ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 24 คำถาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 42.94K
      235
      5 มี.ค. 54

    ตอนที่ 24 คำถาม

     


     

    ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่วันๆเอาแต่หัวเราะกวนตีน จะซ่อนเรื่องราวและความรู้สึกมากมาย ซ่อนความเจ็บปวดอยู่กับความรักที่ไม่เห็นทางสมหวัง
     


    ผมฟังเรื่องราวของไอ้เต้ยด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มันทั้งเศร้า ซึ้ง น่าประทับใจ อาจจะเจ็บปวดกับการรอคอยที่ไร้จุดหมาย แต่มันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ เวลาที่ไอ้เต้ยเล่ามันคงไม่รู้ตัวว่ามันกำลังยิ้ม รอยยิ้มที่เหมือนมีความสุขที่สุด 
     

    ไอ้เต้ยเล่าจบพวกผมก็ได้แต่เงียบ มีแค่เสียงแอร์ดัง หึ่งๆ กับเสียงสะอื้นสูดขี้มูกของไอ้ปัน
     

    “มึงเป็นไรวะปัน ซึ้งเหรอ”
    ไอ้แทนที่กำลังลูบหัวไอ้เต้ย เอ่ยถามไอ้ปัน
     

    “เปล่า เชี่ยเต้ยเหยียบมือกู”
     

    “ไอ่สัด” ก๊ากก พวกผมที่กำลังซึ้งถึงกับฮาแตก ไอ้เต้ยรีบยกตีนออกจากมือไอ้ปัน เต้ยมันนั่งบนโซฟาไง แต่ไอ้ปันนั่งขัดสมาธิอยู่แทบเท้าไอ้เต้ย
    เผลอไปเหยียบมือกันตอนไหนก็ไม่รู้
     


    ไอ้เต้ยหัวเราะขอโทษเฮียปันของมัน ไอ้เต้ยยิ้มทั้งน้ำตา รอยยิ้มของมันยังสดใสเหมือนเดิม ตาของมันยังมีประกายดูซุกซนเหมือนเดิม แต่ผมรู้สึกไม่เหมือนเดิม ผมสงสารน้องว่ะ อยากช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง
     

    “มึงสุดยอดเลยว่ะเต้ย ทนได้ไงวะ”


    “ใช่ เป็นกูนะ กูจะเดินไปบอกแม่งตั้งแต่วันที่เจอกันที่ค่ายแล้ว”
    พวกศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกับไอ้เต้ยก็เริ่มโวยวาย ไอ้มิคหน้าหงิกไปแล้ว ไอ้เบียร์กับไอ้ภูมิยังนิ่ง ส่วนไอ้ฟ่าง


    “มิน่าตอนนั้นกูเรียกมึงมาหา ไม่ยอมมา เอาแต่ไปหลบหลังไอ้ภูมิ” มันบ่นอย่างเดียวครับ


    “ก็มันทำอะไรไม่ถูกนิเฮีย อยู่ๆพี่คิวก็โผล่มาที่โรงเรียน”
     
    “เออ กูเพิ่งสังเกตว่ามึงเรียกพวกกูเฮีย แต่เรียกไอ้คิวว่าพี่”
     

    เออว่ะ ผมก็เพิ่งนึกได้ มึงฉลาดมากเบียร์ ไอ้เต้ยมันมีเชื้อจีน ที่จริงพวกผมที่นั่งๆกันอยู่ก็มีเกือบหมด แต่ไอ้เต้ยมันชัดเจนสุดที่บ้านมันก็เรียก อาม่า อากง อาเจ็ก อาเฮีย มันเรียกพวกผมที่เป็นพี่ชายว่าเฮียก็ไม่แปลก แต่เพิ่งนึกได้ในวินาทีนี้ว่าไอ้เต้ยเรียกไอ้คิวว่า พี่คิว
     

    “ก็พี่คิวเป็นคนพิเศษ เต้ยเลยอยากให้เขาพิเศษกว่าคนอื่น ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆก็ยังดี” ผมจุกอีกรอบ มันเป็นสิ่งเล็กๆที่ไอ้เต้ยได้ทำให้คนที่มันรัก แม้ฝ่ายนั้นจะไม่รู้ตัวก็ตาม
     
     “เต้ย มึงทำเพื่อความรักได้ขนาดนี้เลยหรอวะ”


    “มันก็บอกไม่ถูกอ่ะเฮียเชน เต้ยก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรมากมายนะ แค่อยากทำก็เลยทำ”
     

    “ฮึก ฮือออ” มันมาอีกแล้วครับ ไอ้ปันมันสะอื้น ตอแหลเหอะ แม่งไม่มีน้ำตาซักหยด สะอื้นได้ไงวะ ไอ้ภูมิหมั่นไส้ทนไม่ไหวเลยปาหมอนใส่หัวไอ้ปัน


    “โอ๊ย เชี่ยภูมิมึงทำกูทำไม”

    “เป็นไรอีก ไอ้เต้ยเหยียบขาหน้ามึงอีกรึไง”


    “เปล่า เหน็บแดก มิค พยุงกูลุกดิ”
    พวกผมส่ายหน้าขำ อยากจะเครียดเรื่องไอ้เต้ย ก็เครียดได้ไม่เกินสองนาที เพราะความปัญญาอ่อนของไอ้ปันนี่แหละ

    “ขาไหนวะ”


    “สัดพีม อย่า อย่า อ๊ากก กูเจ็บ”  ฮ่าๆๆ ผมลุกไปบีบขามันทั้งสองข้างไอ้ปันแหกปากลั่น ก่อนที่มันจะเบียดไอ้แทนออกแล้วนั่งลงข้างๆไอ้เต้ย

    “เต้ย”


    “ครับเฮีย”


    “รุกแม่งเลย”
    ดู ดูคำแนะนำของคนที่เรียกตัวเองว่ากามเทพ ไอ้เต้ยยิ้ม พลางส่ายหน้า


    “ตอนที่เต้ยรอ ไม่รู้ข่าว ไม่เห็นหน้า ไม่รู้ว่าพี่คิวอยู่ที่ไหน ทรมานกว่านี้เยอะ แค่นี้สิวๆ”
     


    “มึงไม่คิดจะบอกไอ้คิวจริงๆหรอ มันคงรักมึงเหมือนกัน” ตอนนี้ผมเริ่มจะแน่ใจแล้วว่ารักครั้งแรกและครั้งเดียวที่ไอ้คิวเคยบอก
     


    คือใคร
     



    “รักของกู มันมหัศจรรย์ คนโง่ๆอย่างพวกมึง ไม่เข้าใจหรอก”
     


    คำพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงของไอ้คิวในวันปัจฉิม  ใช่ ความรักมันมหัศจรรย์ เป็นแรงผลักดันให้ใครคนหนึ่งทำอะไรได้มากมายเพื่อใครซักคนที่เรารัก
     
    “ใช่ๆ กูว่าไอ้คิวก็รักมึงนะเต้ย”


    “อือ ช่วงก่อนจบ ม
    .6 มันดูเศร้าๆ ใจลอยๆพวกมึงก็เห็นใช่ป่ะ” พวกผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ปัน
     

    “ถึงว่า แม่งชอบพกโพสอิท” ไอ้เชนก็เริ่มคิด
     


    “กูนึกออกแล้ว พวกมึงจำได้มั้ย ไอ้คิวมันชอบสั่งนมปั่นมากินทุกวัน แต่มีช่วงนึงที่มันซื้อมาแต่ไม่กิน มันซึมๆด้วยเนอะพีมเนอะ”
     



    มาน้งมาเนอะอะไรกับกูเนี่ย แต่ก็จริงอย่างที่ไอ้ปันมันบอก ตอนจะจบม
    .6 ไอ้คิวก็ซึมๆ ช่วงนั้นมันไม่ควงใครเลยทั้งที่ไม่เคยขาดหญิง



    ไอ้คิวมันจะไปวาดรูปทุกเย็นหลังเลิกเรียน พวกผมรู้ ร้านพี่โอ้พวกผมก็รู้จัก เคยไปกับไอ้คิวบ้าง แต่ไม่บ่อย มันน่ะไปทุกวัน แม่งติสท์เข้าเส้น แต่สิ่งที่พวกผมไม่รู้ คือ มันได้สร้างความทรงจำดีๆไว้ที่นั่นมากมาย
     


     “ถ้ารักแล้วทำไมถึงหายไปล่ะ”
    ไอ้เต้ยก้มหน้า เหมือนจะถามตัวเองมากกว่า


    “มันคงมีเหตุผลของมัน ไอ้คิวกลัวความรัก” ทุกคนหันไปมองภูมิ คงเพราะภูมิเคยกลัวเหมือนกันถึงได้รู้  ผมยิ้มให้ภูมิ เอื้อมมือไปจับมือมันไว้


    “ตอนนี้มึงไม่ต้องกลัวแล้ว”


    “อืม ไม่กลัวแล้ว”
     


    ผมรู้ว่าไอ้คิวเคยทำให้คนอื่นเจ็บมามาก อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ถ้าให้ผมเดาใจเพื่อนว่าเพราะอะไรมันถึงเลือกที่จะทิ้งความรักของตัวเอง อาจเป็นเพราะว่ามันไม่เคยรักใคร มันคงกลัวตัวเองจะเจ็บ




    ที่สำคัญมันคงกลัว “คนพิเศษของมัน” จะเจ็บเพราะมัน และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าระหว่างคนที่ทำเพื่อความรักอย่างไอ้เต้ย กับคนที่กลัวความรักอย่างไอ้คิว ใครน่าสงสารมากกว่ากัน
     



    ………………….…………………
     



     
     
    ไอ้เต้ยกลับบ้านไปแล้ว ไอ้เบียร์กับไอ้มิคไปส่งเพราะไอ้เบียร์ต้องไปทำธุระกับพ่อมันต่อ แต่ความจริงพวกผมให้มันแยกไอ้มิคออกจากไอ้ปัน เพราะถ้ามันสองตัวอยู่ด้วยกันแล้ววางแผนช่วยไอ้เต้ย บอกได้คำเดียวว่า
    วิบัติฉิบหาย พวกผมเลยมาวางแผนกันต่อว่าจะเอายังไง
     


    “มึงโคตรเก่ง ปิดพวกกูซะมิด”
    พวกผมกำลังรุมกินโต๊ะไอ้น้องแมท ตัวแปรสำคัญในการช่วยไอ้เต้ยและไอ้คิวเพราะมันเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่เสือกเงียบ



    “แหะๆ ก็ช่วยเพื่อนน่ะพี่เชน”



    “มึงไม่ต้องห่วง มีกูอยู่ทั้งคน”
    ไอ้ปันกอดอก ทำหน้าทำตามีสาระ



    “กูห่วงเพราะมีมึงนี่แหละปัน” เจอไอ้แทนสกัดดาวรุ่ง มันก็หน้าเป็นตูดทันที ดีนะว่าแยกไอ้มิคออกไปแล้ว ไม่งั้น เหอๆ



     “ผมรู้ว่าพวกพี่อยากช่วยไอ้เต้ย แต่มันก็ทนมาได้ตั้งหลายปี ปล่อยให้เป็นแบบเดิมน่ะดีแล้ว ”
     


    “แต่น่าสงสารมันนะเว้ย ต้องเห็นคนที่รักทุกวัน แต่แสดงออกไม่ได้”
     



    ผมอยู่กับไอ้เต้ยไอ้คิวเกือบตลอดเวลา เวลามันเจอหน้ากันที่คณะมันทะเลาะกัน แกล้งกัน แหย่กัน ต่อไปผมคงจะมองภาพนี้ด้วยรอยยิ้มเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เพราะความจริงที่เพิ่งได้รู้ ไอ้เต้ยที่สดใส ไอ้เต้ยที่ร่าเริงเสมอ มีอีกมุมอีกด้านที่คงทรมานไม่น้อย
     


    “มันแกล้งทะเลาะกับไอ้คิวหรอแมท”


    “ก็ไม่ได้แกล้งหรอกพี่ ตอนที่มันคุยโพสอิทกันก็กวนๆแบบนี้แหละ อีกอยากพี่คิวก็กวนตีน ไอ้เต้ยก็กวนตีน คนแบบนี้มาเจอกันถ้าไม่กัดกันสิแปลก”
    พวกผมพยักหน้าเข้าใจ


    “ผมเคยยุให้มันสารภาพกับพี่คิวนะ แต่มันบอกว่าไม่จำเป็น มันพอใจแค่นี้ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”


    “กูว่ามันคงกลัวเสียพี่เสียน้อง กลัวมองหน้ากันไม่ติดว่ะ”


    “เออน่า พวกมึงไม่ต้องห่วง กูบอกแล้วว่าจะเป็นกามเทพให้ แถมเรายังมี นี่ครับ ผู้เชี่ยวชาญตั้งสี่ตัวสองคู่” ไอ้ปันผายมือมาที่ไอ้ภูมิกับผม และไอ้แทนกับไอ้ฟ่าง อ้าว วนมาลงที่กูซะงั้นนะมึง

    “พวกพี่อย่าไปบอกพี่คิวนะ ไอ้เต้ยมันต้องฆ่าผมแน่”


    “แล้วจะปล่อยไว้แบบนี้หรอ มันเจ็บนะมึง”



    “เต้ยมันชินแล้วพี่แทน แต่ที่พวกพี่เห็นมันซึมๆวันที่เราไปกินเหล้า เพราะมันไปเจอพี่คิวกับแฟนกำลัง เอ่อ ในรถอ่ะ มันเลยหงอยๆ” ผมไม่อยากจินตนาการความรู้สึกของไอ้เต้ยเวลาที่เห็นคิวอยู่กับแฟนเลย
     


    “ในรถหรอวะ วะวะว้าวว สุดยอด คิวแม่งเด็ดสัด แล้วไง มันถ่ายคลิปไว้”


    “เชี่ยปันใช่เวลามั้ย”


    “เออ กูรู้น่า เอาเป็นว่ากูจะลองคุยกับไอ้คิว”


    “โหยพี่ปัน ผมขอร้องล่ะ อย่าไปบอกพี่คิวนะ ปล่อยไว้แบบนี้แหละ”


    “เราต้องบอกไอ้คิว บอกมัน”


    “ไอ้ปันมึงเข้าใจภาษาไทยป่ะวะ หรือต้องให้กูแปลไทยเป็นไทย น้องมันบอกว่าอยู่เฉยๆไงไอ่ควาย”
     
    “พวกมึงอย่าห้ามกูเลย กูเกิดมาเพื่อเป็นพระเอกขี่ผ้าขาวม้ามาช่วยไอ้เต้ย”


    “ม้าขาวเถอะปัน”



    โอยยยย ดูจากคนช่วย ผมก็อยากจะกินพารากันไว้ซักสองแผง กามเทพบ้านไหนมันจะบ๊องขนาดนี้
     


     “ก่อนอื่นต้องเรียกไอ้คิวมาสอบสวน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะสักครั้งก็ยังดี ”



    “คำสอนของใครว่ะปัน”
    แม้แต่ไอ้ภูมิยังงง



    “เอี้ยก๊วย” หือ
    ??? เอี้ยก๊วย บระเจ้า!!!! นั่นมันพระเอกหนังมังกรหยกไม่ใช่หรอ “มึงไม่รู้จักเอี๊ยก้วยหรอภูมิ แฟนเซียวเหล่งนึ่งไง มังกรหยกอ่ะ กูเอี้ยปัน”
     



    …..เอ่อ”พวกผมได้แต่มองหน้ากันตาปริบๆ คือ…. เราคุยเรื่องไอ้เต้ยกับไอ้คิวอยู่ แล้วไปโผล่ที่สำนักช้วนจินก่า มังกรหยกของกิมย้งได้ยังไง แถมไอ้ปันยังสถาปนาตัวเองเป็นอีกหนึ่งตัวละคร แต่อย่าชื่อเอี้ยปันเลย กูว่าเปลี่ยนเป็นเหี้ยปันดีกว่า เหี้ยปันมันเป็นญาติห่างๆของเอี้ยก๊วย ไม่ได้เล่นมังกรหยกนะ แต่เล่นอีกภาคนึงชื่อเรื่อง มังกรหยอก หึ
     


    “เอาไงดีวะ” พวกผมเลิกสนใจไอ้ปัน หันมาปรึกษากันอย่างจริงๆจังๆ


     “ถ้ามันพอใจแค่นี้ ก็ปล่อยมัน” ทุกคนมองไอ้ฟ่าง อึ้งๆ


     “มึงใจร้ายมากข้าวฟ่าง ไอ้ใจยักษ์ ใจมาร ปีศาจ ซาตาน” ไอ้ปันมันก็ของขึ้น


     “กูว่าเราช่วยมันหน่อยก็ดีนะ กูสงสารน้องว่ะ” ไอ้เชนก็คิดเหมือนผม “ผีร้าย ซอมบี้
    ……และยังมีเสียงของไอ้ปันสอดแทรกมาไม่หยุด ไอ้เหี้ยก้วยเอ๊ย
     

    “ช่วยยังไง จะไปบังคับ ขู่ไอ้คิวให้เลิกกับแฟน แล้วมาคบไอ้เต้ยรึไง” พวกเรามองไอ้ฟ่างงงๆ อีกครั้ง ไอ้เต้ยเป็นน้องรักมัน แต่ทำไมมัน



    “มึงเป็นไรฟ่าง ไม่อยากเห็นน้องมีความสุขหรอครับ หื้ม” ไอ้แทนบีบจมูกโด่งๆของแฟนมันเหมือนหมั่นเขี้ยว ไอ้ฟ่างฟึดฟัด สะบัดหน้าออก
     


    “กูไม่คิดว่ามันจะมีความสุขหรอกนะ ถ้าถูกไอ้คิวเมิน” พวกผมเงียบอีกรอบ “มึงลองคิดเล่นๆนะ” ไอ้ฟ่างหันไปหาไอ้แทน “วันนึงไอ้พีมเดินเข้ามาบอกมึงว่า แอบรักมึงมานานแล้ว มึงจะมองหน้ามันมั้ย จะรู้สึกยังไง อย่างน้อยก็เข้าหน้ากันไม่ติด หนักหน่อยก็เลิกเป็นเพื่อนกัน”
     

    ผมกับไอ้แทนหันมองหน้ากัน ตาปริบๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่ปากมันเบ้ไปเอง รู้สึกว่าอยากอ้วกมาก ผม รัก ไอ้แทน แม่งช่างเปรียบได้นะมึงไอ้ฟ่าง แค่คิดก็เสียวเล็บขบแล้ว


    “แต่มันไม่เหมือนกันนะฟ่าง ไอ้คิวมันก็เคยรักไอ้เต้ยมาก่อน”


    “มันไม่ได้รักไอ้เต้ย มันรักคนที่ชื่อนมปั่น คนที่เขียนโพสอิทกับมัน” ผมเริ่มจะเข้าใจในสิ่งที่ฟ่างต้องการสื่อ มันก็จริง ถ้าไอ้คิวกล้าที่จะทิ้งนมปั่นมาทั้งที่ยังรัก มันก็คงกล้าที่จะปฏิเสธไอ้เต้ยเหมือนกัน


    “แต่กูยืนยันที่จะช่วยพวกมัน” เจตนารมมึงแรงกล้ามากปัน


    “ไม่ใช่กูไม่อยากช่วย กูแค่อยากให้เราค่อยๆทำไปทีละขั้น ไม่ใช่เดินไปบอกไอ้คิวเลย มึงเขาใจมั้ยปัน”


    “อ๋ออออ เข้าใจๆ งั้นกูโทรหาไอ้คิวนะ”





    ไอ้ฟ่างลุกขึ้นวิ่งไล่เตะไอ้ปันรอบห้อง เฮ้ออออ กามเทพจะฆ่ากันตายก่อนแผลงศรซะละมั้ง
     
     
     
     

    ………………………………………..
     



    หลังจากปรึกษาหารือกันแบบไม่ค่อยได้อะไรเท่าไร พวกมันก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เตรียมตัวสู้สงครามสอบไฟนอล คงต้องพักเรื่องไอ้คิวกับไอ้เต้ยไว้ก่อน แต่ ตอนนี้เหลือไอ้คุณชายภูมิที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องครับ มันตามผมขึ้นมานอนกลิ้งบนเตียง
     


    “ภูมิกูร้อน อึดอัดนะเว้ย จะกอดทำไมวะ”
    มันกอดไม่เท่าไร แต่เอาขามาก่ายด้วย หนักโว้ยย


    “ร้อนก็ไปปรับแอร์ดิ”


    “เปลืองไฟ
    25 องศาช่วยลดโลกร้อน มึงอ่ะปล่อยกู สาดด”ผมก็ดิ้นสิ



    “ถ้าไม่อยู่นิ่งๆ กูจะทำมากกว่ากอด” ไม่ต้องมีรอบสองครับ ผมนิ่งทันที หายใจแรงยังไม่กล้า ไอ้เชี่ยนี่ก็ได้ใจใหญ่ หัวเราะมีความสุข กอดผมซะแน่น โอยยย กูอึดอัด เห็นกูเป็นตุ๊กตาหมีของมึงรึไง


    “พีม”


    “เออ”


    “ใส่น้ำหอมหรอ”


    “อืม”


    “วันหลังไม่ต้องใส่นะ ชอบกลิ่นเดิม”


    “กลิ่นแป้งเบบี้มายด์อ่ะนะ”


    “อืม” เพื่อเป็นการยืนยันคำพูดว่ามันชอบจริง ไอ้ภูมิก็ก้มมาหอม มาซุกไซร้ผมทันที



    “ฮ่าๆ เชี่ยภูมิ กูจั๊กจี๋ ฮ่าๆ พอ หยุดๆ” ไอ้ภูมิมันไว้เคราแพะเคราแกะอะไรไม่รู้แถมไรหนวดอีก พอมันก้มมาซุกคอผม ก็จั๊กจี๋อ่ะดิ “พะ พอ เชี่ยกูหายใจไม่ทัน” กว่ามันจะยอมหยุดผมก็หอบแฮ่กๆ มันยิ้มใส่ตาผมได้ไม่นาน ก็ก้มลงมาจูบ เมื่อกี้ว่าหายใจไม่ทัน ตอนนี้ใจจะขาดเลยครับ
     


    “หมาภูมิ มึงไปตายอดตายอยากมาจากไหน แม่งเอ๊ย กูเกือบตาย” ผมผลักมันออกจากตัวแล้ว รีบโกยออกซิเจนเข้าปอด ก่อนจะลุกไปนั่งที่โต๊ะคอม ปล่อยมันนั่งยิ้มบ้าคนเดียวบนเตียง


    “จูบแค่นี้ทำเป็นโวยวาย ถ้าสอบเสร็จมึงจะเจอมากกว่านี้อีกไอ้เตี้ย” ผมขว้างพู่กันใส่ไอ้หน้าหื่น


    “สันดานนะมึง”
     

    “หึหึ มานั่งนี่มา” มันตบเตียงปุๆ ให้ผมไปนอนด้วย ฝันไปเถอะ “เร็ว กูไม่ทำอะไรหรอก” ผมยังมองมันแบบไม่ไว้ใจ “ถ้ากูลุกไป มึงจะไม่รอดถึงวันสอบนะพีม มานี่ เร็วๆ”
     

    “เออ แม่ง ชอบบังคับกู ไอ้ฮิตเล่อ” สุดท้ายผมก็เดินไปนอนให้มันกอด เรานอนกอดกันอยู่เงียบๆไม่มีใครพูดอะไร อีกไม่นานก็สอบ ถ้าสอบเสร็จก็คงปิดเทอม ผมก็ต้องกลับไปเชียงใหม่ คงไม่ได้เจอภูมิอีกหลายเดือน แค่คิดก็เหงาๆ จนผมเผลอขยับตัวเข้าไปซุกมัน
     

    “หื้ม เป็นไร”
     

    “เปล่า คิดเรื่องไอ้เต้ยน่ะ
    ภูมิ มึงว่าไอ้คิวจะยังรักไอ้เต้ยมั้ยวะ”
     

    “ไม่รู้”
     
    “แล้วถ้ามันรู้ว่าไอ้เต้ยคือน้องนมปั่น มันจะเป็นยังไง”
     

    “ไม่รู้” นั่นสิ ภูมิจะไปรู้ได้ยังไง
     
     

     
    ในเมื่อคำถามนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้คำตอบ
     
     





     
    TBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
     
     


     
       ………………………………
     
     

     
     แอร๊ยย ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคนที่ชอบตอนที่แล้วนะคะ เห็นซึ้งกันใหญ่เลย แล้วก็สวัสดีนักอ่านคนใหม่ๆด้วย ยินดีต้อนรับค่า
    กอดทุกคน จ๊วฟฟฟฟ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×