คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Black Candy : 29 [The End]
Chapter :29
“ท่านทำเกินไปแล้วนะท่านลีอาห์!”
เสียงของชายหนุ่มร่างโปร่งตะคอกใส่ทูตสวรรค์สาวอย่างไม่เกรงกลัว แต่ถึงอย่างนั้นลีอาห์ก็ยังคงมองร่างสูงด้วยสายตาที่เย็นชาไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม
“ข้าทำอะไร?......” หญิงสาวถามกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ท่านรู้ไหม ท่านทำให้คนสองคนเสียของรักไป! เพราะท่านเหตุการณ์มันถึงบานปลายอย่างนี้!!”
“เพราะข้างั้นหรอ...”
ลีอาห์ถามพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นทำให้ความคิดของร่างสูงเริ่มไขว้เขว คิ้วเรียวที่เลิกขึ้นเล็กน้อยยามทวนคำพูดยิ่งทำให้เขาไม่มั่นใจในสิ่งที่เขาได้พูดออกไป
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?...”
“ใช่...ข้าทำ..ข้าทำให้เจ้าคนนั้นกลายเป็นผู้หญิง ข้าทำให้ชายคนนั้นต้องคำสาป แต่ข้าไม่ได้ทำให้สองคนนั้น....รักกัน”ทูตสวรรค์สาวเน้นเสียงในประโยคตอนท้าย
“ละ..แล้วที่ท่านให้ข้า!.....” ชายหนุ่มถามกลับไปด้วยความสับสน
“ใช่! ข้าให้เจ้าเปลี่ยนจิตใจเขาให้เป็นผู้หญิง ข้าให้เจ้าหาทางทำลายพรหมจรรย์ของเขา แต่ข้าไม่เคยสั่งให้เจ้าทำให้เขามีความรัก หวังว่าเจ้าคงจำได้...”ลีอาห์บอกแล้วยกยิ้มอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง
“แล้วลูกอมเม็ดอื่นๆที่ชานยอลกินเข้าไปล่ะ?!”
“อุปาทาน...เจ้ามนุษย์คนนั้นแค่อุปาทานมันไปเอง ความจริงลูกอมเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ลูกอมธรรมดา ไม่ได้มีฤทธิ์เดชอะไรทั้งนั้น แต่เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันมาจากความรู้สึกของคนทั้งสองจริงๆ ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของลูกอมปีศาจ”
ร่างสูงได้แต่อ้าปากค้าง สองเท้าถอยหลังออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาเข้าใจผิดมาตลอดว่าสิ่งที่ทำให้คนทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกันคือลูกอม แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ความรู้สึกนั้นมันมาจากใจของคนทั้งสองล้วนๆ
“เจ้าก็รู้...เทพอย่างเราไม่มีความรู้สึก เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มีสิทธิ์ไปควบคุมความรู้สึกของคนอื่น อ่อ...ยกเว้นเจ้าสินะ”หญิงสาวบอกก่อนปรายตาไปมองชายหนุ่มร่างสูง
“ตะ แต่ถึงอย่างนั้น...แม้ว่าตอนนี้ท่านจะมอบอิสระให้เขาทั้งสองแล้ว....แต่มันก็กำลังทำให้ชานยอลหนักใจนะท่าน”
“ช่างเขาประไร นี่ข้าก็ใจดีมากพอแล้ว ข้าอุตส่าห์ให้เขาเลือกเอง อยากจะกลับไปเป็นผู้ชายดังเดิมหรืออยากจะเป็นผู้หญิงต่อไปก็แล้วแต่เขา มันไม่เกี่ยวกับข้าอีกต่อไป เพราะหน้าที่ของข้าได้สิ้นสุดลงแล้ว”ลีอาห์บอกอีกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้รอยยิ้มเช่นเดิม
ชายหนุ่มกล่าวลาทูตสวรรค์สาวก่อนจะกลับไปในที่ที่เขาควรอยู่ ร่างสูงก้าวเดินไปตามโถงทางเดินอย่างเชื่องช้า ตอนนี้เขาดูหนักใจไม่ต่างไปจากชานยอลเลย ความสัมพันธ์ที่เขาทั้งสองคนมีต่อกันมันยากที่จะทำให้เขานิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากไปกว่าการยอมรับการตัดสินใจของชานยอล
ในขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังเดินไปเรื่อยๆนั้น ร่างของเขาก็ค่อยๆกลายสภาพไปด้วย ทุกส่วนในร่างกายกลับมาเป็นผู้หญิงอีกครั้ง...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มือบางที่เพิ่งกลายสภาพมายกขึ้นเคาะบานประตูที่อยู่ตรงหน้าและไม่นานมันก็ถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้อง ซึ่งเมื่อคนในห้องเห็นว่าใครคือคนเคาะประตูก็ส่งเสียงทักทายเขาอย่างคุ้นเคย
“อ้าว คริสตัลมาแล้วหรอ เข้ามาก่อนสิทุกคนอยู่ข้างในกันแล้ว”
“ขอบคุณค่ะพี่ยูรา อ่อ..ว่าแต่ยอลลี่เป็นไงบ้างคะ?”
“ร่างกายน่ะดีขึ้นแล้ว แต่จิตใจพี่ว่ายังต้องรักษากันอีกนาน”ยูราบอกพร้อมกับปิดประตูลงเบาๆ
“เฮ้อ~ ไม่น่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเลย”คริสตัลว่าพลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“บ่นไรยัยคริสตัล!” ฮยอนอาทักขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองบ่นพึมพำในขณะที่เดินเข้ามาพร้อมกับยูรา
“ป่าว! แค่บ่นว่าเมื่อไหร่แกจะไปนั่งจีบกับแฟนให้พ้นหน้าฉันสักที! ฉันเบื่อหน้าแกสองคน!!”
คริสตัลว่าเสียงดังจนฮยอนซึงที่นอนอยู่บนตักของฮยอนอาถึงกับสะดุ้ง
“ชริ! ตัวเองไม่มีแล้วมาอิจฉาคนอื่น อีแพ้แล้วพาล!!”ฮยอนอาว่าพร้อมกับปาหมอนใบเล็กใส่เพื่อนตัวเอง
“พอแล้วๆ เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะกันซะทีห๊ะ!” แบคฮยอนว่าพลางมองหน้าเพื่อนทั้งสองสลับกัน
“เชอะ! ฝากไว้ก่อนเถอะ! ว่าแต่ไอ้ยอลล่ะ?” คริสตัลถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนอีกคนไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“รายนั้นยังนอนอยู่ในห้องจ้ะ ทำยังไงก็ไม่ยอมออกมาสักทีนี่ขนาดบอกว่าเพื่อนมาเต็มห้องมันยังไม่ยอมออกมาเลย” ยูราบอกก่อนจะส่ายหน้าด้วยความหนักใจ
“นางอยู่คนเดียวหรอ?” คริสตัลถามพร้อมกับชี้ไปยังห้องนอนของคนที่กำลังพูดถึง
“ก่อนหน้านี้ใช่ แต่ตอนนี้ส่งพี่คริสไปเกลี่ยกล่อมแล้ว”
เมื่อได้ยินที่ฮยอนอาบอกคริสตัลได้แต่พยักหน้ารับรู้และได้แต่หวังว่าคงไม่มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้น เพราะช่วงเวลานี้ คือช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของชานยอล...
------------------------------------------------------------------
“ออกไปหาเพื่อนๆหน่อยไหม?”
“........”
“ยอลลี่...อย่าเอาแต่เงียบอย่างนี้สิ พี่รู้ว่าเราเสียใจ แต่พี่ก็เสียใจ ใครๆก็เสียใจ ยิ่งเรามาเป็นไปแบบนี้ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกแย่รู้ไหม!”
คริสพูดขึ้นมาอย่างเหลืออด จนชานยอลที่กำลังนอนหันหลังให้ต้องหันมามองเพราะคริสไม่เคยพูดกับเขาด้วยระดับเสียงที่ดังขนาดนี้
“ทำไมต้องเสียงดังด้วย?”
“ก็พูดดีๆแล้วเราดื้อเองหนิ!”
“....ออกไปก่อน เดี๋ยวตามออกไป” ร่างโปร่งบอกก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง
“อืม...รีบๆ ออกมานะ ตั้งแต่เช้ามาเรายังไม่ได้กินอะไรเลย เดี๋ยวพี่ไปเตรียมไว้ให้ก็แล้วกัน”
เมื่อคริสออกไป ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่ชานยอลอีกครั้ง ร่างโปร่งย้อนนึกไปถึงความฝันของตัวเองครั้งก่อน ที่เคยฝันว่าเห็นตัวเองในร่างผู้หญิงถือลูกแก้วเข้ามาหาก่อนที่ร่างนั้นจะทำลูกแก้วแตก มันคงจะเป็นลางบอกเหตุเรื่องที่ต้องแท้งลูกก็เป็นได้ ชานยอลถอนหายใจก่อนจะสอดมือเรียวเข้าไปใต้หมอนแล้วดึงมันกลับออกมาพร้อมกับของบางอย่างที่หยิบติดมือมาด้วย
“ฉันจะทำยังไงกับแกดี?”
ชานยอลพูดกับลูกอมที่อยู่ในมือก่อนจะถอนหายใจอย่างคิดหนัก แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ใต้หมอนอย่างเดิม
------------------------------------------------------------------------------
“กินเยอะๆนะแก ตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลนี่รู้สึกว่าแกผอมลงเยอะเลยนะ”
ฮยอนอาบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ร่างโปร่งได้แต่ส่งยิ้มบางๆไปให้เพื่อนก่อนจะตักข้าวเข้าปากไปอย่างจำใจ
“ฉันว่า...เราไปเที่ยวกันหน่อยไหม? เผื่อว่าอากาศข้างนอกมันจะทำให้แกรู้สึกดีขึ้น” คริสตัลถามชานยอลอย่างรู้สึกห่วง
ร่างโปร่งหันไปมองคริส แต่ร่างสูงกลับก้มหน้าก้มตาไม่สนใจคำพูดของใครเลย จนทำให้ชานยอลเริ่มแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มและเมื่อหันไปมองยูรา ผู้เป็นพี่สาวก็ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำพูด
“พวกแกไม่ต้องลำบากทำอะไรเพื่อฉันหรอก ฉันสบายดี แค่มีพวกแกอยู่ใกล้ๆ ฉันก็สบายใจแล้ว” ชานยอลบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับเพื่อนๆ
“แต่ฉันไม่สบายใจ เพราะฉันยังไม่ได้เที่ยว เพราะฉะนั้นแกต้องออกไปเที่ยวกับพวกฉัน! เดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปอาบน้ำแต่งตัวเลยห้ามปฏิเสธด้วย!”ฮยอนอาบอกก่อนจะกลับไปสนใจอาหารในจานต่อ
“พี่คริส....ไปด้วยกันไหม?” ร่างโปร่งถามเสียงเบา
“พี่ต้องเข้าบริษัทน่ะ หยุดงานมาหลายวันแล้ว เราไปกับเพื่อนเถอะ”
น้ำเสียงที่เย็นชาของคริสทำให้ชานยอลรู้สึกใจหายวาบ พฤติกรรมของคริสที่ปฏิบัติต่อเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่เขากลับมาจากโรงพยาบาล ลางสังหรณ์มันบอกว่าคริสอาจจะมีบางอย่างปิดบังเขาอยู่และชานยอลก็ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นเรื่องที่เขาคิด...
-----------------------------------------------------------------------
KRIS PART
ผมยอมรับว่าผมโกหก...ผมต้องโกหกชานยอลว่าจะไปทำงาน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่หรอก ผมแค่อยากใช้เวลาตัดสินใจอะไรบางอย่าง ซึ่งมันยากอยู่พอสมควร
ผมรู้ว่าชานยอลเป็นผู้ชายมาก่อน...
ผมยอมรับว่าครั้งแรกที่ได้ยินชานยอลและผู้หญิงคนนั้นคุยกันผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง คนอย่างชานยอลจะเป็นผู้ชายมาก่อนได้อย่างไร ในเมื่อก็เห็นๆกันอยู่ว่าเธอเป็นผู้หญิง แม้ไม่ต้องอธิบายให้ลึกมากผมก็ยังยืนยันได้ว่าเธอเป็นผู้หญิง!
แต่สิ่งที่ผมได้ยินมายอมรับเลยว่าช็อคมาก ผมรู้สึกสับสนจนคิดอะไรไม่ออก ไอ้ครั้นจะคิดว่าเป็นเรื่องโกหกก็ไม่ใช่ เพราะการที่มีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องนั่นก็หมายความว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง...
เพราะผมเป็นอีกคนที่โดนคำสาปจากเธอ
เหตุการณ์วุ่นวายที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ผมกินลูกอมเม็ดนั้นเข้าไปคงไม่ใช่ผลกระทบที่แท้จริงของคำสาปเพราะผมคิดว่าผลกระทบที่แท้จริงของมันก็คือคนที่ผมรัก...เป็นผู้ชาย
แม้ผมจะได้ยินมาเต็มสองหูขนาดนั้น แต่ผมก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ผมก็เลยต้องพยายามหาความจริงและความสงสัยของผมก็พาผมมาหาคนๆหนึ่งที่ผมคิดว่าเขาน่าจะตอบโจทย์ทั้งหมดได้เป็นอย่างดี...
“อ้าว! พี่คริส ลมอะไรหอบมาถึงนี่ เข้ามาก่อนๆ”
“โรงแรมนายนี่ใหญ่ดีนะ”ผมบอกกับรุ่นน้องที่ตัวเล็กกว่าผมเยอะเลยทีเดียว
“ไม่ใช่ของโผ้ม~ ของพ่อผมต่างหาก ฮ่าๆๆ”
“เอาน่า เดี๋ยวสักวันมันก็เป็นของนาย”
“คงอีกนานเลยล่ะ ว่าแต่พี่คริสมาถึงนี่มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“แบคฮยอน.............เพื่อนนายเคยเป็นผู้ชายมาก่อนใช่ไหม?”
ผมถามเขาไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆทั้งสิ้น แบคฮยอนดูจะตะลึงกับคำถามของผมอยู่ไม่น้อย ซึ่งผมก็เข้าใจเขาดี เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาถามคำถามแบบนี้กับผมมันก็ต้องมีตกใจกันบ้างเป็นธรรมดา
“เอ่อ....ผมว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่า”แบคฮยอนว่าก่อนจะเดินนำผมไป
ผมเดินตามร่างเล็กนั้นไปเงียบๆ แน่นอนว่าวันนี้ผมต้องได้คำตอบจากเขาไม่มากก็น้อย เพราะท่าทีของเขาที่ได้ยินคำถามจากผม มันทำให้ผมมั่นใจไปอีก 50% ว่าเขาต้องมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“ทำไมพี่ถึงถามผมอย่างนี้?”
แบคฮยอนถามขึ้นทันทีที่เขานั่งลงกับโซฟาตัวหรูและแม้ว่าเขาพยายามจะถามผมด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ แต่แววตานั้นก็ยังฉายความเป็นกังวลออกมาให้ผมเห็นอยู่ดี
“พี่รู้ว่าลีอาห์คือใคร ความจริงรู้จักมาสักพักแล้วล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะรู้จักกับเพื่อนนายด้วย มิหนำซ้ำยังรู้จักกันดีกว่าพี่ซะอีก”
“พี่ไปรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง?” เขาถามด้วยสีหน้าที่ดูสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“พี่ได้ลูกอมมาและพี่คิดว่า.......เพื่อนนายก็น่าจะได้มาเหมือนกัน...”
-------------------------------------------------------------------------------
ท่ามกลางเสียงจอแจของผู้คนชานยอลได้แต่ยืนเหม่อลอยไร้สติอยู่บนที่สูงเหนือน้ำ ตากลมมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย แม้ว่าเสียงจากรอบตัวจะดังสักแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาได้ยินก็มีเพียงเสียงของความลังเลในการตัดสินใจเพราะถ้าเขาเลือกที่จะกินลูกอมข้อดีคือเขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตในร่างเดิม แต่ข้อเสียก็คือเขาต้องเสียคริสไปอย่างแน่นอน...
ร่างโปร่งก้มลงไปมองผืนน้ำใสที่ไหลวนอยู่เบื้องล่างและคิดไปว่าหากได้กระโดดลงไปมันคงจะรู้สึกดีไม่ใช่น้อย ดวงตาคู่สวยหลับลงช้าๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมารับลมที่พัดพาเส้นผมให้ปลิวสยาย ชานยอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไปหาผืนน้ำสีฟ้าใสนั่นทันที
ตูม!!
“นี่แก แกคิดว่ามันคิดอะไรอยู่” ฮยอนอาถามขึ้นในขณะที่สายตายังคงมองไปทางที่เพื่อนอีกคนเพิ่งกระโดดลงไป
“นางคงมโนว่ากำลังโดดน้ำตายแหละมั้ง” คริสตัลบอกด้วยสีหน้าเอือมๆ
“ไปละ สมองเพี้ยนหมดแล้วเพื่อนฉัน โดดน้ำตายในสวนน้ำเนี้ยนะ คงได้ตายดีอะ”ฮยอนอาว่าก่อนจะดำลงไปในน้ำ
ทางด้านชานยอลหลังจากกระโดดลงไปในน้ำแล้วก็ยังไม่เลิกที่จะใช้ความคิด ร่างโปร่งปล่อยให้ร่างของเขาจ่มดิ่งลงไปในน้ำเสียงเดิมยังคงดังก้องอยู่ในหัว
‘จะกลับเป็นผู้ชายเหมือนเดิมหรือจะเป็นผู้หญิงอย่างนี้ต่อไป...’
ในขณะที่ชานยอลกำลังใช้ความคิดในการเลือกช้อยส์ที่มีผลกับชีวิตเขาเพียงครั้งเดียว จู่ๆก็มีใครบางคนมาดึงตัวเขาให้โผล่ขึ้นไปเหนือน้ำและคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
“เลิกบิ้วท์ตัวเองได้แล้ว ฉันรู้ว่ามันตัดสินใจยาก” คริสตัลว่าทันทีที่ทั้งคู่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
“พูดอะไรของแก” ร่างโปร่งถามขณะที่ใช้มือเรียวปาดน้ำบนใบหน้าไปด้วย
“ยอลลี่...มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เคยบอกแกเลย” หญิงสาวบอกเพื่อนร่างโปร่งด้วยสีหน้าที่เครียดพอสมควร
“อะไรวะ?”
“ถ้าสิ่งที่ฉันบอกมันจะทำให้แกโกรธฉันก็ไม่ว่า...แต่ฉันต้องบอก เพราะมันอึดอัดมาก ฉันอยากให้แกรู้จริงๆ”
มือเรียวทั้งสองยกขึ้นไปจับข้อมือเพื่อนร่างโปร่งจนแน่น
“คริสตัล....”
ชานยอลมองหน้าอีกคนด้วยความสับสน แต่ก็ไม่รู้จะถามคำถามไหนออกไปดี จึงได้แต่เปิดโอกาสให้อีกคนได้อธิบายมันออกมา
“แก...อย่าโกรธฉันนะ”
ร่างเล็กดึงร่างของชานยอลให้ดำลงไปใต้น้ำและทันทีที่ร่างของทั้งคู่จมดิ่งลงสู่ใต้สระกว้างของสวนน้ำแสงที่เคยส่องสว่างจนเห็นไปทั่วทั้งสระก็มืดลง ชานยอลเบิกตากว้างด้วยความตกใจและเมื่อพยายามจะโผล่ขึ้นไปเหนือน้ำก็ต้องถูกคริสตัลดึงตัวกลับมาเหมือนเดิม
เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ ชานยอลจึงได้แต่อดทนรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ สายตาที่พร่ามัวเพราะต้องลืมตาในน้ำมองเห็นร่างของคริสตัลเพียงรางๆ แต่แล้วภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ร่างเล็กที่เคยบอบบางแปรสภาพไปจนร่างโปร่งแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ชานยอลเผลอลืมไปว่าตัวเองอยู่ใต้น้ำ คริสตัลคนที่เคยเป็นเพื่อนสาวร่างเล็กเปลี่ยนไป...เปลี่ยนไปเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลา มือหนาค่อยๆเลื่อนข้างหนึ่งขึ้นมาจับใบหน้าเรียวของชานยอลไว้อย่างเบามือก่อนจะมีเสียงดังก้องขึ้นในหัวของชานยอล
“ฉันขอโทษที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เธอเป็นอย่างนี้...”
ร่างโปร่งปัดมือคนตรงหน้าออกก่อนจะรีบดันตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำเมื่อรู้สึกว่าอากาศที่เก็บสะสมเอาไว้เริ่มไม่มีเหลือ เมื่อโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำบรรยากาศโดยรอบก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ชานยอลสำลักน้ำที่เผลอหายใจเข้าไปจนหน้าแดง แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ได้เห็นเมื่อสักครู่...
ชานยอลมองไปยังคริสตัลที่คืนสู่สภาพเดิมแต่ร่างโปร่งกลับไม่กล้าแม้จะสบตาคนเป็นเพื่อน สิ่งที่ถูกซ่อนไว้มานานเมื่อถูกเปิดเผยมันทำให้ชานยอลทำใจยอมรับความจริงไว้ไม่ได้ คนที่เคยอยู่เคียงข้างกันตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นยามทุกข์หรือยามสุขกลับมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทำให้เขาของมาตกอยู่ในสภาพของการเป็นผู้หญิงสภาพที่ทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาในชีวิต
คริสตัลเดินขึ้นจากสระน้ำด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว แม้รู้ว่าหากได้บอกความจริงกับชานยอลไปผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่เธอก็ยังเลือกที่จะบอก เพราะความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนทำให้เธอไม่สามารถปิดบังเรื่องราวของตัวเองได้อีกต่อไป
การเป็นทูตสวรรค์ที่มีความผิดปกติเกิดมีความรู้สึกอย่างที่ทูตองค์อื่นๆไม่มี จนตัวเองต้องโดนลงโทษให้ลงมาใช้ชีวิตกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ แต่คริสตัลกลับไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยที่ตัวเองต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ แม้ว่าต้องค่อยรับใช้ทูตสวรรค์อย่างลีอาห์ แต่นั่นมันก็ทำให้คริสตัลได้เจอกับมนุษย์ผู้หญิงสองคนที่เข้ามาทักทายเธอตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเข้าไปในมหาวิทยาลัยในฐานะของมนุษย์ความอบอุ่นที่คนทั้งสองได้มอบให้ในฐานะเพื่อน มันทำให้คริสตัลอยากเป็นมนุษย์ไปตลอดชีวิตและเมื่อมาเจอชานยอล เด็กหนุ่มที่ถูกสาปให้เป็นผู้หญิง แม้ว่าเดิมทีเขาจะเป็นคนเจ้าชู้กระล่อนแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ในร่างผู้หญิงสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเพื่อนมันช่างดีเสียจนคริสตัลต้องรู้สึกผิดที่ตัวเองต้องอยู่ข้างลีอาห์
ร่างบางเดินกลับไปยังห้องแต่งตัวเพียงลำพัง ในช่วงหนึ่งของความรู้สึกก็แอบเสียใจที่บอกความจริงไปเพราะมันต้องทำให้ทั้งสองคนขาดจากความเป็นเพื่อนกันแน่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าคริสตัลไม่ต้องการให้มันจบลงแบบนั้น...
ในขณะที่ร่างบางกำลังจะยื่นมือไปเปิดประตูห้องแต่งตัว แต่จู่ๆก็มือมือของอีกคนมาคว้ามือข้างนั้นไว้ซะก่อนและเมื่อคริสตัลเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นคนที่เธอเพิ่งคิดถึงไปนั่นเอง
“ชานยอล...” หญิงสาวเรียกชื่ออีกคนด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“หึ...เรียกชื่อจริงกันเลยนะ” ร่างโปร่งกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“แก...โกรธฉันใช่ไหมล่ะ แต่...ฉันเข้าใจ เป็นฉัน ฉันก็โกรธ ฉันเข้าใจ” คริสตัลก้มหน้าต่ำไม่กล้าสบตาร่างโปร่ง
“เรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคนนะ”
“ห่ะ?”
คริสตัลเงยหน้าขึ้นมาสบตาชานยอลอย่างุนงงเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกคนบอก
“เรื่องนี้ให้รู้กันแค่ฉันกับแกก็พอ”
“ชะ..ชานยอล”
“เรียกเหมือนเดิมไม่งั้นฉันจะโกรธแกจริงๆ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเพื่อนร่างบางไม่ได้เรียกอย่างเคย
“ยอลลี่...แกไม่โกรธฉันจริงๆหรอ” คริสตัลถามพลางจับข้อมือคนตรงหน้าเอาไว้
“แค่ตกใจ ตอนแรกตกใจมาก แต่ในเมื่อฉันสามารถกลายร่างเป็นผู้หญิงได้ บนโลกใบนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกสำหรับฉันอีกแล้ว”ร่างโปร่งบอกก่อนจะยิ้มบางๆ ให้กับเพื่อนร่างบาง
“ขอบใจนะ...”
คริสตัลบอกกับชานยอลด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตากลมเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อขึ้นมาจนเกือบล้น
“อย่ามาร้องไห้ต่อหน้าฉันนะ!” ชานยอลว่าอีกคนพร้อมกับยกมือเรียวขึ้นไปตีแขนเล็กของคริสตัลเบาๆ ก่อนจะดึงร่างของเพื่อนเอามากอดเอาไว้
“ฉันพยายามไม่ให้มันบานปลาย ฉันพยายามแล้ว พยายามแล้วจริงๆ”
“เออๆๆ ช่างมันเถอะ....มันจะจบแล้ว เดี๋ยวมันก็จบแล้ว” ร่างโปร่งว่าก่อนจะผละตัวออกจากคริสตัล
“นี่แกอย่าบอกนะว่า....” คริสตัลเบิกตากว้างเมื่อคิดได้ว่าอีกคนจะทำอะไร
“ฉันตัดสินใจแล้ว...ฉันต้องเลือกในสิ่งที่ฉันควรจะเป็น...”
ชานยอลหลับตาแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเพื่อนด้วยสายตาที่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง
ไม่ว่าผลจะออกมายังไง แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วและคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันคือสิ่งที่เขาควรทำมากที่สุด...เพื่อตัวเขาเอง
----------------------------------------------------------------------------------------------
“ไม่กลับไปไม่ได้หรอ?”
“ไม่ได้หรอก งานที่นี่ของฉันเสร็จแล้ว ฉันต้องกลับไปทำงานประจำที่โน้นเหมือนเดิม”
“แล้วเค้าจะอยู่กับใครล่ะ”
“แกก็ยังมีคริสไง”
“มันไม่เหมือนกันนะ”
“เอาน่า ไว้ฉันจะมาหาแกบ่อยๆ ก็แล้วกัน”
สองพี่น้องกอดกันแน่นเมื่อผู้เป็นพี่ต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวเหมือนเดิม หลังจากงานที่ยูราทำในเกาหลีเสร็จสิ้นลงก็ถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างเดิม แต่ลึกๆในใจยูราไม่อยากทิ้งผู้เป็นน้องไว้อย่างนี้เลย
ชานยอลและบรรดาเพื่อนๆรวมพลกันไปส่งยูราที่สนามบิน เป็นอีกหนึ่งวันที่ชานยอลรู้สึกเหงาเมื่อคนเป็นพี่ต้องกลับไป ร่างโปร่งช่วยพี่สาวลากกระเป๋าไปอย่างจำใจจนยูราต้องส่ายหน้าให้กับท่าทีของผู้เป็นน้องเบาๆ
“นี่อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ก่อนหน้านี้ไม่มีฉันแกยังอยู่ได้เลย”
“ก็พอมาอยู่แล้วจะไปแบบนี้มันทำใจไม่ได้อะ พี่ก็รู้ว่าตอนนี้เค้า...กำลังเป็นอะไร” ระดับเสียงถูกลดลงในประโยคตอนท้ายทำให้ยูราหยุดเดินลงในทันที
“แกฟังฉันนะ การตัดสินใจของแกทั้งสองทาง มันล้วนได้อย่างเสียอย่าง มันอยู่ที่ว่าแกจะเลือกกลับไปเป็นเหมือนเดิมแต่ต้องเสียคนรักไปหรือเลือกที่จะมีความสุขกับเขาอยู่ในร่างนี้ไปตลอดชีวิต”
ร่างโปร่งพ้นลมหายใจออกมาก่อนจะหันกลับไปยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับยูรา มือเรียวตบบ่าพี่สาวเบาๆ และพูดกับพี่สาวออกไปอย่างมั่นใจ
“เค้าเลือกแล้ว แน่ใจแล้วจริงๆ”
“อื้มฉันน่ะไม่เป็นไรอยู่แล้ว แค่แกมีความสุขฉันก็โอเคแล้ว” ยูรายิ้มพร้อมกับดึงผู้เป็นน้องเข้าไปกอดเอาไว้
“โอยยยย จะซึ้งกันอีกนานไหมคะพี่น้องคู่นี้” ฮยอนอาเอ่ยแซวพร้อมกับเดินเข้าไปหาทั้งคู่
“อ่าวยัยนี่! คนเขาเป็นพี่น้องกันนะ!” ชานยอลแยกเขี้ยวใส่เพื่อนก่อนจะก้มลงไปหยิบกระเป๋าเดินทางของยูราอีกครั้ง
“ย่ะ! เออนี่จะมาบอกว่าเดี๋ยวแกกับซอลลี่เดินเข้าไปส่งพี่ยูราที่เกทเลยนะ ฉันกับคริสตัลจะไปเข้าห้องน้ำ”
“เออได้ เดี๋ยวไปเจอกันข้างนอกเลยก็แล้วกัน นี่ก็จะได้เวลาแล้ว” ชานยอลบอกพร้อมกับยกข้อมือข้างที่มีนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา
“โอเค พี่ยูราเดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้ามีโอกาสก็กลับมาหากันบ้างนะพี่”
“จ้าๆ มาแน่ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนเราถ้าอยากจะไปฮันนีมูนเมื่อไหร่อย่าลืมแวะไปญี่ปุ่นนะ พี่มีที่พักให้ฟรี! ฮ่าๆๆๆๆ”
“โห่! พี่อะยังไม่คิดถึงขั้นนั้นซะหน่อย!!” ฮยอนอาทำส่งเสียงดังหน้ามุ่ยกลบเกลื่อนอาการเขินอายก่อนจะเดินเข้าไปกอดรุ่นพี่สาวเอาไว้
“พี่ฝากยอลลี่มันด้วยนะ เรารู้ใช่ไหมว่าตอนนี้มันกำลังแย่” ยูรากระซิบบอกขณะที่กำลังกอดร่างของฮยอนอาเอาไว้
“ค่ะพี่ ทุกข์ของเพื่อนก็คือทุกข์ของหนูเหมือนกัน พี่สบายใจได้เลย”
ฮยอนอาบอกก่อนจะผละตัวออกจากยูรา ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนที่จะแยกกันไปอีกทาง
“เออ แล้วเรื่องที่แกโดนทำร้ายนั่นล่ะตกลงจะเอายังไง?” หญิงสาวหันไปถามผู้เป็นน้องที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ
“ก็..ได้ยินพี่คริสกับเพื่อนๆเขาพูดๆกันอยู่ว่าจะเอายังไงต่อไป แต่เค้าว่าคงทำอะไรได้ยากแหละ อดีตเจ้าสาวเขาทั้งคน”
ชานยอลบอกก่อนจะลากกระเป๋าเดินนำไปทันทีปล่อยให้ยูราและซอลลี่ยืนงงกับอาการเหวี่ยงของเขากันเพียงสองคน
ทางด้านฮยอนอาและคริสตัลที่ขอแยกตัวกันมาเข้าห้องน้ำก็ถึงกับตาโตเมื่อเจอเข้ากับแจ๊คพอตใหญ่ ฮยอนอาหันไปส่งซิกให้เพื่อนสาวก่อนที่จะเดินยืดอกเข้าไปในห้องน้ำเพียงลำพัง ริมฝีแดงระเรื่อยกยิ้มให้กับบุคคลที่ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง ร่างบางพิงตัวกับอ่างล้างหน้าก่อนจะพูดขึ้นลอยๆ หมายจะให้คนที่กำลังก้มหน้าล้างมืออยู่ได้ยินมัน
“คนเรานี่ก็นะ หน้าไม่อายเลย ทำร้ายคนอื่นแล้วยังคิดจะบินหนีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หน้าด้านเนาะ”ฮยอนอาว่าก่อนจะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เธอ!” หญิงสาวอีกคนหันมามองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นฮยอนอา
“จำฉันได้ด้วยหรอ? ฉันว่าเราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเองนะ”
“เธอต้องการอะไร!” หญิงสาวถามออกไปพร้อมกลับถอยตัวให้ห่างจากฮยอนอา
“สิ่งที่ฉันต้องการจากเธอน่ะหรอ....เธอให้ฉันไม่ได้หรอก!!”ฮยอนอาตะคอกใส่อีกคนพร้อมกับส่งมือเรียวเล็กไปบีบคางของคู่สนทนาเอาไว้
“โอ๊ย! นี่ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” หญิงสาวอีกคนพยายามปัดป้อง แต่ดูเหมือนว่าแรงแค้นของฮยอนอาทำให้เธอมีเรียวแรงมากกว่าปกติจนอีกฝ่ายไม่สามารถทำอะไรเธอได้เลย
“เธอน่าจะได้ยินคำพูดนี้ที่เพื่อนฉันเคยใช้พูดกับคนที่เธอส่งไปทำร้ายมันนะ!”
“หึ! คิดจะแก้แค้นแทนเพื่อนสินะ เอาเล๊ย! อยากทำอะไรก็เชิญ เพราะอย่างน้อยยัยนั่นก็ได้เจ็บสมใจฉันแล้ว ฮ่าๆๆๆ”หญิงสาวเชิดหน้ายกยิ้มใส่ฮยอนอาอย่างไม่เกรงกลัวและรอยยิ้มยั่วโมโหนั้นก็ทำทำให้ความอดทนของฮยอนอาติดลบไปในทันที
“นังยูอี! แกฆ่าคนทั้งคนแล้วยังจะมีหน้าพูดอย่างนี้อีกหรอ แกทำให้เด็กคนหนึ่งไม่มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลกแกยังกล้าที่จะพูดแบบนี้อีกหรอ!!”ด้วยความเดือดดาลฮยอนอาจึงกระชากผมอีกคนอย่างแรงก่อนจะผลักร่างของยูอีจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
“นี่เธอพูดอะไร ฉันแค่อยากจะสั่งสอนไม่ได้จะฆ่าใครตายซะหน่อย!” ยูอีบอกพร้อมพยายามพยุงตัวเองขึ้นมาประจันหน้ากับฮยอนอาอีกครั้ง
“แค่สั่งสอน ไม่ได้ฆ่าใคร....หึ”
เพี๊ยะ!!
ฝ่ามือเล็กหวดลงไปบนใบหน้าของยูอีทันทีที่พูดจบ ใบหน้าที่หันไปตามแรงมือหันมามองหน้าฮยอนอาด้วยสายตาโกรธเคือง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบโต้อะไรฮยอนอาก็ตรงเข้าไปจิกผมของยูอีเอาไว้อีกครั้งก่อนจะออกแรกกระชากให้แรงกว่าครั้งแรกแล้วใช้ฝ่ามืออีกข้างที่เหลือฟาดลงไปบนใบหน้าของยูอี
“จะแค่สั่งสอนหรือเอาจริงแกก็ไม่ควรคิดทำเรื่องอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว! เพราะความคิดโง่ๆของแกมันทำให้ไอ้ยอลต้องแท้ง แกทำให้คนสองคนต้องเสียลูกไป!! ได้ยินไหม! เขาทั้งสองคนต้องเสียลูกในไส้ไปเพราะแก!!”เสียงแหลมเล็กตะวาดใส่คนตรงหน้าอย่างไม่อายใคร
“ทะ ท้องหรอ...” ยูอีทวนคำพูดเบาๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
ฮยอนอากระชากผมของอีกคนให้หันไปมองกระจกบานใหญ่ เงากระจกสะท้อนให้ยูอีเห็นใบหน้าที่เริ่มบอบช้ำ ร่างบางแสยะยิ้มให้กับเงาสะท้อนในกระจกก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่!! และนี่มันยังน้อยนะ รอยบนหนังหน้าแกตอนนี้ยังน้อยกว่าที่เพื่อนฉันได้เจอมา ความจริงฉันอยากฆ่าแกให้ตายคามือเสียด้วยซ้ำ! แต่มาคิดอีกที ไม่ดีกว่า ฉันจะปล่อยให้แกรับความทุกข์อยู่บนโลกใบนี้แหละ ฉันจะรอดูเวรกรรมมันตามสนองแกไปช้าๆ ฉันเชื่อว่าสักวันชีวิตแกต้องฉิบหายอย่างแน่นอน!!”
เพี๊ยะ!!
เสียงฝ่ามือฟาดลงไปบนใบหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผู้ถูกกระทำไม่ใช้ยูอี นิ้วเรียวปาดเลือดที่ซึมอยู่บนริมฝีปากทิ้งก่อนจะเหลือบตาขึ้นไปมองคนตรงหน้า
“ที่ฉันต้องทำแบบนี้ก็เป็นเพราะเพื่อนของแกนั่นแหละ! มันแย่งคริสไปจากฉันเพราะมีมันเข้ามาคริสถึงได้เป็นอย่างนี้!!” ยูอีตวาดใส่ฮยอนอาจนเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้องน้ำ
“หึ....แน่ใจหรอ? ถึงไม่มีมัน พี่คริสก็ไม่ได้สนใจเธออยู่แล้วไม่ใช่หรอ?” ฮยอนอาว่าพลางยกยิ้มมุมปาก ซึ่งรอยยิ้มนั้นสามารถเรียกอารมณ์โมโหจากยูอีได้เป็นอย่างดี
“จะสนใจหรือไม่สนใจ แต่มันก็ไม่เคยแย่ขนาดนี้! แต่เพราะเพื่อนเธอ!! เพราะนังนั่น เพราะมัน เพราะมันคนเดียว มันทำให้คริสต้องทิ้งฉันไป!!”ยูอีพูดออกมาพร้อมด้วยน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นรอบดวงตา
“เลิกเอาเพื่อนฉันมาอ้างได้แล้ว!! ที่พี่คริสไม่รักเธอมันไม่ใช่เพราะเพื่อนฉันหรอก แต่มันเป็นเพราะตัวแกเอง แกทำตัวเองทั้งนั้น ฉันว่าแกเอาเวลาที่ไปโทษชาวบ้านเขามาพิจารณาตัวเองเถอะ”
คำพูดของฮยอนอาทำให้ยูอีเดือดขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวปรี่เข้าไปหาฮยอนอาหมายจะตบหน้าของร่างบางอีกครั้ง แต่ด้านฮยอนอาก็ไว้ไม่แพ้กัน ทำให้ทั้งสองต้องลงมือสู้กันอีกครั้ง
ทางด้านชานยอลและซอลลี่เมื่อส่งยูราเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาตามหาเพื่อนอีกสองคนที่เหลือ แล้วทั้งสองก็ได้มาเจอกับคริสตัลที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเพียงคนเดียว
“อ่าว ยังไม่ได้เข้าห้องน้ำหรอ?แล้วฮยอนอาอะ?” ชานยอลถามพร้อมกับมองไปยังป้ายที่ถูกวางขว้างทางเข้าห้องน้ำเอาไว้ซึ่งข้อความบนป้ายได้บอกไว้ว่ากำลังทำความสะอาด
“อ้อ ฮยอนอาหรอ นางไป...”
ยังไม่ทันที่คริสตัลจะได้ตอบอะไรก็มีเสียงเอะอะดังมาจากภายในห้องน้ำ แล้วเสียงนั้นก็ทำให้ชานยอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อรู้สึกว่าเสียงนั้นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน
“แกอย่าเพิ่ง!”
ชานยอลเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้คริสตัลจะพยายามห้ามร่างโปร่งก็ไม่ยอมฟังและเมื่อเข้าไปภายใน สิ่งที่ชานยอลได้เห็นก็คือฮยอนอากับหญิงสาวอีกคนกำลังฟัดกันนัวเนีย แต่ดูเหมือนว่าฮยอนอาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่า เมื่อชานยอลเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปแยกตัวเพื่อนของตัวเองออกมาทันที
“ฮยอนอา หยุด! พอได้แล้ว!! พอ!!”
“ปล่อยฉัน!!! วันนี้ฉันจะเอามันให้ตาย แกเอาเวลาที่จะห้ามฉันไปบอกแม่ฉันให้เตรียมไปประกันตัวฉันที่โรงพักเถอะ!”ฮยอนอาบอกพร้อมกับผลักร่างโปร่งให้ห่างออกจากตัวเธอ
“พอได้แล้ว!! ฮยอนอา! หยุด!!!!!”
ชานยอลแผดเสียงออกไปพร้อมกับกระชากร่างของฮยอนอาออกมา ด้วยความที่ยังไม่เคยเห็นชานยอลขึ้นเสียงขนาดนี้ฮยอนอาจึงยอมหยุดตามที่ร่างโปร่งต้องการ
“ออกไปเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ร่างโปร่งบอกกับฮยอนอาที่ตอนนี้สภาพแทบจะดูไม่ได้และเพื่อนสาวก็ยอมทำตามโดยดี ก่อนจะออกไปร่างบางชำเลืองไปมองยูอีด้วยสายตาโกรธแค้นจนเกือบจะได้เปิดศึกยกสอง แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดศึกก็โดนซอลลี่ดึงตัวออกไปซะก่อน
“เจ็บมากปะ?” ร่างโปร่งถามพร้อมกับเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่มีสภาพสะบักสะบอม
“เจ็บสิถามได้!!” ยูอีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง
“หึ ยังน้อยกว่าฉันว่ะ” ร่างโปร่งบอกพร้อมกับยิ้มเหยียดๆ ให้กับยูอี
“ถ้าเธอไม่แย่งเขาไปจากฉัน เหตุการณ์นี้มันคงไม่เกิดขึ้น”ยูอีบอกกับร่างโปร่งอย่างไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“เฮ๊อะ! เออ เรื่องนี้ฉันผิดเอง ส่วนเรื่องที่เธอส่งคนมาทำร้ายฉันปางตาย ฉันจะไม่เอาความเธอ”
รอยยิ้มเหยียดนั่นหายไปเหลือเพียงใบหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาที่เต็มไม่ด้วยความโกรธเคืองจ้องมองยูอีอย่างไม่ลดละก่อนจะพูดกับคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบ
“แต่เรื่องที่เธอทำให้ฉันต้องเสียของรักไปน่ะ ต่อให้มาเจอกันอีกสักกี่สิบชาติ....ฉันก็ไม่ให้อภัย” สายตาแข็งกร้าวยังไม่ยอมลดละไปจากยูอีและร่างโปร่งก็ยังพูดต่อไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้โต้เถียงกลับมาแต่อย่างใด
“ถึงแม้ฉันจะเอาความ แต่ฉันรู้ว่ากฎหมายทำอะไรคนอย่างเธอไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะรอดูวันที่เวรกรรมมันตามเธอทันก็แล้วกัน!”
ชานยอลเดินจากคนที่กำลังยืนเหนื่อยหอบแถมเจ็บตัวไปโดยไม่เหลียวหลังไปมอง แม้ว่าอีกคนจะมีสภาพที่แย่ขนาดไหนร่างโปร่งก็ไม่ได้มีความรู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย เพราะหากเอามันมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ยูอีได้ทำกับเขาแล้ว สิ่งที่ยูอีเจอในวันนี้มันยังไม่ได้ครึ่งเสี้ยวกับที่เขาได้เจอ
---------------------------------------------------------------------------
“โอ๊ย! เบาๆหน่อยพ่อคุณ!!”
“สม! อยู่ดีไม่ว่าดี ชอบหาเรื่องให้ตัวเองดีนัก”
“ก็หมั่นไส้! เห็นหน้าแล้วมือไม้มันสั่นไปหมดหนิ โอ๊ยๆๆๆ!”
เสียงฮยอนอาและฮยอนซึงเถียงกันตั้งแต่ฝ่ายชายหนุ่มมาเห็นสภาพแฟนสาวจนขณะนี้ก็ยังไม่หยุดเสียที เพราะดูเหมือนว่าฮยอนอายังคงอินกับเหตุการณ์ที่เกิดที่สนามบิน จนเพื่อนๆต่างพากันส่ายหน้าให้กับความใจร้อนของเธอ
“แล้วทางโน้นเป็นไงบ้าง?” ลู่หานหันไปถามชานยอลที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆซอลลี่
“เละ”
ร่างโปร่งพูดดำเดียวสั้นๆ แต่ทุกคนเข้าใจความหมายนั้นดีกว่าคำอธิบายหลายร้อยคำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพียงกันโดยมิได้นัดหมายและคนที่ต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่เป็นเจ้าของห้องต่อจากยูราอย่างชานยอล และเมื่อประตูถูกเปิดออกก็ทำให้ร่างโปร่งแสดงสีหน้าให้กับคนที่มาเยือนแทบไม่ถูก เพราะเขาทั้งสองคนไม่ค่อยได้คุยกันนับตั้งแต่วันที่ชานยอลออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว
“เข้ามาก่อนสิ” ชานยอลบอกก่อนจะหลีกทางให้ร่างสูงเดินเข้าไปภายในห้อง
“เสร็จหรือยังเนี้ยห๊ะ!! ถ้าจะทำแผลนานขนาดนี้พาฉันไปโรงพยาบาลเถอะ!”
เสียงฮยอนอายังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องและเมื่อคริสได้เห็นสภาพของฮยอนอาเขาถึงกับรีบหันกลับไปหาชานยอลทันที
“เราโดนเขาทำร้ายหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ร่างสูงเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับสำรวจดูว่าอีกคนมีร่องรอยถูกทำร้ายมาหรือไม่
“ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่พี่เถอะกินอะไรมาหรือยัง” ชานยอลถามพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้กับคริส
“ยัง ยังไม่ได้แวะที่ไหนเลย พอรู้ข่าวก็รีบมาที่นี่เลย”
“อ่อ อืม ถามไปงั้นแหละ นี่ก็เพิ่งกลับมา ไม่มีอะไรให้กินหรอก” ร่างโปร่งบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะรับสูทจากคริสไปเก็บในห้องอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งก่อนๆ
“เฮ๊ย เดี๋ยวนี้พวกมึงเป็นอะไรวะ เวลาคุยกันดูแปลกไป ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย”
ลู่หานทักขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่คริสและชานยอลแสดงต่อกัน ซึ่งเขาสังเกตได้ว่ามันต่างไปจากเมื่อก่อนจริงๆ น้ำเสียงที่คนทั้งสองใช้พูดคุยกันดูจริงจัง ไม่มีการหยอกล้อกันเหมือนแต่ก่อน และเพราะคำทักท้วงของลู่หาน มันทำให้คริสตัลถึงกับไม่กล้าหันไปสบตาใคร เพราะกลัวว่าคนอื่นจะสงสัยเรื่องราวของชานยอลไปมากกว่านี้
เมื่อทั้งหมดปรึกษาหารือกันเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมติก็เป็นเอกฉันท์ที่ชานยอลยอมความไม่เอาเรื่องอย่างที่หญิงสาวเคยกล่าวไว้กับยูอี เมื่อความคิดเห็นทุกคนต่างก็ลงตัวเป็นที่เรียบร้อย แต่ละคนจึงขอแยกตัวกลับไปบ้านใครบ้านมันเพราตอนนี้ก้เป็นเวลาดึกมากแล้ว ภายห้องจึงเหลือเพียงคริสและชานยอลและทั้งสองก็ยังคงไม่มีเรื่องจะคุยกันเหมือนเดิมจนกระทั่งถึงเวลานอน
“ยอลลี่”
จู่ๆ ชายหนุ่มก็เรียกอีกคนขึ้นมาเบาๆ
“หือ?” ร่างโปร่งที่นอนหันหลังให้คริสตอบรับกลับไปสั้นๆ
“มีเรื่องอึดอัดใจอะไรหรือเปล่า? บอกพี่ได้นะ”
ร่างโปร่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่ไม่ใช่เพราะไม่อยากพูด ชานยอลอยากเล่าทุกอย่างให้คริสฟังเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะเรื่องราวมันใหญ่โตเกินไป ใหญ่เสียจนกลัวการเปลี่ยนแปลงระหว่างเขาทั้งสองคนมันจึงทำให้ชานยอลไม่สามารถอ้าปากเล่าเรื่องนี้กับใครได้โดยเฉพาะคริส
“ถ้ามันเป็นเรื่องที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้ ก็ไม่ต้องเล่า ถ้าไม่มีใครรู้แล้วเราสบายใจขึ้นก็ปล่อยให้มันเป็นความลับต่อไป” คริสพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชานยอลเงียบไป
ร่างโปร่งหันหน้ากลับไปหาอีกคน แสงสลัวทำให้มองเห็นใบหน้าของคริสเพียงรางๆ มือเรียวยกขึ้นไปแตะใบหน้านั้นเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมันลงไปกอดร่างของเขาเอาไว้แทน
“ขอบคุณที่เข้าใจฉันนะ”
ร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับดึงร่างโปร่งเข้าไปกอดตอบ หลังจากนั้นก็ไม่เสียงพูดดังขึ้นมาจากปากใครอีก จะมีก็เพียงแค่เสียงของลมหายใจ ทั้งคู่หลับไปทั้งที่ยังกอดกันอยู่อย่างนั้น เพราะทั้งสองคนไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ทั้งคู่จะยังได้กอดกันอยู่อย่างนี้หรือเปล่า
เวลาผ่านไปหลายเดือนทุกอย่างก็เหมือนจะเข้าสู่สภาวะปกติ แต่สิ่งที่ฉุดให้ทุกอย่างไม่เต็มร้อยอย่างที่เคยเป็นก็คือการที่คนทั้งคู่ใช้ชีวิตไปอย่างค้างคาใจ เพราะลูกอมที่ลีอาห์เคยมอบไว้ให้คริสและชานยอลยังอยู่ ทั้งสองยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะกินมันเพื่อลบล้างคำสาปและเรื่องลูกอมนี้ก็ยังคงเป็นความลับต่อกันตลอดมา
“หือ?? พี่คริสดูนี่สิ!”
ร่างโปร่งบอกด้วยสีหน้าตกใจพร้อมกับส่งหนังสือพิมพ์ที่มีเรื่องของครอบครัวยูอีพาดหัวข้อหน้าหนึ่งเอาไว้ให้กับร่างสูง ตาคมละสายตาจากจอทีวีก่อนจะรับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ
“ล้มละลายเลยหรอ? หึ! คงจะอยากได้มากเกินไปสินะ เป็นไงล่ะผลสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย”
คริสพูดขึ้นอย่างไม่ใยดีก่อนจะส่งหนังสือพิมพ์คืนให้ชานยอลแล้วกลับไปสนใจกับรายการทีวีต่อไป
“แล้วบริษัทพี่อะ? เป็นไงบ้าง?” ชานยอลพยายามหาเรื่องมาพูดคุยกับอีกคน
“ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เร็วนี้แม่ก็จะกลับไปแคนาดาแล้ว พี่คงทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม ว่าแต่เราเถอะ เรียนจบแล้วคิดจะไปช่วยงานพี่ที่บริษัทบ้างไหมเนี้ย?”
“คิด! แต่ยังไม่ทำ ยังไม่พร้อม ขอเวลาพักผ่อนอีกสักแป๊ป ให้พนักงานในบริษัทพี่เลิกนินทาเรื่องของเราให้ได้ก่อนแล้วฉันจะเข้าไปเหยียบที่นั่นอีกที” สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ทันทีที่พูดถึงคนที่บริษัทของร่างสูง
“ก็บอกแล้วว่าให้แต่งงานกับพี่”
ร่างสูงว่าก่อนจะหันไปมองหน้าหญิงสาวแล้วยิ้มให้ แต่ชานยอลกลับหลบตาแล้วลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้คริสได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะเริ่มท้อกับการขอแต่งงาน
ร่างสูงเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองก่อนจะเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของสำคัญขึ้นมา มือหนาชูมันขึ้นพอดีกับระดับสายตา คริสพ้นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลงมือแกะของเล็กๆ ชิ้นนั้นแล้วกินมันเข้าไปโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
ร่างสูงคิดว่าบางทีการที่ตัดสินใจกินมันเข้าไปทุกอย่างอาจจะกลับมาเต็มร้อยเหมือนเดิมก็ได้ เพราะสิ่งที่เขากินเข้าไปก็คือสิ่งที่จะช่วยลบล้างความวุ่นวายของเขาให้กลับไปสงบเหมือนเดิม
“ผมขอทุกให้ทุกอย่างในชีวิตผมดีขึ้นกว่านี้นะ...ลูกอมปีศาจ”
ทางด้านชานยอลเมื่อเข้ามาภายในห้องก็ทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะกลิ้งตัวไปที่ลิ้นชักข้างเตียงแล้วหยิบของสำคัญออกมาเช่นกัน ตากลมมองลูกอมที่ถูกห่อไว้ด้วยกระดาษสีดำแทบจะไม่กระพริบตา ร่างโปร่งหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะพูดกับสิ่งในอยู่ในมือของตัวเอง
“ทุกอย่างจะดีขึ้นหรือแย่ลงมันก็ขึ้นอยู่กับแก!”
ดวงตาของร่างโปร่งยังคงจับจ้องอยู่กับสิ่งสำคัญที่อยู่ในมือ ตอนนี้เขามีโอกาสทำในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ไม่ว่าในอนาคตชีวิตของเขามันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่จะดำเนินต่อไปคือสิ่งที่เขาเลือกเอง เพราะทุกอย่างมันอยู่ในมือของเขาแล้ว...
--------------------------------------------------------------------------------------
ขายาวก้าวไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างไม่เร่งรีบ มือหนาหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศริมทางที่ถูกประดับประดาไว้อย่างสวยงามด้วยไฟหลากสี
ผ่านไปอีก 1 ปี วันนี้จะเป็นการออกมาเคาท์ดาวน์เป็นปีที่สอง ภาพบรรยากาศเมื่อปีก่อนยังไม่เคยจางหายไปจากใจของเขา ปีที่เขาเคยขอให้ใครอีกคนมากับเขาอีกทุกๆ ปี ร่างสูงมองผู้คนที่เดินสวนทางกับเขา ทุกคนต่างยิ้มออกมาอย่างมีความสุขจนเขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
มือหนาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเปิดแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่าเฟสบุ๊คแล้วเปิดเข้าไปดูหน้าของผู้ใช้คนหนึ่ง ซึ่งบัญชีผู้ใช้อันนี้ไม่ได้โพสต์อะไรไว้มากมายทำให้เขาเห็นโพสต์เก่าของคนๆ นี้อย่างง่ายดายและเมื่อสำรวจโพสต์ต่างๆในบัญชีผู้ใช้นี้ก็พบว่ามีหนึ่งโพสต์ที่ครบรอบหนึ่งปีภายในวันนี้ นั่นก็คือรูปสายข้อมือดีไอวายสีฟ้าที่ถูกผูกไว้กับข้อมือเล็กของผู้เป็นเจ้าของเฟสบุ๊ค
ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเมื่อเหลือบไปเห็นเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าสู่วันใหม่และปีใหม่แล้ว เขาเดินฝ่าผู้คนมากมายเข้าไปยังจุดที่เขาเคยยืนเมื่อปีที่แล้วก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ชานยอล”
คนถูกเรียกหันมาตามเสียงก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าร่างสูง ขายาวเดินเข้าไปหาร่างโปร่งก่อนจะยกแขนแกร่งขึ้นไปโอบร่างนั้นไว้
“พี่คริส...”
ร่างโปร่งเรียกขึ้นมาในขณะที่เวลากำลังนับถอยหลังเข้าสู่ 30 วินาทีสุดท้ายของปี คริสหันไปมองใบหน้าเนียนนั่นพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
ทั้งคู่สบตากับพร้อมกับยิ้มออกมาและชานยอลก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจนกระทั่งถึงสิบวินาทีสุดท้าย เสียงนับถอยหลังของผู้คนนับพันดังก้องไปทั่วบริเวณ และเมื่อถึงเข้าสู่ห้าวินาทีสุดท้ายชานยอลจึงพูดบางอย่างออกมา
“แต่งงานกันไหม...”
ทันทีที่ร่างโปร่งพูดจบเสียงพลุนับสิบนัดก็ปะทุขึ้นบนท้องฟ้าซึ่งมันคงไม่ต่างไปจากเสียงหัวใจของคริสสักเท่าไหร่ ร่างสูงดึงร่างหญิงสาวตรงหน้าเขามากอดไว้แน่น เธอยังเป็นผู้หญิง..เธอยังคงเป็นผู้หญิงจนถึงตอนนี้ เรื่องของลูกอมปีศาจยังคงเป็นความลับตลอดมา
“ฉันทำตามสัญญาแล้วนะ จำโพสต์นี้ได้ไหม?” ชานยอลถามพร้อมกับชูโทรศัพท์ที่เปิดหน้าเฟสบุ๊คไว้ให้คริสดู
‘จะอีกกี่ปีฉันก็จะอยู่ตรงนี้...’
ร่างสูงยิ้มออกมาเมื่อเห็นโพสต์ดังกล่าว ครบรอบหนึ่งปีไปอีกหนึ่งโพสต์ของชานยอล วันนี้เป็นวันที่คนทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างเต็มร้อย รอยยิ้มที่แสดงออกมาให้ให้นั้นเต็มไปด้วยความสุขและไม่ได้แอบแฝงไปด้วยความสับสนอย่างหลายเดือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
แม้ว่าคริสจะรู้ความลับของชานยอลแล้วก็ตาม แต่เขาก็จะทำให้เรื่องนี้เป็นความลับไปอย่างนี้และปล่อยให้มันเป็นความลับตลอดไป แม้ว่าเขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าชานยอลเป็นผู้ชาย แต่เขาก็จะขอรักผู้ชายในร่างผู้หญิงคนนี้ต่อไปและต่อให้วันนี้ชานยอลเลือกที่จะกลับไปเป็นผู้ชาย คริสก็ยังเลือกที่จะรักชานยอลต่อไปโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ว่าจะอยู่ในร่างไหนก็ตาม แต่ภายในร่างนั้นก็ยังมีหัวใจและความรู้สึกที่แท้จริง ต่อให้โลกนี้มีลูกอมปีศาจสักกี่ล้านเม็ด แต่อำนาจของความรักที่คนทั้งสองมีให้ต่อกันมันยิ่งใหญ่กว่าอำนาจของลูกอมสีดำนั้นอย่างแน่นอน....
The End
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันจนมาถึงตอนจบ แต่นี่เป็นตอนจบแค่ 1 แบบ อยากรู้ว่าอีกแบบจะจบยังไง เจอกันได้ในตอนพิเศษที่อยู่ในรูปเล่มนะคะ ^^ #ลูกอมปีศาจ
ความคิดเห็น