NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #24 : หงส์ซาน #22 วิกฤติ [Loading...100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.25K
      191
      19 ก.ค. 60




    หงส์ซาน #22 วิกฤติ 


    ใช้เวลาแค่วันสองวันร่างกายผมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง หลายวันหลังจากนั้นบ๊วยก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับผมอีกเพราะมันต้องเดินทางไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่และกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่มันเรียกให้คนตั้งสำรับแล้วอยู่ทานมื้อเช้ากับผม เราทานกันในสวนครับ เพราะมันรู้ว่าผมชอบอยู่กับน้ำและปลา


    “หงส์” 

    บ๊วยมันเรียกผมเสียงเบา ผมเงยหน้ามอง  


    “เฮียขอยกเลิกทริปวันเสาร์นี้นะ มีงานด่วนต้องจัดการ ไว้หาวันหยุดยาวๆ ได้ เฮียจะพาไปเที่ยวทุกที่ที่หงส์อยากไปเลย”


    อยากทำตัวงอแงหรือต่อว่าที่มันผิดสัญญาเหมือนกัน แต่ผมเข้าใจครับ งานมันคงเครียดและเร่งมากจริงๆ ไม่เพียงแค่บ๊วย แม้แต่ซันไรส์ วิกเซอร์ หรือป๊ากับม๊าและทุกคนในบ้านก็ดูจะเครียดตามกันไปหมด ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน พอผมถาม ทุกคนก็พากันบอกว่าไม่มีอะไร 


    ผมพยักหน้าว่าโอเค มันยิ้ม ยังไม่ทันอิ่มวิกเซอร์ก็เดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือถือให้ มันรับไปแนบหู มองตาผม ลุกยืน แล้วเดินออกไปคุยห่างๆ


    แอบคุยกับกิ๊กเปล่าวะ


    แต่ดูจากสีหน้ามันแล้ว ไม่น่าจะใช่ 


    มันคุยอยู่พักเดียวก็วางสาย ถอนหายใจแรง ยกนิ้วคีบตรงหว่างคิ้ว ผมรู้ว่าท่าทางแบบนี้คือมีเรื่องให้แก้ไม่ตกแน่ๆ


    มันเดินกลับมานั่งที่เดิม ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนที่ม๊าเคยทำเวลาป๊ามีเรื่องเครียดๆ ม๊าไม่ถามเรื่องงาน แต่จะทำในสิ่งที่คนเป็นเมียควรทำ


    ผมขยับช้อนและส้อม ตักของโปรดไปวางไว้บนจานมัน


    มันชะงัก นิ่งมอง


    พอตักเสร็จ ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตามเดิม


    กูเอาใจมึง แต่ไม่ได้เอาใจมึง เข้าใจไว้ด้วย


    มันค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกกว้าง ตักอาหารคำนั้นกิน เคี้ยวช้าๆ ตามองผมไม่เคลื่อนไปไหน


    “ขออีกคำได้ไหม”


    “โบราณว่าได้คืบอย่าเอาศอก” 

    ผมตอบกลับนิ่งๆ มันหัวเราะ


    มีด้วยเหรอ เคยได้ยินแต่ ได้คืบจะเอาศอก” 


    “เหมือนกันนั่นแหละ” 


    “ขอเฮียอีกคำละกัน นะ เอาใจเฮียหน่อย” 

    มีใครมันอ้อนให้คนอื่นเอาใจกันแบบนี้บ้างวะ แต่ผมก็บ้าจี้ทำตาม ตักอาหารไปใส่จานมันแบบไม่เต็มใจ มันก็กินไป สีหน้าดูมีความสุขจนเกินพอดี


    “เฮียอาจไม่ได้กลับบ้านสักสองสามวันนะ และอาจไม่สะดวกโทรหาด้วย”


    “ไปไหน” ผมรีบถาม


    “ธุระ ส่วนที่ไหนเฮียยังบอกไม่ได้เพราะยังไม่รู้ที่หมาย”


    ผมพยักหน้าหงึกๆ


    รู้สึกหวิวยังไงพิกล เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มันไม่เคยไม่กลับบ้านเลย ต่อให้กลับดึกขนาดไหนก็ยังกลับ

     

    พอหมดมื้อเช้า บ๊วยมันก็ออกไปทำงาน สิ่งที่ผมเห็นว่าเปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างคือมันมีบอดี้การ์ดมาคุ้มครองเพิ่มขึ้น (เกือบสิบคนแน่ะ) ผมรู้ชื่อแค่คนเดียวคือเอ็ดเวิร์ด เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องของซันไรส์ หน้าตาโทนเดียวกันนั่นแหละ หล่ออย่างกับนายแบบ แต่ดูเป็นมิตรมากกว่าสองพี่น้องปากหมาหน้าตายนั้นเป็นไหนๆ มีบอดี้การ์ดประจำการที่บ้านอีกนับสิบ ใส่สูทบ้าง ลำลองบ้าง คละเคล้ากันไป


    หลังจากมันไป ผมก็โทรหาเฮียฮันพี่ชายของผมทันที


    “เฮีย พอรู้ข่าววงในของบ้านนี้บ้างไหม ช่วงนี้เห็นเฮียไป่หลงเครียดๆ หนำซ้ำบอดี้การ์ดยังเต็มบ้านไปหมด ถามเขาเขาก็ไม่ตอบ”


    “ไม่มีอะไรหรอกหงส์ มีปัญหาเรื่องธุรกิจนิดหน่อย ไม่มีอะไรน่าห่วง นี่แค่สงสัยเรื่องที่เกิดขึ้น หรือเป็นห่วงสามี”


    “บ้าไปแล้วเฮีย อั๊วแค่สงสัย แค่นี้นะ” 

    ผมรีบตัดสายทันทีก่อนเฮียจะพูดอะไรให้ผมเผยในสิ่งที่ไม่อยากจะยอมรับ


    พี่หมอมาหาผมบ่อยขึ้น แทบจะเรียกได้ว่าถ้าว่าง พี่หมอจะเลือกมาสิงที่นี่เป็นหลักทันที พี่หมอคงกลัวผมเหงา ซันไรส์ตัวติดผมมากกว่าเดิม สมัยก่อนดูแลอยู่ห่างๆ แต่เดี๋ยวนี้เรียกได้ว่าแทบจะทุกฝีก้าว ดีหน่อยที่มีเอ็ดเวิร์ดมาดึงความสนใจจากใบหน้าตายๆ ของมันได้บ้าง


    “ทิ้งบ้านมาแบบนี้ไม่กลัวลูกๆ เหงาบ้างรึไง”


    “ไม่หรอก ลูกพี่เลี้ยงดูตัวเองได้”


    ผมขมวดคิ้วมุ่น


    “หมานะพี่”


    “หมานั่นแหละ ถ้าพวกเขาอยู่ตัวเดียวก็น่าห่วง แต่อยู่ด้วยกันสี่ตัวไม่เหงาหรอก มีแม่บ้านคอยให้อาหารตลอดด้วย หงส์ตอนนี้น่าห่วงกว่าเยอะ”


    ผมมองพี่หมองงๆ พี่หมอไม่พูดอะไร หยิบการ์ตูนมาเปิดอ่าน ช่วงนี้ผมติดการ์ตูนเหมือนพี่หมอด้วย


    “อยากกลับบ้านจัง”

    ผมเปรยเบาๆ เบื่อครับ บ๊วยก็ไม่อยู่ คิดถึงป๊าม้าด้วย


    “ไปเยี่ยมป๊าม้าดีกว่า ค้างสักคืน ได้ไหมซันไรส์” 

    ผมหันไปถามผู้ควบคุมชีวิตของผมตอนนี้ มันนิ่งคิด


    “ต้องถามเจ้านายก่อน”


    ผมถอนหายใจแรง พยักหน้า มันล้วงหยิบมือถือมากดโทรหา คุยกันสักครู่ก็หันมาทางผม


    “เจ้านายบอกให้รอก่อน เสร็จธุระเมื่อไหร่เจ้านายจะพาไป”


    ผมทำหน้าเซ็งทันที


    “งานยุ่งขนาดนั้นจะเอาเวลาที่ไหนพาไป ไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ด้วย ฉันไปค้างแค่คืนเดียว พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว” 

    ผมต่อรอง มันนิ่งคิด


    “ผมว่ารอเจ้านายก่อนดีกว่า”


    ผมไม่ฟังคำซันไรส์ หยิบมือถือมากดโทรออก พักเดียวบ๊วยมันก็รับสาย คลื่นดูซ่าๆ ยังไงพิกล


    อยู่ไหนวะ


    “อั๊วคิดถึงป๊าม้า อยากกลับบ้าน” 


    “รอเฮียกลับไปก่อน แล้วจะพาไป”


    “เฮียงานยุ่ง คงอีกหลายวัน อั๊วกลับแค่วันเดียว ไปวันนี้พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ไว้เฮียเสร็จงานเมื่อไหร่เราค่อยไปด้วยกันอีกรอบ”


    มันถอนหายใจแรง


    “หงส์”

    มันปรามเสียงดุ


    “นะ”

    ผมเปลี่ยนเป็นเอาลูกอ้อนเข้าสู้ มันนิ่งไป 


    “ก็ได้ แต่ห้ามค้าง และต้องให้ซันไรส์กับพวกเอ็ดเวิร์ดไปด้วย”


    “แค่ไปบ้าน ทำไมต้องคุมเข้มกันขนาดนี้ด้วย มีเรื่องอะไรกัน บอกไม่ได้รึไง”


    “ไม่มีอะไรหรอก รีบไปรีบกลับ ถึงแล้วโทรรายงานเฮียด้วย”


    “ไม่ใช่เด็ก”


    “แค่นี้ก่อนนะหงส์ เฮียยุ่งอยู่” 

    แล้วมันก็กดตัดสายไป น้ำเสียงฟังดูเครียดจริงๆ ไม่มีวี่แววหยอกเล่นแบบแต่ก่อนด้วย


    “เขาให้กลับได้ แต่ห้ามค้าง” 

    ผมบอกซันไรส์ รายนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด


    “งั้นเดี๋ยวพี่หมอไปด้วย”

    พี่หมอขยับลุกยืน ผมยิ้ม


    “เอาสิพี่หมอ ไปเยี่ยมป๊ากับม้าผม”


    พี่หมอพยักหน้า ใช้เวลาไม่นาน เอ็ดเวิร์ดก็ขับรถวนเข้ามาจอด ผมกับพี่หมอนั่งคู่ไปด้วยกัน ในขณะที่ซันไรส์นั่งหน้า มีรถขับตามมาอีกสี่คัน


    ผมนั่งคุยกับพี่หมอน้ำลายแตกฟอง เรามากันตอนกลางวัน รถจึงไม่ได้ติดมาก แต่ขับไปได้สักพักก็รู้สึกว่ารถมันติดผิดปกติ ผมชะเง้อคอมอง เห็นตำรวจกระจายตัวเต็มไปหมด มีรั้วกั้นคล้ายรถชนกัน รถเราจอดนิ่งอยู่กับที่เพื่อดูสถานการณ์ กระทั่งมีตำรวจนายหนึ่งวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา เอ็ดเวิร์ดกดลดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อคุยกับคุณตำรวจ


    “เกิดอุบัติเหตุข้างหน้าครับ ถอยรถอ้อมไปอีกซอย


    เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า แต่ยังไม่ทันที่เอ็ดเวิร์ดจะได้ขยับอะไร ตำรวจคนนั้นก็ชักปืนเร็วออกมาหวังยิงเอ็ดเวิร์ด แต่ซันไรส์เร็วกว่าชักปืนออกมายิงตำรวจคนนั้นดังเปรี้ยง 


    ผมไม่ได้เห็นเหตุการณ์อะไรต่อจากนั้นอีก เพราะโดนพี่หมอกดหัวลงต่ำแนบเบาะ คร่อมทับด้วยร่างของพี่หมอเอง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สิ้นเสียงปืนของซันไรส์ก็ได้ยินเสียงปืนอีกจำนวนมากดังสนั่น เป้าหมายคือรถของเราแน่ๆ 


    เอ็ดเวิร์ดเหยียบคันเร่งพารถหนีจนร่างกายถูกเหวี่ยง แต่ตัวผมไม่ได้ขยับมาก เพราะถูกกั้นไว้จากพี่หมอด้านบน หัวใจผมเต้นแรงด้วยความตระหนก ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนจริงๆ  


    ได้ยินเสียงล้อบดถนนดัง พอๆ กับเสียงปืนที่ดังมากระทบรถ มันคงยิงไม่เข้าเพราะส่วนใหญ่รถที่บ้านเป็นรถกันกระสุน เป้าหมายน่าจะยิงเพื่อหวังทำลายล้อรถมากกว่า


    กระทั่งได้ยินเสียโครม 

    เหมือนอยู่ๆ ก็ถูกจับเหวี่ยง รู้สึกเจ็บที่หัว แล้วหลังจากนั้น ผมก็ไม่รู้สึกตัวอีก










    “ตื่นได้แล้วหนุ่มน้อย”

    ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมากระทบโสต พร้อมแรงตบที่แก้มเบาๆ ผมพยายามลืมตา 


    “ตื่นสักที”


    ผมพยายามลืมตาอีกรอบ ภาพตรงหน้าดูพร่าเลือนยังไงพิกล ปวดร้าวไปทั่วทั้งตัวด้วย ปวดหัวด้วย รู้สึกถึงแรงบีบที่คาง ผมลืมตาอันพร่าเลือนขึ้นดูอีกที จนเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจน


    มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ หน้าโฉดเหมือนพวกผู้ร้ายในหนัง มันบีบคางผมแรง ผมเบ้หน้าเพราะความเจ็บ มันคลายปล่อยมือออก ขยับก้าวไปยืนอยู่ห่างๆ ผมรีบมองสำรวจไปรอบๆ ทันที รอบตัวผมตอนนี้มีผู้ชายหน้าโฉดยืนกระจายอยู่ประมาณสี่ห้าคน ทุกคนใส่ชุดโทนดำเหมือนกันหมด 


    ผมรีบก้มสำรวจตัวเองต่อ ผมยังอยู่ในชุดเดิม แต่ท่าทางดูคลุกฝุ่น สองเท้าถูกมัดติดกันด้านล่าง สองมือถูกมัดไพล่กันไว้ด้านหลังติดพนักเก้าอี้  


    สถานที่ที่ผมอยู่คือห้องขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร ไม่มีหน้าต่างมีแค่ช่องลมเล็กๆ อยู่สูงขึ้นไปเกือบชิดเพดาน เฟอร์นิเจอร์มีเพียงชิ้นเดียวคือเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ แสงสว่างมาจากดวงไฟดาวไลท์สี่ดวงด้านบน ผมมองไปทางพวกมัน


    “พวกนายเป็นใคร จับฉันมาทำไม” 

    ผมถามเสียงเครียด 


    ซันไรส์กับเอ็ดเวิร์ดล่ะ พี่หมออีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น


    “อย่าเพิ่งตกใจไปหนุ่มน้อย” 

    ไอ้คนที่บีบคางผมเมื่อกี้เดินเข้ามาหาอีกรอบ มันเกลี่ยปลายนิ้วตามแนวกรามผมเบาๆ จนผมขนลุก มันจุ๊ปาก


    “ผิวน้องนี่ลื่นดีจริงๆ มิน่าล่ะ ไป่หลงถึงได้หวงนักหวงหนา”


    “พวกนายเป็นใคร” ผมถามอีกรอบ “ต้องการอะไรกันแน่” 


    มันหัวเราะ แต่ไม่ตอบอะไร หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาใกล้ ปากเคี้ยวต้นหญ้าไว้หยับๆ 


    ชาติก่อนมึงเคยเป็นควายรึไง ถึงได้ชอบเคี้ยวหญ้า 

    มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า มองมาด้วยสายตาเย็นชา


    “พวกเราคือแบล็คดราก้อน เป็นเพื่อนสนิทกับไวท์ดราก้อน”


    ผมทำหน้างง มังกรขาวมังกรดำ มาเกี่ยวอะไรกับผม


    “พอดีไป่หลงเป็นเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่ที่เราต้องจัดการ”


    ผมใจหายวูบ


    “แต่ก่อนจัดการ เราต้องการอะไรจากมันซะก่อน และการจะทำให้มันยอม เราต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”


    ผมหัวเราะ

    “บ้าไปแล้วพวกนาย จับผิดคนเหอะ เฮียคงไม่ยอม ฉันเป็นแค่คนที่ถูกจับพลัดจับผลูให้มาแต่งงานกับเขา เขาคงไม่ยอมแลกเปลี่ยนอะไรทั้งนั้นหรอก”


    มันหัวเราะ ส่ายหน้าไปมา


    “หนุ่มน้อย เธอคงไม่รู้ซินะว่าไป่หลงหลงเธอขนาดไหน รายนั้นน่ะยอมได้ทุกอย่างเพื่อแลกให้เธอมีชีวิตรอด และตอนนี้ไป่หลงก็ยอมทำตามข้อเสนอของเราแล้ว”


    ผมนิ่งไป 

    นี่บ๊วยมันยอมจริงๆ เหรอ หรือว่าเป็นแค่แผนลวงกันแน่


    มันไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินออกไป พวกที่เหลือพากันหันพรึ่บก้าวตามไปติดๆ  ผมนึกอะไรได้รีบตะโกนถาม


    “เดี๋ยว พี่หมอล่ะ ซันไรส์เอ็ดเวิร์ดพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง!!


    ไม่มีใครสนใจหันกลับมามองอีก แล้วประตูบานนั้นก็ปิดตัวลง ผมกวาดมองไปรอบๆ อีกครั้งด้วยความหวาดหวั่น 


    ป๊าม้า อาเฮีย ช่วยอั๊วด้วย


    ผมนั่งอยู่แบบนั้นจนรู้สึกหิว ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ไอ้ผู้ชายที่บีบคางผมโผล่หน้าเข้ามา มาพร้อมถาดอาหาร มันเดินนิ่งๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า วางถาดไว้ที่พื้น ในนั้นมีเพียงน้ำเปล่าหนึ่งขวดกับเค้กกล้วยหอม มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ชักมีดโบวี่ออกจากเอว มันวาววับจนผมเสียวไส้


    “จะทำอะไร” 

    ผมถามหวาดๆ มันยกยิ้ม แตะมีดเล่มนั้นกับแก้มผม ลากต่ำไปที่ลำคอ ผมไม่ติงกายแม้แต่นิดเดียว กลัวคมมีดมันจะเฉือนผิวเนื้อเอา มันเลื่อนปลายมีดต่ำลงไปยังคอเสื้อ มีดมันคมสุดๆ จนได้ยินเสียงผ้าที่ขาดออกจากกัน


    ผมหลับตาลงด้วยความเสียวไส้ นึกผวาหวาดว่ามันจะจิ้มผมลงตรงไหนให้ผิวเนื้อทะลุ


    “อย่า...” 

    ผมร้องขอเสียงแผ่ว ตัวสั่นสะท้านไปหมด มันกรีดมีดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้อง มันชะงักเมื่อมีใครอีกคนเปิดประตูเข้ามา


    “อย่าคิดทำอะไรแผลงๆ ก่อนได้รับอนุญาต รีบเอาของให้มันกินแล้วออกไป”


    คนตรงหน้าผมทำหน้าไม่พอใจ เก็บมีดลงกระเป๋า เดินอ้อมไปแก้มัดให้ มันชักมีดออกมาอีกรอบ จี้ไว้แถวๆ ต้นคอกระซิบพูดแผ่ว 


    “อย่าตุกติก ไม่งั้นเลือดกระฉูดแน่” 


    ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยักหน้ารับ มันชักมีดกลับ เดินอ้อมไปหยิบน้ำกับเค้กกล้วยหอมมายัดใส่มือ


    “ให้เวลา นาที”


    ผมตาโต รีบฉีกเค้กกล้วยหอมออกกัดกิน สลับกับดื่มน้ำแก้กระหาย ไม่เกินห้านาทีตามที่มันให้ผมก็กินหมด


    พอเรียบร้อยมันก็จับผมมัดไว้เหมือนเดิม คนที่เปิดเข้ามาใหม่ยืนกอดอกคุมอยู่แถวๆ หน้าประตู 


    พอมั่นใจว่าแน่นหนาดีแล้วมันก็ขยับมายืนอยู่ตรงหน้า เกลี่ยแก้มผมแผ่วเบา ลากมือผ่านลำคอ เลียปากตัวเอง ทำหน้าหื่นใส่ พูดกระซิบ


    “ไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ พี่จะทำให้เธอเห็นสวรรค์ชั้นเจ็ดแน่ๆ”


    “ไปกันได้แล้ว!” 

    คนด้านหลังตะโกนเตือน ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าผมจิ๊ปากทำหน้าหงุดหงิด ยืดตัวขึ้น แล้วมันก็หันหลัง หยิบถาดเดินออกไป


    “นี่เดี๋ยว พี่หมอกับพวกซันไรส์ คนที่นั่งรถมากับฉันล่ะ พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง”

    ผมรีบตะโกนถามก่อนที่พวกมันจะพากันเดินออกไป พวกนั้นหยุดกึกหันมามอง ยกยิ้ม


    “คนที่เราต้องการ มีเพียงเพื่อนสนิทกับเมียของไป่หลงเท่านั้น ที่เหลือเราคงไม่เลี้ยงไว้”


    ผมใจหายวูบ งั้นพวกซันไรส์กับเอ็ดเวิร์ดก็ตายกันหมดแล้วน่ะสิ


    “แล้วตอนนี้พี่หมออยู่ไหน”

    ผมรีบถามหาคนที่เหลืออยู่ทันที พวกมันไม่ตอบ พากันก้าวจากไป 


    “เดี๋ยว เดี๋ยว!!

    ผมพยายามตะโกนเรียก


    “โธ่ พี่หมอ”

    ไม่รู้ว่าพี่หมออยู่ในสภาพไหน โดนทำร้ายหรือเปล่า ใจหายด้วยที่รู้ว่าพวกซันไรส์ตายแล้ว 


    ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ แต่ทั้งห้องทางออกมีแค่ประตูกับช่องลมสูงลิบเท่านั้น  


    ผมนั่งอึดอัดต่อไปอีกนานแค่ไหนไม่อาจเดาได้ กระทั่งประตูเปิดออกอีกรอบ คนกลุ่มเดิมพากันเดินเข้ามา พวกมันแหวกทางออกเป็นสองแถว ก้มหัวพร้อมกันดูเป็นระเบียบ สักพักก็เห็นชายแก่สองคนเดินผ่ากลางเข้ามา ๆ น่าจะเป็นคนจีนแท้ๆ

    มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า  


    “อื้อ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไป่หลงหลงนักหลงหนา ถึงเป็นผู้ชายก็มีเสน่ห์ไม่น้อย” 

    มันพูดภาษาจีนครับ แต่ผมฟังออก


    “ไป่หลงทำแบล็กดราก้อนไว้แสบมาก มันผู้นั้นต้องชดใช้”

    มึงใช้สำนวนย้อนยุคมากเลยเหอะไอ้แก่หัวเทา


    ผมมองพวกมันหวาดๆ 


    “คุมไว้ให้ดี”

    ไอ้แก่หัวเทาพูดเสียงเข้มแค่นั้น ทุกคนก้มหัวให้ รับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วไอ้แก่สองคนนั้นก็ก้าวนำออกไป ปิดท้ายด้วยลูกสมุน หัวใจผมไหวแรงด้วยความหวาดหวั่น


    ผ่านไปพักใหญ่ก็มีคนเอาข้าวมาให้อีก ไม่ใช่คนเดียวกับไอ้หื่นเมื่อตอนกลางวัน แต่คนนี้ท่าทางดูโหดกว่า น่าจะเป็นข้าวเย็น เพราะแสงที่ลอดผ่านช่องลมเริ่มจางลงแล้ว  


    “ฉันปวดฉี่” ผมรีบบอกก่อน เพราะปวดฉี่จะแย่อยู่แล้ว มันไม่พูดอะไร วางถาดข้าวไว้ แก้มัดผมทั้งมือและเท้า จับต้นแขนแรงพาก้าวออกจากห้องตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ห่าง ระหว่างทางมีพวกมันคุมอยู่เกือบสิบราย 


    มันผลักผมแรงเมื่อถึงที่หมาย 


    “เร็วๆ”

    มันพูดเสียงเหี้ยม ผมรีบทำธุระส่วนตัวทันที ห้องน้ำโสโครกมาก ไม่มีช่องระบายอากาศแม้แต่นิดเดียว พอเรียบร้อยมันก็ลากผมกลับเข้าห้องขังไปตามเดิม บังคับให้ผมกินข้าว ผมรีบกินทันทีเพราะความหิวโหย 


    ในชีวิตตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยตกระกำลำบากแบบนี้มาก่อนจริงๆ 


    นึกเจ็บใจตัวเอง นี่ถ้าผมเชื่อฟังไอ้บ๊วยมันหน่อยไม่กลับบ้านตอนนี้เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น พี่หมอก็ไม่ต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย พวกซันไรส์ก็ไม่ตาย หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าบ๊วยมันจะเจอกับอะไรบ้างถ้าทำตามข้อเสนอของพวกมัน 


    พอผมกินอิ่มมันก็จับผมมัดไว้อีกรอบ ก้าวเดินออกไป ผมกลับมาอยู่กับความเงียบอีกครั้ง ใจหวนคิดไปถึงหน้าป๊าหน้าม๊า ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับไปพบพวกท่านอีกไหม คิดถึงไอ้บ๊วยมันด้วย แม้จะเคืองกับเรื่องที่ผ่านมา แต่เวลานี้ ผมอยากให้มันมาช่วยผมจริงๆ  


    “อาเฮีย” 

    ผมครางเรียกมันเสียงเบา พยายามกดก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมา


    นี่ไม่ใช่เวลามาอ่อนแอนะหงส์ซาน นั่งรอคอยความช่วยเหลือเฉยๆ ไม่ใช่วิถีลูกผู้ชาย ลูกชายป๊า น้องชายอาเฮีย เมียไอ้บ๊วยต้องไม่ใช่คนอ่อนแอ


    ผมฮึดสู้อีกรอบ พยายามระลึกถึงวิธีหนีเอาตัวรอดจากคลิปสอนการต่อสู้ที่เคยดูมา 


    หลักสูตรที่หนึ่ง ต้องกระแทกให้เก้าอี้ล้มจนแตก จะได้แก้เชือกหรือใช้คมของมันกรีดเชือกได้ ผมทดลองขยับ


    อ้าว มันเป็นเก้าอี้ที่ถูกเชื่อมติดไว้กับพื้นครับ ขยับไม่ได้แม้แต่แอะเดี๋ยว


    โอเค วิธีที่หนึ่งไม่ได้ผล


    งั้นลองเคลื่อนไหวมือเพื่อให้เชือกคลาย ผมพยายามบิด แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็ต้องยอมแพ้ เพราะเชือกมันเริ่มบาดข้อมือจนเจ็บ


    ผมนั่งทบทวนกระทั่งความง่วงเข้ามาแทนที่ เมื่อยด้วย นั่งท่าเดียวมาทั้งวัน ไม่เป็นไร นอนหลับสักงีบ เผื่อตื่นขึ้นมาแล้วได้ไอเดียดีๆ ในการหนี

     

    To be Con...


    วิถีลูกผู้ชาย ลูกชายป๊า น้องชายอาเฮีย เมียไอ้บ๊วยต้องไม่ใช่คนอ่อนแอ (หึ ๆ รู้ไหมตัวเองพูดอะไรออกมาน้องหงส์) กรี๊ดดดด ไม่รู้ว่าน้องหงส์จะหนีออกไปได้เอง หรือว่าบ๊วยมาช่วย จริง ๆ อยากเขียนให้มันบู๊ล้างผลาญสุด ๆ แนวมาเฟียแรง ๆ ไปเลย แต่แลจะไม่ใช่แนว เพราะงั้น พอกรุบกริบนะคะ -,.-

    เจอกันเมื่อเม้นท์ชน 2400 ค่าาา


    อัพเดทเรื่องหนังสือ ได้ปกมาแล้วนะคะ วาดให้ตรงใจยากมาก กำลังส่งให้ฝ่ายกราฟฟิคออกแบบตัวอักษร หลังจากนั้นถึงจะส่งพิมพ์ รอก่อนเน้อ ส่วนใครที่ยังไม่ได้จอง จองได้เลยน้าา ^^


    (>>จองหนังสือ คลิกที่นี่<<) 

    อีบุ๊ค(e-book) หงส์ซาน (จบแล้ว เนื้อหาเหมือนหนังสือทุกอย่าง)

    (ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอน+ตอนพิเศษอีก 3 ตอน)

    [>>ดาวน์โหลดอีบุ๊คที่นี่ค่ะ<<]






    ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มน้องหงส์ได้เลย

    {ADD FAD}


    แฮทแท็กเรื่องนี้ #หงส์ซาน 




    ติดต่อ-ติดตามการอัพนิยายไรท์เตอร์ได้ที่นี่ค่ะ 

    เพจ : facebook.com/memew28

    เฟส : facebook.com/memewfc

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28

    Line : Memew28 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×