ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Identity V ] ทะลุมิติสุดป่วน วิ่งสู้(รัก)ฟัด ( OC&Prophet )(รีไรต์นิดหน่อย)

    ลำดับตอนที่ #7 : งานเลี้ยงสุดอลเวง Ep.1 เตรียมงาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      203
      18 ธ.ค. 61

    หลังจากที่นอนพักตัวเป็นเวลา4วันในที่สุดฉันก็สามารถกลับมาเล่นเกมได้เหมือนเดิม แต่ก็ยังต้องระวังเรื่องไหล่หลุดซ้ำอีกเลยจะใช้แขนซ้ายไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่หลังจากฉันเข้าร่วมเกมแล้วชนะ49ครั้งรวด และเกมนี้ถ้าชนะก็จะเป็นครั้งที่50 แล้วเย้!>0</

    ณ แมพรินทะเลสาบ

    'ด๊องแด๊ก'

    "อีกนิดเดียว"ฉันรีบเร่งมือถอดรหัสเครื่องรองสุดท้ายให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้จบเกมตานี้ซะที


    'ตึกตัก!ๆ'ในขณะที่ใกล้จะถอดรหัสเสร็จแล้ว จู่ๆเสียงหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณบอกว่าฮันเตอร์กำลังเข้ามาใกล้ แต่ฉันเลือกที่จะถอดรหัสต่อให้เสร็จโดยไม่สนใจเสียงหัวใจเต้นนี้ 

    'มีเสียงเดินมาจากทางด้านหลัง ประมาณ7เมตรน่าจะพอทันอยู่' เมื่อคิดคำนวณเสร็จแล้วฉันก็หันไปตั้งใจถอดรหัสต่อ แต่ว่า...

    'พึ่บ!'อยู่ๆก็มีแสงสีแดงดำเกิดขึ้นข้างๆเครื่องถอดรหัส วินาทีนั้นฉันรู้ได้เลยว่าโจ๊กเกอร์มันกำลังใช้สกิลวาปมา

    'ซวยแล้ว!'เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้วฉันจึงเลือกที่จะปีนเสาไฟเพื่อหลบทันทีเพราะถ้าวิ่งไปทางอื่นมันก็จะเห็นแล้วไล่ตีแน่ๆแถมตอนนี้มันมีตาเหลืองด้วย

    "แฮ่!อ้าว?..หายไปไหนแล้ว"ทันทีที่ปีนถึงยอดเสาโจ๊กเกอร์ก็โผล่มาพอดี มันเดินหาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเดินจากไป 

    'กว่าจะไปนะมึง= ='ฉันบ่นในใจก่อนเล็กน้อยแล้วค่อยๆรูดเสาลงมาถอดรหัสต่อจนเสร็จ 

    "เอาล่ะ ไปเครื่องต่อไปเลยแล้วกัน---"

    'ตึง!'ระหว่างที่กำลังเตรียมไปถอดรหัสต่อ ก็มีคนล้มลงไปแล้วถูกจับอุ้มลูกโป่งไปแล้ว ซึ่งคนที่ถูกพาไปคือเฮเลน่านั้นเอง ให้ตายสิดันอุ้มคนที่ถอดรหัสไวๆไปซะแล้ว ทำไมไม่จับฉันนั่งแทนนะ= = (พูดอย่างกะมึงอยู่นิ่งให้จับง่ายนักแหละ) ช่วยไม่ได้แฮะ ไปช่วยเฮเลน่าก่อนแล้วกัน เหลือแค่เครื่องเดียวเองนิ ให้คุณมาธ่าหรือคุณวีล่าถอดต่อไปก็ได้ ฉันไม่รอช้าวิ่งไปทั่วเพื่อหาว่าเฮเลน่าอยู่ไหน  และแล้วก็เจออยู่แถวซากเรือ ฉันรีบวิ่งให้เร็วขึ้นทันทีแล้วกดชาร์จสกิลเตรียมใช้

    "เฮ้!พ่อโจ๊กหมู ทางนี้!"เมื่อวิ่งเข้าไปใกล้แล้วฉันก็ทำใจกล้าเรียกร้องให้โจ๊กเกอร์หันมาทางนี้ เมื่อมันหันมาฉันกดใช้สกิลทันที

    'ตึกกก!!'


    "โอ็ย!! แน่จริงก็อย่าใช้บ่อยสิฟะ!"

    "โทษที  พอดีมีเยอะนะ แบร่!"ฉันแล็บลิ้นใส่ พอเค้าสตั้นไปเรียบร้อยแล้วฉันก็เข้าไปรักษาเฮเลน่าต่อหน้าต่อตาไปเลย พอรักษาจนลุกขึ้นได้แล้วฉันก็อุ้มเธอวิ่งออกไปทันที เมื่อวิ่งมาได้คิดว่าไกลพอแล้วฉันก็ปล่อยเฮเลน่าลงแล้วทำการฮีลให้เธอกลับแข็งแรกอีกครั้ง

    "ขอบคุณ คุณเรเวนมากๆเลยนะคะ"เมื่อฮีลเสร็จเฮเลน่าก็กล่าวขอบคุณฉันทันที แต่ว่านะ...ฉันอยู่ข้างหลังเธอต่างหาก= =^ ช่างมันเถอะ เธอน่ารักก็จะยกโทษแล้วกัน

    "ไม่เป็นไร รีบไปเตรียมเปิดประตูเถอะ เดี๋ยวฉันจะวิ่งล่อฮันเตอร์ถ่วนเวลาไว้ให้ ตอนนี้คุณมาธ่ากับคุณวีล่าร่าจะใกล้ถอดรหัสเสร็จแล้ว"ฉันรีบแยกตัวออกมาแล้ววิ่งไปทางที่คิดว่าโจ๊กเกอร์เดินมาแถวนี้ ถึงไม่เดินมาฉันก็จะเรียกมาเองก็ได้ 

    'วิ้ดดด~~'ฉันวางตู้แอมป์ลงแล้วกดใช้งานทันที ไม่นานไปตามที่หวังเอาไว้ นายโจ๊กเกอร์พุ่งจรวดมาทางฉันอย่างรวดเร็วทันที ฉันยืนนิ่งแล้วรอจังหวะที่เค้าเข้ามาใกล้

    "แดกนี้ไปนะ<3"

    'พึ่บ!' พอโจ๊กเกอร์พุ่งมาใกล้ ฉันก็ทำการพับไม้ใส่ทันที แต่โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะพับช้าไปนิดเลยทำให้โดนตีไปทีหนึ่งแล้วแทบสีเหลือก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนติดสถานะบาดเจ็บ ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันก็เลือกที่จะวิ่งล่อให้ฮันเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ โดยหวังพวกคุณมาธ่าจะถอดรหัสเครื่องสุดท้ายเสร็จเร็วๆนี้ แต่ขณะเดียวกันแทบสีเหลืองของฉันกำลังขึ้นไปเป็นล้ม อันสิซวยของจริง=-=^

    'หวอออ/ผัวะ!'เสียงสัญญาณพร้อมเปิดประตูดังพออดีกับที่ฉันโดนตีจนล้ม โอ๊ย!เอวฉัน!! อีโจ๊กหมูบูดนั้น ดันตีเข้าที่เอวฉันเข้าอย่างจัง โครตเจ็บเลยT^T ไม่นานฉันก็โดนอุ้มไปนั่งเก้าอี้จรวดทันที โชคดีที่ฉันยังไม่โดนจับนั่งเลย อยู่ได้อีกนาน

    [You go first] ฉันส่งข้อความให้ทุกคนออกไป อย่างน้อยออกไปสามคนเราก็ชนะอยู่ดี

    "กว่าจะจับได้เล่นเอาเหนื่อยชะมัดเลยนะจะแกเนี่ย"เค้าพูดบ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจนิดๆที่กว่าจะฉันนั่งเก้าอี้ได้ จริงๆฉันก็ไม่ได้เป็นพวกที่จับนั่งเก้าอี้ยากอะไรหรอก บางเกมฉันโดนจับนั่งเก้าอี้เป็นคนแรกด้วยซ้ำ แต่ด้วยความบังเอิญหรือโชคก็ไม่รู้ ถ้าฉันหลุดจากเก้าอี้เมื่อไหร่ ฉันจะไม่มีทางโดนนั่งเก้าครั้งที่สอง ทำไมเป็นงั้น อันนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เวลาจะถูกให้นั่งครั้งที่สองมันจะมีเหตุที่ทำให้ฉันหลุดจากลูกโป่งก่อนหรือไม่ก็ เก้าอี้หมดแมพพอดี 

    "เหรอ? ฉันรู้อยู่ล่ะว่าฉันมันเป็นตัวก่อกวน ขอบใจที่ชมนะ แหม~เป็นปลื้มจริงๆที่ได้คำชมจากนาย ฮ่า!ๆๆ แต่ว่านะฉันขอเสียใจด้วย เพราะนายกำลังจะแพ้ล่ะ"พูดฉันจากวนประสาทก่อนที่ไอคอนทั้งสามอันจะเปลี่ยนไปเป็นหนีออกประตูเรียบร้อย แล้วตอนนี้ฉันก็จะกำลังบินขึ้นฟ้าเตรียมกลับคฤหาสน์เป็นครั้งแรก

    "หน๊อยแน่!"เสียงสถของโจ๊กเกอร์ดังขึ้นมาอย่างไม่พอใจก่อนที่ฉันจะถูกส่งบินขึ้นฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อย

    ณ คฤหาสน์

    'ตุบ!'

    "เรเวน!"ทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์ เอ็มม่าก็เข้ามาช่วยพาฉันออกจากเก้าอี้บั้งไฟนี่ทันที แต่ก่อนอื่นเลยนะ.....ฉันจะอ้วก=)-(=

    "แปปหนึ่ง อุ๊ก!"ฉันรีบหันไปทางอื่น เพื่อเอาอาหารเช้าออกมากองข้างเก้าอี้ นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันนั่งเก้าอี้กลับมา มึนหัวสัสๆ

    "ไหวมั้ย เรเวน"เอ็มม่าถามพลานลูบหลังฉันไปด้วย 

    "ก็พอไหวล่ะนะ แหวะ!"หลังจากที่นั่งอ้วกอยู่ได้สักพัก เอ็มม่าก็ช่วยพาฉันเข้าคฤหาสน์เพื่อนอนพักเอาแรง

    [สวัสดียามสายครับ ท่านผู้รอดชีวิตทุกคน]พอเดินมาถึงโต๊ะทานอาหารเสียงของผู้ช่วยผู้ดูแลก็กล่าวขึ้น พร้อมทักทายพวกเราทุกคนอย่างอารมณ์ดี แต่ฉันไม่ดีีด้วยหรอกนะ แถมรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ

    [ด้วยเหตุที่ว่าผู้ดูแลเกมเห็นว่าวันนี้เลยจะทำการจัดงานเลี้ยงร่วมกับเหล่าฮันเตอร์ ณ ห้องโถงกลางคฤหาสน์ครับ]

    "งานเลี้ยงกับพวกฮันเตอร์เนี่ยนะ จะบ้าหรอเปล่า"<วิลเลียน

    "นั้นสิ"<วีล่า

    "แต่พวกฮันเตอร์ก็ไม่ได้เลวร้ายทุกคนนะคะ"<เอ็มม่า

    "พวกนั้นก็แค่เล่นแรงเกินเหตุ"ฉันกล่าวเสริมให้เอ็มม่าทันที

    [เอาเป็นว่า งานเลี้ยงจะเริ่มในเวลา6โมงเย็นวันนี้ชุดสำหรับมางานทางเราได้เตรียมเอาไว้ให้ในตู้เสื้อผ้าของพวกท่านแล้ว แต่จะมีอยู่สองคนที่จะได้ชุดที่ต่างจากคนอื่นไป เพื่อเป็นคิงและควินในงานเลี้ยงคืนนี้ครับ คนที่ได้เป็นคิงและควินของงานก็จะมีสิทธิ์ ทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการเลยครับ ]

    "อะไรก็ได้เหรอ? แล้วออกไปนอกคฤหาสน์ได้มั้ย?"

    [แน่นอนครับ ทุกอย่างที่คุณต้องการ ถ้าคุณควินของงานนี้ จะคุณหรือเพื่อนๆของคุณก็ออกไปได้ครับหรือแม้แต่เรื่องที่เป็นได้ยาก]

    "จริงเหรอ!"

    "จะเป็นใครกันนะ"

    [เอาเป็นว่า รอดูในค่ำคืนนี้ได้เลยครับ เชิญพักได้ตามสบาย]

    [อ่ะ! เกือบไป ท่านเรเวน เนื่องจากว่าท่านมีเครื่องดนตรีอยู่ในครอบครอง ทางเราเลยอยากให้ท่านช่วยจัดเตรียมเครื่องดนตรีเหล่านั้นไปที่ห้องโถงกลางให้ด้วย ส่วนเรื่องผู้เล่นทางเราจะเตรียมเอาให้เพื่อที่ท่านจะได้ร่วมงานกับเหล่าเพื่อนๆ] เดี๋ยวๆนะ จะให้ฉันขนเครื่องดนตรีพวกนั้นที่อยู่ชั้นสามลงมาที่ลงมาเตรียมที่ห้องโถงกลางที่ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเนี่ยนะ จะล้อเล่นอะไรให้มันเบาๆหน่อย คนเค้ายิ่งต้องนะวังเรื่องไหล่หลุดอีกนะ แต่ก็เอาเถอะคิดซะว่าทำทานให้แล้วกัน

    "แลจะใช้แรงงานหนักจังนะ ทั้งๆที่วาปแปปเดี๋ยวก็เสร็จแล้วแท้ๆ....= = แต่ก็เอาเถอะเดี๋ยวเตรียมให้แล้วกัน"ฉันแอบบ่นนิดๆก่อนที่จะรับปากไปว่าจะเตรียมให้

    [ขอบพระคุณมากครับ]เมื่อพูดจบ ทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ ต่างคนไปทำธุระของตัวเอง ยกเว้น เอ็มม่า นาอิบ อิไล และฉันที่ยังอยู่ที่เดิม

    "จะทำคนเดียวเหรอ เรเวน?"เอ็มม่าเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง

    "อ่า...ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้นแหละ แต่ไม่เป็นไรหรอก งานเลี้ยงแบบนี้อย่างมากก็ใช้แค่พวก กลองชุด กีต้าร์ เบส คีย์บอร์ด อาจจะมีไวโอลินด้วย แล้วก็ลำโพงแค่นั้นเอง"ฉันตอบไปอย่างปัดๆแล้วยกตัวอย่างเธอฟัง ซึ่งฉันก็จะเอาแค่นั้นจริงๆ งานเลี้ยงภายในจะเน้นไปทางสนุกๆสบายๆมากกว่าไอ้พวกเครื่องเป่าทั้งหลายก็ไม่ต้องก็ได้ ถ้าทำตอนนี้ก็น่าจะเสร็จทันพอดี

    "แน่ใจนะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันช่วยอีกแรงนะ"เธอถามอีกครั้งก่อนที่จะอาสาข่วยอีกทีหนึ่ง เอิ่ม...ดูจากตัวแล้ว ถ้าเป็นไวโอลินสองตัวก็น่าเต็มกลืมแล้วล่ะ ถึงเกินคาดก็สามตัว ทางที่ดีอย่าเลยดีกว่าเพื่อความปลอบภัยในตัวเธอเองและเครื่องดนตรีU_U

    "ไม่ต้องลำบากก็ได้----"

    "เดี๋ยวฉัน/ข้าช่วยเองx2"ในขณะที่ฉันกำลังจะปฏิเสกไม่ให้เอ็มม่าช่วย ก็ถูกสองหนุ่มที่ยังนั่งอยู่พูดขัดขึ้นพร้อมๆกัน แล้วมีมองหน้ากันก่อนด้วยนะ

    'เดี๋ยว? ทำไมพูดพร้อมกันล่ะ =A='ถึงจะสงสัยแต่ฉันก็ทำเป็นมองข้ามไป จะว่าไปนาอิบก็พอช่วยได้แหละ ร่างกายแข็งแรง ส่วนอิไล...ฉันยังมีคดีกับหมอนี้อยู่นะ เพราะหลังจากพูดคุยกันนะหว่างที่พักฟื้นอยู่ ฉันพึ่งมารู้ว่าห้องข้างๆเป็นห้องของอิไลโว้ย! แล้วอีกอย่างเวลาที่ฉันจะขึ้นลงบันได หมอนี้มักจะโผล่มาช่วยพอดีเหมือนดักรอยังไงไม่รู้จนคนในคฤหาสน์เค้าแซวไปทั่วแล้ว แต่ถ้าปฎิเสกอีกคนแล้วให้อีกคนช่วยมันก็ยังไงอยู่ เอาเป็นว่าไม่ต้องทั้งคู่นั้นแหละ

    "ไม่ต้อ---"

    "ห้ามปฏิเสกx2"ฉันที่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกสองหน่อพูกดักไว้อีกแล้ว

    "ฉันรู้ว่าเธอเกรงใจ แต่หัดขอร้องให้คนช่วยบ้างก็ได้คงไม่ถึงตายใช่มั้ย- -"นาอิบกล่าวออกมาอย่างหน้าตายแล้วมีแอบถอดหายใจนิดๆอีกเหมือนเบื่อกับความปากแข็งของฉันยังไงไม่รู้

    "แต่ว่า..."

    "ไม่มีแต่ อีกอย่างเจ้าก็กำลังเหนื่อย ถ้าฝืนทำงานต่อแล้วเป็นอะไรไปใครจะหามเจ้าไปห้องพยาบาล? หรืออยากให้เอ็มม่ากับคุณหมอเค้าเป็นห่วงอีก?"คราวนี้อิไลยกเอ็มม่ากับคุณเอมิลี่เข้ามาอ้างอีกรอบ ซึ่งมันทำให้ฉันลังเลที่จะพูดแก้ตัวไปเลย

    "...ฉัน...."

    "เรเวน ถ้าไม่ให้ฉันช่วยก็ให้พวกนาอิบช่วยเถอะนะๆ ฉันขอร้อง ฉันไม่อยากเธอเป็นอะไรไปอีก" คราวนี้เอ็มม่าช่วยเสริมคำพูดของทั้งสองคนแล้วทำตาอ้อมวอนใส่ฉัน โว้ยยยยย อย่ามองฉันแบบนั้นสิ เอ็มม่าTToTT แบบนี้ฉันก็ปฎิเสกไม่ได้แม้แต่นิดเดียวเลยนะสิ มัดมือชกกันชัดๆT~T

    "...0~0...ก็ได้ ช่วยก็ช่วย" เอาก็เอาในเมื่อปฎิเสกไม่ได้ก็ปล่อยให้ทำตามใจไปเลยแล้วกัน 

    "ดีมากx3"

    'เข้ากันจังเลยนะ ชักจะลำไยพวกนี้แหละ= =^'ฉันบ่นในใจ ก่อนที่จะเตรียมกลับห้องตัวเอง

    "ถ้างั้น ฉันขอตัวไปนอนพักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวประมาณ3โมงค่อยเริ่มขนของกันเจอกันที่หน้าล่ะ"เมื่อบอกรายละเอียดจบฉันเดินตรงไปที่บันไดเพื่อขึ้นห้องไปนอนโดยไม่สนใจว่าใครจะเดินตามมา

    "นี่ ยัยบลูฮาวาย หยุดก่อน" ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดเสียงของนาอิบก็ดังไล่หลังมา เฮ้อ..อะไรอีกล่ะทีนี่

    "มีอะไรมิทราบครับคุณชาเขียว = ="ฉันหันกลับไปตามเสียงเรียกก่อนที่จะถามกลับหน่ายๆ

    -----แอบมาอัพก่อนครึ่งตอน--------

    "ดูพูดเข้า- - ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ"เค้าพูดพร้อมมองมาด้วยสายเหนื่อยๆ รุ่นพี่ที่ไม่น่าเคารพนะสิไม่ว่า= = ถึงฉันจะพึ่งมารู้ทีหลังว่าเค้าอายุมากกว่าฉันและเอ็มม่าไป2-3ปี แต่ลักษณะการพูดแล้วก็เรียกฉันแบบห้วนๆ มันทำให้นาอิบดูไม่ค่อยน่านับถือในฐานรุ่นพี่เท่าไหร่ในสายตาฉัน แต่ก็ใช่ว่าเป็นเพื่อนที่เล่นหัวกันไม่ได้นะ เพราะตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นไปแล้วไง

    "ขอโทษด้วยแล้วกัน ว่าแต่ที่เรียกเนี่ยมีธุระอะไรหรือเปล่า ฉันง่วงนอนแล้ว= ="ฉันกล่าวขอโทษไปทีหนึ่งก่อนที่จะถามธุระของเขาแบบไม่รีรอแล้วให้เหตุผลไปด้วย 

    "จะคุยกับเธอจำเป็นต้องมีธุระด้วยเหรอ?:)"เมื่อนาอิบพูดจบ ก็ทำเอาฉันถึงกับเงิบแดกไปเลยหลายสิบวิ

    "อึก...=__=^ เอิ้มมม นู่น...ไปเล่นตรงนู่นนะบาย:)"ฉันเงียบไปแปปหนึ่งก่อนที่จะใช้นิ้วเรียวชี้ไปทางประตูห้องรับรองอย่างขัดใจสุดๆที่ต้องมาเสียเวลาฟังเขาเล่นคำแบบนี้ ฉันรีบย้ายตัวเองเดินขึ้นไปข้างบนทันทีเพื่อที่จะหนีความวุ่นวายไปนอนพักสักที แต่...

    "ว้าย!"ในจังหวะที่กำลังก้าวขึ้นบันได(อีกแล้ว เป็นอะไรมากมั่ยกับบันไดเนี่ย=-=)นาอิบก็เข้าดึงแขนซ้ายฉันเอาไว้ ทำให้เกือบเสียหลักลงไป 

    "เดี๋ยวก่อน พูดเล่นนิดๆหน่อยๆ มันไม่ทำเธอหูดับสักหน่อย" อ่อออหูผีของฉันมันไม่ดับหรอก แต่ไหล่ฉันจะหลุดโว้ยไอ้บ้าชาเขียว ถ้าไม่ติดว่าเป็นเมีย(?)แจ็คแม่จะชกให้ดั้งหักเลย=[]=!!

    "ปล่อย...=___= คนเค้ายิ่งเวียงหัวอยู่ อีกอย่างนายดึงแขนข้างที่ไหล่หลุดเมื่อก่อนหน้านี้อยู่นะ"ฉันพยายานทำใจเย็นแล้วบอกให้นาอิบปล่อยมือจากแขนซ้ายฉันสักที ตอนนี้เริ่มปวดๆขึ้นมาแล้วเนี่ย

    "อ่ะขอโทษ...ส่วนเรื่องที่จะคุย ฉันเห็นว่าเธอดูไม่ค่อยดีเลยจะเอายามาให้...กะก็แค่นั้น"เมื่อเขาปล่อยมือจากฉันเรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มพูดจุดประสงค์จริงๆ(?)ออกมาพร้อมยื่นถุงยาที่มีฉลานเขียนไว้ว่า ยาแก้เมา(?)มาให้ฉัน

    "เฮ้อ...ขอบคุณนะ^_^สำหรับทุกๆเรื่องเลย"ฉันถอดหายใจออกมาก่อนที่จะรับยาที่ว่ามาพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณในทุกเรื่องที่ผ่านมา จะว่าไปแล้วที่ผ่านมาเวลาถูกนั่งเก้าอี้ นาอิบก็มักจะมาช่วยเสมอแถมยังคอยช่วยถ่วนเวลาให้ด้วย ก็ถือว่าเป็นคนดีอยู่แหละ

    "หึ ไม่ต้องยิ้มแบบนั้นเลยนะ"เขาพูดแล้วดันหน้าผากฉันจนเกือบหงายหลัง ก่อนที่จะดึงฮู้ดลงมาเล็กหน่อย อิอิเขินล่ะสิ^w^ 

    "เรื่องของฉัน แบร่ๆ ฉันขอตัวไปล่ะ"เมื่อคุยเสร็จแล้ว ฉันก็ขอตัวไปนอนเอาแรงต่อ

    ในขณะเดียวกันความในใจของนาอิบ

    'ยัยบ้า ยิ้มแบบนั้นฉันก็อดใจเต้นไม่ได้สิ'

    ณ ที่ห้องส่วนตัวของเรเวน

    เมื่อมาถึงห้องเรียบร้อยแล้วฉันก็ จัดการปล่อยผมแล้วถอดเสื้อแจ็ดเก็ต รองเท้า กับถุงน่องออกไปจัดเรียงที่หน้าตู้เสื้อผ้า แล้วหวีผมให้หายพันกันก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นเตียงนอน

    "หาวว~นอนก่อนนะคะ"พอหัวถึงหมอนฉันก็หลับไปในทันทีเพราะความเหนื่อยล้า

    'ปิ้น' เมื่อหลับไปได้สักพัก จู่ๆก็มีเสียงเหมือนสัญญาณอะไรบ้างอย่างดังขึ้นมาใกล้ๆหู

    'ปิ้น...ปิ้น' เสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันไม่สามารถทนนอนต่อได้ จึงเลือกที่ลืมตาขึ้นมาดู

    "ปิ้น...ปิ้น...ปิ้น" เมื่อลืมตาขึ้นมาดู ก็พบว่าเพดานห้องเปลี่ยนไป จากห้องที่ตกแต่งด้วยลวดลายดาวในอวกาศก็กลายเป็นเพดานสีขาวสะอาดไร้ลวดลาย คล้ายกับ...ห้องในโรงพยาบาล

    "อ่ะ...?"ด้วยความตกใจและสะลืมสะลือฉันเลยจะลุกขึ้นนั่งเพื่อดูว่าที่นี้ที่ไหน แต่ก็ต้องพบว่าร่างกายของฉันมันหนักมากจนลุกไม่ขึ้น ความเจ็บปวดทุกส่วนของร่างกายเริ่มแล่นเข้ามาในหัว ฉันพยายามกรอกตาไปมาเพื่อดูสิ่งรอบๆตัว แล้วก็พบกับสายระโยงระยาง และเครื่องช่วยหายใจ เป็นหลักฐานว่าฉันอยู่ในโรงพยาบาล แต่ก็ต้องสะดุดตรงที่มีชายร่างสูงเส้นผมสีดำผมหน้ายาวปกปิดดวงตาที่แสนคุ้มเคย

    "ละไล..อิ..ฟ"ฉันเอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกไปแต่ก็เบาเกินกว่าที่จะได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นแล้วฉันเชื่อว่าต้องได้แน่

    "เรเวน...เธอฟื้นแล้ว!"ทันทีเค้าหันมามอง เค้าก็ลุกขึ้นมากุมมือข้างขวาฉันแล้วส่งเสียงราวกับกลัวว่าจะเสียฉันไป

    "รอเดี๋ยวนะ ฉันจะเรียกหมอมาให้"เมื่อพูดจบเค้าก็หันไปกดปุ่มเรียกหมอให้มาทันที แต่ว่าความง่วงเริ่มเข้ามาแทรงอีกครั้งจนแทบจะลืมตาไม่ไหว แต่ในใจของฉันกลับมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมด ฉันกลับมานี้ได้ไง? ทำไมไลอิฟถึงมาอยู่นี้ได้ล่ะ? แล้วทำไม...ถึงร้องไห้แบบนั้นด้วย

    "ทะทำไมถึง...มาอยู่นี่ล่ะ"ปากไวกว่าสมอง ฉันถามเขาไปอย่างสงสัยสุดใจ ถึงเราจะสนิทกันเวลาอยู่มหาลัย แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นเค้าร้องไห้ให้ใครมาก่อนเลยนะ ถึงแม้ว่าเค้าจะเคยถูกคนรักทิ้งไปก็เถอะ

    "...เรื่องนั้น....."

    "เกิดอะไรขึ้นคะ!"ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบคุณหมอกับนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องพอดี และฉันก็ทนความง่วงนี้ ไม่ไหวแล้วหลับไปอีกครั้ง 

    'ก๊อก!ๆ'เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกให้ตื่นขึ้นมาทันที

    "เฮื่อก! โอ๊ย!"ฉันรีบเอามือมากุมหัวเองทันที พอลืมตาดูก็พบว่ากลับมาเป็นห้องนอนในเกมแล้ว แถมยังกลับหัวเพราะฉันดันนอนตกเตียงขาพาลขอบเตียงอย่างทุเลนทุลัง

    'ฝันเหรอ?...ไม่ใช่...สัมผัสนั้นของจริง'ฉันลองคิดทบทวนในสิ่งเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างคาใจ พลานยกมือข้างที่ถูกกุมมือขึ้นมอง ฝ่ามือหนาหยามปนนิ่ม เวลาสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงความเย็นและอุ่นปะปนกัน มือที่เคยมีเจ้าของมาก่อน

    'ปัง!!'จู่ๆก็มีเสียงถีบประตูดังขึ้นทำให้ฉันหลุดจากความคิดบ้าๆที่กำลังคิดไปไกล

    "เกิดอะไรขึ้น!/เจ้าเป็นอะไรมั้ย!"คราวนี้เสียงแตกตื่นของสองหน่อพูดขึ้นพร้อมกันแต่คนละประโยค ก่อนที่จะเงียบลงเมื่อมองมาที่ฉัน = = ซวยแล้วไง

    'ตู้น!' มือไวเท่าความคิดฉันปาหมอนที่อยู่ข้างๆไปโดนหน้าของอิไลและนาอิบเข้าอย่างจังก่อนที่จะห่อตัวด้วยผ้าห่มแล้วเดินไปดันหลังให้ทั้งสองคนออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว =-=....ฉันหวังว่าสองคนนั้นจะไม่เห็นอะไรนะ เพราะถ้าเห็นล่ะก็...ฉันจะทำเป็นว่าฉันไม่เคยรู้จักสองคนนั่น=[]=!! 

    5นาทีผ่านไป

    หลังจากที่รีบแต่งตัวแล้วออกมาเคลียดกับสองหนุ่มที่ทะเหลอเข้ามาด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์(?)

    "...ตกลงว่าเห็นอะไรหรือเปล่า?"ฉันถามเป็นครั้งสอง เพื่อรอฟังคำตอบที่ถึงแม้ว่าจะเป็นคำโกหกก็ตาม ก็ไม่อะไรหรอกนะก็แค่...ฉันจะไปเป็นเจ้าสาวใครไม่ได้อีกแล้วTAT (เดี๋ยวๆได้ข่าวว่านอนใกล้ตายอยู่นะ) เอาเป็นว่าขอแค่ให้พูดมาว่า 'ไม่เห็น' แล้วไม่เอาไปพูดกับใคนต่อก็พอแล้ว ฉันจะยกโทษให้

    "...มะไม่เห็นครับ"อิไลตอบคนแรกโดยที่มีแอบเสียงสั่นนิดๆ แล้วหันไปมองทางอื่นไม่ยอมมองหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ ก็พอรู้อยู่ล่ะว่าเห็นแล้วอาย(?)เป็นคำตอบที่ดูมีความฉลาดในการเอาตัวรอดแต่...

    'เห็นเต็มสองตาเลยขอรับ'เมื่อสิ้นเสียงของเจ้านกที่เกาะไหล่อิไล ฉันถึงกับต้องกุมหน้าตัวเองทันทีเพื่อระงันอาการอายของฉัน

    "..ก็ไม่มีอะไรน่าดู--โอ็ย!!อัยอ้าอันเอ็บอะ"นาอิบยังไม่ทันพูดจบฉันก็ตรงเข้าไปดึงแก้มของเขาจนพูดแทบไม่รู้เรื่อง โดยที่ฉันแสยะยิ้มปนแยกเขี้ยวที่ไม่เคยให้ใครในคฤหาสน์เห็นมาก่อน ข่มขู่นาอิบจนอยู่นิ่งไปเลย อ่อ ลืมไปสาเหตุที่ฉันชอบทำหน้านิ่งๆ แทบตลอดเวลาก็เป็นเพราะเขี้ยวที่ฉันมีเนี่ยแหละ คนปกติเค้าอย่างมากจะมีแค่สองข้างใช่มั้ย แต่ฉันพิเศษกว่านั้น ก็คือ ฉันมีทั้งเขี้ยวบนสองและเขี้ยวล่างอีกสอง และฟันของฉันประมาณ60%จะมีลักษณะแหลมคมคล้ายฟันเสือหรือก็พวกสัตว์นักล่า แต่ถ้าดูไกลๆดูไม่ออกหรอก แต่ถ้าดูใกล้ๆพูดเลย นี่ฟันคนหรือฉลามว่ะ เพราะงั้นถึงฉันจะยิ้มเป็นบางครั้งแต่ก็ไม่ยิ้มยิงฟันให้ใครตหรอกนะ ถ้าไม่ใช่การข่มขู่แบบนี้

    "เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ พูดใหม่ได้มั้ย:) "ฉันพูดไปดึงแก้มของเขาไปอย่างสนุกมือ

    "ออโอยคับ ไอ่เอ็นอะไออั้งอั้น อ่อยอันเออะ"เมื่อเสียงอู้อี้ของนาอิบจบลงฉันก็ปล่อยมือจากแก้มของหมอนี่ทันที ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้องแฝดที่เก็บเครื่องดนตรีเอาไว้

    "เรื่องเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าพวกนายไม่ตั้งใจแล้วกัน ทีนี้มายกของได้"

    "เดี๋ยว พวกนายยกพวกกลองชุดลงไปก่อนเพราะชิ้นส่วนมันเยอะ เดี๋ยวฉันจะแบกกีต้าร์และคีย์บอร์ดลงตามไป"ฉันรีบแบ่งหน้าที่ให้ทั้งสองคนทำงานทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

    "อ่อ/อืม"เมื่อทั้งสองคนตอบรับคำเสร็จเรียบร้อยแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เพื่อที่จะขนของให้มันเสร็จไวๆ เอาเป็นว่าตัดไปฉากตอนขนของเสร็วแล้วเลย

    'เปอะ!'

    "กว่าจะเสร็จได้= ="เสียงบ่นควรคร้ามของนาอิบบ่นขึ้นมาพาลนั่งพักอยู่ตรงรินเวทีตั้งเครื่องดนตรี ส่วนฉันก็เช็กเสียงต่อไปอย่างไม่สนใจคำบ่นนั้น แล้วในมือควงปากกาไปมาด้วยความเคยชินเวลาใช้ความคิด

    "ของหนักขนาดนี้เจ้าคิดจะขนคนเดียวได้หรือไง"คราวนี่อิไลถามมาอย่างสงสัย ที่ฉันคิดจะขนเครื่องดนตรีพวกนี้ลงมาเองคนเดียว

    "อืม ก็มันหน้าที่ของฉันนิ อีกอย่างฉันก็ชินกับการแบกของหนักๆแล้ว ไม่งั้นฉันคงอุ้มผู้ชายแบบพวกนายวิ่งฮันเตอร์ไม่ได้หรอกนะ...เสียงเพี้ยนไปนิด"ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆก่อนจะปรับสายเบสไปด้วย

    "เธอ/เจ้าเนี่ยแกร่งจริงๆ"ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกันเหมือนไม่ค่อยเชื่อในความถึกทนความฉัน เอาที่พวกนายสบายใจเลย เพราะยังไงฉันก็มีผู้หญิงที่แพ้แรงผู้ชายอยู่ดี = = จะว่าไปขนของก็เสร็จแล้ว ทำไมสองคนนี้ไม่ยอมไปไหนสักทีเลยล่ะ

    "จะถือว่านั้นเป็นคำชมแล้วกัน ทีนี่หมดหน้าที่พวกนายแล้ว กลับไปแต่งตัวกันก่อนเลย ขอบใจที่ข่วย"เมื่อเห็นว่าทั้งนาอิบกับอิไลเหนื่อยจากการยกของ ฉันก็เอ่ยปากไล่แบบอ้อมๆไป เพื่อที่จะให้พวกนั้นจะได้ไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงเย็นนี้ ส่วนฉันก็อยู่เช็กเสียงเครื่องดนตรีอีกสองสามชิ้นแล้วค่อยขึ้นไปเตรียมตัว 

    [อิไล Taik]

    "แล้วเจ้าไม่ไปเตรียมตัวเหรอ?"ผมหันไปถามสาวร่างบางที่ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับเครื่องดนตรีของเธอจนไม่คิดที่จะสนใจพวกผมที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยสักนิด= =^ รู้สึกน้อยใจนิดๆแฮะ

    "หึ สวยๆอย่างฉันอย่างมากก็แค่เสียเวลาทำผมแค่นั้นแหะ...ล้อเล่นน่า..เช็กอีกสองสามอย่างก็จะไปแล้ว พวกนายไปก่อนเถอะ"เธอหันมาสะบัดผมพร้อมกับพูดชมตัวเองว่าสวยก่อนที่จะเฉลยว่าเป็นมุขแล้วตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไป ยังไงพวกผู้หญิงก็เข้าใจยากจริงๆนั้นแหละ แต่ว่านะ...เธอก็สวยจริงๆนั้นแหละ(อ้ายยย เริ่มหวั่นไหวแล้วหรอจ้ะ=w=)....มะไม่ใช่ชักหน่อย -///- กะก็แค่พูดไปตามจริงเฉยๆเอง

    "ถ้างั้น..."

    "มาพร้อมกันก็ต้องไปพร้อมกันสิ นายคิดงั้นมั้ยอิไล"คุณนาอิบที่นั่งอยู่ก็พูดขัดขุึ้นมาแล้วหันมาถามความเห็นจากผมด้วย ซึ่งผมกำัลงคิดว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเรเวนจนกว่าจะเสร็จงาน แล้วค่อยไปเตรียมตัวร่วมงานเเลี้ยง เพราะยังไงชุดผมคงไม่ได้ใส่ยากอะไรมากมายหรอก แล้วคงไม่ต้องทำผมอะไรมากด้วย

    "ครับ ผมเห็นด้วย"ผมตอบไป แล้วแอบเฆ้นเเวนหยุดมือแล้วหันมาทางพวกผมด้วยสายตาที่เหมือนหน่ายๆกับความคิดเห็นของผม

    "เฮ้ยๆ....พวกนายเอาจริงเหรอ ฉันว่าพวกนายจะเฉาตายก่อนที่ฉันจะเสร็จงานนะ" 

    "ถ้างั้นก็ เจ้าช่วยร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้มั้ยล่ะ"

    "เอ๋? ร้องเพลงเหรอ...." ทันทีที่ผมเสนอให้เรเวนร้องให้ฟังแก้เบื่อ คุณเธอก็หันมามองหน้าผมแบบไม่หลบตาแบบก่อนหน้านี้เลย สงสัยผมจะพูดอะไรที่ฟังไม่เข้าหูเธอแน่ =__= ขออย่าให้ผมต้องเห็นรอยยิ้มแยกเขี้ยวของเธออีกเลย

    "จะว่าไปเธอเป็นนักดนตรีนิ เรื่องร้องเพลงคงได้สินะ หรือว่าเก่งแต่เล่นเครื่องดนตรีพวกนี้แล้วเสียงห่วย"ดูเหมือนว่าคุณนาอิบเห็นด้วยกับความคิดผม แต่ก็ดันพูดกวนประสาทเป็นประโยคสุดท้าย สงสัยคงจะยังไม่เข็ดจากรอบที่แล้วสินะครับคุณนาอิบ

    "ห่วยบ้านแกสิไอ้ชาเขียว= =เดี๋ยวจับหักกระดูกซะเลยนิ :) "เรเวนหันยิ้มแยกเขี้ยวใส่อีกรอบ ซึ่งตอนนี้ก็ปล่อยออร่าน่ากลัวอีกด้วย

    "....ขอโทษครับ!!"

    'ยิ้มแยกเขี้ยวได้น่ากลัวสุดๆ= =^ แต่ก็ยังสวยอยู่(อวยเข้าไป)'

    "ก็ได้ ร้องก็ร้อง แต่ห้ามบ่นเพลงที่ฉันร้องล่ะ เข้าใจมั้ย?"

    "ครับx2"

    "ให้ตายสิ....

    แม้ว่าในวันนี้ สองเราต้องเลิกรา
    เรื่องราวที่มีกันจดจำเสมอมา
    เหมือนในละครที่สุดท้าย ก็ต้องมีล่ำลา
    ทิ้งไว้แค่เพียงความ ทรงจำที่สวยงาม
    รักเราก็เปรียบดั่ง Love Scenario
    ได้เจอได้รัก เป็นไปตามบท
    กำหนดให้ความรักเราถึงแค่ตอนจบ
    ปิดฉากลงพร้อม รักที่มันหมด "เมื่อเรเวนเริ่มเพลง สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้ก็คือ เสียงเพราะมาก แล้วยิ่งเพลงที่ร้องเป็นเศร้าก็ทำให้เรเวนมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

    "เอ้ ตอนได้ยินคำว่าเลิกรา ฉันก็เริ่มยิ้มไม่ไหวน้ำตาคลอ
    หูมันเริ่มอื้อๆใจคอไม่ค่อยดีลมก็ตีเริ่มมวนท้อง
    ถ้าถามว่าฟังแล้วเจ็บมั้ย ก็พูดได้ทันทีตอนนี้เลยว่าเจ็บ เอ้
    แต่ฝืนรักกันทั้งที่เธอนั้นหมดใจ ยังไงต่อไปก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ เอ้

    อาจมีน้ำตาบางครั้ง ยังคงเจ็บปวดหัวใจอยู่บ้าง
    แต่จะไม่ขอให้คืนกลับหลัง ถึงยังรักมากเท่าไหร่

    แม้ว่าในวันนี้ สองเราต้องเลิกรา
    เรื่องราวที่มีกันจดจำเสมอมา
    เหมือนในละครที่สุดท้าย ก็ต้องมีล่ำลา
    ทิ้งไว้แค่เพียงความ ทรงจำที่สวยงาม

    รักเราก็เปรียบดั่ง Love Scenario
    ได้เจอได้รัก เป็นไปตามบท
    กำหนดให้ความรักเราถึงแค่ตอนจบ
    ปิดฉากลงพร้อม รักที่มันหมด   

    จะเก็บรักนี้เรื่อยไปเนิ่นนาน
    คิดถึงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน
    จะจดจำภาพเธอที่มีเมื่อวาน
    ในความทรงจำอย่างนี้ไปทุกวัน

    รักเราก็เปรียบดั่ง Love Scenario
    ได้เจอได้รัก เป็นไปตามบท
    กำหนดให้ความรักเราถึงแค่ตอนจบ
    ปิดฉากลงพร้อม รักที่มันหมด

    รอยยิ้มเหล่านั้นจำได้ทุกตอน
    ทะเลาะบ่อยครั้งต้องให้ง้องอน
    บอกรักให้ฟังทุกคืนที่นอน
    สุดท้ายกลับหลายเป็นแค่เมื่อก่อน

    แม้ว่าในวันนี้สองเราต้องเลิกรา
    ฉันจะเก็บความทรงจำที่สวยงาม...."หลังจากที่ร้องจบเรเวนก็นิ่งไปแปปหนึ่งก่อนที่จะวาง เครื่องดนตรีเข้าที่ แล้วหันมาทางพวกผม

    "เช็กเสียงเสร็จแล้ว ทีนี่ก็ไปกันได้แล้ว go! go!"เธอพูดพร้อมทำท่าร่าเริงเดินนำหน้าของผมออกไป แต่ว่า ผมเห็นนะว่าเธอ....แอบเช็ดน้ำตาอยู่ ถึงผมนะไม่รู้ว่าเธออย่างนึกถึงอะไรอยู่ แต่มันคงเป็นเรื่องที่เศร้ามากแน่ๆ ถึงอย่างนั้นช่วงเวลาร้องเพลงอยู่นั้น เรเวนกลับเหมือน...นางฟ้ายังไงไม่รู้ 

    -------------------------------------------------------------------------------------------------
    จบไปตอน^_^ รู้สึกว่าเราจะชงอิไลมากกว่าไปแล้วนะ แต่ก็เอาเถอะตอนหน้าก็จะเป็นตอนของคนที่มีใครบางคนขอให้มีโมเม้นกับเรเวนเพิ่มขึ้นมาอีกสักนิดแล้วนะ เอ๋?...ใครเอ๋ยยย ไปรอดูเอาเองแล้วกันนะ ^w^อิอิอิ 

    นาอิบ : นี่ยัยน้ำแข็งใส ตกลงตอนนี้เธอจะให้ฉันมีบทแค่นี่เองหรอ...
    ไรต์ : เอิ้ม.....ขอโทษด้วยแล้วเดี๋ยวจะหาบทให้นะ=/\=

    ส่วนเรื่องเพลงที่เรเวนร้องก็เป็นเพลง อีไรต์ผู้นี่กำลังติดอยู่ ถ้าสงสัยก็กดไปฟังกันได้เลยนะ

    เครดิต: Colenone Music  

    https://www.youtube.com/watch?v=T1KiWpvFZlg
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×