คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : Black Candy : 24
Chapter :24
ความสัมพันธ์ของคริสและชานยอลพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ชานยอลขอยูรากลับมาอยู่ที่หอพักของตัวเองเหมือนเดิม ความจริงมันไม่ได้เป็นเจตนารมณ์ของชานยอลแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะว่าชานยอลทนคำรบเร้าจากแฟนหนุ่มของตัวเองไม่ไหวจนสุดท้ายจำต้องยอมกลับมาอยู่ที่หอพักตามความต้องการของคริส
สำหรับวันนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของนักศึกษาปีสุดท้ายอย่างชานยอลแต่ก็ดูไม่เป็นวันหยุดสักเท่าไหร่นัก เพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษา ทำให้ชานยอลและบรรดาเพื่อนๆ ต้องหัวหมุนเพราะโปรเจ็คก่อนจบ
ทั้งสี่สาวนัดรวมตัวกันที่ร้านกาแฟที่อยู่ระแวกเดี๋ยวกันกับมหาวิทยาลัยเพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องโปรเจ็คที่จะต้องทำส่งอาจารย์ในเทอมนี้
“ฉันว่าเราแบ่งกันดีไหม ฮยอนอากับคริสตัลเป็นคนหาข้อมูล ส่วนฉันกับซอลลี่จะเป็นคนทำรายงานเอง”
ชานยอลเสนอความคิดเห็นที่คิดว่ามันน่าจะดีที่สุดออกไป
“ก็ดีนะ เพราะฉันขี้เกียจทำรายงานอะ ภาษาเขียนฉันยังไม่ดีพอ เอาเป็นว่าฉันหาข้อมูลละกัน”
ฮยอนอาบอกกลับไปพร้อมกับคริสตัลที่พยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วเธอล่ะ สะดวกทำรายงานไหม?” ชานยอลหันไปถามซอลลี่ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ
“ฉันยังไงก็ได้”
หญิงสาวบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง
“เอาเป็นว่าตามนี้ก็แล้วกัน เธอสองหา ฉันสองคนทำรายงานส่วนเรื่องที่จะทำก็ตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก จบการประชุม!”
ฝ่ามือเล็กตบลงไปบนต้นขาของตัวเองก่อนจะเอื้อมไปหยิบแก้วกรีนทีลาเต้ของตัวเองขึ้นมาดื่มบอกลาฤดูหนาวและตอนรับฤดูของการทำโปรเจ็ค
หลังจากที่คุยเรื่องเครียดกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เวลาที่เหลือก็เป็นเวลาของการพูดคุยกันตามประสากลุ่มเพื่อน และประเด็นร้อนของวันนี้ก็คือเรื่องของคนมีแฟนแล้วนั่นเอง
“ตั้งแต่มีแฟนนี่รู้สึกว่าเป็นผู้หญิงขึ้นมาหน่อยนึงนะ”
คริสตัลเปิดประเด็นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าพักนี้เพื่อนของตัวเองเริ่มสวยวันสวยคืน จากเดิมที่สวยจนผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยแอบหมั่นไส้อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก
“แกไม่มีแฟนแกไม่เข้าใจหรอก ไม่เคยได้ยินหรือไงที่เขาบอกว่าผู้หญิงอย่าหยุดสวย”
“แต่ถ้าไม่สวยก็หยุดเถอะ!”
คริสตัลพูดแย้งฮยอนอาขึ้นมาจนเกือบโดนเขวี้ยงด้วยหนังสือ
“มันก็ต้องมีบ้างสิวะ ให้เดินออกมาเจอมวลมหาประชาชนด้วยสภาพที่เหมือนศพมันก็ไม่ใช่ปะ”
สาวร่างโปร่งบอกเพื่อนทั้งๆ ที่ยังคาบหลอดกรีนทีลาเต้อยู่ในปาก
“อู๊ยยย จ้า~ เห็นเมื่อก่อนแค่แตะเครื่องประทินความงามบางๆ พอคงสภาพความเป็นคนเอาไว้ แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนเธอยากเล่นงิ้วซะเต็มที!” ฮยอนอาว่าไปด้วยความหมั่นไส้เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังพยายามจะเลิกแมน
“ห่ะ!! หรอ!! มันขนาดนั้นเลยหรอ?!”
ชานยอลรีบวางแก้วลงก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดแก้มของตัวเองเอาไว้ด้วยความตกใจ
“แกก็ไปเชื่อมันยัยนี่มันขี้อิจฉาถ้าใครสวยกว่าใครๆ ก็รู้”
คริสตัลบอกก่อนจะรีบหลบหลังซอลลี่เพราะโดนฮยอนอามองกลับมาด้วยสายพิฆาต
“พอเลยๆ จะเถียงกันไปทำไมว่าใครสวยไม่สวย แต่ถ้าสวยนักก็ช่วยเอาความสวยมาทำโปรเจ็คให้ได้เกรดเอด้วยก็แล้วกัน”
ซอลลี่พูดขึ้นมาหลังจากที่จดรายละเอียดโปรเจ็คเสร็จ ทำให้เพื่อนทั้งสามต่างสงบปากสงบคำแล้วหันไปดื่มเครื่องดื่มของตัวเองเงียบๆ
“โอ้! คุณพระ!”
เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่ที่ประตูร้านก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงอุทานของคริสตัลเมื่อสามคนที่เหลือหันไปมองตามสายตาของคนที่อุทานออกมา ก็พบว่ามีคู่หนุ่มสาวเข้ามาภายในร้าน และนั่นก็ทำให้ชานยอลถึงกับตาโตเมื่อเห็นหนึ่งในสองคนนั้น
“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! ยัยนั่นนางเป็นใคร!”
ฮยอนอากรีดร้องแบบเก็บเสียงออกมา แต่ก็ไม่ได้เก็บท่าทางเอาไว้เลย
“ผิดคนหรือเปล่าแก ไม่ใช่ของแกนะได้ข่าว”
คริสตัลว่าเพื่อน แต่สายตาก็ยังคงจ้องไปยังลูกค้ารายใหม่ของร้าน
“แฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนฉันเว้ย!”
ฮยอนอาตอบโต้กลับไปก่อนจะหันกลับไปดูคู่หนุ่มสาวคู่นั้นด้วยสายตาไม่พอใจ
“งั้นเวลาฮยอนซึงควงสาวอื่นมาให้ฉันเห็น ฉันก็ต้องโกรธแทนแกด้วยใช่ไหม? เพราะแฟนแกก็เหมือนแฟนฉัน”
ร่างโปร่งเอ่ยแซวเพื่อน จนฮยอนอาต้องเลิกทำสีหน้าโกรธกริ่วแทบไม่ทัน
ชานยอลที่ดูจะตกใจในครั้งแรกที่เห็น เปลี่ยนสีหน้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมตามปกติ แล้วไม่ได้สนใจมองไปสองคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั่นอีกเลย
“นี่! ไม่หึงสักหน่อยหรอ?”
ซอลลี่สะกิดแขนเพื่อนสาวร่างโปร่งที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจกขนมในจานตรงหน้า
“ไม่อะ เขาอาจจะมาทำงานก็ได้ เดี๋ยวจะโดนข้อหาไร้สาระติ่งไม่รู้จักเวล่ำเวลา”
“หึหึ แกกำลังหึงเขาอยู่”
ฮยอนอาว่าพลางส่งสายตาเชิงล้อเลียนไปทางชานยอล
“เปล่าเว้ย!”
ร่างโปร่งยืนยันเสียงแข็งก่อนจะจิ้มขนมเข้าปากไปโดยไม่สนใจสายตาของเพื่อนทั้งสาม
“ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมรับหรอกว่าหึง แล้วแกก็เป็นหนึ่งในนั้น”
จากคำที่คริสตัลบอก ทำให้ชานยอลต้องประมวลผลความรู้สึกของตัวเองว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ กำลังหึงอีกคนอยู่หรือไม่ แต่ถ้าจะบอกว่าไม่ได้หึงซะทีเดียวก็คงจะไม่ใช่ เพราะทุกครั้งที่เผลอหันไปเห็นคนของตัวเองคุยกับหญิงอื่นอย่างมีความสุข เขาก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองมันร้อนวาบขึ้นมาทุกที แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาให้ใครเห็นเลย
“ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ชอบคุยกับผู้หญิงเป็นธรรมดาและเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น”
ชานยอลก็พูดขึ้นมา และมองตรงไปยังโต๊ะของชายหญิงคู่นั่นด้วยสายที่แอบเจือนปนไปด้วยความหึงหวงแต่ก็พยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดอะไรไร้สาระไปมากกว่านี้
“จ้าๆ แม่คนดี เข้าใจแฟน ไม่หึงก็ไม่หึง อิอิ”
ฮยอนอาว่าก่อนจะหันไปยิ้มกับเพื่อนคนที่เหลือ
ร่างโปร่งนั่งไขว่ห้าง แผ่นหลังบางพิงไว้กับพนักของโซฟา สายตามองตรงไปยังชายหนุ่มที่คุ้นเคยอย่างไม่ละสายตาราวกับกำลังใช้มนต์สะกดให้อีกคนมองมายังตัวเอง
แม้เขาจะพยายามบอกตัวเองให้เชื่อใจคนที่กำลังมองดูอยู่ตอนนี้ แต่ด้วยกิริยาท่าทางที่ทั้งสองพูดคุยกัน มันทำให้จิตใจของชานยอลไขว่เขว
“โอยยย มัวแต่นั่งมองอยู่อย่างนี้ วันนี้จะได้รู้ไหมว่าเขามาทำอะไรกัน!”
ฮยอนอาพูดขึ้นด้วยความขัดใจ เพราะชานยอลได้เอาแต่นั่งมองสองคนนั้นโดยไม่คิดจะเคลียร์อะไรทั้งสิ้น
“ไม่อยากไปยุ่งกับเขาอะ เพราะถ้าเราเข้าไปยุ่งกับชีวิตเขามากเกินไป เดี๋ยวเขาจะรำคาญเอาสู้นั่งสังเกตการอยู่เงียบๆ อย่างนี้แหละดีแล้ว ถ้ามีอะไรผิดปกติค่อยว่ากันทีหลัง”
ชานยอลตอบกลับไปก่อนจะหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มดับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
“แหมมม ไม่อยากเสียเขาไปอะดิ๊~ รักเขาแล้วอะดิแกอะ”
เพื่อนตัวเล็กกว่าเอ่ยแซวพร้อมกับจิ้มแขนชานยอลเบาๆ
“ยุ่ง!”
“เขินด้วยเว้ยเฮ้ย แกอย่าไปยุ่งกับมันน่ะนั่นมันกำลังเขิน เดี๋ยวโดนกัดเอา ฮ่าๆๆๆ”
คริสตัลพูดแหย่ชานยอลจนคนอื่นๆ ต้องหัวเราะตาม แม้ชานยอลเองก็อดกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้
เวลาผ่านไป ทางด้านคริสก็ยังไม่รู้ว่าชานยอลอยู่ในร้านนี้ ทั้งสี่สาวก็ยังคงแอบสังเกตการต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ก็ยังคงไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่าเดิม จนชานยอลเริ่มเบื่อกับการที่ต้องมานั่งลุ้นอยู่อย่างนี้จนทั้งสี่สาวต้องหาเรื่องทำให้คริสรู้ตัวว่าในร้านนี้มีมนุษย์ผู้หญิงที่เขาเรียกว่าแฟนอยู่ในร้านนี้
ร่างโปร่งยกแขนขึ้นพาดไว้กับพนักพิงของโซฟาและพูดคุยกับเพื่อนด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้น บ้างก็หัวเราะกันออกมาบ้าง สายตาที่เคยมีความกังวลเปลี่ยนไปฉายแววสนุก
ระดับเสียงของการพูดคุยที่ดังเพิ่มขึ้นส่งผลไปยังโต๊ะของเป้าหมายเสียงที่คุ้นเคยนั้นเข้าไปกระตุ้นให้คริสหันไปมองต้นเสียงโดยอัตโนมัติและสิ่งที่คริสเห็นก็คือชานยอลกำลังยกยิ้มทำหน้ากวนประสาทพร้อมกับยักคิ้วให้
ร่างสูงแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะปรับกลับมาให้เป็นปกติแล้วหันไปคุยกับคนที่มาด้วยเหมือนเดิม ทำให้ชานยอลชักสีหน้าไม่พอใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“กลับ!!”
ชานยอลพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูขุ่นเคืองก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินนำออกไป เพื่อนทั้งสามได้แต่หันหน้ามองกันไปมาก่อนจะตามชานยอลออกไปภายหลัง
“ยอลลี่ พี่คริสเขาอาจจะคุยงานกันจริงๆ ก็ได้นะ”
ซอลลี่วิ่งตามไปคว้าแขนชานยอลเอาไว้ แต่ร่างโปร่งกลับสะบัดมันมือเล็กนั่นออกไป
“เฮ๊อะ! ถ้าแค่คุยงานก็ไม่เห็นจะต้องทำหน้าตกใจตอนเห็นหน้าฉันหนิ”
ชานยอลหันกลับมาบอกเพื่อนก่อนจะรีบเดินไปให้ถึงรถให้เร็วที่สุด
“แก! แก!! ฟังฉันก่อน ก่อนที่แกจะโกรธพี่เขา แกต้องไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน แกจะมาโกรธพี่เขาสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้มันไม่ได้นะ”ฮยอนอาตามมาร่วมดับเพลิงในใจอีกคน
“ฉันไม่ได้โกรธเขาหรอก...แต่ฉันเคือง!! ขอเวลาทำใจแป๊ป!”
ร่างโปร่งว่าก่อนจะเปิดประตูรถของตัวเอง แต่ความจริงควรเรียกว่ากระชากถึงจะถูกต้อง
ครืนน ครืน~
เสียงโทรศัพท์ของร่างโปร่งดังขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าไปนั่งในรถ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและคิดว่าคริสต้องโทร. มาอธิบายเรื่องเมื่อกี้
แต่สิ่งที่ชานยอลคาดการไว้มันผิด เมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนจอโทรศัพท์เป็นเบอร์ของนานะ ชานยอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะกดรับสายซึ่งคริสก็ตามชานยอลมาถึงรถพอดี
“ว่าไงคะพี่.....ห๊ะ!....โอเคๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ชานยอลรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะโยนของทุกอย่างเข้าไปในรถอย่างเร่งรีบ สีหน้าของร่างโปร่งในตอนนี้ดูไม่ค่อยดีนัก จนเพื่อนๆและคริสเริ่มใจเสีย
“อ่อ เรื่องวันนี้ฝากไว้ก่อน ไว้ธุระฉันเสร็จเมื่อไหร่แล้วค่อยเคลียร์ส่วนพวกเธอจะไปกับฉันหรือเปล่า?”
ชานยอลบอกพร้อมกับชี้ไปที่คริสก่อนจะหันไปถามเพื่อนทั้งสามคนที่ยืนลุ้นเหตุการณ์อยู่ข้างๆ กันกับคริส
“เดี๋ยวๆๆ แล้วนี่จะไปไหน?” คริสตัลถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไปโรงบาล พี่ยูราอยู่ที่นั่น รีบตัดสินใจเร็วๆ ฉันรีบ!”
ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงที่ดูร้อนรน
“เฮ้ย!! ไปสิไป!!”
เมื่อได้ยินคำว่าโรงพยาบาล ทั้งสามสาวก็รีบวิ่งขึ้นรถกันทันที ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่คริสและชานยอลที่ยืนอยู่ข้างนอกรถ
ร่างสูงมองชานยอลด้วยสายตาที่อยากจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังแต่ร่างโปร่งกับชี้หน้าเบรคคริสเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน!”
“แต่...”
“ตอนนี้ฉันรีบ! นายกลับไปก่อนเดี๋ยวเจอกันที่หอ”
ชานยอลบอกก่อนจะรีบขึ้นรถของตัวเองไปปล่อยให้คริสยืนอ้ำอึ้งอยู่เพียงลำพัง ตอนนี้ร่างสูงรู้สึกเป็นห่วงชานยอล เพราะสีหน้าของชานยอลดูเป็นกังวลมากกว่าที่จะดูโกรธ
--------------------------------------------------------------------
ขาเรียวยาวรีบก้าวไปยังห้องผู้ป่วยฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าถึงตัวเพิ่งจะเข้ามาภายในอาคาร แต่ใจมันรีบลอยไปหาผู้เป็นพี่สาวเรียบร้อยแล้ว
“พี่นานะ!”
ชานยอลเรียกคนที่ยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“พี่ยูราเป็นไงบ้าง?!” ชานยอลจับมือบางของอีกคนไว้ พร้อมกับถามด้วยสีหน้าที่กำลังจะร้องไห้ออกมา
“ก็...แขนขวาโดนน้ำร้อนลวกเกือบทั้งแขนอะ น้ำมันร้อนมาก ตอนมาส่งก็ร้องไห้มาตลอดทางเลย”
นานะบอกด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงแต่ที่แดงก่ำนั้นเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าเธอเองก็ผ่านการร้องไห้มาด้วยเช่นกัน
“แล้วไปทำเอาอีท่าไหนถึงได้โดนน้ำร้อนลวกเอา”
“เอ่อ...........”
เมื่อชานยอลถามถึงสาเหตุ นานะกลับไม่กล้าพูดออกมา สีหน้าของหญิงสาวเหมือนกำลังกลัวคำตอบ ร่างโปร่งมองหน้าเค้นคำตอบจากรุ่นพี่สาว ทำให้นานะต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะบอกตัวต้นเหตุที่ทำให้ยูราต้องเจ็บตัว ซึ่งชานยอลเองก็คาดไม่ถึง
“ยูอี...ยูอีจงใจให้น้ำร้อนลวกยูรา”
ชานยอลพ้นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
หยดน้ำใสๆ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสออกมาดวงตากลมโตของชานยอล ตอนนี้มันถูกปล่อยให้ไหลออกมาอย่างอิสระ คริสตัลเดินเข้าไปกอดร่างโปร่งเอาไว้เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ชานยอลกำลังโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ยูราต้องเจ็บตัว
“ไม่ต้องร้องไห้แก พี่ยูราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่น้ำร้อนลวก” คริสตัลพูดพร้อมกับลูบผมปลอบร่างโปร่งเบาๆ
“แต่พี่ยูราต้องมาเจ็บตัวก็เพราะฉันนะ”
แม้น้ำเสียงจะยังคงพูดในระดับปกติ แต่ดวงตาทั้งสองข้างของชานยอลก็เต็มปริ่มไปด้วยหยดน้ำตา
“ชานยอล...”
เสียงของหญิงสาวอีกคนดังขึ้น ทำให้ชานยอลต้องหันไปมองโดยอัตโนมัติ เพราะมันคือเสียงของพี่สาวคนสำคัญของชานยอล
ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพี่ที่แขนขวาถูกพันไว้ด้วยผ้าก็อตสีขาวแทบจะทั้งแขน ดวงตาที่บอบช้ำของยูราบอกได้ว่าหญิงสาวผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“พี่เป็นไงบ้าง...เจ็บมากไหม”
ร่างโปร่งถามพี่สาวพร้อมกับน้ำตาที่ไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้
“ดีกว่าตอนแรกแล้วล่ะ แต่ก็ยังรู้สึกแสบๆ ร้อนๆ อยู่บ้าง”
ยูราบอกพร้อมกับใช้มืออีกข้างเช็ดน้ำตาให้ชานยอล
“เค้าขอโทษนะ...”
ร่างโปร่งบอกกับยูราด้วยเสียงแผ่วเบาก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอดเอาไว้
“เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งที่คอนโด”
นานะบอกก่อนจะรับกระเป๋าของยูรามาถือไว้
ตั้งแต่รถเคลื่อนตัวออกมาจากโรงพยาบาลชานยอลก็ไม่เอ่ยปากพูดกับใครทั้งสิ้น สีหน้าของหญิงสาวเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา จนฮยอนอาทนอยู่กับบรรยากาศอันแสนอึดอัดนี้ต่อไปไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศชวนเครียดนี่เป็นคนแรก
“ฉันทนไม่ไหวละ! แกกำลังคิดอะไรอยู่วะ ไหนลองบอกฉันซิ!!”
ชานยอลละสายตาจากถนนมามองหน้าเพื่อนที่นั่งอยุ่ข้างๆ เล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิมแล้วยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
“ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรที่มันจะทำให้เจ็บแสบได้ยิ่งกว่าน้ำร้อนลวก...แต่ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วละ”
ชานยอลบอกพร้อมกับยิ้มออกมา แต่เพื่อนทั้งสามคนกลับไม่ไว้ใจรอยยิ้มนั้นเอาซะเลย
------------------------------------------------------
ขายาวก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดลงที่หน้าประตูห้องของชานยอลและดวงตาแอบฉายแววดีใจออกมา เมื่อเห็นว่าประตูห้องไม่ได้ดูล็อกไว้ด้วยแม่กุญแจอย่างเมื่อวาน
คริสหยิบกุญแจห้องที่เคยแอบขโมยของชานยอลขึ้นมาไขก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปโดยไม่ต้องรอคำอนุญาตจากเจ้าห้อง
“ไม่มีมารยาทอีกแล้วนะ...”
คนในห้องพูดขึ้นทันทีที่ประตูถูกเปิด
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” คริสถามคนนั่งกอดเข่าเสียบหูฟังอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
ร่างโปร่งนิ่งเงียบไปก่อนจะถอดหูฟังออกแล้วหันไปมองหน้าคริสด้วยสายตาคาดโทษ แต่คริสก็ไม่ได้หลบสายตาคู่นั้นแต่อย่างใด เพราะเขามีเหตุผลมากพอที่จะอธิบายให้ชานยอลได้เข้าใจ
“มีอะไรจะอธิบายให้ฉันฟังไหม?”
ชานยอลถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้คริสเริ่มหวั่นใจเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะไม่เข้าใจเหตุผลของเหตุการณ์ในวันนั้น
“คือ....เขาเป็นเพื่อนพี่เองแล้วก็เป็นเพื่อนของ....ยูอีด้วย พี่ก็เลยไม่ได้แนะนำให้รู้จัก”
ชานยอลพยักหน้าเล็กน้อย เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรกับบเรื่องนี้มากมายก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ โดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
“ยังโกรธพี่อยู่หรอ?” ร่างสูงถามพร้อมกับลากเก้าอี้อีกตัวไปนั่งข้างๆ ชานยอล
“ก็ไม่ได้โกรธมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แค่เคืองนิดหน่อย....เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาเมินฉัน”
หญิงสาวบอกพร้อมกับเหลือบมองคริสด้วยหางตา
“พี่ขอโทษคร้าบ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วนะ”
คริสบอกก่อนจะดึงตัวอีกคนเข้ามากอดเอาไว้ แต่ชานยอลกลับเบ้ปากใส่แล้วหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ
“แล้วเมื่อวานไปโรงพยาบาลทำไม? ยูราเป็นอะไรหรอ?”
เมื่ออีกคนถามถึงผู้เป็นพี่สาวของตัวเอง ชานยอลจึงยอมละสายตาจากโปรเจ็คกองโต เพราะสิ่งที่คริสถามมันกำลังเข้าทางแผนที่ชานยอลคิดไว้
ขอต้อนรับเข้าสู่มารยาหญิง บทที่ 1
ชานยอลทำหน้าเศร้าถอนหายใจออกมาเบาๆ พอเรียกความกังวลออกมาจากสายตาของอีกฝ่ายๆ ได้ ก่อนจะละสายตาจากจอโน๊ตบุ๊คมามองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“โดนน้ำร้อนลวก แขนขวามีแต่แผลผุพอง เพราะน้ำมันร้อนมากอาจจะไปทำงานไม่ได้หลายวันเลยล่ะ เออ นายถามขึ้นมาก็ดีแล้ว งั้นฉันถือโอกาสลางานให้พี่ยูราเลยก็แล้วกันนะ”
ชานยอลยิ้มออกมาบางๆ แต่ในตายังคงแสดงความเศร้าเสียใจออกมาให้เห็น
“อ้าว! แล้วไปทำยังไงถึงได้โดนน้ำร้อนลวกขนาดนั้น”
ร่างสูงดูตกใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับยูราซึ่งยิ่งคริสสนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าทางชานยอลมากขึ้นเท่านั้น คติที่ว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ตอนนี้คงจะใช้กับชานยอลไม่ได้เสียแล้ว เพราะหญิงสาวถือคติที่ว่า ใครทำให้พี่ฉันเจ็บ คนนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า
“เอ่อ....ก็...ได้ข่าวมาว่าโดนคู่หมั้นนายแกล้งเอาน่ะ”
คริสก้มหน้านิ่งเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของชานยอล ซึ่งทำให้ร่างสูงไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มที่แสดงออกมาซึ่งความร้ายกาจของชานยอล
“ไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดอย่างนั้นหรอก มันไม่ใช่ความผิดของนาย”
ร่างโปร่งว่าพลางผลักไหล่คริสเบาๆ
“จะให้ไม่รู้สึกก็ไม่ได้หรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะพี่”
คริสพูดเสียงเบาและดูเศร้าสร้อยไปทันที
“โถ พี่ฉันไม่ได้พิการซะหน่อย เดี๋ยวก็หาย ส่วนผู้ต้องหาเดี๋ยวฉันจัดการเอง ไหนลองทำหน้าสำนึกผิดแบบเมื่อกี้ใหม่อีกทีซิ”
ชานยอลว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา
“หือ? จะทำอะไร?” ร่างสูงทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าอีกคนคิดจะทำอะไร
“ทำหน้าเหมือนเมื่อกี้ก่อนเร็วๆ”
ชานยอลเร่งเร้าให้อีกคนทำตามเหมือนกับเด็กน้อยที่อยากได้ของเล่น ความน่ารักของหญิงสาวทำให้คริสหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะยอมทำตามที่อีกคนต้องการ
“มีเฟสบุ๊คไหม?” ชานยอลถามพลางจิ้มโทรศัพท์ของตัวเองไปด้วย
“มีสิ เราก็รับแอดพี่แล้วด้วย”
“เยี่ยม!”
นิ้วเรียวจิ้มโทรศัพท์ไปยิ้มไป ส่วนคริสก็ได้แต่ยิ้มตามทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าชานยอลกำลังทำอะไร เพราะแค่ชานยอลไม่โกรธ เขาก็คิดว่ามันดีเกินพอแล้ว
“หึหึ เรียบร้อย~ ทำงานต่อละ”
ชานยอลวางโทรศัพท์ไว้เหมือนเดิมก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองอีกครั้ง
“เมื่อกี้ทำอะไร?”
คริสถามขึ้นเพราะอดสงสัยไม่ได้
“เปิดเฟสบุ๊คดูสิคะพี่คริส”
รอยยิ้มกว้างนั่นยิ้มเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้คริสอยากรู้มากกว่าเดิม มือหนาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช็คว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโลกโซเชียลของเขาหรือเปล่า และสิ่งที่เขาพบก็คือรูปของตัวเองที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อสักครู่ มันปรากฏอยู่บนเฟสบุ๊คของชานยอลและชื่อของเขาก็ถูกแท็กลงไปบนรูปนั้นด้วย ซึ่งคำอธิบายภาพก็มีเนื้อหาใจความว่า...
Park Yeolly :แฟนตามมาง้อถึงห้อง ตอนแรกว่าจะไม่ให้อภัย แต่เห็นหน้าแบบนี้ทีไรก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ทุกทีเลย~
“ฮ่าๆๆ น่ารักอย่างนี้เอาโปรเจ็คเก่าของพี่ไปเป็นรางวัลเลยไหม”
คริสบอกพลางยิ้มกับโทรศัพท์ของตัวเองไปด้วย
“หือ???? โปรเจ็คเก่างั้นหรอ?? นายยังเก็บมันไว้อยู่หรอ?”
ชานยอลเริ่มหันไปสนใจในสิ่งที่ร่างสูงพูด
“มีสิ พี่ต้องเก็บมันเอาไว้เพราะมันเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มพี่”
“ภูมิใจอะไร?” หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย
“ก็ภูมิใจตรงที่มันได้เกรดเอ แล้วได้แค่กลุ่มพี่กลุ่มเดียวด้วย”
คริสอวดผลงานของตัวเองอย่างภาคภูมิใจและดูเหมือนว่าชานยอลจะสนใจผลงานชิ้นนี้มากซะด้วย
“ขอได้ไหมจะเอามาดูเป็นแนวทาง” ชานยอลบอกพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง แต่คริสกลับทำลายมันด้วยคำพูดเพียงสองพยางค์
“ไม่-ให้!”ร่างสูงบอกยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นหนีไปนอนบนเตียงกว้างของชานยอล
“ขอยืมก่อนนะๆๆๆๆ” ชานยอลลุกจากโต๊ะทำงานตามไปอ้อนอีกคน
“เราไม่ให้ของกับเด็กขี้แกล้งหรอกนะ”
คริสว่าพลางเบ้ปากใส่อีกคน ทางด้านชานยอลก็ได้แต่ทำหน้าเซ็งพร้อมกับค้อนใส่ร่างสูงก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม
“อยากได้มากหรือเปล่า?”
คริสถามคนที่นั่งหันหลังให้ ซึ่งตอนนี้คาดว่าตอนนี้กำลังงอนอยู่แน่ๆ
“อยากได้! แต่ถ้าไม่ให้ก็ไม่เอา!”
หญิงสาวว่าพร้อมกำลังแก้มป่องบอกให้ให้อีกฝ่ายรู้ว่าอารมณ์เคืองมันกลับมาอีกครั้ง
“อะๆๆ ให้ก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
ประโยคของคริสทำให้ชานยอลรีบหันกลับไปหาจนคอแทบเคล็ดทันที แต่เมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงใช้นิ้วจิ้มแก้มของตัวเองเบาๆ เป็นสัญลักษณ์ของข้อแลกเปลี่ยน
ชานยอลมองร่างสูงเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปจิ้มเจ้าโน๊ตบุ๊คเพื่อนยากตามแรงจังหวะการเต้นของหัวใจ
สายตา...
รอยยิ้ม...
ทุกอย่างมันช่างน่าสัมผัสไปหมด...
ร่างโปร่งสะบัดหัวไปมา เพื่อไล่สิ่งที่ไม่ควรจะผุดขึ้นมาในความคิด....แต่สุดท้ายชานยอลก็แพ้ความคิดเหล่านั้น
ชานยอลหันกลับไปยิ้มให้กับคนที่ยังคงนอนมองเขา นิ้วเรียวกระดิกเรียกให้ร่างสูงลุกขึ้นมาหาตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าคริสต้องทำตาม
“ข้างละครึ่งเล่ม หอมแก้มครบสองข้างพี่ให้ทั้งเล่มเลย”
ร่างสูงบอกพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ถูกวาดไว้บนใบหน้าคม
“หึ...หรอ แล้วถ้าแบบนี้..จะให้กี่เล่ม..”
ตามหาส่วนที่หายไปได้ที่นกสีฟ้าแหล่งสถิตของ #ลูกอมปีศาจ (ขอให้ฟิน อิอิ)
ความคิดเห็น