ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูแสงจันทร์

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๔ เพื่อนรุ่นน้อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 671
      3
      13 พ.ย. 60


     

    เพื่อนรุ่นน้อง

     

     

     

     

     

    สัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านริมหน้าต่างเข้ามา อินทุภาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเพราะได้นอนหลับเต็มอิ่ม เธอบิดขี้เกียจยืดหยุ่นกล้ามเนื้ออยู่ครู่หนึ่งแล้วลองขยับเท้าดู พบว่ามันไม่ค่อยปวดแล้วจึงค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังไปเปิดม่านรับแสงอรุณ 

     

    หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วภูแสงจันทร์ที่ถูกอาบไล้ด้วยแสงตะวันยามเช้า แสงแดดอ่อนทั้งอบอุ่นและให้ความรู้สึกมั่นคงกับเธอได้เสมอ

     

    มองพระอาทิตย์ขึ้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้รับพลังในการต่อสู้กับทุกปัญหาที่รออยู่ ส่วนพระอาทิตย์ตกดินก็ทำให้รู้สึกว่าในความเศร้าหมองยังมีความสวยงามซ่อนอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองในแง่ไหน

     

    อินทุภาดื่มด่ำกับบรรยากาศอันอบอุ่นนี้ไปจนแสงแดดเริ่มจัดจ้าจึงตัดสินใจเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการออกไปหาอะไรรองท้องที่ห้องอาหาร พบมุมน่าสบายที่สามารถมองเห็นต้นส้มนับพันแข่งกันออกผลสีทองอร่ามเหมือนดอกไม้บานสะพรั่งต้อนรับหน้าหนาว เธอเลยยึดไว้เป็นมุมส่วนตัว นั่งจิบกาแฟ แทะขนมปังปิ้งทาเนยโดยมีหนังสือพิมพ์เป็นกับแกล้มเพิ่มความอร่อยให้มื้อเช้า

     

    อรุณสวัสดิ์ครับ ขอนั่งด้วยคนนะ

     

    ความสงบของเธอถูกรบกวนด้วยเสียงนุ่มทุ้มของใครคนหนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบดวงตาคมดำกำลังจ้องมองมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น อุ่น...ไม่ต่างจากแสงแรกของดวงตะวันเลย

     

    เชิญค่ะ หญิงสาวรู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสบตากับเขานานๆ นั่นทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งความใจดีของเขาและความเปิ่นของตัวเอง

     

    ข้อเท้าเป็นยังไงบ้าง เขาถามและยิ้มให้เธออย่างเป็นกันเอง

     

    อินทุภาก้มมองข้อเท้านิดหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มสดใสให้เขา ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

     

    ไม่ต้องเกรงใจ เราไม่ใช่คนอื่น

     

    ต้องบอกว่าเธอแปลกใจที่ได้ยินเขาพูดอย่างนั้น เมื่อคืนเขาใจดีและเอื้อเฟื้อต่อเธอมากก็จริง แต่สรรพนามของเขาก็ยังห่างเหิน ไม่ชิดเชื้อเท่าวันแรกที่เจอกัน เธอไวต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง ภูริชไม่มีทางหลอกเธอได้สำเร็จ

     

    คุณพูดถึงเรือนแสงจันทร์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มีอะไรรึเปล่าคะ

     

    นั่นเป็นคำถามที่เขาไม่ยอมตอบและเธอก็มีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่าจึงละเลยไป แต่อินทุภาไม่ใช่คนลืมง่าย

     

    ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย

     

    เขาตัดบทพร้อมรอยยิ้มอ่อนละมุนที่อาจทำให้สาวๆ ไขว้เขว แต่ไม่ใช่กับอินทุภา แม้จะยอมรับว่ายิ้มของภูริชชวนมอง แต่เธอไม่หลงประเด็นง่ายๆ หรอก   

     

    เข้าใจผิดยังไงคะ หญิงสาวรุกต่ออย่างมุ่งมั่น อาจเป็นเพราะรู้มาจากดอกแคร์ว่าเรือนหลังนั้นเคยเป็นที่พักของมารดาเขาก็ได้ เธอจึงรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน

     

    เขานิ่วหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้น รู้มั้ย อินทุภาแปลว่าอะไร

     

    นอกจากไม่ยอมตอบคำถามง่ายๆ แล้ว เขายังสร้างความสับสนให้เธอด้วยคำถามใหม่กับสายตาคล้ายซ่อนความลับบางอย่างไว้และเชิญชวนให้เธอค้นหา

     

    หญิงสาวขมวดคิ้ว ยอมรับว่าสนใจอยู่เหมือนกัน คุณรู้เหรอคะ

     

    ภูริชหัวเราะน้อยๆ อย่างน่ามอง เธอพบว่าเวลายิ้มเขาดูดีกว่าเวลาทำหน้าเคร่งขรึมหลายเท่านัก

     

    อินทุภาแปลว่าแสงจันทร์ มีความหมายเดียวกับเรือนหลังนั้น เรือนแสงจันทร์

     

    เธอชะงัก มองหน้าเขาอย่างนึกทึ่ง ไม่เคยรู้ว่าชื่อตัวเองมีความหมายว่าอะไร ไม่เคยสนใจมาก่อนด้วยซ้ำ

     

    บังเอิญจังเลยนะคะ

     

    คิดแบบนั้นเหรอ?”

     

    เธอขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปอีกครั้งอย่างแยบยล

     

    ไปให้หมอดูข้อเท้าหน่อยไหมอิน

     

    คราวนี้ชายหนุ่มเรียกชื่อเล่นของเธอด้วยเสียงอุ่นนุ่ม และอินทุภาก็พบว่ามันน่าฟังที่สุดเท่าที่เคยได้ยินใครเรียกมาเลย หญิงสาวหลบตา ลองขยับเท้าไปมาเบาๆ

     

    คงไม่เป็นไรแล้วละค่ะ เดินได้สบายมาก ขอบคุณสำหรับน้ำแข็งกับยานะคะคุณภู

     

    เรียก พี่สิ เหมือนที่อินเรียกตอนแรกไง

     

    อินทุภาหันไปสบตาเขาแวบหนึ่ง อันที่จริงตั้งใจจะเรียกแบบนั้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ภูริชเองนั่นแหละที่มาเรียกเธอว่า คุณก่อน ทำให้เธอเปลี่ยนความคิด แต่ความเป็นมิตรที่ถ่ายทอดออกมาทางดวงตาคมในตอนนี้ก็ทำให้หญิงสาวยิ้มรับอย่างเต็มใจ

     

    ตกลงค่ะ พี่ภู

     

    ช่วงเช้าพี่มีงานต้องเคลียร์นิดหน่อย” เขาว่าพลางพลิกข้อมือที่สวมนาฬิกาขึ้นดูเวลา  

     

    พี่ภูไปทำงานเถอะค่ะ อินอยู่ได้สบายมาก”

     

    งั้นตอนเที่ยงรอกินข้าวกับพี่นะ จะพาไปเลี้ยงต้อนรับที่อินมาเยือนภูแสงจันทร์ครั้งแรก

     

    เธอแปลกใจไม่น้อยและคิดว่าตัวเองคงทำสีหน้าประหลาดอยู่แน่ๆ เพราะเห็นเขาอมยิ้มคล้ายกำลังขันอะไรบางอย่าง พอรู้ตัวก็รีบปฏิเสธอย่างเกรงใจ

     

    อย่าลำบากเลยค่ะ อินแค่เอาของมาส่งแล้วถือโอกาสหนีเที่ยวด้วย ไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนพี่ภูเลย

     

    พี่เต็มใจจะถูกรบกวน ตกลงเที่ยงนี้รอพี่นะ เสร็จงานแล้วจะไปรับ

     

    ภูริชเดินจากไปแล้ว เขาไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธเลย อินทุภาได้แต่ย่นจมูก

     

    “แอบเอาแต่ใจเหมือนกันนะอีตาพี่ภูเนี่ย!

     

     

     

    ตอนที่เสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้น อินทุภายังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมกาแฟสุดโปรด เธอกลับไปเอาหนังสืออ่านเล่นที่เรือนแสงจันทร์ ซึ่งพกมาจากกรุงเทพฯ ด้วย แล้วกลับมานั่งอ่านที่นี่ เพราะข้อจำกัดของข้อเท้าที่บาดเจ็บและเพิ่งจะดีขึ้นเลยไม่อยากออกไปตะลอนข้างนอกให้มันเจ็บหรือบวมขึ้นมาอีก เดี๋ยววันลาที่เหลือจะอดเที่ยวไปเปล่าๆ

     

    เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอไม่คุ้นเคยเลย แต่เธอก็กดรับสายอย่างไม่รีรอ “สวัสดีค่ะ”

     

    พี่เองนะ อินอยู่ไหน ตอนนี้พี่อยู่หน้าเรือนแสงจันทร์แล้ว

     

    หญิงสาวอดรู้สึกผิดไม่ได้เลยตอบเสียงอ่อย อินอยู่ที่ห้องอาหารค่ะ มุมเดียวกับตอนเช้า อ่านหนังสือเพลินไปหน่อย

     

    งั้นรอที่นั่นแหละ เดี๋ยวพี่ไปรับ

     

    พูดจบเขาก็ตัดสายทันที เป็นอีกครั้งที่อินทุภาต้องย่นจมูกกับโทรศัพท์ เธอคิดว่ารู้จักเขามากขึ้นอีกนิดแล้ว นอกจากเอาแต่ใจ ภูริชยังเป็นคนชอบออกคำสั่งอีกด้วย 

     

    ไม่นานคนที่เธอแอบนินทาในใจก็ปรากฏตัว ตอนนั้นหญิงสาวยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้พนักสูง นั่งในท่าชันเข่าและเกือบจะจมลงไปกับเบาะนุ่มแสนสบายอยู่รอมร่อ 

     

    หิวหรือยัง

     

    เธอรีบเอาขาลงจากเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นสบตาคนถามด้วยรอยยิ้ม ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลยค่ะ

     

    ดี เพราะร้านที่พี่จะพาอินไปชิมอยู่ในเมือง ต้องนั่งรถอีกพักใหญ่เลย  

     

    หญิงสาวยิ้มกว้าง ไม่ต้องเข้าเมืองก็ได้นะคะ กินที่นี่ก็สะดวกดี อินไม่เรื่องมากเท่าไหร่หรอก

     

    เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอ กำลังจะพูดบางอย่างแต่ก็มีเสียงเรียกขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

     

    พี่ภูคะ!”

     

    “ลัน...” ชายหนุ่มครางแผ่ว สีหน้าเคร่งขรึมลงทันที

     

    อินทุภาหันไปทางต้นเสียง จดจำผู้หญิงคนนี้ได้ทันใด สาวสวยที่ยืนข้างภูริชในวันเผาศพของมารดา เธอยังคิดเลยว่าน่าจะเป็นคนรักของเขา นึกมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกใจแป้วแปลกๆ เธอลืมไปได้ยังไงกันว่าภูริชมีแฟนแล้ว สวยมากซะด้วย

     

    ผู้มาใหม่นั่งลงข้างเจ้าของรีสอร์ตด้วยท่าทีเชิดๆ โดยไม่รอให้ใครเชื้อเชิญ เขม้นจ้องผู้หญิงอีกคนอย่างไม่เป็นมิตร

     

    นี่เหรอคะธุระสำคัญของพี่ภู

     

    อินทุภานึกฉุนขึ้นมาเหมือนกันกับน้ำเสียงสะบัดและสายตาจับผิดที่อีกฝ่ายใช้มองเธอ แต่ยังสงวนท่าทีเอาไว้ เพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ภูริช มีแฟนขี้หึงก็แย่พออยู่แล้ว เธอไม่อยากซ้ำเติมเขาอีก

     

    อินเป็นหลานสาวของป้าปิ่น จำได้ไหมที่เจอกันวันงานเผาศพคุณแม่ เขาบอกหญิงสาวอีกคนด้วยสีหน้าเรียบขรึม แล้วหันไปทางอินทุภา แนะนำว่า ลันเป็นเพื่อนรุ่นน้องของพี่

     

    สวัสดีค่ะคุณลัน อินทุภายิ้มแย้มทักทาย  

     

    ลัลนาเชิดหน้าด้วยท่าทีหยิ่งๆ ไหวไหล่อย่างถือตัว ตอบรับโดยไม่มองหน้าอินทุภาด้วยซ้ำ ค่ะ

     

    หญิงสาวรู้สึกได้ชัดถึงความไม่เป็นมิตรของสาวสวยจึงพยายามพูดให้น้อยเข้าไว้ ปล่อยให้ภูริชจัดการกับคนของเขาเอง นั่นไม่ใช่หน้าที่เธอ

     

    ไหนพี่ภูบอกว่ามีธุระสำคัญเลยไปกินข้าวกับลันไม่ได้ไงคะ ถ้าลันไม่มาดูให้เห็นกับตา คงไม่รู้ว่าธุระของพี่ภูเป็นผู้หญิง สาวสวยทำเสียงเง้างอน มองอินทุภาตาขวาง

     

    ลัน ชายหนุ่มปรามพร้อมใช้สายตาตำหนิ

     

    ทำไมคะ ลันพูดผิดตรงไหน เธอสวนฉับไว ความน้อยใจพุ่งปรี๊ด

     

    อินขอตัวก่อนดีกว่านะคะ ท่าทางพี่ภูมีเรื่องต้องเคลียร์ คนที่รู้สึกว่าเป็นส่วนเกินรีบหาทางชิ่ง เพราะอึดอัดกับสถานการณ์พิพักพิพ่วนนี้จะแย่

     

    ดูเหมือน ธุระสำคัญของพี่ภูจะไม่ได้ต้องการพี่ภูเหมือนที่ลันต้องการนะคะ ไปกับลันดีกว่า ลันไม่มีเพื่อนกินข้าว อีกฝ่ายเร่งเร้าด้วยการเขย่าแขนชายหนุ่มไปมาเหมือนเด็กๆ

     

    ไม่ได้หรอกลัน พี่นัดกับอินก่อนแล้วจะผิดนัดไปกับลันได้ยังไง ภูริชทำเสียงเข้มขึ้น บอกให้รู้ว่าเขามีจุดยืนที่มั่นคงและเริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่เธอทำแล้ว

     

    ลัลนากัดริมฝีปาก สีหน้าสลดลงนิด แต่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทำเสียงอ้อนว่า ไม่ใช่เรื่องงานนี่คะ งั้นให้ลันกินคนด้วยนะ ลันเหงา กินข้าวคนเดียวไม่อร่อย

     

    อันที่จริงเราก็แค่จะกินมื้อเที่ยงเท่านั้น อินว่ากินที่นี่เถอะค่ะ อินเห็นมีต้มยำยอดมะพร้าวอ่อนกับปลาเก๋าผัดพริกไทยดำ ดูในเมนูแล้วน่ากินมากเลย อินอยากลอง อินทุภาช่วยคลี่คลายสถานการณ์

     

    เธอไม่หวังอาหารเลิศรสในมื้อนี้ แค่หวังว่ามันจะจบลงด้วยดีและโดยเร็วที่สุดก็พอ เพราะดูท่าแล้วภูริชจะไม่ยอมผิดนัดกับเธอแน่ๆ เช่นนั้นก็มีทางออกเดียวคือกินด้วยกันทั้งสามคนนี่แหละ

     

    ชายหนุ่มจำต้องเห็นด้วยกับข้อเสนอของหญิงสาว สถานการณ์นี้ผูกมัดเขาจนแทบกระดิกตัวไม่ได้

     

    “งั้นตามใจอินก็แล้วกัน”

     

    ถ้อยคำที่แสดงให้เห็นว่าอินทุภาสำคัญกว่า ทำให้ลัลนาไม่พอใจ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้พูดโพล่งห้วนๆ ออกมาอีก เพราะเริ่มรู้ตัวว่ายิ่งเอาแต่ใจก็ยิ่งทำให้ภูริชไม่พอใจมากขึ้น 

     

    อินทุภาเริ่มหายใจได้ทั่วท้องหน่อยที่ไม่ถูกจิกกัดด้วยสายตาอีก หญิงสาวดูเมนูอย่างสนใจ ก่อนจะหันไปบอกพนักงานรับออร์เดอร์ ปลาเก๋าผัดพริกไทยดำ ต้มยำยอดมะพร้าวอ่อน ยำเห็ดรสเด็ด แล้วก็...ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ

     

    ภูริชสั่งข้าวเปล่ากับน้ำดื่มและไม่ลืมถามลัลนาด้วยว่าจะสั่งอะไรเพิ่ม เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ ทั้งโต๊ะเลยเงียบกริบเมื่อพนักงานรับออร์เดอร์เดินจากไป เขาไม่อยากให้บรรยากาศเลวร้ายกว่าที่เป็นจึงชวนอินทุภาคุยเรื่องปิ่นมณี สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะจะคุยเรื่องอื่น ดูเหมือนหญิงสาวก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง

     

    อินทุภาให้ความร่วมมือกับภูริชด้วยดีจนกระทั่งอาหารทยอยมาเสิร์ฟครบทุกจาน เมื่อเริ่มกินมื้อเที่ยงทั้งสองคนยังคงพูดคุยกันด้วยเรื่องของสาวใหญ่ผู้มีนิสัยเปรี้ยวเกินวัยอย่างออกรส นั่นทำให้รู้ว่าปิ่นมณีคือสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยกันตลอดมา

     

    เสียงช้อนส้อมกระแทกจานดังขัดจังหวะ ลัลนาลุกพรวดขึ้นแล้วบอกห้วนๆ ลันกลับก่อนนะคะ กินไม่ลง

     

    พูดจบก็สะบัดบ๊อบเดินหนีไปเลย ไม่รอให้ใครเหนี่ยวรั้ง

     

    ตามไปง้อหน่อยสิคะพี่ภู ไม่ต้องห่วงอินหรอก อินเข้าใจค่ะ อินทุภารีบบอก

     

    เธอตกใจกับปฏิกิริยาของลัลนาพอควร เนื่องจากไม่ค่อยได้เห็นใครที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้มากนัก ถ้าเป็นเธอเองคงจะเก็บความไม่พอใจไว้แล้วหาโอกาสเลี่ยงในครั้งต่อไปมากกว่า แต่นี่ลัลนากลับเดินหนีไปเฉย ช่างเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองจนน่าทึ่ง

     

    เขาสบตาเธอพร้อมรอยยิ้มเสียใจ พี่ขอโทษแทนลันด้วยนะ คงหงุดหงิดมาจากบ้านน่ะ งั้นพี่ขอตัวแป๊บนึง

     

    หญิงสาวไม่ค่อยเชื่อนักว่าลัลนาหงุดหงิดมาจากบ้าน คิดว่าสาวเจ้าหงุดหงิดที่ภูริชเอาใจใส่เธอมากกว่า เห็นชัดเลยว่าลัลนาไม่ใช่แค่เพื่อนรุ่นน้องธรรมดาแน่ อย่างน้อยสาวสวยผู้นั้นก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นกับชายหนุ่ม

     

    เธอมองจนร่างสูงลับตาไปแล้วค่อยหันกลับมาสนใจอาหารรสเด็ดตรงหน้า ใจหนึ่งแอบอยากรู้ว่าเขาตามไปพูดอะไรกับผู้หญิงอีกคน แต่อีกใจก็เตือนตัวเองว่าไม่ใช่ธุระของเธอ อย่าหาเรื่องใส่ตัว อีกไม่กี่วันเธอก็จะกลับกรุงเทพฯ แล้ว ให้ภูแสงจันทร์เป็นเพียงสถานที่ในความทรงจำจะดีกว่า

     

    เมื่อภูริชกลับมา หญิงสาวยังกินได้ไม่เท่าไหร่ ที่พร่องไปเยอะกว่าอย่างอื่นหนีไม่พ้นไข่เจียวกุ้งสับ เขาสังเกตเห็นทันที พอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมจึงเอ่ยถาม

     

    รสชาติอาหารที่นี่ค่อนข้างไทยแท้ แต่ดูเหมือนอินจะกินรสจัดไม่ค่อยได้นะ

     

    เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา คุณลันล่ะคะ

     

    กลับไปแล้ว บ้านลันก็ไร่ส้มที่อินเห็นอยู่นี่ไง พ่อลันเป็นเจ้าของไร่แสงตะวัน

     

    หญิงสาวทำตาโต ดีจังค่ะ อินอยากมีไร่ส้มแบบนี้บ้างจัง วันหลังอินเข้าไปดูได้มั้ยคะ

     

    เอาสิ แต่อินจะไปเมื่อไหร่ต้องบอกพี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปด้วย แล้วยังไงล่ะ เรื่องอาหารน่ะ อินยังไม่ตอบพี่เลย เขาไม่ยอมให้เธอเฉไฉ

     

    อินทุภายิ้มเจื่อน สารภาพเสียงอ่อย อินไม่ค่อยได้กินอาหารรสจัดค่ะ ที่บ้านมีแต่คนกินจืด ที่โรงเรียนประจำก็...เอ่อ...แบบว่าอินเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กแล้วเลยไม่ค่อยได้กินอาหารไทย

     

    ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ เพิ่งนึกออกว่าอินทุภาถูกส่งไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเล็ก สักพักรอยยิ้มอบอุ่นก็ปรากฏบนใบหน้าคม แววตาอ่อนโยนจ้องมองเธออย่างเข้าใจถึงความรู้สึกอ้างว้างลึกๆ ของเด็กนักเรียนประจำที่หญิงสาวแอบซุกซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดของความคิด

     

    มิน่า ถึงอยากลองชิมอาหารไทยรสจัด แต่พี่ว่าทีหลังต้องสั่งพิเศษแล้วนะ ขอรสกลางๆ ดีกว่า แบบนี้อินกินไม่ได้หรอก เดี๋ยวกระเพาะจะพังเอา

     

    น้ำเสียงของเขาเหมือนพี่ชายอบรมน้องสาวหัวดื้อไม่มีผิด เธอหัวเราะแหะๆ แต่ก็ไม่เถียง

     

    ไม่นึกเลยว่าการที่มีใครสักคนมาคอย บ่น ด้วยความปรารถนาดี จะให้ความรู้สึกดีขนาดนี้ ที่สำคัญ สายตาที่เขามองมาทำให้เธอรู้สึกว่า ภูริชเข้าใจความรู้สึกของเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดตามมารยาทเท่านั้น

     

    แปลกจังที่เธอรู้สึกใกล้ชิดกับผู้ชายที่เพิ่งพบหน้ากันได้มากขนาดนี้...

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×