ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #109 : ตอนพิเศษ ด้วยความคิดถึง^^ 16.12.13

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.98K
      40
      16 ธ.ค. 56

    ตอนพิเศษ ด้วยความคิดถึง

     

     

     

    บางทีนะบางที บางทีไม่ใช่บางพลี บางพลีไม่ใช่บางพลัด บางพลัดไม่ใช่บางจาก บางจากอาจจะไม่เยอะเท่า ปตท คือจำผมได้ใช่ไหมครับ จำได้ไหมเนี่ยว่าใคร แหมไม่ใช่เจมส์จิ อย่ามองหน้าแบบนั้นครับ พอร์ช ศรัณย์ ก็ไม่ใช่ ฮ่าๆๆๆ ผมชื่อพีมคนที่คุณก็รู้ว่าใหญ่ (ขยิบตา)

     

     

    คือว่าที่เห็นผมเวิ่นเว้อวึ่นวือเอ้อระเหยนี่ไม่ใช่ว่าว่าง แท้ที่จริงแล้วงานกองท่วมหัว จนตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วว่าบนหัวนี่อันไหนคือเส้นผมอันไหนแปรงทาสี เพราะผมไม่ได้นอนมาชาติกว่าๆ กลิ่นเสื้อผ้าน่าจะพอๆกับรถเก็บขยะเทศบาล น้ำไม่ได้อาบ ข้าวไม่ได้กินบ้านไม่ได้กลับ เหอะ

     

    พูดเรื่องกลับบ้านแล้วอยากจะคว่ำจานสีราดหัวไอ้คิว โมโหไงกำลังมีประเด็นเนี่ย เด็กที่บ้านแม่งพูดไม่รู้เรื่องเราไม่คุยกันมาหลายวันแล้ว เอ่อ จริงๆน่าจะแค่วันเดียวครับ ผมก็แค่พูดให้มันดูเว่อร์ๆเข้าไว้เพราะเป็นคนชอบเล่นใหญ่ เรื่องของเรื่องก็คือว่าผมโมโหที่ภูมิมันยังไปยุ่งคบค้าสมาคมกับไอ้พวกแก๊งค์แข่งรถ

     

     

    ผมน่ะเข้าใจว่าคนเราชอบแข่งรถชอบพนันชอบความท้าทายก็ไม่ได้แปลว่าต้องเลวเสมอไป การแข่งรถก็คือการแข่งขันกีฬาประเภทหนึ่งโอเคอันนั้นเข้าใจ แต่พวกกลุ่มนั้นที่ภูมิไปแข่งด้วยบ่อยๆมันเหมือนจะมีเอี่ยว   มีข้องเกี่ยวกับเรื่องยาเรื่องไม่ดีอย่างอื่น ผมเลยไม่อยากให้ภูมิมันไปยุ่งแต่มันก็ยังไป

     

     

    ตั้งแต่คบกันมาผมไม่เคยจะห้ามอะไรในชีวิตมันเลยนะเว้ย (ไม่นับเรื่องที่ห้ามขับรถหรือย่างกรายไปใกล้ตึกแพทย์ อันนั้นคนละกรณี) ผมขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวมันก็ทำให้ผมไม่ได้ รักรถก็รู้อยู่หรอกแต่ถ้าจะเลือกรถมากกว่ากูล่ะก็….พีระณัฐก็มีทางเลือกนะครับคุณ กูเลือกทุกทางอ่ะยกเว้นทางที่ถูกที่ควร ฮ่าๆๆ ยังจะขำ เหอะ ตลกหรอสาดดดทะเลาะกับแฟนเนี่ยยยยย

     

    “พีมการที่มึงเป็นคนอารมณ์ดีมีไมตรีจิตต่อสิ่งมีชีวิตร่วมโลกทุกผู้ทุกคนมันก็นับเป็นเรื่องที่ดีนะ”

    “โจ กูขอเนื้อๆแดกน้ำเยอะกูจุก”

     

    ระหว่างที่อาศัยเวลาพักอันน้อยนิดจากการโหมงานชิ้นสุดท้ายของเดือนพวกผมก็แอบแวะออกมาจิบน้ำ กินขนมนมเนยที่มีผลต่อปอด ถ้าภูมิมาเจอนี่เคลียร์กันยาวยันไอ้เต้ยเป็นใบ้เลยนะแต่แล้วไงวะ กูไม่แคร์โว้ย ช่างแม่งดิมันไม่สนใจผมหรอกคิดแล้วขึ้นครับ หูยยยย ปวดหัวจิ๊ดๆเลยแล้วนี่บุหรี่ห่าไรเนี่ยกลิ่น  วนิลา??? พ่องงงไอ้ชายหน่อมแน้มฉิบหาย แต่ของฟรีสูบๆไปครับจะกลิ่นห่าอะไรก็ตายไวเหมือนกัน

     

     

    นอกจากจะเครียดเรื่องแฟนตอนนี้เพื่อนผมอย่างไอ้โจก็กำลังทำให้ขมับผมเต้นตุบๆหลังจากที่ผมชวนพวกมันไปฉลองกันถ้างานเสร็จทันเย็นนี้ อีกอย่างผมก็อยากหาที่ปรับทุกข์ มันเลยกำลังจะปลอบใจผมมั้งแต่เท่าที่ฟังๆมาเหมือนกับว่ามันเพิ่มความดันให้ผมซะมากกว่า

     

     

    “ห่าพีมอย่าขัดกูดิวะ กูก็กำลังจะอธิบายไงว่าอุปนิสัยพื้นเพสามัญสำนึกของมึงมันก็นับเป็นเรื่องที่ใครๆก็นิยมชมชอบ” มันอธิบายพลางสะบัดผมยาวๆเป็นลอนประหนึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นมาช่วยจัด แต่จริงๆคือเห็บหมัดกระโดดสวนสนามกันสนุกเลยครับ

     

    “โหยยยเชี่ยโจมึงเอาปลายผมไปจุ่มชักโครกมาหรอวะเหม็นโคตร แม่งเอ๊ยโดนหน้ากูเต็มๆ”

     

    และนี่คือเสียงร้องทุกข์จากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่อยู่เบื้องหลังและได้รับผลกระทบในครั้งนี้ มึงคือผู้โชคดีว่ะโป้ง ฮ่าๆๆ

     

     

    “หนึ่งมึงไปเอาบันไดมาให้มันลงหน่อยไปหรือต้องให้พวกกูอาราธนาศีลก่อนไหมมึงถึงจะเลิกเทศน์แล้วลงจากธรรมมาสได้น่ะห๊ะ”

     

     

    ด้วยความรำคาญไอ้โจผมเลยตบหัวมันไปทีคืออารมณ์กูตอนนี้ก็ไม่ได้สีชมพูแหว๋วเหมือนหน้าน้องญาญ่าหลังใช้พอนด์สได้เจ็ดวัน ถ้ายังล้อเล่นมากๆเดี๋ยวกูด่าให้แม่งลืมชื่อพ่อ

     

     

    “เออมึงก็อย่าไปใส่ใจมันมาก ว่าแต่เราจะไม่บอกไอ้คิวจริงๆหรอวะพีม”

     

    ไอ้ชายที่ดูมีสติสุดหันมาถามพร้อมกับยื่นบุหรี่ให้ผมอีกมวน ผมส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธทั้งบุหรี่และการชวนไอ้คิว คือตอนนี้ไอ้คิวไม่ได้อยู่กับพวกผมครับเพราะมันเลือกจะทำงานปั้นส่วนพวกผมส่งงานแกะ แกะไปแกะมาจนกูจะเป็นแพะแล้ว หึ ส่วนไอ้คิวมันหอบสังขารไปอยู่อีกที่ที่รกชัดยิ่งกว่าคอกแห่งนี้ เอกจิตรนะแต่ไม่มีใครเลือกเขียนรูปส่งเลยครับเดือนนี้ ประเด็นคือไม่มีเงินซื้อสี กร้ากกกกกกกกกกกกก

     

     

     

     

    กูจะจบไหมวะเนี่ยตอนอาจารย์สั่งงานนี่แม่งรีบสัญญากับตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะจะรีบทำงานส่งทันทีแต่ก็เหมือนเดิม ดราฟไว้ตอนที่ได้แบบวันแรก ดรออิ้งมึงรอไปเถอะ รอจนดอเหี่ยว ติสท์ไงไม่จวนตัวเราไม่ทำ ยิ่งคอมโพสยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฮ่าๆๆๆๆ

     

     

    ปกติอาจารย์จะชอบสั่งงานวันจันทร์สั่งงาน กำหนดส่งคือศุกร์  คืนวันพฤหัสนี่ยิ่งกว่าคืนหมาหอน จากที่คิดอะไรไม่ออกจำตัวแบบไม่ค่อยได้ คืนก่อนส่งนี่เหมือนคุณพ่อดาวินชี่เข้าสิง หูยยย มือนี่คล่องเชียว ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับแถมดูท่าว่าจะหนักกว่าด้วยเพราะไม่ใช่แค่วาดแค่สาดสีลงบนผ้าใบแต่มันคือการแกะลายไทยลงบนไม้

     

    นี่วันศุกร์แล้วพวกผมเพิ่งไปหาซื้อไม้กันเมื่อวาน แล้วก่อนหน้านี้ทำอะไร เตร่ไปเรื่อยครับ โดดบ้างเข้าเรียนบ้างแต่ก็หลับๆตื่นๆ ยิ่งแม่งวิชาจิตวิทยาศิลปะนี่ตัวดีผมนึกว่าแดกยาแก้แพ้กันมา อากาศเย็นๆหน่อยนะ มึงเอ๊ยยยยย แทบบรรลุโสดาบัน คือหลับลึกมากกก เพื่อนผมนี่ตัวท็อปครับคุณลองไปถามไอ้คิวดูนะว่าเรียนมาสี่ปีมันรู้จักชื่อและจำหน้าอาจารย์ได้กี่คน หึ

     

     

    “เออดิถ้าใครโทรไปบอกไอ้คิวนะกูจะเล่นแม่ง พวกมึงก็น่าจะรู้ว่าถ้ามันไปด้วยเดี๋ยวแม่งก็คาบข่าวไปบอกกันอีกเราไปกันแค่นี้แหละ”

     

    ผมก็ยังยืนยันเจตนาเดิมว่าจะไม่ชวนเชี่ยคิวไปแดกเหล้าในคืนนี้ ดูเหมือนเป็นเพื่อนที่เลวใช่ไหมครับ ใช่ ฮ่าๆๆ พวกมันก็ทำออกจะบ่อยเหอะ ไปไหนแบบไม่ค่อยชวนกูเนี่ย อีกอย่างก็เหมือนที่ผมบอกไปนั่นแหละว่าถ้าไอ้คิวมันรู้เดี๋ยวมันก็ต้องบอกภูมิว่าผมอยู่ที่ไหน

     

    “เออเว้ยเวลาทะเลาะกับแฟนนี่ไปไหนมาไหนง่ายดีเนาะ ทีเมื่อก่อนกูแทบต้องทำหนังสือยื่นเรื่องเข้ากระทรวงถึงจะได้ตัวมึงแต่ละที”

     

    ผมอดขำไม่ได้กับการเปรียบเทียบของไอ้โป้ง ก็จริงของมันน่ะนะไอ้หล่อนั่นยอมให้ผมไปไหนมาไหนได้ง่ายๆซะเมื่อไร มันทำยิ่งกว่าขังแปดขังลืมอีกนะครับ กว่าจะได้ออกไปเฮฮากับเพื่อนได้ก็ต้องยกเหตุผลมาร้อยแปดประการชักแม่น้ำชักภูเขาชักหน้าไม่ถึงหลังก็ยังเคย ฮ่าๆๆๆ เฮ้ยเครียดอยู่เว้ยไม่ฮาๆ

     

     

    “ไอ้คิวไม่มาก็ดีเหมือนกันกูยิ่งไม่ค่อยอยากเจอมัน”

     

     

    ไอ้หนึ่งพูดพร้อมกับขว้างไม้ลูกชิ้น มันคงหวังให้ลงถังขยะแต่อาจจะพลาดไปนิด นิดนึงก็ทิ่มตากูล่ะไอ้เวรนี่แทนที่มึงจะวางไว้แล้วค่อยเก็บไปทิ้งตอนเดินขึ้นไปเรียน สมองน่ะสมอง ตอนนี้พาลครับหมาเดินผ่านหน้ากูยังอยากด่าเลย

     

     

    “ทำไมวะ” ไอ้โจผู้มีผมยาวสลวยถาม

     

     

    “ก็กูไม่อยากเจอมันไง นี่กูกลัวถึงขนาดไม่พกมือถือเพราะกลัวมันโทรตามเลยนะมึงแต่ถึงจะโทรมาก็ไม่ติดหรอก”

     

    “ทำไมวะ” ไอ้โจก็ยังคงถามแต่คำถามเดิมๆ

     

    “กูบล็อกเบอร์มัน บล็อกแม่งทุกอย่าง”

     

    “เชี่ยพวกมึงทะเลาะกันหรอ”

     

    “เปล่ากูแค่เบื่อแม่งทวงค่าหวยกูอยู่ได้”

     

    “อ้าวไอ้ห่ากูนึกว่าเรื่องอะไร แล้วทำไมมึงไม่จ่ายมันไป”

     

    “กูไม่มีเงิน จบไหม แค่จะซื้อแม็กนั่มให้ป่านซักแท่งกูยังไม่มีปัญญาเลยตอนนี้”โถถถถถถถถถถถถถถถถ หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อาภัพไปไหมชีวิตมึง

     

    “แลดูอนาจนะหนึ่งมึงอ่ะ อุบาทว์ชิบหาย หึหึ”

     

    ผมเอาตีนถีบขามันด้วยความเวทนาก็ถ้าจะเอาน้องเขามาแล้วพาตกต่ำขนาดนี้ก็ปล่อยน้องป่านไปเหอะว่ะ เขาไปเจอคนดีมีสติกว่ามึง ฮ่าๆ ก่อนจะไปพี่แนะนำน้องป่านไปเผาโรงงานน้ำตาลของพ่อไอ้หนึ่งนะครับเพื่อความสะใจส่วนตัว

     

    หลังจากร่วมด้วยช่วยกันประณามเชี่ยหนึ่งพวกผมก็กลับเข้าไปทำงานกันต่อ เสร็จอีกทีก็เกือบสองทุ่ม เป็นการทำงานที่ท้าทายยิ่งกว่าปีนผาเพราะว่ายุงตัวใหญ่เท่านกกระทาบินมาเป็นฝูง ไงมึงได้เลือดกูไปกี่ลูกบากศ์แล้วล่ะ แล้วยากันยุงตราห่านฟ้า ห่านดินกินหญ้าห่านฟ้ากินเหี้ยอะไรอยู่ครับมาช่วยกินยุงให้พวกกูบ้างเหอะ คือจุดไว้ประมาณสิบกว่าขดได้แต่แม่งไม่ได้ช่วยห่าอะไรเลย พวกไอ้โป้งเกือบต้องบีบซอฟเฟลแดก

     

    และในที่สุดหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งแกะงานมาเกือบ72 ชั่วโมงพวกผมก็ได้เวลายกโขยงกันมาฉลองสักที เราเลือกร้านข้างถนนแถวๆมอนี่แหละครับ ไปไกลกว่านี้ไม่ได้เพราะไม่มีรถ ไม่มีเงิน ฮ่าๆๆๆ ร้านนี้เป็นร้านนั่งชิวๆอินดี้ติสท์ๆเพราะไม่มีปัญญาเข้าผับ ฟังดูเจ็บเนอะ ฮ่าๆไม่ใช่แบบน้านนน

     

    เงินน่ะก็พอมีพอลงขันกันบ้างครับแต่มันไม่ใช่แนวเราไง คือดูสภาพพวกกูตอนนี้ด้วยครับไปที่ที่คนสวยๆหล่อๆเขาอยู่ก็ดูจะเป็นการทำร้ายเพื่อนร่วมโลกมากเกินไป อีกอย่างนี่ก็ร้านประจำของชาวศิลปกรรมครับบางทีก็มีเด็กถาปัดเพื่อนบ้านมาแจมบ้าง มาทีก็จะมีแต่ไอ้หนุ่มผมยาวสาวเซอร์ๆ ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าพี่เจ้าของร้านก็ศิษย์พี่ร่วมสถาบันร่วมคณะ

     

     

     

    เพลงแต่ละเพลงที่พี่แกเปิดก็เพลงไทยนี่แหละครับแต่ด้วยความสัตย์จริงกูฟังแทบไม่ออกว่ามันร้องว่าอะไรและที่ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ก็ไม่รู้ว่ามันคือเพลงใต้ดินหรือ  ใต้บาดาล อะไรมันจะอยู่ลึกไม่คุ้นหูขนาดนั้น แต่ช่างมันยังไงก็โยกได้ อ้าว ชนนนน ฮวิกๆๆๆๆๆ

     

    พวกผมเกือบสิบชีวิตก็ดื่มกันไป เมากันไป เอะอะบ้าบอไปตามประสา ปกติก็บ้ากันอยู่แล้วยิ่งพอได้เหล้าเข้าไปหน่อยพวกผมกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ชาวโลกไม่สามารถเข้าใจได้เลยล่ะครับ นี่คือความสามารถของเด็กจิตรกรรม สิ่งมีชีวิตที่คนบอกว่าไม่ค่อยเข้าใจ พูดอะไรไปคนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง คือบางครั้งผมยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยครับ ฮ่าๆ

     

     

    “เชี่ยพีมนี่ไอ้หนุ่มวิศวะมันไม่โทรตามมึงเลยหรอวะ”

     

    กูแทบจะถุยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ใส่หน้าไอ้โจ มึงจะถามหาพ่อง กูกำลังจะลืมกำลังอารมณ์สวยงามมึงจะถามเรื่องไอ้หล่อขึ้นมาเพื่ออ? ผมเอานิ้วเกี่ยวก้อนน้ำแข็งในแก้วเหล้าตัวเองขึ้นมากัดก่อนจะตอบไอ้โจที่ดูอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน

     

    “มันไม่โทรมาหรอกเพราะกูเคยสัญญาไว้ตอนที่ทะเลาะกันครั้งล่าสุดว่าต่อให้ผิดใจกันยังไงก็จะไม่หนีออกจากบ้าน”

     

    และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกเดือดร้อนกับการที่ไอโฟนเน่าๆจะแบตหมดไปตั้งแต่ตอนหัวค่ำ วันนี้ทั้งวันไอ้หล่อนั่นยังไม่โทรมาเลย ไลน์ก็ไม่มีมาสะกิด ดีเนอะ หึ กูนี่ดีเนอะรู้ทั้งรู้ว่าภูมิมันต้องโมโหจนอาละวาดแน่ๆกับการที่ผมไม่ยอมกลับห้อง แต่แล้วไงวะกูก็น้อยใจเป็นนะเว้ย    กูง้อมันตลอดอ่ะให้มันง้อกูบ้างดิแม่ง จะให้กูยอมมันฝ่ายเดียวรึไง โมโหเว้ยแดกเหล้าให้เมาตายห่าไปเลยวันนี้ ตาชักลายๆลิ้นชักเปลี้ยๆแล้วว่ะ เอ๊ะหรือจะเมายากันยุง คึ

     

    “เอาน่ามึงคนรักกันก็แบบนี้เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้”

     

    ขอบใจนะไอ้ชายเพื่อนรัก มาชนกับกูหน่อยมา ผมน่ะมีเพื่อนหลายกลุ่มใช่ไหมละครับถึงจะสนิทกับพวกไอ้แทนไอ้คิวมากกว่าก็เถอะ แต่บางครั้งบางปัญหาถ้าได้ปรึกษากับเพื่อนกลุ่มนี้มันก็ช่วยได้บ้างเพราะถ้าคุยกับไอ้พวกเดอะแก๊งค์ยังไงมันก็เป็นทั้งเพื่อนผมเพื่อนภูมิ พวกมันคงลำบากใจเพราะอย่างเวลาที่ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างทะเลาะกันผมก็ไม่รู้จะปลอบใจคนไหนก่อน

     

    หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยครับนอกจากเหล้า ไอ้พวกนี้ก็รู้ใจชงให้ไม่มีขาดแต่ปัญหามันอยู่ตรงที่กูเมายากนี่สิ

     

    “เชี่ยยยยมึงเอาเหล้าขาวมาแดกหรอ”

     

    เสียงไอ้หนึ่งโวยวายอยู่ข้างๆผม เห็นมันบ้าๆบอๆแบบนี้แต่เชี่ยหนึ่งกระแดะเป็นโรคผู้ดีที่แดกเหล้าขาวไม่ได้ มันบอกครอบครัวมันปลูกฝังมา แหม๊ฝังกันดีเหลือเกิน มันเลยโวยวายเพราะพวกไอ้เกมส์เอาเหล้าขาวมาเปิด ส่วนผมน่ะเหรอต่อให้เป็นเหล้ากลั่นกูยังยินดีเลยตอนนี้ อะไรก็ได้พีระณัฐไม่เรื่องมากถ้ามันคือแอลกอฮอล์ ทำไมกูแลดูจิ๊กโก๋ขี้เหล้าขนาดนี้วะ เดี๋ยวว่าจะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเมาแล้วล่ะครับสาวๆ

     

     

    “มึงอย่ามีปากมีเสียงเชี่ยหนึ่ง มึงรู้ไหมว่านี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษได้ให้ไว้แก่ผืนแผ่นดิน มึงอย่าดัดจริตดูถูกภูมิปัญญาไทยนะเว้ย มาๆๆคนละจอกสองจอก จะได้เมาเร็วๆเปิดเหล้านอกไปหลายขวดเงินกูจะหมดล่ะห่า”

     

    ฮ่าๆๆๆไอ้เกมส์มึงก็ประหยัดเกิ๊น ช่วงมีตังค์ก็แดกเหล้าสีพอไม่มีก็ซัดเหล้าขาวหนักๆเข้าก็ยาดองแต่ถ้าไร้หนทางต้องหมักข้าวดื่มเอง ฮ่า สโลแกนพีระณัฐเองแหละ ใครปิดไฟวะ ฮ่าๆๆ กร้ากกกก แหมเห็นอะไรก็ขำไปหมดเลยเว้ย

     

    “เอาสักหน่อยไหมมึง”

     

     

    อยู่ๆไอ้โจมันก็ยื่นอะไรสักอย่างที่แลดูเหมือนใบฝอยๆมาให้ผมดม กูก็เริ่มตาปรือแล้วนะเพื่อนยาก ไหนเอามาใกล้ๆดิ ผมเลยต้องก้มลงไปถ่างตาดูกับมันหน่อย

     

     

    “เชี่ยไรวะ”

    “กระท่อม”

    “สัดก็ถ้าจะให้กูดมเยอะขนาดนี้กูว่าคฤหาสน์แล้วล่ะ” มันไม่ใช่กระท่อมหรอกครับมันเด็ดใบไม้แถวๆนั้นแหละแม่งเด็ดมาดมทำท่าทำทางซะเหมือนเลย ฮ่าๆๆๆ

    “ไอ้โจมึงไม่ต้องทำเป็นแอ๊บ จริงๆมึงมีของใช่ไหม กูรู้” ผมลองเลียบๆเคียงๆถามแบบว่าโยนหินถามทาง กูอยากรู้นักที่สติพวกมึงไม่เต็มบาทมันเกิดจากอาการประสาทหลอนเพราะสารเสพติดชนิดใบรึเปล่าหรือสติฟั่นเฟือนโดยสันดาน

     

    “เวรพีมปากมงคลเหลือเกินนะมึง เกิดพ่อมึงมาได้ยินคงลากกูไปเที่ยวฮ่องกงพอดี กูไม่มีโว้ยแต่ของดีจริงๆอาทิตย์ก่อนกูลองกับเชี่ยหนึ่งแม่งขำกันข้ามวัน นอนดูตู้เย็นก็ฮา เห็นหมาตายยังฮาเลยมึง คลายเครียดๆ” สาดดด ผมหรี่ตามองมันนิดๆ มันขำกันใหญ่สรุปคือหลอกกู ขอบใจนะ นึกว่ามีแล้วไม่แบ่ง อ้าวววววววววว ฮ่าๆๆ

     

     

    และแล้วคืนนี้ก็จบลงด้วยการที่ผมโก่งคออ้วกอยู่ข้างถนน มันรู้สึกมึนๆงงๆว่าขำอะไรสักอย่างเหมือนว่าไอ้โป้งเตะหมาให้ดูตอนเดินออกมาเรียกแท็กซี่ เหมือนมีใครสักคนปลอบผมว่าอย่าร้องไห้ แล้วก็มีใครอีกคนตบหัวผมบอกว่าสรุปจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ มีใครตะโกนว่ามันไม่ใช่ภูมิ อย่าดึงผมมัน

     

    และเหมือนจะมีอีกคนมาพยุงหิ้วปีกผมพร้อมกับโวยวายว่าอย่ากอด มันอึดอัดมันไม่ใช่ภูมิ นี่กูเมาเหรอ กูเนี่ยนะเมา เพราะมึง มึงคนเดียวเลยเชี่ยภูมิ ไอ้แฟนไม่รักดี ไอ้ ไอ้ ไอ้ อั๊วะววววววว ไส้กูออกมาด้วยไหม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ………………………….

     

     

    “งามหน้านักนะมึงทำเพื่อนกูร้องไห้”

     

    ไอ้แทนผลักหัวผมจนหน้าทิ่มทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้ามา เอ่อ เดี๋ยวนะคือกูแฮงค์จนตาลายหรือผมกำลังฝันว่าเห็นไอ้สองตัวผัวเมีย พวกมึงมาทำอะไรในห้องกูไม่ทราบครับ ผมเดินเบียดไหล่ไอ้แทนให้ออกไปพ้นๆทาง พลางสอดส่ายสายตาอันเบลอๆมองหาภูมิแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาหัว สงสัยจะอยู่ในห้องนอน

     

    ผมเลยเปลี่ยนโฟกัสมาที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟามันเหยียดขายาวๆเกยโต๊ะเตี้ยๆตรงหน้า เอ่อ ตีนมึงกับหนังสือกูอยู่ในระนาบเดียวกันเลยว่ะ แล้วมันก็หันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่แบบ…..เหอๆ มึงฆ่ากูเห้ออออถ้าจะกดดันกูด้วยสายตามาดร้ายขนาดนั้นน่ะฟ่าง

     

    คือขอท้าวความนิดนึงนะครับว่ากว่าผมจะรู้สึกตัวตื่นมาก็บ่ายกว่าแล้ว ปรากว่าไอ้หนึ่งคือผู้ให้การช่วยเหลือแบกผมไปซุกหัวกลบดานอยู่ห้องมัน  แล้วผมโคตรได้กำไรอ่ะเพราะตื่นมาแล้วเห็นน้องป่านยืนทำตัวเรืองแสงเปล่งออร่าหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตายิ้มโลกสว่างให้ผมได้เห็นเป็นบุญตาในตอนเช้า และก่อนที่ผมจะใช้สายตาโลมเลียลวนลามเมียเพื่อนไปมากกว่านั้นเชี่ยหนึ่งก็เตะผมออกจากห้องแบบไม่ปราณี

     

     

    มันบอกว่ารีบกลับห้องไปได้แล้วเพราะไอ้คิวโทรมาตามตั้งแต่เมื่อคืน มันบอกว่าเพื่อนผมโทรหากันซะวุ่นวาย ทุกคนออกล่าตามตัวผมอยู่ ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าชะตาชีวิตของผมจะไปจบที่ตรงไหน แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึง เฮ้ย นี่ไม่ใช่เวลามาเปิดคอนเสิร์ตความเชื่อของพี่ตูน ชีวิตที่เหลืออยู่กูจะไปให้ถึงปลายทาง บ๊ะ

     

    พอถูกไอ้หนึ่งถีบหัวส่งผมก็ขึ้นแท็กซี่มายืนทำอก หืมม ทำใจดีกว่านะ ทำอกเหมือนกับว่ากูจะต้องไปโรงพยาบาลบางมด เออนั่นแหละผมเลยมายืนทำใจอยู่หน้าห้องรังรักราวๆห้านาทีแล้ว คีย์การ์ดในมือนี่กำจนแทบย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย กลัวครับยอมรับแบบแมนๆเลยว่าผมกลัว ก็ตอนนี้ผมพอจะสำเหนียกได้แล้วว่าตัวเองทำผิดที่เงียบหายไม่ยอมกลับห้อง

     

     

     

    ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ผิดเต็มๆแต่การหนีไปของผมคงทำให้ไอ้พวกเพื่อนๆวุ่นวายกันน่าดู ผมคงคิดน้อยไปว่าภูมิจะเป็นห่วง คนเราพอทำผิดก็งี้แหละครับ จิตสำนึกจะบินมาเกาะหน้าผากมึงเอง และพอผมทำใจได้เปิดประตูเข้ามาก็เจอกับเชี่ยแทนเชี่ยฟ่างอย่างที่เห็นนี่แหละครับ คือช่วยคิดเผื่อกูสักนิดว่ากูจะตกใจไหมที่เปิดประตูเข้ามาแล้วมีคนรอตบกบาลจนหน้านิ่ม เอ่อ ทิ่มป่ะ นี่เล่นเองแป้กเองเลย

     

     

    “พวกมึงมาทำไรกันแต่เช้าวะ”

     

     

    “จับยามสามตาแทนการดูนาฬิกาเหรอ แหกตาดูซะบ้างว่านี่มันกี่โมงหรือดูเวลาไม่เป็น ทีหลังหัดใช้สมองคิดซะบ้างก่อนที่มันจะฝ่อหรือเซลล์สมองมึงตายไปแล้ว” เอ่ออออออ ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆมองไอ้ฟ่างอย่างอึ้งๆ จะหันไปหาไอ้แทนให้มันช่วยเชี่ยนั่นเสือกเลี่ยงเดินเข้าในครัว

     

     

    “เรื่องนี้แทนจะไม่ยุ่ง” เชี่ยแทนนนนนนน มึงแม่งงงงงงงแล้วเมื่อกี้มันด่าผมใช่ไหมว่าทำเพื่อนมันร้องไห้แล้วกูไม่ใช่เพื่อนมึงรึไงวะ

     

    “ครั้งนี้ต่อให้น้องกูเป็นคนผิดหรือถึงแม้ว่ากูจะเคยอยากได้มึงเป็นเมียแต่กูก็จะไม่เข้าข้างมึง”

     

    ????? นี่คือประโยคอะไรมึงจะสื่ออะไรวะฟ่าง นี่เล่นบอกกูตรงๆงี้เลยหรอ ผมควรดีใจป่ะเนี่ยแต่ผมว่าผมควรร้องไห้มากกว่านะ มีเพื่อนมาบอกว่าอยากได้กูเป็นเมียแล้วจะเหลืออะไรให้กูรู้สึกปลอดภัยในชีวิตบ้างวะ

     

    “มะ ไม่ ไม่เป็นไร” ไม่ต้องเข้าข้างกูก็ได้แค่อย่าทำร้ายร่างกายกูก็พอ มึงจะเฮี้ยนไปไหนเนี่ยฟ่าง เชี่ยกูกลัววววว

     

    “ทีหลังจะทำอะไรก็หัดใช้สมองให้มันเยอะๆมึงอาจจะคิดว่าการที่มึงหายหัวไปคืนสองคืนมันคือเรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับภูมิ มึงไม่รู้หรอกว่ามันคือเรื่องสำคัญแค่ไหน อย่าทำให้น้องกูเป็นห่วงจนจะกลายเป็นบ้าแบบเมื่อคืนอีก มึงโกรธมึงก็ต่อยมันดิ จะฆ่าจะกระทืบมันก็ทำไปแต่อย่าไปไหนโดยไม่บอกมันถ้าไม่อยากเห็นน้องกูตายหรือถ้ามึงยังทำอีกคนที่ตายอาจไม่ใช่ภูมิ”

     

    ชัด ชัดเลย กูชัดๆเลยที่จะตาย แม่งเหมือนมีน้ำเย็นหยดติ๋งๆตั้งแต่ท้ายทอยลงไปถึงส้นเท้า แล้วอยู่ๆไอ้ฟ่างก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ผมก็ตกใจถอยหลังแทบไม่ทัน แล้วมันเสือกขำหึในคอพร้อมยิ้มมุมปาก

     

    “เลิกทำเหมือนกลัวกูได้ล่ะ กูไม่ฆ่ามึงหรอกเพราะหน้าแบ๊วๆอย่างมึงกูมีวิธีทำให้ทรมานแบบเด็ดๆไว้รอ”

     

    “เหี้ย” คราวนี้กูสู้ยิบตาเลยครับ มาจับคางกูทำส้นตีนไร เชี่ยแม่งขนลุก

    “หึหึ”

     

    “อ้าวเชี่ยนี่จะเล่นเลสกันเหรอ มึงนี่เผลอไม่ได้เลยนะข้าวฟ่าง” ไอ้แทนที่แอบซุ่มดูสถานการณ์ก็ออกมาได้จังหวะพอดี ผมส่งกระแสจิตความพยาบาทไปให้มันเต็มที่ มึงเป็นเพื่อนที่ดีมากแทน กลัวเมียจนกล้าทิ้งเพื่อน

     

    “อะไรกูยังไม่ได้ทำอะไรเหอะ แล้วนั่นมึงเอาโทรศัพท์กูไปทำไม”

     

    “เล่นเกมส์”

     

    “เกมส์เหี้ยอะไร ของมึงก็มีทำไมไม่เล่น นี่มึงแอบเช็คโทรศัพท์กูอีกแล้วใช่ไหมแทน”

     

    เอาแล่วววววว เมื่อกี้มันยังจะเล่นงานผมอยู่เลย คราวนี้ไอ้ฟ่างมันเบนเข็มไปกินหัวไอ้แทนแล้วครับ ดี ตีกันให้ตายไปเลย แล้วจะดีกว่านี้มากถ้ามึงออกไปเคลียร์กันข้างนอก กลับบ้านพวกมึงไปเลยไป๊ ชิ่วๆๆๆ กูจะได้ไปเคลียร์กับคนของกูบ้าง ป่านนี้ไม่ใช่ว่าโกรธจนเอาคองัดฝาชักโครกตายห่าไปแล้วนะ ยัง ยัง ยังไม่สำนึกอีกกู :P

     

    “พวกมึงสองตัวกลับไปได้แล้วไป”

     

    “มึงกล้าไล่กูเหรอ”

     

    ไอ้ฟ่างหันขวับมาจ้องหน้าผมเขม็งทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย ไอ้แทนสบตากับผมก่อนจะลอบถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาลากเมียมันออกไป ผมเดาว่าคงไม่ถึงบ้านหรอก เตรียมจองศาลาตั้งแต่ในลิฟต์เลยแล้วกัน

    “พวกกูไม่ได้นอนเพราะต้องตามหามึง ต้องคอยปลอบภูมิให้ใจเย็นๆ แล้วมึงยังกล้าไล่กูเหรอห๊ะ”

    “โอ๋ๆๆๆแม่น้องผัดจ๋าเรากลับกันเถอะจ๊ะ ไหนๆไอ้พีมมันก็กลับมาแล้ว ปล่อยให้มันคุยกับไอ้ภูมิเนอะ เมตตาปราณีเพื่อนผัวจ๋าสักครั้งเถอะนะ เรากลับไปหาลูกเรากันนะดีกว่า ป่ะๆพ่อน้องผัดหิวแล้ว”

     

    “พ่อมึงสิหิว ไอ้แทนมึงจะกอดกูทำไมเนี่ย ควายยยยปล่อย”

    “พีมพวกกูกลับก่อนนะเคลียร์กันดีๆล่ะมึง เดี๋ยวกูโทรหา”

    “เออๆขอบใจมากมึง”

     

    แต่กูว่ามึงอย่าห่วงกูเลยแทน มึงเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เสียงประตูปิดลงแล้วแต่เสียงโวยวายแว่วๆของฟ่างยังลอยมาเข้าหู พวกห้องข้างๆได้ออกมาด่ากูก็คราวนี้แหละ เฮ้อออ พ่อแก้วแม่แก้วเกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ลูกแคล้วคลาดจากคนแบบไอ้ฟ่างด้วยเถอะ คือถ้ารอดตายจากเชี่ยฟ่างได้นี่มึงก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วครับ ฟันแทงไม่เข้าแน่นอน ไอ้แทนนี่คงเข้าขั้นถอดจิตลงคาถาอาคมแล้ว ทนมือทนตีนมาก

     

     

    เอาล่ะตอนนี้ก็ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้วขอเคลื่อนศพกระผมเข้าสู่แดนประหาร หลังจากสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดและถอนออกจนปอดลีบ ผมถึงค่อยๆผลักประตูห้องนอนเข้าไป คือเมื่อกี้ผมกับพวกไอ้ฟ่างส่งเสียงดังขนาดนั้น ผมว่าภูมิต้องได้ยินและรู้ว่าผมกลับมาแล้วต่อมันจะหลับอยู่ก็เถอะ

     แต่ถ้าในกรณีที่มันไม่ได้หลับมันคงไม่อยากเจอหน้าผมถึงไม่ยอมเดินออกไป คิดแล้วแม่งก็แซด และก็จริงดั่งคาด เพราะตอนนี้ภูมิยืนรับลมอยู่ข้างนอก ประตูกระจกตรงระเบียงเปิดรับลมเย็นๆชนิดที่ไม่เกรงกลัวว่าจะเปลืองแอร์ในห้องสักนิด

     

     

    ผมเห็นเพียงแผ่นหลังขาวๆกับรอยสักปีกนกอินทรีของภูมิที่ยืนเท้าศอกกับริมระเบียง กลิ่นบุรี่ที่ไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อยๆลอยมาเข้าจมูก ถ้าจำไม่ผิดกางเกงยีนส์ซีดๆตัวนั้นที่ภูมิใส่ ผมเห็นมันใส่ตั้งแต่เมื่อวาน ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน แสดงว่ามันคงไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือไม่ก็ยังไม่ได้นอน

     

    เสียงปิดประตูเพียงแผ่วเบาเรียกให้ภูมิเอียงหน้ามามองผมแค่แว้บเดียวก่อนจะหันกลับไปตามเดิม มันเคาะขี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ยก่อนจะถอนหายใจหนักๆ คือผมก็ทำได้แค่มอง จะเดินเข้าไปก็ไม่กล้า จะเริ่มคุยก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาถาม ภูมิโหมดนิ่งรับมือยากยิ่งกว่าไอ้ฟ่างแปดคนรวมกันซะอีก แต่ถ้าไม่คุยกันปัญหาก็ไม่จบจริงไหมครับ เพราะการพูดคุยกันคือทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของทุกปัญหาในโลกนี้ไอ้เบียร์เคยบอก

     

     

    “เอ่อ….กินข้าวยัง”

     

    ห่วยไหม สิ้นคิดได้อีก คำถามของผมโคตรปัญญาอ่อนเลยว่ะแต่ทำไงได้ก็คิดอะไรไม่ออกนี่หว่า นี่กล้ามายืนข้างๆมันก็นับว่าผมใจเด็ดมากแล้วนะ ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่จับผมโยนลงไปที่สระว่ายน้ำข้างล่างนั่น  นี่มันอะไรกันวะกูเป็นคนไม่พอใจแต่ทำไมไปๆมาต้องกลายเป็นคนง้อทุกทีเลย

     

     

    แต่ภูมิก็เอาแต่เงียบมันไม่ตอบไม่พูดอะไรสักคำไม่แม้แต่จะเหลือบหางตามามองผมด้วยซ้ำ ห้องทั้งห้องเลยตกอยู่ในความเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาและเสียงเครื่องปรับอากาศที่มันโฆษณาว่าเงียบมาก และเสียงลมที่พัดโกรกเข้ามา

     

    “เมื่อวานอยู่ทำงานส่งที่คณะน่ะ เสร็จก็ไปกินเหล้ากับพวกไอ้โจแต่ไม่ได้เมาหรอก นั่งคุยกันมากกว่าแล้วก็ไปค้างห้องไอ้หนึ่งแฟนมันก็อยู่”

     

    ผมบอกในสิ่งที่คิดว่าภูมิอยากรู้และสมควรได้รู้ กูแอบบิดเบือนความจริงนิดหน่อย ขืนบอกว่าเมาปลิ้นเยี่ยงหมา มึงเตรียมหอบผ้าเก็บกระเป๋าออกจากคอนโดแห่งนี้ได้เลยครับ ผมเป็นแฟนที่ดีต้องซื่อสัตย์แต่กูแค่รู้จักเอาตัวรอด

     

    ……………………” ก็ยังไร้วี่แววใดๆตอบกลับมา

     

    “โกรธมากเหรอ” แอบขยับเข้าไปใกล้นิดนึง ใจนี่เต้นตุบตับๆเหมือนกำลังจีบสาววัยมัธยมต้น

     

    ……………….…”ไม่มีเสียงตอบมีเพียงแค่เสียงถอนหายใจ มันขยี้มวนบุหรี่ทิ้งก่อนจะหันหน้ามาหาผม เอาแล่วววววววววววววว นาทีชีวิตกูมาแล้ว

     

    “ทำไมไม่รักษาสัญญา”

     

    ……………….” คราวนี้เป็นผมบ้างที่เป็นฝ่ายเงียบ

     

    “ทำไมถึงทำให้เป็นห่วง….

     

    …………..….

     

    ………….…..

     

    “ตอบดิพีม”

     

    “ก็กู กูโกรธที่มึงยังไปไหนมาไหนกับกลุ่มนั้น กูไม่รู้ดิ แต่ไม่ชอบกลัวมันพามึงไปทำอะไรไม่ดี”

     

    “เหอะ อะไรที่ไม่ดีที่มึงว่ามันคืออะไรเหรอพีม เรื่องที่เลวกว่านั้นกูก็ผ่านมาแล้ว ช่วงเวลาที่เราคบกันมึงไม่รู้เหรอว่ากูไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาจูงจมูกง่ายๆ กูก็มีความคิดมีสมอง ทุกอย่างที่กูทำกูตัดสินใจเองได้ไม่ต้องให้ใครมาสั่ง แต่ถ้าจะมีสักเรื่อง ถ้าจะมีสักคนที่สั่งกูได้ คนที่กูยอมและพร้อมจะทำตามทุกอย่าง มึงก็น่าจะรู้ว่าใคร………

     

     

    ผมก็ยังทำได้แค่ก้มหน้าลอบกลืนน้ำลายอึกๆเพราะหายใจไม่ทั่วท้อง เรื่องจะให้เงยหน้าไปสบตา   สีดำคมกล้านั่นเลิกฝันไปได้เลย ยิ่งภูมิพูดเหมือนตัดพ้อน้อยใจแบบนี้ด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกผิดแต่แบบก็แอบสอดไส้ด้วยความเขินนิดนึง ผมขอเป็นลมใส่กระถางต้นไม้ข้างหลังซะดีไหมเนี่ย มันหมายถึงผมใช่ป่ะไม่ได้กำลังพูดถึงคุณแม่อยู่นะ

     

    “กูขอโทษว่ะ แต่ แต่มึงก็มีส่วนผิด มึงบอกจะไม่ไปแข่งรถถ้ากูไม่ไปด้วย”

     

    “นี่จะทะเลาะให้ได้ใช่ไหม”

     

    “แล้วนี่ไม่ใช่ว่าทะเลาะอยู่รึไงวะ”

     

    “บ่นอะไร พูดดังๆ”

     

    “เปล่า แค่อธิบายไง”

     

    คือแบบต่อให้ผิดกูก็ขอเถียงสักนิดให้พอเป็นกระษัยเถอะวะ ที่กล้าต่อปากต่อคำทั้งที่บรรยากาศยังอึมครึมก็เพราะผมจับอารมณ์ภูมิได้ว่ามันอ่อนลง ไม่งั้นมันไม่ยืนคุยกับผมเป็นชีเปลือยโชว์ผิวขาวๆในสภาพมีเดฟเอวต่ำตัวเดียวแบบนี้หรอก ถ้าภูมิยังไม่หายโกรธนะต่อให้เอาสว่านมาเจาะปากมันก็ไม่พูดจนกว่ามันจะจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้และพร้อมจะใช้เหตุผลนั่นแหละมันถึงจะยอมคุย ซึ่งตอนนี้มันก็พูดกับผมแล้ว^^

     

    “ที่ไม่ชวนเพราะมึงไม่ชอบบรรยากาศที่นั่นไม่ใช่เหรอ โอเค กูขอโทษในส่วนที่กูเองก็ผิด จะให้กูเลิกคบกับพวกแข่งรถน่ะได้ แต่กับไอ้ต้าน่ะกูรับปากไม่ได้เพราะมันอยู่คณะเดียวกัน บางทีต้องโคงานกันถ้าเป็นกิจกรรมของวิศวะ”

     

    “อืม กูรู้กูเข้าใจ ก็ไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น”

     

    “หรอ เข้าใจด้วยเหรอ ถ้าเข้าใจแล้วหนีกูไปทำไม”

     

    “มึงอย่าเว่อร์น่าภูมิกูไม่ได้หนี”

     

    พูดซะเหมือนฟ้าจรดทรายกูก็อยู่ในกรุงเทพไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย อะโด่ พอเขาอ่อนให้เราก็ต้องรีบพลิกเกมส์ครับ กูจะรุกบ้างล่ะมึง

     

    “ก็เพราะว่าเป็นมึงไงเตี้ยแค่นี้มันไม่เว่อร์หรอก รู้บ้างไหมว่าห่วงแค่ไหน กูแทบเป็นบ้า คิดมากจนนอนไม่หลับ โทรหาใครก็ไม่มีใครเจอมึงสักคน จะออกไปตามหาก็ไม่ได้กลัวมึงกลับมาแล้วไม่เจอกัน”

     

    “เออๆก็บอกแล้วไงว่าขอโทษจะไม่ทำอีก”

     

    มาถึงตอนนี้ผมก็กล้าสบตามองหน้าไอ้หล่อแล้วครับ เห็นน้าหล่อๆใสๆของมันดูเพลียๆก็ยิ่งรู้สึกผิด ผมรู้สึกว่าปัญหาของเราครั้งนี้ภูมิจะใจเย็นขึ้นเยอะ จริงๆมันก็ไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับผมหรอก โกรธแค่ไหนก็ไม่เคยทำให้เจ็บแม้แต่ปลายเล็บ แต่ของในห้องนี่เรียบ!!!! พังเรียบ ฮ่าๆๆๆๆ

     

    “อย่าสัญญาแค่ปาก ต้องทำให้ได้ด้วย” หูยยยยย ทำไมต้องทำเสียงเหมือนข่มขู่กูด้วยวะ นี่แฟนนะโว้ย ไม่ต้องมากอดอกหรี่ตามองเลยนะมึง

     

    “เออ รู้แล้วหน่า” แล้วจะจ้องหน้ากูทำห่านไรเนี่ย “สรุปมึงหายโกรธกูแล้วช้ะ”

     

    “เคยโกรธลงเหรอ”

    โหยยยยยยยยยยยยอย่าให้ต้องพล่าม วีรกรรมความขี้งอนขี้น้อยใจของมึงจดลงสมุดข่อยได้หลายร้อยเล่ม แต่ผมต้องยั้งปากไว้ครับ หมาอยากออกแค่ไหนก็ต้องเงียบไว้เพราะอยู่ในระหว่างการปรับความเข้าใจ ยอมได้ก็ยอมๆไปก่อน ไว้ค่อยหาโอกาสเหมาะๆเล่นงานไอ้หล่อทีหลัง

     

    “ดีมาก งั้นเราก็ดีกันแล้วใช่ป่ะ”

    “อืม”

     

    “งั้นกูไปอาบน้ำนะ” ต้องชิ่งครับต้องออกไปก่อนที่อะไรๆจะเข้าตัว

     

    “อืม อาบเสร็จคงรู้นะว่าต้องทำอะไร”

     

    เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูไม่รู้ กูไม่อยากรู้

     

    “กูว่าวันนี้หนาวว่ะ ไม่อาบล่ะ” เหลืบมองไอโฟน 37 องศา หนาวเหลือเกิ๊นนนนน

     

    “ก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

    “เชี่ยภูมินี่ในหัวมึงคิดแต่เรื่องพวกนี้เหรอวะ เราเพิ่งจะทะเลาะกันเพิ่งจะหายโกรธ เพิ่งจะดีกันแต่มึงดันจะชวนกูทำแต่เรื่องอย่างนั้น แม่งกูไม่ใช่ตุ๊กตายางระบายอารมณ์นะเว้ยให้กูได้พักผ่อนบ้างเถอะ”

     

    “เตี้ยมึงเป็นอะไรกูแค่จะพาออกไปกินข้าวข้างนอก”

    เพล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

     

    แตกแบบละเอียดยิบๆชนิดที่เอาไปหลอมทำแก้วได้เลยครับเศษหนังหน้าพีระณัฐ

     

    “เอ่อ……………..” จุดอร่อยดี “เอ่อ ไป ไปกินข้าวเหรอ”

     

    “อืม กูไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานตั้งแต่มึงตัดสายกูทิ้ง”

     

    ภูมิบอกพร้อมกับเผยรอยยิ้มมุมปากนิดๆพอให้เห็นเขี้ยวหน่อยๆ ไม่ชอบเวลามันยิ้มแบบนี้เลยให้ตาย เหมือนแม่งกำลังเยาะเย้ยแล้วพูดว่า กิ้วๆๆๆใส่หน้าผมโดยไร้เสียงอ่ะ คิดว่าหน้าตาดีแล้วจะมีสิทธิ์ล้อเลียนกูได้งั้นเหรอ….ได้ว่ะ ผมอายยยยย

     

    “ระ เหรอ แฮะๆ หิวแย่เลยเนอะ งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำแปบนึงนะ คือร้อนน่ะแบบว่าใส่เสื้อหลายตัวเหงื่อก็เย้อเยอะ”

     

    ผมยิ้มแหะๆเกาหัวเกาหางแก้อาย แม่งเอ๊ยยยยยยยยยยยย ได้โปรดเก็บซากหน้าผมขึ้นมาที นี่ถ้าร้องไห้ได้กูทำไปล่ะ คือแบบเขาจะชวนไปกินข้าวไงแต่เราแบบว่าเสือกจินตนาการว่าจะอะบะซะระฮึบกันไง เราก็เลยอายไงเขาก็ยิ่งหัวเราะเราไง

     

    “ฮะฮะ เป็นอะไรเตี้ยทำไมทำหน้าแบบนั้น”

    “บีบน้ำตา”

    “ทำไมต้องบีบน้ำตา”

    “กูอยากร้องไห้”

     

    “จะร้องทำไม”

     

    “ก็กูอาย มึงแม่งเลิกถามซอกแซกได้แล้วภูมิ” น้ำตาไม่ออกมีแต่น้ำเหลืองจะหยด

     

    “หึหึ มาให้กอดหน่อย”

     

    “หือออ”

     

    ผมยืนกระสับกระส่ายได้สักพักภูมิก็พูดในสิ่งที่ทำให้สมองผมกังขา เหมือนจะได้ยินว่ามันขอกอด ผมเลยเงยหน้ามองไอ้หมาภูมิที่ส่งยิ้มจางๆมาให้ รอยยิ้มที่ปลดความรู้สึกอึดอัดในใจมาสองวัน รอยยิ้มของมันที่ทำให้ผมรู้ว่าความสบายใจแม่งคือความสุขสุดๆแล้ว ความสบายใจที่เราเข้าใจกัน ไม่ต้องโกรธไม่ต้องทะเลาะกัน มึงจะรู้ไหมว่าแค่มึงยิ้มให้กูแบบนี้กูก็ยอมมึงทุกอย่างเหมือนกันภูมิ

    “มึงไม่โกรธกูแล้วใช่ไหมภูมิ”

     

    “บอกแล้วไงว่าโกรธไม่ลง มาใกล้ๆดิ”

     

    “ทำไมมึงจะเตะกูเหรอ”

    “ตลกแล้วเตี้ยกูไม่ได้ซาดิสต์ก็แค่……ขอกอดหน่อยได้ไหม”

     

    อยู่ๆมันก็เปลี่ยนจากหัวเราะมาเป็นยิ้มจางๆอีกครั้ง ผมก็เหมือนถูกสะกดจิตเลยครับ ผมสบตากับภูมิแค่ชั่วอึดใจและก้าวเข้าไปหาภูมิแค่ก้าวเดียว จากนั้นแขนยาวๆของมันก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้ซะแน่น เหมือนเวลามันกอดไอ้พวกลูกสมุนเท็ดดี้แบร์ของมันเลย ผมเลยต้องยกแขนขึ้นกอดภูมิบ้าง

    “อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ จะโกรธแค่ไหนก็ต้องกลับบ้าน เข้าใจไหมเตี้ย” เสียงเว้าวอนแผ่วๆดังอยู่ข้างหู ผมเลยเปลี่ยนจากกอดเป็นลูบหลังภูมิเบาๆ ให้มันได้คลายกังวนและช่วยปลอบใจมันว่าผมจะไม่หายไปไหนอีก แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็เป็นบทเรียนแล้วภูมิ

    “อื้มมม เข้าใจแล้ว กูขอโทษนะ”

    “อืม ขอโทษเหมือนกัน”

    ถึงหัวผมจะซกมกโสมมแต่ภูมิก็ยังอุตส่าห์จุ๊บแบบไม่รังเกียจ ผมเลยตอบแทนมันด้วยการจุ๊บนมมันไปที ฮ่าๆๆๆ จั๊กจี๋ละสิมึง

    “แหวะ นมเค็ม” ผมดันตัวออกมาและยิ้มมุมปากยักคิ้วใส่ภูมิบ้างแต่มันกลับผลักผมติดบานกระจกของประตูระเบียง ก่อนจะมองด้วยสายตาแปลกๆและยิ้มโคตรยั่วปลายรองเท้า

    “ไม่เหมือนของมึงเนอะนมหวาน”

    “สาดดดดดดดดดดดดดดดด ปล่อยกู”

    กูว่าแล้วไงแม่งก็จบแบบนี้ทุกครั้งอ่ะ

     

     

     

     

    …………………………

     

     

    ตั้งแต่วันที่เคลียร์ปัญหาครอบครัวกับภูมิสำเร็จเสร็จสิ้นผมก็ถูกบรรดาไอ้พวกมนุษย์เถื่อนมาเยือนและทำร้ายถึงห้อง โทษฐานที่สร้างความเดือนร้อนให้พวกมันไม่ได้หลับไม่ได้นอน แม้แต่ไอ้เชนที่สอบอยู่ในแล็บยังต้องแบกสังขารแย่ๆออกมาช่วยภูมิ ไอ้เบียร์ที่พาเด็กญี่ปุ่นแถวนี้ไปกินข้งกินข้าวก็หอบน้องมาส่งบ้านแทบไม่ทันเพื่อจะกลับไปช่วยเพื่อนรักมันสงบสติอารมณ์ ก็กูไม่รู้กูไม่ผิดนะเว้ย

     

     

    แต่ก็ถือว่าจบลงด้วยดีครับพวกเราแฮปปี้กันเหมือนเดิม ยิ่งวันนี้ยิ่งแฮปปี้เพราะเป็นวันดีวันที่มีสอบย่อยโดยที่อาจารย์ไม่ได้บอกล่วงหน้า หึ เคยเป็นเคยเจอกันใช่ไหมครับเหตุการณ์แบบนี้ เหมือนเพิ่งเริ่มเรียนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอมาวันนี้บอกว่าจะสอบ สงสัยอาจารย์จะชอบสร้างความตื่นเต้นให้นิสิต เพราะฉะนั้นคนขยันๆอย่างผมกับไอ้คิวก็ได้แต่วาดรูปง่อยๆลงไปในกระดาษคำตอบ

     

    ถามว่าจะผ่านไหมอาจจะผ่านผ่านมาแค่ให้จำว่าครั้งหนึ่งก็เคยวาดรูปลงไปในกระดาษคำตอบวิชาปรัชญาศิลปะยุคคลาสสิค คือมันเป็นแอบสแตกไง อาจารย์ต้องรู้ต้องตีความได้ดิว่าการที่ผมไม่ได้เขียนคำตอบแต่วาดรูปเนี่ยมันคือการหยั่งรู้ ใช่ไหม เห็นด้วยไหม อืม มันเรียกว่าญาณมันคือสิ่งที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าอาจารย์คงจะมีเมตตาธรรมค้ำจุนโลก แต่เปล่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กร้ากกกก

     

     

    ก็เอาเป็นว่าช่างมันเถอะครับไหนๆผมก็ชิวมาตั้งแต่เริ่มเข้ามหาลัย ไม่สิชิวตั้งแต่รู้จักคำว่าเข้าโรงเรียนแล้วมั้ง ก็ถ้าจะชิวต่ออีกสักปีก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร คณะผมไม่รีบครับที่เรียนด้วยกันก็มีรุ่นพี่ยันรุ่นที่เรียกลุงได้ ผมไม่ใช่สายวิชาการเกียรติยศอย่างพวกไอ้เบียร์ ไอ้เชน ไอ้ปันอยู่แล้ว เหรียญทองคืออะไร เกียรตินิยมคืออะไร ทั้งชีวิตกูคาบแต่เส้น ถูไถแดดิ้นตายจนหลังหูช้ำเพื่อผ่าน เยาวชนของชาติอย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ

     

    อย่ามาสงสัยว่าให้กูเรียนทำไมตั้งสิบยี่สิบปี อย่าคิดมากว่าแม่งเรียนหนักแค่ไหนก็ยังโง่เหมือนเดิม เรียนเยอะกว่าชาวบ้านแต่แก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ วิชาที่อยากเรียนก็ไม่ค่อยมี วิชาอัปรีย์ก็ขยันจัดลงหลักสูตรกันจัง ช่วยมาถามคนเรียนบ้างสิเฮ้ย ควรให้พวกกูได้มีสิทธิ์เลือกบ้างอะไรบ้าง เดี๋ยวนะ คือมาโผล่เรื่องการศึกษาได้ยังไง ผมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาเหรอ ตายห่า กลับไปเรื่องเดิมดีกว่านะครับ

     

     

     

    ณ ขณะจิตนี้กระผมและลูกสมุนนั่งอยู่ซุ้มโจรหลังคณะนี่แหละครับ นั่งละเลียดข้าวเหนียวหมูปิ้งที่เชี่ยโป้งหอบมาจากรั้วข้างม. ไม่รู้มันซื้อประชดชีวิตสอบวันนี้รึเปล่า(ตอนแรกไอ้โป้งแม่งจะโดดครับวันนี้แต่พอไอ้คิวโทรไปตามว่าอาจารย์จะสอบ มันก็บินดิ่งถลาเล่นลมมาจากหอพักในสภาพที่พวกผมเห็นเมื่อวานแบบเป๊ะๆซึ่งอนุมานและคิดความน่าจะเป็นได้ว่า เมื่อคืนมันไม่ได้อาบน้ำและเมื่อเช้าก็คงไม่ได้อาบเช่นกันแต่เราเข้าใจเพราะเราก็เป็น คึ)

     

     

    แล้วข้าวเหนียวนี่กูนึกว่าเหมาทุ่งกุลามา ทุ่งกุลาปลูกข้าวอะไรวะ เออนั่นแหละ ส่วนหมูปิ้งนี่น่าจะฆ่าหมูทั้งฟาร์ม คือขนาดว่าผู้ชายเป็นสิบแล้วกระเพาะครากเยี่ยงควายกินช้างได้เป็นตัวๆอย่างพวกผมกินไม่หมด ลองคิดดูแล้วกันครับว่ามันจะอลังการขนาดไหน กินไปก็เห่าหอนสาวๆคณะอื่นที่เขาเดินผ่าน แบบนานๆทีจะมีมาสักคนสองคน คือไม่มีใครกล้าผ่านทางนี้เท่าไรเขากลัวครับ อีกอย่างคือแซวไปก็เท่านั้นใครเขาจะมาสนใจโจรอย่างเรา

    นอกจากหน้าจะเหียกเหมือนโจรฆ่าข่มขืน สันดานยังต่ำอีกต่างหาก หนักๆเข้าเราก็แซวแม้กระทั่งหมาแมว เชี่ยคิวนี่ตัวดีแมลงสาบมันยังจะเอาทำเมียได้ ก็นะคบกับไอ้เต้ยได้มึงก็ไม่ต้องกลัวสิ่งมีชีวิตไหนแล้ว สาวๆก็ไม่รู้จะกลัวอะไรทีหนุ่มวิศวะหนุ่มแพทย์ล่ะชอบกันนัก

     

     

    ที่มันน่าจะเจ็บใจกว่านั้นก็คือทำไมต้องกรี๊ดแต่ไอ้พวกถาปัดด้วยวะกูไม่เข้าใจ มันเซอร์ กูก็เซอร์ มันติสท์แล้วพวกกูไม่ติสท์ตรงไหน เห็นไหมครับว่าพวกคุณน่ะสองมาตรฐาน เห็นหนุ่มถาปัดล่ะตาใสวิ่งใส่ แต่พอเห็นหนุ่มศิลกรรมเป็นไง เบะปากจนฟันช้ำ ถึงแม้ว่าพวกผมจะใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ ไว้ผมยาวๆปั่นจักรยานเก่าๆแต่พวกเราก็มีหัวใจ นะฮ้าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

     

     

    “เฮ้ยยยย น้องจะไปไหนคร้าบบบ”

     

    อยู่ๆไอ้โจก็เอาไม้เสียบหมูปิ้งชี้ไปยังทิศทางที่มีกลุ่มผู้ชายห้าหกคนซึ่งแบกรูปปั้นทรงประหลาดผ่านหน้าพวกผมไป อ้าวเวรแม้แต่ผู้ชายด้วยกันมึงก็ยังจะแซว เหอๆ แต่ว่านั่นมันกลุ่มไอ้เต้ยนี่หว่า หึหึ ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยผ่านแต่ไหนๆโอกาสมันกระแดะอยากกระโดดมาหาผมก็จะจัดสักหน่อย ผมใช้เท้าสะกิดไอ้หนึ่งแล้วขยิบตาไปทางไอ้คิวที่นั่งเป็นท่านเจ้าขุน(ทอง)ดีดกีตาร์อยู่บนโต๊ะ

     

    “ไอ้เต้ยมึงจะไม่ทักทายพี่รหัสมึงหน่อยเหรอวะ” รับส่งได้ดีทีเดียวหนึ่ง และพอได้ยินชื่อไอ้เต้ย ไอ้คิวมันก็หยุดเล่นกีตาร์แล้วหันไปมองครับ

     

    “พวกเฮียมีไร เต้ยมีการศึกษาเต้ยรีบ เต้ยจะไปศึกษา” มันหยีตาสู้แสงและหันมาตอบพวกผมแบบหน้าบึ้งๆ ปากจะยื่นออกไปชนปลายจมูกแล้วมึงเชี่ยเต้ย สงสัยมันจะร้อนเลยอารมณ์ไม่ค่อยดี

     

    “มันใช้คำผิดป่ะวะเหมือนมันด่าพวกเราว่าไร้การศึกษาเลยว่ะมึง” กูก็คิดเหมือนมึงแหละโป้ง ตอบว่ามีเรียนก็ได้ครับไอ้เต้ยครับ ก็ถ้ามึงบอกว่ามีการศึกษาแล้วพวกกูที่นั่งว่างนี่คือเห้อะไรครับ

     

    “ขยันได้อีกว่ะน้องกู” ผมก็เอามั่ง “มึงมานี่ดิ มาให้หมดทั้งกลุ่มนั่นแหละ”

     

    “โหยยยยพี่พีมพวกผมมีงานนะพี่ อาจารย์เข้าแล้วมั้งปล่อยผมไปเหอะนะ”

     

    “มึงกล้าโวยวายกับกูเหรอไอ้ม่อน บอกให้มาก็มาดิวะหรืออยากซ่อมเต้นไก่ย่างวิจิตรหน้าคณะ”

    แกล้งเด็กนี่มันสนุกแบบนี้นี่เอง จะว่าไปก็คิดถึงไอ้ดินน้องรหัสเหมือนกันนะครับ ไม่รู้มันไปผุดไปเกิดที่ไหนถึงไม่ค่อยโผล่หัวมาให้ผมเห็น กูก็คงมีค่าและจำเป็นแค่ตอนมึงอยากให้ไปช่วยปั่นงานสินะดิน อย่าให้เจอๆ

     

    แล้วดูพวกมันแต่ละคนทำหน้าดิ เหมือนอยากล้อชื่อพ่อกูมาก กรั่กๆๆๆ ไอ้คิวมันผลักหัวผมเหมือนให้เลิกแกล้งแฟนมันและผองเพื่อน ผมยักไหล่ก่อนจะโบกมือไล่ไอ้พวกเด็กนั่นให้ไปเรียนได้ เหลือแค่ไอ้เต้ยที่ยืนหล่อโชว์ความตี๋ของมันอยู่ที่เดิม ปากรั้นๆของมันก็ยื่นจนใกล้หน้าผากแล้วมั้งก็ถ้าร้อนทำไมไม่เดินเข้ามาหาพวกกูวะ ที่นั่งๆกันอยู่ก็แฟนมึงพี่มึงทั้งนั้นนะเฮ้ยพวกกูน่ากลัวตรงไหน

     

    “เรียนไร” ไอ้คิวตะโกนถาม  เออนะมันไม่เดินมามึงก็ไม่เสียสละเดินไปสักนิดหรอคิว

    “สคลับเจอร์ เต้ยไปนะ ร้อน”

    “เดี๋ยวดิเฮ้ย มึงจะรีบไปทำส้นตีนไรนักหนาจะตามควายรึไง เรียนเสร็จกี่โมง”

    “ไม่รู้อ่ะเย็นๆเดี๋ยวโทรบอก พี่คิวจะไม่รอก็ได้แต่ต้องมารับเต้ยด้วยนะ พวกเฮี้ยยยยยๆเต้ยไปล่ะ” เรียกพวกกูทีไรทำไมไอ้เต้ยชอบผันเสียงวรรณยุกต์สูง

     

    “กูได้ยินว่าเหี้ยนะเมื่อกี้” มึงก็ได้ยินเหมือนกูหรอหนึ่ง กูว่าไอ้เต้ยต้องฝึกออกเสียงใหม่แล้วว่ะ

     

    “กูรู้สึกว่าไอ้เต้ยมันดูดีขึ้นป่ะวะ เมื่อก่อนมันก็หล่อนะแต่ตอนนี้แม่งดูมีออร่า นี่ถ้ากูเป็นหมาเป็นแมวมอง กูจะพามันเข้าวงการ นี่พูดเลย โจขอพูดเองเลย” อยู่ๆไอ้โจก็ชื่นชมไอ้เต้ยอย่างไม่ได้ส่งซิกส์ ผมกับไอ้หนึ่งนี่ก็ไม่รู้จะรับมุขไปทางไหน มึงมาไงมึงก็ไปเองนะโจ

     

    “แล้วทำไมกูมองไม่เห็นวะ สงสัยจะมีแค่หมามองใช่ไหมถึงจะเห็น”

     

    “ห่ากูอุตส่าห์ชมน้องมึง ด่าโจทำไมโจทำอะไรผิด”

     

    ไอ้คิวมันไม่ขี้หึงก็จริงแต่มีหนึ่งสิ่งที่ผมพอจะสังเกตได้คือมันไม่ค่อยชอบให้ใครวิจารณ์แฟนมันเท่าไรไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม ถ้ามันด่ามันว่าเองนี่ไม่เป็นไรแต่พอคนอื่นมาว่าไอ้เต้ย ไอ้คิวมันดูไม่ค่อยพอใจ คือผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจพวกมันด้วยเอาจริงๆแล้ว ผมเข้าไม่ถึงลัทธิมันอ่ะ ถ้าจะศึกษาไอ้คิวกับไอ้เต้ยนี่อาจจะต้องเรียกทีมจิตแพทย์ทั้งกรมสุขภาพจิตก็ได้นะครับ ฮ่าๆๆ

     

    พวกเราก็นั่งๆนอนๆหายใจทิ้งกันไปทั้งหลับบ้าง ลุกไปเตะบอลบ้าง หลีสาวบ้าง กรี๊ดแกล้งพวกอีกรีนที่มันมาซ้อมเดินแบบให้ลูกๆมันบ้าง จนได้เวลาแยกย้ายแต่ผมกับไอ้คิวต้องนั่งรอไอ้เต้ยต่อไป แล้วทำไมผมต้องรอก็เพราะผมไม่มีรถกลับไงครับ เลยจะทำตัวเป็นกาฝากชั้นสูงติดรถไอ้คิว

     

     

    วันนี้หมาภูมิไปไซด์งานกับเพื่อนๆที่สระบุรีนู่น เมื่อวานก็ไป วันนี้ก็ไป กลับมานี่หน้าดำหน้าแดงแถมยังเป็นหวัดด้วย ผมอุตส่าห์แอบหย่อนยาแก้หวัด ยาลดไข้ ลงในเป้ให้มันแต่ไม่รู้แม่งจะกินไหม เวลาภูมิมันไม่สบายถ้าเราบอกให้กินยานี่เหมือนบอกมันไปตายเลยนะครับ ไม่แน่ว่าถ้าบอกไปตายอาจจะง่ายกว่า คือมันไม่ใช่คนกินยายากแต่มันไม่อยากกิน ถ้าไม่ถึงขั้นแอดมิดนอนให้น้ำเกลือ

     

    ไอ้หล่อมันเชื่อว่าร่างกายคนเราสามารถเยียวยาตัวเองได้ครับคุณครับ คือกูก็ไม่รู้หรอกนะ ไม่ได้เรียนแพทย์เรียนหมอ แต่ที่อยากให้กินเพราะอยากให้หายไวๆไม่อยากให้ป่วย เพราะถ้ามันป่วยขึ้นมาภาระก็จะตกที่ผมที่ต้องคอยดูแล คือกูหวังดีคือเป็นห่วงไงแต่จับกรอกปากทีไรก็เกือบจะวางมวยกัน ก็ได้แต่หวังว่ามันกลับมาวันนี้สุขภาพมันจะยังปกติดี

     

     

    “พี่คิวพี่คิวชอบมากเลยหรอหวยอ่ะ”

     

    ระหว่างที่รถติดไฟแดง ไอ้เต้ยก็ปล่อยหลอดนมปั่นที่มันคาบไว้ร่วมครึ่งชั่วโมงตั้งแต่อยู่ในร้านพี่โอ้ออกจากปาก มันหันไปถามคำถามแปลกๆกับพี่คิวของมัน คือตั้งแต่ขึ้นรถมาหัวข้อที่ไอ้เด็กตี๋นี่มันสรรหามาคุยผมว่าก็แปลกๆทั้งนั้นนะครับ เหมือนมันไม่ใช่เรื่องที่ผมๆคุณๆจะนึกถึง มันเป็นเรื่องที่แบบกูจะอธิบายยังไงดีวะ คือเป็นเรื่องที่เราไม่หยิบยกมาคุยกันแน่ๆอ่ะ

     

     

    แต่ไอ้คิวก็อุตส่าห์คุยและพยายามตอบทุกคำถามถึงแม้จะบ่นจะด่าผสมปนเปกันไปบ้างแต่มันก็พยายามให้เกิดบทสนทนาโต้ตอบกับไอ้เต้ย น้อยมากที่มันจะเงียบจะไม่ตอบ ส่วนผมก็ได้แต่ทำเป็นเล่นโทรศัพท์แต่หูที่กระดิกรอฟังพวกมันคุยกัน ฮ่าๆ ไม่ค่อยเลยนะผมเนี่ย

     

     

    “กูเคยบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบ”

     

    “โกหก ชอบหวยมากว่าเต้ยเหรอ”

     

    “ไอ้เต้ย อย่างี่เง่ามันคนละประเด็นโว้ย มึงจะหาเรื่องกูทำเชี่ยไรวะเนี่ย”

     

    “พี่คิวชอบหวยมากกว่าเต้ย”

     

    “กู-ไม่-ได้-ชอบ หวยก็เหมือนมึงนั่นแหละ”

     

    “เหมือนยังไงเหมือนตรงไหน”

     

     

    “กูไม่ได้ชอบแต่กูก็ขาดไม่ได้ เข้าใจไหมแม่ง”

     

    เชร้ดดดดดดดดดดดดดด อาจจะดิบๆไปนิดเถื่อนๆไปหน่อย แต่สำหรับไอ้คิวผมว่านี่หวานสุดแล้วนะคนอย่างมันพูดอะไรแบบนี้ก็เป็นแม้คนฟังจะต้องตีความเอาเองก็เถอะ แต่ไม่น่าเลยไม่น่าเป็นไอ้เต้ยที่มีปัญหาในการสื่อสารเลย กูหวังว่ามึงจะเข้าใจเพื่อนกูนะเต้ย

     

    “เต้ยก็รักพี่คิวเท่านมปั่นเหมือนกัน” ไอ้เต้ยยิ้มหน้าบานแข่งหลังคารถแล้ว เออเว้ยมันก็เข้าใจนี่หว่า

     

    “หึหึ”

     

    “ขำไรไอ้หนอนปล้อง อยากลงไปเดินไหมสัด” อ้าวๆๆๆ เขินแล้วพาลนี่หว่าแสรดดดดด

     

    “กูมีปากูอยากขำมึงเสือกไรด้วย มีหน้าที่ขับรถก็ขับไปหรืออยาจะจีบกันก็ทำกูไม่ถือ”

     

    “เฮียพีมพูดจาไม่น่ารักเลยพี่คิวไม่ใช่คนขับรถนะพี่คิวเป็นแฟนเต้ย” นี่ก็แสดงจุดยืนล่ะเกิ้นนนน

     

    “เอ้อออออ กูรู้แล้วครับน้องเต้ยครับ แล้วเมื่อไรมึงจะให้มันเลื่อนขั้นจากแฟนขึ้นมาเป็นผัวสักทีวะ น้ำยาบูดหมดแล้วมั้งกูว่า ฮ่าๆๆๆๆ” หูยยยยย พูดเองยังรู้สึกกลัวตัวเองเลยเว้ยเฮ้ย ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะครับ นี่การแสดง ปกติผมใสๆ ขยิบตาใส่อีกสักที

     

    “เชี่ยแคระเดี๋ยวปั๊ดกูยันลงไปกราบเกาะกลางถนน สาระแนอยากรู้เหลือเกินนะมึง ไว้รอกูจับมึงทำเมียก่อนดีไหม”

     

    “เอะอะจะเอากูตลอดล่ะมึง กล้าหรอแฟนกูดุนะ”

     

    ไอ้คิวเบะปากทำท่าขนลุกขนชัน ฮ่าๆๆ มันมักจะหมั่นไส้เวลาที่ผมพูดอะไรที่บ่งบอกถึงสถานะระหว่างผมกับภูมิ ก็พวกกูเป็นแฟนกันไม่ให้เรียกมันว่าแฟนแล้วจะเรียกอะไร เชี่ยคิวนี่ก็แปลก ให้กูเรียก ท่านภูมิผู้ทรงศีลหรอไอ้ห่า

     

    “ถุย แฟนกูๆ” มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนผมด้วยครับ กูอยากจะเอาไส้ดินสอทิ่มคอหอยมัน จริงๆแต่ก่อนที่สงครามระหว่างมิตรภาพจะเริ่มขึ้นภูมิก็โทรมาพอดี

     

    “ฮัลโหลครับที่รักว่าไง”

     

    อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    เสียงไอ้เต้ยกับไอ้คิวโก่งคอหันหน้าไปคนละทาง ฮ่าๆๆๆๆ สมๆๆๆ ยิ่งพวกมึงไม่ชอบกูก็จะยิ่งทำ

    (ฮ..พีม?)

     

    “ครับว่าไงครับภูมิ”

     

    (………………) อ้าวไอ้นี่ดันเงียบเว้ยเฮ้ยไม่ใช่ว่าช็อคจนหัวใจวายตายแล้วนะ

     

    “ทำไมภูมิเงียบละครับ พูดสิครับ”

     

    (นึกว่าโทรผิด เป็นอะไร ไม่สบายหรอเตี้ย เมื่อเช้าก็ยังดีๆอยู่นี่) ฮ่า ไอ้หล่อถึงกับงงนะครับนะ

     

    “พีมสบายดี ภูมิมีไยอ่อ” โอยยยยยยยยยยยยกูคันคอ จะแกล้งคนอื่นแต่ตัวเองขนลุกเองครับ

     

    “ไอ้พีมไอ้เหี้ยยยย ถ้ามึงยังไม่เลิกพูดเหมือนนกการเวกพิการกล่องเสียง กูถีบลงจากรถจริงๆนะสัด ขนตูดกูลุกมาทำวันทยาหัตถ์แข่งกันแล้วแม่ง”

     

    “กร้ากกกกกกกกก ฮ่าๆๆ ฮัลโหลๆๆภูมิ ไอ้คิวจะถีบกูลงรถ”

     

    (หึหึ ก็อย่าไปแกล้งมันสิ แล้วนี่อยู่กับไอ้คิวเหรอ กำลังจะโทรบอกให้ไอ้เบียร์ไปรับ)

     

    “ไม่เป็นไรๆกูกลับกับไอ้คิวแล้ว เออ ภูมิๆ ไอ้คิวมันจีบไอ้เต้ยบนรถด้วยเว้ย” พอผมพูดแบบนั้นไอ้คิวที่กำลังผลักไอ้เต้ยออกจากการหวีผมให้มันก็หันมาโวยวายใหญ่เลยครับ

     

    (เหรอ แต่พูดแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะ น่ารักดี) น่านนนนนนนนนนน นี่จีบกูป่ะเนี่ย หยอดกูอีกแล้ววววววววว นี่พีมครับไม่ใช่ทองหยอด กรุณาอย่าหยอดบ่อยเพราะอาจจะเป็นเบาหวานตายด้าน เอ๊ย ตายได้ ตึ่งโป๊ะ กูเพลียว่ะฮ่าๆๆๆๆ

     

    “ปกติกูร้ายมากสิ”

     

    (เปล่าปกติก็น่ารักแบบไหนก็น่ารัก)

     

    อั่ยย๊ะ พวกอยู่หน้าคอมตอนนี้คงอิจฉาจนอยากทุ่มคอมสินะ บู่วววว บุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้จริงๆครับ แบมือยักไหล่ผมต้องขอแสดงความเสียใจมา ณ จุดๆนี้จริงๆ หึหึ

     

    “อ้าวๆๆเป็นเหี้ยอะไร มึงบิดทำไม อย่ามาตายบนรถกูนะ ถึงบ้านมึงล่ะ ลงไปๆแม่งเสนียดติดรถกูชิบหาย”

     

    ถ้าเป็นไปได้กูจะไม่ขอให้เชี่ยคิวมาส่งอีกตลอดชีวิตและจะไม่เปิดช่องให้ไอ้หล่อมันมาพูดจาเกี้ยวพาราสีแบบนี้อีกเด็ดขาด 

     

     

     

    ………………………………

     

     

     

     

    ในที่สุดวันเสาร์ก็มาถึงสักทีครับ เย้เฮ้ ทั้งที่จริงมันก็ไม่ได้ต่างจากวันอื่นเพราะงานที่นอนรอให้ผมทำส่งมีเป็นขบวน แต่ไหนๆเราก็ได้มีวันเสาร์กับเขาทั้งทีวันนี้เลยมีนัดรวมพลกันที่ร้านสวนกาแฟบ้านผม ตอนนี้มีแค่กลุ่มผมห้าคนที่สุมหัวกันอยู่ หมายถึงกลุ่มผมสมัยที่ยังไม่ได้คบกับภูมิไง

     

    เพราะพวกภูมิไปงานหมั้นของเพื่อนเดี๋ยวบ่ายๆคงตามมา เมื่อคืนผมนอนที่บ้านครับเพราะอาปุ้ยไปเริงร่าที่ฮอกไกโด หลานชายสุดที่รักอย่างผมเลยต้องกลับมานอนเฝ้าบ้าน ที่จริงเมื่อคืนไอ้หมอเชนก็นอนที่นี่ด้วย มันบอกว่ามาธุระแถวนี้ขับรถผ่านเลยแวะมาหาเพราะไม่อยากกลับบ้าน

     

    ใครเชื่อมันบ้างขอดูหน้าหน่อยดิ กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงฟุ้งไปทั้งร่างมึงซะขนาดนี้นะไอ้หมอฟันดะ มันมาค้างด้วยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ แต่ทำไมจะต้องลำบากผมตื่นมาหาอะไรให้แม่งแดกดึกๆดื่นๆวะ แล้วกูก็นะมีสกิลในการทำกับข้าวมากกกกก

     

    โอ๊ะโอลืมบอกๆข่าวใหญ่ครับ คือว่าผมทำอาหารเป็นแล้วนะคร้าบบบบ^^ เมื่อคืนเลยทำอะไรง่ายๆให้ไอ้เชนกิน นั่นก็คือผัดกระเพราไก่ ปะล๊า พีระณัฐทำกระเพราไก่ได้ เหมือนอัพเวลตัวเองไปอีกขั้น ต้องขอบคุณคุณข้าวฟ่างเป็นอย่างสูงที่เคยบอกผมว่า มึงจะผัดห่าผัดเหี้ยอะไรอยากใส่อะไรก็ใส่ๆมันเข้าไป ไม่เคยแดกหรอผัดกระเพรา มึงจำได้ไหมว่าเขาใส่อะไรบ้าง จำอะไรได้มึงก็โยนๆลงไป พอใส่ใบกระเพราเดี๋ยวมันก็เป็นผัดกระเพราเอง

     

    เออก็จริงของมันแม้จะนึกสงสารและสงสัยว่าไอ้แทนมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไงในช่วงที่ผ่านมมา แต่ว่าเมื่อคืนในตู้เย็นมีอะไรผมก็เอามาผัดให้ไอ้เชนหมดเลยครับ แครอท ถั่วฝักยาว หอมหัวใหญ่ ผักชี ต้นหอม เห็ดเข็มทอง  มะเขือพวง หัวไชเท้า ผักกาด โหระพาตบท้ายด้วยใบกระเพราะ แถมพิเศษไข่ดาวสุกกำลังดี คือกำลังจะดีถ้ามึงเอาออกจากกระทะเร็วกว่านี้ ฮา ไอ้เชนมันเรียนหมอมันคงไม่เป็นมะเร็งตายง่ายๆหรอก

     

    คนอย่างมันถ้าจะตายมันต้องตายด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใครที่อยากรู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไงสามารถสออบถามได้ที่โรงพยาบาลที่ไอ้เชนไปรักษาตัวอยู่ ณ ตอนนี้ ฮาผมล้อเล่นครับ ไอ้คุณหมอมันยังชมว่าอร่อยอยู่เลยแค่อาจจะดูเหมือนต้มจับฉ่ายไปบ้างแค่นั้นเอง เห็นไหมใครจะเทพเท่าผมทำผัดกะเพราะไก่ให้เหมือนต้มจับฉ่ายได้นี่ไม่ใช่ธรรมดานะครับ

     

    เอาเป็นว่าใครที่ห่วงใยพี่หมอเชนก็สบายใจได้นะ มันยังมีลมหายใจนั่งละเลียดไอซ์มอคค่าอยู่ข้างๆผมนี่แหละ เรานั่งชิลล์กันที่โต๊ะด้านนอกเพราะมันคือมุมทึบต้นไม้ใบหญ้าบังมิดจะได้ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับลูกค้าในร้าน เพราะตอนนี้มีมนุษย์ที่เป็นสุดยอดเหนือคำนิยามกำลังตีกันว่าด้วยเรื่องหวยมาร่วมชั่วโมงแล้วครับ นั่นก็คือขวัญใจมหาชนอย่างไอ้ปันและสิ่งมีชีวิตติสท์แตกอย่างไอ้คิว

     

    “งวดก่อนกูก็บอกมึงแล้วใช่ไหมคิวว่าสองมาแน่ๆให้วิ่งสอง แม่งไม่เชื่อกู”

    “งวดก่อนออก47ไอ้ห่าไหนสองมึง”

     

    “มึงไม่รู้จักตีความว๊าคิววว ซื่อเป็นไม้ครึ่งวงกลม โง่ได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ วิ่งสองกูหมายถึงวิ่งไปอีกสองก้าว สอง สาม สี่ น่านเห็นไหมถูกเลย”

     

    “ถูกแดกน่ะสิไอ้สัดกูไม่น่าเชื่อคำพูดของคนจิตวิปลาสอย่างมึงเลยปัน”

    “เอาน่าไว้งวดหน้าค่อยแก้ตัวใหม่ แต่จะว่าไปงวดที่แล้วกูก็เกือบถูกเหมือนกันนะ เฉียดไปนิดเดียว”

    “มึงซื้ออะไร” ผมถาม

    88 ไม่ต้องกลับด้วย” เออกูรู้แล้วใครจะกลับได้วะแปดแปด

    “แล้วมันออกอะไร”

    91

    “เย้ดเข้มันเฉียดนิดเดียวตรงไหนวะนั่น” กูขอสงสัยครับเชี่ยปัน การซื้อใกล้เคียงมันอารมณ์แบบซื้อ88ออก 87 89 งี้ป่ะวะ

     

    “ก็ 88 89 90 91 กูพลาดแค่สี่แต้มน่าเสียดาย น่าจะนับเพิ่มไปอีกหน่อยนะไม่งั้นกูรวยล่ะ”

     

    “รวยแต่เขือล่ะสิมึง ซื้อเฉียดมันไม่ใช่แบบนั้นโว้ย นี่มึงซื้อหวยเป็นไหมปัน ไอ้คิวโง่ๆตกเลขทุกเทอมมันยังขายได้เลย”

     

    “อ้าวไอ้แคระเดี๋ยวปั๊ดเอาเล็บเท้าสะกิดมุมปาก เกี่ยวไรกับกูวะ เพื่อนมึงก็ดูแลมันไปแล้วกัน คุยกับมึงมากๆแล้วกูปวดหัวว่ะปัน อ้าวแล้วนี่มึงสองตัวเป็นส้นตีนอะไรยิ้มเพ้อให้โทรศัพท์อยู่ได้ เมียคลอดลูกหรอวะ มึงได้กี่ครอกละแทนเมียดุด้วยนิ หึ”

     

    “อย่าๆ อย่าลามปามอย่าเล่นของสูง มึงอย่าลบหลู่สิ่งสักสิทธิ์ของกูเชี่ยคิวเกิดมันมาได้ยินแล้วพวกเราจะวิบัติ” ไอ้แทนมันพูดแล้วก็ขำเองที่ทำร้ายแฟนตัวเอง ส่วนไอ้เชนมันไม่พูดอะไรนอกจากหันหน้าจอมาให้พวกผมดู

     

    “เฮ้ยยยยยยย เชี่ยยยยย”

    เสียงนี้เลยครับพวกผมอุทานและตะโกนด้วยเสียงนี้เลยครับ

    “นี่ นี่มัน”

    ไอ้เชนยักคิ้วยิ้มนิดๆ พวกผมได้แต่มองกันตาปริบๆ คือผู้หญิงในรูปที่นอนซุกอกมันอยู่บนเตียงแล้วยิ้มปากจู๋แก้มป่องสู้กล้อง ผมจำได้ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ติดตามวงการดาราก็เถอะ แต่นั่นมันนางเอกเลยนะเว้ย

    “ร้ายมากไอ้เสือ สมแล้วล่ะที่มึงย่ำอยู่ทองหล่อทั้งคืนแล้วเป็นไงบ้างวะ นัวไหม”

    “ก็ดี”

     

    “ทำขรึมๆไอ้สัดได้ดิบได้ดีแล้วไม่แบ่งเพื่อน”

    “ถ้ากูแบ่งแล้วมึงกล้า?” ไอ้เชนหันไปถามไอ้คิว

     

    “ก็ไม่ได้กลัวแต่ไม่อยากทำ” คำพูดมันดูดีว่ะ หึ

    “แล้วจะด่ากูเพื่อ”

     

    อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าไอ้เชนมันขรึมหรืออะไรหรอกครับ แต่มันไม่ใช่พวกกินในที่ลับแล้วมาแฉในที่แจ้งแบบสันดานอย่างไอ้คิว มันทำร้ายเพศแม่มาเยอะมันเลยให้เกียรติเขาบ้างตามสมควร แต่ถ้าไอ้คิวยังตื้อจะฟังอยู่ก็ไม่แน่ ฮ่าๆๆ ระหว่างนั้นที่พวกผมกำลังสัมภาษณ์ไอ้เชนว่าไปไงมาถึงไปสอยนางเอกมารับประทานได้ เสียงแจ้งเตือนไลน์ของพวกผมก็ดังขึ้นพร้อมกันทุกเครื่อง เรามองหน้ากันอย่างรู้เท่าทันว่ามันเกิดอะไรขึ้น พอเปิดดูก็เป็นอย่างที่คิด

     

    “พวกมึงคอยดูนะเดี๋ยวสักวันกูจะบล็อกไอ้มิค” ฮ่าๆๆๆๆ กูด้วยแทน

     

    คือมันเป็นไลน์กลุ่มไงครับ แล้วมันเป็นอะไรที่แบบพลาดมาก ไม่ใช่พลาดที่ตั้งกลุ่มนะพลาดที่มีเพื่อนแบบไอ้มิคเนี่ยแหละ มึงจะส่งเหี้ยอะไรนักหนาไอ้สติ๊กเกอร์เนี่ยเคยมีแจ้งเตือนสองร้อยกว่าคือเชี่ยมิคคนเดียวและสติ๊กเกอร์ล้วนๆ กูอยากรู้ว่าเรียนวิศวะมึงว่างมากขนาดนั่งส่งไลน์แบบไม่พักนิ้วเลยหรอ แล้วได้ข่าวว่าตอนนี้อยู่ในงานหมั้น มึงยังอุตส่าห์นะ พวกผมก็ไม่ได้สนใจเว้นแต่ไอ้ปันที่ส่งกลับไปหาดูโอ้มัน

     

    “เฮ้ยมึงหลานกูมันถามเรื่องคำซ้อนว่ะ ใครก็ได้อธิบายให้มันฟังดิ กูตกภาษาไทยมันไม่รู้รึไงวะ”

     

    ไอ้เชนกำลังจะยื่นมือไปรับโทรศัพท์จากมือไอ้แทนแต่ไอ้ปันเสือกคว้าตัดหน้าไปก่อนด้วยความไวแสง

     

    “เอามานี่เดี๋ยวกูตอบให้กูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา”

     

    “มึงเอาแค่ภาษาไทยให้รอดก่อนไหมปัญญพัฒน์”

     

    “ฮื่อออ กูว่าอย่างมันภาษาคนก็ไม่รู้จะเข้าถึงไหม ไหนเอามาดูดิมึงตอบน้องเขาไปว่าไง” ไอ้คิวคว้าไอโฟนไอ้แทนที่อยู่ในมือไอ้ปันมาอ่าน ได้ความว่า “คำซ้ำก็คือคำที่เหมือนคำแรก ส่วนคำซ้อนก็คือคำที่อยู่ท้ายรถมอเตอร์ไซด์”

     

    ???????????????

     

    วอททททททททททททท

     

    “ขอบใจนะปัน ป่านนี้หลานกูคงได้ท็อปภาษาไทยแล้วล่ะกูว่า”

     

    “เห็นไหมกูบอกแล้วว่ากูคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา ที่จริงตอนเอ็นทรานซ์กูตั้งใจจะเข้าอักษรฯพวกมึงไม่รู้อะไร”

     

    “ป๊าดดดดด จะเข้าอักษรฯ มึงเอาอักษรกลางให้ได้ก่อนเถอะปัน” จริงๆปัน เชื่อกู กูขอแจ้งให้ทราบด้วยความหวังดีแต่เหมือนมันจะไม่รู้ตัวเพราะยังยิ้มภูมิใจในทักษะของตัวเอง

     

    “ปันกูถามจริงๆมึงเคยไปเช็คอีคิวไหมว่าเท่าไร” กูว่าเปลี่ยนคำถามเป็น มึงมีอีคิวไหมจะดีกว่านะคุณหมอ กร้ากกกกกก

    “มึงน่าจะถามมันว่ามีไอคิวเท่าไรมากกว่านะเชน”

     

    “อันนั้นไม่ต้องเช็คกูตอบให้เลยว่าไม่น่าเกินห้าสิบ”

     

     

    ฮ่าๆๆๆๆเชี่ยแทนแม่งสันดาน ดูไอ้ปันมันทำหน้าดิครับ มันหรี่ตามองพวกผมแบบแปลกๆ ยิ่งดูยิ่งเหมือนพี่คนหนึ่งแถวหน้าปากซอยแกชอบหอบถุงขาดๆใส่เสื้อผ้าเก่าๆไปนั่งคุยกับถังขยะบ้าง คุยกับล้มกับฟ้าบ้าง เหมือนไอ้ปันเดี๊ยะ

     

    “งั้นกูเปลี่ยนคำถามใหม่ตอนมึงเกิดแม่มึงคลอดด้วยวิธีธรรมชาติป่ะวะ หัวมึงไปโขกชายผ้าถุงหมอตำแยหรือคลอดในน้ำ น้ำเลยท่วมสมองมันเลยส่งผลให้มึงดูขาดๆเกินๆ” ไอ้คิวกอดคอไอ้เชนชวนกันหัวเราะงอหงาย เดี๋ยวคนในร้านกูก็แตกตื่นหรอกแสรดดดดดดด

     

    “พวกมึงไม่รู้ซะแล้วว่ากูไม่ได้เกิดมาจากท้องแม่” เหยดดดดดดดดดด เอาซิมึ้งงงงงงงงง

     

    “แล้วมึงมาจากไหนจากใยบวบหรือรากฝอยต้นตะแบก” อันนี้ผมสงสัยเป็นการส่วนตัวครับ

     

    “กูจะเกิดมาจากไหนนั่นก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล พวกมึงไม่มีอำนาจก้าวก่าย สิ่งที่พวกมึงควรรู้คือกูคิดว่ากูจะลาออกไปขับวินมอไซค์”

     

    พรวดดดดดดดดดดด

    ไอ้แทนนนนนน พ่นน้ำโดนแขนกู เอาแล้วครับความหฤหรรษ์ในชีวิตเพื่อนกูมันมาอีกแล้วครับ

     

    “เทพองค์ไหนเข้าสิงมึงล่ะคราวนี้ นักการทูต นักพัฒนาจะไม่เอาไม่ทำแล้วใช่ป่ะ” ไอ้เชนถาม

     

    “ก็ขับมอไซค์ไปด้วยพัฒนาไปด้วยกูมั่นใจว่ากูทำได้ นี่ไงมันคือการเข้าไปสัมผัสกับปัญหาที่แท้จริงเว้ย ถนนตรงไหนไม่ดีกูจะได้รู้ได้เห็นเป็นการลงพื้นที่จริงไง มันคือวิถีแห่งเซน พวกมึงไม่เก็ทหรอก”

     

    “มันเซนตรงไหนวะ อริยสัจสี่มึงก็ท่องได้ก่อนเถอะ กูขอคัดค้านความคิดมึงเลยนะปัน”

     

    “ด้วยอำนาจแห่งศาลกูไม่ให้มึงค้านหรอกแทนเพราะตัวกูจะลงทันมึงเอง”

     

    เอ่ออออออออออออออออออ ปันนนนนนนนนนนนนนน

     

    “ปันมึงฟังกูนะ กูไม่ได้ว่าไม่ได้ดูถูกอาชีพขับวินมอไซค์นะเว้ย กูรู้ว่าทุกอาชีพที่สุจริตมันก็น่ายกย่องทั้งนั้นแต่มึงก็เรียนมาตั้งสูงจนจะจบปริญญา มึงไม่คิดจะเอาวิชาชีพไปใช้เพื่อพัฒนาชาติบ้านเมืองของเราบ้างหรอวะ” คือตอนนี้พวกผมแทบจะต้องทำการวิจัยเนื้อเยื่อสมองไอ้ปันครับแม่งอยู่ดีๆบอกจะลาออกไปขับวินมอไซค์ พ่อมันจะได้กินยาระงับประสาทเข้าสักวันล่ะผมว่า

     

    “แล้วกูไม่ช่วยตรงไหนมึงรู้ไหมการได้ไปส่งพี่น้องคนไทยให้ถึงจุดหมายปลายทางมันคือการช่วยเหลือสังคม”

     

    “เดือนที่แล้วขับรถเมล์เดือนนี้จะไปขับวินมอไซค์ อีกหน่อยมันได้ไปขับซาเล้งเชื่อกูดิ” ไอ้เชนส่ายหน้าหน่ายๆ

     

    “เพื่อนกูเจ๋งที่สุด รัตนโกสินทร์ยังไม่สิ้นคนดี กูรู้มึงทำได้ปัน” ผมขำพร้อมกับชู้นิ้วโป้งเชิดชูมัน

     

    “เอ้าไอ้นี่ก็ยังจะไปยุมัน แต่จะว่าไปอาชีพเสริมหารายได้ระหว่างเรียนก็ดีเหมือนกันนะพวกมึง อย่างกูกูก็เคยคิดว่าจะเปิดซ่องซุกอีหนู หึหึ” มือผม มือไอ้เชน มือไอ้คิวและกำปั้นไอ้ปัน พุ่งหลาวลงสู่กบาลไอ้แทนแม่นเหมือนลืมตาตี เหอะ เมียไม่อยู่แล้วแม่งโชว์พาวเดี๋ยวกูอัดซาวด์ไปให้ป๋าฟ่างซะหรอก

     

     

    “กลัวเมียจนตัวสั่นงกๆยังมาทำปากดีไอ้ห่า” ด่ามันคิวด่ามัน

     

    “กูไม่ได้กลัวเว้ย ใครบอกว่ากูกลัวเอาสักแปดฟ่างมายืนเรียงกันเลยดิ”

     

    “มึงจะตบเรียงตัวเลยใช่ไหม”

     

    “เปล่ากูจะกราบให้ดู”

     

    “สัด”

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ เมื่อก่อนกูก็ไม่ค่อยกลัวเมียนะมึงแต่พอกลัวเท่านั้นล่ะ  กะ กะ กลัวเลยยยย”

     

    “เหมือนไอ้พีมเลยว่ะตอนเด็กๆแม่งก็ไม่ค่อยเตี้ยนะแต่พอโตมาเท่านั้นล่ะไม่สูงเลยยย กร้ากกกกกกกกก”

     

    “ไอ้คิวไอ้เหี้ย” ยังจะแท็กมือกันไอ้พวกเวร

     

    “เมื่อก่อนกูก็ไม่ค่อยฮอทนะแต่พอฮอทเท่านั้นล่ะ เหงื่อออกเลย” พวกกูก็เงิบเลยยยปัน

     

     

     

    หลังจากนั่งขำกับความระยำเอ้ยระห่ำของไอ้อดีตรองอุปนายกองค์การนิสิตและอดีตนักฟุตบอลมหาลัย จนผมเริ่มรู้สึกว่าซี่โครงน่าจะยุบตัวไปหลายเซนพวกภูมิก็แห่กันมา โหหหหห หล่อกันมาเลยเว้ยยยยยย ไอ้เบียร์นี่ออร่าท่านชายเกาะร่างพรึบพับ ไอ้มิคก็ยังคงเป็นไอ้มิคแต่งตัวหล่อแค่ไหนแต่ถ้าในมือจะหอบของพะรุงพะรังขนาดนั้นมันก็ไม่ต่างจากพี่คนที่อยู่หน้าปากซอยหรอก คึ แต่สภาพไอ้ฟ่างเหมือนพร้อมจะไฝ้วกับรังแตนมากครับ หน้ามันเหวี่ยงชนิดที่นาฬิกาลูกตุ้มยังต้องกราบ

     

    “แม่น้องผัดกลับมาแล้ววววว เป็นอะไรใครทำอะไรเมียพี่จ๊ะ ไหนบอกพี่สิ บอกกับพี่ดีๆศรีจ๋าชายที่เจ้าตามหรือแมงดา….

     

    ผลั๊วะ

     

    คิดว่าเสียงอะไรครับมันคือเสียงฝ่ามือส่วนจะเป็นมือใครและตบลงที่หัวใครคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก

     

    “ฮุยยยยยยยฟ่างงงง กูเจ็บ” ไอ้ฟ่างไม่ตอบแต่ชูนิ้วที่ยาวที่สุดให้ไอ้แทน ฮ่าๆ สงสัยเพราะอากาศร้อนครับปรอทพี่แกเลยแตก

     

    “แม่งจะร้อนไปไหนวะประเทศไทย พีมไปเอาเสื้อมาให้กูเปลี่ยนดิ๊”

     

    “เสื้อมึงอยู่ในรถก็มี เอาไหมจ๊ะเดี๋ยวพ่อน้องผัดจะเดินไปหยิบให้”

     

    “ไม่-ต้อง-เสือก”

     

    แล้วไอ้ฟ่างมันก็สลัดเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนทิ้ง แม่งเสือกโยนไปโปะตรงกับหน้าไอ้แทนได้พอดี แล้วไอ้นั่นพอเห็นเมียลุกมันก็รีบวิ่งตามเขาทันที นี่นะคือไม่กลัว เหอๆ แล้วเอ่อ คุณฟ่างครับคุณจะมาโชว์ความขาวอะไรแถวนี้ ลูกค้าในร้านเลือดกำเดาไหลหลากกันพอดี

     

    “เหมือนยกเวทีศึกเจ้ามวยไทยมาไว้ที่นี่เลยว่ะ” กูก็ว่างั้นแหละเชน ฮ่าๆๆๆ

     

    “ถ้าจับไอ้แทนกับไอ้ฟ่างไปเล่นการเมืองคงจะดีพวกมึงว่าไหม ดุเดือดเลือดสาดแน่ๆกูว่า แบบไอ้ฟ่างเป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้วเชี่ยแทนเป็นแกนนำฝ่ายค้านไรงี้” จะดีหรอคิว

     

    “ประเทศล่มจมเชื่อกูสิ แม่งไอ้ฟ่างเสนอห่าไรมาไอ้แทนพร้อมน้อมรับไม่กล้าค้านแน่ๆ กร้ากกกก” กูเชื่อมึงปันกูเชื่อมึง

     

    “แต่กูว่าช่วงนี้ไอ้แทนมันดูจะตามใจพี่มึงแบบแปลกๆนะภูมิ” ไอ้เชนถาม

     

    “หึ จะไม่ตามใจได้ไงเห็นบอกว่าถูกยึดบัตรเครดิตอีกแล้ว เดือนนี้มันไม่ยอมไปช่วยงานป๊ามัน”

     

    “โหหหห นี่อย่าบอกว่าแม่งเกาะเมียแดก นอกจากเพื่อนกูจะเป็นเหี้ยแล้วยังเป็นแมงดาอีกเหรอ” ก็ถ้ามึงจะด่ามันขนาดนั้นก็อย่านับมันเป็นเพื่อนเลยคิว

     

    แล้วสักพักไอ้ฟ่างก็เดินกลับมาพร้อมเสื้อยืดสีเทาคอย้วยๆปาดๆตามสไตล์มัน ผมเพิ่งสังเกตว่าพวกมันสามตัวที่เหลือใส่เชิ้ตสีชมพู สงสัยงานที่พวกมันไปวันนี้จะมีคอนเซปต์ อ๋ออออ ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมไอ้ฟ่างถึงได้ดูอารมณ์บ่จอย มันเป็นอริกับสีชมพูนี่เอง

     

    แต่ฟ่างจะอะไรยังไงเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ผมขอโฟกัสผู้ชายที่เพิ่งจะนั่งลงข้างๆผม คือภูมิมึงหล่อไปป่ะ ถึงตอนนี้มันจะไม่ได้มีสูทครบร่างอย่างไอ้คุณชายเบียร์ก็เถอะ แค่เชิ้ตชมพูอ่อนๆปลดกระดุมนิดๆหน่อยๆก็เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารนายแบบ อาจจะดูเหมือนอวยแฟน อืม ก็อวยก็แฟนผมนี่ครับฮ่าๆๆ จะให้ไปชมไอ้ฟ่างที่ปลดกระดุมโชว์แผ่นอกขาวๆเปล่งออร่าเหรอ มันคงได้สับหัวผมขาดเป็นชิ้นๆ

     

     “อ่ะพีมกูซื้อมาฝาก”

     

    ไอ้มิคเดินยิ้มแฉ่งมานั่งตรงข้ามผมพร้อมกับยื่นถุงบางอย่างมาให้ พอผมเปิดดูก็ปรากฏว่ามันคือผลไม้ ถุงนึงคือแก้วมังกรอีกถุงคือสละ เอ่อ เดี๋ยวนะทำไมมันมีแค่สามสี่ลูก นี่มึงซื้อมาฝากหรือว่าไปขโมยที่โต๊ะไหว้เจ้ามาวะมิค แต่ว่างานหมั้นก็ไม่น่าจะมีโต๊ะไหว้เจ้างั้นผมก็จะขอรับไว้เพราะอย่างน้อยมันก็มีน้ำใจนึกถึงผมอ่ะเนอะ

     

    “ขอบใจนะมิคคิดไงซื้อสละมาฝากกูวะ”

     

    “เพราะกูอยากเห็นมึงเป็นคนมีสาระ”

     

    “สละบ้างเหอะมิค สละ” คือจะเล่นอะไรก็ปรึกษาพวกกูบ้าง มันขำคิกคักก่อนจะยื่นถุงขนมสายพันธุ์ญี่ปุ่นมาให้ เออนี่ค่อยเหมือนของฝากหน่อย

     

    “คึ สละสลวย เออพรรคพวกทำไมไม่มีใครตอบไลน์กูเลยวะ”

     

    “มึงจะให้พวกกูตอบว่ายังไงวะ ในเมื่อกูไม่เข้าใจในสิ่งที่มึงส่งมา”

     

    คุณชายเบียร์พูดไปก็จดรายการน้ำหวานขนมที่ผมจะเอาเข้าไปให้พี่ๆข้างในทำให้ ส่วนของภูมิไม่ต้องถามเพราะมันก็กินอยู่อย่างเดียว คาราเมลลาเต้ แม่งแดกเข้าไปได้ยังไงวะ หวานไปถึงต่อมลูกหมากแต่มันสั่งทีไรผมก็แย่งมันกินทุกทีนะ แฮ่

     

    “ภูมิเอาไรอีกไหม มัฟฟินป่ะหรือจะกินข้าว”

    “ไม่ ยังไม่ค่อยหิว”

     

    “เออไม่หิวๆแต่นี่บ่ายโมงแล้วนะเดี๋ยวก็ปวดท้องอีกมึงน่ะ” ภูมิจิ๊ปากทำหน้าเซ็งก่อนจะบอกว่าเอาอะไรก็ได้ ดูมันครับสังขารตัวเองมันยังไม่ห่วง เดี๋ยวปั๊ด

     

    “เฮ้ยพวกมึงมีใครเอาอะไรอีกมั่ง” ผมยืนขึ้นถามเพราะจะเอารายการที่จดไปให้พี่ๆ

     

    “เอาๆเอาแก้วมังกรไปปอกให้กูหน่อย”

     

    “เออๆ”

     

    “แกะเม็ดให้ด้วย”

     

    “ควายแล้วมึงจะแดกส่วนไหนของมันชาติหน้าก็รอไปเถอะ โอยยยยยยย แกะเม็ดแก้วมังกรแม่งงงง”  ผมถีบเก้าอี้ไอ้มิคและผลักหัวภูมิที่นั่งเท้าคางหัวเราะผมตอนโวยวาย

     

    กว่าจะได้นั่งกันจริงๆจังๆก็เล่นเอาหอบแดก ไอ้แทนไอ้ฟ่างก็ทำตัวชั่วช้าด้วยการมานั่งย้อมผมให้กันที่หน้าบ้านผม พอแดดเริ่มแรงเราเลยย้ายเข้ามานอนตายนอนอืดในบ้านกันครับ เพราะคุณชายเบียร์อยากจะบรรทมเห็นบอกว่าเมื่อคืนอ่านหนังสือดึก แถมยังตื่นเช้าไปงานหมั้นช่วงนี้ชีวิตไอ้เบียร์เหมือนจะยุ่งๆเพราะมันเตรียมตัวจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอก คงไปอังกฤษเพราะคุณพ่อของมันประจำอยู่ที่นั่น

     

    ช่วงนี้ชายเบียร์ของสาวๆเลยไม่ค่อยมีเวลามาเอาใจภูมิสักเท่าไร มันสองตัวเลยงอนกันไปง้อกันมา แม่งน่าสงสัยมากครับ พวกมันเป็นเพื่อนกันแถมยังเป็นผู้ชายเรื่องน้อยใจเพื่อน พวกผมไม่ค่อยเป็นกันเท่าไรนะครับ แต่ไอ้เบียร์กับไอ้ภูมินี่ไม่ได้เลย เราก็ระแวงนะนาย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ บรึ๋ยขนลุก

     

    พอนั่งไปสักพักไอ้แมทกับไอ้เต้ยก็มา พวกผมก็ไม่รอช้ารีบลากคอไอ้เชี่ยน้องแมทมากระทืบเพราะเล่นหายหัวไม่โผล่มาให้พี่ๆเห็นหน้าเห็นตาบ้างเลย

     

    “โอ้ยยยยยย ฮ่าๆๆ พี่ผมเจ็บบ ไอ้เต้ยช่วยกูด้วยดิวะ”

     

    “เฮียภูมิตีมันเลย ตีแรงๆเลย ฮ่าๆ”

     

    “เชี่ยเต้ยยย พี่ปล่อยผมก่อนขอผมกราบสวัสดีสักเล็กน้อย”

     

    เมื่อเล่นงานมันจนสาแก่ใจพวกผมก็ปล่อยไอ้แมทให้เป็นอิสระ ส่วนไอ้เต้ยน่ะเหรอวิ่งไปสั่งน้ำสั่งขนมที่ร้านโดยไม่ลืมลากไอ้คิวไปด้วย และพอเห็นท่าไหว้ของไอ้แมททีไรผมก็อยากจะกัดลิ้นตาย เพราะมันเป็นคนที่ไหว้ได้เหี้ยมาก กระทรวงวัฒนธรรมควรเรียกมันเข้าไปพบครับคือมันยกไหล่นิดๆปลายนิ้วเลยหัวขึ้นไปหน่อยๆ แถวบ้านผมเรียกไร้วัฒนธรรม ไม่รู้ว่ามันผ่านวิชาพระพุทธศาสนาว่าด้วยวิธีการไหว้มาได้ยังไง

     

    “มึงนั่งนิ่งๆเป็นไหมแทน จะขยับทำห่าอะไรนักหนาวะ”

     

    เสียงไอ้ฟ่างดังมาจาห้องน้ำ มันกำลังย้อมผมให้ไอ้แทนครับ ผมถามว่าทำไมไม่กลับไปทำที่บ้านพวกมัน แม่งเลวมากบอกว่าจะได้ประหยัดน้ำ แสดงว่ามันเตรียมการมาแล้วสินะ เชี่ยแทนก็ไม่รู้นึกคึกอะไรอยู่ๆถึงได้คิดจะเปลี่ยนสีผม สีเดิมมันคือน้ำตาลเข้ม แต่เห็นบอกว่าจะเอาน้ำตาลทองให้มันดูสว่างขึ้นมาหน่อย คือผมมันก็เพิ่งจะยาวจากที่มันทำใจไม่ตัดสกินเฮดเหมือนที่แล้วๆมา

     

    แต่ว่าตั้งแต่ที่ฟ่างเริ่มลงสีทิ้งไว้จนพากันไปล้างออกไอ้ฟ่างยังไม่หยุดโวยวายเลยครับแต่ไอ้แทนก็ไม่เห็นจะว่าอะไรนอกจากเรียกเมียจ๊ะเมียจ๋า พ่อแม่น้องผัด กูอยากจะอ้วก แต่เชี่ยแทนนี่มันพราวด์ทูพรีเซนแฟนมากนะครับ ยกย่องเทิดทูนมากคือถ้าเป็นต่างจังหวัดไอ้ฟ่างคงนับเป็นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ทำเป็นทุกอย่าง หมายเหตุ โดยเฉพาะซ้อมผัว กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สะใจ

     

    “พ่องงงงงง กูเปียกหมดแล้วมึงเห็นไหมเนี่ย เอ๊แทนนิ่งๆดิวะ”

     

    “กว่าฟ่างจะทำผมให้ไอ้แทนเสร็จ เพื่อนมึงคงถูกฆ่าหั่นศพกดลงชักโครกก่อนรึเปล่าเตี้ย”

     

    ไอ้นี่ก็เม้าท์พี่ตัวเอง ผมว่าที่มันอยู่ด้วยกันได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะความขี้แกล้งของไอ้แทนนั่นแหละครับ วันไหนที่ไอ้แทนไม่กวนตีนแฟนมันแสดงว่าวันนั้นทะเลาะกันชัวร์ๆ อย่างนี้แหละรักด้วยลำแข้ง ลำแข้งเมียนะ

     

    “เออมึงกูสงสัยมานานล่ะว่าทำไมต้องด่าว่าพ่อง” นักสงสัยแห่งชาติ ชาติไอ้ปันคนเดียวครับเรื่องไม่น่าสนใจทำไมมันชอบให้ความสำคัญก็ไม่รู้

     

    “มันก็มาจากพ่อไง เพี้ยนๆมา” ไอ้เบียร์บอก

    “นั่นสินะปัน ทำไมวะ” แหมลูกคู่ก็นะ


    “มึงก็สงสัยเหมือนกูใช่ไหมมิค ทำไมเราต้องด่ากันว่าพ่องงงงงง แม่งงงงง ใครเป็นคนคิด แล้วใช้คำอื่นไม่ได้เหรอวะ ทำไมไม่ลองพูดว่า ลุ่งงงงงงงงง(ลุง) ป่างงงงงงง(ป้า) ต่างงงงงงง(ตา) ย่างงงงงงงงงง(ย่า)”

    ????????????????????

     

    “เอามาทั้งตระกูลให้เลือกใช้จะได้ไม่ซ้ำดีไหมพวกมึง”

     

    “เชิญมึงใช้ไปเถอะ ป้างงงงงงงงงงงงง”

     

    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    ต่อไปก็ไม่ต้องด่าพ่อง ด่าแม่งกันแล้วนะครับเพราะเราจะมารุมด่ามัน กูปวดสมองจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ………………………………

     

     

     

    เวลาผ่านไปตอนนี้ไอ้เบียร์กับไอ้คิวนั่งดูหนัง ไอ้แมทไปหยิบจานในครัวมาใส่ของกินที่ไอ้คิวโทรสั่งมาแต่ไม่รู้ไปเอาถึงไหนถึงได้มีเสียงไอ้ฟ่างตะโกนด่ามันด้วย สงสัยจะไปก่อกวนไอ้สองตัวนั้น ไอ้เต้ยนั่งเล่นเกมส์กับเฮียเชนของมัน ไอ้มิคนอนห้อยหัวอยู่บนโซฟาดูหนังทำไมมึงไม่ลงมานั่งดูดีๆวะ มิทราบว่าบรรพบุรุษมึงเป็นสไปเดอร์แมนหรอ ขอให้แม่งเลือดคลั่งในสมองตาย

     

    ส่วนภูมิมันก็นอนคว่ำหน้าก้มสบตากับหนังสืออยู่ข้างๆโซฟานี่แหละครับ ขยันไปนะครับไอ้หล่อ แต่ขยันอ่านก็ดีแล้วล่ะเผื่อประเทศชาติของเราจะได้ปรับฐานะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะได้ยินคำว่าประเทศกำลังพัฒนาทีไรรู้สึกเหมือนคำปลอบใจว่ายังไม่พัฒนา คึ ผมเลยใช้หลังยาวๆของมันหนุนแทนหมอนนอนเล่นเกมส์ในโทรศัพท์พร้อมกับเอาเท้าพาดไปบนโซฟาตรงที่เชี่ยปันกำลังนอนถ่ายวิถีโอนั่นแหละครับ

     

    ผ่านไปสักพักไอ้แทนในคราบเสื้อกล้ามสีดำกางเกงบอลก็เดินหัวเปียกซกออกมาจากห้องน้ำ น้ำนี่หยดติ๋งๆมาตามรายทางคือมึงช่วยซับผมนิดนึงจะได้ไหม กูกลัวว่าจะมีใครลื่นล้มหัวฟาดพื้นตายคาบ้าน

     

    เชี่ยแทนมึงเป็นไรทำไมเดินแปลกๆหรือโดนพี่กูสอยมา หึหึเสียงภูมิถามกลั้วหัวเราะ ผมเลยหันไปดูอีกรอบ เออว่ะไอ้แทนมันเดินแปลกๆจริงๆด้วยแฮะ

     

     

    ไอ้ภูมิปากดีเดี๋ยวกูจับทำเมียทั้งพี่ทั้งน้องเชร้ดดดดด พญาเทครัวเหรอ ไอ้หล่อยอมให้หยามได้ซะที่ไหนสมุดแลคเชอร์ในมือนั่นแหละพุ่งตรงลงกลางหน้าไอ้แทนเลยครับ

     

     

    มึงแหละปากดี มันจะปล้ำกูแต่เสือกโง่กระโจนใส่ประตู ค.ยไม่หักก็บุญหัวมึงเท่าไรแล้ว

     

    เออถ้าหักไปมึงแหละจะเดือดร้อนฟ่าง

     

     

    ไม่มีใครเขาเดือดร้อนเพราะมึงหรอกแทนอันเล็กเท่าเข็มสอยเสียงไอ้ปันที่กำลังเอียงหน้าหามุมกล้องหันมาล้อเลียนไอ้แทนด้วยความเบิกบาน

     

    กร้ากกก มันเจ็บตรงเข็มสอยนี่แหละปันหึ เออต้องเข็มสอยด้วยนะ กูชอบๆ

     

    อย่าเอาปมด้อยตัวเองมาล้อคนอื่นไอ้น้องไอ้แทนเดินเข้าไปนั่งรวมกับพวกไอ้เชนพลางเช็ดผมไปด้วย

     

    คิวไอ้แทนด่ามึงไอ้ปันโยนไปให้ไอ้คิวแล้วมันก็ลามไปเป็นต้มๆ คึ ทอดๆป่ะวะ

     

    ด่ามึงเหอะ อย่า อย่าเอาประเด็นนี้มาพูดกับกูครับพวกมึงไม่รู้จักคิวสามวาสองศอกครึ่งซะแล้ว

     

    ศอกหักป่ะวะ”

     

    กวนตีนไอ้แคระ

     

    หรือมึงก็สับสนกับมาตรตราวัดวะคิว แบบนี้เขาเรียกคืบไม่ใช่ศอก ฮ่าๆๆไอ้เชนกางนิ้วชี้กับนิ้วโป้งล้อเลียนไอ้คิว เลยถูกถีบเข้าให้

     

    “เฮ้ยพวกนายอย่าเสียงดังได้ป่ะเรากำลังถ่ายโซเชียลแคม”

     

    “เสือกพูดเราๆนายๆมึงมีเชื้อเจ้ารึไงห่า” ไอ้ฟ่างปาหมอนอิงใส่หน้าไอ้ปันไปเต็มๆ

     

    “เจ้าสายไหนเผื่อผู้ดีตัวจริงอย่างไอ้เบียร์มันจะรู้จัก” ไอ้ภูมิถาม มันเลิกอ่านหนังสือแล้วพลิกตัวนอนหงายเปลี่ยนมากระชากหัวผมเล่นแทน นอนทับโครงกระดูกจนเจ็บหัวไปหมดแล้วกูเนี่ย เชี่ยภูมิผอมเนไปล่ะมึง

     

    “ถึงเราจะไม่ใช่เชื้อเจ้าแต่เราก็เป็นคนชาววัง”

     

    “วังไหนวะ” ผมถามบ้าง

     

     

    “วังทองหลาง” กร้ากกกกกชาววังทองหลางสินะ แต่ก็เออนะบ้านเก่ามันอยู่วังทองหลางครับ

     

    “อย่างมึงเต็มที่ก็วังวันไม่ก็วังเวงหรือวังตะไคร่”

     

    “ตะไคร้ คือจะเอาฮาหรือว่าโง่จริงเมื่อกี้” ฟ่างเท้าคางถามแถมยังส่ายหน้าเอือมๆ ไอ้แทนมันก็ขำกับมุขควายๆของตัวเอง แต่มันก็ไม่ย่อท้อคลานเข่าเข้ามานั่งแทบเท้าให้ไอ้ฟ่างเช็ดผมให้ ผมให้ทายว่าฟ่างมันทำไหม ถูกครับ มันถีบเลยครับ

     

    “เป็นง่อย?

     

    “แม่น้องผัดใจร้ายพี่รึอุตส่าห์ทำเพื่อเจ้าทุกอย่าง พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้เจ้าใช่ไหมไม่เคยให้พี่”

     

    “ดูไปดูมาเหมือนพี่เขยกูเป็นคนไม่ค่อยเต็มเลย” กรั่กๆขนาดภูมิที่ไม่ค่อยจะวิพากษ์วิจารณ์ใครสักเท่าไรยังสัมผัสได้ถึงความเสี่ยวของไอ้แทนเลยครับ

     

    “มึงเพิ่งรู้เหรอภูมิ แฟนที่ไร้ศักยภาพอย่างมันก็ไม่รู้กูจะทนคบไปถึงเมื่อไร” ดอกนี้จัดว่าเจ็บครับฟ่าง

     

    “อึหืออออ เจ็บแทนเพื่อนเลยกู ไร้ศักยภาพกับไร้สมรรถภาพคนละอย่างใช่ไหมคะข้าวฟ่าง” ไอ้เชนถามพร้อมกับยิ้มขำ

     

    ไอ้แทนมันเลยจุดเอือมแล้วครับเพราะมันเข้าสู่ยุคเสื่อมแล้วจริงๆ พูดเรื่องยุคเสื่อมแล้วผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะเล่าอะไรให้ฟัง เมื่อเดือนที่แล้วไอ้คิวกับไอ้แทนไปสร้างเรื่องครับ ฮ่า โอ้ยยยนึกแล้วก็ฮา คือว่ามันอุตริร้องเพลงไอ้คิวก็เล่นกีตาร์ไอ้แทนก็ร้อง รู้สึกจะห้องรับแขกบ้านไอ้คิวแล้วอัพลงยูทูป

    พวกมันร้องเพลง ที่รัก(เธอ) แต่จุดพีคมันอยู่ตรงที่ว่าตอนจะจบไอ้แทนเสือกแกล้งจะหอมแก้มไอ้คิว คราวนี้วงการที่เรียกตัวเองว่าสาววายนี่ยิ่งกว่าปอบเข้าครับ คือพวกมันก็คงกะจะทำขำๆสนุกๆแค่เสือกพลาดตรงที่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้กับสมัยนี้เขาคงชอบอะไรแบบนี้กัน

     

    ดีที่คุณชายเบียร์มันแคปคอมเม้นมาประจานในไอจี เพราะมันเข้าไปดูทันก่อนที่ไอ้แทนจะล็อคเป็นวิดีโอส่วนตัว กร้ากกก ก็ขนลุกกันไป ไอ้ฟ่างที่แอบติดไปในคลิปยังขำแฟนมันแทบตายแล้วดูเนื้อเพลงสิครับ

     

    ขยับเข้ามาได้ไหม
    ขยับมาใกล้กัน
    ขยับความสัมพันธ์
    มารักกับฉันนะเธอ

    ลองคบลองดูกันไหม
    เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน
    เธอจะมีแต่ความสุข
    เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ

     

     

    -พี่คนที่ร้องเหมือนจะเรียนที่เดียวกับเราเลยอ่ะ  ตัวจริงหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    -เฮ้ย เป็นแฟนกันรึเปล่าคะ กรี๊ดดด ฟินๆๆๆๆ

     

    -พี่แทนวิศวะ เคยเจอๆๆ จะบอกว่าหล่อมากกกกคอนเฟิร์ม พี่เขาเคยเป็นวีเจด้วย

     

    -แว้กกกกกก ชอบพี่คนเล่นกีตาร์อ่ะ โคตรหล่อโคตรเซอร์โคตรรติสท์ สเป็คเลย

     

    -เล่นเก่ง เพราะดี

     

    -อย่างหล่อ ไม่น่าเลยอ่ะ เสียดาย(ทั้งคู่)

     

    -ชะนีตายไปเลยยยยยย

     

    -เรามีไอจีพี่แทน นี่ๆๆๆ ฟอลเลย กรี๊ดดด ขอให้เป็นแฟนกันจริงๆ

     

    -เขาน่าจะเป็นแค่เพื่อนกันนะคะเพราะเห็นในไอจีพี่แทนฟอลแค่คนเดียว เคยเข้าไปดูไม่ใช่พี่คนนี้อ่ะ

     

    -เหมือนหลุดออกมาจากนิยายเลย นาทีที่2.38แอบเห็นคนขาวๆเดินผ่านอ่ะ ขาวเว่อร์ต้องหล่อแน่ๆ

     

     

    ประเด็นตอนนี้คือใครที่โหลดคลิปนั้นเก็บไว้ได้ทันส่งมาให้ผมนะครับจะตอบแทนรางวัลให้อย่างงามเลยครับ บู่วววววววววววววว

    ส่วนสัปดาห์ถัดมาไอ้ฟ่างพาไอ้เต้ยไปซื้อของแล้วปล่อยไอ้คิวไอ้แทนอยู่ด้วยกัน นรกดีๆนี่เองมันก็เตะบอลกันอยู่หน้าบ้านกับไอ้ข้าวผัด แต่เตะอีท่าไหนไม่รู้ ได้จ่ายค่าซ่อมกระจกหลายหมื่น ไอ้ฟ่างด่าไอ้แทนเหมือนด่าหมาเลยครับ กร้ากกกกกกกกก

     

    “เฮียยยยยยเคสเท่จัง ซื้อที่ไหนซื้อให้เต้ยมั่งดิ” ไอ้เต้ยที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนมันคว้าโทรศัพท์ไอ้ฟ่างไปดู “เคสคู่ด้วย เฮ้ยสวย เต้ยอยากได้ พี่คิวเต้ยอยากได้”

     

    “กูไม่ได้ใช้ไอโฟน”

     

    “งั้นก็ซื้อสิ”

    “โห เหมือนเครื่องล่ะสิบยี่สิบบาทเลยนะ จะให้กูลงทุนซื้อโทรศัพท์เพื่อที่จะได้ใส่เคสคู่เนี่ยนะ ปัญญาอ่อน”

     

    “ไม่รักเต้ยเหรอ”

     

    “เป๊ะ วลีเดิมเป๊ะ” ไอ้คิวกลับไปนอนเอาตีนก่ายหน้าผากดูหนังกับไอ้เบียร์เหมือนเดิม

     

    “กูว่ามึงก็คงได้ตามใจมันอีกเป๊ะ”

     

    ไอ้เบียร์ตบไหล่ปลอบใจไอ้คิว แต่เดี๋ยวก่อนผมรู้สึกได้ถึงรังสีอะไรบางอย่าง เชี่ยแล้วไหมล่ะ ผมน่ะเห็นมาสักพักแล้วว่าคู่แทนฟ่างนี่เขามีเคสคู่แต่กูเงียบไว้ไงครับเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าภูมิมันรู้

     

    ยังจะยกมาอวดอีกนะเชี่ยแทน มึงจะใช้เคสคู่รักคู่เดือดอะไรกูจะไม่ว่าสักคำแต่ทำไมต้องเอามาอวดมาโชว์ให้ภูมิมันเห็นวะ ครั้งที่แล้วไอ้เสื้อคู่จัญไรไม่ไว้หน้าผม สาเหตุก็มาจากเสื้อคู่ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างจำกันได้ใช่ไหม ก็รู้อยู่ว่าภูมิมันเด็กขี้อิจฉายังจะเอามามันเห็นอีก เตรียมตัวบอกลาเคสเต่าเน่าๆได้เลยกู

     

    “พีม” นั่นไง เรียกชื่อเล่นกูก็เป็นด้วย

     

    “อือ”

     

    “ไปสั่งทำเคสกัน” งวดหน้า 58 ซื้อเลยหมอพีมแม่นจริงๆ ผมก็พยักหน้าเออออไปก่อนล่ะครับ เดี๋ยวภูมิมันก็คงลืมไปเอง(เหรอ) ไม่ต้องมาลูบหัวกูเลยยย ไม่ต้องมาหัวเราะชอบอกชอบใจด้วย

     

    “ดูหนังแม่งน่าเบื่อว่ะภาคนี้กูดูสามรอบล่ะ เรามาดูดวงกันดีกว่า เดี๋ยวกูจะพยากรณ์ชะตาชีวิตให้”

     

    “ดวงอะไร ดวงหากินกับกระเป๋าเงินเพื่อนหรอมึงเชี่ยคิว”

     

    “ดูดวงแบบต้องปูผ้าไง”

     

     

    ไอ้คิวล้วงเอาสำรับไพ่ในเป้ออกมาก่อนจะคว้าสูทไอ้เบียร์มาปู ปั๊ดโธ่ ทำไมประยุกต์ของเก่งขนาดนี้วะเพื่อนกู พอเตรียมที่ทางเสร็จปุ๊บมันสับไพ่ยิ้มหวานยักคิ้วรอเหยื่อๆทั้งหลาย มึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันสักวันมันจะตายไหม ทำเป็นด่าเขาแต่ว่ามือกับขาเรานี่คลานเข้าวงไปแล้วครับ

     

    โชคร้ายที่ถูกภูมิคว้าคอไว้ซะก่อน ฮึ่ย คันมือเว้ย ไอ้เบียร์ออกไปคุยโทรศัพท์เชี่ยนี่มีสายเข้าถี่กว่าไอ้เช่นอีกครับไม่รู้ธุระอะไรนักหนาแต่ก็ช่างมัน ไอ้ฟ่าง ไอ้แทน ไอ้เต้ย ไอ้คิว ไอ้มิค ก็ตั้งวงกันไป แถมยังสั่งให้ผมไปหาเหล้ายามาเสิร์ฟอีก บ้านกูไม่ใช่บ่อนและกูไม่ใช่เด็กบ่อนเว้ยยยย

     

     “พีมมีเหล้าป่ะเปรี้ยวปากสัด”

     

    “ไม่มี กูขนไปไว้คอนโดหมดล่ะ มีแค่เบียร์เอาไหม อ่อ แต่มีรีอยู่กลมนึงแต่แม่งก็ไม่มีมิกซ์อยู่ดีว่ะมึง”

     

    “นี่มิค นี่ไงมิค มิคตัวเป็นๆหล่อด้วย”

     

    “จะเล่นไพ่หรือจะกลับไปนอนมโน ควายยยย เชี่ยมิคแม่งอาการทรุดกว่ามึงอีกว่ะพีม”

     

    “อ้าววววววววววว กูไม่ได้ฟั่นเฟือนแบบมันนะ”

     

    “รี รีเจนซี่บรั่นดีไทย” หืมมมมมมมมม ผมหันกลับมาดูไอ้ปันที่ขมวดคิ้วสู้กล้องแล้วพึมพำอะไรสักอย่าง ทำไมแบตโทรศัพท์มันไม่หมดสักทีวะ

     

    “ลีโอเบียร์ ถูกคอ ถูกใจ” อ้าวเชี่ยมิคอยู่คนล่ะฝั่งมันเสือกสื่อสารกันได้ครับคุณผู้ชม ผมสกิดให้ภูมิมาฟังด้วยกันมันก็นอนขำให้ผมนอนทับอยู่ที่เดิม

     

    “อาชาเบียร์ เพื่อน สัมพันธภาพที่ตัดกันไม่ขาด”

     

    “ช้าง…….. เบียร์คนไทยทำเอง”

     

    “สิงห์…….. สิงห์  หเสนี”

    “แต่กูชอบจ่านกร้องอ่ะ เป็นแชมป์ด้วย”

     

    สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มันคนละสิงโว้ยยยยยยยยยย แล้วนั่นมันพากันไปชิงช้าสวรรค์กันได้ยังไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วเชี่ยปันกับเชี่ยมิคก็ไฮไฟว์กันกลางอากาศ มันขำคิกคักก่อนจะกลับไปสนใจกิจกรรมของตัวเองกันต่อ ปล่อยให้พวกผมงงกันต่อไป

     

    “เฮียมิคถ้าตานี้เต้ยช่วยเฮียมิคโกงพี่คิวได้ เฮียมิคต้องซื้อเฟอร์บี้ให้เต้ยนะ เต้ยเกลียดมัน เต้ยอยากฆ่ามันเต้ยไม่ชอบขี้หน้ามัน” นี่ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนน้อยหน้าไปกว่าใครที่ไหนเลย ซื้อมาทำลายเพราะเกลียดดีว่ะเต้ยเฮียว่าดี

     

    “มึงจะไปเสียเงินซื้อทำไมเต้ย ไปขอเล่นกับไอ้ภูมิสิมันมีตั้งนานล่ะแต่มันไม่เคยอวด ไอ้พวกที่เพิ่งมาฮิตทำเป็นอวดเนอะภูมิเนอะ”

     

    “หืม ภูมิ ตัวเล่นเฟอร์บี้ด้วยหรอ จริงดิกูเซอร์ไพรส์นะเนี่ย”

     

    ไอ้ฟ่างหันมาถามน้องมัน พวกเราทุกคนก็มองไอ้หล่อกันใหญ่เลยครับ ผมนี่จ้องเลยมึงไปแอบเล่นตั้งแต่เมื่อไร แต่ภูมิมันก็ส่ายหน้าจนหัวแทบจะไถไปกับพื้น

               

    “เอ๋า นี่มึงก็ไม่รู้หรอฟ่างไอ้ภูมิมันขับไปไหนมาไหนออกจะบ่อยสีแดงๆน่ะ” โอเคกูเก็ทแระ

     

    “โถถถถถถถ อันนั้นมันเฟอรารี่ไม่ใช่เฟอบี้ไอ้ควายยยย เรื่องโง่ๆนี่ฉลาดนัก อะไรที่ไม่ต้องใช้ความคิดนี่ไวเลยนะสมองมึงน่ะวู้ววว กูไม่แจกไพ่ไอ้มิคแม่งล่ะตานี้” กร้ากกกกกกกกกกกกก เคลียร์กันดีๆนะพวกมึง

     

    ดูพวกนั้นเล่นไพ่ก็คงไม่จรรโลงใจ มันต่ำน่ะครับ เด็กๆอย่าไปดูมาดูอะไรที่ต่ำกว่าแล้วกัน ฮ่าๆๆ เรามาดูไอ้ปันกับไอ้แมทอัดคลิปท้าไฝ้วคล้ายๆพี่เซเลปคนนึงดีกว่าครับ

     

    “พี่ปันถอดเสื้อด้วยสิพี่”

     

    “แต่กูไม่มีลายนะมึง แต่เอาซิกแพคแปดลอนเข้าสู้ก็ได้ใช่ไหมแมทน้องรัก” แล้วมันก็ถอดเสื้อออกก่อนจะนอนบนโซฟาให้เชี่ยแมทอัดคลิป

     

    “พร้อมนะพี่”

     

    “เคๆกูโปรขวดม่วง มะ!!! จัดมา”

     

    “ห้า สี่ สาม ไปพี่ไป”

     

    “ครับก็สวัสดีเพิ่ลๆชาวโซเชียลแคมนะครับ ผม ปัน ธิดา” กร้ากกกกกกกกก สาบานว่านั่นคือชื่อแก๊ง อ่อมันคงจะแข่งกับแก๊งโอรส กูจะโดนไฝ้วไปด้วยไหมเนี่ย “ก็ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ว่างนะ ไปขับมอไซต์ อยู่วินราชเทวี ที่จะพูดวันนี้ก็ไม่ได้อะไร แค่อยากฝากถึงป้าร้านส้มตำไก่ย่าง อย่าย่างไก่ตอนผมเข้าวิน เข้าใจป่ะ มันหิว ไม่มีสมาธิขับรถ นะ เข้าใจป่ะ นะ หรืออยาจะไฝ้ว บอกได้ เข้าใจป่ะ ห๊ะ นะ โอเค ไปล่ะ”

    “ฮ่าๆๆ ทำไมต้องทำเสียงเพลียๆเหมือนเพิ่งตื่นด้วยวะ”

     

    “เอ๋าก็เพราะมันคือเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ ไอ้แมทมึงมาส่งคำท้าไฝ้วมั่ง” แล้วมันก็เปลี่ยนกัน ดีนะเนี่ยเชี่ยมิคคุยโทรศัพท์กับแฟนอยู่ไม่งั้นละฮากว่านี้

     

    “สวัสดีเพิ่ลๆซาว”

     

    “ชาววววว” ผมกับภูมิตะโกนพร้อมกันแต่พวกไอ้แทนนี่ขำหงายหลังไปแล้วครับ โอยยยยตายครับตายน้องแมทธิวลูกครึ่งอิตาลี ซาวววววว กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    “ฮ่าๆ เอาใหม่พี่เอาใหม่ ครับสวัสดีเพื่อนๆชาวโชเชี่ยว”

     

    “อ้าวไอ่ห่าพอช.ช้างก็มากันทั้งโขลงเลยนะ โซ เชียล แคม” กว่าจะมาฝึกกันออกเสียงก็ไม่รู้เมื่อไรจะได้ไฝ้ว ผมพาไอ้แมทพูดตามทีละคำ

     

    “เคๆพี่ สวัสดีครับๆเพิ่ลๆชาวโซเชียลแคม แม่งพูดยากว่ะ ผม แมทธิว ฝั่งธน” เออนี่ค่อยเหมือนชื่อแก๊งค์ขึ้นมาหน่อย “วันนี้ผมจะไม่ขอพูด” อ้าวไม่พูดแล้วมึงจะทำอะไร

     

    “พูดสิเฮ้ย มึงไม่พูดแล้วกูจะไฝ้วกับใคร”

     

    “ฮ่าๆงั้นผมจะพูดก็ได้คือผมฝากถึงพี่ปัน ธิดาว่าอย่าเก๋ามาก อย่าหากินทับทางกัน เข้าใจไหมครับ ขับวินราชเทวีก็อยู่ราชเทวีอย่ามาบุกรุกที่ห้วยขวง”

     

    “ขวางงง” ภูมิที่คว้ามือผมไปจับเล่นถึงกับขำก๊ากเลย อะไรคือห้วยขวง กูทนฟังไม่ได้จริงๆแมท ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    “มันกะเว่ายากเนาะอ้าย”

     

    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก มาเต็ม ไอ้น้องแมทมันคงจะมีปัญหาในการออกเสียงภาษากลางอยู่สองสามคำ อย่างคำที่ไอ้ปันกำลังสอน สัดให้ใครสอนไม่สอนให้ไอ้ปันสอนเนี่ยนะ สบายล่ะมึงไอ้แมท

     

    มึงพูดตามกูนะแมทเดี๋ยวกูจะสอนมึงออกเสียงเยี่ยงวิถีแห่งชาวกรุง น้ำส้มคั้น

     

    น้ำ ส้ม คั่น

     

    มึงจะคั่นทำส้นตีนไร คั้น คั้น

     

    คั้น

     

    น้ำส้มคั้น

     

    น้ำส้มคั่น

     

    “จิ๊ เอาใหม่ๆ มาลองคำนี้ ห้วย ขวาง”

     

    “ห้วยขวง”

     

    “ขวาง

     

    “ขวาง”

     

    “ห้วยขวาง

     

    “ห้วยขวง”

     

    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เชี่ยน้องแมทไอ้น้องรักกูว่ามึงกลับอิตาลีไปเถอะน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในชีวิตมึงแล้วนะ ไอ้แมทคงเป็นประเภทหล่อแค่หน้าตาอย่าต้อง คืออย่าต้องให้แม่งขยับเคลื่อนไหวหรือพูดอะไรแม้แต่กระพริบตา เพราะไม่เช่นนั้นแล้วความหล่อแบบอินเตอร์จะทรุดฮวบมากครับ

     

     

     “พวกมึงรู้ไหมว่าจานใบนี้ไม่ใช่จานธรรมดานะ” อะไรอีกล่ะเนี่ยพอฝั่งนี้สงบฝั่งนั้นก็ผีเข้า อยู่ๆไอ้มิคมันก็ชูจานขึ้นมากลาวงไพ่ทุกคนก็หันไปมองมันและมันก็บอกว่า “เพราะมันคือจานกระเบื้อง คึ”

     

    “นี่ก็ไม่ใช่ช้อนธรรมดาเพราะมันคือ ช้อนส้อม”

     

    “นี่ก็ไม่ใช่น้ำธรรมดาเพราะว่ามันคือน้ำแร่” คราวนี้เป็นไอ้ปันบ้าง “เดี๋ยวกูอ่านสรรพคุณให้ฟัง น้ำแร่ธรรมชาติ 99% อ้าวแล้วอีกหนึ่งเปอร์เซนต์มึงจะเหลือไว้ทำติ่งอะไร แต่อย่าไปกินเลยน้ำแร่มันมีเพราะแม่งมีแต่โทษ”

     

    “โทษอะไรวะใครๆเขาก็บอกว่ามีประโยชน์ทั้งนั้น”

    “โทษที่พวกมึงแม่งจนเลยไม่มีปัญญาซื้อมาแดกไง ฮ่า”

    “กูว่ามันไม่ได้แก่ตายแน่ๆ” ผมเชื่อพี่ฟ่างครับพี่

    “ส่วนนี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเพราะมันคือคนบ้า”

     

    ไอ้เชนเล่นบ้าง ฮ่าๆๆๆ มันชี้ไปที่ไอ้มิคกับไอ้ปัน นั่นแหละไอ้คนเหนือโลกถึงได้เลิกบ้าแล้วก้มหน้าตีป๊อกเด้งต่อ ส่วนไอ้ปันมันกลับไปสวัสดีเพิ่ลๆชาวโซเชียลแคมกับไอ้แมทอีกครั้งนี้มีไอ้มิคแจมด้วย เต็มที่มึงเต็มที่วันนี้วันพระกูเข้าใจเป็นจังหวะเดียวที่ไอ้เบียร์กลับเข้ามา

     

    มันจะเดินมาหาพวกผมแต่เชี่ยเต้ยดันคว้าแขนเกาะขาและร่ำๆจะให้เฮียเบียร์มาช่วยเล่นสงสัยถูกไอ้คิวโกงกินเงินอีกล่ะสิมึงกับแฟนมันก็ไม่เว้นนะครับเรื่องเงินทองๆ ส่วนไอ้คุณชายที่ธาตุอ่อนแพ้เด็กเป็นทุนเดิมเลยยอมไอ้เต้ยไปตามระเบียบ

     

                “เออภูมิได้ข่าวว่าคณะนิเทศมาขอให้มึงเป็นพระเอกละครเวทีให้หรอ” ไอ้เบียร์หันมาถามภูมิในขณะที่มันกำลังจะถูกไอ้เต้ยปีนขึ้นไปขี่คอเพื่อแอบดูไพ่ไอ้คิว

     

    “อือ” ภูมิตอบส่งๆ มันปล่อยมือผมที่จับๆบีบๆเล่นอยู่นาน ก่อนจะเปลี่ยนมาขย้ำหัวผมจนฟูฟ่องแทน

     

    “เชี่ยนี่”

     

    “หึหึ หมั่นเขี้ยวเลิกเล่นได้ล่ะเกมส์น่ะ”

     

    “ก็มึงไม่ให้กูเล่นไพ่กูไม่มีไรเล่น”

     

    “เล่นกับกูนี่ไง”

     

    “จะจีบกันไปจีบข้างนอกครับพวกกูต้องใช้สมาธิ” พ่องมึงไอ้แทน

     

    “เฮ้ยจริงดิ? เฮียภูมิได้เป็นพระเอกหรอ” ไอ้เต้ยถ่างตาจนแทบถนนมันดูตื่นเต้นมากต่างจากคนถูกถามที่ลุกไปนั่งบนโซฟาแบบชิลๆแล้วยังยื่นเท้ามาเขี่ยเท้าผมที่นอนอยู่ที่เดิม

     

    วันนั้นที่ภูมิมันมาเล่าให้ฟังผมยังขำไม่หาย ถึงว่าทำไมมันดูอารมณ์ไม่ค่อยดีทั้งวัน คือไอ้หล่อมันไม่ค่อยชอบงานทางด้านนี้เท่าไรน่ะครับ พูดง่ายๆว่าอะไรที่ต้องใช้หน้าตาภูมิมันไม่ชอบเลยสักอย่าง

     

    “วะ วะ ว้าววววว ดังใหญ่แล้วเพื่อนกู เรื่องอะไรวะหล่อ มึงเอาไอ้พีมไปเล่นด้วยดิ เขาได้บนคนแคระรึยัง อย่างมึงไม่ต้องแคสฯเลยพีม แค่เขาเห็นตอนที่มึงกระดึ๊บๆไปนะรับรองผ่านฉลุย”

     

    “พ่อมึงตายเชี่ยคิว”

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

     

    “แล้วมึงรับเล่นแล้วหรอ” น้ำเสียงนุ่มๆไพเราะเพราะพริ้งเหมือนอ่านทำนองเสนาะตลอดเวลาแบบนี้ถึงไม่ต้องเงยหน้าขึ้นดูก็รู้ว่าคือท่านชายเบียร์

     

    “เปล่า กูปฏิเสธไปแล้ว ไม่ชอบมันวุ่นวาย”

     

    “แต่ประสบการณ์ทั้งทีทำไมไม่ลองดู โอกาสดีๆน่าคว้าไว้นะ”

     

    “มึงอยากเล่น? ภูมิถามเพื่อนมันกลับ

     

    “ก็เปล่า กูแค่คิดว่ามึงอาจจะได้ลองทำอะไรใหม่ๆไง เอาจริงๆทำไมมึงเล่น” พอจบคำถามของไอ้เบียร์ทุกคนก็เงียบแบบอัตโนมัติ คือเหมือนไม่สนใจแต่แม่งคือกระดิกหูมากแต่ละคนโดยเฉพาะเชี่ยฟ่างคงลุ้นกับน้องมันน่าดู เออนะเอาจริงๆผมก็ยังไม่รู้เหตุผลที่ภูมิไม่ยอมเล่นละครเวทีให้มหาลัย มันเงียบไปสักพักก่อนจะส่งสายตาอันแหลมคมของมันมาทิ่มคอหอยผม

     

    “กูกลัวซ้อมหนักแล้วไม่มีเวลาดูแลมัน”

     

    เชรดดดดดด เอ้อ มาย ก๊าดดด คือเอางี้เลย ตรงๆเลย ดีเนอะตาพร่าเลยกู นี่ต้องให้คลานเข่าเข้าไปหาแล้วกรีดเลือดหัวใจบูชาไหมครับแฟนครับ

     

    ซึ้งน้ำตาจะไหล ขอแชร์นะครับ

     

    “กูว่าไอ้แทนหนักแล้วนะแต่ดูท่าว่าน้องกูคงสาหัสกว่า”

     

    “ไม่ทราบว่าเครือข่ายไหนครับ โปรทนโปรนานบริการด้วยใจ ไม่มีวันหมดเลยนะครับนะ แหมมมมมม”

     

    เครือข่ายเดียวกันที่มึงใช้กับไอ้ฟ่างนั่นแหละแทน

     

     

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฮอลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล อร้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    ฉันคิดถึงพวกเธออออออออออออออออออออออออ นี่คงแอบด่าแอบแช่งฉันอยู่ละสิที่ผิดสัญญา คือว่างี้นะคะ สวยเพิ่งผ่านช่วงรับปริญญา แล้วแบบว่าก็หางานทำ แล้วก็แบบว่า แบบว่า

    ขอโทษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษ แต่เค้าก็คิดถึงพวกเธอนะ คิดถึงเล้าคิดถึงเด็กดี คิดถึงคนอ่าน คิดถึงวีอาร์ คิดถึงหนุ่มๆเดอะแก๊งค์ คิดถึงคนกดแบน กร้ากกกกกกกกกก รีบๆอ่านแล้วก็เซฟไว้ซะนะก่อนจะโดนอุ้ม ตอนพิเศษนี้ก็ถือว่าแทนความคิดถึงนะคะ สวยพาหนุ่มๆมาเยี่ยม (คำผิดเยอะก็ทนหน่อยนะเทอ ว่างเมื่อไรจิมาแก้)

    แต่แบบคือตอนนี้กรี๊ดน้องภูมิมาก เท่ ได้ อีกกกกกกกกกก ฮอลลลลลล อยากได้ๆๆๆๆๆๆๆ ลอบฆ่าไอ้พีมดีไหมคะ น่าจะดี หึหึหึหึ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอบคุณทุกคนทุกท่านที่ยังแวะเวียนมาเยี่ยม ยังคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหมคะ ลืมสวยลืมได้นะแต่ถ้าลืมวีอาร์นี่จะสั่งไอ้คิวไปยิงไส้แตก อิอิอิ

     

    และนี่คงจะเป็นพิเศษสุดท้ายจริงๆแล้ว ต่อไปคิดถึงหนุ่มๆแค่ไหนก็คงจะปล่อยแล้ว เหมือนแม่เลยเนอะ แบบว่าฉันดูพวกแกอยู่นะไม่ยอมไปไหนสักที พอเขียนเรื่องใหม่มันเลยมีปัญหาเพราะว่าออกจาก      วีอาร์ไม่ได้ อิอิอิ ก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะคะ กับคนอ่านเราก็พูดกันได้ทุกวันเนอะ เฟช ทวิต ส่วนไอจีตาลไม่เล่นเพราะขี้เกียจแต่งรูปกว่าจะดูเหมือนคนได้นี่ไม่ต่ำกว่าสามแอ๊ปนี่พูดเลย กร้ากก

     

    เอาเป็นว่าสวยถือโอกาสนี้อวยพรปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะคะ ขอให้คนอ่านมีความสุขและได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆที่ตั้งใจไว้ในปีหน้า ขอให้ประเทศไทยของเข้มแข็งและยิ้มได้อีกครั้ง

     

    รักทุกคนเสมอและขอโทษกับหลายๆอย่างที่ผ่านมา

    ทะเลหัวใจ

    ปล ขอบคุณทุกๆคนทุกๆคำอวยพรวันเกิดที่ผ่านมานะคะ ^________^

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×