ซาดิโอ มาเน่ กำลังเปลี่ยนเป็นอดีตกับ ลิเวอร์พูล ไป หลังเตรียมตัวย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 35.1 ล้านปอนด์ พร้อมฝากผลงานไว้ 120 ประตูจาก 269 เกมในทุกรายการ และอาจจะเป็นงานยากแน่สำหรับการหาใครสักคนมาแทนที่เขา
บางโอกาส เหน้าจอร์เก้น คล็อปป์ อาจไม่จึงควรการกล่าวถึงข่าวลือเรื่องนักเตะย้ายทีมในงานแถลงข้อมูลข่าวสารก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกเยอะแค่ไหนนัก แต่กับข้อสงสัยและปัญหาเกี่ยวกับอนาคตของ ยุคเก่าแข้ง เร้ดบลูล์ ซัลซ์บวร์ก กลับเต็มไปด้วยคำชื่นดูแบบยาวมาก
ผู้ให้คำแนะนำ ลิเวอร์พูล ชี้แจงว่า ดาวเตะกลุ่มเซเนกัล เครดิตฟรี39 มีส่วนพัฒนาในชีวิตของเขา พร้อมพูดเพิ่มเติมว่าไม่สนใจข่าวลือที่มีกับ บาเยิร์น มิวนิค แต่ว่าปัจจุบันนี้ขอครึกครื้นกับการได้เห็นได้ชัดเขาทั้งในขณะซ้อมหรือลงแข่งขันแค่นั้น
มั่นใจว่า นายใหญ่ชาวเยอรมัน อาจรู้อยู่แก่ใจแล้วก่อนเกมพบ เรอัล มาดริด ในคืนนัดชิงชนะเลิศ ว่านี่เป็นเกมท้ายที่สุดของเจ้าของเบอร์ 10 ในสีเสื้อ หงส์แดง ต่อจากนั้นหลายท่านก็เริ่มรับทราบข่าวว่าเขาต้องการย้ายกลุ่มเพื่อจะหาความท้าทายใหม่ หลังวันที่พ่ายใน สต๊าด เดอ ฟร็องช์ และอีก 1 เดือนต่อมา การย้ายไป ‘เสือใต้’ ก็เริ่มต้นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้น ซึ่งคาดว่าจะลงเอยอย่างเป็นทางการในรวดเร็วๆนี้
ถึงแม้คนไม่ใช่น้อยสามารถรับทราบได้ว่า คล็อปป์ ไม่อยากให้ แข้งวัย 30 ปี ลา แอนฟิลด์ ออกมาจากคำสรรเสริญเยินย่อในวันนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจสึกขุ่นเคืองใจต่อกัน หลังจากที่เขาทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสโมสรมาตลอดหลายปีที่ล่วงเลยไป
เดิมทีเรื่องอนาคตของ มาเน่ ถูกมองเกิดเรื่องรอง เมื่อถูกสื่อจุดโฟกัสเรื่องสัญญาของ ซาลาห์ ที่กำลังเข้าสู่ปีสุดท้ายกับ ลิเวอร์พูล กระทั่งเขาเริ่มต้นตกเป็นข่าวกับ บาเยิร์น มิวนิค ในตอนสัปดาห์ท้ายๆของฤชมกาล
ถึงเขาจะเป็นที่รักของเพื่อนเข้าร่วมทีมและเหล่า เดอะ ค็อป พร้อมได้รับคำยกย่องจากคนไม่ใช่น้อยในสโมสร แต่เรื่องของดาวเตะวัย 30 ปี ก็กลายเป็นรองเสมอ นับตั้งแต่ ดาวยิงชาวอียิปต์ย้ายมาในปี 2017
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ ปีกทีมชาติเซเนกัล จำเป็นที่จะต้องลาทีม จุดสำคัญของเขาใน ลิเวอร์พูล ทั้งในระหว่างที่ คล็อปป์ ก่อร่างสร้างกลุ่ม จนกลายเป็นสโมสรลำดับท็อปในพรีเมียร์ลีกหรือยุโรปก็ยังคงอยู่ถัดไป และเป็นไปไม่ได้ลบขาดหายไปจากจดจำของแฟนๆแน่นอน
จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของ ‘หงส์แดง’ ในยุค คล็อปป์ ก็เริ่มตอนนี้ตั้งแต่ต้นจากการมาของ มาเน่ หลังย้ายจาก เซาแธมป์ตัน ในปี 2016 ซึ่งจับเป็นนักเตะคนแรกที่ผู้ให้คำแนะนำชาวเยอรมัน คว้ามาเข้าร่วมกลุ่มอย่างเป็นทางการด้วย
การเปิดตัวแข้งใหม่ในสโมสรจับเป็นสิ่งที่เคยเห็นได้บ่อยๆในฟุตบอลลยุคใหม่ และหนึ่งในเคล็ดลับที่เป็นที่ชื่นชอบบ่อยครั้งๆก็คือ การโชว์ความเชี่ยวชาญลูกหนังในรังเหย้าของทีม
แน่ๆ หากคุณย้ายไปค้าแข้งกับทีมใหญ่ๆในประเทศต่างๆ แฟนบอลย่อมคาดหวังว่าอย่างต่ำ นักเตะป้ายแดงของกลุ่มรักจะสร้างความจับใจในแรกพบได้บ้าง
อย่างไรก็ดี มีผู้เล่นอยู่ไม่บางส่วนที่เปิดตัวกับทีมใหม่ในสภาพของตัวเฮฮา ไม่ว่าจะเป็นการคาดคะเนะบอลที่แสนจะห่วยแตกๆ, ลื่นล้มสะดุดบอลข้างหลังโชว์ลีลาลากเลื้อย จนกลายเป็นที่กล่าวถึงของแฟนบอลในโลกออนไลน์อยู่พักใหญ่ โดยเฉพาะในลีกสเปนที่กำเนิดขึ้นหลายครั้งๆในช่วง 10 ปีให้หลัง
ยอดกลุ่มเขตแดนกาตาลัน ได้ประกาศคว้าตัว ดักลาส แบ็คขวาดาวรุ่งจาก เซา เปาโล มาเข้าร่วมทีมในซัมเมอร์ปี 2014 และเปิดแบบอย่างเป็นทางการในทันที ข้างหลังเซ็นข้อตกลงกับกลุ่มได้ไม่กี่ชั่วโมง
แต่ไม่ทราบว่ากดดันบ้างมั๊ย แข้งชาวบราซิลเลี่ยน ถึงเดาะบอลได้เพียงไม่กี่ทีก็ทำบอลหลุดออกจากเท้า แถมยังเกี่ยวบอลไม่ติดจนจึงควรยิ้มแก้เขินให้กล้องไปหนึ่งที
ส่วนผลงานในสนามยิ่งแล้วใหญ่ เนื่องมาจาก ดักลาส ได้ลงสนามเพียง 3 นัดแค่นั้น ก่อนจะถูกปล่อยให้ เบซิคตัส คว้าตัวไปในซัมเมอร์ปี 2019
ในแต่ละปีมีผู้เล่นจากมากมายชาติย้ายมาค้าแข้งตรงนี้ โดยเฉพาะนักเตะจากบราซิล และ แอฟริกา และนับตั้งแต่เกิดการนำโควตาอาเซียน มาใช้งาน นักเตะไทย ก็เริ่มต้นได้รับความนิยมของสโมสรมาเลย์ ด้วยเช่นกัน
สรรวัชญ์ เดชมิตร คือนักเตะลำดับขั้นกลุ่มชาติไทย คนปัจจุบันนี้ที่ย้ายไปเล่นใน มาเลเซีย ซุปเปอร์ลีก กับ เคดาห์ ซึ่งเป็นทีมที่คนไทย คุ้นชื่อเรื่องกันอย่างดีเยี่ยม แถมสนามแข่งขันของสโมสรอย่าง สเตเดี้ยม ดารุล อมัด อยู่ห่างจากชายแดนด่านสะคาดคะเน จังหวัดสงขลา เพียงแค่ 50 กิโลเมตร แค่นั้น
อย่างไรก็ตาม หากถอยกลับไปในสมัยเก่า เคยมีนักเตะระดับท็อปของเมืองไทย ย้ายมาเล่นที่ มาเลเซีย ไม่บางส่วนด้วยเช่นกัน และฝากผลงานอันน่าจับจิตไว้จำนวนมาก ซึ่งวันนี้ UFAARENA จะขอพาถอยกลับไปชมว่าหมวดหมู่เขาเหล่านั้นเป็นคนไหนกันบ้าง
นับเป็นอีกหนึ่งนักเตะไทย ระดับตำยาวนานที่ประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อย ทั้งกับสโมสรและกลุ่มชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นให้กับ การท่าเรือ เวลายุค 90 นอกจากนั้นเขายังเคยสร้างการบรรลุเป้าหมายกับการลงเล่นฟุตบอลลีกอาชีเผชิญนแผ่นดินมาเลเซีย มาแล้วอีกด้วย
หลังจากนั้นเป็นคีย์แมนคนสำคัญพา “สิงห์เจ้าท่า” คว้าถ้วยพระราชทานประเภท ก. 2 ยุค เมื่อปี 1985 และ 1990 อรรถพล บุษปาคม ถูกดึงตัวมาอยู่กับสโมสรลำดับแถวหน้าแดนเสือเหลือง ณ ณ เวลานั้น อย่าง ปะหัง ในศึก ลีกา เปอร์ดาน่า (มาเลเซีย ซุปเปอร์ลีก) เวลาปี 1991-1994 แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้
ก่อนที่ปี 1994 กองกลางทีมชาติไทย ชุดแดูป์ ซีเกมส์ ครั้งที่ 17 จะย้ายการ ท่าเรือ ไปเล่นให้กับ ปะหัง อีกสักครั้ง ซึ่งคเช่นเดียวกับนี้เขาพาทีมทำผลงานเยี่ยมที่สุด พร้อมด้วยคว้าแดูป์ เอ็ม ลีก ได้ได้ผลสำเร็จ ซึ่งนั่นทำให้ อรรถพล บุษปาคม แปรเปลี่ยนเป็นนักเตะไทย เพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งที่มาเลเซีย และลงเล่นทะลุ 100 นัด จนถึงรายวันนี้
ความคิดเห็น