ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Infinity online (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #43 : ตอนที่ 38 การจับกลุ่มทำภารกิจ ป่าอาถรรพ์(แก้คำผิด เติมเนื้อบรรยาย 1/7/59)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9K
      107
      1 ก.ค. 59



    ตอนที่ 38 การจับกลุ่มทำภารกิจ ป่าอาถรรพ์

     

                “ไอ้เรน วันนี้เราเรียนวิชาอะไรนะ”  ผมเดินอกมาจากการทธุระส่วนตัว แล้วกล่าวถามเรนที่ยังขมุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม

                “วิชาสัตว์อสูรวิทยามั้ง สถานที่ก็ป่าอาถรรพ์เขตนอก”  เรนตอบในลักษณะที่มันยังขลุกอยู่ในที่นอนอยู่ไม่ยอมลุก

                “ปะ ไปเรียนได้แล้ว  จะเก้าโมงแล้วเนี่ย”  ผมเดินไปดึงผ้าห่มมันออกและมันก็ดีดตัวขึ้นมา สองเท้าเดินสลึมสลือโซเซไปมาเพื่อจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จสรรพ

                “อืม  ไปกันเถอะออฟ”  เรนหาววอดพลันก็สวมเสื้อคลุมโรงเรียนนำหน้าผมออกประตู

                “อืมๆๆ”  ผมตอบด้วยท่าทีสบายๆและแอบขำเจ้าเรนเล็กน้อย เพราะมันเป็นแบบนี้ประจำ

     

              ณ  ป่าอาถรรพ์เขตนอก  สถานที่ๆพวกเราเรียนกันคือในป่า ซึ่งไม่มีห้องเรียน ไม่มีเก้าอี้ ไม่มีหนังสือตำรา  อาจารย์ทีสอนก็เป็นผู้หญิงสวยหน้าตาดีมาก ใบหน้ารูปไข่ผมเรียวยาวจนถึงเอว ดวงตาม่วงอัญมณีเรืองแสงทำให้นักเรียนชายหลงไหลกันจนอ้าปากค้าง เธอเดินออกมาแนะนำตัวว่าเธอนั้นมีชื่อว่า  มิกิ  มาเนโชล  ฮาคามิ เป็นอาจารย์ประจำวิชานี้  บทเรียนวันแรกของพวกเราก็คือการทำภารกิจเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คู่ ซึ่งภารกิจที่ว่านี้ก็คือ  การเข้าไปในป่าอาถรรพ์ ไปล่าสัตว์ หาสมุนไพร และหาสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเมื่อนำกลับมาแล้วจะสามารถนำมาส่งภารกิจได้ สิ่งที่มีคุณค่าและราคาสูง   โดยไม่กำหนดขอบเขตของป่า  อาจารย์บอกว่า ระยะปลอดภัยคือป่าอาถรรพ์เขตนอก  ส่วนเขตในกลุ่มไหนจะเข้าไปก็ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นโรงเรียนจะไม่รับผิดชอบทั้งนั้น  แถมยังบอกอีกว่าจุดสังเกตเขตแดนของป่าให้ดูที่ม่านสีแดง  หากมีม่านสีแดงกั้นอยู่ตรงไหนแสดงว่านั่นเป็นป่าเขตใน ป่าที่มีอันตรายมากมายรออยู่

                “เอิ่ม  จับกลุ่ม กลุ่มละสามคู่ งั้นก็ 6 คนสิ  เอาไงดีเรน”    ผมหันไปถามเรนที่ตอนนี้กำลังฉีกใบไม้เล่นอยู่ไม่สนใจฟังแต่มันดันเข้าใจไปเสียหมดทุกเรื่อง

                “ก็แค่ไปหาคู่อื่นอีกสองคู่ แค่นี้เอง ง่ายๆ”    เรนตอบแบไม่ยี่ระพร้อมกับหันมาฉีกใบไม้เล่นต่อไม่สนใจคนรอบข้างที่มองมาเลยแม้แต่น้อย ส่วนอาจารย์มิกิก็ได้เเต่เอือมระอาในท่าทีของเจ้าเรนอยู่นิดๆเหมือนกัน

       

                “อืมนั่นสิ แล้วเราจะไปจับกลุ่มกับใครดีล่ะ หน้าตาก็ไม่คุ้นเคยเลยสักคน อีกอย่างก็ไม่อยากจะไปสนิทสนมกับคนอื่นด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทั้งสองทำ แบบว่ามันแปลกกว่าที่คนธรรมดาสามาัญเขาทำกันน่ะ”   ผมบ่นอุบอิบเพราะไม่อยากจะหากลุ่ม อีกอย่างตั้งวแต่อยู่มานี่มีแต่สายตามองว่าผมกับเรนนั้นเหมือนกับพวกเศษเดนสังคมอะไรงี้ ไม่เข้าใจความคิดพวกชนชั้นสูงจริงๆ

                “เอาน่าออฟ เดี๋ยวเรารอดูไปก่อน ไม่มีคนมาจับกลุ่มกับเราก็ไปกันเองละกัน”  เรนพูดเสริมแล้วเป่าใบไม้ปลิวกระจายจากนั้นก็ดึงหญ้ามาเคี้ยวเล่นสรรหาเชื้อโรคเข้าร่างกายอย่างไม่หยุดหย่อน

               ................

     

                พักหนึ่งก็มีคนสี่คนเดินเข้ามาหา โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนนำมา ผู้ชายสองคนเดินตาม กับผู้หญิงอีกคนที่เดินขนาบข้างกับเธอ การเดินนั้นช่างเรียบง่ายธรรมดาไม่ได้ให้ความรู้สึกเย่อหยิ่งใดๆเหมือนนักเรียนเครื่องประดับหรูหราคนอื่นๆ มีก็แต่ชายสองคนที่ทำหน้าเหี้ยมเกรียมเหมือนหมาหวงห้างพร้อมที่จะฉีกกระชากคนที่จะมาแย่งเหยื่อของมันอย่างนั้น และครั้งนี้ก็เหมือนว่าผมกับเรนจะโดนเหม่นไปด้วย ชายร่างใหญ่ทำท่าเชือดคอแล้วแผ่จิตสังหารออกมายังพวกเรา แต่ก็แค่นี้แหละเฉยๆและไม่อยากมีเื่องมีราวไดๆ

     

                “เอ่อ  คุณออฟคะ”    ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามไม่รู้ว่าเธอรูกจักชื่อผมได้ยังไง อีกอย่างหน้าตาก็เหมือนจะคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลยเเฮะ แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาแหละนะ แค่เรียกชื่อผมก็หันขวับไปทางเธอด้วยท่าทีงงๆเลยสิครับ

                “ห๊ะ  คะ ครับ”    ผมที่ไม่ทันสังเกตก็เลยสะดุ้งนิดนึง เธอปิดปากหัวเราะน้อยๆแต่ก็ทำให้นักเรียนชายหลายคนน่าแดงกับท่าทีของเธอ ส่วนข้างหลังนะเหรอ รู้สึกเหมือนมีไฟลุกเลยเเฮะ

                “คุณออฟมีกลุ่มหรือยังคะ”   เธอเอ่ยถามด้วยท่าทีเหมือนกับเคยรู้จักกับผมมาก่อน วางท่าทีสบายๆไม่มีการเกร็งแต่อย่างได ความรู้สึกที่ส่งมาเหมือนกับเธอรู้จักกับผมมาก่อนเสียอย่างงั้น

                “อ้อ ยังไม่มีหรอกครับ  ว่าแต่คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ รู้สึกว่าหน้าตาคุ้นๆเหมือนกันแฮะ”    ผมเกาหัวตอบเพราะจำไม่ได้จริงๆว่าใคร 

                “ฉันคือมาเรียไงคะ จำฉันไม่ได้เหรอคะ”  เธอกล่าวแล้วทำหน้าผิดหวังเหมือนกับความตั้งใจที่ทุ่มเทมาสูญเปล่า

                “หา  มาเรียเหรอ เฮ้ยเธอดูเปลี่ยนไปเยอะจนจำไม่ได้เลยนะ  หุ่นดีขึ้น หน้าตาสวยขึ้นด้วย  อืมท่าทางก็น่ารักดีนะ หนุ่มๆคงรุมจีบน่าดูละสิเนี่ย”    ผมพูดติดตลกตบท้าย เเต่ไม่รู้เพราะเหตุไดหน้าเธอเริ่มแดง และกระแอมเบาๆปกปิดท่าทีเอียงอายไว้

                “คุณออฟอ่ะ กะ  ก็ ชมฉันเกินไปนะคะ”    เธอเอานิ้วมาจิ้มกัน แล้วบิดตัว  ผมเห็นแล้วงง เก็บอาการตรงไหนฟร๊ะ เธอคงไม่ค่อยสบายมั้งเนาะ

                “ก็มันเป็นความจริงนี่ครับ ฮะๆ แล้วมีอะไรเหรอครับมาเรีย”  ผมถามถึงเป้าหมายของเธอว่ามาทำอะไรทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าน่าจะมาขอร่วมกลุ่มด้วย

              “คือ  ถ้าคุณออฟยังไม่มีกลุ่ม  ก็มาอยู่กลุ่มเดียวกับฉันไหมคะ”  เธอก้มหน้าพูดแล้วเอานิ้วจิ้มกัน

                “ได้สิครับ พวกผมก็กำลังหากลุ่มอยู่เหมือนกัน ใช่ไหมเรน”  ผมปรบมือดังเปราะ แล้วหันไปถามความคิดเห็นของเรน

                “ดะ ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เรนสะดุ้งเล็กน้อยแล้วตอบมาจากนั้นมันก็ฉีกใบไม้ต่อ พร้อมกับกระซิบข้างหูผมเบาๆ

               "เธอคนนี้ทำให้หัวใจฉันสั่นรัว เป็นอะไรไม่รู้ว่ะ"  เรนกระซิบด้วยท่าทีซื่อๆ

               เมื่อมาเรียได้คำตอบจากเรนออกอาการดีใจพลันก็ทำให้เจ้าเรนหน้าแดงไปด้วย สงสัยคงยังไม่รู้ตัวว่าไปตกหลุมรักสาวน้อยเข้าให้เเล้วล่ะมั้ง

              “จริงเหรอคะ  คุณพูดจริงๆนะคะ”  มาเรียถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม  เอ่อ แล้วอาการไม่สบายเมื่อกี้หายไปไหน

                “จริงสิครับ ผมกับเรนจะเข้าร่วมกลุ่มกับพวกคุณแน่นอน”  ผมตอบแล้วเอามือไปลูบหัวมาเรีย พลันก็รู้สึกถึงจิตสังหารอันรุนแรงจากชายร่างใหญ่คนที่อยู่ด้านหลังมาเรีย

                “ค่ะ รู้สึกดีจังที่ได้อยู่กับออฟ ก่อนอื่นนะคะฉันขอแนะนำทีมของฉันก่อน  ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆฉันชื่อว่ามิ้น เป็นคู่หูของฉันเอง ส่วนชายอีกสองคน ชื่อว่า  ทอรัส  กับ  อามอนค่ะ”  มาเรียแนะนำไปทีละคน

                มิ้น เป็นเด็กสาวอายุ 17  ส่วนสูงประมาณ 165 ผิวขาวเนียนนวลผ่อง นัยน์ตาสีฟ้า  ผมฟ้า เป็นเด็กสาวที่มีกริยาน่ารัก เรียบร้อย เธอใส่ชุดนักเวทย์หอลม ก็คือชุดผ้าคลุมนะแหละครับ สีเขียวหรือสีอะไรไม่รู้สักอย่างแหละ แล้วมีสัญลักษณ์ตรงอก และคอที่บ่งบอกว่าอยู่หอลม

                ทอรัส เป็นชายหนุ่มอายุ ประมาณ 21 ปี เป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง แถมหุ่นก็ดีอีกด้วยหุ่นแบบนักเพราะกล้ามตัวออกใหญ่ๆเหมือนฝรั่งน่ะ  ผิวสีแทนคล้ำ นัยน์ตาสีน้ำตาล ผมสีน้ำตาล  อยู่หอมืด เอ่อ คาดว่าน่าจะเป็นคนดีนะ แต่ทำไมสายตาที่มองผมถึงอยากจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนั้นอ่ะ  ผมไปทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอนั่น

                อามอน เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 20 หน้าตาเรียว ออกซีดๆนิดนึง แต่ก็ถือว่าหน้าตาดีอยู่ระดับหนึ่ง  ผิวสีขาวซีด นัยน์ตาสีออกแดงๆ อยู่หอมืด  ส่วนนิสัยนี่ไม่รู้ เงียบๆ แต่จิตสังหารที่แผ่มาใส่ผมนั้น ไม่เหมือนท่าทางที่แสดงออกเลย เหอๆ สงสัยจริงๆ ว่าผมไปสร้าง ศัตรูไว้ตอนไหน

               

                เมื่อเรนรับรู้ถึงจิตสังหารของอามอน ก็ค่อยๆเดินเข้าไปหา แต่ถูกผมจับแขนแล้วส่งสัญญาณห้ามไว้ก่อน เขาจึงเงียบๆ   เมื่อนักเรียนทั้งหมดจับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว อาจารย์มิกิ ก็ให้แยกย้ายกันไปเตรียมตัว เตรียมของที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง ส่วนเวลาส่งภารกิจนั้น ก็คือวันจันทร์ตอนหกโมงเช้านั่นเอง

     

                ผมกับไอ้เรนก็เดินทางกลับหอ ไปเอา เอ่อ ดาบกับมังกรน้อย  ผมหาผ้ามาพันดาบไว้แล้วสะพายกับหลัง  ส่วนดาบของเรนเหรอ เอ่อ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดาบได้หรือเปล่า  คล้ายๆดาบนะ ก็แบบว่า เหมือนเอาเหล็กแท่งมาตีๆๆให้มันเป็นรูปยาวๆคล้ายดาบอ่ะ เหมือนเด็กที่เริ่มหัดตีเลย ตัวดาบนูนบ้างยุบบ้าง ขรุขระๆ  แล้วที่มันทำลายดาบของอาจารย์ได้สงสัยมันใช้พลังเสริมแน่เลย  ส่วนมังกรน้อย ผมก็เอาเก็บไว้ในแหวนเก็บสัตว์เลี้ยงคนละวงกับที่เก็บมินนี่นะครับ  ผมเอาอีกวงออกมาให้เรน แล้วสอนวิธีใช้เสร็จสรรพ ไอ้เรนมันก็ยิ้มน้อยๆของมันแหละครับ  ดูเหมือนว่าแหวนนี่จะใช้ในโลกนี้ได้แหละนะ

                อ้อ ถ้าถามถึงมินนี่กับมาซาร์ พวกเธอสบายดีครับ ช่วงนี้พวกเธอยังไม่อยากออกมาข้างนอก ขออณุญาติผมฝึกวิชากับมาซาร์ในแหวนนั้นอีกช่วงใหญ่ๆ ส่วนเฟิร์ส ผมก็คุยกับเธอทุกวันแหละครับเพียงแต่ไม่บอกให้รู้เท่านั้นเอง

               

     

                เมื่อพวกเราเตรียมของ  เอ่อ คงเรียกว่าไปหยิบของมากว่า (ดาบเล่มเดียว กับมังกรน้อย) เสร็จแล้วก็ไปรอกลุ่มมาเรียที่ป่าอาถรรพ์เขตนอก นั่งรอ นอนรอ สักพักพวกมาเรียก็มาถึง

                “นี่มาเรีย  จะเอาไอ้พวกนี้เข้ากลุ่มจริงๆเหรอ ดูสิ  ขนาดสัมภาระยังไม่เอาอะไรมาเลย มาก็เป็นตัวถ่วงพวกเราเปล่าๆ”  ทอรัสเป็นคนพูดออกมาด้วยความไม่พอใจและหาเหตุผลมาอ้าง

                “อย่าพูดแบบนั้นนะทอรัส คุณออฟเก่งมากเลยนะ”  มาเรียหันไปพูดกับทอรัส

              “ไม่พูดก็ได้  เฮ้ย พวกนายน่ะ อย่ามาเป็นตัวถ่วงฉันละกัน”  ก่อนทอรัสจะเดินออกไปก็หันมาขึ้นเสียงใส่พวกผม ส่วนผมที่โดนแบบนั้นนะเหรอก็เฉยๆแต่อยากจะกวเจ้าทอรัสเสียหน่อย

                “มองคน อย่ามองที่ภายนอก เพราะเราไม่สามารถจะรู้ได้ผ่านการมองครั้งแรกหรอก ว่าคนๆนั้นมีความสามารถอะไร อีกอย่าง  เวลาจะคุยกับคนที่พึ่งรู้จัก ควรจะใช้คำพูดที่สุภาพหน่อย ไม่อย่างนั้น คุณจะเป็นตัวเลือกแรก ที่เขาจะตัดคุณออกไปในการสร้างความสัมพันธ์และตกกระป๋องในที่สุด”  ผมร่ายออกมาเป็นชุด แบบว่าพูดตอนนอนพิงต้นไม้อ่ะนะ เหมือนพูดลอยๆแต่เจาะจง   ทอรัสได้ยินไปแบบนั้นก็กำหมัดแน่นทันที

                “ได้ แล้วจะได้เห็นดีกัน”  ทอรัสเน้นเสียงมาทางผม  เอ่า ก็ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ(กวนต่างหากเฟ้ย)

     

              “คือฉันขอโทษแทนทอรัสด้วยนะคะ เขาก็นิสัยแบบนี้แหละค่ะ”   มิ้นก้มหัวขอโทษแทนเพื่อนของเธอ

                “อย่าใส่ใจเลยครับ  พวกผมไม่ถือหรอกครับ”    เรนเป็นคนตอบแทนผมแต่สายตานั้นแอบมองมาเรียด้วยความหลงไหล ไอ้นี่มันหลงเสน่ห์มาเรียเข้าจริงๆแฮะ

              เฮ้อ อย่าว่าแต่ทอรัสเลย อามอนก็อีกคน คุณท่านจะปล่อยจิตสังหารใส่พวกผมไปถึงไหนครับ  มันอ่อนนะรู้ไหม รำคาญอ่ะ รำคาญ ใจจริงก็อยากให้เรนปล่อยจิตสังหารโต้กลับอยู่หรอก แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็จะวุ่นวายนะสิ จิตสังหารไอ้เรนมันเบาซะที่ไหน  บางทีคนที่อยู่ใกล้ๆอาจรับรู้ได้ถึงความรุนแรงเลยล่ะ

                “คุณมาเรีย คุณมิ้น คุณทอรัส แล้วก็คุณอามอน  ผมว่าพวกเราเดินทางกันเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่นเขา”  ผมเอ่ยปากพูดชวนให้เริ่มเดินทาง

                “นี่พวกแก  อย่าพูดแบบนี้กับท่านทอรัสนะ รู้ไหมว่าท่านทอรัสเป็นถึงเจ้าชาย แห่งแคว้นโกสันมาตะทมิฬเลยนะ”  อามอนพูดขึ้นเสียงแล้วทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผม แต่ถูกทอรัสห้ามไว้ ห้ามแบบมีเลศนัยพร้อมกับกระพริบตาให้เหมือนจะรู้กันแค่สองคน

                “เหรอครับ ก็ดีแล้วนี่  ป่ะไปกันเถอะครับคุณมาเรีย”   ผมทำท่าเฉยๆเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่ได้ยิน ทอรัสเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ยังไม่กล้าลงมือ เพราะเกรงคุณมาเรียละมั้ง

                “ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่  อย่าหวังว่าจะมีชีวิตกลับมาเลยพวกแก”   ทอรัสพึมพำในใจ

     

     

                การเดินทางขอกลุ่มเราเป็นไปอย่าเรียบง่ายมั้ง สัตว์อสูรที่มาขวางทุกตัวถูกทอรัสแย่งจัดการทั้งหมด แถมยังโชว์พลังอวดอีก ตูมๆตามๆแล้วแต่จะสาแก่ใจเขาแหละมั้ง เฮ้อถ้าจะเป็นขนาดนั้นอ่ะนะ ส่วนพวกผมก็ได้แต่เดินตามหลังไปแหละครับ คุยกับมาเรียถึงเรื่องราวตอนแยกย้ายกัน เธอก็เล่าซะยาวเหยียด แถมยังพาดพิงถึงผมอีก ยังไงเหรอ ก็แบบว่า กินข้าวไม่มีออฟอยู่กินด้วยก็ไม่ค่อยอร่อย เวลาไปไหนไม่มีออฟก็เหงาๆ คิดถึงออฟตลอดเลยนะ  เรื่องทั้งเรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ สรุปว่ามันคืออะไรล่ะ

     

                ผมเดินๆไปตามทางที่ทอรัสกับอามอนนำไป เวลาผมเจอสมุนไพรที่มีประโยชน์ก็เดินไปถอนบ้าง เด็ดบ้าง ใส่ไว้ในกระเป๋ามิติที่ผมคาดเอวไว้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่เก็บสมุนไพรก่อนแหละครับ ส่วนพวกทอรัสเวลาเจออสูรก็วิ่งเข้าใส่ ได้เนื้อได้วัตถุดิบมาก็เก็บไว้ในกระเป๋าย่อส่วนระดับสูงของตัวเอง คงจะทำผลงานเอ้ย ทำแต้มแหละมั้ง

     

                ระยะทางที่พวกเราผ่านมาก็เจอแต่สัตว์อสูรระดับต่ำๆ มีบ้างที่เจอระดับกลางๆ แต่ทอรัสกับอามอนไม่ยอมให้พวกผมไปช่วยนี่สิ บอกว่าเป็นตัวถ่วง เหอๆ จะมองคนแต่เปลือกนอกไปถึงไหน..

                พวกเรา อืมคงต้องบอกว่า ทอรัสกับอามอนล่าสัตว์จนถึงหัวค่ำ ก็พากันหาที่พักผ่อน  ทอรัส มุ่งไปยังพื้นที่ๆคาดว่าจะปลอดภัยที่สุดก่อนใครเพื่อนแล้วนำกระโจมรูปร่างขนาดสามคนนอน ที่ประดับประดาอย่างดีออกมากาง มาเรียกับมิ้นก็นำกะโจมหลังเล็กๆออกมากางเช่นกัน

                “มาเรียครับ ผมยกกระโจมนี่ให้คุณกับคุณมิ้นนอนเลยนะครับ  ด้านในมีเครื่องบรรณาการอย่างดีอยู่ครบถ้วน ถ้ายังไงเชิญเลยครับ เดี๋ยวผมจะนอนกระโจมอีกหลังนึง”   ทอรัสได้ทีก็ประจบประแจงหว่านล้อมมาเรียทันที

                “มะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันมีของฉันแล้วค่ะ”  มาเรียตอบปัดๆ ในท่าทีไม่อยากรบกวน

              “คุณมาเรียไม่เหมาะสมกับการนอนกระโจมเล็กๆแบบนั้นหรอกครับ มานอนกระโจมที่ผมกางให้ดีกว่านะครับ”   ทอรัสยังไม่ละความพยายามยังคงโน้มน้าวต่อ

                “ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ พวกฉันอยู่ได้ค่ะ เอาไว้คราวหลังก็แล้วกันนะคะ”  มาเรียตอบปัดไปอีกครั้ง

                “นี่คุณทอรัส อย่าไปตื้อผู้หญิงแบบนั้นสิครับ เขาไม่อยากนอนก็ไม่ต้องพยายามตื้อก็ได้”  เรนพูดขัดอย่างแรงและยิ้มกวนส้นเท้าให้ทอรัสจนมัสกำหมัดลั่นซะดังกร๊อบ

                “มันไม่เกี่ยวกับพวกแก อย่ามายุ่ง”   ทอรัสกระแทกเสียงใส่

                “อ้อ  ครับๆๆ  ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง”  เรนตอบโดยไม่สะทกสะท้าน

                “นี่แก...”  ทอรัสชี้หน้าเรนด้วยความไม่พอใจ แต่เรนก็ไม่หันกลับไป นั่งลงหลังพิงกับต้นไม้เฉยเลยแล้วทำท่าว่านอนหลับไปเเล้ว เมื่อเป็นอย่างนั้นก็เดินกระทืบเท้าออกไปไม่ตื้อต่อ

     

                เมื่อพวกเขากางกระโจมเสร็จแล้วก็เดินออกมารวมกัน ตรงกลางของจุดพักผ่อน  มาเรียสังเกตเห็นผมกับเรนไม่ได้กางอะไรเลย จึงถามขึ้น

                “คุณออฟคะ  คุณไม่เอากระโจมออกมากางเหรอคะ”   มาเรียถามด้วยความเป็นห่วง

                “อ๋อ  พวกผมนอนบนต้นไม้ได้ครับ  อีกอย่างขี้เกียจเก็บด้วยฮะๆๆ”     ผมเป็นคนตอบเพราะกระโจมมันไม่ค่อยสะดวกและไม่มีอารมณ์ศิลป์ เพราะเดินป่าทั้งทีก็ต้องนอนสัมผัสกับธรรมชาติสิ 

                ทออรัสได้ยินก็ยิ้มเย้ยพร้อมกับทำหน้าสะใจ

                “อย่างพวกแก ไม่มีก็บอกมาเถอะ อย่ามาโกหกหน้าด้านๆ”  ทอรัสกระแทกเสียงด้วยความเยาะเย้ยและพุ่งจิตสังหารมาด้วย

                “คุณจะคิดจะพูดอะไรก็แล้วแต่คุณเถอะครับ คุณทอรัส  ผมพูดไปอย่างไรก็หมายความว่าอย่างนั้นแหละ”  ผมพูดน้ำเสียงธรรมดาๆออกไป เพราะผมไม่ได้สนใจกับคำพูดของเขา ความจริงก็เพื่อจะยุแหละนะ

                “ไม่มีก็บอกมาตรงๆเถอะว่ะ  เดี๋ยวฉันจะสละกระโจมให้ตัวถ่วงอย่างพวกแกก็ได้”  ทอรัสยังไม่ละความพยายามที่จะยั่วให้พวกผมโกรธ

                “ขอบคุณนะครับ  แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะถ้าอยากนอนในกระโจมเมื่อไหร่ ผมก็จะเอามากางเองแหละครับ”  ผมตอบด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร  แต่กลับทำให้ธอรัสไม่พอใจซะงั้น สำเร็จไปอีกขั้นแฮะ

                “หนอยแก สัมภาระก็ไม่เตรียมมาแล้วจะเอากระโจมไว้ที่ไหนห๊ะ อย่าบอกนะว่าเก็บไว้ในกระเป๋าใบเล็กๆนั่น  เฮ๊อะ ให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ”  ทอรัสลุกขึ้นชี้หน้าผม

                “คุณทอรัสคะ  พอได้แล้วค่ะ”  มาเรียทนไม่ไหวจึงพูดห้าม แต่ก็สามารถหยุดไว้ได้ด้วยเฮ้ย

                “เห็นแก่มาเรียนะ  ไม่งั้นฉันไม่จบแค่นี้แน่”  ทอรัสนั่งลงด้วยความแค้น

                “ครับๆ” ผมยังตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม จนเจ้าทอรัสกำหมัดลั่นกร๊อบๆ

               

     

                และแล้วก็ถึงเวลาทานอาหาร เย็นนี้ อามอนทำอาหารจากเนื้อสัตว์ที่ได้ล่ามา ก็มีเนื้อที่สีสันแปลกๆเยอะเลยทีเดียว ไม่รู้ว่ามีตัวอะไรบ้าง พวกอามอนนำเนื้อพวกนั้นมาหมักเกลือย่างไฟ  พวกเขาทำกันอยู่หกไม้  เมื่อย่างเสร็จก็ทอรัสก็นำไปให้มาเรียกับมิ้น แล้วตัวเองกับอามอนก็กัดเนื้อย่างคนละสองไม้

                “คุณทอรัสคะ  แล้วคุณออฟกับคุณเรนล่ะคะ”  มาเรียสงสัยกับการกระทำของทอรัสจึงเอ่ยถาม

                “เนื้อนี่พวกมันไม่ได้ล่ามานี่ครับ ไม่จำเป็นต้องให้ อีกอย่างพวกมันก็มีถือมีเท้า  ให้หากินเองสิครับ”  แล้วเขาก็จัดการกับเนื้อย่างจนหมด

                มาเรียเห็นดังนั้น ก็เดินมาหาผมแล้วยื่นเนื้อย่างที่เธอถือมาให้

                “เอาของฉันไปกินก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันทานกับมิ้นเอง พวกเราเป็นผู้หญิงทานไม่มากหรอกค่ะ”  เธอพูดด้วยท่าทีเป็นห่วงและเอือมระอากับท่าทางของทอรัส

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่างที่คุณทอรัสพูด  เดี๋ยวพวกผมประกอบอาหารทานเองก็ได้ครับ”  ผมยังพูดด้วยรอยยิ้ม

                “แต่ว่าพวกคุณไม่มีวัตถุดิบนี่คะ แล้วจะเอาอะไรมาทานล่ะ”  มาเรียถามด้วยความเป็นห่วง

                “อ้อ  มีสิครับ ผมเตรียมไว้แล้ว”  ผมพูดแค่นั้น ก็หาที่ก่อไฟ  เพราะพวกทอรัสคงไม่ยอมให้ผมใช้ไฟที่พวกเขาก่อขึ้นมาแน่

                ผมทำการ ล้วงเอาภาชนะ  เครื่องเทศ  เครื่องปรุงรส  หม้อ  และอุปกรณ์ต่างๆออกมาจากกระเป๋ามิติ  แล้วนำเนื้อหมูป่ายักษ์ออกมา 1 ก้อนเล็ก (ขนาดประมาณ 2 กิโล)  แล้วทำการหั่น  หมัก  เตรียมไฟ เตรียมเครื่องปรุง แล้วประกอบอาหารอย่างรวดเร็ว  จนมาเรียมองแทบไม่ทัน และแล้วก็ได้สตูมา 1 หม้อ  แกงส้มอีก 1 หม้อ  ข้าวหุงอีกหม้อนึง  ทานได้ประมาณยี่สิบจานใหญ่ กลิ่นอาหารที่ผมทำหอมฟุ้งไปถึงฝั่งของทอรัส เมื่อเขาได้กลิ่นก็ตามหากลิ่นนั้น และแล้วก็เจอกับอาหารที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ก็น้ำลายสอทันที  เพราะอาหารมันน่ากินนี่สิ  แต่ไม่ทันจะได้เข้าไปใกล้กว่านี้ เรนก็เดินเข้ามาแย่งที่นั่งอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกทอรัสชะงักทันที

                “นี่แก  มานั่งทำไม นี่มันอาหารที่คุณมาเรียทำ ไม่ได้ให้พวกนายกิน”  ทอรัสเข้าใจไปเองว่านี่เป็นอาหารที่มาเรียประกอบขึ้นมา ก็พูดข่ม แต่เรนกลับยิ้มในท่าทีเอือมระอา เจ้าทอรัสจะมีทิฏฐิไปถึงไหนกัน

                “นี่มันอาหารที่ไอ้ออฟทำต่างหาก ทำไมฉันจะนั่งไม่ได้ล่ะ”  เรนพูดด้วยท่าทีที่เรียบเฉยแล้วไม่สนใจท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของทอรัส

                “อย่ามาโกหกหน้าด้านๆเลยแก”  ทอรัสทำท่าจะพุ่งไปหาเรน

                “จะทำอะไรน่ะคุณทอรัส”  มาเรียพูดแทรกขึ้นมาจนทอรัสหยุดชะงัก

                “ผมกำลังไล่พวกมันอยู่ครับ  มันโกหกว่านี่เป็นอาหารที่เพื่อนมันทำ ทั้งๆที่มันเป็นของคุณ”  ทอรัสได้ทีก็ฟ้องมาเรียใหญ่

                “นี่มันอาหารที่คุณออฟทำนะคะ  ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ  อีกอย่าง ฉันไม่สามารถทำอาหารแบบนี้ได้หรอก”  มาเรียตอบ  ทอรัสเจอคำพูดนี้ไปก็หน้าแตกทันที เขาเงียบไปพักหนึ่งเทียวล่ะ และเมื่อหาข้อแก้ตัวได้ก็พูดโพร่งออกมาโดยไม่เกรงใจใคร

                “ก็แค่อาหารหน้าตาน่าเกลียดนี่  ไม่มีใครทานลงหรอก  แหวะ”  ทอรัสพูดด้วยถ้อยคำดูถูกแล้วเดินจากไปทันที  ทั้งๆที่เมื่อกี้จะพุ่งเข้าไปทานแท้ๆ มาเรียได้เเต่ยิ้มเจื่อนๆ

                เมื่อผมจัดการกับอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จก็ตักข้าวไว้หกจาน  เผื่อคุณทอรัสและอามอนด้วย  จากนั้นก็จัดแจงอย่างสวยงาม  แล้วชวนทุกคนรวมถึงทอรัสมาทานอาหาร  แต่เมื่อทอรัสโดนชวนก็ปฏิเสธด้วยถ้อยคำดูถูกอีก ผมเลยไม่ใส่ใจ เข้ามานั่งร่วมวงทันที  แล้วเราก็เริ่มทานอาหารกัน

                ผมตักทานก่อนคำแรก  แล้วพวกนั้นก็ตักทานตาม เมื่อพวกเขาได้ลิ้มรสอาหารก็อุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย”ด้วยเสียงที่ดังและกึกก้องไปถึงหูของพวกทอรัส  จากนั้นไอ้เรนก็สหวาปามคนแรกจนอาหารที่ตักไว้หมดทันที

                “เฮ้ย ไอ้เรน อย่ากินเร็วนักสิฟร๊ะ  คุณมาเรียกับคุณมิ้น ตามไม่ทันรู้ไหม”  ผมพูดใส่ไอ้เรน

                “อ้ออันอร่อยนี่อ้วยไอ้ไอ้(ก็มันอร่อยนี่ช่วยไม่ได้)”  แล้วก็สหวาปามต่อไป

                เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็ตักเพิ่มให้เรื่อยๆจนอาหารทั้งสองหม้อหมดลงอย่างรวดเร็ว ข้าวก็หมด  แบบว่าหมดก่อนอย่างอื่นอีก  ไอ้เรนทานเสร็จ ก็เทน้ำใส่ปากอึกๆๆ  แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปนอนพิงต้นไม้  ส่วนมาเรียกับคุณมิ้นก็ทั้งชมทั้งถามผมตลอด ว่าทำอาหารยังไง  อยากให้ผมช่วยสอน  หญ้าพวกนั้นที่ใส่ไปคืออะไร แล้วเนื้อที่ใช้เป็นเนื้ออะไร  พอผมบอกว่าเป็นเนื้อหมูป่ายักษ์ก็ทำตาโตกันทันที แล้วบรรยายสรรพคุณของราคา  และความอร่อยเนื้อหมูป่าที่ได้อ่านมากับลิ้มลองวันนี้ พวกเธอบอกว่า เนื้อนี่มันอร่อยมากกว่าที่พวกเธอจินตนาการไว้จริงๆ แล้วก็ถามอีกว่าไปเอาเนื้อมาจากไหน  ผมขี้เกียจตอบสิเลยบอกว่าเป็น  ความลับ

                ส่วนทอรัสกับอามอนนะเหรอ เข้าไปในกระโจมตั้งแต่ตอนทีพวกเราทานไปคำแรกแล้วล่ะ

     

    ด้านทอรัส

                “หนอยพวกแก ทำไมมาเรียถึงสนิทกับมันนัก โดยเฉพาะไอ้ออฟน่าสมเพจนั่น ฉันอยู่กับมาเรียมาไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนั้นจากเธอเลยสักครั้ง แต่ทำไมแกถึงได้...โธ่โว้ย”   ทอรัสบ่นกับตัวเองแล้วเอามือตบโต๊ะระบาย

                “ท่านทอรัสครับ  คืนนี้เราลงมือฆ่ามันเลยดีไหม พวกมันยิ่งนอนด้านนอกด้วย เราสามารถอ้างได้ว่าพวกมันถูกสัตว์อสูรลากไป”  อามอนออกความคิดเห็น

                “หึหึหึ  ดี  งั้นเราจะฆ่ามันคืนนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องมีก้างมาขวางอีก  ไอ้ออฟ ถึงเวลาจบสิ้นชีวิตของแกแล้วไอ้สัตว์เดนนรกทั้งสอง” ทอรัสยิ้มเหี้ยมและคาดหวังไว้สูง  

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×