ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Little Lord Of Nan-Elmoth~ ( ลอร์ดน้อยแห่งพนานันเอลม็อธ )

    ลำดับตอนที่ #5 : Sweet Child Of Twilight : Part 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 170
      0
      25 ก.พ. 56

    พอถึงโต๊ะสีน้ำตาลเข้มในห้องสมุดของลอร์ดเอโอล

     

    ท่านหญิงขาวก็ได้อุ้มเด็กชายมานั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือ

     

    แล้วพลางให้เขาได้เอาหมอนหนุนหลัง จะได้ไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อต้องกระแทกเก้าอี้ไม้หยาบตัวนี้

     

    โลมีออน ลูกจำที่แม่สอนได้ใช่ไหม ? ”

     

    จำได้จ๊ะ นานา เราจะเรียนภาษานี้ด้วยความเงียบ เพราะว่าท่านพ่อไม่ชอบภาษาเควนยา

     

    เพราะมันเป็นภาษาของชาวโนลดอร์ รวมถึงให้ใครรู้ไม่ได้นอกจากเราสองคนในบ้านนี้ ”

     

    อาเรเดลก็ทรงยกกระดาษหนึ่งแผ่นมาวางตรงหน้าของบุตรชายตัวน้อย

     

    ดีมากจ๊ะ วันนี้ครูหญิงของเจ้าจะสอนเจ้าคัดคำศัพท์ภาษาเควนยาสิบคำนะค่ะ ”

     

    โลมีออนน้อยก็เลยเผลอหัวเราะออกมา แต่ว่าก็โดนมือเรียวท่านแม่ปิดที่ริมฝีปาก

     

    อย่าส่งเสียงให้ดังไป แม่ไม่อยากให้เลนเวนมาได้ยินนะจ๊ะ ”

     

    นิ้วเรียวเล็กของโลมีออนก็หมุนดินสอไม้ไปมา “ แม้แต่พี่โดรอนและคาเลนน่ะเหรอ ? ”

     

    ใช่จ๊ะ เพราะพวกเขาเป็นดาร์กเอลฟ์ ภายใต้การปกครองของพ่อเจ้า ”

     

    เด็กชายในชุดสีน้ำเงินเข้มก็ยังถามต่อ “ เราไม่ใช่ดาร์กเอลฟ์เหรอ นานา ? ”

     

    คำถามนี้ ทำให้ท่านหญิงขาวเชยคางของผู้เป็นโอรส ริมฝีปากแดงอิ่มของนางเผยว่า

     

    ไม่ใช่ โลมีออน เราคือ ไลท์เอลฟ์หรือคาลาเควนดิ ไม่ใช่พรายแห่งความมืดเหมือนพวกเขา

     

    และเจ้าก็เป็นถึงราชนัดดาแห่งองค์กษัตริย์พรายโนลดอร์ฟิงโกลฟินผู้กล้า ”

     

    ดวงตาสีนิลของเด็กชายก็ลุกวาวขึ้น “ หนู...หนู...เป็นหลานของพระราชาใช่ไหม ท่านแม่ ! ”

     

    ใช่จ๊ะ โลมีออน แต่ยังไม่ใช่วันนี้ หากสักวัน...”

     

    บุตรแห่งอาเรเดลก็พยักหน้ารับ ก่อนที่จะกล่าวอีกครั้ง “ นานา หลังจากท่านสอนหนังสือแล้ว

     

    ท่านเล่าเรื่องครอบครัวของหนูให้ฟังได้ไหมครับ ? ”

     

    ผู้เป็นมารดาก็พินิจมองดวงหน้านวลของโลมีออนครู่หนึ่งอย่างพินิจพิเคราะห์

     

    ได้จ๊ะ แต่เราต้องไปนอกบ้านกัน ไปไกลสักหน่อยจะดีกว่านะ”

     

    ริมฝีปากสีแดงเรื่อของเด็กชายก็ได้ฉายรอยยิ้มแสนสดใสเมื่อมารดาว่าถึงประโยคนี้

     

    ~!~!~!~!~

     

    หลังจากที่พวกเราชาวโนลดอร์ได้ถูกขโมยอัญมณีสามดวงซึ่งก็คือ ซิลมาริลอันโชติช่วง

     

    นั้นทำให้แม่และเหล่าญาติพี่น้องทุกคนตามต้องเสด็จทูลหม่อมลุงเฟอานอร์

     

    ผู้ซึ่งโกรธกริ้วจนไม่อาจมีสิ่งใดมาห้ามไว้ได้แล้วแม้แต่พวกเทพวาลาร์เองก็ตามที

     

    เพราะว่าทูลหม่อมปู่ฟินเวได้ถูกเจ้าปีศาจมอร์กอธสังหาร...”

     

    โลมีออนก็สังเกตว่ามารดาของตนกำลังเริ่มหลั่งน้ำตาออกมา “ ท่านแม่ เศร้ามากเหรอครับ ? ”

     

    เพราะทูลหม่อมปู่ฟินเวทรงรักหลานๆ ทุกคน และพระองค์ก็มีหลานสาวเพียงสองคน

     

    นั้นก็คือ แม่ กับยัยตัวแสบอาร์ตานิส ธิดาองค์สุดท้องของทูลหม่อมอาฟินาร์ฟิน เท่านั้นเองจ๊ะ ”

     

    อาร์ตานิส นางเป็นตัวแสบของครอบครัวเหรอ ? แล้วตอนนี้นางอยู่ไหนล่ะ ? ”

     

    เท่าที่แม่ได้ทราบข่าวมาล่าสุด นางได้ไปอยู่ที่นครโดริอัธแล้วจ๊ะ นางก็เป็นเสมือนน้องสาวของแม่

     

    แต่..เฮ้อ ! นางมั่นใจว่าตัวเองสวยกว่าแม่ ฉลาดกว่าแม่ ทำอะไรๆ ก็เก่งกว่า น่าเบื่อที่สุด ! ”

     

    เด็กชายร่างบางก็พยักหน้าขึ้นลง “ โดริอัธ โลมิจำได้ว่า ท่านพอก็เคยอยู่

     

    แต่ทำไมแยกตัวออกมาก็ไม่ทราบ ”

     

    ท่านหญิงขาวก็ลูบเรือนผมสีดำละมุนมืออีกครั้ง พร้อมเล่าถึงประวัติของนางต่อดังนี้

     

    แต่ว่า เรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น เมื่อพวกทูลหม่อมลุงเฟอานอร์ได้เผาเรือหงส์ทุกลำของเราทิ้ง

     

    พวกเขาอ้างว่า ไม่ต้องการให้พวกเราไปร่วมทำสงครามกับมอร์กอธ แต่ทว่าทูลหม่อมพ่อฟิงโกลฟิน

     

    หาทรงยอมไม่ พวกเราก็ต้องตัดสินใจข้ามเทือกเขาน้ำแข็งเฮลคารัสเซ พวกเราลำบากกันมาก

     

    แล้วเรื่องที่แสนเจ็บปวดมากที่สุดก็คือ...เอเลนเว ภรรยาของทัวร์กอน พี่ชายของแม่ได้ตกน้ำ

     

    ในสายน้ำแข็งแล้วจมหายไป...เหลือ ยัยหนูอิดริลที่รอดมาได้ ”

     

    อาเรเดลก็ทรงเช็ดน้ำตาของตนเองอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้โลมีออนก็ได้มาโอบรอบคอของนาง

     

    หนูเสียใจด้วยจริงๆ นะ ท่านแม่ หนูเสียใจ ”

     

    พรายสาวก็โอบกอดร่างน้อยไว้แนบอกของนาง “ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ หลังจากนั้น

     

    พี่ทัวร์กอนกับแม่ก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำสงครามกับมอร์กอธ ตามทูลหม่อมพ่อและพี่ชายใหญ่ฟิงกอน

     

    เราสองคนก็เลยไปตั้งเมืองวินยามาร์แห่งแคว้นเนฟรัสต์ ตอนนั้น เทพอุลโมทรงได้มาปรากฎพระองค์

     

    ให้พี่ทัวร์กอนเห็น แล้วทรงให้พวกเราไปอยู่เมืองใหม่ในหุบเขา และมีชื่อว่า กอนโดลิน ”

     

    ชื่อเมืองเพราะดีจัง นานา ” นิ้วเรียวเล็กของโลมีออนก็เล่นปอยผมของมารดา

     

    อาเรเดลก็ส่งทอดสายตาออกไปไกลในทิวไม้อันมืดหม่นนั้น

     

    วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า เราควรกลับบ้านได้แล้วนะ ”

     

    แล้วอาเรเดลก็ได้อุ้มโลมีออนของนางกลับขึ้นม้าสีขาวออกจากใต้ต้นเบิร์ชนั้นไป

     

    ระหว่างที่ขับม้าอยู่ เด็กชายก็ใช้สายตาของตัวเองมองไปรอบๆ แม้ว่าสายตาของเขา

     

    จะเล่นเหล่ากวางน้อย และกระต่ายสีน้ำตาลกำลังวิ่งออกหากินอย่างเพลินตา

     

    หากว่า เอลฟ์ตัวน้อยก็เงยหน้าขึ้นมองจนเห็นแสงระยิบระยับด้านบนของป่า

     

    นานา ข้างบนมีอะไรเหรอ หนูเห็นแสง สีขาววับตานะจ๊ะ ”

     

    อาเรเดลก็เงยหน้าขึ้นมองบ้าง “ นั้นคือ แสงตะวันจ๊ะ แต่ว่า...วันหลัง แม่จะพาเจ้าขึ้นไปชมให้ได้

     

    เจ้าเชื่อใจแม่นะ โลมีออนยาของแม่ ”

     

    อ่าฮ่ะ นานา แต่โลมิสงสัยอีกเรื่องหนึ่ง ”

     

    บอกมาจ๊ะ ”

     

    โลมีออนน้อยก็ยังเม้มปากทีหนึ่งแล้วถามว่า “ หนูยังไม่มีชื่อเป็นทางการของตัวเองเลย

     

    ชื่อที่นานาเรียกก็แค่เราสองคน อยากรู้จัง อดาจะให้ชื่อหนูได้ไหม ? ”

     

    อย่าห่วงเลย โลมิ ...แม่มั่นใจว่า พ่อของเจ้าจะตั้งชื่อให้ลูก และคงเป็นชื่อที่ไพเราะมากเลยนะ ”

     

    พรายตัวน้อยผมดำก็หัวเราะ “ ตกลง นานา โลมิก็คิดไว้แบบนี้แหละจ๊ะ ”

     

    ~!~!~!~!~!~

     

    นั้นซิ...ตอนหน้ามีเรื่องพิเศษเหรออยู่ครับ ^^

     

    อาร์ตานิสคนนั้นก็คือ เจ้าป้ากาลาเดรียลหน้านิ่ง ในลอร์ด ฯ และเดอะ ฮอบบิท นั้นแหละครับ...

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×