ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #47 : ตอนที่ 43 กลับบ้าน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 50.06K
      195
      22 ก.ค. 54








    ตอนที่
    43 กลับบ้าน





     
    กลับจากทำบุญพวกผมก็แวะซื้ออาหารประจำชาติ อาหารยอดนิยมของคนไทยมากินครับ นั่นก็คือ…… ส้มตำนะคร้าบบบบบ เป็นร้านเด็ดร้านดังที่ไอ้น้องแมทมันแนะนำ
     



    โอ๊ยไอ่ลูกครึ่ง
     


    ตอนมันสั่งนะผมนึกว่าไปยืนอยู่ขอนแก่น เม้าท์แตกฟองกับแม่ค้าได้ฟีลลิ่งมาก พอพวกผมแซวว่าขอซับภาษากลางหน่อย เพราะฟังเสียงในฟิล์มไม่รู้เรื่อง มันก็บอกว่า
     



    “ผมน่ะคนบ้านเดียวกับโตโน่ Tha star นะพี่ ภาษาผมน่ะเป็นภาษากลางสำหรับเซเลป” ถุย ไว้หน้ามึงเหมือนโตโน่เหมือนน้องริทก่อนเถอะไอ้แมท ค่อยเหมารวมตัวเองไปอยู่กับเค้า
     

    มันก็สั่งทุกเมนูที่ร้านมี ทั้งตำไทย ตำมั่ว ตำซั่ว ตำโคราช ตำอุดร ตำปูนา ปูม้า ปูนึ่ง เหี้ย โคตรเยอะ มีทั้งไก่ย่าง หมูย่าง ปลาเผา ต้มแซ่บ น้ำตก ซกเล็ก ขนมจีน ยิ่งกว่าแร้งลง แต่ว่าแซ่บสมคำคุยและการไปรอต่อคิวครับ ไม่ได้ค่าโฆษนานะครับ แต่ลองไปชิมดูแถวแจ้งวัฒนะ คึ
     



    พวกผมก็โซ้ยแม่งทั้งเผ็ดทั้งโคตรแซ่บหยุดกินก็ไม่ได้ และอย่างที่รู้กันว่าภูมิกินเผ็ดไม่ได้ แต่พอพวกผมซื้อส้มตำมา คุณหนูภูมิมันกลัวน้อยหน้า ก็เลยสั่งด้วย แต่มันกินคนเดียวนะครับ
     


    สั่งแบบพิเศษแยกต่างหาก ใส่พริกหนึ่งเม็ด แต่ถึงกระนั้นมันก็เหงื่อแตกพลั่กๆมีน้ำหวานเฮบลูบอยใส่กระบอกน้ำลายหมีน้อยตั้งอยู่ข้างๆ พวกไอ้มิคไอ้แทนก็ล้อมัน ไอ้ภูมิก็ได้แต่ปากยื่นปากยาว กินไปมองเพื่อนๆไป เหมือนเด็กน้อยเลย โคตรน่ารักเลยวะ แฟนใครน๊อ คึคึ
     


    พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนตาม พวกไอ้คิว ไอ้ฟ่าง ไอ้เบียร์ปลีกวิเวกหลับไปแล้วสามราย เหลือไอ้แทนไอ้มิค ไอ้ปัน ไอ้แมทนั่งนับเลขกัน ตาละสามบาทเหมือนเดิม
     


    ส่วนไอ้เต้ยมันคงติดพันมาตั้งแต่เมื่อคืน นั่งเล่นเกมส์กับไอ้เชน (ไม่มีใครยอมเล่นกับมันครับ ฮ่าๆ มันเลยบังคับเฮียเชนอดีตแฟนปลอมๆมาเล่นเป็นเพื่อน) แหกปากลั่นห้องแข่งกับวงไพ่ ส่วนไอ้ภูมิกับผมน่ะเหรอ ล้างจานครับ สาดดด กูแฟนเจ้าของห้องนะเว้ย
     


     
     “แสบมือ” ล้างเสร็จไอ้ภูมิก็ยื่นมือขาวๆของมันมาตรงหน้าผม มือที่เคยขาวกลายเป็นสีชมพูเกือบแดงเพราะคงแพ้น้ำยาล้างจาน ผมเพิ่งรู้ว่าซันไลส์เป็นพิษต่อผิวคุณชาย นี่แค่ให้มันล้างน้ำสะอาดนะ ถ้าให้สัมผัสฟอง คาดว่าอาจมีแอดมิดไปหยอดน้ำเกลือต่อที่โรงพยาบาล
     


    “ไปล้างสบู่ในห้องน้ำป่ะ” ผมรวบมือมันทั้งสองข้าง จูงเข้าห้องน้ำ



    “เฮ้ย!!! เชี่ยปัน แม่งไม่ปิดประตูวะ”เข้าห้องน้ำมาผมก็ต้องตกใจเกือบลื่นหัวฟาดพื้นเพราะเชี่ยปันยืนประคองของรักฉี่อยู่ เมื่อกี้มันยังอยู่ในวงไพ่อยู่เลย แม่งมาเข้าห้องน้ำตอนไหน ที่สำคัญไม่ปิดประตูด้วย
     


    “คนกันเอง กูไม่ถือ” แทนที่มันจะอายกลับหันมายิ้มโชว์ฟัน กลายเป็นผมกับภูมิที่ต้องเองอายแทน ก็ไม่เชิงอายหรอก แต่เป็นอารมณ์สมเพชเพราะมันอุจจาดลูกกะตาน่ะ “เป็นไรอีกละมึง” มันหันมาถามภูมิ





    “น้ำยาล้างจานกัด”



    “เฮ้ย น้ำยากัด ไปทำอิท่าไหนให้มันกัดได้วะ มึงรีบเอาเชือกมารัดเหนือบาดแผลกันพิษแล่นเข้าสู่หัวใจเลยนะ ไม่งั้นตายแน่มึงเอ๊ย” ผมกดสบู่เหลวมาล้างมือให้ภูมิ โดยมีเสียงฉี่และเสียงหัวเราะของไอ้ปันเป็นซาวด์ประกอบฉาก พ่อมึงสิ น้ำยาล้างจานกัดต้องเอาเชือกมารัดกันพิษ ไม่ใช่งูจงอางกัดนะ
     

    “มึงรีบฉี่แล้วรีบไปไกลๆเลยไป กลัวคนไม่รู้รึไงว่ามึงเลี้ยงหนอน ฮ่าๆ”กูขอซักนิดเถอะ ประเด็นนี้อ่อนไหวสำหรับมันครับ เดี๋ยวก็ของขึ้นคอยดูสิ
     




    “สาดดดดดดพีม ไอ้เตี้ย ไอ้แคระ กูขอแช่งให้ไอ้ภูมิเป็นหมัน แม่ง” ฮ่าๆ เห็นมั้ย พูดยังไม่ทันขาดคำ  ไอ้ปันก็เหมือนมีไฟลุกท่วมตัว มันเบียดผมแทบกระเด็น ล้างมือเสร็จก็เดินงอนหน้าหงิกออกไปเลย



    ผมกับไอ้ภูมิขำตามหลัง ปันมันมีฉายาที่เป็นเหมือนปมด้อยในชีวิต หึหึ ไอ้คิวตั้งให้ตั้งแต่สมัยมัธยม ฉายามันก็คือ ผีปันจู๋หนอน เป็นเพื่อนกับผีจูออนครับ กร๊ากกก
     





    “แสบมากมั้ย”พอกำจัดไอ้ปันออกจากสารระบบชีวิตได้ ผมก็หันมาสนใจอาการไอ้ภูมิต่อ ดูซิพิษน้ำยาล้างจานแล่นไปถึงไหนแล้ว ฮะๆ

    “นิดหน่อย”


    “คราวหลังก็ไม่ต้องดื้อทำอีก กูล้างเองได้”


    “มือมึงนุ่มจัง” ห่า นี่มึงไม่ได้สนใจสิ่งที่กูพูดเลยใช่มั้ย แล้วพูดเหมือนไม่เคยจับนะมือน่ะ ผมส่ายหัวสบตามันในกระจก



    “อ่ะ เสร็จแล้ว ไปทาโลชั่นในห้องไป
    เฮ้ย ภูมิ ไม่เล่น” ไอ้ภูมิก้มมาไซร้คอผมเฉยเลย



    “ไม่ได้เล่น เอาจริง”
    มันไม่ได้พูดแค่ปาก แต่มือมันก็ประสานงานได้ดีมาก รวบตัวผมซะกระดิกไม่ได้ แต่ผมต้องรอดให้ได้ครับ กูต้องรอดดดดดด




    “ในห้องน้ำเนี่ยนะ”



    “อืม เปลี่ยนบรรยากาศ” สาดดดด บรรยากาศอะไรกูไม่อยากเปลี่ยน



    “เพื่อนอยู่เต็มห้องเหอะ”




    “ทำไม ไม่เห็นเป็นไรเลย ทีไอ้ฟ่างกับไอ้แทนยังเอากันในห้องรับแขก พวกกูก็นอนอยู่ด้วย”
     



    “นั่นมันไอ้ฟ่าง แต่นี่กู กูอาย ไว้คืนนี้แล้วกัน” บอกผ่านครับ แถไปก่อน คืนนี้ค่อยหาทางชิ่ง
     


    “ตอแหล มึงก็ชิ่งหนีตลอด ลูกหมา”





    แล้วมันก็เดินงอนผมออกไปอีกราย กูต้องตามง้อมั้ยเนี่ย
     








     


    “บอดสนิท แม่ง” ไอ้แทนทิ้งไพ่อย่างหัวเสีย ตั้งแต่ผมนั่งดูมันเล่นมาสามตา เสียทั้งสามตาครับ


    “ของกูฝรั่งพาเก้ามาล่ะมึงเอ๊ย แดกโว้ยแดก”
    นี่สิคนที่มือขึ้น ไอ้ปัน



    “มึงเรียกมั้ยแมท”
    เจ้ามือมิคถามไอ้น้องแมท


    “ไม่อ่ะพี่ แค่นี้ข้าวหลามก็เต็มไม้เต็มมือแล้ว ฮ่าๆ”



     “สัส มีกูเสียอยู่คนเดียว เลิกๆป๊อกเด้งแม่งไม่แนว สมสิบๆ”



    “สมก็สม ฮวงจุ้ยมึงไม่ดีรึเปล่าวะแทน ที่ไอ้ปันสิ นารายณ์ประทับ ฮ่าๆ” แล้วพวกมันก็เปลี่ยนจากป๊อกเด้งมาเป็นสมสิบ




    “เต้ยเล่นด้วย เฮียขยับหน่อย” ไอ้เต้ยทิ้งจอยส์เกมมส์วิ่งหน้าตั้งมานั่งเบียดลงข้างๆไอ้แทน ไอ้เชนก็ตามมาติดๆ “เฮียเล่นป่าว” มันหันมาชวนผมที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา
     




    “ไม่” ผมไม่อยากเล่นอะไรก็ตามที่ไอ้แทนกับไอ้เชนอยู่ด้วยกัน เพราะมันนรกดีๆนี่เอง
     


    “บวกเลขหลักหน่วยไม่ได้ล่ะสิมึง”
    ไอ้แทนมันยิ้มเลวๆให้ผม ไอ่ควาย กูไม่ได้โง่ขนาดนั้น เรียนวิศวะ เจอตรีโกณ เจอแคลหน่อยแม่งทำเป็นคุย




    “บวกไม่ได้หรือไอ้ภูมิไม่ให้เล่น” แล้วไอ้เชนก็ช่วยมันซ้ำเติมผม
    ไม่ใช่ไม่ให้เล่นแต่มันงอนผมเรื่องเอ่อ..เรื่องนั้นแหละ มันเลยเข้าไปฟ้องไอ้ฟ่างในห้องนอนนู่น พอผมจะไปง้อก็ซุกผ้าห่มหนี เลยต้องมานั่งแกร่วอยู่กับผีพนันพวกนี้
     


    “โห ไม่รวยวันนี้จะไปรวยวันไหน เฮียดูดิ เต้ยรอแดกแล้ว” ไอ้เต้ยเอนหลังมาพิงโซฟา มันเอาไพ่ให้ผมดู
    อืมโจ๊กสองตัว ไม่ได้กินก็ไม่รู้จะว่ายังไง



    “หมาตัวไหนแจกไพ่วะ มึงไม่ต้องเอาขี้มาให้กูไอ้แมท เต็มมือกูแล้วเนี่ย” ไอ้ปันครับมันโวยวาย
    ตาแรกไอ้เต้ยก็กินไปตามคาด
     

    พวกมันก็เล่นไป โกงกันก็มี ผมนั่งอยู่ข้างบนมองลงไปเห็นหมดหล่ะครับ ถ้ามีเซียนอย่างไอ้คิวมาร่วมด้วยอีกคนนี่คงมันส์กว่านี้ ไอ้เชนกับไอ้แทนนี่ส่งซิกกันเต็มที่



    “อย่าลีลาไอ้แทน ถึงมึงจะนั่งดูอีกสองชั่วโมงหน้าไพ่ก็ไม่เปลี่ยนหรอกสัส ลงมาๆ”


    “แม่งเร่งกูจังนะ” และแล้วตานี้ไอ้เชนก็ได้กินไป
     

    “ทำไร”
    ไอ้คิวเดินสะลึมสะลือมานั่งโซฟาข้างผม ซึ่งตรงกับที่นั่งไอ้เต้ยพอดี ไอ่เด็กแสบพอเห็นแฟนมาก็เอนมาพิงระหว่างขาไอ้คิว พาดแขนทั้งสองข้างอย่างสบายใจ ไอ้คิวมันก้มมองไพ่ในมือแฟน แล้วหันไปดูของไอ้แทน และจิ้มๆให้ไอ้เต้ยเปลี่ยนไพ่ที่กำลังจะลง


    “พี่คิว เต้ยหิวอ่ะ”


    “หิวก็เลิกเล่น ไปกินข้าว”



    “โอเค ตานี้จบเรากลับเลยมั้ย เต้ยบอกป๊าไว้ว่าจะไม่กลับดึก”


    “อืม แล้วจะไปดูมั้ย สเก็ตบอร์ดมึงน่ะ”


    “ไปสิ พี่คิวจะพาเต้ยไปดูใช่มะ งั้นโทรบอกป๊าว่ากลับดึกนะ เต้ยอยากอยู่กับพี่คิวนานๆ”



    “หึ เออๆ” ไอ้คิวขยี้หัวไอ้เต้ยจนยุ่ง ผมมองทุกการกระทำของมัน พวกมันน่ารักดี ไอ้เต้ยมันซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง เลยทำให้คนเก็บความรู้สึกอย่างไอ้คิวเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน อย่างน้อยเพื่อนผมก็ยิ้มได้เพราะความรักซักที



    “มองไรพีม” ไอ้คิวหันมาขมวดคิ้วใส่ผม ผมไม่ตอบแกล้งจ้องอยู่อย่างงั้น “กูถามว่ามองอะไรไอ้แคระ ยังอีกๆ เดี๊ยะเถอะมึง”



    “ทำไม จะทำไรกู พี่คิวจะทำอะไรกูเหรอ”




    “หึ ไปดูเด็กมึงไป แม่งเข้าไปงอแงกับไอ้ฟ่าง จนพวกกูนอนไม่ได้ อ้าวนู่นไงออกมาแล้ว”
     





    “อะไรของมึงวะภูมิ” ทุกคนหันไปสนใจไอ้ฟ่างที่ขยี้หัวตัวเอง เหมือนพร้อมจะเหวี่ยงได้ทุกเมื่อ ข้างหลังไอ้ฟ่างมีชายหนุ่มหน้าตาดี เดินตามมันต้อยๆมือก็ยึดชายเสื้อเชิ้ตพี่ชายไว้ หน้าก็งอได้งอดี ใครทำอะไรเด็กน้อยของผมวะ
     


    “ฟ่างงง ไม่รักน้องเหรอห๊ะ นี่น้องนะ”



    “เออ กูรู้แล้วว่าน้อง คลานตามตูดกูมากูจำได้” ไอ้ฟ่างมาทิ้งตัวลงนั่งเบียดผม เอ่อ คือโซฟาตัวอื่นก็มี ทำไมต้องมารังแกกูด้วยวะครับมึง


    “งั้นก็บอกแม่ดิ ว่าภูมิมีรายงาน นะข้าวฟ่าง”




    “ตัวไม่กลับบ้านเป็นชาติแล้วนะภูมิ แม่จิกกูทุกวันว่าน้องไปไหน ทำไมไม่มาหาแม่บ้าง ไอ้ลูกแหง่แต่ติดเมีย” ดอกนี้กูสะดุ้งเลยครับ เรื่องของเรื่องก็คือแม่ไอ้ภูมิอยากเจอลูกชายคนเล็กสุดที่รัก(ข่าววงในจากไอ้ฟ่าง แม่สปอยไอ้ภูมิมาก) แม่อยากให้ภูมิกลับบ้าน แต่มันไม่อยากกลับ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะ
    ….เหอๆ



    “นะครับพี่ฟ่าง ภูมิให้ยืมรถวันนึงเลย” ไม่ได้ด้วยเล่ห์มันก็จะเอาด้วยกล เอารถเข้าล่อพูดเพราะลิ้นอ่อนขึ้นมาเชียะ



    “หึ มึงลืมไปรึเปล่าว่าบ้านแฟนกูมีโชว์รูมรถ กูแค่ชี้นิ้วสั่ง รถใหม่รุ่นใหม่ก็มาเกยต่อหน้ากูแล้ว มึงเลิกอ้อนวอนซะ ยังไงวันนี้มึงก็ต้องกลับไปนอนบ้านกับพี่ เข้าใจ๊”





    “มึงไม่รักกู พี่ชายไม่ได้เรื่อง” ใครไม่ตามใจภูมิ จะกลายเป็นคนไม่ได้เรื่องขึ้นมาทันที





    “ห่างกันแค่วันสองวันมึงจะตายรึไง ไอ้พีมมันไม่หายไปไหนหรอก” ไอ้เบียร์เดินออกมาทันปลอบใจเพื่อนรักมันพอดี


    “มึงเงียบไปเลยเบียร์ กูกับพีมห่างกันนาทีเดียวก็เกินพอแล้ว” ชะเรี้ยยยยยยยยยยยย ฝัด กูเขินมั้ยละ



    “อะไรฟ่าง วันนี้มึงจะไปนอนบ้านเหรอ” ไอ้แทนทิ้งไพ่ในมือ รีบเข้ามาเกาะขาไอ้ฟ่างอีกข้าง ทั้งน้องทั้งแฟนจะถูกมันเด็ดหัวพร้อมกันคอยดูสิ




    “เออ”



    “ไมอ่ะ ไมวะฟ่าง มึงกลับไปนอนบ้านแล้วกูจะอยู่ยังไง”



    “งั้นภูมิจะเอาพีมกลับบ้านด้วย”



    “พาเข้าบ้าน
    ….เลยทีเดียะ” ไอ้คิว(ทำเสียงแบบคุณชายเป้าในหนังวงษ์คำเหลา)มันเลิกคิ้วถามด้วยเสียงชวนกวนส้นตีนและในขณะที่บรรยากาศกำลังเกือบจะเครียด
     


    “กูป๊อก” เชี่ยปันนนนน มึงเห็นมั้ยเขาคุยอะไรกันอยู่ ห๊าาาาา



    “สองเด้งเว้ยยยย ป๊อกแปดสองเด้ง เจ้ามือจ่ายเป็นเช็คก็ได้นะครับ ฮ่าๆ” พวกนึงก็เคลียร์กันหน้าดำคร่ำเครียด แต่ไอ้พวกที่อยู่ข้างล่างนี่ไม่ได้สนใจอะไรเล้ย กลับมาตีป๊อกเด้งแบบชิลล์ๆ



    “กูว่าไม่ดีมั้งภูมิ พากูไปด้วย เดี๋ยวไม่ได้อยู่กับแม่นะ
    มึงกลับไม่กี่วันเองนิ เจอกันที่มหาลัยก็ได้” ผมพยายามเอาน้ำเย็นชื่นใจเข้าลูบ ถึงผมจะไม่อยากให้มันกลับ เพราะจะว่าไปภูมิก็ไม่ค่อยกลับบ้านเลยทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้ เห็นคุยโทรศัพท์กับคุณแม่ทุกวัน ท่านก็คงคิดถึงมัน
     


    “นอนบ้านเรานะฟ่าง”
    ไอ้แทนก็ยังไม่ละเลิกความพยายาม



    “ไม่ พรุ่งนี้กูมีพรีเซ้นโมเดล”


    “นะฟ่าง นะครับ เดี๋ยวกูช่วยติวพรีเซ้น”
     

    “ตลอดเหอะแทน ไปห้องมึงก็ไม่เคยได้ติวหรอก มีแต่เตียง”



    “จริงๆ กูสัญญา นะฟ่าง ไม่สงสารไอ้
    ข้าวผัดลูกเราเหรอ แม่ไม่กลับบ้านลูกกับพ่อจะอยู่กันยังไง”




    “อย่าเยอะแทน ขอร้อง งั้นมึงก็นอนห้องไอ้ภูมินี่แหละ นอนกกไอ้พีมไปพลางๆ หึ”


    “ไม่ ไม่ได้ ภูมิไม่ให้นอน ภูมิกลับบ้านก็ได้ แต่ไม่ให้ใครนอนกับพีมนะ”





    “หึ ก็แค่นั้นแหละไอ้น้องรัก ส่วนมึง อย่าลืมเอาหญ้ากับผักบุ้งให้ข้าวผัดด้วย”



    ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะปลอมพวกมันลงได้ ไอ้แทนน่ะมันยังพอฟัง แต่คนของผมนี่สิ แต่สุดท้ายมันก็ยอมนะ
     
     


     
    …………………………………..
     
     
    คืนนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผมต้องนอนคนเดียว ตอนมีภูมิอยู่ด้วยห้องมันไม่กว้างขนาดนี้ แต่พออยู่คนเดียวรู้สึกว่ามันกว้างเกินไป ตุ๊กตาหมีแต่ละตัวก็ดูซึมๆ ผมมองเตียงอีกฝั่งที่ว่างเปล่า หมอนใบนี้ที่เคยมีคนนอนหนุนอยู่ข้างกาย เฮ้อออ ห่างกันไม่กี่ชั่วโมงก็เหงาแล้ว ไปเปิดคอมเล่นดีกว่า นอนไม่หลับ



    เข้าดูเฟช เชี่ยปันแท็กเหี้ยไรมาเนี่ย



    “มั่นใจคนไทยเกินล้านเปอร์เซนเชื่อมั่นว่าปันหล่อ”


    แล้วก็เป็นรูปมันยิ้มกว้างชูสองนิ้ว โคตรพ่อโคตรแม่มึงขายลิโพรึไง ผมนั่งขำความด้านของมันและเลื่อนมาดูคอมเม้น มีคนกดไลค์ตั้งยี่สิบสามคน


    “พี่ปันหล่อมากเลยคะ หนูเจอพี่ที่คณะนิเทศด้วย ไปหาใครเอ่ย” อ่ะๆ ซุ่มเงียบนะมึงไปทำไรที่นิเทศวะ



    “ไปหาเพื่อนคับ^^” เพื่อน หึหึ กลุ่มเราใครเรียนนิเทศวะ


    “เพื่อนชั้น หล่อจริงๆ ทำไมมึงถึงกล้าหล่อขนาดนี้ กูยังงงอยู่เลยวะปัน ฮ่าๆ” คงเป็นเพื่อนผู้หญิงในคณะมัน


    “เพราะมึงมัวแต่งงไง เลยลงจากคานไม่เป็น” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เม้นกลับมาว่า “ไอ่เหี้ย”


    “ครั้งแรกที่กูเสียใจในการเกิดมาเป็นคนไทยเพราะกูขาดความเชื่อมัน” ไอ้เบียร์ครับ ผมกดไลค์แทบไม่ทัน



    “หล่อน้อยกว่ากู เลยอิจฉาอ่ะดิ ทำใจเถอะมึง ไอ่ฟายยยย”



    “ยาหมดเหรอสัส” ไอ้คิว ฮ่าๆ ขนาดคนที่ไม่ค่อยสนใจสังคมออนไลน์อย่างไอ้คิวยังแวะมาวิจารณ์ แสดงว่ากระแสแรงจริงๆ





    “ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา

    รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
    จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
    ถ้าใจเรายังผูกกัน






    กำลังจะเม้น เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังซะก่อน





    ภูมิโทรมาแล้ว
     


    “ฮัลโหล แค่นี้นะ หวัดดี” หึหึ กวนมันๆ



    (อือ หวัดดี) เสียงภูมิใสแจ๋วเลย
     


    “โชคดีภูมิ”



    (เออ กูขอบคุณทุกสิ่งนะพีม)
    “เหมือนกัน ขอให้ได้เจอคนดีๆนะ”ฮ่าๆ เวลาคุยโทรศัพท์ผมกับมันชอบแกล้งกันแบบนี้ ตลกดี “ไม่ได้นอนกับแม่เหรอ”


    (นอน แต่เดี๋ยวคุยโทรศัพท์ก่อน)


    “อืม แล้วกินข้าวยัง”


    “กินแล้ว มึงล่ะ”


    “เหมือนกัน”


    (เหรอ แล้วทำไรอยู่)


    “เล่นเฟช ออนเอ็ม”


    (มึงออนเอ็มเหรอลิง)


    “อืม มึงก็ออนดิจะได้คุยกัน” ผมเปิดหน้าต่าง
    MSNขึ้นมา ไอ้มิครีบเข้ามาทัก


    (ออนอยู่)


    “อ้าว แล้วทำไมกูไม่เห็นวะ มึงบล็อกกูหรอภูมิ” ผมขมวดคิ้วใส่หน้าจอเพราะ ไอ้ภูมิยังเป็นออฟไลน์อยู่เลย


    (อือ)


    “เหี้ย มึงคุยสาวใช่มั้ย เอ๊อกูคุยมั่ง”


    (เอาดิ อยากตายก็คุยเลย)


    “จะคุยสาวกูไม่ว่า แต่ถ้าบล็อกกู มีโกรธ แม่ง” โกรธมัน ทำไมต้องบล็อกผมด้วย


    (โกรธห่าไร กูไม่ได้ออน มึงมีพาสเวิร์ดกู อยากรู้ก็เปิดดิสัส)


    “เออวะ แหะๆ เนอะๆกูก็ลืม ออนเมลล์มึงดีกว่า กูจะหลอกหญิงในลิสมึงมาเป็นเด็กกู”


    (หึหึ เชิญ เดี๋ยวก็เปิดคอมฯก่อน)ไม่นานเอ็มไอ้ภูมิก็เด้งดึ๋งขึ้นมาทักผม



    #หมาเตี้ยขี้งอน เปิดกล้องดิ อยากเห็นหน้า#
     


    “ไม่ กูแก้ผ้าอยู่” ยั่วมันๆ ฮ่าฮ่า
     


    (อยากเสียตัวทางโทรศัพท์ใช่มั้ยเตี้ย) แล้วมันก็มันส่งอิโมเป็นหัวหอมอึ้บกันมาให้ผมอ่ะ กร๊ากกกกก สาดดดดมึงไปหามาจากไหน เซฟๆ ขอมั่งๆชอบ
     


    ผมกับภูมิคุยกันตั้งแต่ห้าทุ่มจนเกือบตีสอง ทั้งที่อยู่ด้วยกันทุกวันก็ไม่รู้ไปเอาเรื่องอะไรมาคุยนักหนา บางทีก็ไม่มีเรื่องคุยนะครับ แต่ก็ไม่ยอมวาง เงียบนอนฟังเสียงลมหายใจกัน หึหึ


    แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากให้เรานอนคุยกันโดยไม่ต้องผ่านเครื่องมือสื่อสารใดๆ อยากให้มันกลับมานอนตรงนี้ข้างๆกันเหมือนเดิม




    “ภูมิ กูนอนแล้วนะ”



    (ง่วงแล้วเหรอ)

    “อืม พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”


    (งั้นจะรีบกลับแต่เช้า เดี๋ยวกูไปรับ)


    “โอเคคร้าบบบ งั้นก็… ฝันดีๆ”


    (เดี๋ยว พีม)


    “หื้ม”






    ".................................."







    "..................................."







    "................................."





















    (ฝันดีนะคับ^^)
     
     
     
     







     
    TBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     





    …………………………………………
     




    ตายๆ เจอน้องภูมิบอกฝันดี พี่ตาลน็อคเอ้าไปเลยคะ อิจฉาใครบางคนโว้ยยยยย
     


    ตอนภาษาเหนือ เราอาจจะไม่เท่าไร แต่คราวนี้อีสานไวยากรณ์อีตาลแม่นเป๊ะ กร๊ากก คิดฮอดเด้ อ๊ะๆๆๆ
     



    ปล ปิ้งลา คำถามยังส่งมาได้เรื่อยๆนะคะ ตอนนี้ก็กำลังเคลียร์คิวหนุ่มๆให้ว่างตรงกันอยู่ ว่าแต่ แต่ละคนที่ถามมาเป็นเด็กขี้สงสัยกันเหรอคะ ไม่มีใครถามคำถามเดียวเลย เบิ้ลตะร๊อดๆ ฮ่าๆ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×