ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11 Specail From PooM ^^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 50.19K
      355
      11 ธ.ค. 53

     
     
                                                            



                                                               ตอนที่
    11


    .....By PooM ^^
     
    “พ่อมึงสิเตี้ย ไอ้สัด” ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าด่าผมแบบนี้ แล้วไอ้เตี้ยนี่เป็นใคร ผมกำคอเสื้อมันแน่น ข่มอารมณ์โมโหที่อยากจะซัดหน้ามัน ผมจ้องตามันด้วยดวงตาแข็งกร้าวชนิดที่ใครมองต้องหัวหด แต่มันก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลัวเกรงอะไรเลยแถมจ้องผมกลับอีกต่างหาก
     
     แล้วผมก็นึกอะไรดีๆขึ้นมาได้ แค่เรียกมันว่าเตี้ยยังของขึ้นขนาดนี้ แล้วถ้า…..
     
    “หึ ปากดีนิ อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรนะ” ได้ผล ตาโตๆของมันเบิกกว้างกว่าเดิม ผมรู้ว่ามันเป็นผู้ชาย ถึงไอ้หมอนี่จะเตี้ยกว่าคนปกติ ถึงมันจะตาโตๆปากส้มๆ แต่ผมก็ไม่ได้โง่ตาถั่วจนแยกแยะเพศไม่ออก ผมยิ้มกวนตีนมันและยังไม่ทันได้ตั้งตัว ตีนไอ้เตี้ยก็เตะน้องชายสุดที่รักของผมเต็มแรง


    สองวันเต็มๆที่ผมต้องขาดเรียนเพื่อรักษาร่างกายให้คงสภาพเดิม แค่นึกถึงหน้าไอ้เตี้ยผมก็อยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ


    ผมบังคับขู่เข็ญไอ้แทนให้พาไปหาไอ้เตี้ยนั่น แต่มันก็ไม่ยอมบอก เอาแต่ปกป้องเพื่อนอยู่ได้ แล้วกูไม่ใช่เพื่อนมึงหรอสัด ผมเลยต้องงัดไม้ตายเอาพี่ชายมาอ้าง ก็ข้าวฟ่างนั่นแหละ ถ้าไอ้แทนไม่ยอมพาผมไปหาไอ้เตี้ยก็อย่าหวังว่าจะได้ใกล้ไอ้ฟ่างอีก หึ ไอ้แทนมันไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว



    ผมไม่ได้คิดวางแผนอะไรไว้ว่าจะแก้แค้นไอ้เตี้ยยังไง แต่ไม่กระทืบมันหรอก ไม่อยากรังแกลูกหมาตาดำๆ   แค่อยากจะเอาคืนให้สาสม วันที่ผมลากมันไปโกดังที่สมุทรปราการ จริงๆแล้วผมแค่แวะมาดูว่าลูกน้องพ่อเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยรึเปล่า เพราะผมเพิ่งเอาคนมากระทืบที่นี่ ไอ้เวรนั่นอยากกวนตีนดีนัก ป่านนี้ยังนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่มั้ง


    ไอ้เตี้ยมันดูหลอนๆคงคิดว่าผมจะพามันมาฆ่าหมกป่า ตอนแรกแม่งโวยวายลั่นรถแต่พอผมตวาดเข้าหน่อย หัวหดเงียบเป็นเป่าสาก หึ

    พอมาถึง ผมก็นึกอะไรดีๆออก อยากซ่าส์นักใช่มั้ย งั้นก็มาซ่าส์ใกล้ๆมือใกล้ๆตีนกูดีกว่า ตอนนั้นหน้ามันโคตรตลก ผมบอกให้พูดให้ทำอะไรก็ทำ สะใจดีชิบหาย มันคงกลัวผมมาก หึ ก็สมควรแล้วมันอยากริลองของกับคนอย่างไอ้ภูมิดีนัก



    แต่จะว่าไปไอ้เตี้ยมันก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวอะไรหรอก แต่ที่มันยอมคงเป็นเพราะมันไม่ชอบมีปัญหา ถ้าเป็นผมเหรอ หึ อย่าฝันเลย อยู่ๆต้องมาคอยรับใช้ใครก็ไม่รู้ แต่ไอ้เตี้ยมันก็ทำ มันคงไม่ค่อยขัดใจใครหรือจะพูดง่ายๆ มันเป็นพวกปฏิเสธคนไม่เป็น แม้กระทั่งกับผมที่แกล้งมันสารพัด
     


    วันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งมันไว้ที่ห้างหรอกนะ แต่ผมกับหมิวเราใช้เวลารำลึกความหลังกันนานไปหน่อย พอนึกได้ หน้าเอ๋อๆของไอ้เตี้ยก็ลอยเข้ามาในหัว ผมบึ่งรถกลับมาแต่รู้ว่าคงไม่ทันเพราะมันสี่ทุ่มกว่าแล้ว ห้างคงปิดแล้ว และได้แต่หวังว่ามันคงไม่บื้อรออย่างที่ผมบอกจริงๆ
     

    แต่วันต่อมาผมก็ได้รู้ว่ามันนั่งรอผมสี่ชั่วโมงเต็มๆ
     

    ผมพามันมาค่ายมวย  ผมชอบมาซ้อมมวยเพราะเบื่อพวกกีฬากิ๊กก๊อก อีกอย่างงานอดิเรกผมก็มีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา ถึงจะเรียนคาราเต้ ยูโด เทควันโด้ก็เหอะ ก็บอกแล้วว่ามันน่าเบื่อ
     


    ไอ้เตี้ยดูจะตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ ระหว่างซ้อมผมก็มองมันที่นั่งเล่นโทรศัพท์ ไอ้เตี้ยเป็นคนที่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าชัดเจน เดี๋ยวมันก็ยิ้ม เดี๋ยวทำหน้าบึ้ง บางทีก็หัวเราะเหมือนถูกใจอะไรนักหนา
     

    มันคงคิดว่าผมไม่เห็นมั้งถึงได้หยิบไอโฟนของผมขึ้นมา แต่แล้วมันก็ทำหน้าหงุดหงิด บ่นงึมงำๆแล้วก็เหมือนจะหันมาด่าอะไรผมซักอย่าง หึหึ เวลาไอ้เตี้ยมันโมโหหรือถูกผมขัดใจ หน้ามันตลกดีครับ
     

    ตอนกลับมันบอกว่าหิวข้าว เลยแวะกินบะหมี่เข้างทาง จริงๆผมไม่ใช่คุณชายติดหรูอะไรหรอก ผมชอบชีวิตแบบธรรมดาๆอะไรก็กินได้ทั้งนั้น แต่บางอย่างที่มันอาจจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมบางครั้งมันก็ไม่ชิน เวลามากินอะไรแบบนี้ ข้าวฟ่างไม่ก็ไอ้เบียร์จะสั่งให้
     


    ไอ้เตี้ยมันอยากหัวเราะผม ผมรู้ ทำไมวะ ก็คนมันไม่เคย ผิดเหรอ สั่งก๋วยเตี๋ยวไม่เป็นมันผิดรึไง พอได้บะหมี่มาไอ้เตี้ยแม่งก็โซ้ยใหญ่เลย ผมก็เงอะงะ เห็นมันใส่อะไรก็ใส่ๆตามมันไป แต่แค่คำแรก แม่งเอ๊ย เผ็ดชิบหาย ไม่ได้ใส่พริกเยอะซักหน่อย
     

     ผมกลัวไอ้เตี้ยมันจะรู้ว่าผมกินเผ็ดไม่ได้ มันต้องหัวเราะเยาะผมแน่ๆ แต่มันแค่ยิ้มแล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มันยื่นมือที่เย็นเฉียบมาแตะริมฝีปากผมเพื่อช่วยบรรเทาอาการเผ็ด

    ผมสบตากับมัน ดวงตากลมๆสีดำ ตามันใสแจ๋วบริสุทธ์

    และเป็นมันที่ตั้งสติได้ก่อนแล้วรีบชักมือกลับไป มันหน้าเอ๋อเหรอหราทำตัวไม่ถูก ส่วนผมยังรู้สึกเผ็ดและรู้สึกแสบที่ริมฝีปาก แต่ว่าร่องรอยของความเย็นกลับถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นที่ทำให้ผมรู้สึกดี
     


    ไอ้เตี้ยดูจะหงุดหงิดที่เห็นผมนั่งอยู่ในผับ ตลอดเวลามันไม่มองหน้าผม คงกลัวว่าผมจะประจานคลิปลับของมันมั้ง ผมเพิ่งรู้ว่าไอ้เตี้ยมันเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มไอ้แทน เพราะตั้งแต่รู้จักพวกไอ้แทนไอ้คิวมาเวลามีเรื่องก็จะเห็นไอ้แทน ไอ้คิว ไอ้เชน ส่วนไอ้ปันมันก็โผล่มาบ้างเป็นบางครั้ง จนผมคิดว่ากลุ่มมันมีแค่สี่คนไม่เคยเห็นไอ้เตี้ยโผล่หัวมาซักครั้งสงสัยมันจะรักสงบจริงๆ



     
    พวกมันช็อคเรื่องไอ้แทนกับข้าวฟ่างไม่น้อย แต่สุดท้ายคำว่าเพื่อนก็ทำให้มันมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆและยอมรับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้



     ก็เหมือนผมตอนที่รู้แรกๆ พวกมันเป็นคนใกล้ตัว คนนึงคือเพื่อนสนิทอีกคนเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชาย แล้วแม่งพวกมันทั้งเจ้าชู้ เสเพล เพลย์บอย แต่อยู่ๆกลับมารักกันเอง แต่ผมจะว่าอะไรได้ละ
    หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองแต่ถ้าข้าวฟ่างบอกว่าสามมันก็ต้องเป็นสาม
     


    ใครๆก็อิจฉาผม บอกว่าชีวิตผมแม่งโคตรเพอร์เฟค อยากได้อะไรก็ได้ มีพร้อมทุกอย่าง แค่เอ่ยปากของที่ต้องการก็มากองอยู่ตรงหน้า แต่จะมีใครรู้บ้างว่าจริงๆแล้วผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ผมก็เจ็บเป็น ร้องไห้เป็น สิ่งของพวกนั้นมันอาจจะสนองความต้องการของผมก็จริง แต่มันก็แค่ชั่วคราว มันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขจริงๆเลยซักนิด

    จนหลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่ไม่มีอะไรเลย



    ส่วนความรักน่ะเหรอ หึ เหมือนผมจะเคยมี แต่มันก็นานมาแล้ว และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอมันอีกสักครั้ง
     



    ผมสงสารเด็กที่ต้องมาทำงานดึกๆแบบนั้น พวกเขายังเป็นเด็ก เป็นวัยที่ต้องได้รับการปกป้องดูแลจากพ่อแม่ ไม่ใช่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว ผมรู้ดีว่ามันทรมานแค่ไหนและมันยังฝังใจผมเรื่อยมา ผมเหมาดอกกุหลาบจากเด็กคนนั้น ถึงจะถูกเด็กคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าผมกับมันเป็นแฟนกัน แต่ผมกลับไม่ปฏิเสธ ไอ้เตี้ยมันมองผมงงๆ ผมเลยยื่นกุหลาบให้มัน
     

    มันนั่งอมยิ้มมองดอกกุหลาบเฉาๆกำนั้นตลอดทาง

     

    มันคงไม่รู้หรอกว่าผมก็แอบยิ้ม
     

    และมันก็คงไม่รู้อีกเหมือนกันว่าผมตั้งใจจะซื้อให้มัน
     

    ผมยอมรับว่าสับสน แต่ผมมันพวกไม่ชอบหลอกตัวเอง รู้สึกยังไง คิดยังไง ผมก็จะไม่โกหกตัวเอง
     
    จะไม่โกหกใจตัวเองว่าผมคงชอบมันเข้าแล้ว ผมคงชอบไอ้เตี้ยนี่แล้วจริงๆ


    แม้จะยังไม่แน่ใจว่าชอบแบบไหนก็เหอะ
     


    คืนนั้นผมแค่อยากจะแกล้งมันแต่ดันซุ่มซ่ามสะดุดขาโต๊ะ ล้มลงไปทับไอ้เตี้ยที่นอนอยู่บนโซฟา ผมสบตากับมันอีกแล้ว ตากลมๆของมันดูตื่นๆ ผมไม่รู้ว่าเราสบตากันนานเท่าไร แต่ที่รู้คือถ้าไม่มีผ้าห่มกั้นมันคงได้ยินเสียงหัวใจของผมที่เต้นแปลกไป
     


    และถ้ามันไม่ผลักผมออก ผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะไม่ทำอะไรมัน
     


    ผู้ชายห่าไรวะขนตาโคตรยาว หน้าเวลาปกติของไอ้เตี้ยว่าฮาแล้วแต่ตอนหลับยิ่งตลก มันนอนดูดปากเสียงดังแจ๊บๆแถมยังน้ำลายยืดอีก ยี้  ผมยืนมองท่านอนแปลกๆของมันก่อนจะตัดสินใจเอาเท้าเขี่ยๆ
     แต่แม่งขี้เซาชิบ


    “ไอ้เตี้ย ตื่น” ผมยังใช้เท้าเขี่ยๆมันต่อไป แต่เรื่องเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาหา ทำให้ผมยิ้มอย่างไม่มีสาเหตุ


    “ไอ้เตี้ย มึงจะลุกไม่ลุก ไม่งั้นกูปล้ำ”ได้ผล มันดีดตัวลุกขึ้นมามองผมตาโต มันรีบเดินแบบเซๆไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ผมยิ้มหน้าบานที่เห็นมันหน้าแดง
     

    ผมรู้แล้วว่าชอบมันแบบไหน
     


    ผมแค่อยากจะทำอะไรให้มันประทับใจนิดหน่อยเลยแอบไปซื้อเสื้อผ้าให้ แต่พอกลับมาผมก็งงที่ไอ้เตี้ยมันโวยวาย โกรธเป็นบ้าเป็นหลัง มันกลัวว่าผมจะทิ้งมัน
     


    และครั้งนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่า ผมจะไม่มีวันปล่อยให้มันอยู่คนเดียวเด็ดขาด
     



    ไอ้เตี้ยมันก็ผู้ชายทั่วไปที่ไม่ถูกกับครัวเท่าไร ที่ผมกินไม่ใช่เพราะผมมีลิ้นจระเข้ แต่เพราะเห็นสีหน้ามันตอนทำ จับนู่นหั่นนี่วุ่นวายไปหมดทั้งที่มันทำไม่เป็น ผมก็เลยอดทนกระเดือกลงคอ รสชาติมันก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกแต่ถ้าเลือกได้อย่ามีครั้งที่สองจะดีกว่าวะ
     
     

    วันลอยกระทงถ้าไม่ถูกข้าวฟ่างบังคับ จ้างให้ก็ไม่ออกจากห้องหรอก ผมไม่อยากไป ไม่ชอบคนเยอะ วุ่นวาย ร้อนก็ร้อน หงุดหงิดน่ารำคาญ เดี๋ยวผมก็แพ้อีก ที่ผมต้องชื่อภูมิก็เพราะไอ้โรคภูมิแพ้ห่านั่น ตอนเด็กๆผมขี้โรค แพ้ฝุ่น แพ้อากาศ แพ้กุ้ง แพ้พริก แพ้นั่นแพ้นี่แพ้แม่งทุกอย่าง คุณย่าเลยเปลี่ยนชื่อให้เป็นเคล็ด ชื่อผมคือข้าวปั้นต่างหาก แต่ก็ช่างแม่งเหอะใช้ชื่อนั้นแค่สามปีเองมั้ง
     

    เพราะวันนั้นผมพาหม่อมมาด้วยเลยหมดโอกาสที่จะเดินกับไอ้เตี้ย แต่ผมไม่เข้าใจว่าแค่เห็นไอ้เบียร์โอบคอไอ้เตี้ยผมก็หงุดหงิด มันเป็นเบ๊ผมนิ เป็นคนของผมถึงเบียร์จะเป็นเพื่อนสนิทก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับของๆผม
     



    ผมลากคอมันที่ยืนฟังเพลงของไอ้เบียร์ ชอบมันรึไงวะ สัดเอ๊ย ผมอยากจะตะโกนถามมันดังๆแต่ก็ทำไม่ได้
    มันก็โวยวายรถแทบแตก ไอ้เตี้ยมันปากหมา มันด่าหมดใครพูดอะไรไม่เข้าหู ไอ้เจย์น้องรหัสผมที่ว่าแน่ยังน็อคเอ๊า ผมไม่รู้จะไปไหน เห็นวัดก็เลยเลี้ยวเข้ามา สาบานได้ ผมคงหน้ามืด



    ผู้ชายจะชอบตุ๊กตาไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะผมก็ชอบเท็ดดี้แบร์มันมีเหตุผลและที่มาหรอกน่า แต่ไอ้เตี้ยมันชอบตุ๊กตาควาย หึหึ แต่ก็หน้าคล้ายมันนะ หน้าโง่ๆไง ฮึ



    มันดูชอบอกชอบใจเวลาผมเล่นเกมส์ชนะ เพราะมันจะเอาของรางวัล มันจะยิ้มกระโดดดีใจทุกครั้งที่ลูกโป่งแตก รอยยิ้มของมันที่ส่งมาให้ผมดูสดใสจริงใจเสมอ จนบางครั้งมองแล้วอยากจะยิ้มตาม ทำไมมึงถึงยิ้มให้คนที่ทำไม่ดีกับมึงได้วะเตี้ย


     
    แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ผมก็ชอบรอยยิ้มนั่นไปแล้ว
     

    “แต่มีบางอย่างที่กูอยากได้ แต่ไม่รู้จะได้รึเปล่า”ผมกับมันสบตากัน ครั้งนี้ผมพยายามสื่อความรู้สึกผ่านดวงตาให้มันได้รับรู้ แต่เชี่ยพีมแม่งเอาแต่หลบตา


    “อะไรวะ”




    “ก็
    ……..มึงไง
     




    กระทงของไอ้พีม แม่งไม่ชินวะที่ต้องเรียกชื่อมัน กระทงมันหน้าตาอัปลักษณ์ มันลอยเอียงๆฝ่ากับคลื่นแรงของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่มันก็ไม่จมเพราะผมคอยช่วยพยุงอยู่ข้างๆ เหมือนที่ได้ยืนอยู่ข้างๆมันแบบนี้
    ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเอง ผมว่าไอ้พีมมันคงชอบผมบ้างละว๊า



    แต่ผมก็ไม่กล้าถามตรงๆ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่ว่าผมจะชอบใคร ถูกใจใครไม่นานก็ได้ หรือบางครั้งยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มีมาเสนอให้ถึงที่ แต่กับไอ้พีม ผมแม่งป๊อดชิบหาย
     


    “กูไปค้างห้องมึงนะ” มันคงไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา
     



    ไอ้พีมมันคงนอนไม่หลับถึงยุกยิกไปมา ผมเองก็นอนไม่หลับ จะข่มตาหลับได้ยังไง มีมันมานอนข้างๆแบบนี้งั้นขอแกล้งมันลดความประหม่าหน่อยเถอะ ผมกับมันทำสงครามหมอนจนเหนื่อย แม่งตัวเท่าลูกหมาแต่แรงเยอะชิบ ผมแกล้งปล่อยให้มันเอาคืนบ้าง ถ้าผมเอาจริงมันได้ตายกันพอดี หึหึ แต่มันพลาดตรงไหนไม่รู้ ผมกับมันถึงได้ล้มลงไปนอนเกยกัน



    มันเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรซักอย่างเวลาที่ผมกับมันสบตากัน ดวงตาของมันเหมือนลูกแก้วแวววาว เหมือนดวงดาวที่ระยิบเป็นประกายบนฟากฟ้ายามค่ำคืน หัวใจผมเต้นโครมครามอย่างกับพวกไก่อ่อนไม่เคยเรื่องบนเตียง ห่าภูมิ มึงจะสั่นอะไรนักหนา ไอ้พีมมันก็แค่ผู้ชายยิ้มสวยที่มีกลิ่นเหมือนนมสดอยู่รอบตัวแค่นั้นเอง



    ผมเพิ่งเข้าใจความหมายของคำว่า ห้ามใจ ก็ตอนเลี่ยงไม่สัมผัสปากสีส้มๆของมัน แล้วก้มไปกระซิบคำสิ้นคิดปัญญาอ่อนที่หูมันแทน
     


    แต่คืนนั้นมันจะรู้มั้ยนะ ว่าผมแอบแตะปากลงบนหน้าผากมัน
     



    ผมเจอผู้คนมามากมาย มีแฟนมาไม่รู้เท่าไร แต่ผมรู้ว่าทำไม เพราะผมเกลียดความเหงา ผมกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายแม้จะมีคนรายล้อมอยู่รอบกาย ผมก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเหมือนเดิม เวลาเดียวที่ผมไม่รู้สึกแย่ๆแบบนั้นคือเวลาที่อยู่กับมัน เวลาที่มีไอ้เตี้ยทำหน้าบื้อๆอยู่ใกล้ๆ
     


    ตั้งแต่มีมันผมก็ไม่เหงา


    ตั้งแต่รู้จักมันผมก็ไม่มีเวลามองหาผู้หญิงคนไหน


    อยู่กับมันผมคือตัวผมเอง คือไอ้ภูมิที่ไม่ต้องแสร้งเข้มแข็งไปทุกเวลา


    อยู่กับมันผมยิ้มมากขึ้น



    ตั้งแต่มีมันผมก็มักจะหัวเราะบ่อยๆแม้จะไม่มีเรื่องน่าขำอะไรนักหนา
     


    พีมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ผมก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
     






    แล้วถ้าผู้ชายธรรมดาคนนี้ จะชอบผู้ชายธรรมดาๆอย่างมัน จะผิดมั้ยวะ
     
     
     



    TBC>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
     



    …………………………………………………………………
     
     
     


    Talk : เล่นเอาหืดขึ้นคอเลยทีเดียวคะสำหรับพาร์ทของน้องภูมิ เก็บทุกเม็ดเช็ดทุกรายละเอียด เมื่อใจตรงกันจะรักจะชอบกันมันก็ไม่ผิดหรอกค่าสุดหล่อ หึหึ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×