ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Identity V ] ทะลุมิติสุดป่วน วิ่งสู้(รัก)ฟัด ( OC&Prophet )(รีไรต์นิดหน่อย)

    ลำดับตอนที่ #6 : รู้กันแค่สองคนพอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      212
      6 ธ.ค. 61

    [เรเวน Taik]

    สองวันผ่านไปไวเหมือนโกหกหลังจากที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บตามตัวแบบมหศาลชนิดที่เรียกได้ว่า...ลุกไม่ขึ้นกันเลยที่เดียว=_=เลยกลายเป็นว่านอนจุกอยู่บนเตียงอย่างเดียว ยังดีที่เอ็มม่าเข้ามาช่วยดูแลหลายๆอย่างให้ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ เช็ดตัวให้ ทำผมให้ และที่สำคัญที่สุดก็คือ...อยู่เป็นเพื่อนคุยเล่นให้ด้วย อ่า..จริงๆไม่เชิงคุยกันหรอกส่วนใหญ่เอ็มม่าจะเล่าเกี่ยวกับตอนที่ไปเกมในแต่ล่ะรอบให้ฟังว่าเจออะไรมาบ้าง บางทีก็เกือบชนะอยู่แล้วหรือไม่ก็ต้องวิ่งหนีฮันเตอร์แล้วหาหลุมไปด้วย ที่เจ็บสุดคือเจอหลุมแล้วโดนตีหน้าหลุมอะไรประมาณนั้น  อ่อตอนนี้ฉันกลับมาพูดได้แล้วนะ แต่ก็ยังรู้สึกแสบคอจนต้องอมลูกอมรสน้ำผึ้งมะนาวเอาไว้ตลอดก็เถอะนะ (เบาหวานถามหาแน่=A=)แล้วก็ตอนนี้ฉันย้ายตัวเองมานอนห้องนอนของฉันแล้วด้วย อยู่ชั้นสาม ติดกับห้องใครไม่รู้ บอกเลยว่าห้องตกแต่งได้อวกาศสุดๆ ทำไมน่ะหรอ ก็ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับห้องโทนสีน้ำเงิน ดำ และ ขาวเป็นหลัก มีห้องแฝดที่เป็นห้องเก็บเสียงพร้อมกับเครื่องดนตรีด้วย ก็จัดว่าทางนั้นเค้าโครตจะติดสินบนฉันแบบสุดๆ=-=

    "เดี๋ยวรอบบ่ายฉันก็ต้องไปลงเล่นเกมอีกแล้ว เหนื่อยจังT^T "เอ็มม่าเอ่ยปากบ่นทั้งน้ำตาที่ตัวเองจะต้องไปเล่นเกมอีกครั้ง ถ้านับครั้งนี้ก็เป็นรอบที่5แล้วของวัน

    "ช่วยไม่ได้นี่นะ แต่ขอให้รอบนี้ชนะแบบกินหมูนะ แล้วมีใครเล่นบ้าง?"

    "ก็มีฉัน คุณวิลเลียน คุณเพียร์สัน คุณนาอิบ คุณมาธ่า ลักกี้ เฮเลน่า และก็คุณเควิลล่ะ" อ่ามีตัวจู๊ดตั้งครึ่งหนึ่ง ทำลายเก้าอี้ กับช่วยเพื่อนระยะไกล มีถอดรหัสเร็วอีก แมตนี้ฮันเตอร์มีหัวร้อนแน่เลย=.=

    "ต้องไปแล้วล่ะ ไว้เจอกันใหม่นะ" 

    "อืม ขอให้โชคดีชนะกลับมานะ" ฉันโบกมือลากับเอ็มม่าก่อนที่จะล้มตัวนอนไปอย่างเบื่อหน่ายทันที =-=อยู่แต่ในห้องแบบนี้ไม่ค่อยชอบเลยแฮะ แต่ก็ไม่อยากออกไปเล่นเกมด้วย จะเล่นดนตรีก็เล่นไม่ไหวอีก เช็กเสียงพวกเครื่องดนตรีก็ทำจนไม่รู้จะเช็กยังไงแล้ว

    "งั้นไปเดินเล่นที่สวนเอ็มม่าแล้วกัน"เมื่อตัดสินใจได้แล้วฉันก็ลุกจากเตียงค่อยๆเดินออกไปจากห้องอย่างยากลำบาก เมื่อออกจากห้องได้แล้วก็ต้องไปฝ่าด่านหินอีกด่านหนึ่ง ขั้นบันไดไง=_= จริงๆก็ติดใจตั้งแต่ตอนจะย้ายนอนห้องตัวเองแล้วแล้วล่ะ ว่าเจ็บขาแบบนี้จะขึ้นลงไหวมั้ย แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะลงไปเดินเล่นที่สวนก็ต้องไปให้ได้ สู้ๆ>0</

    "เอาขาซ้ายลงก่อนแล้วกัน"เมื่อว่าจบฉันก็ค่อยๆก้าวเท้าซ้ายลงบนขั้นบันไดอย่างระมัดระวังแบบสุดๆจนเท้าทั้งสองข้างมายืนอยู่ในขั้นเดียวกัน อย่าพึ่งดีใจไปตอนนี้ฉันยังเหลือขั้นบันไดอีกตั้งเยอะที่ฉันจะต้องลงไป....ฉันเตรียมที่จะก้าวลงไปขั้นต่อไปทันที

    "...จะไปไหนของเจ้า"ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าลงไป แขนข้างขวาที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรก็ถูกรั้นเอาไว้โดยใครบางคน ซึ่งเมื่อหันไปมองก็พบ อิไลกำลังยืนจ้องหน้าฉันอยู่=[]= เอ๋!เดี๋ยวนะ มาจากทางไหนเนี่ย

    "เอ่อ...ไปสวนของเอ็มม่าน่ะ...ทำไมหรอ?"ฉันตอบเค้าไปอย่างติดขัดนิดๆ ก่อนที่จะถามกลับด้วยความสงสัย แต่เอ๋!เมื่อกี้อิไลคุยกับฉันก่อนนี่นา! เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนที่ฉันพยายามคุยด้วยแล้วไม่ตอบในตอนแรกถึงได้มาเป็นฝ่ายคุยก่อนล่ะ 0_0 เรื่องแปลก 2XX8เลยนะเนี่ย แต่ลืมเรื่องนั้นไปเถอะกลับมาสนใจที่ว่าเมื่อไหร่หมอนี้จะปล่อยแขนฉันสักทีว่ะ=_=

    "...จะไปทั้งสภาพนี้น่ะหรอ?"เค้าถาม

    "อืม"ฉันรีบตอบไปอย่างรวดเร็วเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ทำไมล่ะในเมื่อตัดสินใจแล้วจะไปเดินเล่นที่สวนก็ต้องไปให้ได้ดิ ใครจะห้ามได้ =-=

    "....ให้ตายสิ...จับมือข้าไว้ เดี๋ยวพาลงไป"เค้าพูดพร้อมปล่อยมือจากแขนของฉันแล้วเปลี่ยนมายืนตรงหน้าฉันแล้วยื่นมือมาให้

    "เอ๋?! ไม่ต้องก็ได้มั่ง อีกอย่างนายก็น่าจะยุ่ง---"

    "หรือเจ้าอยากให้เอ็มม่ากับคุณเอมิลี่เป็นห่วงอีกล่ะ?"เค้าชิงพูดก่อนที่ฉันจะหาข้ออ้างเพื่อที่จะไม่ให้เค้าเข้าช่วยได้ จริงๆฉันแค่ไม่อยากยื่นมือข้างขวาออกไปเพราะฉันมีแผลเป็นอยู่ แต่พอได้ยินหมอนี้เอาเอ็ม่ากับคุณเอมิล่มาอ้างแล้วก็ไม่มีเลือก

    "....ไม่..."

    "ถ้าอยากไปที่สวนก็จับมือข้าไว้...อีกอย่างวันนี้ข้าว่างทั้งวันเหมือนกับเจ้านั่นแหละ" เมื่อสินคำพูดฉันก็มองไปที่มือของอิไลที่ยื่นมาให้อย่างหนักใจ ถึงฉันจะดูเป็นพวกไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่า...ไอ้เรื่องแตะเนื้อต้องตัวกันเนี่ย....ฉันถือนะโว้ย=_=^ ถึงตอนที่ผ่านมาจะมีนาอิบดึงแขนบ้าง ฉันอุ้มนาอิบบ้างแต่นั้นไม่นับไง เป็นเหตุสุ่มวิสัยเลยไม่ถืออะไรมาก แต่นี้!ผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่ได้สนิทด้วยแถมมีมีคู่หมั่นแล้วด้วย ถึงหมอนี้จะไม่คิด แต่ฉันคิดโว้ยอย่ามาใจดีแบบนี้สิยะ!รู้มั้ยว่าทำให้หัวใจสาวน้อยของมันหวั่นไหวนะ>//< ไม่ไหวอ่ะ!ถึงจะเป็นความหวังดีก็ทำไม่ลงอยู่ดี

    ".......มะไม่ดีกว่า!ฉะฉันไปเองได้น่า! กะอีแค่ขาแพบงเฉยๆเอง"ฉันชั่งใจอยู่นานก่อนจะค่อยๆยื่นมือไป แต่ก็ต้องชักกลับแล้วตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ขัดๆนิดหน่อยแล้วเตรียมที่จะลงบันไดขั้นต่อไป

    "งั้นข้า'อุ้ม'นะ- -"พอเค้าพูดจบ ก็ทำฉันไปต่อไม่ถูก=[]=!!เดี๋ยวนะ!ฉันไม่อยากจับมือแล้วทำไมต้องอุ้มด้วยล่ะ ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย แล้วอีกทำไมคุณมุงพูดได้หน้าตายขนาดนั้นฟะ!!

    "ไม่เอ---ว้ายย!!"ในขณะที่ฉันกำลังจะปฏิเสกแบบสุดฤทธิ์อยู่ก็มีอะไรบางอย่างเข้ามาชนที่ฉันจนเสียหลักไปข้างหน้า ฉันรีบตั้งสติแล้วเตรียมที่ใช้มือข้างขวาควัาราวบันไดเอาไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องไปชนอิไลที่ยืนอยู่ แต่ไม่ทันเลยกลายเป็นว่าฉันล้มไปทางอิไลแล้วเค้าก็รับได้ แล้วตอนนี้หน้าฉันกำลังชุนอยู่ที่อกอิไลด้วย@///@ อ้ายยยยแม่ขา!!อกเค้าแน่นมากเลยค่ะ(อีเรเวน ไม่ได้นะอย่าพึ่งมาหื่นแถวนี้ มุงเป็นนางเอกนะ/ไรต์) แต่ไม่ได้นะ เรเวนท่องไว้ ว่าอิไลมีคู่หมั่นแล้ว แต่แบบนี้ก็ไม่เลวนะ^///^ (เขียนไปยิ้มไปไรต์จะล้มโต๊ะคอมแล้วเนี่ย!!ตูเขียนอะไรออกไปปปป)

    'ชักช้าลีลาแบบนี้ ระวังจะอดนะขอรับ'ในขณะที่กำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่นั้น เสียงของเจ้านกฮูกคู่ใจของอิไลก็พูดขึ้นแล้วเกาะลงบนไหล่ของเค้า เดี๋ยวๆนะ แกตั้งใจจะสื่ออะไรยะเจ้านก= =

    "ไอริส!บินชนคนอื่นแบบนี้มันอันตรายนะ"อิไลกล่าวตักเตือนนกของตัวเองทันที ส่วนฉันก็พยายามอาศัยจังหวะนี้ใช้แขนขวาดันตัวเองเพื่อที่จะแยกตัวออกจากอ้อนแขนนี้ให้ได้แต่...ทำไมกอดของอิไลเริ่มแน่นขึ้นล่ะ= =^ สุดท้ายความจริงที่ว่าแรงผู้หญิงมีหรือจะสู้กับแรงผู้ชายได้TT-TT มุงปล่อยตูเถอะ อัดอึดแล้วก็อายด้วย กราบล่ะนะ

    "เกือบไปแล้ว...."เค้าพูดออกมาก่อนจะยอมปล่อยให้ฉันออกจากอ้อนกอด แล้วทันทีถูกปล่อยฉันก้มหน้าแล้วขยับหนีไปอีกฝั่งหนึ่งของขั้นบันไดทันที และก็ดึงฮู้ดให้ต่ำลงเพื่อที่จะพยายามจะปกปิดหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศจนถึงใบหู>~< ตอนนี้แรงที่จะก้าวลงบันไดก็ไม่มีแล้วด้วย แง้~อิไลคนนิสัยไม่ดี! อิไลคนผีทะเล!

    "เจ้าเป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย---หน้าแดงหรอ?"เค้าถาม

    "ห๊ะ!ปะเปล่าซะหน่อย คะแค่อะอากาศมันร้อยนะมะไม่ได้เขินหรืออายหรอกนะ!"ฉันรีบพูดแก้ตัวก่อนที่จะนั่งย่องๆแล้วดึงฮู้ดแน่นขึ้น ให้ตายสิทำไมตอนอยู่โลกนั้นฉันถึงไม่หาแฟนกับเค้าบ้างนะ หรือไปก็ซื่อๆแบบเอ็มม่าไปเลยนะ

    [อิไล Taik]

    "....หึ"ผมกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ หลังจากที่ได้ฟังคำพูดหญิงสาวปากเก่งตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาเพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศ ราวกับเป็นสาวน้อยที่ไม่ค่อยปะสีปะสา แต่จะว่าไปแล้วเธอดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบให้ผมเข้าใกล้เลยนะ รังเกียจหรือไง?แค่จับมือจะพาลงข้างล่างแค่นั้นเอง

    "ข้าขอโทษ รังเกียจข้าหรือเปล่า"ผมกล่าวขอโทษและถามเธอไปตรงๆว่ารังเกียจผมหรือเปล่า

    "(- - )( - -)(- - )"เธอส่ายหน้าอย่างช้าๆเป็นคำตอบแทน เอ๋?ถ้าไม่รังเกียจแล้วเพราะอะไรล่ะ

    "ถ้างั้นทำไมถึงไม่ยอมจับมือข้าล่ะ ในเมื่อเจ้าบอกว่าจะไปที่สวน ข้าก็แค่จะช่วยแค่นั้น"ผมถามต่ออย่างสงสัย ทั้งที่ตัวเองดื่อที่จะไปสวน แต่พอจะให้ความช่วยเหลือก็ปฏิเสกกลับมา พวกผู้หญิงเนี่ยเข้าใจยากจริงๆนะ

    "....ฉันก็แค่... ไม่อยากให้เห็นใครแผลเป็นที่แขนขวาของฉันน่ะ ก็เลยเลี่ยงที่จะไม่จับมือ"ในที่สุดเธอก็ยอมตอบเหตุผลจริงๆมา พร้อมกับก้าวขาลงบนขั้นบันได้อีกขั้นทันที 

    'ฮูก!'แล้วอยู่ๆไอริสก็บินไปเกาะที่หัวของเรเวนทันที ซึ่งเธอก็สะดุงตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดๆ จะว่าไปเหมือนเคยเห็นแวบๆที่ข้อมือแต่ก็ไม่ได้เห็นชัดว่าเป็นแผลเป็น

    ----------ครึ่งตอน-------------
    ดีจ้า หลังจากที่หายไปเป็นเวลาสามสี่วัน ไรต์อัพครึ่งตอนให้ก่อน(แบบดึกๆ)
    ตอนนี้ก็น่าจะพอดูออกแล้วเนอะว่าใครจะได้เป็นพระเอก(ง่ายมากขอบอก) แล้วตอนนี้ไรต์กำลังเข้าสู่ช่วงทำงานบ่าย นอนตี3-4 ตื่น 11โมงหรือไม่ก็เที่ยงครึ่ง เลยไม่ค่อยเวลาเขียนนิยาย จึ่งต้องขอโทษนักอ่านทุกท่านด้วยนะ แต่ไรต์ไม่ไหวแล้ว@~@ง่วงมากกก แล้วก็จะเปิดช่วง Q&A ถามมาตอบไปในตอนนี้เท่านั้นนะ อยากถามอะไรก็ถามมาอะไรก็ได้เดี๋ยวตอบให้ แต่ถ้าถามคำถามที่เกี่ยวกับการสปอยเนื้อเรื่องก็จะขอตอบแบบปัดไปเด้อ ฝันดี~~~~

    -------------ต่อ-----------------
    เอิ่ม...พวกผู้หญิงกับแผลเป็นเนี่ยคงจะเป็นสิ่งต้องห้ามสินะ

    "...ถ้างั้น ข้าก็จะทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน ทีนี้ก็ยื่นมือมาสิ"ผมลิงยื่นมือไปอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ยังลังเลอยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมยื่มมือมา แขนเสื้อถูกถกขึ้นมาเล็กน้อยทำให้เห็นรอยแผลเป็นที่ว่านั้นนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าไปได้สวยสำหรับการผูกมิตร

    "ทีนี่ก็ค่อยๆก้าวลงช้าๆ แบบนั้นแหละ"ผมค่อยเดินถอยหลังช้าๆแล้วช่วยประคองให้เธอเดินลงบันไดทีละขั้น จนมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย 

    "...ขอบคุณมากนะ" เมื่อมาถึงชั้นล่าง เธอก็ปล่อยมือแล้วก้มหัวขอบคุณผม ซึ่งจริงๆก็ไม่ต้องก้มหัวให้หรอกแค่ขอบคุณอย่างเดียวก็พอ

    "ไม่เป็นไร ข้าอาสาที่จะช่วยเอง "

    "แฮะ...โอเค งั้นขอตัวล่ะ"เธอยิ้มแห้งๆก่อนที่จะขอตัวเดินจากอย่างรวดเร็วพร้อมไอริสที่ยังเกาะอยู่ เฮ้ย!!เจ้านั้นไท่คิดที่บินกลับมาหาผมเลยหรือไง ปกติแล้วมันไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครเลยนะ แม้แต่กับ'คนๆนั้น'

    สุดท้ายผมก็ต้องวิ่งตามเรเวนไปเพื่อที่จะพาไอริสกลับมา

    "เฮ้! เดี๋ยวก่อน"ผมเรียกให้เธอหยุดเดินก่อนที่เธอจะหันมาแล้วพูดอะไรกับไอริส

    "นั้นไงมานู่นแล้ว รีบกลับไปหาเจ้านายเธอเถอะ"เมื่อสิ้นคำพูดนั้นไอริสก็บินกลับมาเกาะที่ไหล่ของผมทันที น่าแปลกที่มันจะไม่ฟังคำสั่งใครนอกจากผมคนเดียว แต่กับเรเวน ไอริสกลับทำตามที่พูดอย่างง่ายดาย เหมือนกับว่าเธอคุยกับมันรู้เรื่องกว่าผม แต่จะว่าไปแล้วผมก็เห็นว่าเหมือนเธอจะเข้าใจไอริสมากกว่าผมที่เป็นเจ้าของซะอีก

    "เจ้าทำได้ไง?"ผมถามไปอย่างสงสัยที่เธอสามารถสั่งให้ไอริสทำตามได้

    "ง่ายนิดเดียว เอาใจเขามาใส่ใจเราแค่นั้น"เธอตอบพร้อมทำท่าทางยักไหล่ไปด้วย ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าเธอต้องการบอกอะไร

    "??"ผมเลือกที่จะเงียบแล้วใช้วิธีจ้องนิ่งๆใส่คนตรงหน้าหมายจะเอาคำตอบให้ได้ ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นาน(เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง) ผมก็พอจะเดาได้ว่าเรเวนไม่ชอบสายตากดดัน แล้วคนประเภทนี้มักจะทนความกดดันได้ไม่นานมากนัก

    "...โอเค ฉันไม่รู้หรอกว่านายจะมองฉันยัง แต่ว่านะ....ฉันฟังภาษานกได้= ="จนในที่สุดเธอก็เลือกที่จะตอบออกมา ถึงคำตอบที่ว่ามันจะฟังดูเพ้อเจ้อไปหน่อยก็เถอะ

    "ฟังภาษานกได้...หมายความว่าไง"ด้วยความสงสัย ผมจึงเลือกที่จะถามเธอต่อ ซึ่งทันทีที่พูดจบเธอก็กรอกตาไปมาแล้วหันหลัง เดินไปนั่งที่น่าแปรดอกไม้สีน้ำเงิน

    "มันเรื่องเมื่่อนานมาแล้ว สัก19ปีก่อนมั่ง มีเด็กเด็กทารกพิการคนหนึ่งถูกทิ้งให้นอนหนาวเหน็บและหิวกลางป่าลึกที่แสนจะมืดมิด เด็กคนนั้นเธอได้ร้องออกมาไม่มีเสียง เสียงรอบตัวก็เงียบสนิท"เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้เรเวนก็เริ่มเล่าถึงเด็กคนหนึ่งขึ้นมา 

    "เด็กคนนั้นได้ได้นอนรอความตายที่ไร้เสียงอย่างหวาดกลัวและไม่เข้าใจ จนพบกับแม่นกสีดำตัวหนึ่ง เสียงร้องของมันทำให้เด็กได้รู้ถึงเสียงเป็นครั้งแรก นับจากแม่นกตัวนั้นช่วยเลี้ยงดูเด็กคนนั้นอย่างดีราวกับเป็นลูกของมัน ถึงแม้เธอยังไม่สามารถได้ยินเสียงอื่นนอกจากเสียงของแม่นกตัวนั้นและนกตัวอื่นในป่าได้ แต่เธอก็ไม่รู้สึกโดดเดียวอีกต่อไป  และแล้วสุดท้ายเด็กคนนั้นก็ถูกบาทหลวงหนุ่มผู้หนึ่งรับมาเลี้ยงดูต่อจากแม่นกตัวนั้น ถึงอย่างนั้นแม่นกนั่นก็ตามมาดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนเช่นเดิม เธออยู่กับบาทหลวงได้ไม่นานก็ถูกรับไปอุปการะโดยชายหญิงคู่หนึ่งเพื่อที่เธอจะได้มีชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆในช่วงอายุ7ขวบ แต่...มันก็ไม่เป็นไปตามนั้น เด็กคนนั้นถูกกดขี่ ทุบตบตี ตลอดที่อยู่บ้านหลังนั้น ทุกครั้งที่เธอร้องไห้โดยไร้เสียงกรีดร้องก็จะมีเสียงแม่นกตัวนั้นค่อยปลอบใจ เสียงที่เด็กคนนั้นได้ยินก็มีแค่เสียงของแม่นกตัวนั้นและเสียงของนกก็ไม่เคยเปลี่ยนไป นอกเหนือจากเสียงพวกนั้นแล้วทุอย่างยังคงเงียบสนิท เธอไม่พูดกับใครเลย จนในคืนพายุเข้า เด็กคนนั้นถูกทุบตีอย่างหนักจนทนไม่ได้ เลยต้องหนีก่อนมานอกบ้าน แต่ก็หนีไม่พัน เธอถูกทุบตีตรงหน้าบ้านอย่างหนักซ้ำเข้าไปอีก เสียงกรีดร้องของเธอไม่สามารถส่งไปถึงใครได้เลยนอกจาก แม่นกที่เลี้ยงดูเด็กคนนั้นมาตลอดตัวนั้น ไม่นานแม่นกตัวนั้นก็บินเข้าทำร้ายชายหญิงที่ทุบตีเธอ แต่ก็....."เธอหยุดเล่าไปแปปหนึ่งก่อนที่จะก้มหน้าลงโดยมีฮู้ดบังเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง แต่ผมรู้สึกได้ว่าเธอกำลังร้องไห้ และรู้ด้วยว่าเรื่องที่กำลังเล่าอยู่นี้เป็นเรื่องของเรเวนในวัยเด็ก ที่ชีวิตถูกใช้กำลังเลี้ยงดูมา 

    "....ยังไงมันก็เป็นแค่นกที่พยายามจะปกป้อง'ฉัน'จาก'พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง'ใจร้ายพวกนั้น พอถูกพลั้วตีเข้าไปก็นอนนิ่งไปเลย...แล้วในจังหวะนั้นพ่อเลี้ยงก็หมายจะฆ่ามันและฉันก็เข้าไปห้ามเอาไว้ก็มีฟ้าผ่าลงมาที่พลั่วพอดี ฉันรอดมาได้ แต่พ่อเลี้ยงคนนั้นเสียชีวิตคาที่ แล้วหลังจากนั้นโลกที่เคยเงียบสงบก็มีเสียงต่างๆเข้ามา เสียงกรีดร้องที่ไม่เคยเปล่งออกมากก็สามารถพูดออกมาได้เหมือนคนปกติ หรือก็คือ...ฉันเคยถูกนกเลี้ยงดูมาก่อนและเป็นคนใบ้ หูหนวกมาก่อนนั้นแหละ เพราะงั้นเสียงของพวกนกฉันถึงได้ฟังออก" หลังจากที่เงีบยไปสักพักเธอก็กลับมาเล่าเหมือนเดิมโดยที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย

    "....งั้นหรอ..."เมื่อฟังจบผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเลย ปล่อยให้เรเวนนั่งก้มหน้าอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ  ถึงผมจะพูดปล่อยใจอะไรไม่เก่ง แต่อย่างมากก็คงทำได้แค่นั่งฟังเฉยๆล่ะมั่ง

    "....ขอโทษที่เล่าเรื่องบ้าๆนี้ให้ฟัง ลืมๆมันไปเถอะ"

    "แต่นั้นมันเป็นจุดเริ่มต้นของเจ้านะ เจ้าจะลืมมันลงหรอ?"

    "ไม่ลืมหรอก เพราะมันลืมไม่ได้ไง ฉันเลยเลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจคนเดียว...เพราะงั้นแล้ว...นายช่วยเก็บเป็นความลับได้มั้ย"

    "....แน่ใจนะ ว่าจะให้รู้กันแค่นี้"

    "แน่นอน แค่ตอนนี้ล่ะนะ" เมื่อพูดจบ เธอก็ยกมือข้างซ้ายขึ้นมาประมาณว่าจะเกี่ยวก้อยสัญญา ผมชั่งใจอยู่แปปปหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวก้อยไป แล้วยกมืออีกข้างลูบหัวเธอไป ที่ทำไปก็เพราะว่าไอริสชอบให้ผมลูบหัวมัน แล้วผมคิดมันน่าจะทำให้เรเวนอารมณ์ดีขึ้น และมันก็ได้ผล เธอหันมายิ้มให้เหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาแก้มและจมูกแดงนิดๆเพราะร้องไห้ แต่มันทำให้เธอดูน่ารักขึ้นอย่างบอกไม่ถูก.....ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าการที่แค่จะผูกมิตรเฉยๆจะทำใหผมรู้สึกแปลกๆแบบนี้


    "ฮูก!"(เริ่มแล้วสินะ ขอรับ^_^)

    --------------------ตัดจบ----------------

    ไม่พูดอะไรมากนะ แค่จะบอกว่า...เราจะเขียนโมเม้นทั้งนาอิบ อิไล และ.....(คนที่ใครบางคนต้องให้มีโมเม้นด้วยอีกนิดก็ยังดี=w=) แต่ของอิไลจะเน้นไปทางน่ารักหน่อยนะ นอกนั้น..ไปตามอ่านกันเองนะ  รักนะ=3=
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×