ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #79 : ตอนที่ 68 คืนมา...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 46.61K
      171
      10 ก.พ. 55
















    ตอนที่
    68 คืนมา

     






    ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านพวกผมค่อนข้างจะวุ่นวายกับการเตรียมงานนิทรรศการหลังจากที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้งในที่สุดก็ได้ฤกษ์จัดเสียที วันนี้เป็นวันเปิดงานทุกคณะทุกภาควิชาต่างมีกิจกรรม ผลงานวิชาการ ออกร้านขายของที่ระลึก เล่มเกมส์ รวมทั้งคอนเสิร์ตจากศิลปินและจากนักศึกษาให้น้องๆมัธยมเพื่อนๆต่างสถาบันรวมทั้งบุคคลทั่วไปได้มาเที่ยวชมกัน บรรยากาศงานในปีนี้ก็ยังครึกครื้นเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

     




    คณะศิลปกรรมของพวกเรานอกจากจะมีกิจกรรมสนุกๆแปลกๆให้ทุกคนได้ร่วมเล่นกันแล้วยังมีเสียงแหลมๆของพวกอีกรีนอีจี้ที่เป็นMCประจำงานดังแว๊ดๆผ่านไมโครโฟนเรียกผู้คนให้เข้ามาเที่ยวชมในคณะตั้งแต่เช้าอีกด้วย

     





    ไอ้เต้ยกับไอ้ดินก็ได้รับเกียรติจากพวกภาควิชาออกแบบแฟชั่นดีไซน์ให้ไปเดินแบบให้ มันสองคนเลยได้เสียงกรี๊ดจากสาวๆกันไปตั้งแต่เช้าไม่ต่างจากวงฟันฟันของไอ้คิวที่เรียกทั้งเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะเมื่ออีกรีนขึ้นไปเลื้อยบนเวทีตอนไอ้คิวร้องเพลง หึหึ

     




    ส่วนผมกับพวกไอ้โจไอ้หนึ่งก็ต้องรับหน้าที่ทำงานกรรมกรแบกหามแหกปากขายเสื้อแฮนเมดจากไอเดียพวกเราเอง ขายไปได้ซักพักเชี่ยหนึ่งมันก็เริ่มกินแรงพวกผม มันไม่สนใจช่วยขายเสื้อเลยเพราะมันมัวแต่สนใจแฟนแสนน่ารักอย่างน้องป่านที่มาเที่ยวงานแล้วแวะมาหามันได้ซักพักแล้ว

     




    ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าน้องป่านกับน้องโตเกียวมันเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้นอกจากจะมีน้องป่านมานั่งยิ้มน่ารักเรียกลูกค้าให้ก็ยังมีไอ้เด็กเรืองแสงโอโม่โตเกียวมานั่งตาแป๋วเกาะผมไม่ห่าง

     




    คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่ได้สนใจมองเสื้อเท่าไรหรอกเอาแต่มองน้องโตเกียวกับน้องป่านจนไอ้หนึ่งไล่กลับบ้าน เห็นไอ้หนึ่งกับน้องป่านได้รักได้คบกันอย่างเปิดเผยเพราะครอบครัวมันยอมรับได้แล้วผมก็ดีใจกับมันด้วยแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดเปรียบเทียบกับตัวเองและก็เจ็บเอง

     




    ผมถอนหายใจและยิ้มปลอบใจตัวเองการที่ผมพยายามทำตัวให้วุ่นวายไม่ให้ตัวเองมีเวลาว่างพยายามอยู่กับเพื่อนตลอดเผื่อมันจะทำให้ผมไม่ฟุ้งซ่านแต่ก็ได้แค่ชั่วคราวเพราะทุกครั้งที่อยู่คนเดียวผมก็ยังคิดถึงแต่ภูมิ

     




    โตเกียวอยู่กับพี่ตั้งแต่บ่ายไม่เบื่อบ้างเหรอไปเที่ยวคณะอื่นก็ได้นะ ผมบอกไอ้โตเกียวที่กำลังตั้งใจเพ้นท์เสื้อมันหันมายิ้มแฉ่งให้ก่อนจะส่ายหน้า

     




    ไม่เบื่อหรอกพี่พีมโตเกียวว่าสนุกดีแล้วอีกอย่างป่านก็อยู่นี่ถ้าโตเกียวไปโตเกียวก็ไม่มีเพื่อน

     



    พี่ก็นึกว่าอยากไปดูงานคณะทนาย หึหึ

     



    พี่พีมอ่ะมันก้มหน้าแต่ผมก็ยังเห็นว่าแก้มใสๆของมันน่ะแดงลามไปถึงคอถึงหูแล้ว และผมก็ต้องหูผึ่งเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆอ้อมแอ้มตอบกลับมา โตเกียวไปคณะนิติก่อนจะมาหาพี่พีมพอดีพี่ชาย เอ่อ พี่เบียร์ไปรับโตเกียว

                       




                                                  

    โหหห ไวไฟเหมือนกันนี่หว่าไอ้คุณชาย เดี๋ยวพี่ต้องไปสอบปากคำไอ้เบียร์ซะหน่อยแล้วว่ามันทำอะไรน้องโตเกียวของพี่บ้าง ยิ่งผมแซวโตเกียวมันก็ยิ่งเขินจนแทบจะเอาหน้าไปถูกับจานสีผมกลัวว่าน้องจะได้รับอันตรายเลยเลิกแกล้งมัน ผมคงต้องไปถามเพื่อนราชนิกุลของผมแล้วล่ะว่ามันคิดจะเลี้ยงเด็กจริงๆหรือแค่ทำเล่นๆ

     




    พอยิ่งเริ่มดึกคนก็ยิ่งเยอะพวกไอ้ชายไอ้โป้งไอ้คิวที่ทำซุ้มเกมส์มันก็มาช่วยพวกผมทั้งแหกปากร้องเพลงทั้งเต้นท่าบ้าๆบอๆ ไม่มีใครแวะซื้อก็เอาฮากันเองนอกจากจะบ้าแล้วพวกมันยังม่อน้องผมอีก โตเกียวมันก็ทำได้แค่ก้มหน้าเขิน

     



    น้องมันอยู่กับพวกผมจนเกือบสองทุ่มมันก็ได้เวลากลับบ้านและไอ้หนึ่งก็ต้องไปส่งผมเลยฝากโตเกียวไปกับมันด้วย ส่วนผมกับพวกเพื่อนๆก็ต้องช่วยกันเก็บของเพราะวันนี้คงพอแค่นี้ก่อนพรุ่งนี้ยังมีต่ออีกวัน

     




    กว่าจะเก็บของเคลียร์ของเสร็จและนัดประชุมสรุปงานกันอีกนิดหน่อยก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มป่านนี้ไม่รู้คอนเสิร์ตจบรึยัง

     



    วันนี้ผมตั้งใจจะไปดูภูมิเล่นคอนเสิร์ตคิดแล้วก็น่าขำเหมือนกันนะจากที่เคยไปดูมันซ้อม เคยบ่นเคยดื้อไม่อยากไปแต่ก็ถูกมันลากไปดูทุกครั้งพอมาวันนี้แม้อยากไปอยู่ใกล้ๆแค่ไหนอยากให้กำลังใจแต่ผมกลับทำได้แค่เพียงยืนมองอยู่ห่างๆเพราะระหว่างผมกับภูมิมันไม่เหมือนเดิมแล้ว

     



    ผม ไอ้คิว ไอ้เต้ย ไอ้แมทมาถึงบริเวณที่จัดคอนเสิร์ตทันเวลาเพราะว่ายังมีวงดนตรีเล่นอยู่ เสียงเพลงจังหวะมันส์ๆดังต้อนรับตั้งแต่พวกผมลงจากรถ วงที่เล่นอยู่เป็นศิลปินอินดี้ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ไอ้เต้ยก็กระโดดเหยงๆเพราะอยากเห็นชัดๆ




    พี่คิวเดินเร็วๆดิเต้ยจะไปเต้น




    เออๆเร็วกว่านี้กูก็ไปแข่งวิ่งทีมชาติแล้วแม่ง มือขวาไอ้เต้ยมันลากไอ้คิวส่วนมือซ้ายมันใช้ดึงไอ้แมทแถมยังส่งสายตาให้ผมรีบเดินอีก พอเข้ามาภายในบริเวณที่จัดคอนเสิร์ตถึงได้รู้ว่าคนค่อนข้างเยอะเหมือนกันถ้าจะให้เบียดไปยืนข้างหน้าอย่างที่ไอ้เต้ยต้องการคงไม่ไหวลำพังยืนอยู่ตรงนี้ยังต้องตะโกนคุยกันเลย

     



    เชี่ยเต้ยปล่อยกู กูไม่ไปปปปป ไอ้น้องแมทโวยวายแต่ก็สู้แรงควายๆของไอ้เต้ยไม่ไหว คนที่ยืนดูบริเวณรอบนอกเขาก็เริ่มหันมามองพวกผมแล้ว

     


    กูเป็นเพื่อนมึงนะแมท มึงไม่รักกูเหรอหึหึ เวลาไอ้เต้ยมันอยากให้ไอ้แมทตามใจมันจะถามแบบนี้แหละครับ

     



    เชี้ยยยยมันไม่เกี่ยวกันมึงก็ไปกับพี่คิวดิวะ

     

    ป่ะพี่คิวไปเย้วๆข้างหน้ากัน ป่ะๆไอ้เต้ยหันมาอ้อนแฟนมันต่อส่วนไอ้น้องแมทก็หลบมาอยู่ข้างหลังผมแล้วเรียบร้อย

     

    ยืนดูอยู่ตรงนี้แหละมันก็เห็นเหมือนกัน

     


    ไม่เอาตรงนี้มันไม่มันส์ดูดิข้างหน้าเต้นอย่างมันส์

     


    ข้างหน้ามันร้อนคนก็เบียดถ้ามึงอยากไปก็ไปคนเดียวเลยไป

     



    ยังเดินผ่านทุกวัน ที่ที่เราพบกันเมื่อก่อน
    ยังจำซ้ำๆ ได้ทุกตอน ราวกลับมีใครมาหมุนย้อนเวลา
    แต่ก็คงจะหมุนย้อนได้แค่ในความคิด
    ในชีวิตจริง คงไม่เจอกันอีกแล้ว







    เสียงเพลงเรียกเข้าของผมดังขัดจังหวะการทะเลาะของไอ้คิวกับไอ้เต้ย ตอนที่ผมยกมือถือขึ้นมาดูว่าใครโทรมาและปรากฎว่าเป็นไอ้มิค ไอ้เต้ยก็ได้ทำการลากไอ้แมทผู้โชคร้ายแหวกผู้คนหายลับไปจากสายตาและแน่นอนว่าไอ้คิวมันต้องตะโกนด่าตามหลัง


     

    เออมิค ว่าไงมึงผมป้องปากและตะโกนเพราะเสียงเพลงดังกลบหมด

     



    (เพื่อนพีมมมมมม มึงอยู่ไหนแล้วสาดดดด วงไอ้ภูมิกำลังจะเล่นแล้วมึงจะมาดูไหมเนี่ย) เสียงไอ้มิคตะโกนมาตามสายแข่งกับเสียงดนตรีเสียงเพลงที่ค่อนข้างดังมากจนผมแทบไม่ได้ยินเสียงมัน

     



    เออกูอยู่ที่คณะมึงแล้วมึงอยู่ตรงไหนวะ

     


    (หลังเวทีๆมึงมาถึงแล้วหรอเดี๋ยวกูเดินออกไปรับ)

     



    เออๆกูอยู่กับไอ้คิวหลังจากที่วางสายจากไอ้มิคผมก็ก้มลงดูกล่องนมหมีในมือพร้อมกับเผลอถอนหายใจอีกแล้ว

     


    แน่ใจนะว่าจะเข้าไปดูมึงเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะพีม เอาไงไอ้คิวมันถาม แต่ผมไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลยส่ายหัวแทนคำตอบ วันนี้มีคนมาดูเยอะไอ้ภูมิมันคงจะตื่นเต้นผมก็อยากจะให้กำลังใจภูมิอยากให้รู้ว่าผมก็คอยเชียร์มันอยู่

     




    คิวมึงมีโพสอิทไหมกูขอหน่อยสิ ไอ้คิวมันพยักหน้าก่อนจะรื้อเป้ของไอ้เต้ย มันหาอยู่ซักพักก็ยื่นโพสอิทสีฟ้าพร้อมปากกาให้ผม ผมเขียนข้อความและแปะโพสอิทไว้ข้างกล่องนม

     








     

    ตั้งใจเล่นนะ เป็นกำลังใจให้เสมอจากไอ้เตี้ยJ






    อยากเขียนอยากพูดอยากบอกมากกว่านี้ แต่ว่า กูทำได้แค่นี้นะภูมิ หวังว่ามึงจะไม่โกรธกูใช่ไหม

     




    ยู้ฮู้ววว ทางนี้ๆพรรคพวก ไอ้มิควิ่งเหงื่อโทรมาทางพวกผมมันโบกไม้โบกมือให้ทั้งที่มันก็มายืนอยู่ตรงหน้าพวกผมแล้วแท้ๆ

     

    เชี่ยมิคมือมึงจะทิ่มตากูแล้วสัดไอ้คิวโวยวายด่าไอ้มิคแต่ไอ้มิคมันไม่สนใจหรอกครับ

     



    กูกลัวพวกมึงมองไม่เห็น คึคึ อ้าวแล้วทำไมมากันแค่นี้วะ

     


    คนอื่นเขาก็มีงานที่คณะเหมือนกันใครจะว่างอย่างมึง

     


    โด่ งั้นมึงสองตัวก็คงว่างเหมือนกูนี่แหละ ป่ะๆเดี๋ยวกูพาไปหน้าเวทีวันนี้สาวตรึม




    กูขอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่าว่ะ…..มิคกูฝากนี่ให้ภูมิหน่อยสิไอ้มิคเลิกคิ้วมองกล่องนมหน้าที่เคยมีรอยยิ้ม

    ทะเล้นของมันเปลี่ยนเป็นซึมลงทันตา

     


    เฮ้ออ กูอุตส่าห์จะบิ้วมึงให้ยิ้มซะหน่อย ตกลงจะไม่เข้าไปหรอวะ




    อืม


    เออๆเอางั้นก็ได้ งั้นกูไปก่อนนะเว้ยเดี๋ยวคอนเสิร์ตเลิกค่อยเจอกัน….. พีม ไอ้ภูมิมันคงดีใจที่รู้ว่ามึงมาดูมันยิ้มและรับกล่องนมไปจากมือผมก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางหลังเวที ไอ้คิวมันกอดคอผมไว้มันตบหลังผมเบาๆ ผมได้แต่พยักหน้าและยิ้มกลับไป



     

    วันนี้มีศิลปินอินดี้วงร็อกที่กำลังมาแรงหลายวงมาเล่นมีทั้งวงของมหาลัยรวมถึงวงทั่วไปของนักศึกษาที่ขึ้นมาเล่นสลับกัน และวงของภูมิน่าจะเป็นวงสุดท้าย ไอ้คิวมันพาผมเบียดผู้คนมายืนอยู่โซนกลางแต่เป็นริมๆฝั่งซ้ายของเวทีถึงจะอยากเห็นภูมิใกล้ๆแต่ระยะเท่านี้น่าจะดีกว่า ส่วนไอ้เต้ยกับไอ้แมทมันไปกอดคอกันปล่อยสเต็ปอัพที่หน้าเวทีแล้วมั้ง



     

    เมื่อเพลงสุดท้ายของวงนี้จบลงก็ได้รับเสียงกรี๊ดจากคนดูและผมก็ต้องเอามืออุดหูเมื่อวงที่จะเล่นต่อไปเดินขึ้นมาบนเวที เป็นวงของภูมิเสียงนั่นเองเสียงกรี๊ดดังมาจากทุกสารทิศแต่พอผมเห็นคนที่เดินขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายผมก็ไม่ได้ยินเสียงรอบกายไม่รับรู้อะไรอีกเมื่อได้เห็นภูมิเห็นคนที่ผมเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวัน

     



    วันนี้ภูมิอยู่ในชุดเสื้อนักศึกษาธรรมดากับกางเกงเดฟสีดำอย่างที่ชอบใส่ คนที่เหลือก็ใส่เสื้อยืดมีแค่ปริ๊นท์ที่ใส่ช้อป

    ช่วงเวลาเกือบสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ได้เจอกันหน้าหอสมุดภูมิของผมผอมลงไปมากมากจนผมรู้สึกใจหาย ใบหน้าหล่อๆที่เคยเกลี้ยงเกลาตอนนี้มีเคราขึ้นมันอาจจะทำให้ภูมิดูเท่แต่สำหรับผมกลับคิดว่าเหมือนมันไม่ใส่ใจดูแลตัวเองเลย ผมอยากจะเจอหน้ามันอยากมาเห็นกับตาว่ามันยังอยู่สบายดีไม่เจ็บไข้แต่ทำไมสภาพภูมิถึงอ่อนแอขนาดนี้ ไอ้คิวตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะก้มมากระซิบ

     



    กูไปหามันเมื่อวานกูยังตกใจเลยกูถึงไม่อยากให้มึงมาเห็นไง ไอ้ภูมิเพิ่งออกจากโรงพยาบาลด้วย ผมหันควับไปมองหน้าไอ้คิวทันทีคำว่าเข้าโรงพยาบาลทำให้ผมเผลอกัดปากตัวเอง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละภูมิ ผมจ้องคนที่กำลังตั้งเสียงลองเสียงเบสอย่างไม่วางตา ไหนสัญญาว่าจะมีความสุขไงมันถึงกับเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ แล้วไหนพ่อกับแม่บอกว่าจะดูแลมันทำไมปล่อยให้ภูมิไม่สบาย ผมเจ็บนะเจ็บจนเหนื่อยจนใกล้จะหมดแรงแล้ว

     




    มันเป็นอะไรมากรึเปล่า"




    ก็โรคเก่าของมันน่ะกระเพาะแต่เพราะวันนี้มีคอนเสิร์ตมันเลยต้องมาไม่สบายก็ต้องนอนพักสิแค่เล่นดนตรีแค่นี้ให้คนอื่นเล่นแทนก็ได้ ถ้าไม่ไหวจะทำยังไง ถ้าอาการแย่กว่าเดิมจะทำยังไงภูมิ

     





    แต่ที่ภูมิเป็นแบบนี้ก็เพราะผมสินะและถ้าผมไม่ได้คิดไปเองเหมือนภูมิกำลังกวาดสายตามองหาอะไรซักอย่างในระหว่างที่เพื่อนกำลังเซ็ตเครื่องดนตรี

     


     

    อ๊ากกกกกกกกกกกสิ่งที่รอคอยมาทั้งวันพี่ปริ๊นขาาาาาา กรี๊ดดดดดดดดด

     



    คุณน้องปริ๊นนนนนนนนของเจ้ อร๊ายยยยยยย       



     

    ภูมิๆๆๆๆๆๆ ทำไมภูมิของฉันผอมลงล่ะเนี้ยยยยแต่ก็หล่อสุดๆไปเลยค๊าาาาาาา

     

    พวกพี่ภูมิแม่งเท่สาดดดดด



     

    ถ้ากูหล่อได้ซักครึ่งลุงรหัสกูคงจะดีว่ะ ผมหันไปมองกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายเกือบยี่สิบคนน่าจะเป็นเด็กวิศวะและดูจากสภาพแต่ล่ะคนคงกระโดดออกลีลาเท้าไฟมาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วเพราะเห็นบางคนเสื้อเปียกไปทั้งตัว

     

     



    โหล เทสๆ หึหึ สวัสดีคร้าบบบบ ไอ้แซคทักทายและได้รับเสียงกรี๊ดพร้อมเสียงโห่จากวิศวะที่คงเป็นเพื่อนพวกมันนั่นแหละ เสียงกรี๊ดของสาวๆแซคขอรับไว้ในอ้อมอกอ้อมใจแต่ไอ้พวกข้างหลังมึงจะโห่กูทำไมครับ มีเสียงหัวเราะจากคนดูตามมาผมก็พลอยยิ้มไปด้วยเพราะภูมิก็ยิ้มให้เพื่อนมัน

     




    สวัสดีทุกคนนะครับพวกเราวงเฮีย(here)คร้าบบบบบ ไหนขอเสียงสาวๆต่างคณะหน่อยเร็วววว และก็มีเสียงกรี๊ดอีกระลอกสงสัยไอ้แซคมันคงจะเป็นที่รู้จักของสาวๆอยู่เหมือนกัน ระหว่างที่รอเช็คเสียงผมก็จะขอแนะนำสมาชิกในวงซึ่งทุกคนก็อาจจะรู้จัก




     

    ไอ้ที่ถือไม้กลองชื่อหนุ่ม ไอ้ที่ยืนอยู่หลังคีย์บอร์ดชื่อแชมป์ ไอ้ที่ยืนหน้าเหียกๆมือกีต้าร์นั่นชื่อปริ๊นและมือเบสที่ผมเคยสละตำแหน่งเดือนคณะให้ชื่อภูมิ ตะลึงตึงโป๊ะ คราวนี้มีแต่เสียงโห่กับเสียงตีกลองรับมุกไอ้ภูมิก็ตบเบสรับมุกไอ้แซคเหมือนกัน

     




    โห่อะไรกันครับ ผมยังแนะนำไม่จบ ฮ่าๆส่วนผมแซคโซโฟนคนหล่อร้องนำและ…..ยินดีที่ไม่รู้จักทุกคนนนนนน ไอ้แซคหันไปส่งสัญญานไอ้หนุ่มเคาะไม้กลองให้จังหวะก่อนที่เสียงกีตาร์เสียงเบสและกลองจะกระหึ่มขึ้นพร้อมเสียงกรี๊ด แค่เพลงแรกของพวกมันก็ทำเอาพวกข้างล่างกระโดดได้ไม่หยุดคนเล่นก็มันส์คนร้องก็มันส์คนฟังยิ่งมัน ไอ้ปริ้นท์สะบัดหัวตามกีต้าร์จนแทบหลุด ยิ่งเวลาที่ปริ๊นท์เดินมาโซโล่กีต้าร์ใกล้ๆภูมิยิ่งได้รับเสียงกรี๊ด

     



    พวกมันปรับซาวด์กีต้าร์ใหม่เกือบทุกเพลงเพราะรู้สึกจะเล่นหนักๆเสียงทุ้มๆ ผ่านไปสามเพลงไอ้หนุ่มก็ถอดเสื้อ ไอ้ปริ๊นก็ก็ถอดช้อปส่วนภูมิเสื้อนักศึกษาสีขาวของมันเริ่มเปียกชุ่มเหงื่อเวลาภูมิหันหลังจะเห็นรอยสักรูปอินทรี เพลงแรกที่พวกมันเล่นคือเพลงยินดีที่ไม่รู้จักต่อด้วยเพลงที่เดิม

     



    เพลงที่สามคือเพลงคิดฮอดที่ไอ้ปริ๊นได้รับเสียงกรี๊ดอย่างถล่มทลายเพราะมันโชว์ลูกคอร้องหมอลำแทนพี่ศิริพร เพลงที่ห้าคือเพลงบ้างไหมและเพลงที่เพิ่งจบไปเมื่อกี้คือเพลงคนนี้ ผมเคยดูพวกมันซ้อมมาไม่รู้กี่ครั้งและเคยแซวมันด้วยว่าเลือกเพลงได้หลากหลายดี มาวันนี้ผมก็ยังรู้สึกแบบนั้นพวกมันเล่นได้ดีเหมือนที่เคยซ้อมเลย

     


     

    ฮู้ววววววว เหนื่อยรึยัง ข้างหลังว่าไงงงงงงงง วันนี้ใครอกหักบ้างขอเสียงหน่อยยยยยย ไอ้แซคเดินไปกอดคอไอ้ภูมิก่อนจะพาทุกคนสนุกอีกครั้งมันก็หันหน้าไปยิ้มให้ภูมิและตะโกนเลียนแบบพี่ตูนว่า ชีวิตยังมีพรุ่งนี้ครับทุกคนแซคทำได้ดีเหมือนเป็นนักร้องวงร็อกมืออาชีพมันเอนเตอร์เทนคนได้ทำให้ทุกคนสนุกไปกับพวกมัน

     



    เพื่อนกูเล่นดีนี่หว่าแต่บอดี้กีต้าร์หนาไปหน่อยแล้วมันจะใส่เอฟเฟคอะไรนักหนาวะคิดว่าเล่นในผับหรอหูกูจะแตกแล้ว ไอ้คิววิจารณ์แต่ผมก็เห็นมันโยกตามเกือบทุกเพลงสงสัยจะอยากขึ้นไปแจม ส่วนผมก็โยกหัวตามบ้างแต่ส่วนมากจะยืนนิ่งๆมากกว่าไม่ใช่พวกมันเล่นไม่ดีพวกมันเล่นดีมากแต่เพราะผมอยากตั้งใจมองมือเบสให้สมกับที่คิดถึง

     




    สาวๆข้างหน้าเด็ดมากแปลงเพศเมื่อไรมาเอาพินพี่ปริ๊นได้นะน้องไอ้แซคพักกินน้ำและแซวคนดู

     



    กรี๊ดดดดดดดดดด อร๊ายยยยยย หนูเอาจริงนะคะพี่ฟังจากเสียงกรี๊ดคงไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ

     



    ฮ่าๆ เคลียร์กันหลังไมค์ครับน้อง หนุ่มๆสาวๆเหนื่อยรึยังงงงงจ๊ะ ทุกคนต่างพร้อมใจตอบว่ายัง




    แต่กูเหนื่อยแล้วว่ะ ฮ่าๆ ครับก็ฟังเสียงหล่อๆของผมมาหลายเพลงแล้วต่อไปลองไปฟังเสียงของคนหน้าตาแย่ๆบ้างดีกว่า ขอเสียงให้พี่ภูมิหน่อยคร้าบบบบบไอ้แซคเดินไปตบไหล่ภูมิก่อนจะรับเบสไปเล่นแทน

     



    แค่ภูมิเดินออกมายืนตรงกลางเวทีก็ได้รับเสียงกรี๊ดนานเกือบนาทีมันยังคงเป็นคนดังของสาวๆเสมอผมก็ได้แต่มองและยิ้มจากตรงนี้

     




    ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสนุกกับคณะวิศวะของเรานะครับแล้วก็ขอบคุณที่อยู่ดูคอนเสิร์ตจนจบ เพลงนี้จะเป็นเพลงสุดท้ายของวงเราและเป็นเพลงสุดท้ายของวันนี้…….. ผมอาจจะเสียงไม่ดีร้องไม่ค่อยเพราะก็ทำใจหน่อยนะครับ ถึงภูมิจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ยังได้รับเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ ภูมิยิ้มบางๆแสงไฟแสงสปอตไลค์ทำให้ภูมิดูมีเสน่ห์มาก เวลาภูมิเล่นดนตรีก็น่ามองไปอีกแบบความหล่อของมันเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าเลย

     



    ภูมิเป็นคนที่โดดเด่นเสมอ

     


     

    เพลงที่ผมจะร้องผมอยากจะมอบให้กับคนๆนึง….” ทุกคนเริ่มเงียบและตั้งใจรอฟังภูมิแต่สำหรับผมกำลังรู้สึกแปร๊บๆที่อก และเกือบไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนเมื่อภูมิจับจ้องมองมาที่ผม ผมไม่รู้ว่าภูมิเห็นผมตั้งแต่เมื่อไรแต่ตอนนี้มันไม่ละสายตาไปไหนเลย เขาเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผมและเป็นคนที่ผมรักมากที่สุด เขาทำให้ผมยิ้มได้ทำให้ชีวิตผมมีความหมายทำให้ผมรู้ว่ารักคืออะไรแต่วันนี้เขาไม่ได้อยู่ข้างกายผมอีกแล้ว…….



    ผมอยากบอกเขาว่าตั้งแต่วันแรกที่เรารักกันจนถึงวันนี้ วันที่เขาจากผมไปความรู้สึกของผมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ผมยังรักเขารักมาก ผมยังคิดถึงเขาตลอดเวลาและผมก็จะรอเขากลับมา….แม้ผมไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไรแต่ผมก็จะรอจะรอจนถึงวันที่ไม่ต้องรอ"



























    คำว่ารักมันกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว

    อะไรที่หวัง ก็พังไปตั้งนานแล้ว
    แต่ชีวิตไม่รู้ทำไม มันยังคงค้างคาใจ
    ไม่มีวันใดที่ฉันไม่จดจำ




    ก็คำว่ารักยังจำได้อยู่เสมอ
    หลับตาทุกครั้งยังเจอเธออยู่ตรงนี้
    ความเข้มแข็งที่ฉันเข้าใจ อ่อนแอลงทุกนาที
    อยู่ดีๆ ใจก็ร้องไห้อีกครั้ง




    ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ได้ยินมั้ย
    เธอยังอยู่ในหัวใจ ของฉัน




    ข่มตานอนทุกคืน ยังฝันยังเห็นว่าเรารักกัน
    เธออยู่ที่ไหน คิดถึงเธอ
    ชาตินี้ไม่มีสิทธิ์เจอ จบแล้วก็เข้าใจ
    แต่จะให้ทำยังไง เมื่อในหัวใจยังจดจำ





    คำว่ารักยังพอให้ต่อชีวิต
    ยังทำให้คิดถึงวันเก่าๆ เหล่านั้น
    ได้แต่หวังลึกๆ ในใจ จะมีบ้างไหมสักวัน
    สิ่งที่ดีๆ เหล่านั้นจะกลับมา





    ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ได้ยินมั้ย
    เธอยังอยู่ในหัวใจ ของฉัน
    ข่มตานอนทุกคืน ยังฝันยังเห็นว่าเรารักกัน
    เธออยู่ที่ไหน คิดถึงเธอ


    ชาตินี้ไม่มีสิทธิ์เจอ จบแล้ว ก็เข้าใจ
    แต่จะให้ทำยังไง เมื่อในหัวใจมีแต่เธอ

     










    เอามีดมากรีดหัวใจผมซะยังจะทรมานน้อยกว่านี้ ทุกคำพูดเหมือนจะบีบให้หัวใจหยุดลง มือของไอ้คิวยังคงกอดคอผมเหมือนจะบอกให้รู้ว่ามันยังอยู่ตรงนี้ ทุกคำพูดทุกถ้อยคำของภูมิทำให้ผมทรมานเจียนตาย ในท่อนสุดท้ายของเพลงเสียงภูมิสั่นฟังดูน่าสงสารแต่มันก็พยายามร้องต่อจนจบ

     


    บรรยากาศที่เคยสนุกสนานกลับเหงาเศร้า หลายคนร้องเพลงคลอไปกับภูมิและมีหลายคนที่ร้องไห้น้ำตาคลอตามภูมิ เหมือนผู้หญิงคนนึงที่ยืนอยู่ถัดไปเธอก็ร้องไห้ ร้องเหมือนที่ผมกำลังร้องพอเพลงจบลงผมสบตากับภูมิอีกครั้งถ่ายทอดความรู้สึกบอกมันว่า รักก่อนจะหันหลังจากมา

     



    ผมทิ้งมันไว้ข้างหลังทิ้งคนที่รักสุดหัวใจให้ร้องไห้อีกครั้งและหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมต้องทำร้ายภูมิ ผมรีบเดินออกมาจากตรงนั้นจนเกือบจะถึงที่จอดรถผมก็เห็นปลายรองเท้าของใครบางคนยืนขวางทางพอเงยหน้ามองก็เห็นไอ้เชนส่งรอยยิ้มจางๆรอผมอยู่มันยิ้มให้เหมือนเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังรู้สึก

     



    ผมโถมตัวเข้ากอดมันไว้แน่น ปล่อยเสียงสะอื้นเสียงร้องไห้สุดเสียงเหมือนอกผมจะระเบิด เหมือนหัวใจถูกฉีกทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อไรมันจะผ่านพ้นไปเสียที

     




    ฮึก เชน กูใกล้จะตายแล้วมันเจ็บร้าวไปหมดเจ็บเหมือนร่างกายจะแตกสลายไปไอ้เชนยังคงลูบหัวลูบหลังผมไม่ห่างจนเสื้อของมันเปียกเป็นดวงจากน้ำตาของผม

     



    พอได้รึยัง พอเถอะนะพีมหยุดทรมานตัวเองเถอะมึงกลับไปหาไอ้ภูมิเถอะนะ

     


    กู ไม่ ไม่อยาก ให้ภูมิทะเลาะ ไม่อยากเห็นมันมีปัญหาฮึก กับ กับพ่อ

     


    มึงเลยฆ่ามันให้ตายทั้งเป็นแบบนี้น่ะเหรอ มึงกำลังฆ่าคนสองคนฆ่าทั้งมันและก็ฆ่าตัวมึงเองมึงเชื่อกูนะพีมมึงทำแบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมึงกลับไปหาไอ้ภูมิเถอะ เชื่อกู

     



    กูไม่รู้จะทำยังไง เชน กูไม่รู้ กูเจ็บ ฮึก เชนกูเจ็บ กูรักมัน มึงได้ยินมั้ยว่ากูรักมัน รักภูมิ ฮืออ

     





    ผมไม่รู้ว่าจะต้องเจ็บแบบนี้ไปอีกนานเท่าไรแต่คงไม่เจ็บไปมากกว่านี้แล้วผมแค่เจ็บทุกวินาทีที่หายใจ

     





    ภูมิจะรอผมจนกว่าจะถึงวันที่ไม่ต้องรอ มันจะมีวันนั้นของเราใช่ไหม

     












    ………………………………

     






    เกือบสัปดาห์หลังจากงานนิทรรศการก็เป็นช่วงสอบมิดเทอมชีวิตผมก็กลับมาวุ่นวายอีกครั้งไหนจะทั้งติวสอบ ส่งงาน พรีเซ้นงานไม่ค่อยมีเวลาพัก ก็ถือว่าค่อนข้างเหนื่อยมากแต่เหนื่อยกายน่ะผมยังพอทนกับมันได้แต่บ่อยครั้งที่ผมรู้สึกเหนื่อยหัวใจผมต้องควบคุมบังคับให้ตัวเองฝืนก้าวต่อไป ไม่อยากกินก็ฝืนกินไม่อยากข่มตาหลับก็ต้องทำและผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผมจะยังฝืนแบบนี้ได้ถึงเมื่อไร





     

    เพราะตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เห็นหน้าภูมิเลย

     




    เย็นนี้หลังจากสอบเสร็จเพื่อนๆที่คณะก็ชวนไปกินเหล้าฉลองกัน ผมปฏิเสธพวกมันเพราะรู้สึกปวดหัวแต่เชี่ยคิวกับเชี่ยหนึ่งก็ลากผมมาจนได้




     

    จนเกือบๆห้าทุ่มผมก็เลยขอกลับก่อนพอไอ้คิวมันเห็นผมจะกลับมันก็รีบยกเหล้าแก้วสุดท้ายเทลงคอรวดเดียวก่อนจะรีบเกาะผมกลับด้วยเพราะคืนนี้มันจะไปค้างที่บ้านผม ผมเห็นมันดูกึ่มๆแถมกำลังคุยโทรศัพท์กับไอ้เต้ยผมเลยอาสาขับรถให้ไม่ได้จับบีเอ็มมานานรู้สึกเกร็งๆเหมือนกัน

     





    กำลังจะกลับไอ้พีมขับ……เปล่ากูจะเมาได้ไงกูไม่ได้กินเหล้า……ง่วงยัง…..ข้าวหลามเหี้ยไรตอนเที่ยงคืน…..ไอ่เต้ยยยยใครเขาจะขายข้าวหลามตอนนี้กันวะ…..พ่อมึงสิข้าวหลามในเซเว่นไม่ต้องมาหื้อมาแฮะไปนอน……” ผมหัวเราะบทสนทนาระหว่างไอ้คิวกับไอ้เต้ยผมนึกหน้าไอ้เด็กตี๋ตาโตนั่นออกเลยว่ามันกำลังทำหน้ายังไง

     



    คิวกูขอเปิดเพลงนะ ไอ้คิวหันมาพยักหน้าให้ผมก่อนจะกลับไปทะเลาะกับเด็กมันต่อ ผมเปิดวิทยุฟังหาคลื่นที่ผมชอบฟังแต่ผมก็ไม่กล้าเปิดดังเพราะจะรบกวนไอ้คิว เสียงหวานๆของดีเจที่กำลังให้ข้อคิดดีๆเกี่ยวกับความรัก ผมจับใจความคร่าวๆได้ว่าคนที่โทรเข้ามาคงกำลังมีปัญหาเรื่องที่แฟนไม่เวลาให้

     




    พี่ว่าในเมื่อตอนนี้ทั้งน้องอุ้มกับแฟนต่างคนก็ต่างเหนื่อยความสัมพันธ์เดินทางมาถึงจุดที่เปราะบางการถอยออกมาการให้เวลาอีกฝ่ายและลองปรับตัวเข้าหากันใหม่มันน่าจะเป็นวิธีที่ดีนะคะ

     





    คุณอุ้มคนนี้ยังถือว่าโชคดีเพราะอย่างน้อยก็ยังได้อยู่กับคนรักถึงจะไม่ค่อยมีเวลาให้กันเพราะหน้าที่การงานแต่มันก็คงดีกว่ารักกันแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เสียงเพลงที่พี่ดีเจเปิดทำให้ผมนึกถึงใครบางคนมันเคยร้องเพลงนี้ให้ผมในวันที่เราเคยมีความสุขอยู่ด้วยกัน

     




    แปลกดีนะคนอกหักฟังเพลงรักยังร้องไห้ได้เลย

     



    พีม!!!!!ไอ้พีม!!!!” เสียงตะโกนของไอ้คิวทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวผมหักพวงมาลัยหลบรถคันข้างหน้าในระยะที่ผมคิดว่ามันคงชนไปแล้ว ไอ้คิวตบแก้มผมเพื่อเรียกสติ ผมมือเย็นมือสั่นไปหมดจนกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งๆ ถ้าไอ้คิวมันไม่เอื้อมมือมาช่วยหักพวกมาลัยผมคงชน ผมขับรถเข้าจอดข้างถนนทั้งที่ตอนนี้จิตใจผมไม่ได้อยู่กับผมเลย

     




    แม่งเอ๊ย เกือบตายคู่แล้วสัดมึงมีสติหน่อยสิพีม  

     






    กู กูขอโทษว่ะคิว ด เดี๋ยวกูตั้งใจขับนะ เมื่อคืนกูดูหนังดึกไปหน่อยก็เลยง่วง มึง อย่า อย่าเพิ่งว่ากูนะ กูขอโทษ กูขอโทษ กู ฮึก….ขอโทษ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ภาพข้างหน้าพร่าเลือนแต่ผมก็พยายามหันไปยิ้มและขอโทษไอ้คิว มันสบถเสียงดังก่อนที่จะดึงผมไปกอด

     



    กูไม่ได้ห่วงรถแต่กูห่วงมึง พวกมึงจะเจ็บแบบนี้อีกนานไหมจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนพีมไม่รู้ ผมตอบไอ้คิวไม่ได้ว่าจะเจ็บไปอีกนานแค่ไหนหรือมันอาจจะเจ็บไปจนกว่าผมจะหยุดหายใจ

     



    ไอ้คิวเปลี่ยนมาเป็นคนขับเองพอถึงบ้านพวกผมอาบน้ำนอนทั้งที่ปวดหัวและรู้สึกเพลียขนาดนี้แต่ผมกลับนอนไม่หลับและผมคิดว่าไอ้คิวก็ยังคงไม่หลับเหมือนกัน

     



    คิวภูมิสบายดีไหม ผมเอ่ยถามไอ้คิวที่นอนถอนหายใจอยู่ข้างๆ

     


    …………..สบายดี



     

    เหรอ ก็ดีแล้ว



    คิว



    อืม

     

    กูอยากพัก


     

    ก็พักสิ สอบเสร็จก็ไม่มีไรแล้ว เดี๋ยวกูลาอาจารย์ให้พรุ่งนี้วันศุกร์มึงจะได้หยุดยาวเลย


     

    กูหมายถึงกูอยากไปที่ไหนสักแห่ง เหมือนไอ้คิวหันมาจ้องมองผมผ่านเสียงสลัวก่อนจะขึ้นเสียงดุๆใส่ผม

     



    มึงจะไปไหนถ้าอยากพักผ่อนก็นอนอยู่บ้านไม่ต้องเสือกไปที่อื่นหรือไม่อย่างนั้นกูจะไปด้วย

     



    คิวกูอยากอยู่คนเดียวซักพักมึง….ช่วยเข้าใจกูเถอะนะกูไปไม่นานหรอก ผมแค่อยากหลบไปจากที่นี่ อยากออกเดินทางไปที่ไหนซักแห่งหลบไปให้จิตใจมันดีขึ้นเมื่อผมเข้มแข็งกว่านี้ผมจะกลับมา

     



    มึงจะกลับมาใช่ไหมพีมเสียงของไอ้คิวอ่อนลงจนผมต้องหันไปสบตากับมัน ผมขำก่อนจะผลักหัวมันเบาๆ

     


    หึ เชี่ยคิวมึงนี่ก็ถามอะไรแปลกๆถ้ากูไม่กลับมาแล้วมึงจะให้กูไปอยู่ไหนวะ กูแค่อยากไปพักผ่อนคิดอะไรซักพักน่ะ

     


    อย่าผิดสัญญากับกูคิวมันดึงผมไปกอด กอดของมันไม่อ่อนโยนเหมือนภูมิ มันไม่ปลอบใจผมเหมือนที่ไอ้เชนไอ้แทนชอบทำแต่กอดของมันก็อบอุ่นไม่แพ้เพื่อนคนไหนเหมือนกัน

     



    คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมไม่อาจข่มตาหลับ จนตีสามกว่าๆผมก็ลุกมาเก็บกระเป๋าผมมองไอ้คิวที่นอนหลับผมยิ้มเหงาๆให้มันก่อนจะค่อยๆเปิดประตูออกมา

     



    ผมขับรถออกจากบ้านทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน แค่อยากขับไปเรื่อยๆไปไหนก็ได้ที่ไกลๆ ที่ๆเงียบสงบ หนีออกจากสถานการณ์เจ็บปวดนี้ที่ผมเริ่มจะแบกรับมันไม่ไหว ผมไม่รู้ว่าตัวเองขับรถมาไกลเท่าไรแล้วแค่ขับรถไปเรื่อยๆ

     



    ผมไม่ได้วางแผนว่าจะไปที่ไหนก็จริงแต่เหมือนลึกๆแล้วผมรู้ว่าผมอยากไปไหนและผมก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง หัวหินผมกำลังนั่งกอดเข่ามีกระเป๋าเป้หนึ่งใบอยู่ข้างกาย ผมทอดสายตามองทะเลเบื้องหน้าเห็นแสงสีส้มอ่อนแรกของดวงตะวันที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า เสียงคลื่นสาดเซาะกระทบฝั่งบรรยากาศยามเช้าที่เงียบสงบของที่นี่

     




    ผมนั่งอยู่ตรงนั้นอีกซักพักถึงได้ขับรถไปยังรีสอร์ทที่ผมเคยไปพักกับภูมิและเหมือนโชคจะเข้าข้างผมอยู่บ้างที่ห้องนั้นยังว่าง ตลอดทั้งวันผมไม่ได้ออกไปไหนเลยผมนอนอยู่ในห้องจนกระทั่งดึกดื่น ผมยังคงนอนร้องไห้เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา เสียงกระแสลมและคลื่นทะเลที่ซัดสาดยามดึกราวกับพัดพาความเจ็บปวดของคนไกลมาบอกให้หัวใจผมรับรู้

     





    เตี้ย ถ้าเราเรียนจบแล้วไปสร้างบ้านของเราหลังเล็กๆที่เชียงใหม่นะ กูจะเป็นคนสร้างมึงเป็นคนดูแล


    มึงก็ต้องดูแลช่วยกูดิ



    ……………………




    ภูมิกูบอกกี่ครั้งว่าอย่าเอาถุงเท้ามาใส่รวมกับเสื้อผ้า



    เออๆหลบไปก่อนกูดูเบนเทนอยู่ พีมมม อย่าบังดิวะ



    …………………



     พีม แต่งงานกันนะ



    มึงเมาหรอสาดดดด




    ………………….



    มึงคือของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตกูนะพีม



    งั้นก็ช่วยรักษาของขวัญชิ้นนี้ดีๆล่ะ



    ……………………………



     ไม่มีมึงกูก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไม่ได้รักมึงก็ไม่รู้ว่าจะมีหัวใจไว้เพื่ออะไร มึงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น รู้แค่ตอนนี้ วันนี้เรายังรักกันก็พอ

     

     

     

    รู้แล้วภูมิ พีมรู้แล้ว กูก็เจ็บ ฮึก  กูยังรัก  รักมึง เรายังรักกันนะคนดี ฮืออออผมโอบกอดตัวเอง แต่ยิ่งกอดมันก็ยิ่งหนาว อยากได้อ้อมกอดนั้นอีกสักครั้ง อยากจะมอบอ้อมกอดนี้ให้คนรักของผมอีกสักครั้ง ผมคงได้กอดภูมิอีกครั้งถ้าในวันนั้นผมยังมีแรงเหลือพอที่อยู่บนโลกเหงาๆใบนี้



     

    ยามเย็นของอีกวันผมถึงออกมาเดินเล่นที่ชายหาด พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะลาลับคุ้งน้ำเป็นสีทองระยิบระยับ ผมนั่งกอดเข่าเหม่อมองไปยังท้องทะเลแสนไกลผมยกมือข้างซ้ายขึ้นมาดูใกล้ๆแหวนทองคำขาวสะท้อนกับแสงอ่อนๆยามตะวันจะลับฟ้า




    ผมกุมมือข้างซ้ายไว้แนบอกให้หัวใจได้สัมผัสกับไออุ่นของภูมิ ลมเย็นๆพัดมากระทบผิวยิ่งมองก็ยิ่งคิดถึงภูมิ ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้างนะ ถ้าเราได้มาเที่ยวด้วยกันอีกซักครั้งก็คงดี

     




    ครั้งหนึ่งผมเคยมาที่นี่กับคนที่ผมรัก เราขี่ม้าด้วยกัน เราปั่นจักรยานไปตลาดด้วยกัน เราเป็นของกันและกัน ที่นี่มีความทรงจำดีๆมากมาย ผมเคยคิดเอาไว้ว่าเราจะกลับมาด้วยกันอีกครั้ง ผมได้กลับมาแล้ว แต่แค่ ลำพัง

     




    ผมเช็ดน้ำตาออกเมื่อจะมองท้องทะเลให้ชัดอีกครั้ง ในความรู้สึกของผมตอนนี้คือเส้นขอบฟ้ามันสวยดีปลายเส้นขอบฟ้าเป็นสีกลายเป็นสีชมพูอมม่วงเหมือนมีใครเอาสีไปแต่งแต้มมันสวยงามและดูเหงาๆในเวลาเดียวกัน 

     



    ก่อนที่แสงสีส้มสุดท้ายของดวงตะวันจะลาลับไปเท้าของผมก็สัมผัสกับน้ำทะเลเย็นเฉียบแต่ผมก็จะไป ไปให้ถึงตรงปลายขอบฟ้านั่น ถ้าผมเดินไปถึงตรงนั้นผมอาจจะไม่รู้สึกเจ็บปวดแล้วก็ได้ ที่แห่งนั้นผมจะได้เจอภูมิ จะได้อยู่กับภูมิ จะไม่มีใครมาพรากเราสองคนได้ และผมกับภูมิก็จะรักกันตลอดไป

     



     

    เสียงคลื่นซัดสาดท้องทะเลเวิ้งว้างสายลมเอื่อยๆพัดพาเสียงร่ำไห้หยาดน้ำตาที่อาลัยรักให้แก่ผู้ที่ได้จากโลกนี้ไป พ่อแม่ ญาติๆ เพื่อนทุกคนกอดกันร่ำไห้

     




    พีมคือคนที่ทุกคนรักแต่จากนี้ไปจะไม่มีไอ้เตี้ย ไม่มีไอ้พีมที่ตัวเล็กแต่ปากร้าย ไม่มีไอ้เตี้ยที่ร่าเริงอยู่กับเพื่อนๆอีก ไม่มีอีกแล้ว จากไปแล้วชั่วนิจนิรันดร์

     





    งานวันนี้ไร้เงาของคนรักของพีมเขาคนนั้นทำได้เพียงนอนร้องไห้อยู่บนเตียงในห้องมืดๆ

     




    ฮึก พีม กูเจ็บจะตายแล้ว กูคิดถึง กูรักมึง พีมทำไมทิ้งภูมิไป ไม่รักภูมิ ฮึก แล้วใช่ไหม ภูมิรักพีมนะได้ยินไหม ได้โปรดกลับมาหากูเถอะ กลับมา……

     




    เขาได้แต่กอดรูปคนรักไว้แนบอก หยดน้ำตาพรั่งพรูไม่ขาด ภูมิทำได้แค่พร่ำเพ้อถึงคนรักที่บัดนี้เหลือเพียงควันขาวจากปล่องไฟ กระแสลมพัดพาสู่ฟากฟ้าแสนไกล

     




    ภูมินทร์ที่เคยแกร่งเข้มแข็งของใครๆไม่เหลือแล้ว มีเพียงภูมิที่อ่อนแอคนที่ไร้เรี่ยวแรงจะอยู่บนโลกใบนี้ที่ขาดพีม

     



    สายลมเย็นๆพัดผ่านผ้าม่านจากบานหน้าต่างที่แง้มไว้เพียงนิด สายลมพัดแผ่วๆราวกับกำลังกระซิบบอกและโอบกอดภูมิด้วยความรัก

     










     

    พีม ก็ รักภูมิ ฮึก กูรักมึงมากนะภูมิ





















    Music
     

     









     

    TBC >>>>>>>>>>>>>




     

    …………………………..






     

    -           ไม่รู้จะพูดอะไร คงบอกได้เพียง ขอให้รักของภูมิกับพีมเป็นนิรันดร์





    -           แล้วมาร่วมส่งท้ายกันตอนหน้านะคะ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×