ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #42 : ตอนที่ 39 เปิดเทอม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 57.46K
      204
      29 มิ.ย. 54








    ตอนที่
    39 เปิดเทอม






     
    เช้านี้ท่านแม่มาปลุกพวกผมแต่เช้าให้ไปทำบุญที่วัด แต่มีคนตื่นไปได้แค่ห้าเพราะไอ้เชนกับไอ้แมทเป็นคริสต์ไปไม่ได้อยู่แล้ว(แต่ถ้าไปเที่ยวชมหรือถ่ายรูปอะไรแบบนี้พวกมันก็ไปได้นะ แค่ไม่ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาแค่นั้นเอง) เลยมีแค่ไอ้ฟ่าง ไอ้คิว ไอ้เบียร์ ไอ้ภูมิ ผม
     




    แต่ผมต้องไปส่งคลื่นที่ท่ารถ ตอนแรกผมก็ตกใจที่อยู่ๆมันบอกว่าจะกลับวันนี้ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงรีบกลับ ผมเองก็พอเข้าใจ แต่ก็พยายามล่อลวงและเกลี้ยกล่อม(???)ให้มันอยู่เที่ยวด้วยกันต่อ แต่มันก็ยืนยันว่าจะกลับ ผมเลยห้ามอะไรไม่ได้



    แถมคุณชายท่านไม่ยอมให้ที่บ้านมารับ พ่อผมจะให้คนไปส่งมันก็ไม่เอา นั่งเคื่องบินมันก็เซย์โนบอกว่าเบื่อ มันอยากลองนั่งรถทัวร์กินลมชมบรรยากาศ ตอนแรกมันจะกลับรถไฟด้วยซ้ำ แต่ผมกับแม่ห้ามไว้ทัน กว่าจะถึงกรุงเทพรับรองว่าระบมไปทั้งตัวแน่มึง ฮ่าๆ
     

    ส่วนพวกไอ้ปันมันยังนอนสลบกองกันอยู่ในบ้าน เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านผมลองแกล้งมัน
     




    “ปัน ตื่นเว้ย น้ำท่วมๆ” ผมตะโกนใส่หูมันทั้งเขย่าตัวมัน ไอ้พวกกองหนุนก็ยืนหัวเราะอยู่ข้างหลัง ไอ้ปันมันก็กลิ้งหนีเอาหมอนปิดหน้า แต่มันยังอุตส่าห์ส่งเสียงตอบผม



    “น้ำท่วมเหรอ ขนของๆ”


    “เฮ้ย ไฟไหม้ปันไฟไหม้”



    “ไปเอาน้ำที่ท่วมเมื่อกี้มาดับไฟ” กร๊ากกก สัญชาตญานมึงดีมากเพื่อน


    “ปัน แผ่นดินไหว”


    “เอ้อออ แผ่นดินน่ะไหว แต่กูไม่ไหวแล้วโว้ยยย ง่วง อย่ามายุ่งกับกู” มันถีบขาสะเปะสะปะไปทั่ว เลยพลาดไปถูกไอ้แมทที่นอนอยู่ข้างๆ




    แต่ที่เด็ดสุดคือไอ้เชี่ยพี่คิวครับ มันคงคิดว่าผมไม่เห็นมั้ง แอบหอมแก้มไอ้น้องเต้ยก่อนออกจากบ้าน โว้ยยย หวานก็เป็นนะมึง







    แม่ก็พาพวกไอ้ฟ่างไปวัด ผมก็แยกไปส่งคลื่นที่สนานีขนส่งเชียงใหม่ โดยมีใครบางคนนั่งหน้าโหดมาด้วย อย่าบอกนะครับว่าพวกพี่ๆน้องๆคิดว่าผมกับไอ้คลื่นจะมาด้วยกันตามลำพัง เหอๆ บรรยากาศในรถเลยเงียบ เงียบมาก เงียบฉี่ เงี๊ยบเงียบ




    “ภูมิ แวะเซเว่นหน่อยดิ หิว” ผมชะโงกหน้าไปบอก เพราะผมนั่งเบาะหลังครับ ไอ้ภูมิขับไอ้คลื่นก็นั่งข้างหน้า แต่ว่ามันไม่คุยกัน บรรยากาศมาคุมากๆ กูกลัวววววววววว



    “จะหิวอะไรแต่เช้า เดี๋ยวก็ปวดท้อง กินไม่เป็นเวลา”  บ่นเสร็จมันก็หันมามองผมนิดนึงก็หันกลับไป มึงขี้เกียจจอกก็บอกมาเถอะ ไอ้บ้า


    “ก็กูหิวอ่ะ คลื่นมึงก็หิวใช่ป่ะ”



    “หึ ยังไงก็ได้” ไอ้ภูมิถึงกับส่งเสียงไม่พอใจ แต่มันก็ย้อมเลี้ยวเข้าเซเว่นตามคำขอของผม ฮี่ฮี่



    แล้วเราสามคนก็เข้าเซเว่นไปให้อาหารตาแก่ประชาชนทั่วไป สาวๆพนักงานเซเว่นมองไอ้ภูมิกับไอ้คลื่นจนเหลียวหลัง เฮ้ พี่ มองผมด้วยคร้าบบบ



    “สโมกกี้ไบส์สาม ฟุตลองชีสสาม แซนวิชแฮมชีสอีกสาม แล้วก็
    ……”



    “พอแล้วพีม เดี๋ยวปวดท้อง พูดอะไรก็ฟังบ้าง” ไรวะ แค่นี้ก็ต้องดุด้วย ผมเลยหันไปยิ้มให้พี่พนักงานที่ตอนนี้มองแต่หน้าไอ้ภูมิ ชริส์ หมั่นไส้โว้ย ผมสั่งข้าวไก่กระเทียมให้ไอ้คลื่นเผื่อมันหิวบนรถ ตอนเช้าแม่ให้พี่กิ่งทำข้าวต้มให้ มันก็ไม่กินเพราะยังเช้าอยู่มันไม่หิว


    ผมก็ได้ขนมมาอีกร้อยแปดอย่าง ซื้อนมหมีน้อยให้ภูมิด้วย(มันน่ะเป็นคนจ่าย อิอิ)
     




    “กินเยอะ เดี๋ยวก็อ้วน” ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ ไอ้คลื่นก็แขวะผม ในมือมันมีน้ำอัดลมกระป๋องสีน้ำเงิน ข้าวไม่กิน แต่แดกเป๊บซี่ ลำไส้มึงเคลือบคอนกรีตเหรอวะ


    “ไม่กลัวเว้ย กูออกกำลังกาย”


    “หึ”


    “ขำไรภูมิ” ไอ้พวกสองตัวนี้ แม่งชอบหัวเราะเจ้าเล่ห์เหมือนหัวเราะเยาะ


    “เปล่า เอาแซนวิชมากินดิ๊” ผมก็เลยต้องยื่นแซนวิชไปป้อนมัน “เลี้ยวซ้ายหรือขวา” ไม่รู้ทางยังอยากขับ ไม่เข้าใจมันเล้ย

    ผมเห็นจากหางตาว่าคลื่นมองตอนผมป้อนภูมิ มันเลยหันหน้าออกมองข้างทางแทน



    “ซ้าย เออคลื่น อ่ะนี่กูซื้อมาให้มึงด้วย เผื่อหิวบนรถ คิดซะว่าเป็นของฝากจากเชียงใหม่ ฮะๆ”



    “กูจะจำไว้ว่า ข้าวกล่องเซเว่นเป็นของฝากได้” ของแบบนี้เราต้องดูที่เจตนาว่ะเพื่อน ฮ่าๆ มาถึงท่ารถพวกผมก็ไปซื้อตั๋ว ได้เที่ยวเจ็ดโมงครึ่ง คลื่นเลยมีเวลานั่งชิลล์กับผมอีกยี่สิบกว่านาที




    “พีม ไปเอามือถือให้หน่อย กูลืมไว้ในรถ” อยู่ๆไอ้ภูมิก็หันมาสั่ง มันนั่งเล่นมือถือผม ผมก็นั่งคุยกับคลื่น



    “ไปเอาเองดิ ไมต้องใช้กูอ่ะ
    ….. เออ งั้นไปด้วยกัน…. เออไปคนเดียวก็ได้ แม่งใช่แต่กู” พูดเองเออเองเคยเห็นมั้ยครับ ผมเดินกลับไปที่รถ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังมามองมันสองคน ปล่อยให้อยู่ด้วยกันคงไม่ฆ่ากันตายนะ แต่ด้วยเซ้นอะไรบางอย่าง หลังจากได้มือถือของภูมิ ผมเดินอ้อมมาอีกทางข้างหลังพวกมัน
     




    “ขอบใจ ที่ดูแลมันให้กู”





    “กูไม่ได้ดูแลให้มึง กูทำเพราะอยากทำ”
     





    ก่อนหน้านั้นพวกมันคุยอะไรกันผมไม่รู้ แม้บรรยากาศการคุยกันจะไม่สู้ดีนัก แม้ไม่มีการมองหน้าระหว่างคุย แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ผมยิ้ม คนที่ผมรัก แม้จะรักต่างความหมายกัน แต่พวกมันก็เป็นคนสำคัญของผมทั้งคู่
     





    กูก็ดีใจที่ได้รักพวกมึง
     
     




    “ปิดเทอมหน้ามาเที่ยวบ้านกูอีกนะคลื่น แล้วเจอกันเปิดเทอมเว้ย”



    “เออ เจอกัน ไปนะ” คลื่นหันมายิ้มให้ผมก่อนจะก้าวขึ้นรถ ที่นั่งของมันติดหน้าต่างตรงที่ผมยืนพอดี พอมันแหวกผ้าม่านมาเห็นว่าผมยังไม่ไปไหน มันก็ยิ้มกวนๆให้ แล้วไล่ ชิ่วๆๆ ผมหัวเราะ ยืนรอต่ออีกไม่นานรถก็เริ่มเคลื่อนออก เราโบกมือลากัน



    “ถ้าถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วยนะ เดินทางปลอดภัยว่ะมึง”


    “อื้ม เดี๋ยวโทรหา”
     




    “โชคดีเพื่อน”
    ผมตะโกนบอกพร้อมกระโดดโบกมือให้มันด้วยมือทั้งสองข้าง คลื่นเองก็ยังมองผมผ่านหน้าต่างรถ มันยิ้มเหงาๆให้ผม ก่อนจะเป็นยิ้มกว้างสดใสและเหมือนพูดอะไรบางอย่าง ที่ผมอ่านปากได้ว่า




    “ขอบคุณมาก
    ….เพื่อน” แล้วมันก็ชี้ใส่หัวใจ คงประมาน “เพื่อนใจ” น่ะครับ ห่า เสี่ยวมาก ผมมองมันจนรถลับตา



     ไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้หรือวันไหน ไอ้คลื่นก็จะเป็นเพื่อนรักอีกคนของผมตลอดไป
     




    “จะอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา นี่ขนาดต่อหน้านะ ไปขึ้นรถได้แล้วไอ้เตี้ย”



    ลืมไปว่าพายมทูตส่วนตัวมาด้วย





    จากวันนั้นจนวันนี้ไอ้ภูมิมันอนุญาตให้ผมกับคลื่นคุยกันได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่า มันต้องอยู่ด้วยที่สำคัญมันเรียกไอ้คลื่นว่า






    “ไอ้คลื่นไส้” แค้นฝังหุ่นจริงๆ เหอๆ




    ……………………………………….




     
     หลังจากไปส่งคลื่นเมื่อวันก่อน พวกผมก็ออกเที่ยวซะรอบจังหวัด ไปสวนสัตว์เชียงใหม่ พาไอ้ปันไปหาญาติ ฮ่าๆ ขึ้นดอยสุเทพเดินขึ้นบันไดพระธาตุดอยสุเทพสามร้อยกว่าขั้น ลมแทบจับ แต่พอขึ้นไปถึงก็หายเหนื่อยเลยครับ
     





    คู่รักในตำนานแทนฟ่างเค้าก็ไปไหว้พระขอพรอธิฐานจิตด้วยกัน ไม่รู้ขอไร ไอ้เชนแซวว่าขอลูกรึเปล่าเพราะขอนานมาก ฮ่าๆ แล้วก็ไปต่อที่หมู่บ้านชาวเขา ไปใส่ชุดชาวเขาถ่ายรูปด้วย ไอ้น้องแมทติดใจบอกว่าครั้งหน้าจะมาแดดดี้มาเที่ยวบ้าง
     





    วันนี้ก็ได้เวลาอันเป็นสมควรแล้ว ที่พวกมันจะเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งผมก็จะกลับพร้อมพวกมันด้วยเพราะอีกสามวันก็จะเปิดเทอมแล้ว แม่ก็บ่นว่าน่าจะอยู่ต่อนานกว่านี้เพราะคนเยอะบรรยากาศเหมือนทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แม่ชอบ ครึกครื้นดี เหอๆ ไอ้เต้ยก็ขึ้นทำเนียบลูกรักคนใหม่ไปแล้วเรียบร้อยแต่ก็น้อยกว่าภูมิ เพราะรายนั้นแม่ผมเรียกมัน ลูกภูมิ ทุกคำ ฮึ๋ย
     



    “น้องเต้ย มีแฟนรึยังลูก แม่จองให้หลานสาวได้มั้ย” แม่ถามไอ้เต้ยระหว่างที่พวกเราขนของเตรียมตัวขึ้นรถ




    “เต้ยมีแฟนแล้วครับ แล้วเต้ยก็รักแฟนเต้ยมากด้วย” ไอ้คิวยิ้มจนปากแทบฉีก



    ระหว่างที่ขนกระเป๋า ขนของฝากขึ้นรถ ไอ้ภูมิก็เดินตามแม่ผมต้อยๆ ช่วยถือนั่น ยกนี่ตลอด หึ มาถูกทางแล้วมึง เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ กร๊ากก




    “แม่ เดี๋ยวภูมิช่วยครับ”



    “จ๊ะ ลูกภูมินี่ทั้งหล่อทั้งนิสัยดี เห็นพีมมันชอบเล่าเรื่องภูมิให้ฟัง ” หน้าบานแล้วมึง หมั่นไส้โว้ย แม่นะแม่ พีมเคยเล่าเรื่องมันซะะที่ไหน ก็แค่เวลาแม่ถามว่าอยู่ไหนกับใครทำอะไร คำตอบคือ ภูมิแค่นั้นเอง แหะๆ



    “แล้วฟ่างกับลูกภูมิเป็นพี่น้องกันหรอลูก”



    “ครับ”



    “หล่อกันทั้งบ้านเลยเนอะ ถ้าแม่มีลูกสาวจะยกให้เป็นสะใภ้บ้านนี้ซักคน” ผมถึงกับสะอึก ไอ้พวกนั้นก็กลั้นขำกันหน้าดำหน้าแดง ไอ้ภูมิยิ้มจนเหมือนคนสติฟั่นเฟือนเข้าไปทุกที มึงทำเสน่ห์ใส่แม่กูป่ะเนี่ย



    “ลูกชายก็ได้ครับแม่ ไอ้ภูมิมันไม่ถือ” แม่ผมหันมามอง สัดคิว มึงนะมึง



    “ว่าไงพีม สนมั้ย”



    “จัดไปแม่ ฮ่าๆ” เล่นกับเค้าหน่อย
     
     




     “เดินทางปลอดภัยนะลูก รถก็อย่าขับเร็ว ค่อยๆไป ยังไงก็ถึง ใครเหนื่อยก็เปลี่ยนกัน แล้วอย่าลืมมาเยี่ยมแม่บ่อยๆนะ”




    “ครับแม่ พวกผมกลับแล้วนะ ไว้จะมาหาแม่บ่อยๆนะครับ รักแม่นะจุ๊บุๆ” ไอ้ปันตอแหลก่อนใครเพื่อน พวกมันร่ำลาแม่ผมเสร็จ ก็ทยอยขึ้นรถ คนขับคนแรกคือไอ้เชน
    พวกมันขับรถตู้มาน่ะครับ เปลี่ยนกันขับ เหนื่อยก็พัก ชิลล์ได้อีก



    “พีมไปนะครับแม่ ดูแลตัวเองด้วย บอกพ่อด้วยนะ” ผมกอดแม่แน่นๆ เฮ้อไม่อยากกลับแล้วสิ คิดถึงแม่



    “จ๊ะลูก พีมตั้งใจเรียนนะ แล้วเดี๋ยวกลางเดือนแม่จะลงไปหา พ่อจะไปเยี่ยมคุณย่าด้วย” คุณนายแม่เริ่มน้ำตาซึม




    “ครับ แล้วเจอกันนะ รักแม่นะครับ แต่
    ..อย่าลืมสองหมื่นค่าจ้างพีมอยู่บ้านสองเดือน เอามาเลย ฮ่าๆ อย่ามาทำซึ้งกลบเกลื่อน” รู้จักแม่ผมน้อยไปซะแล้ว อาทิตย์หน้าก็จะตามผมไปกรุงเทพ ไม่เห็นต้องเศร้าขนาดนี้ อิอิ รู้ทันเฟ้ย



    “ไอ่พีม แกนี่ไม่ได้เลยนะ ชั้นเอาเข้าบัญชีให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แล้วอย่าคิดว่าแม่ไม่รู้ที่คุณย่ากับไอ้ปุ้ยเปิดอีกบัญชีให้นะ รายได้แกแต่ละเดือนครึ่งแสนใช่มั้ย”




    “อย่ามาเว่อ ครึ่งแสนไร ไม่อยากคุยกับแม่ว่ะ บ้า ไปแล้วนะ พี่กิ่งบ๊ายบายครับ” ผมหอมแก้มคุณนายแม่ให้เต็มปอด โบกมือให้พี่กิ่งที่ออกมาส่ง ก่อนกระโดดขึ้นรถ







    เจอกันซัมเมอร์หน้านะเชียงใหม่
     
     




    …………………………………..
     
     




    และแล้ววันนี้ก็มาถึงครับ เปิดเทอมแล้วโว้ยยยยยยยยยยย เย้เฮ้ (ที่จริงเปิดมาได้สี่วันแล้ว) เปิดเทอมใหม่ก็มาพร้อมกับอะไรใหม่ๆ ผมตั้งปณิธานอันแน่วแน่เอาไว้ว่า
     



    ผมจะอ่านหนังสือทุกวัน อาจารย์ให้งานอะไรก็จะรีบทำไม่พอกไม่ดอง จะไปหอสมุดทุกครั้งที่มีโอกาส จะเลิกเล่นเกมส์ เลิกกินเหล้า ผมจะเป็นเด็กดีครับ
     




    ป๊าดดดด อะไรมันจะเลิศเลอขนาดนั้น อย่าบอกนะครับว่าคุณๆเชื่อผม กร๊ากกกกกกกก ทำขนาดนั้นไปบวชดีกว่า ถ้าทำได้มันก็ดี แต่ผมทำดีไม่ค่อยได้น่ะสิ ฮ่าๆ พอๆชักจะพล่ามเยอะเกินไปแล้ว คนอะไร๊หล่อแล้วยังเวิ่นเว้ออีกเนาะ คึ
     




    เปิดเทอมใหม่ก็มาพร้อมกับน้องใหม่ไงครับ วู้ววววว ยินดีต้อนรับน้องๆเฟรชชี่ปีหนึ่งที่น่ารักหน้าใสทุกคนครับ เวลาเห็นเด็กปีหนึ่ง เฟรชชี่นี่มันก็สดใสกระชุมกระชวยดีนะ สาวๆเพียบ(คณะอื่น)




    พอเห็นแบบนี้ก็นึกถึงวันที่ผมก้าวเข้าสู่ชีวิตในรั้วมหาลัยครั้งแรกเมื่อสามปีที่แล้ว รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี่เอง ตอนนี้ก็อยู่ปีสามแล้วสินะไอ้พีม แก่แล้วสิเนี่ย หึ
     




    ทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเสียงกลอง เสียงเพลงรับน้อง เสียงไอ้พวกรุ่นพี่ตัวแสบแกล้งน้อง ดังกึกก้องไปทั่วมหาลัย รวมถึงคณะศิลปกรรมของผมด้วย ไอ้คิวกำลังแกล้งน้องผู้หญิงกลุ่มนึง ให้ไปขอน้ายามแต่งงานเพื่อแลกกับลายเซ็น ฮ่าๆ





    คาบนี้คาบสุดท้ายพวกผมมีเรียนแต่อาจารย์ไปดูงานที่ออสเตรีย กลับอาทิตย์หน้า ผมก็เลยว่าง เลยลงมาดูพวกน้องๆ บรรยากาศหน้าคณะกำลังสนุกสนาน วุ่นวาย น้องกำลังขอลายเซ็นรุ่นพี่ บางคนก็ถูกแกล้ง เต้นบ้าง พูดอะไรบ้าๆบ้าง ตลกดี
     


    พวกไอ้กรีนไอ้จีจี้ ช่วงนี้เรียกว่าช่วงนาทีทอง น้ำขึ้นให้รีบตัก เด็กมาให้รีบกิน น้องผู้หญิงไม่ค่อยโดนเท่าไร แต่พอน้องผู้ชายมามันดักจับหมด แต่น้องๆคงรู้จักพวกมันตั้งแต่วันปฐมนิเทศแล้วละ
     

    พวกมันอยู่สันทนาการ กลุ่มมันเป็นประธานเชียร์ด้วย เรียกว่าเจอพวกมันที่ไหนได้ฮาแน่นอน
    ผมกับพวกไอ้หนึ่งก็นั่งอยู่กับพวกมัน รอแกล้งน้อง (ถูกมันลากมา บอกว่าไม่เจอนานคิดถึงผัวขา)
     




    “น้องชื่ออะไรคะ”
    อิกรีนถามเสียงหวาน น้องกลุ่มนี้รู้สึกจะมีบางอย่างที่เหมือนพวกไอ้กรีน เพราะเป็นผู้ชายที่หน้าขาวมาก แก้มชมพู ปากแดงๆ



    “ชื่อป่านคคะ” น้องผูกไทด์ใส่สแล็คนะครับ แต่พูดคะ ฮ่าๆ จริงๆแล้วชื่อน้องก็แขวนอยู่คอ มีป้ายชื่อ แต่พวกผมแค่อยากถาม น้องๆก็เริ่มแนะนำตัว จนมาถึงคนสุดท้าย



    “ชื่อน้องกวางคะ”



    “อื้อหือ ชื่อบอกสังกัดเลยว่ะ” ไอ้หนึ่งทำตาวาวทันที แหม น้องกวางนี่ดูเรียบร้อยๆ ดูผ่านๆนึกว่าผู้หญิง เป็คมึงเลยดิไอ้เสือใบ
     



    “น้องเป็นอะไรคะ”
    อีจีจี้เลิกลวนลามผมแล้วยืนขึ้นถาม ผมก็งง น้องเป็นอะไร ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่หว่าหรือว่าน้องไม่สบาย แล้วผมกับพวกผู้ชายถึงกับหงายหลังเมื่อน้องกลุ่มนั้นตอบพร้อมกันว่า
     
     




    “เป็นตุ๊ด”



    “เป็นอะไรนะ”


    “เป็นตุ๊ด”


    “ดังๆอีกครั้ง เป็นอะไร”



    “เป็น
    …..” น้องก็หัวเราะเหมือนจะเขินๆตัวเอง  “เป็นตุ๊ดคะ” อีคนถามมันยังขำ



    “เริ่ดค๊า ลูกสาวชั้นแรงมั้ยกรีน”


    “ที่สุดจ่ะหนู ปีนี้ลูกสาวเยอะเลย ดีๆเดี๋ยวเจ้พาแซ่บผู้ชายคะลูก แต่สองคนนี้ไม่ได้นะคะ พี่พีมนิของพี่จีจี้ พี่หนึ่งของพี่เคที่ และไอ้นู่นที่แหกปากอยู่ ของเจ้คะลูก” อีกรีนชี้ไปที่ไอ้คิว เลยถูกไอ้หนึ่งถีบเบาๆด้วยความหมั่นไส้ “พวกพี่ปีสองเค้าสั่งมาทำอะไรคะ”





    “มาขอลายเซ็นทำความรู้จักรุ่นพี่ปีสามคะ”
    การขอลายเซ็น น้องก็จะมีสมุดประจำตัว เวลาเจอพี่คณะตัวเองก็เข้าไปสวัสดี แนะนำตัว พี่ก็จะเขียนชื่อ สาขาที่เรียน ชั้นปีให้ พี่บางคนก็อาจจะแกล้งอะไรนิดๆหน่อยๆก่อนให้ เหมือนที่พวกอีกรีนทำ แล้วก็จะมีลายเซ็นบังคับ ก็พวกประธานเชียร์ นายกสโม เดือน ดาว ก็ว่าไป ก็เพื่อให้น้องๆได้รู้จักรุ่นพี่ รุ่นพี่เองก็จะได้จำน้องๆได้
     



    “น้องเค้าอยากรู้จักพวกเรา พี่ๆอยากรู้จักน้องมั้ยคะ”


    “อยากคร้าบบ” พวกผมก็เป็นลูกคู่ตอบอีกรีนอย่างพร้อมเพรียง




    “แต่ก่อนจะให้ลายเซ็นเนี่ย มันต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน พี่ๆอยากดูน้องเต้นมั้ยคะ อยากดูมะหมี่ อยากเห็นลูกสาวขูดมะพร้าว ได้มั้ยคะ”


    “ได้คะ”
    ดูท่าว่าจะแรง แต่แรงในทางสร้างสรรค์พี่สนับสนุนครับ


    “พร้อมมั้ยจ๊ะ”


    “พร้อมคะ”



    “พี่พีม พี่พีมช่วยตีกลองให้หน่อยนะคะ”


    “ครับ”



    “มะหมี่พร้อม”

    “พร้อม”



    “สาม สี่” ผมก็ช่วยตีกลองให้ น้องก็มาเต็มเลยครับ




    มะหมี่ มะหมี่ มะหมี่ขูดมะพร้าว ทำกับข้าวอยู่ในครัว
    มะหมี่ไม่รู้ตัวถูกคนชั่วลากเอาไป เอาไม้แหย่รู
    ถูๆไถๆ แสบๆ คันๆมันๆปนกันไป
    เอาออกก็ไม่ได้ใครมาช่วยเอาออกที”





    แล้วมันก็เร่งจังหวะ น้องก็เต็มที่ พี่ก็ร้องสุดเสียง ฮ่าๆ สนุกดีครับ



    “เริ่ดคร๊า คืนนี้พี่พาไปขูดมะพร้ามแถว อตก ดีมั้ยลูก แต่จะให้เต้นเพลงเดียวมันไม่ได้อ่ะ เต้นแมงมุมได้มั้ยคะ” น้องก็ส่ายหัว คือ แมงมุมเนี่ย มันต้องเต้นสองคน ท่ามันจะส่อนิดนึง คือคนนึงนอนหงาย คนนึงคลาน แล้วไอ้คนคลานต้องไปขยุ้มๆไอ้คนที่มันหงาย



    “พี่หนึ่งขา กับพี่เคที่มาสาธิตหน่อยสิคะ”


    “เฮ้ย ไม่เอา” ไอ้หนึ่งโวยวาย อีเคที่ก้มลงกราบอีกรีนแล้วครับ ฮ่าๆ



    “สปีริต สปีริต สปีริต” เจอคำนี้เข้าไป มีรึมึงจะรอดไอ้หนึ่ง ตอนนี้ตรงที่พวกผมนั่งเริ่มเป็นจุดสนใจแล้วครับ ไอ้หนึ่งก็มาคลาน อีเคก็หงายรอเลย กร๊ากก




    "...แมงมุมมันมี 4 ขา เดินไปเดินมา ขยุ้มๆ...
       
    ....แมงมุมตัวเมียเดินมา มันเดินทำท่า ขยุ้มๆ...
     
      ....แมงมุมตัวผู้เดินมา มาเจอตัวเมียกำลังขยุ้ม...

       ....แมงมุมตัวผู้เดินไป โดดใส่ทันได ขยุ้มๆ ขยุ้มๆ ขยุ้มๆ...

       ....แมงมุมตัวเมียเดินไป ท้องป่องทันใด ขยุ้มๆ..."




    แต่ที่ฮายิ่งกว่า คืออีเคที่มันไม่ถอย นอกจากไม่ถอยมันยังเป็นฝ่ายเข้าหาไอ้หนึ่งอีก อีกรีนเห็นท่าจะได้โอกาสมันเลยรีบฉวย ลงไปเป็นแมงมุมรอไอ้หนึ่งขยุ้มๆซะงั้น ฮ่าๆ แต่ก็ไม่ได้ให้น้องทำหรอกครับ แค่สร้างสีสันเฉยๆ
     



    “อีห่ากรีน นั่นแมงมุมเหรอ กูนึกว่าแมงสาบเมายาฉีดยุง” ไอ้คิวโผล่มากวน แอบได้ยินเสียงพวกน้องกวางกรี๊ดด้วย



    “สาบลูกเข้าท้องมึงสิ ร่างกูออกจะงาม”




    “งามมมม งามที่สุด โถ อีผีดิบเวียดนาม มึงอย่าเผลอไปส่องดูเงาตัวเองในน้ำล่ะ เกิดตกใจแล้วสิงตัวเองอีกรอบ สิงซ้อนออกไม่ได้นะมึง กร๊ากกก”



     ระหว่างที่ให้ลายเซ็นน้อง ไอ้คิวกับอีกรีนก็ปะฉะดะกันไป




    “คิวขา เมื่อวานกรีนไปดูหนังผีมา น่ากลั๊วน่ากลัว อีผีนั่นมันชาติชั่วเหมือนมึงเลยคะคิว”


    “มึงเนี่ยนะกลัวผี กลัวน้ำหนองน้ำเหลืองตัวเองก็พอแล้วมั้ง”


    “อีนี่ ได้ลิ้มชิมรสน้ำหนองกูแล้วจะติดใจ ฮะๆ”



    “เดี๋ยวกูเตะติดตึกคณะ”


    “กูชักจะกลัวมึงแล้วนะ รุนแรงแม้แต่กับสตรีเพศผู้น่าสงสาร”



    “มึงจะกลัวกูทำไม ขนาดผัวมึงกระทืบเช้ากระทืบเย็นมึงยังไม่กลัว หรือกลัวน้ำมนต์”



    “กรี๊ดดดดดดด อีดอก อีขยะเปียก อีผู้ชายเชิงกรานต่ำ ได้กูเป็นเมียไม่ทันข้ามวัน มึงกล้าหักหาญน้ำใจกูถึงเพียงนี้เชียวรึ” แล้วมันก็วิ่งไล่ปล้ำไอ้คิวครับ ไม่ไหวจะฮา



    ซักพักปีสองมันก็เรียกรวมปีหนึ่ง เหอๆปีสามก็อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ วันปฐมนิเทศน้องอาจจะชล่าใจ มีแต่พี่สันทนาการมาให้ความสนุกสนาน มีพี่ๆคอยช่วยดูแลเทคแคร์อย่างดี แต่ต่อไปนี้ หึหึ คุณจะได้รู้รสชาดของคำว่าประชุมเชียร์และ พี่ว๊าก
     



    มหาลัยผมมีนโยบายไม่ให้รับน้องรุนแรง ซึ่งปกติคณะผมก็ไม่มีอะไรมาก เน้น บ้าๆฮาๆแปลกๆ มันจะมีอยู่คณะเดียวเท่านั้นแหละที่มันสืบทอดการรับน้องแบบโหดๆ ใช่แล้วครับ วิศวะนั่นเอง
     





    (อยู่ไหน) แค่นึกถึง มันก็โทรมา
     
    “อยู่หน้าคณะ มึงเรียนเสร็จแล้วเหรอ”


    (อืม มึงล่ะ)
     

    “กูไม่ได้เรียน อาจารย์ไปประชุมต่างประเทศน่ะ กำลังดูปีสองรับน้อง”


    (มาหาที่คณะด้วย ตึกภาคโยธานะ)
     


    “ตอนนี้เลยเหรอ”



    (อืม เร็วๆนะ)
     




    ก็อย่างที่รู้ผมอพยพมาอยู่กับภูมิที่คอดโด เอารถมาใช้ด้วย มาเรียนพร้อมกันบางวันเอารถมันมา บางวันก็รถผมแล้วแต่อารมณ์ แต่มันจะเป็นคนขับทุกวัน มาถึงมหาลัยก็ไปส่งมันก่อน แล้วผมค่อยผมขับรถมาคณะตัวเอง ตอนเย็นก็ไปรับมัน
     



    ผมถามว่าทำไมมันไม่มาส่งผมก่อนแล้วเลยไปคณะมันเลย มันบอกว่า ถ้าผมเรียนเสร็จก่อนจะได้ไม่แอบหนีไปไหน เพราะติดภารกิจไปรับมัน มันจะคำนวณจากเวลาที่โทรหาผมว่าโทรตอนกี่โมง แล้วผมไปถึงคณะมันกี่โมง จากศิลปกรรมไปวิศวะใช้เวลาเท่าไร
     




    ไม่บ้าจริงคิดไม่ได้นะเว้ย
     

    …………………………………..
     


    วันนี้คุณชายภูมิมันก็ทำหน้าที่แฟนที่ดี ด้วยการพาผมมาเดินตลาดนัดหลังมหาลัย ช่วงเปิดเทอมใหม่ ของเยอะมากคนยิ่งเยอะ ส่วนมากจะมีของแฮนเมดซะส่วนใหญ่ ก็เป็นพวกนักศึกษาพี่ๆน้องๆนี่แหละครับมาเปิดร้านขายกัน




    ผมกับภูมิได้น้ำปั่นคนละแก้ว ก็เดินยาวเลยทีนี้ แต่ไอ้ภูมิแม่งเลว ตัวเองสั่งแตงโมปั่นแล้วมาแย่งชาเขียวปั่นของผมอีก ไม่น่าให้มันชิมเลย ดูดสามทีหมดเกือบครึ่งแก้วอ่ะ ผมมองมันตาขวางให้รู้ว่ากูไม่พอใจ




    “อะไร แค่นี้หวงหรอ” มันยิ้มหล่อโชว์เขี้ยว ไอ้ภูมิกวนตีนว่ะ คนแม่งก็มองกันจัง


    “ลองให้กูดูดของมึงบ้างมั้ยสัด พอเลยนะอยากกินไปซื้อเอง”



    “หึหึ จะดูดของกูหรอ” เจ้าเลห์ทั้งนัยตาและรอยยิ้ม
     

    “เสื่อมแล้วมึง เดินดิ กูร้อน” พูดอะไรก็เข้าตัวตลอด ผมกับมันก็เดินดูของไปเรื่อย เบียดกับฝูงมนุษย์อีกแสนแปด แล้วผู้หญิงบางคนก็แกล้งเบียดเข้ามาซะจนแทบหายไปในอกไอ้ภูมิ เหอะ ทำบุญทำทานจริงนะมึง
     



    ตอนไหนที่คนติดเดินไม่ได้เราสองคนก็จับมือกัน ช่วงไหนที่พอเดินคู่กันได้มันก็โอบ คือพี่ท่านไม่แคร์เลยครับถ้าคนที่เขาไม่คิดอะไรก็คงคิดว่าเพื่อนผู้ชายกอดคอ เวลาผู้หญิงจับมือกันกอดกันคนเห็นก็บอกน่ารัก คงสนิทกันมาก ถ้าผู้ชายทำล่ะ อุบาท เก้ง แต่บางคนก็
     



    “แกๆ ดูพี่สองคนนั้นดิ พี่ผู้ชายเสื้อช้อปอ่ะหล่อโคตรเลย พี่คนตัวเล็กก็น่ารัก แฟนกันแน่ๆเลยแก๊ อร๊ายยยยย”


    น้องผู้หญิงสองคนที่กำลังเลือกสร้อยคอมือ หันมากรี๊ดใส่ผมกับไอ้ภูมิในระยะประชิด เล่นเอาพวกผมทำอะไรไม่ถูก เลยยิ้มให้น้องเขาไป คราวนี้น้องเพ้อไปเลย อะไรเนี่ยผู้หญิงสมัยนี้ไม่เสียดายผู้ชายกันบ้างเลยหรอครับ
     



    “อยากได้อะไรมั้ย” ภูมิก้มลงมาถาม อาจจะด้วยตั้งใจหรือผีผลักไม่รู้ จมูกคมๆของมันก็เฉียดแก้มผมไปแล้ว


    “จะซื้อให้เหรอ”


    “ก็เออดิ พามาเดินขนาดนี้กูคงปล่อยให้แฟนซื้อของเองมั้ง”


    “กูอยากได้กระต่าย”


    “อย่าแม้แต่จะคิดพีม ตัวมึงเองมึงยังดูแลไม่ได้เลย”



    “ไหนบอกจะซื้อให้ไง แม่งโม้”

    ผมก็ตอแหลแกล้งมันไปงั้นเอง เป็นแฟนกันก็ใช่ว่าจะต้องคอยจ่ายเงินให้หมดทุกอย่าง ไอ้เสี่ยเอ๊ยมิน่าผู้หญิงถึงรักถึงหลงมึงนัก
     


    เดินเล่นกันจนเริ่มเมื่อยได้แหวนกันคนละวง เหมือนกันทุกอย่างต่างแค่ไซส์ เลยไปหาอะไรกินข้างมหาลัย วันนี้เลือกกินก๋วยเตี๋ยว ในร้านก็มีนักศึกษามานั่งกินสี่ห้าโต๊ะ และตอนนี้ไอ้ภูมิมันพัฒนาแล้วนะครับ สั่งก๋วยเตี๋ยวเป็นแล้ว
     



    ความจริงมันไม่ใช่คุณชายไฮโซติดหรูแบ่งชนชั้นหรอก เพียงแต่พ่อแม่เลี้ยงมันมาแบบนี้ แต่มันไม่เคยดูถูกใคร ไม่เคยทำตัวกร่างอวดรวย พอได้รู้จักมันจริงๆถึงได้รู้ว่ามันก็(ต้องการ)ติดดินและได้ทำจริงๆก็ตอนมาเป็นแฟนกับผมนี่แหละ ฟังไปฟังมาเหมือนผมฉุดมันต่ำลงยังไงก็ไม่รู้เนอะ ฮ่าฮ่า
     



    “ภูมิ มีอะไรเข้าตากูป่ะ มันแสบๆวะ” ระหว่างรอ ผมก็สะกิดไอ้ภูมิให้มันดูตาให้แล้วใช้มือดึงใต้ตา เพราะรู้สึกแสบๆขัดๆ



    “ขี้ตาเต็มเลย”



    “เอาดีๆสัด กูแสบ” มันโน้มตัวข้ามโต๊เพื่อมาดูผมใกล้ๆ



    “ไหน มีฝุ่นวะ ลืมตาไว้เดี๋ยวกูเขี่ยให้ อย่าขยี้ตาเดี๋ยวอักเสบ”


    “ก็กูแสบ” ไม่ฟังมันห้ามแล้ว หลังมือนี่แหละขยี้แม่งเลย


    “พีม
    !!!กูบอกว่าอย่าทำ นั่งนิ่งๆดิ” สุดท้ายหลังจากที่ปลุกปล้ำกันอยู่นาน ไอ้ภูมิมันสามารถมากครับ เขี่ยไอ้เหี้ยฝุ่นออกจากตาผมได้ น้ำตาไหลอีกต่างหากเคืองหัวตาด้วย


    “ตาแดงเลย กูบอกว่าอย่าขยี้ๆ รีบกินจะได้ไปซื้อยาหยอดตา เดี๋ยวอักเสบ” มันใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาตอแหลลำเอียงที่ไหลข้างเดียวให้ผม ตาไอ้ภูมิที่กำลังมองผมตอนนี้ มันทั้งห่วงทั้งหวงยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าเขินนนนนนน


    พอดีพี่คนเสิร์ฟยกก๋วยเตี๋ยวมาวางขวางช่วงสบตามาราธอนซะก่อน




    “ดูแลคนอื่นก็เป็นนี่หว่า” แม้จะหลิ่วตาข้างเดียว แต่ผมก็พยายามแซวมันครับ มันเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ มองผมแล้วยักไหล่





    “กูดูแลคนอื่นไม่เป็นหรอก ดูแลมึงได้แค่คนเดียว”
    เย้ดเข้ เจอดอกนี้เข้าไปไอ้พีมขอนอนตายตาหลับ สิโรราบแทบเท้าไอ้ภูมิเลยทีเดียว กูอยากมุดโต๊ะลงไปม้วนกับพื้นสักสิบแปดรอบได้มั้ย





    “หึหึ มัวแต่เขิน รีบกินดิ”
     



     
    “กลับไปกินที่ห้องกันมั้ย”
     
     


     
    TBC >>>>>>>>>>>>>>>
     




    ……………………………….



    แอร๊ยย กลับไปกินไรที่ห้องอ่ะตัว





    จากตอนที่แล้ว มีการทำโพลสวนสลิดปรากฏว่ามีแม่ยกคุณคลื่นเพิ่มขึ้นร้อยล่ะยี่สิบ (แกซวยแน่ภูมิ) แต่ตาลยังปักใจรักแค่คุณชายเบียร์นะ (อย่ายุ่งกับผมเลยพี่
    <<ชายเบียร์) ไม่หวั่นไหวโลเลให้ใครทั้งนั้น
     
    ก่อนจากก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ ทั้งคนที่อ่านหลายรอบ คนที่อ่านหลายบอร์ด คนที่เม้นสองรอบก็มี น้องตาลคนงามอยากบอกว่าซึ้งจิตจนเสียจริตเลยคะ



    ปล้ำลิง
    ….. อย่าลืมไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันนะคะหนุ่มๆสาวๆ เลือกคนดีเข้าสภาน่ะไม่ยาก แต่ปัญหาอยู่ตรงที่
    ว่า คนดีเขาไม่เล่นการเมืองนี่สิ กร๊ากกกกกกกก




    ปล้ำลิงอีกซักที เห็นมีคนสนใจพีมเยอะ อิมเมจพีมคือ น้องซองเจนะคะ น่าร้ากกกก




    ติ๊ต่างว่าพีมกำลังดื่มชาเขียว กร๊ากกกกกกกก





     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×