านั้นเป็นราชินีอย่างไม่เป็นทางการเพราะยังไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรส หากข้าเข้าพิธีเมื่อไหร่ก็คงจะนอนห้องเดียวกับไอโรอย่างไม่ขัดข้อง อย่างน้อยเมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านว่าใช้ร่างกายเข้าแลก”
เด็กหนุ่มอธิบายร่ายยาวก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ใกล้ๆกับเลโอ ฝ่ายอัศวินหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างใคร่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตน
“เจ้าน่ะ...เกลียดข้าจริงๆงั้นเหรอ?”
“?”
เลโอมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจในการกระทำและคำพูด นัยน์ตาสีอเมทิตส์สื่อความหมายที่ตีไม่ออก
“มองตาข้าแล้วบอกสิว่าเกลียดข้าจริงๆ”
“ท่านเป็นพวกสายMหรือไง?”
คนโดนหาว่าเป็นสายMหัวเราะในลำคอ”ข้าแค่ต้องการความแน่ใจเท่านั้นเอง”
“งั้นท่านจงแน่ใจว่าข้าเกลียดท่านแบบอยากจะฆ่าให้ตายเสียด้วยซ้ำ”
“งั้นก็ดี”
พอไดยินคำตอบที่ชัดเจนร่างนั้นก็เดินเข้าห้องไปซะเฉยๆทิ้งให้อัศวินทั้งสามงงงวยอยู่หน้าประตูห้องที่ปิดลงอย่างไม่ต้อนรับใคร
“เกลียดหรอ? ข้าไม่ไดเคยได้ยินใครพูดคำนี้กับข้าสักครั้งแล้วมาดูกันเลโอ ว่าระหว่างข้ากับเจ้ใครกันแน่ที่จะแพ้ก่อนกัน...แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ว่ากำลังเล่นเกมส์ของข้าอยุ่ก็เถอะนะ♥”
“แล้วท่าน...มานั่งที่ห้องทำงานข้าทำไม?”
เลโอเอ่ยถามโดยไร้ซึ่งอารมณ์ในน้ำเสียง พอตื่นเช้ามาเขาก็พบว่าอีกฝ่ายมายืนยิ้มรออยู่หน้าห้องอีกทั้งยังติดสอยห้อยตามไปห้องอาหารโดยอ้างว่าตนเองไม่รู้ทางแล้วนี่ยังมานั่งท้าวคางมองเขาทำงานหน้าตาเฉยอีก
“ข้าไม่มีอะไรทำนี่ ยังไงๆเจ้าก็ต้องดูแลข้าอยู่แล้วนี่”อีกฝ่ายตอบพร้อมรอยยิ้มร่าบนใบหน้าชนิดที่ไม่สะทกสะท้านต่อบรรยากาศหนาวๆที่ออกมาจากตัวคู่สนทนาสักนิด
“แล้วทำไมไม่ไปตามคาร์เรย์กับเคอร์รีส สองคนนั้นก็เป็นผู้ดูแลท่าน”
เลโอเอ่ยถามเชิงไล่อย่างแล้งน้ำใจ นัยน์ตาสีเทาไม่สนคนที่มองตนอยู่อีกแล้วเพราะเขากำลังไล่สายตาอ่านเอกสารบนโต๊ะแทน
“ไอโรบอกว่าทั้งคู่ไปทำงานด้านนอก ข้าคงตามไปไม่ได้หรอก”คนตอบยังคงยิ้มรับอย่างไม่ทุกข์ร้อน
เลโอเหลือบตามองคนผมม่วงเล็กน้อยก่อนเบนกลับ วันนี้แอมไพร์อยู่ในชุดเสื้อเชิตสีขาวกับกางเกงขายาวสีน้ำตาล เส้นผมละเอียดนุ่มถูกถักเป็นเปียเดียวพาดไหล่ซ้ายไว้ เลโอเพิ่งรู้ว่าชายคนนี้เป็นพวกพิเศษไม่ว่าอยู่ในชุดไหนก็ดูสง่าไม่เปลี่ยน ใส่กระโปรงก็ดูเป็นอิสตรีที่อ่อนหวาน ใส่กางเกงก็เป็นบุรุษผู้น่าหลงใหล
“นี่เลโอ...”
“ครับ”อีกฝ่ายตอบกลับโดยไม่ละสายตาออกจากหน้ากระดาษ
“ก้าวแรกคือการเริ่มต้น ก้าวที่สองคืออะไรเอ่ย?”
คราวนี้เลโอหันมองหน้าคนพูดเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาด้วยมุกคำถามอะไรเอ่ย เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบมันออกไป
“การล้มเหลวมั้งครับ”
“แอ๊ดๆ ผิดจ้า”
“แล้วอะไรล่ะครับ”อัศวินถามทั้งๆไมได้สนใจ แค่หวังให้มันจบลงก็เท่านั้น
“ก้าวสองก็สิบแปดไงจ๊ะ(9x2=18)”
“....”
มือที่เขียนรายงานสรุปการประชุมหยุดไปเล็กน้อยก่อนเริ่มขยับเขียนใหม่อีกครั้ง ทางฝั่งแอมไพร์ก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็งไปเป็นที่เรียบร้อย
“เลโอ”
“ครับ”
“วันก่อนน่ะวันก่อน”
“ครับ”
“ป้าข้างบ้านข้าเข้าโรงพยาบาลล่ะ!”
“ครับ”
แอมไพร์ยู่หน้าอย่างไม่พอใจที่ไปๆมาๆอีกฝ่ายกลับตอบแบบขอไปทีเท่านั้น ร่างบางเอามือตีเข่าตัวเองป้าดๆก่อนจะว่าเลโอเสียงดัง
“นี่เจ้าไม่เป็นห่วงป้าข้างบ้านเลยหรือไง?!”
อัศวินนภาปรายตามองอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับการเอาใจราชินีผู้นี้ เสียงทุ้มถามออกไปแบบขอไปที”แล้วคุณป้าเป็นอะไรครับ?”
“ฮี่ๆ เป็นหมอ”
“....”
เป็นอีกครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะด้วยความสะใจของแอมไพร์ ร่างบางแทบหงายหลังตกเก้าอี้ไปกองรวมกับพรมปูพื้นอยู่แล้ว
“อีกข้อๆ”เจ้าของเรือนผมสีม่วงอ่อนชูนิ้วชี้ก่อนวางมือลงตรงพื้นเก้าอี้แถวหว่างขา ท่านั่งช่างห่างไกลจากราชินีที่ดีจริงๆ
“นับ1-3ให้ข้าฟังหน่อย”
“1..2..3..”
“ครบหรือยัง?”
อัศวินหนุ่มเหลือบตามองคนที่ถามออกมาด้วยเสียงตื่นเต้นอย่างเดามุกอีกฝ่ายไม่ออก
“ครบครับ”
“คบแล้วห้ามเลิกนะ”
เลโอถอนหายใจก่อนวางปากกาในมือลง ร่างสูงหันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานของตนเอง
“ถ้าจะให้คบกันตอบคำถามผมให้ได้ก่อนสิครับ”
แอมไพร์เอียงหัวไม่คิดว่าเลโอจะคิดจริงจังเรื่องคบไม่คบนั่น แต่เหมือนแอมไพร์จะมองอีกฝ่ายผิดไปหน่อย
“ว่ามาสิ”
“ข้าชื่ออะไรครับ?”
“แน่นอนว่าเลโอ”
“ผิดครับ”
“อ้าว?”
ราชินีอ้าปากหวออย่างงงวย เขาเรียกอีกฝ่ายมาตั้งนานอีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นคนแนะนำตัวเองด้วยซ้ำไป
“ทำไมอ่ะ?”
“ก็คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิดไงครับ”
เลโอลุกขึ้นจากก้าวอี้ก่อนเดินออกนอกห้องไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของแอมไพร์สักนิด
“เฮ้!นั่นมันมุกสลัดหญิงนี่ เลโอ เลโอ เลโอ! ชิ!”
แอมไพร์พองลมในปากอย่างเซ็งๆเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมฟัง สงสัยว่าตัวเองจะไปทำให้รำคาญเข้าถึงได้เดินหนีออกไปแบบนั้น
“บทสนทนาเมื่อครู่น่ะ ยังกับเจ้าจีบกับเลโออยู่เลยนะแอมไพร์ แบบนี้ข้าก็หึงแย่น่ะสิ”
องค์ราชาเดินเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาแจ่มใสขัดกับคำพูดยิ่งนัก คนโดนหึงยกมือขึ้นประสานเหนือหัวอย่างอารมณ์ไม่ดี
“ข้าแค่อยากจะชวนเขาคุยเท่านั้นเอง”
“ดูท่าเลโอจะไม่ชอบเจ้าเอามากๆเลยนะนั่น”
ไอโรทรุดตัวลงที่เก้าอี้ข้างๆแอมไพร์ นัยน์ตาสีทองเสมองอีกฝ่ายอย่างร่าเริง
“ทำไมถึงได้เกลียดข้าขนาดนั้นน๊า...ยังไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย”
“เขาคงมองว่าเจ้าจะมาแย่งข้าไปมั้ง พวกเราโตด้วยกันมาและเจ้านั่นก็ติดข้าอยู่หน่อยๆ”
“เห!!!!!!!!!! อย่าบอกว่าเจ้าสองคนกิ๊กกัน!”
“อย่าเอาความคิดบ้าๆของเจ้ามาพูดได้ไหม?”ไอโรพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ภรรยาเขาช่างมีความคิดที่บรรเจิดดีแท้
องค์ราชาเอนหลังพิงพนักพิงอย่างไร้การวางหมาดใดๆ นัยน์ตาสีสวยเสมองหน้าไอโรอย่างเบื่อหน่ายแล้วเบนกลับไปยังโต๊ะของเลโอราวกับว่าตรงนั้นมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่า
“อีกไม่นานก็คงดีขึ้นเองนั่นแหละ อย่าได้แคร์เลย”ไอโรเอ่ยปลอบ
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีสิ ข้าชอบเจ้านั่นนะ”
“หา?”
“ข้าหมายถึงถูกใจในนิสัยน่ะ ทั้งแววตาแล้วก็บรรยากาศรอบๆ ไม่ไดหมายความอย่างที่เจ้าคิด”
แอมไพร์ว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆที่อีกฝ่ายกำลังคิดไปไกล
“เอาน่าใจเย็นๆ เจ้ายังมีเวลาตีสนิทกับเลโออีกมาก”
อยากบอก ณ ที่แห่งนี้ว่า...นายเอก เอ๊ย! พระเอกเราป่วงได้มากกว่านี้อีก รอดูนางต่อไปก็แล้วกัน เหอะๆ
สำหรับเรื่องนี้เหมือนเดิมเม้นด้วย//กระโดดหลบร้องเท้าที่ปามา//555+ ใครมีข้อข่องใจอะไรกับแม่นางแอมไพร์ พ่อคุณเลโอ ท่านไอโร สองหนุ่มเคอร์ริส-คาร์เรย์ สามารถทิ้งคำถามไว้ได้แล้วเราจะลากตัว(?)พวกเขาเหล่านี้มาตอบให้ครับผม!
ไม่คิดเลยว่านิ่งๆอย่างนายจะมีโมเม้นต์นี้ 55555
ติดตามๆ
เลโอ...นายเป็นบราคอนรึเปล่าเนี่ย แต่ตอนนี้ดูๆไปเหมือนจะยังไม่ถึงขั้นนั้นแฮะ
แอมไพร์กับคิงคิดจะทำไรน่ะ มีเลสนัยนะทั้งคู่
มาต่อไวไวนะคร้าบอิอิ