{KaiSoo} OS♡ 1301
OS♡ KimJongin x DoKyungsoo "คยองซูไปจากชีวิตนายแล้ว..คยองซูมีคนใหม่แล้ว "
ผู้เข้าชมรวม
1,723
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
1 3 0 1
ทำไมฤดูหนาวปีนี้ ถึงได้หนาวมากมายขนาดนี้..
ทำไมผ้าห่มที่เคยห่มนอนทุกคืน..มันถึงไม่ได้ช่วยให้ความอบอุ่นเหมือนกับทุกๆ คืนที่ผ่านมา
แล้วทำไมการอยู่คนเดียว..มันได้เหงาและเดียวดายขนาดนี้
แค่โดคยองซูจากไป..ทุกอย่างมันก็ยากไปหมด
“ 3…2…1..Happy New Year !~ ”
เสียงฉลองสุขสันต์วันปีใหม่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งลานกว้างของสถานที่จัดงานฉลองวันขึ้นปีใหม่ แม้อุณหภูมิอากาศ
ของกรุงโซลยามเที่ยงคืนจะหนาวจนติดลบแต่ทว่ากลับไม่มีใครคนไหนแสดงอาการหนาวสั่นออกมาเลยสักนิด เหมือนกับว่าในตอนนี้ทุกคนไม่ได้รู้สึกอะไรกับอากาศที่หนาวเหน็บ เหมือนกับว่าตอนนี้ทุกคนกำลังมีความสุขในวัน
ปีใหม่กับคนที่ตัวเองรัก..
ไม่เหมือนคิมจงอินคนนี้
ร่างสูงในชุดเสื้อโค้ทกันหนาวสีดำตัวยาวยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในฝูงชนนับร้อยนับพันคนซึ่งกำลังยืนชมพลุฉลองปีใหม่กับคนรักของตัวเองด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม บ้างก็มากันเป็นครอบครัว..มีพ่อ แม่แล้วก็ลูกน้อยตัวเล็กวัยกำลังซน ภาพตรงหน้า..อาจทำให้หลายๆ คนรู้สึกอบอุ่น แต่สำหรับคิมจงอิน..มันกลับยิ่งตอกย้ำความรู้สึกหนาวเหน็บและเดียวดาย
ร่างสูงไม่ชอบความรู้สึกพวกนี้
ทั้งที่ในความจริงเขาควรจะได้มานับถอยหลังเข้าปีใหม่กับคนรักเหมือนคนพวกนี้แล้วด้วยซ้ำ แต่ทำไม..ทำไมโดคยองซูถึงทิ้งคิมจงอินไป
‘ อาทิตย์หน้าที่นี่จะจัดเคาท์ดาวน์ปีใหม่ด้วย..เรามาด้วยกันนะจงอิน ’
แม้เวลาจะผ่านไปนานนับอาทิตย์..แต่เสียงหวานกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของคนตัวเล็กก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของร่างสูงอยู่ไม่เคยไปไหน ที่ตรงนี้..ในเวลานี้ควรจะมีคนที่จงอินรักสุดหัวใจอยู่ข้างๆ แต่ในความเป็นจริง..มันไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เลยแม้แต่นิด
ทั้งที่สัญญากันไว้อย่างดี..แต่อยู่ๆ คยองซูก็หายไป
ทำไมต้องใจร้าย..ทำไมต้องปล่อยจงอินไว้คนเดียว
ทำไมกัน..
‘ หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดให้บริการ กรุณาตรวจสอบหมายเลขอีกครั้งค่ะ ’
ครั้งที่สามสิบเก้าของวันที่คิมจงอินยังคงกดหมายเลขโทรศัพท์ของร่างเล็กที่คุ้นเคยอยู่อย่างนั้นแล้วกดโทรออกแม้รู้ทั้งรู้ว่าอีกคนไม่ได้ใช้เบอร์นี้แล้ว..
โทรกี่ครั้ง..ก็ได้ยินแค่เสียงตอกย้ำว่าเบอร์นี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป..เหมือนกับตัวของเจ้าของเบอร์เอง
แต่ถึงอย่างนั้น..ร่างสูงก็ยังโทร..ยังคอยเรียกหาคนตัวเล็กตามที่หัวใจที่เริ่มบอบช้ำยังหวัง
“ หายไปไหน..อยู่ที่ไหนหรอคยองซู.. ” เสียงทุ้มเรียกหาคนรักด้วยน้ำเสียงแหบพร่าทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างยังจับจ้องภาพตรงหน้าแต่ก็ด้วยความเหม่อลอย หน้าจอโทรศัพท์แสดงรูปคู่รูปสุดท้ายที่ทั้งสองคนถ่ายร่วมกันในวันที่คยองซูให้สัญญา ภาพตรงหน้าที่เคยชัดเจน..กลับพร่ามัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ม่านน้ำตาก่อตัวขึ้นเมื่อดวงตาคมทั้งสองข้างเริ่มร้อนผ่าว ไม่นานหลังจากนั้น..ความรู้สึกเสียใจก็กลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาหยดลงที่หน้าจอโทรศัพท์..หยดลงมาที่รูปคู่ของเขาทั้งสอง
นี่เขา..ร้องไห้อย่างนั้นหรอ
ไม่อยากจะเชื่อเลย..คนอย่างคิมจงอินจะร้องไห้..
อย่าร้องสิ..อย่าอ่อนแอให้คนใจร้ายที่ทิ้งเราไปได้มั้ยคิมจงอิน
เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ปิดลง..ภาพตรงหน้าที่มีแต่ความมืดมิด รอบข้างมีเพียงความเหงาและความหนาวเหน็บทำให้เหตุการณ์เมื่อสามวันก่อนย้อนกลับมาในห้วงความคิดของร่างสูงอีกครั้ง
“ คยองซู..คยองซูอยู่ที่ไหน..โดคยองซู ” เสียงตะโกนเรียกชื่อคนตัวเล็กดังไปทั่วทั้งคอนโดที่ทั้งสองอาศัยอยู่ร่วมกัน ตะโกนเรียกชื่อคนรักรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่กลับมาแล้วรู้สึกว่าบรรยากาศในคอนโดมันเปลี่ยนไป มันไม่เหมือน..เหมือนกับคยองซูไม่ได้อยู่ในห้องนี้อีกต่อไปแล้ว เสื้อผ้าบางตัวที่กระจัดกระจายออกมานอกตู้ทำให้คิมจงอินรู้สึกไม่สบายใจ และยิ่งเมื่อเขาเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าของคยองซูมันก็ยิ่งทำให้ท่อนขาอ่อนแรงไปหมด
ไม่มี..เสื้อผ้าของคนตัวเล็กหายไปเกือบทุกตัวที่มีอยู่ ของใช้ส่วนตัวของคยองซูทุกชิ้นที่อยู่ในห้องน้ำไม่ได้ถูกนำไปด้วยแต่มันก็ถูกทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดีทั้งที่บางอย่างยังเป็นของใหม่ และที่สำคัญที่สุด..คนตัวเล็กไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
ทั้งที่ปกติถ้าจงอินกลับมาจากที่ทำงานจะมีคนรักมาเปิดประตูรับแล้วหาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มแท้ๆ..แต่ภาพตรงหน้าในวันนี้มันกลับให้หัวใจของจงอินกระตุกวูบ ข้าวของไม่ได้กระจัดกระจาย..แต่คนตัวเล็กที่พยายามเรียกหากลับหายตัวไป พร้อมเสื้อผ้าในตู้..และของบางอย่างก็ถูกทิ้ง
‘ หมายเลขที่ท่านเรียก..ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้.. ’
“ ไม่จริง..คยองซู..คยองซูหายไปไหน..” แม้จะวิ่งเข้าวิ่งออกห้องเดิมอยู่นับสิบครั้ง แม้จะรู้ว่าภายในคอนโดคนตัวเล็กหายตัวไปแต่จงอินก็ยังวิ่งหาอยู่อย่างนั้น..ทั้งที่ความหวังที่จะเจอมันไม่มีเลยสักนิด
โทรไม่ติด..
เสื้อผ้าของคนตัวเล็กก็หายไป..
ของบางอย่างถูกทิ้งลงถังขยะ..
แม้จะไม่มีข้อความอะไรบอกว่าคนตัวเล็กไปไหน..แต่การหายตัวไปแบบนี้มันทำให้ร่างสูงรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด
จงอินพยายามคิดทบทวนเรื่องราวทุกอย่างแล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่โดคยองซูจะต้องจากเขาไปด้วยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้เลยสักนิด ไม่มีเลยสักนิด แล้วคนที่ร่างสูงรักหมดหัวใจหายตัวไปไหน แม้จะแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมานานนับปี..แม้จะมีบางเรื่องที่มีความเห็นไม่ตรงกันแต่ทั้งสองก็มักจะปรับความเข้าใจกันและก็รักกันมากขึ้นทุกวัน มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยสักนิดที่คนตัวเล็กจะทิ้งเขาไป..
ไม่มีคยองซู..มันหมายความว่ายังไงกัน
“ คยองซู..ขอร้องล่ะนะ.. ” สุดท้ายร่างสูงก็ทิ้งกายลงกับพื้นด้วยความอ่อนแรง เหมือนกับเขาไม่มีความหวังอะไรเลยสักนิด..เหมือนกับของสำคัญที่สุดในชีวิตมันหายไปแล้ว เรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนกับว่ามันหายไปพร้อมๆ กับคนรักที่จากไป
โทรศัพท์เครื่องบางถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ร่างสูงไม่ได้ต่อสายไปหาคนรักอย่างที่เคยทำ จงอินเลือกที่จะโทรหาแบคฮยอนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคยองซูแทน รอสายได้ไม่นานร่างบางก็รับ
‘ ฮ..ฮัลโหล ว..ว่าไงจงอิน ’ ปลายสายเอ่ยทักมาด้วยความไม่มั่นใจ แต่จงอินไม่ทันได้สังเกตมัน
“ แบคฮยอน..แบคฮยอนใช่มั้ย..คยองซูอยู่กับนายหรือเปล่า คือ..คือฉันกลับมาแล้วคยองซูไม่อยู่ที่คอนโด แล้วพอโทรหาก็ไม่ติด..ฉันคิดว่าคยองซูอาจจะไปนอนที่บ้านนาย..คือคยองซูเอาเสื้อผ้าไปด้วยน่ะ..แต่ว่าค้างนานขนาดนั้นเลยหรอทำไมคยองซูเอาเสื้อผ้าไปเยอะขนาดนั้น..ฮึก..คือถ้าคยองซูอยู่กับนาย.. ”
‘ จงอิน..จงอินนายใจเย็นๆ ก่อนนะ ’ ปลายสายที่ฟังประโยคยืดยาวของคนรักเพื่อนสนิทแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดผ่านเข้ามาก็ยิ่งทำให้แบคฮยอนแน่ใจว่าจงอินอาการไม่ดีแน่ ‘ คยองซู..ไม่ได้อยู่กับฉันหรอกนะ ’ แบคฮยอนตอบกลับมาอีกรอบ แต่คราวนี้มันยิ่งกลับทำให้จงอินรู้สึกหมดหวังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ถ้าคยองซูไม่ได้อยู่กับแบคฮยอนแล้วคนตัวเล็กไปอยู่ที่ไหนกัน
“ แบค..แบคฮยอน ไม่จริง..แต่ว่า..เสื้อผ้าคยองซูก็ไม่อยู่ที่นี่แล้วนะ ของก็ไม่อยู่..ฮึก เราไม่ได้ทะเลาะกันเลยนะ แล้วคยองซูไปอยู่ไหนล่ะแบคฮยอน..ฮือ..คยองซูไปอยู่ที่ไหน คยองซูไม่มีญาติหรือใครแล้วนะ..แบคฮยอน ” สุดท้ายน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลบ่าออกมายิ่งกว่าครั้งไหนๆ มันมากมายจนจงอินเองก็คิดว่ามันมากเกินกว่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะร้องออกมาได้
ตอนนี้..ในเวลานี้ร่างสูงรู้สึกสับสนไปหมด เหมือนทุกอย่างมันพังทลายลงมาโดยไม่ได้ตั้งตัว ทั้งที่เรายังรักกันดีอยู่แท้ๆ ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าเรายังทานข้าวด้วยกัน..ตื่นมาเจอกันหน้ากันเหมือนสามีภรรยาคู่อื่น แต่แล้วทำไมตอนนี้..ทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้
‘ จงอิน..ฉันไม่รู้ว่าคยองซูไปไหน ’ ปลายสายเอ่ยเรียกอีกคนให้ได้สติ ‘ ฉันรู้แค่ว่า..นายไม่ต้องรอคยองซูแล้วนะ ’
“ … ”
‘ … ’
“ ฉัน..ฉันไม่เข้าใจ..นาย..หมายถึง.. ” ‘
คยองซูไปจากชีวิตนายแล้ว..คยองซูมีคนใหม่แล้ว ’
“คยองซูมีคนใหม่แล้ว..อย่างนั้นหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ พร้อมนัยน์ตาคู่คมก็ทอดมองแสงพลุในค่ำคืนแรกของปี ความรักของจงอินเป็นแบบพลุนั่นหรอ..ที่ถูกจุดแล้วกลายเป็นแสงไฟที่สวยงาม แต่พอไม่กี่วินาทีต่อมา..มันก็ดับลง
ถ้าถามว่าร่างสูงอยากเจอคยองซูมั้ย..แน่นอนว่าจงอินต้องตอบว่าอยากเจอมาก ความรักของเขาที่มอบให้กับคนตัวเล็กมันไม่เคยน้อยลงเลยสักครั้ง มีแต่กลับมากขึ้น..มากขึ้นเรื่อยๆ จนคนรอบข้างมองว่าร่างสูงรักโดคยองซูมากเกินไป ทั้งสองคนรักกัน..ใครๆ ก็รู้ แต่ทำไมอยู่ๆ คยองซูถึงได้หายไป เพราะไม่อยากให้ตามหากันใช่มั้ย..ถึงไม่บอกอะไรเลยแบบนี้
ทำไมอยู่ๆ ก็ไปมีคนใหม่ ทั้งที่เราสองคนก็รักกันจนหมดหัวใจ
หรือที่ผ่านมา..คยองซูก็แค่โกหกว่ารักก็เท่านั้น
เขาไม่เข้าใจ..
.
.
“ จงอิน..คิมจงอิน มึงอยู่ไหนวะ จงอิน !!! ” เสียงตะโกนของเพื่อนร่วมงานดังขึ้นจากโต๊ะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของร่างสูง ใบหน้าคมเงยขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความไม่สบอารมณ์ที่เพื่อนร่วมงานอย่างโอเซฮุนตะโกนเรียกเขาข้ามฟากแบบนี้ ระยะห่างมันก็ไม่ได้ไกลกันมากแต่ชายหนุ่มอารมณ์ดีก็มักจะชอบสร้างบรรยากาศที่ชวนน่ารำคาญแบบนี้จนพนักงานทุกคนในแผนกเดียวกันเริ่มชิน
“ อะไร ” ลุกขึ้นยืนแล้วถามกลับด้วยท่าทีเรียบเฉย เห็นท่าทีแบบนั้นอีกคนจึงได้หุบยิ้มตัวเองลง
“ คุณหัวหน้าแผนกให้พวกเราซื้อกระเช้าเข้าไปเยี่ยมท่านผู้บริการระดับสูงที่กำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล และคุณจงอินครับ..เราต้องไปเดี๋ยวนี้ ” คำที่ใช้เรียกบุคคลที่สามและสี่ดูจะเอาทีเล่นทีจริงจนคนที่อารมณ์ไม่ค่อยดีอย่างจงอินต้องส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของเซฮุนอีกครั้ง
ร่างสูงพยักหน้ารับพร้อมกับก้มตัวลงไปกดเซฟงานที่ทำค้างไว้ก่อนจะหยิบเสื้อนอกที่พาดกับพนักเก้าอี้มาสวมใส่
“ งั้นเดี๋ยวผมมานะครับพี่ ” หันไปคุยยิ้มบางๆ กับรุ่นพี่ที่สนิทซึ่งนั่งทำงานอยู่ข้างๆ ก่อนจะออกเดินตามโอเซฮุนที่นำหน้าไปที่รถแล้ว
“ ใครเป็นอะไร ” เสียงทุ้มเอ่ยถามตามมารยาทเมื่อเพื่อนตัวสูงเคลื่อนรถออกมาจากบริษัทจนตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนถนนใหญ่ อันที่จริงจงอินก็ไม่ค่อยสนใจอะไรมากนักหรอก..ร่างสูงแค่อยากจะรู้ว่าคนที่ไปเยี่ยมคือใครและเป็นอะไรตามมารยาทก็เท่านั้น
และแม้รถที่ขับมาจะเป็นของคิมจงอินแต่เพื่อนของเขาก็ไม่ไว้ใจให้เจ้าของรถขับสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่โดคยองซูหายไปจงอินก็ไม่เหมือนเดิม รอยยิ้มมีความสุขที่มักจะได้เห็นบนใบหน้าคมทุกวันแต่ตอนนี้มากสุดก็แค่ยิ้มจางๆ ตามมารยาท ไหนจะอาการเหม่อลอยจนเหมือนคนที่โดนดูดวิญญาณออกจากร่างนี่อีก ครั้งนี้โอเซฮุนจึงอาสาขับรถให้เองดีกว่า
“ ก็ท่านประธานไง ท่านป่วยเข้าโรงพยาบาล..แต่กูไม่รู้หรอกว่าเป็นอะไร เขาใช้ให้มาก็มา ” เซฮุนตอบทั้งที่ยังมองทางข้างหน้าอยู่ “ อ้อนี่..โรงพยาบาลนี้แหละ ” มือหนาหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าไปตามทางแยกเข้าโรงพยาบาลทันทีที่เห็นป้าย รถคันสีดำถูกพามาจอดที่ลานจอดรถที่หาได้ง่ายที่สุด จริงๆ แล้วโอเซฮุนก็แค่มาเยี่ยมตามหน้าที่เหมือนกับจงอินที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไร อยากจะรีบไปแล้วก็รีบกลับก็เท่านั้นแหละ
“ อืม..หัวหน้าบอกว่าห้อง 302 ” โอเซฮุนว่าพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยออก มือหนาเอื้อมไปหยิบกระเช้าที่หัวหน้าแผนกฝากมาเยี่ยมที่เบาะหลังก่อนจะหันตัวกลับมาและกำลังจะเปิดประตูรถออกไป หากแต่เสียงทุ้มของเพื่อนสนิทกลับเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ มึงไปก่อนเลยนะ กูอยากเข้าห้องน้ำ ”
“ ห้ะ ? เข้าห้องน้ำ ? “ เซฮุนทำหน้างง แล้วทำไมจงอินต้องอยากเข้าห้องน้ำตอนนี้ ? “ อ่า..โอเคๆ งั้นกูไปก่อนละกัน ” ถึงจะยังงงๆ กับประโยคของอีกคนแต่เซฮุนก็ยอมเพื่อนสนิทตัวเองไป ไม่ค่อยอยากจะขัดใจมันเท่าไหร่เพราะกลัวจะทำให้จงอินอารมณ์ไม่ดีกว่าเดิม
ความจริงแล้วมันก็แค่ข้ออ้างก็เท่านั้น..
จงอินแค่ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากเจอผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่อยู่ในโรงพยาบาล แม้ว่าคนพวกนั้นก็อาจจะไม่มีความสุขเหมือนเขาเพราะโรคร้ายต่างๆ ที่กำลังเผชิญ แต่แน่นอนว่าจงอินไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น ร่างสูงแยกตัวออกมาจากโลกที่มีสีสันตั้งแต่คยองซูทิ้งเขาไป
สิ่งที่ร่างสูงทำคือนั่งอยู่ในรถของตัวเองอยู่อย่างนั้น ผ่อนลมหายใจเข้าออกแล้วเอนพิงกับเบาะรถ อยากให้สมองตัวเองตอนนี้ว่างเปล่าเหมือนกับที่เขาไม่มีใครอยู่ข้างกาย แต่ทำไมความเงียบมันกลับทำให้จงอินเอาแต่คิดถึงคยองซูกันนะ
‘ หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดให้บริการ.. ’
การกระทำเดิมๆ ผลตอบรับแบบเดิม..ถ้าจะเปรียบเทียบคิมจงอินตอนนี้เหมือนกับอะไรสักอย่าง...เขาก็คงเหมือนกับผู้ชายที่แสนโง่เขลาคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตามหาความรักที่วิ่งหนีตัวเองไป ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนแต่ยังไงก็ยังออกตามหา..เพราะเชื่อมั่นว่าความรักที่วิ่งหนีเขาไป..มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ
ร่างสูงยังเชื่อ..ว่าคยองซูยังรักเขาอยู่ เชื่อในความรักระหว่างเราสองคน
ครืด..ครืด
สมาร์ทโฟนเครื่องบางในกระเป๋าสั่นทันทีเมื่อมีข้อความเข้า สติของร่างสูงถูกดึงกลับมาหลังจากที่เหม่อลอยเพราะคิดถึงคนรักไปเกือบยี่สิบนาที มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าก่อนจะปลดล็อกรหัสโทรศัพท์เพื่ออ่านข้อความที่โอเซฮุนส่งมา
OhSe : รีบมาสักทีสิมึง กูอยู่คนเดียวนะเว้ย
KimJ : โอเค
ตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ร่างสูงพาตัวเองลงมาจากรถพร้อมกับกดกุญแจเพื่อล็อกรถเอาไว้ ขายาวก้าวฉับๆ เข้าไปในโรงพยาบาลด้วยความรีบเพราะตัวจงอินเองก็รู้สึกว่าเขานั่งอยู่ในรถนานเกินไป
แต่เพราะดันลืมขึ้นมาเสียได้ว่าห้องของท่านประธานคือห้องไหน ร่างสูงถอนหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังเค้าท์เตอร์ที่มีพยาบาลชุดขาวสองสามคนนั่งประจำอยู่แล้วจึงเอ่ยปากถาม
“ คนไข้ที่ชื่อโดคยองซูอยู่ห้องไหนครับ..อ่ะ ผมหมายถึง.. ” ร่างสูงอยากจะเอามือตบที่หน้าตัวเองแรงๆ เพราะในหัวตอนนี้มีแต่หน้าและชื่อของคยองซูเต็มไปหมด ทั้งที่ตั้งใจจะเอ่ยชื่อท่านประธานบริษัทแต่กลับเอ่ยชื่อของคนรักขึ้นมาแทน แต่ทว่ายังไม่ทันที่ร่างสูงจะพูดแก้จนจบประโยคตอบกลับของพยาบาลสาวก็แทรกขึ้นมาก่อน
มัน..สร้างความแปลกใจให้กับคิมจงอินเป็นอย่างมาก
“ 304 ค่ะ ”
“ ค..ครับ ? ”
“ พอดีผู้ชายที่มาก่อนหน้าคุณก็ถามถึงห้องของคุณโดคยองซูน่ะค่ะ คุณโดคยองซูพักฟื้นอยู่ที่ห้อง 304 ชั้น 3 นะคะ ” เธอยิ้มออกมาบางๆ ตามหน้าที่หลังจากให้คำตอบกับคนคิดว่าเป็นญาติผู้ป่วยไป
เหมือนกับตอนนี้ในสมองของร่างสูงมันตื้อไปหมด ตัวทั้งตัวแข็งทื่อไม่ขยับกายไปไหน แต่ทำไมหัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาให้ได้ในตอนนี้ เขาสับสนไปหมด..คำถามมากมายมีอยู่เต็มหัวจนเรื่องที่เขาต้องขึ้นไปเยี่ยมหัวหน้าก็ถูกกลืนให้หายไปเช่นกัน โดคยองซูอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรอ..คนรักที่เฝ้าตามหาอยู่ใกล้เขาแล้วใช่มั้ย แล้วคยองซูเป็นอะไรทำไมต้องมาโรงพยาบาล..ไม่สบายหรอ ป่วยเป็นอะไร ป่วยหนักมั้ย..ทำไมถึงได้มาพักฟื้นแบบนี้
ไวเท่าความคิดที่อยากจะหาคำตอบและความรู้สึกที่อยากจะพบใบหน้าหวาน คิมจงอินหมุนตัวแล้วรีบวิ่งไปกดลิฟต์ตัวอยู่ใกล้ๆ แต่มันก็นานเกินไปสำหรับเขา ร่างสูงตัดสินใจใช้บันไดหนีไฟ..แม้มันจะหลายขั้นแต่โชคดีที่มันแค่ชั้นสาม หลายอาจจะเหนื่อยแต่ก็ไม่เหนื่อยมากสำหรับมาคนที่กำลังจะได้เจอหน้าคนรักที่เฝ้าตามหามานาน
ประตูบันไดหนีไฟถูกกระชากเปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงก้าวเข้ามาที่ทางเดินยาวซึ่งตอนนี้มันเงียบและปราศจากผู้คน ลมหายใจหอบออกมาหนักๆ จนได้ยินเสียง..มันไม่ใช่เพราะเขาเหนื่อย แต่เพราะตอนนี้ใจของคิมจงอินเต้นแรงมาก..
ขาเรียวทั้งสองข้างก้าวเดินอีกครั้ง..ทางเดินที่เงียบสงัดมีเพียงแค่เสียงฝีเท้าจังหวะช้าๆ ของร่างสูงที่ค่อยๆ ก้าวไปหาประตูห้อง 304 ซึ่งเป็นห้องพักฟื้นของร่างเล็ก..ภายในหัวใจมันเต้นโครมครามไปหมด เพิ่งจะได้คิดว่าถ้าเข้าไปแล้วเจอกับคนรักใหม่ของคยองซูแล้วตัวเองจะทำใจได้มั้ย คนตัวเล็กยังมองเขาเป็นคนที่รักหมดหัวใจอยู่หรือเปล่า คยองซูจะไม่ทำเป็นลืมจงอินหรอก..ใช่มั้ย
แค่ตรงหน้า..แค่มือหนาผลักประตูห้องเข้าไปจงอินก็จะได้เจอกับคนที่คอยตามหามานานหลายอาทิตย์แล้ว ป้ายชื่อที่ติดกำกับอยู่กับประตูห้องที่ยิ่งทำให้ร่างสูงดีใจ ชื่อ ‘โดคยองซู’ จริงๆ ด้วย เป็นชื่อของคนที่เขาตามหาจริงๆ
แม้กระทั่งกระจกสี่เหลี่ยมเล็กที่สามารถมองลอกเข้าไปในห้องได้ร่างสูงยังไม่กล้าที่จะมองเข้าไปเพราะกลัวจะเห็นใครอีกคนนอกจากโดคยองซู
มือหนาที่เคยแนบอยู่ข้างกายกำลังเคลื่อนเข้าไปหาลูกบิดประตูแล้วด้วยซ้ำ มันทั้งสั่นและเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ คยองซูจากไปเพราะมีคนใหม่..คยองซูมีใครที่ไม่ใช่จงอิน
แต่แล้วประตูห้องก็ถูกเปิดจากคนที่อยู่ข้างในเสียอย่างนั้น ใบหน้าคมที่ก้มต่ำเงยขึ้นมาด้วยความตกใจทันที รีบลดมือของตัวเองกลับมาทีเดิมพร้อมกับกลั้นความรู้สึกคิดถึงเอาไว้
“ จ..จงอิน ” คนที่เปิดประตูออกมาก็ตกใจไม่แพ้กัน ทั้งคู่ได้แต่ยืนค้างอยู่อย่างนั้นแล้วมองหน้ากันด้วยความตกใจ “ นายมาที่นี่ได้ยังไง ”
“ คยองซูเป็นอะไรหรอ..ทำไมถึงไม่สบาย ”
“ … ”
“ คยองซูไม่ได้เป็นอะไรมาก..คยองซู.. ” เพราะส่วนสูงที่มากกว่าคนตรงหน้าทำให้จงอินสามารถมองผ่านไปยังภาพเบื้องหลังของแบคฮยอนได้ เตียงคนไข้ที่มีร่างของคยองซูอย่างที่คิด..แต่สิ่งที่จงอินไม่ได้คิดคือคนที่เขารักมีทั้งสาย เครื่องวัดและเครื่องช่วยหายใจอยู่แบบนี้
จงอินแค่คิดว่าถ้าเขาเข้ามาจะเจอเพียงแค่สายน้ำเกลือสายเดียวเหมือนกับคนทั้วไป..แต่ภาพตรงหน้ามันไม่ใช่ คยองซูดูอาการหนักกว่านั้น ทั้งเครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเหลือ เครื่องวัดการเต้นของหัวใจ ผ้าพันแผลสีขาวที่พันอยู่รอบศีรษะคนตัวเล็ก แล้วก็สายอะไรต่างๆ นาๆ อีกเต็มไปหมด จงอินพูดอะไรไม่ออกกับภาพตรงหน้าที่เห็นจริงๆ
“ อย่าเพิ่งกวนแฟนนายเลยนะ.. ” แบคฮยอนเอ่ยอีกครั้งเมื่อเห็นอีกคนนิ่งเงียบไป แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆ ไปให้ร่างสูงที่เคลื่อนสายตากลับมาจับจ้องคนตรงหน้า “ คยองซูเพิ่งผ่าตัดสมองมา..ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย ”
“ ผ..ผ่าตัด ”
“ ใช่..จริงๆ..มันก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วล่ะที่แฟนนายเอาแต่นอนนิ่งอยู่แบบนี้ ” เสียงแบคฮยอนเองก็เริ่มสั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดต่อไป “ คยองซู..เป็นโรคเนื้องอกในสมอง หมอพยายามแล้ว..แต่โอกาสที่คยองซูจะรอดมันน้อยมากเลย..ฮึก น้อยเกินไป..ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วคยองซูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย ฮึก.. ” สุดท้าย..น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งที่ก่อนเข้าห้องผ่าตัดคยองซูสัญญาไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะกลับมาคุยกันอีก แต่นี่มันก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว..ทำไมยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีกล่ะ
“ เนื้องอกในสมองหรอ..แล้ว..ที่บอกว่าคยองซูมี..มีคนใหม่ ”
“ ฮึก..คยองซูให้ฉันโกหก คยองซูบอกว่า..ถ้าการรักษาไม่สำเร็จ อย่างน้อยนายยังรับรู้ว่าคยองซูยังอยู่บนโลกใบนี้ ยังอยู่ใกล้ๆ นาย.. ” แบคฮยอนอธิบายทั้งน้ำตา เพราะเรื่องทุกอย่างทุกจัดฉากขึ้นมาตั้งแต่คยองซูรู้ผลตรวจและวิธีรักษา โอกาสที่จะหายมันน้อย..น้อยมากจนคนตัวเล็กเลือกที่จะให้จงอินจดจำว่าคนตัวเล็กแค่ไปมีคนใหม่ ไม่ใช่จากโลกนี้ไปในความเป็นจริง คยองซูยอมให้จงอินเกลียด..ถ้าคนที่เขารักจะไม่ต้องเสียใจที่ตัวเองจากไป
“ โรงพยาบาลที่บอสตันก็ยังไม่ติดต่อกลับมาว่าจะรักษาคยองซูได้มั้ย ถ้าติดต่อมา..ก็มีโอกาสหาย ถ้าไม่..ฮึก ก็คงต้องรอปาฏิหาริย์ ” มือเรียวเคลื่อนขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเองออกอีกครั้ง และคิมจงอินก็ได้แต่ยืนเงียบ..เงียบกับความจริงที่โหดร้ายกว่าที่คิด คยองซูไม่ได้ไปมีคนใหม่..ร่างเล็กยังรักจงอินอยู่ และไม่ต้องการให้จงอินเจ็บจึงเลือกที่จะปิดเรื่องนี้เอาไว้ คยองซูยอมโดนเกลียด แต่ไม่ยอมให้จงอินเจ็บ
‘ ถึงฉันจะไม่อยู่..แต่อย่างน้อยจงอินก็ยังจำว่าฉันยังอยู่ใกล้ๆเค้า ฉันไม่อยากให้เค้าต้องคอยเจ็บปวดซ้ำๆ กับประโยคที่ว่าฉันตายไปแล้ว..ช่วยฉันเถอะนะแบคฮยอน ’
ท่อนขายาวก้าวเดินมาในตัวห้องพักผู้ป่วยช้าๆ แบคฮยอนหลบทางให้และคอยมองร่างสูงเงียบๆ ทั้งที่น้ำตาก็ยังคงไหลอาบแก้มอยู่ เก้าอี้ข้างเตียงซึ่งว่างเปล่าถูกผู้มาใหม่นั่งลงพร้อมเขยิบไปใกล้ร่างที่นอนไม่สติให้ใกล้เข้าไปอีก มือเล็กที่ซีดเซียวและคุ้นเคยถูกมือหนาเอื้อมมาสัมผัสบางเบาอีกครั้ง คยองซูคนเดิมยังอยู่ตรงนี้..คิมจงอินคนเดิมก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว
“ โกหกฉันทำไม..หืม ? ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่คุยกันพร้อมทั้งยิ้มให้กับคนที่นอนนิ่งบางๆ ทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรเพราะคยองซูไม่อาจมองเห็น
แต่อย่างน้อย..เขาเชื่อว่าคยองซูจะรับรู้ได้ว่าจงอินอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ได้ไปไหน
“ ไม่สบายทำไมไม่บอก ทำไมไม่ให้แฟนตัวเองมาดูแล..ไปรบกวนแบคฮยอนทำไมเด็กดื้อ..อึก.. ”ความรู้สึกทุกอย่างมันตีรวนอยู่ในห้องจนเจ็บและจุกไปหมด แม้จะดีใจที่ได้เจอหน้าแต่ความเสียใจมันมีมากกว่า ร่างกายของคยองซูมันไม่ได้เหมือน..ปกติถ้ามือของเขาสัมผัสกับมือเล็กแบบนี้ จงอินก็จะรู้สึกได้ถึงแรงกระชับให้แน่นขึ้นมากมือเล็กอีก แต่ครั้งนี้มันไม่มี..มือนุ่มดูอ่อนแรงไปหมด
“ ตื่นขึ้นมาคุยกันหน่อยนะ..ได้มั้ย คิดถึงมากเลยรู้หรือเปล่า ”
“ … ”
“ วันนั้นไหนสัญญาว่าจะทานข้าวเย็นด้วยกันล่ะ ฮึก..ถ้าทำไม่ไหวทำไมไม่บอก ฉันจะได้ทำให้ไง..เราสองคนก็จะได้ทานข้าวกันเหมือนทุกวัน ”
“ … ”
“ เด็กดื้อ..ปล่อยให้ฉันนอนคนเดียว ไปเค้าท์ดาวน์คนเดียว..กินข้าวคนเดียว ใจร้ายมากเลยนะเรา ”
“ … ”
“ ตื่นขึ้นมาได้มั้ย..ฮึก นะ.. ” น้ำตาที่กลั้นไว้..สุดท้ายมันก็ไหลออกมาจน ใบหน้าคมเคลื่อนลงมาทาบทับกับมือของเล็กที่ตัวเองกำลังกอบกุมไว้ หวังจะให้มือคยองซูคอยซับน้ำตาให้เหมือนที่ผ่านมา
ความอ่อนแอนี้..ให้มันหายไปได้มั้ย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเรียกความสนใจให้ทั้งแบคฮยอนและจงอิน สิ้นเสียงเคาะประตูได้ไม่นานมันก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วเหมือนกับต้องการจะพบคนในห้องมาก เป็นพยาบาลที่มักจะเข้ามาดูแลคยองซูอยู่เสมอ แต่คราวนี้เธอกลับมาหน้าตาและท่าทีที่สดใสกว่าเดิม รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าทำให้ทั้งแบคฮยอนและจงอินแปลกใจ
“ เมื่อกี้ทางโรงพยาบาลจากบอสตันติดต่อกลับมาแล้วค่ะ ....ยินดีด้วยนะคะ ที่นั่นให้การตอบรับมาแล้ว และให้เราส่งตัวคุณคยองซูไปผ่าตัดได้เลยค่ะ ”
“ ม..หมายความว่า คยองซูมีโอกาสหายแล้วใช่มั้ยครับ ? ” แบคฮยอนถามด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่แพขนตายังเปียกชุ่ม ภาพที่พยาบาลสาวพูดตอบรับและหยักหน้ามาให้มันเหมือนกับโลกที่ถูกระบายด้วยสีเทากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เหมือนได้ของสำคัญที่ขาดหายไป..
“ คยองซู..คยองซูจะได้กลับมาอยู่กับฉันเหมือนเดิมแล้วนะ ฮึก..คยองซู อะ.. ” ใบหน้าเปื้อนทั้งรอยยิ้มและน้ำตาหันกลับมาหาคนที่นอนไม่ได้สติอีกครั้งด้วยความดีใจ ดีใจจนบอกไม่ถูกที่ได้รับคำตอบจากพยาบาลแบบนี้..
แต่สิ่งที่น่าดีใจไปกว่านั้น..คือการตอบสนองที่มือซึ่งกำลับกอบกุมกันอยู่ ร่างสูงรู้สึกได้ถึงแรงบีบเบาๆ จากมือเล็ก
“ มีอะไรหรอจงอิน ” แบคฮยอนเดินมาทางด้านหลังก่อนจะเอ่ยถามช้าๆ
“ คยองซู..ค..คยองซูบีบมือฉันเมื่อกี้ คยองซู..อะ..คุณพยาบาลครับ คยองซูฟื้นแล้ว ! ” นัยน์ตาคมเคลื่อนจากมือสองมือซึ่งกอบกุมกันไว้มาเป็นจับจ้องที่ใบหน้าหวานแทน เปลือกตาสีอ่อนที่ปิดสนิทค่อยเปิดออกช้าๆ เพราะต้องการปรับแสง จงอินร้องออกมาด้วยความดีใจ พยาบาลสาวที่ยืนอยู่ในห้องก่อนหน้านั้นรีบออกไปตามคุณหมอมาดูอาการทันทีด้วยท่าทีดีใจเช่นกันกับญาติคนไข้
“ คยองซู..ฮึก ฟื้นแล้วหรอ ฟื้นแล้วใช่มั้ย ”
“..จ..ง..อิน ” พยายามเปล่งน้ำเสียงที่แสนแหบพร่าออกมาด้วยความยากลำบากเพราะช่วยหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาร่างเล็กไม่ได้พูดอะไรเลยออกมาสักคำ ร่างกายได้แต่นอนนิ่งจนอ่อนล้าไปหมด แม้จะเพิ่งผ่านจากการผ่าตัดมาแต่ร่างเล็กก็ยังพอจะประติดประต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนเข้าห้องผ่าตัดได้ ความจริง..จงอินไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรอ แล้วทำไม..
“ จง..อิน..ท..ทำ ”
“ ไม่ต้องพูดแล้วคยองซู..ไม่ต้องพูดนะ เอาไว้ให้อาการทรงตัวกว่านี้ก่อน..นายเพิ่งฟื้น เอาไว้ตอนเดินทางไปบอสตันเราค่อยคุยกันนะ..เด็กดื้อ ”
“ อึก.. ” ทั้งที่อยากจะกอดคนที่กุมมือตัวเองไว้ให้ได้ขนาดไหน..แต่สิ่งที่ร่างเล็กทำได้คือกระชับมืออีกคนด้วยแรงที่น้อยนิดก็เท่านั้น..อยู่ๆ น้ำใสๆ ก็ไหลออกมาจากทางหางตา
คิดถึง..คือความรู้สึกเดียวที่มีมากอยู่เต็มหัวใจของทั้งสองคน
สำหรับความรัก...มันไม่สำคัญเลยสักนิดว่าสิ่งที่เรามอบให้เขาด้วยความเต็มใจ มันจะทำให้เราต้องเจ็บปวดขนาดไหน เพราะนั่น..มันก็แค่ความรู้สึกทางกาย ภายในใจลึกๆ ต่างหากคือสิ่งที่เราควรจะนึกถึง..การไม่ทำร้ายความรู้สึกและมอบความจริงใจให้กันต่างหาก..คือสิ่งที่คนรักกันควรจะทำให้กัน
ผลงานอื่นๆ ของ SheaButter_N ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ SheaButter_N
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น