คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Black Candy : 22
Chapter 22
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ยอลลี่....ยอลลี่ครับ”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงเรียกของคริสดังขึ้นหน้าห้องของชานยอล แต่ไม่ว่าจะเรียกสักเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเปิดประตูออกมา
“ยอลลี่ ไม่ไปเรียนหรอ?”
ชายหนุ่มเรียกคนในห้องจนรู้สึกเหนื่อยและคิดไปเองว่าอีกคนคงขี้เกียจไปเรียนเหมือนอย่างเมื่อวาน จึงเลิกเคาะประตูและหันหลังเตรียมออกไปทำงาน
แต่แล้วอยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงเรียกของเจ้าของห้อง
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป! วันนี้วันอะไร?”
ชานยอลถามขึ้นในสภาพที่อยู่ในชุดนอนหัวฟู
“วันศุกร์ไง”
“ย๊ากกกก!! แย่แล้ว! ฉันนึกว่าวันเสาร์ รอแป๊ป อาบน้ำก่อน สายแล้วๆๆๆๆ”
หญิงสาวปิดประตูดังโครม ส่วนคริสก็แต่แต่ยืนหัวเราะความเปิ่นของชานยอลอยู่คนเดียว
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ชานยอลวิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากห้องด้วยสภาพที่ต่างไปจากเมื่อเช้าไม่มากเท่าไหร่นัก ผมยาวถูกรวบแล้วมัดเป็นจุกกลมๆ เอาไว้ ส่วนใบหน้าก็ไม่ได้แต่งแต้มอะไรมากมายตามปกติ มือทั้งสองข้างหอบหิ้วสัมภาระด้วยความทุลักทุเลจนคริสที่นั่งรออยู่ต้องเข้าไปช่วยรับของพวกนั้นเอาไว้
“เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง นายต้องพาฉันไปส่งให้ถึงมหาลัยภายในครึ่งชั่วโมง!”
ชานยอลบอกไปพร้อมกับพยายามใส่รองเท้าผ้าใบไปด้วย
“มหาลัยอยู่แค่ตรงนี้เอง พี่ให้ 15 นาทีพอ”
“จ้าๆ พ่อคนเก่ง ถ้าไปถึงสายแม่จะฟาดให้”
ร่างโปร่งบอกพลางถูมือไปมาเพราะอุณหภูมิที่ติดลบของอากาศ
“ทำไมไม่ใส่เสื้อโค้ท ไม่หนาวหรือไง?”
คริสถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนมีแค่ชุดยูนิฟอร์มของมหาวิทยาลัย
“เออว่ะ! ลืม ถึงว่าล่ะหนาวจนตัวจะชาอยู่แล้ว รอแป๊ปๆ เดี๋ยวขึ้นไปเอาบนห้อง”
ชานยอลหันหลังเตรียมวิ่งกลับไปบนห้อง แต่ถูกคริสดึงแขนเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องกลับขึ้นไปหรอก ใส่ตัวนี้ไปก่อนละกัน”
ร่างสูงบอกก่อนจะถอดเสื้อโค้ทของตัวเองไปคลุมไหล่อีกคนเอาไว้
“แล้วนาย....ไม่หนาวหรอ?”
“ในรถยังมีอีกตัว เดี๋ยวค่อยไปเอาก็ได้ แต่ตอนนี้รีบไปเถอะ กลัวสายไม่ใช่หรอ?”
“เออ! ลืม รีบเลยๆ”
ชานยอลบอกก่อนจะวิ่งนำหน้าคริสไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มได้แต่มองแล้วยิ้มออกมาก่อนจะเดินตามอีกคนไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปเกือบ 15 นาที รถคันหรูก็มาจอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อย ชานยอลก้าวลงมาจากรถช้าๆ เพราะอากาศที่หนาวเกินไป
“เย็นนี้ให้มารับหรือเปล่า”
คริสเลื่อนกระจกลงถามคนที่ยืนตัวสั่นเป็นลูกนกตกกองหิมะอยู่ข้างๆ รถ
“ไม่ต้อง รถอยู่กับคริสตัล เดี๋ยวเย็นนี้ฉันขับกลับเอง”
ร่างโปร่งบอกพร้อมกับกอดตำราเรียนไว้แน่น
“งั้นเย็นนี้กลับไปรอที่หอนะ เดี๋ยวพี่เลิกงานแล้วจะมารับไปกินข้าว”
“อือ....”
ร่างโปร่งตอบรับพร้อมกับทำตัวสั่นจนคริสต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
“รีบเข้าไปข้างในได้แล้ว ยืนอยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ย่ะ!!”
ชานยอลบอกก่อนจะหันหลังเดินเข้าอาคารเรียนไป ส่วนคริสก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าให้กับท่าทีของอีกคน
แต่ระหว่างทางที่ชานยอลกำลังเดินไปยังห้องเรียนของตัวเอง ร่างโปร่งก็สัมผัสได้ถึงพลังงานมืดบางอย่างที่เดินตามเขามา หญิงสาวหันหลังกลับไปก็พบว่ามีผู้หญิงกลุ่มนึงเดินตามเขามา และสายตาที่มองมานั้นก็ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
เมื่อชานยอลเห็นดังนั้นก็จ้องอีกฝ่ายกลับอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ผู้หญิงกลุ่มนั้นเลยตรงมาที่ชานยอลทันที
“มองหน้าอยากมีปัญหาหรอ?”
ฝ่ายตรงข้ามเริ่มเปิดประเด็นก่อนทันทีที่มายืนประจันหน้ากัน
“เปล๊า แค่สงสัยว่าเธอมองฉันทำไม”
ชานยอลตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ดูสุขุม
“คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดที่ฉันต้องมองเธอหรือไง”
“เปล๊า แล้วถ้าไม่มองฉัน แล้วเธอรู้ได้ไงกันว่าฉันมองเธออยู่ มีญาณทิพย์หรอ? เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานของฉันงั้นสิ”
ชานยอลถามกลับไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าประโยคของเขากำลังเรียกน้ำโหของอีกคนอยู่
“ปากดีจังเลยนะ.....ยัยเมียน้อย”
ประโยคที่หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้นมา ทำเอาชานยอลรู้สึกว่าใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที ร่างโปร่งพยายามปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุดก่อนจะตอบกลับไป
“อื้ม....ถ้าปากไม่ดีคงเป็นเมียน้อยไม่ได้ สนใจมารับตำแหน่งร่วมกันไหมล่ะ ฉันยินดี”
ร่างโปร่งบอกพร้อมกับฉีกยิ้มยั่วอารมณ์โมโหอีกฝ่าย
“นี่เธอ! อยากมีเรื่องกับฉันใช่ไหม!!”
หญิงสาวคนนึงกระชากแขนชานยอลอย่างแรง แต่ชานยอลก็สะบัดมันออกไป
“เธอนั่นแหละ! อยากมีเรื่องกับฉันใช่ไหม! ฉันว่าฉันอยู่ของฉันดีๆ แล้วนะ ฉันไปทำอะไรให้เธอเดือดร้อนหรือไง ถึงได้มาหาเรื่องฉันห๊ะ!” ชานยอลตอบกลับไปด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
“ใช่ เธอไม่ได้ทำอะไรให้ฉัน แต่เธอทำให้รุ่นพี่ยูอีต้องเจ็บปวดใจ เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องมาจัดการเธอ”
หญิงสาวคนเดิมพูดพร้อมกับเอามือกอดอกเอาไว้แล้วมองชานยอลด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและชานยอลก็มองกลับไป โดยมองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหัวเราะออกมา ทำให้กลุ่มผู้หญิงที่มาหาเรื่องต้องหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“นี่พวกเธอเป็นขี้ข้ายูอีหรอ? คอยตามเป็นหน่วยสอดแนมงั้นสิ? โถๆๆ งั้นฝากไปบอกเจ้านายเธอด้วยแล้วกันนะว่า หัวเราะที่หลังเสียงดังกว่า”
ร่างโปร่งบอกพร้อมตบบ่าหญิงสาวคนนั้นเบาๆ ก่อนจะเดินหันหลังหนีเสียงกรีดร้องของหญิงคนนั้น
---------------------------------------------------------------
“เป็นอะไรแก เห็นหน้าบูดมาทั้งวันละ”
คริสตัลกระซิบถาม ในขณะที่กำลังเรียนกันอยู่ ชานยอลไม่ได้ตอบกลับไป เพราะถึงแม้ว่าจะนั่งแถวหลังสุด แต่วิชานี้อาจารย์โหดไม่พอ แถมหูดีอีกต่างหาก ร่างโปร่งก็เลยไม่กล้าที่จะพูดกับเพื่อนเพราะกลัวจะซวยกันยกชั้น มือเรียวหยิบสมุดของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเขียนข้อความลงไปแล้วส่งมันให้กับคริสตัลแทนคำพูด
‘โดนข้อหาว่าเป็นเมียน้อย’
คริสตัลขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากเห็นข้อความบนสมุด แต่ด้วยความอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้หญิงสาวก็เขียนข้อความต่อจากของชานยอลลงไป
‘ใครว่าแก’
คริสตัลส่งสมุดคืนให้ชานยอลเขียนตอบกลับ
‘แถวที่สามนับจากหน้ากระดาน’
คริสตัลรับสมุดมาอ่านอีกครั้งก่อนจะเหลือบตาขึ้นไปมองตำแหน่งที่นั่งที่ชานยอลบอกไป หญิงสาวหรี่ตามองราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ในใจก่อนจะเขียนข้อความลงไปแล้วส่งต่อให้ฮยอนอาที่นั่งอยู่ข้างหน้ากับซอลลี่
ฮยอนอารับสมุดไปอย่างงงๆ ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านข้อความที่คริสตัลเขียนไว้ เมื่อหญิงสาวอ่านข้อความครบถ้วนทุกตัวอักษรเป็นทีเรียบร้อยก็ได้หันหลังกลับมามองหน้าชานยอลเล็กน้อยพร้อมยกยิ้มมุมปากแล้วส่งสมุดคืนให้ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจฟังอาจารย์อย่างเดิม
และเมื่อชานยอลเปิดดูข้อความในสมุด ก็พบกับข้อความที่ฮยอนอาเขียนไว้ด้วยปากกาสีแดงตัวโตๆ ว่า...
‘เย็นนี้จัดเต็ม!’
หลังจากเรียนมาทั้งวัน สี่สาวก็แยกย้ายกลับบ้านช่องของตัวเอง ชานยอลจึงต้องเดินฝ่ากองหิมะไปลานจอดรถเพียงลำพัง
มือเรียวกระชับเสื้อโค้ทให้แนบลำตัวเพื่อเรียกความอบอุ่นให้กับร่างกาย และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสื้อที่ตัวเองสวมใส่อยู่นั้นเป็นของใคร มันทำให้ร่างโปร่งรู้สึกอุ่นขึ้นมากกว่าเดิมจนน่าประหลาดใจ
“หนิ ยัยเมียน้อย ไม่มีใครคบแล้วหรอถึงได้กลับบ้านคนเดียว สงสัยเพื่อนคงรับไม่ได้ที่เธอเป็นเมียน้อย ฮ่าๆๆๆ”
ผู้หญิงกลุ่มเดิมพูดขึ้นก่อนจะส่งเสียงหัวเราะสนับสนุนคำพูดของหนึ่งในนั้นกันด้วยความสะใจ
“ฉันเดินมาคนเดียวแล้วทำไม? เส้นเลือดฝอยเธอจะแตกหรอ?”
ชานยอลถามกลับด้วยท่าทางกวนโมโหอีกตามเคย
“เส้นเลือดฝอยฉันไม่แตกหรอก แต่ปากเธอแตกแน่ๆ”
เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็ยกแขนขึ้นเตรียมจะฟาดลงบนใบหน้าเนียนของชานยอล แต่ยังไม่ทันทีจะได้ทำอะไร ก็มีเหตุที่ทำให้ผู้หญิงกลุ่มนั้นกรี๊ดร้องและพากันหลบสิ่งที่ลอยมาปะทะตัวพวกเธอกันทันที นั่นก็คือหิมะที่ถูกปั้นเป็นก้อนกลมๆ มันถูกปามาอย่างไม่ยั้งมือ และมีบางลูกที่พลาดมาโดนชานยอล จนร่างโปร่งต้องมองหาที่มาของกระสุนหิมะพวกนี้แล้วก็พบว่าเป็นฝีมือของเพื่อนตัวเอง
แม้ซอลลี่ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวของชานยอลสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เธอกลับมาร่วมวงปาหิมะกับสองสาวที่เหลือด้วย
“ว๊าย!” ซอลลี่อุทานออกมา เมื่อหิมะที่เธอปาออกไป โดนหน้าฝ่ายตรงข้ามเต็มๆ
“อย่างนั้นแหละแก เอาให้สาสมกับที่มันทำเพื่อนเรา ว่ะฮ่ะฮ่าๆๆ”
ฮยอนอาหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับปาหิมะออกไปอย่างไม่ยั้งมือ
“หยุดๆๆๆ หยุดก่อนๆ ”
ร่างโปร่งบอกเพื่อนทั้งสามของตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปหาคู่กรณี
“เลิกยุ่งเรื่องของฉันซะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ถ้าคราวหน้ามีอีก ระวังก้อนหิมะอาจจะกลายเป็นก้อนหินโดยไม่รู้ตัว”
ชานยอลยืนกอดอกบอกกลุ่มผู้หญิงที่มาหาเรื่องด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนนางร้ายในละคร ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องมาทำอะไรแบบนี้
“มองหน้าฉันทำไม!! กลับไปได้แล้ว!”
ชานยอลตวาดใส่ผู้หญิงพวกนั้น จนทั้งกลุ่มต้องกุลีกุจอยอมถอยทัพกลับไป
“โอ้ววว ก็ดุเป็นเหมือนกันหนิ ดีๆ นึกว่าจะเก่งกับพี่คริสคนเดียวซะอีก”
ฮยอนอาว่าพลางพยายามจะโอบไหล่เพื่อนร่างโปร่ง
“อยากลองโดนตบสักครั้งไหมล่ะ?”
ร่างโปร่งว่าก่อนจะเงื้อมือขึ้นราวกับจะตบฮยอนอาจริงๆ แต่เพื่อนร่างบางกลับหนีไปหลบหลังซอลลี่ซะก่อน
“มาช่วยแล้วยังไม่สำนักถึงบุญคุณอีก เพื่อนเนรคุณอย่างแกนี่ต้องเจอดี นี่แน่ะ!!!”
ฮยอนอาก้มลงไปกำหิมะไว้เต็มๆ มือก่อนจะปาใส่ชานยอลแล้ววิ่งหนีไป
“แน่จริงอย่าวิ่งหนีสิวะ!!”
ชานยอลตะโกนเสียงดัง ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนที่เหลือได้หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ให้ฉันกลับไปเป็นเพื่อนเธอไหม?” ซอลลี่ถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร พวกนั้นคงไม่กล้ากลับมาทำอะไรฉันแล้วแหละ แต่บางทีก็อยากให้กลับมานะ คงจะสนุกน่าดู”
ชานยอลบอกพร้อมกับกระตุกยิ้มเล็กน้อย จนเพื่อนทั้งสองต้องขมวดคิ้วสงสัยในคำพูดของเพื่อนร่างโปร่ง
“พวกเธอกลับไปได้ละ ฉันต้องรีบไป พอดีมีนัดกินข้าวกับผู้ชาย”
“อ๋ออออออออ~ อย่างนี้นี่เอง! แหมๆๆ เดี๋ยวนี้แรงนะยะ”
คริสตัลถึงบางอ้อทันทีที่ชานยอลพูดจบ
“นี่เธอตกลงคบกันแล้วหรอ?”
“จะบ้าหรอ! ยัง!!”
ชานยอลตอบซอลลี่กลับไปทันควัน
“แหม รีบตอบจังเลยนะ ไม่ต้องพยายามปิดบังฉันหรอกแก ฉันรับได้ที่กิ๊กของพี่คริสเป็นแก่ สำหรับแกฉันยอม ฉันไม่หึงหรอกเพื่อน”
คริสตัลบอกพร้อมกับทำหน้าเศร้าก่อนจะตบบ่าชานยอลเบาๆ
“อ้อหรอ~ ขอบคุณมากเลยนะ ฉันซึ้งในน้ำใจเธอจริงๆ~ ยัยบ้า!!!”
ชานยอลผลักคริสตัลให้ออกห่างจากตัวเองไป
“ฮ่าๆๆๆ ไปได้แล้วแกอะ เดี๋ยวฉันจะกลับแล้ว ตอนนี้ยัยฮยอนอาไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้เนี้ย”
“เออ กลับบ้านกันดีๆ ขอบใจนะเว้ย ถ้าพวกแกไม่โผล่มาช่วย ตอนนี้ฉันอาจจะกลายเป็นศพหมกกองหิมะไปแล้วก็ได้ ฮ่าๆๆ”
“เออ ไปละ”
คริสตัลบอกก่อนจะโอบไหล่ซอลลี่ออกไป ทำให้เหลือชานยอลเพียงลำพัง หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับบ่นขึ้นมาเบาๆ
“เป็นผู้หญิงนี่มันเหนื่อยจริงๆ”
ร่างโปร่งเดินไปตามถนนที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ เช่นเดียวกับภายในใจของเขา ที่มีเรื่องราวเข้ามามากมายไม่จบไม่สิ้น หลายครั้งที่เขาพยายามอดกลั้น หลายเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้เรียนรู้นิสัยของผู้หญิงได้หลายๆ แบบ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป เหตุการณ์เหล่านั้นทำให้เขาคิดได้ว่า ผู้หญิงคือสิ่งที่ไม่ควรเอามาล้อเล่น...
แต่ตอนนี้ชานยอลไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ชีวิตของเขาจะเป็นยังไงต่อไป แม้ลีอาห์จะมาให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าทูตสวรรค์สาวจะให้เขากลับไปเป็นผู้ชายในเร็วๆ นี้ และลูกอมหลากสีที่แฝงไปด้วยอำนาจบังคับจิตใจเหล่านั้นก็หายไปจากชีวิตเขามาสักพักแล้ว เหลือไว้เพียงความรู้สึกที่มาจากใจของเขาเองล้วนๆ
ชานยอลก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ปราบใดที่อีกคนยังไม่มา เขาก็ตั้งใจจะเดินมันต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ
แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดเดิน เมื่อมีใครบางมาขว้างทางเดินเขาเอาไว้ ชานยอลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองคนๆ นั้น ก็พบว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่เขาคุ้นเคย ชานยอลมองหน้าอีกคนนิ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“รู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่”
“ทำไมจะไม่รู้ เดินตามมาตั้งนานแล้ว ว่าแต่เราเหอะ กำลังคิดอะไรอยู่ขนาดพี่เดินนำหน้าไปแล้วเรายังไม่เห็นพี่เลย”
“อ่าวหรอ แล้วก็เดินตามอยู่ได้ตั้งนานเนาะ เสียเวลาจริงๆ เลย ปล่อยให้ฉันเดินบ้าอยู่ได้ตั้งนาน มันหนาวรู้ไหม!” ร่างโปร่งว่าอีกคนก่อนจะเอามือซุกลงไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวหนา
คริสไม่ได้พูดอะไรตอบไป ได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะดึงชานยอลไปกอดเอาไว้ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ดิ้นหนีเหมือนครั้งก่อนๆ ทำให้คริสกอดชานยอลเอาไว้ได้แน่นกว่าเดิม
“อุ่นขึ้นบ้างไหม” คริสถามคนที่อยู่ในอ้อมกอด
“อุ่น.....แต่มันจะอุ่นกว่านี้ ถ้านายกอดฉันไว้เพียงคนเดียว”
ประโยคที่ชานยอลพูดออกมา ทำให้คริสค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากร่างโปร่ง เพื่อจะได้มองเห็นสีหน้าอีกคนชัดๆ
“ถ้าตอนนี้ไม่มีคนอื่นเข้ามาทำให้ลมหนาวแทรกผ่านฉันกับนายเข้ามาได้....กอดของนายคงอุ่นมากกว่านี้”
ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงเรียบและมองตาอีกคนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“นี่หนาวจนเพี้ยนไปแล้วหรอ ปกติไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย”
คริสถามไปยิ้มไปและไม่อยากจะเชื่อว่าอีกคนจะมีโมเม้นให้เขารู้สึกประหลาดใจได้อย่างนี้
“อ้าว! คนจะเป็นแฟนกันเข้าไม่ได้พูดกันอย่างนี้หรอกหรอ?!”
อารมณ์ของร่างโปร่งเปลี่ยนไปเป็นหงุดหงิดทันทีที่ได้ยินร่างสูงบอก
“หือ!?”
คริสถึงกับตาโตเมื่อได้ยินประโยคล่าสุดจากชานยอล
“เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะ?” คริสขอให้อีกคนทวนคำพูดอีกที
“ไม่ต้องทำมาเป็นหูแว่วกะทันหัน ของดีฉายหนเดียว!”
“พูดจริงหรอ?” คริสถามอีกคนเพื่อความแน่ใจ
“แหม ตลอดเวลาที่รู้จักกัน นายลวนลามฉันไว้กี่ครั้งก็ช่วยรับผิดชอบกันหน่อยก็แล้วกัน”
ชานยอลบอกก่อนจะเดินหนีไปเพราะความเขินอาย แต่ก็โดนคริสกอดจากข้างหลังไว้ก่อนจะกระซิบบอกอะไรบ้างอย่างเบาๆ
“พี่จะรับผิดชอบเราไปตลอดชีวิตเลยล่ะ”
-------------------------------------------------
หลังจากตกลงกันอยู่ตั้งนานว่าจะกินอะไรกัน สุดท้ายก็จบลงที่ร้านราเมงข้างทาง ตามคำขอของชานยอล
“กลับไปทำงานหรือยัง?”
“ก็สั่งงานผ่านนานะไป ขี้เกียจเข้าไปเจอแม่ที่บริษัท”
“กลับไปทำงานได้แล้ว หนีหน้าเขาอย่างนี้ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก”
“ก็ถ้าเขายังเอาชีวิตพี่ไปขายให้กับธุรกิจของเขา พี่ก็จะยังไม่กลับไป”
“เออ งั้นก็แล้วแต่ท่านเถอะ ฉันขี้เกียจจะพูดแล้ว”
ชานยอลถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าก้มตากินราเมงของตัวเองต่อไป
“เป็นห่วงก็บอกมาเถ๊อะ”
คริสพูดขึ้นลอยๆ ทำให้ชานยอลต้องเหลือบตาขึ้นมามอง
“ฉันไม่ได้ห่วงนาย แต่ฉันห่วงสมบัตินายต่างหาก สมมุติว่านายโดยตัดออกจากกองมรดก ฉันก็อดใช้ของแบรนด์เนมฟรีตลอดชีวิตพอดี” ชานยอลบอกก่อนคีบเส้นราเมงเข้าปากโดยไม่สนใจสายตาของคริสที่กำลังเขาอย่างขำขัน
“ได้ข่าวว่าบ้านตัวเองก็มีกิจการ ยังจะมาอยากได้ของฟรีอีกหรอ”
“มีใครคนนึงเคยกล่าวไว้ว่า เพราะงกถึงรวย!”
คริสมองอีกคนด้วยสีหน้าพยายามเชื่อพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
ทั้งสองกินไปคุยกันไป มีทั้งเสียงหัวเราะของคริส มีทั้งเสียงดุๆ ของชานยอล หากใครกำลังตั้งใจฟังทั้งสองคุยกันคงปรับอารมณ์ตามไม่ทันอย่างแน่นอน
“ยอลลี่”
จู่ๆ คริสก็เรียกขึ้นมา หลังจากที่เงียบกันไป
“ว่า?” ชานยอลถามทั้งๆ ที่ยังคงสนใจของกินของตัวเองอยู่
“ไหนลองเรียนพี่คริสซิ”
คริสบอกพร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่ม ในขณะที่อีกคนเงยหน้าขึ้นมามองอย่างเบื่อหน่าย
“นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกหรอ”
“ก็แค่อยากได้ยิน ไม่เรียกก็ไม่เป็นไรหรอก”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจก่อนจะหยิบซ้อมมาจิ้มขนมเล่น ฝั่งชานยอลเมื่อกิริยาของอีกคนก็เบ้ปากออกมาเล็กน้อย แล้วทำเป็นไม่สนใจต่อไป
หลังจากที่ออกมาจากร้านอาหาร ทั้งสองก็ตัดสินใจเดินเล่นกันต่ออีกสักพัก มือหน้าจับมือเรียวเล็กของชานยอลเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันกลับ คริสจำต้องยอมปล่อยมือเล็กนั่นแต่โดยดี
“พรุ่งนี้ไปทำงานด้วยล่ะ”
ชานยอลบอกในขณะที่คริสกำลังเปิดประตูรถ
“ถ้าอารมณ์ดีก็จะไป”
“ไปเถอะ หนีมาแบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด นายต้องพยายามสู้กับมันให้ถึงที่สุด”
“เหมือนที่พี่พยายามจีบเราใช่ปะ”
คริสบอกพร้อมกับยิ้มกวนๆ ให้ ทำให้สีหน้าจริงจังของชานยอล เปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายไปในทันที
“เดี๋ยวแม่ตบคว่ำซะเลยหนิ! ไป!! กลับบ้านได้แล้ว!”
ชานยอลว่าพลางผลักอีกคนเบาๆ
“คร้าบผม~ เราก็กลับไปได้ละ แล้วก็ห้ามเหยียบคันเร่งเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ”
ร่างสูงสั่งคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“โห้วว งั้นฉันว่าฉันจอดรถไว้ที่นี่แล้วเดินกลับดีกว่ามั้ง”
“ก็เราชอบขับรถเร็ว แล้วนี่ก็ดึกแล้วด้วย พี่เป็นห่วงนะรู้ไหม”
คริสบอกพร้อมกับยื่นมือมือไปยีหัวอีกคน
“ถึงเร็วแต่เขาก็ระวังตัวแหละแหม ไปได้ละ อย่าลีลามาก มัวแต่คุยบ้านช่องไม่ได้กลับกันพอดี”
ชานยอลว่าพลางดันตัวอีกคนให้เข้าไปในรถ
“ก็ได้ๆ งั้นพรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วพี่ไปรับนะ”
คริสบอกหลังจากนั่งประจำที่คนขับเรียบร้อยแล้ว
“อือ”
คริสยิ้มให้ชานยอล ก่อนจะเอื้อมมือไปที่ประตูรถ แต่ยังไม่ทันที่จะออกแรงดึงประตูเข้าหาตัว ชานยอลกลับรั้งเอาไว้ซะก่อน
“ขับรถดีๆ นะ.......พี่คริส”
แอบอู้งานมาต่อฟิค ฝากสกรีม #ลูกอมปีศาจ ให้กำลังใจเค้าด้วยน้าาาาา ^^
ความคิดเห็น