ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfiction เทพยุทธ์เซียนGlory|Qzgs] :: Just One Glance

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 :: เฉียวอี้ฟาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 788
      97
      4 ก.ย. 62



    บทที่1

     

    เฉียวอี้ฟาน

     

    กลอรี่ เกมออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่มีผู้เล่นลงทะเบียนมากกว่า130ล้านคน ในช่วงสิบปีที่ผ่านมามีทั้งผู้เล่นสุดแกร่ง ผู้เล่นมืออาชีพที่เป็นที่นิยมและทีมใหญ่ยักษ์มากมายถูกก่อตั้งขึ้น การได้ขึ้นเป็นผู้เล่นมืออาชีพในสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างเป็นความฝันของเหล่าผู้เล่นกลอรี่ หากแต่การได้ขึ้นเป็นผู้เล่นมืออาชีพนั้นไม่ได้ง่ายดายนัก ยิ่งหากเมื่อขึ้นเป็นผู้เล่นมืออาชีพแล้ว ยังต้องเจอกำแพงแห่งความต่างชั้นจากเหล่ารุ่นพี่ในสายอาชีพเดียวกัน เหล่ารุ่นพี่นักกีฬารุ่นทองคำ และเหล่ามหาเทพทั้งห้า ไม่ว่าจะ

    เทพสงคราม อี๋เยี่ยจือชิว ของเยี่ยชิว จากเจียซื่อ

    นักหมัดมวย ต้าม่อกู้เหยียน ของหานเหวินชิง จากป้าถู

    อริยดาบ เยี่ยอวี่เซิงฝาน ของหวงเส้าเทียน จากหลานอวี่

    นักแม่นปืน อี้เชียงชวนหยุน ของโจวเจ๋อข่าย จากหลุนหวย

    และ มายากร หวังปู้หลิวสิง ของหวังเจี๋ยซีจากเวยเฉ่า

    ไหนจะเหล่านักกีฬารุ่นทองคำ นักกีฬาอันดับหนึ่งของแต่ละสายอาชีพ กำแพงที่สูงตระหง่านขนาดนี้ทำให้หลายต่อหลายคนถอดใจแล้วเป็นแค่แฟนคลับธรรมดาๆเท่านั้น แต่ก็มีบางคนไม่ถอดจกับความต่างของกำแพงนั้น

    เฉียวอี้ฟานเป็นนักกีฬาตัวสำรองจากทีมแชมป์อย่างเวยเฉ่าเองก็เป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมแพ้ต่อกำแพงเหล่านั้น เขาสามารถขัดเกลาจนสามารถเข้ามาอยู่ในทีมอย่างเวยเฉ่าได้ด้วยตัวของเขาเอง แต่ถึงแม้อี้ฟานจะก้าวเข้ามาในวงการมืออาชีพ และกลายเป็นนักกีฬาตัวสำรอง เฉียวอี้ฟานก็ไม่ต่างอะไรจากคนโปร่งแสงเลยแม้แต่นิด คนไร้ตัวตน บุคคลชายขอบ เด็กใกล้ตู้กดน้ำ คงจะเป็นคำนิยามทีเหมาะสมกับตัวของเขามากที่สุด เขานั้นไม่เคยได้รับความสนใจจากคนในทีม แม้เฉียวอี้ฟานจะเข้ามาในทีมเวยเฉ่าได้หลายเดือนแล้ว เขาก็ยังไม่เคยที่จะได้ลงแข่งหรือแม้กระทั้งซ้อมเหย้า

    แต่ถึงแม้จะไม่มีใครมองเห็นเขาเขาก็พยายามมากกว่าคนอื่น เพื่อที่สักวันจะมีคนมองเห็นคนชายขอบอย่างเขาบ้าง แต่สุดท้ายแล้วความพยายามพวกนั้นมันก็เหมือนจะไม่มีค่าสำหรับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

    เพราะไม่มีใครเห็นค่า และก็ไม่มีใครมองเขาเลย

    ตัวของเฉียวอี้ฟานแตกต่างจากเพื่อนสนิทของเขา อย่างเกาอิงเจี๋ยที่ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะ เป็นถึงผู้สืบทอดไอดีหวังปู้หลิวสิงต่อจากกัปตันที่ได้รับฉายาว่า'มายากร'อย่างหวังเจี๋ยซีคนนั้นอีก

    เกาอิงเจี๋ยนั้นก็เหมือนกับแสงที่สว่างจ้าไม่ว่าใครต่างก็สนอกสนใจ ส่วนเฉียวอี้ฟานก็เหมือนแสงที่ริบหรี่จนไม่มีใครชายตามองเลย ยิ่งวงแหวนรัศมีแสงที่มาจากอิงเจี๋ยใหญ่มากขึ้นเท่าไหร แสงนั้นยิ่งกลบตัวตนของแสงเล็กๆอย่างเขาจนหมด แสงของหิ่งห้อยตัวเล็กๆอย่างเขา มันจะไปทัดเทียบรัศมีของเกาอิงเจี๋ยและหวังเจี๋ยซีได้ยังไงกัน มันแทบจะไม่มีทางเลยที่จะเทียบเทียมได้

    เขาพยายามอย่างหนัก อี้ฟานเคยคิดว่าถ้าหากไม่มีใครเห็นค่าของเขา  สิ่งที่เขาต้องทำคือต้องพยายามมากขึ้นกว่านี้ มากขึ้น พยายามให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว แม้จะเหนื่อยยากแค่ไหนเขาก็จะพยายามต่อไป ถึงแม้ว่าเขาจะทำแบบฝึกหัดได้ช้ากว่ารุ่นพี่ เขาก็จะไม่ยอมแพ้  เขาจะพยายามมากขึ้น มากขึ้นกว่าเดิม

    ทั้งๆที่ตัวเขาคิดแบบนั้น ทั้งๆที่พยายามมากมายขนาดนั้น ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น

    กลับไม่ใครมาเห็นค่าของอี้ฟานเลย

    แม้เขาจะพยายามมากแต่กลับไม่มีใครเห็นค่า แม้ว่าตัวเขาจะพยายามอย่างหนักในทุกๆวัน แต่ฝีมือของเขากลับไม่ได้ดีขึ้นเลย เหมือนกับว่าทุกสิ่งที่เขาพยายามทำมันไม่มีค่าเลยสักนิด ทั้งไร้ค่า ทั้งเสียเวลา ทั้งๆที่พยายามมามากขนาดนั้นแล้วแท้ๆ

     เฉียวอี้ฟานคิดว่าตัวเองเริ่มเหนื่อยแล้ว เขาเหนื่อยกับการต้องพยายาม เหนื่อยกับการต้องเป็นเด็กส่งน้ำ เหนื่อยกับการที่ถูกเมินอย่างไม่ถูกเหลียวแลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงจะพยายามมากแค่ไหนมันก็ไร้ค่าในสายตาพวกเขา แม้จะพยายามมากแค่ไหนฝีมือของเฉียวอี้ฟานเองก็ไม่มีทางไปเทียบเท่าพวกเขา แม้จะพยายามมากแค่ไหนอี้ฟานก็เป็นได้แค่ เด็กกดน้ำที่แสนจืดจาง

    เขาเคยคิดที่จะเลิก แต่ทุกครั้งที่มองไปที่เวที ที่มีตัวละครที่โลดแล่นอยู่บนนั้น ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์และเสียงเชียร์จากผู้คนมากมายทั่วสารทิศนั้นทำให้หัวใจของเฉียวอี้ฟานเต้นแรงอย่างตื่นเต้น เขาอยากไปอยู่บนนั้น อยากให้ตัวละครที่เขาสร้างโลดแล่นบนนั้น นั้นคือความปรารถนาที่สูงสุด เขาถึงได้พยายามมาตลอดโดยไม่คิดจะยอมแพ้

    หากเขาลองพยายามอีกครั้ง ความพยายามพวกนั้นย่อมเป็นผล เฉียวอี้ฟานจึงไม่ยอมแพ้ เขาลุกขึ้นพยายามอีกครั้งและพยายามขึ้นมาอีก แต่ว่าตอนนี้เฉียวอี้ฟานรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน อยากจะให้ใครสักคนรับฟังคำพูดของเขา ใครก็ได้ที่เห็นค่าของเขา

    “เฮ้อ”

    เฉียวอี้ฟานถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยล้า ตอนนี้เป็นเวลาเลิกซ้อม เขาจึงได้เดินออกมาจากห้องซ้อมไปทางโรงอาหาร ระหว่างทางเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากใครบางคนลอยมา  เสียงทุ้มที่เขาได้ยินมาหลายครั้งทำให้เขาชะงัก อี้ฟานหลบอยู่ที่มุมก่อนชะโงกหน้าไปดูเจ้าของเสียง

    กัปตันหวังเจี๋ยซี!

    เฉียวอี้ฟานไม่คิดว่าตัวเองจะบังเอิญเจออีกฝ่าย ตอนนี้กัปตันหวังกำลังคุยกับรองกัปตันสวี่ปิน จากที่เขาได้ยิน เหมือนจะเกี่ยวข้องกับพวกตัวสำรองอย่างเขา เฉียวอี้ฟานตั้งอกตั้งใจฟังอย่างตื่นเต้น เขารู้ว่าการแอบฟังแบบนี้มันไม่ดี แต่พอเขาได้ยินกับเรื่องนักกีฬาตัวสำรอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบฟัง เขาแค่อยากจะรู้เรื่องที่กัปตันพูดที่อาจจะมีเขาปนอยู่ในนั้น หวังเจี๋ยซีคุยกับสวี่ปินเรื่องนักกีฬาทุกคนที่นึกออก ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่เขาจะนึกบางอย่างออกจึงถามไป

    “จะว่าไป แล้วเฉียวอี้ฟานละครับ"

    พอรองกัปตันเอ่ยถาม เฉียวอี้ฟานก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ากัปตันอาจจะจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำแต่อี้ฟานก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมาก อีกฝ่ายก้มหน้าลง มือข้างขวากุมคางพร้อมครุ่นคิด หวังเจี๋ยซีเงยหน้าขึ้นก่อนตอบไป

    "อี้ฟาน คงไม่เหมาะกับเวยเฉ่าหรอก"

    แค่คำพูดเพียงคำเดียว เหมือนกับถูกค้อนแข็งๆกระแทกเข้าที่หัวอย่างแรง หัวของเฉียวอี้ฟานขาวโพลนไปหมด เขาไม่ได้ยินอะไรต่อจากนี้ แค่คำพูดเพียงคำเดียวของกัปตันหวังเจี๋ยซีก็ทำให้หัวใจของอี้ฟานเจ็บปวดเกินจะห้ามไว้ ดวงตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมา อี้ฟานกัดริมฝีปากตัวเองก่อนจะเดินสวนทางที่เขาจะไปโรงอาหาร เขารีบเดินไปที่ห้องของตัวเอง 

    “อี้ฟาน ไม่ไปโรงอาหารงั้นหร--”

    เสียงของเกาอิงเจี๋ยเอ่ยทักเขา เพียงแต่เด็กหนุ่มผมดำกลับไม่ได้ยินเสียงนั้น เขาแค่รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

    “เจ้าเด็กนั้นรีบไปไหนของเขากันเนี่ย”

    รุ่นพี่ที่มาพร้อมอิงเจี๋ยเห็นพฤติกรรมของเด็กโปร่งแสงในทีมที่ไม่แม้จะสนเพื่อนสนิทได้แต่มองอย่างสงสัย แต่เขาไม่คิดจะเก็บไปคิดมากก่อนจะเดินจากไปพร้อมอิงเจี๋ยระหว่างทางที่เดินกลับห้องเฉียวอี้ฟานไม่ได้พูดคุยกับใคร ความเจ็บปวดในอกมันมากเหลือเกิน มากเสียหากคุยกับใครเข้า เขาอาจจะร้องไห้ออกมา

    อี้ฟานกลับมาถึงห้องของตัวเอง เขานั่งลงบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง ก่อนจะโน้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมจ้องมองโปสเตอร์ของกัปตันทีมที่มีอวาตาร์หวังปู้หลิวสิงอยู่ข้างๆ ดวงตาสีเข้มเริ่มสั่นระริกอย่างห้ามไม่ได้ มือเล็กๆคู่นั้นกุมที่อกเสื้อของตัวเอง หยาดน้ำตาสีใสไหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่นั้น เขาร้องไห้ออกมา เฉียวอี้ฟานเกลียดการที่ตัวเองต้องร้องไห้ มันเหมือนเป็นการตอกย้ำถึงความอ่อนแอของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่สามารถหักห้ามน้ำตาที่ไหลได้เลย เขาเจ็บมาก เจ็บที่กัปตันคนที่เขาคอยเฝ้ามอง คนที่เขาชื่นชมจะพูดแบบนั้นออกมา

    ความจริงมันเจ็บมากเกินไป อี้ฟานได้แต่นอนขดตัวร้องไห้ออกมา ความรู้สึกที่อัดอั้นตลอดถูกปล่อยออกมาพร้อมกับการร้องไห้ครั้งนี้

    ตอนนี้เขา เหนื่อยเหลือเกิน ระหว่างที่เฉียวอี้ฟานร้องไห้เขาเองก็ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน  เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    ที่ร้านเน็ตแห่งหนึ่งหญิงสาวผมสั้นที่กำลังเล่นเกมมองมาที่หน้าจอคอม ชื่อไอดีของนักดาบผีที่เธอรู้จักยังไม่ออนทั้งๆที่ถึงเวลาตามปกติที่เขาจะเข้ามาเล่นแล้ว

    “วันนี้อี๋ชุ่นฮวยไม่ได้ออนละ”

    น้ำเสียงหวานๆของถังโหรวเอ่ยขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอแชทที่มีชื่อ 'อี๋ชุ่นฮวย' ของเฉียวอี้ฟาน ปกติเวลานี้จะเป็นเวลาที่เด็กคนนี้ออนไลน์ในเกมแล้ว แต่ผ่านมาตั้งนานก็ยังไม่มีวี่แววของเด็กคนนี้เลย

    “เขาอาจติดธุระก็ได้มั้ง”

    'เยี่ยซิว' ที่นั่งข้างๆพูดก่อนอัดนิโคตินเข้าไปเต็มปอด ยังไงอี้ฟานก็เป็นนักกีฬาจะมีธุระอะไรบ้างก็เป็นเรื่องปกติ

    “QQ ก็ไม่ได้เปิดนะ”

    ถังโหรวหันมาคุยกับเยี่ยซิว เยี่ยซิวดับบุหรี่ลงก่อนเลื่อหน้าจอออกจากเกมไปดูในห้องแชท อี๋ชุ่นฮ่วยไม่ออนไลน์ทั้งในเกมและ QQเลย

    มีปัญหาอะไรรึเปล่านะ เยี่ยซิวคิดในใจ เพราะจากสถานการณ์ที่เขาได้ยินหลังจากครั้งนั้นที่เหล่าสมาชิกเวยเฉ่ามาท้าสู้กับจวินม่อเซี่ยว อี้ฟานก็ใช้ไอดีสำรอง อี๋ชุ่นฮวย นักดาบผีมาคอยช่วยเยี่ยซิวในการเก็บเลเวลรวมถึงสถิติดันเจี้ยนรวมถึงขอคำแนะนำจากตำราสอนของกลอรี่อย่างเยี่ยซิว หลังจากลงดันด้วยกันหลายคราทำให้เยี่ยซิวรู้ว่าอี้ฟานเป็นเด็กที่ถูกลืมเลือนอย่างร้ายกาจ เวยเฉ่ามีเพชรเม็ดงามอยู่ในมือแต่กลับเลือกโยนทิ้งเพราะยังไม่ได้เจียระไนนี่ช่างน่าขำเสียจริง 

    อี้ฟานเป็นเด็กที่สัญชาติดี มองกว้างไกล คิดไตร่ตรองอย่างละเอียด รอบคอบ การเล่นของเขาเหมาะกับการเล่นแบบทีม ทั้งยังเป็นเด็กดี สุภาพ ทำให้เยี่ยซิวค่อนข้างจะเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้มากเลย บางครั้งที่อี้ฟานไม่สามารถลงดันเจี้ยนหรือมาช่วยเขาได้อีกฝ่ายจะQQมาบอกเยี่ยซิวก่อนทุกครั้ง เพราะงั้นการที่อยู่ๆอี้ฟานก็ไม่ออนไลน์ทั้งในเกมทั้งQQทั้งคู่ มันแปลกมาก เยี่ยซิวคิดก่อนพิมพ์คำพูดลงในQQรอให้อีกฝ่ายตอบกลับมา 

    “คุณดูเป็นห่วงเขาจังนะ”

    “เสี่ยวเฉียวเป็นเด็กดี เป็นธรรมดาที่เกอต้องห่วงซิ!”

    ...ฟังจากปากคุณแล้วดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหรนะ”

    “เห็นเกอเป็นคนยังไงเนี่ย เฮอะๆ” เยี่ยซิวหัวเราะเฮอะๆ ก่อนยกบุหรี่ขึ้นมาสูบต่อ ดวงตายังคงจ้องมองชื่ออี๋ชุ่นฮวยของอี้ฟานอย่างไม่วางตา

    “ถ้าเสี่ยวเฉียวออนเมื่อไหรบอกเกอด้วยนะ”

    “ได้”

    ถังโหรวพยักหน้ารับคำก่อนหันมามองเยี่ยซิวที่ไปตะลุยดันเจี้ยนเก็บวัตถุดิบเพื่ออัพเกรดร่มแสนกล ถังโหรวที่แอบมองคนข้างๆ เธอคลี่ยิ้มบางๆ ปฏิกิริยาคนข้างๆเธอเหมือนกับ คุณพ่อที่หวงลูกตัวเองแนะ

    เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอคิดก่อนจะเลิกสนใจก้มหน้าก้มตาซ้อมต่ออย่างตั้งอกตังใจ เธอเองก็เป็นห่วงอี้ฟานแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อติดต่อไม่ได้แบบนี้

    แต่เธอก็เป็นห่วงเด็กคนนั้นเหมือนกัน ก็อี้ฟานออกจะเป็นเด็กดีสะขนาดนั้นเฃยนี่นะ

    ย้อนกฃับมาที่เวยเฉ่า เกาอิงเจี๋ยเดินมาที่หน้าห้องของเพื่อนของเขา ประตูห้องปิดสนิทอิงเจี๋ยไม่กล้าที่จะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าเขาเลยยกมือขึ้นมาจรดที่ประตู

    “อี้ฟาน ตื่นอยู่ไหม?"

    เด็กหนุ่มเคาะประตูสองสามรอบ เฉียวอี้ฟานที่หลับอยู่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นพร้อมลุกจากเตียงอย่างงุนงง หัวของเขาปวดตุ้บๆ ลำคอเองก็แห้งผากจากการที่ร้องไห้เป็นเวลานาน เขาขยี้ตาที่ผ่านการร้องไห้ คราบน้ำตาเปรอะแก้มทั้งสองข้าง อี้ฟานตั้งใจว่าจะตอบเพื่อนสนิท แต่เพราะร้องไห้มากเกินไป คอของเขาแทบไม่มีเสียงเลย

    "อี้ฟาน ตอนนี้โรงอาหารใกล้ปิดแล้วนะ ถ้านายยังไม่ได้กินอะไรก็รีบไปทานก่อนมันปิดนะ

    เกาอิงเจี๋ยเอ่ยออกมา เขาเห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองเดินกลับห้องมาก่อนที่จะไปที่โรงอาหารด้วยซ้ำ ตอนนี้ใกล้เวลาโรงอาหารปิดแล้ว อิงเจี๋ยเลยตัดสินใจมาตามอี้ฟาน แต่ไม่มีเสียงตอบรับ อีกฝ่ายคงหลับไปแล้ว อิงเจี๋ยตัดสินใจเดินกลับห้องตัวเอง

    อี้ฟานรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ตัวเองไม่ได้ตอบอิงเจี๋ย เพราะเสียงเขาตอนนี้แหบจนแทบจะไม่มี ถ้าอิงเจี๋ยได้ยินคงไม่พ้นรีบวิ่งเขามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น อี้ฟานไม่อยากให้อิงเจี๋ยเป็นห่วง เขาหันไปดูนาฬิกาที่บอกเวลาสองทุ่มเกือบจะสามทุ่ม ตอนเย็นเขาไม่ได้หิวเข้ามากมายเขาเลยไม่ได้มีความคิดที่จะลงไปทานอาหาร

    แต่ลองนึกดูเขาร้องไห้จนเผลอหลับไปตั้งแต่ราวๆห้าโมง เขานอนยาวไปตั้งเกือบห้าชั่วโมง อี้ฟานตัดสินใจลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอน ก่อนล็อคอินไอดี อี๋ชุ่นฮวยเข้าเซิรฟเวอร์สิบ 

    ถึงแม้ว่าในชีวิตจริงเขาจะถูกลืมเลือน แต่อย่างน้อยในเกม เขายังสามารถโลดแล่นได้อย่างมีอิสระ ดวงตาตาของอี้ฟานเหลือไปเห็นหน้าต่างห้องแชทของQQ อี้ฟานเอื้อมมือไปกดดู

     

    ห้องแชท จวินม่อเซี่ยว

     

    จวินม่อเซี่ยว : เสี่ยวเฉียว วันนี้คุณไม่ว่างหรอ?

    จวินม่อเซี่ยว : พวกเกอจะลงดันเจี้ยนแผ่นดินเร่ร่อนตอนเที่ยงคืน

    จวินม่อเซี่ยว : ถ้าคุณว่างก็มานะ

     

    อี้ฟานมองห้องแชทของจวินม่อเซี่ยว ดวงตาของเขาเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง มีแค่รุ่นพี่เท่านั้นที่มองเห็นเขา อี้ฟานปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะบังคับตัวอี๋ชุ่นฮวยไปที่แผ่นดินเร่ร่อน เยี่ยซิวที่เห็นตัวอี๋ชุ่นฮวยของอี้ฟานก็ยกยิ้มออกมา ก่อนบังคับจวินม่อเซี่ยวไปหา

    "ว่าไงเสี่ยวเฉียว วันนี้ล็อคอินช้านะ"

    "แฮะๆ ขอโทษครับรุ่นพี่"

    "เอาเถอะ ตอนนี้มาเก็บเวลไปพลางๆก่อนละกันนะเสี่ยวเฉียว"

    “ครับ! รุ่นพี่"

    เสียงตอบรับของเด็กหนุ่มดังขึ้นก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะขยับตัวละครอี๋ชุ่นฮวยไปหาหานเหยียนโหรว กับเปาจื๋อรู่ชิน เยี่ยซิวมองก่อนขยับตัวจวินม่อเซี่ยวตามไป 

    เกาอิงเจี๋ยที่นั่งในห้องนอนของตัวเอง เขาบังคับตัวละครมู่เอินของเขาฝีกซ้อมไปพลาง แต่วันนี้เขาไม่ค่อยมีสมาธิเอาเสียเลย เขาคิดถึงแต่เพื่อนสนิทของเขาอย่างอี้ฟาน ที่เมื่อตอนเย็นอีกฝ่ายพุ่งกลับห้องไปโดยไม่ได้ทานข้าวเย็นเสียก่อน อิงเจี๋ยหยุดบังคับมู่เอิ่นของตัวเอง  เขานึกถึงใบหน้าของเพื่อนสนิทที่ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากที่ขบกัดจนเลือดซิบ แค่นึกถึงใบหน้าตอนนั้นหัวใจของอิงเจี๋ยก็ปวดแปล๊บ

    เฉียวอี้ฟานเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาในเวยเฉ่า เพราะอายุไล่เลี่ยกันแถมยังเข้าลีคอาชีพพร้อมกัน ทำให้พวกเขาสองคนสนิทกันโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีระยะห่างระหว่างเขากับอี้ฟานเสมอ เขาถูกเรียกว่าเป็นผู้สืบทอดของกัปตัน ในขณะที่อี้ฟานเป็นตัวสำรองที่ไม่มีใครเห็น ทั้งยังถูกโยนไอดีนักลอบสังหารมาให้อี้ฟานโดยไม่ถามอีกฝ่ายสักคำ อิงเจี๋ยรู้ว่าอี้ฟานไม่เหมาะกับการเล่นอาชีพนักลอบสังหาร แต่เขาไม่กล้าบอกจึงเก็บเงียบไว้

    ความสัมพันธ์ระหว่างอี้ฟานและคนอื่นๆในทีมตัวสำรองไม่ค่อยจะดี คนพวกนั้นไมสนใจอี้ฟาน แทบไม่มองอี้ฟานเป็นเพื่อนร่วมทีม แถมบางคนยังชอบข่มตัวเอง เอาแต่ว่าอี้ฟานทำให้อี้ฟานกลายเป็นคนไร้ความมั่นใจ

    อิงเจี๋ยอยากจะช่วยเพื่อนคนนี้ แต่เขาเป็นแค่รักกีฬาตัวสำรอง ถึงเขาจะเป็นว่าที่ผู้สือบทอดหวังปู้หลิวสิง แต่เขาไม่ได้มีอพนาจใหญ่โตมากมาย สิ่งที่เขาทำได้คือการอยู่ข้างๆอี้ฟาน ช่วยเหลืออีกฝ่าย ทุกครั้งที่มองอี้ฟาน เกาอิงเจี๋ยรู้สึกเจ็บใจที่ช่วยอะไรเพื่อนคนนี้ไม่ได้ ถึงแม้อี้ฟานจะยิ้มอย่างสดใสเวลาอยู่กับเขา แต่ภายในอี้ฟานแตกสลายมากขนาดไหนกัน

    เกาอิงเจี๋ยเอาหน้าฟุบโต๊ะ เขาอยากช่วยอี้ฟาน อยากช่วยใจจะขาด แต่ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เลย! เกาอิงเจี๋ยไม่เคยรู้สึกไร้ค่าแบบนี้มาก่อนเลย เขาถอนหายใจก่อนจะล็อคเอาท์ตัวมู่เอินออก แต่สายตาของเขาดันไปเห็นอะไรบางอย่าง

    QQ ของอี้ฟานออนอยู่!

    อิงเจี๋ยสะดุ้ง เขานึกว่าเพื่อนคนนี้หลับไปสะแล้วอีก เขากดคลิ้กเขาหน้าต่างแชท กำลังจะพิมพ์ไปคุยกับอี้ฟาน แต่เขากลับไม่ได้พิมพ์ลงไป จะให้เขาคุยอะไรดีละ กินข้าวรึยัง? ทำอะไรอยู่? คำถามมากมายตีกันในหัวของอิงเจี๋ย ทั้งๆที่อยากคุยใจจะขาดแต่เขากลับไม่กล้า

    เกาอิงเจี๋ยเอาหัวโขกโต๊ะ เขาเป็นห่วงอี้ฟานมากเกินไปรึเปล่า แค่ทักไปก็ได้

     แต่สุดท้ายอิงเจี๋ยก็ไม่ได้ทักอี้ฟานไป ภาพใบหน้าของอีกฝ่ายที่จะร้องไห้ผุดขึ้นมา เขาอยากจะถาม แต่อี้ฟานคงไม่พร้อมที่จะบอกหรอก อี้ฟาน ตอนนี้เขายังช่วยอะไรไม่ได้ แต่สักวันนึง ถ้านายพร้อมที่จะบอกทุกอย่าง

    เขาพร้อมจะเป็นคนที่อยู่ข้างๆนายเอง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×