ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] 궁 (Goong) Palace #แบมแบมป่วนวัง

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.32K
      21
      23 ก.พ. 60




    Chapter 3

     


     

    หนาว…
     

    หายใจไม่ออก…

     

    มืด…

     

    เมื่อสายตาพอจะมองเห็นแสงจากด้านบนสองแขนเริ่มตะเกียกตะกายแหวกว่ายเพื่อไปหายังแสงสว่างนั้น

     

    เฮือกกกก!!!

     

     

    ทันทีที่ถึง ร่างเล็กโผล่พ้นผิวน้ำก็รีบกอบโกยอากาศเข้าปอด สองขาใต้น้ำยังคงตีไปมาเพื่อพยุงตัว แต่น้ำในสระตื้นแค่เข่าเองไม่ใช่หรอ แล้วทำไมน้ำในฤดูร้อนถึงเย็นขนาดนี้ เย็นจนเข้ากระดูก ความหนาวเย็นเริ่มทำให้ขาไม่มีแรง  เขาไม่ควรแช่ตัวเองในนี้ สายตามองดูผืนน้ำที่มีช่องทางสามารถว่ายไปยังต้นบอนไซใหญ่กลางสระน้ำได้เท่านั้น ไม่รอช้า แบมแบมรีบว่ายเข้าไปแล้วปีนขึ้นไปบนพื้นที่กลางน้ำนั้น เขามองรอบๆ  ต้นบอนไซใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาว หิมะงั้นหรือ ผืนน้ำบางส่วนยังถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เขานั่งบนพื้นสีขาวนั้นชันเข่าตั้งขึ้นแล้วยกสองมือขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้ ละอองสีขาวเริ่มโปรยปรายรอบๆ ตัวเขา สายลมพัดมาเพียงเบาๆ แต่สะท้านไปทั้งตัวและหัวใจ นี่เขากำลังอยู่ที่ไหน
     

    ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า มีเพียงแสงสีส้มจางๆ แผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ ความหนาวเย็นเริ่มทำให้สติสัมปชัญญะเริ่มจะเลือนราง ได้ยินเสียงคนตะโกนโหวกเหวกเสียดัง ก่อนจะหมดสติไปกับคำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติจะดับวูบลง
     

    "เจ้าหญิงโบมี!!!"






     

    นิชคุณรีบลงจากรถแท็กซี่แล้ววิ่งเข้าไปข้างในก่อนจะถามหาทางไปยังห้องฉุกเฉิน เขาเห็นยูคยอมเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินที่ไฟหน้าห้องยังคงเป็นสีแดง
     

    "ยูคยอม"
     

    "นิกคุณฮยอง... เพราะผม... ผมขอโทษ"
     

    "ไม่ใช่ความผิดนายเลย อย่าโทษตัวเองนะ แบมแบมเป็นไงบ้าง" ยังไม่ทันจะได้พูดคุยกันต่อ ไฟหน้าห้องก็ดับลงพร้อมกับชายสวมชุดกาวน์สีขาวเดินออกมาเอ่ยถามหาญาติคนไข้ นิชคุณรีบเข้าไปแสดงตัวก่อนจะได้รับคำยืนยันว่า "คนป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้รอเพียงฟื้นขึ้นมาเท่านั้น" ทั้งสองคนโล่งอก ก่อนจะเดินตามเตียงคนไข้ที่ถูกเข็นออกมาไปยังห้องพักพิเศษ
     

    ทั้งสองคนยืนมองแบมแบมอยู่ข้างเตียงคนละด้าน ก่อนที่นิชคุณจะขอให้ยูคยอมเล่ารายละเอียดทั้งหมด
     

    ยูคยอมที่กำลังยืนคุยงานกับเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงเอะอะมาจากตำหนักที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ กำลังจะออกไปดูก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งมาบอกว่า เด็กที่มากับเขาตกน้ำในสระ พอถามได้ความว่าเป็นสระข้างตำหนักพิเศษก็เบาใจเพราะมันตื้นแค่เข่าเท่านั้น หากแต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า นอนหมดสติอยู่ นั่นแหละทำให้เขาแทบจะสิ้นสติไปด้วย คิดไปว่าหัวอาจจะโขกกับพื้นใต้สระน้ำ แล้วรีบโทรเรียกรถพยาบาล ระหว่างนั้นก็วิ่งไปดูเพื่อน แต่ก็ต้องแปลใจเมื่อพบว่าไม่มีรอยเลือดบนตัวเลย แต่ก็ห่วงไปว่าอาจจะเลือดคลั่งในสมอง และทันทีที่ถึงมือหมอ เขาก็โทรบอกนิชคุณ
     

    พี่ชายของคนที่นอนนิ่งบนเตียงสีขาวสะอาดเดินมาตบบ่า พร้อมกับบอกย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่ความผิดของผู้ช่วยหนุ่ม น้องเขาก็จอมซนขนาดนี้ อาจจะพลาดตกน้ำเอง แต่ถ้าน้ำตื้นแค่เข่า ไม่น่าจะถึงต้องหมดสติแบบนี้ มือหนาค่อยๆ ลูบผมสีบลอนด์ทองเบาๆ จากที่หมอยืนยันก็ไม่น่าจะมีอะไรให้เป็นห่วงแล้ว เขาไม่ได้โทรบอกบิดามารดา เพราะคิดว่าพรุ่งนี้ น้องชายจอมซนจะฟื้นขึ้นมา แต่เหมือนพี่ชายสุดหล่อจะคิดผิด





     

    เสียงพูดคุยกันค่อนข้างดังทำให้ร่างเล็กบนเตียงเริ่มรู้สึกตัวตามปลายประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ ปลายนิ้วมือเริ่มขยับพร้อมๆ กับเปลือกตาบางค่อยๆ เปิดออกรับแสงแต่ก็ต้องหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะกระพริบถี่เพื่อพยายามลืมตาอีกครั้ง
     

    "รู้สึกตัวแล้วพะยะค่ะ" พะยะค่ะ?
     

    "นะ... น้ำ" เสียงพูดแผ่วเบาของคนบนเตียงทำให้ผู้หญิงที่พูดในตอนแรกหันไปแก้วน้ำและป้อนเขา คนร้องขอน้ำค่อยๆ จิบ จนรู้สึกดีขึ้น แบมแบมถึงปรับสายตาให้ตัวเองได้ชัดขึ้น มือเรียวยกขึ้นเพื่อดันแว่นด้วยความเคยชิน แต่พบความว่างเปล่า สงสัยจะหล่นในสระน้ำ  เขาสายตาสั้นแต่ไม่มาก เพื่อป้องกันสายตาเขาจึงใส่ไว้จะได้ไม่ต้องเพ่งมอง  แต่ทำไมเขามองหน้าบุคคลในห้องนี้ชัดทุกคน ผู้ชายสามคนกำลังจ้องมาที่เขา ก่อนจะหันไปพนักหน้าให้กัน แล้วพูดพร้อมกันว่า เหมือนมาก
     

    เหมือนใคร?



     

    "เจ้าเป็นใคร"
     

    "เจ้าเข้าวังมาได้ยังไง"
     

    "แล้วทำไมถึงแต่งกายประหลาด"
     

    "แล้วทำไมถึงหน้าเหมือนเจ้าหญิง"
     

    "โอ้ยยยยย...เจ้าชายทั้งหลายเพคะ ใจเย็นนะเพคะ เขายังไม่สบายอยู่นะเพคะ" เสียงหนึ่งเดียวของหญิงสาวใจดีที่ป้อนน้ำให้เขาโวยวายออกมา ทำให้ทั้งสามหนุ่มหยุดพูดแล้วมองไปยังคนไม่สบายที่กำลังนั่งมองตาแป๋วใสมองมาที่พวกเขาทั้งหมด
     

    "พวกนายนั่นแหละ เป็นใคร แล้วทำไมต้องแต่งตัวย้อนยุคกันด้วย" คำถามประโยคยาวๆ กับสำนวนแปลกๆ เอ่ยออกมาจากปากคนป่วยในห้องสร้างความงุนงงให้ทั้งสี่คนในห้อง และเสียงหัวเราะของคนหนึ่งก็ดังขึ้น
     

    "เจ้าขำอะไร" เจ้าชายจินยองหันไปดุคนจีนที่หัวเราะเสียงดังที่ไม่ยอมตอบคำถามแล้วยักไหล่ให้อีกที เจ้าชายเลยเลิกสนใจแล้วหันมาถามคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงแทน
     

    "เจ้าชื่ออะไร"
     

    "กันต์พิมุกต์ ภูวกุล"
     

    "กะ...อะไรนะ"
     

    "ชื่อประหลาดมาก"
     

    "เรียก แบมแบม ก็ได้"
     

    "แบมแบม... ก็ยังประหลาดอยู่ดี แล้วเจ้าเป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาในสวนลับนี้ได้"
     

    "เป็นนักศึกษาเภสัช ปีสอง มาเกาหลีเพื่อเยี่ยมพี่ชาย แล้วพวกนายเป็นใคร"
     

    "ข้าชื่อ จินยอง เป็นเจ้าชายอันดับสอง ส่วนคนนี้พี่ชายข้า ชื่อ แจบอม เป็นองค์รัชทายาท ส่วนคนนั้นชื่อ หวังเจียเอ๋อ"
     

    "เจ้าชาย? พวกนายเล่นอะไรกัน อ่า… แอบถ่ายรายการย้อนยุคกันอยู่ล่ะสิ"
     

    "นักศึกษาเภสัช คืออะไร" เสียงเข้มจากบุคคลที่ถูกแนะนำว่าเป็นองค์รัชทายาทเอ่ยถาม คนถูกถามมองหน้าคนถามอย่างแปลกใจ เภสัช ขายยาจัดยาไง ทำไมถึงไม่รู้จัก
     

    "พวกนายยังไม่ตอบเลยว่าถ่ายรายการอะไรกัน มีกล้องซ่อนอยู่ใช่ไหม" แบมแบมกวาดสายตามองหาวัตถุที่จะเป็นที่ซ่อนของกล้องไปทั่วห้อง น่าจะมีกล้องเพื่อทำถ่ายรายการอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ เขาเห็นที่เกาหลีชอบมีรายการซ่อนกล้องแกล้งกันอยู่บ่อยๆ
     

    "เจ้าพูดถึงอะไร ทำไมเจ้าใช้คำพูดประหลาด"
     

    "พวกนายนั่นแหละประหลาด"
     

    "ข้าว่าให้ แบมแบม พักก่อนดีกว่า ซูจี เจ้าดูแลด้วยนะ ให้อยู่แต่ในห้องนะ ข้าคิดเรื่องงานหมั้นออกแล้ว" แบมแบมเห็นด้วย เพราะตอนนี้เขาเริ่มปวดหัวยังไงไม่รู้ หรือบางทีนี่อาจจะเป็นความฝัน คงเป็นเพียงฝันที่ตลกมากๆ แต่ก็คงดีกว่าฝันซ้ำแบบสามคืนก่อนหน้านี้ เขาค่อยๆ ปิดเปลือตาลงอีกครั้งหลังจากที่ผู้ชายทั้งสามคนออกไป ผู้หญิงที่ชื่อซูจี จัดการห่มผ้าให้เขา พร้อมรอยยิ้มบางๆ ให้


     

    อ่า... บางทีฝันว่ามีสาวสวยส่งเข้านอนนี่ก็ดีนะ




     



     

    "ห๊ะ!!!!" เสียงตะโกนจากองค์รัชทายาทและเพื่อนคนจีนดังพร้อมกันหลังจากฟังเรื่องแผนการงานหมั้นจากเจ้าชายจินยอง
     

    "หลอกลวงพระราชาเลยนะ จินยอง"
     

    "แล้วท่านมีวิธีอื่นหรือ พรุ่งนี้องค์ชายต้วนก็จะเสด็จมาถึงแล้วนะ" องค์รัชทายาทและสหายส่ายหน้าเมื่อถูกถามถึงหนทางอื่น
     

    "เราไม่ได้หลอกลวง เราแค่แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเดือนเดียวเอง" ใช่แล้ว โบมีเจ้าหญิงองค์เล็กของวังบอกกำหนดการกลับวังของตัวเอง ให้กับซูจีที่ออกไปแจ้งข่าวเรื่องการหมั้นและแต่งงาน กำหนดก็คือ อีกหนึ่งเดือนหลังจากพิธีหมั้น ถ้าผ่านงานหมั้นไปได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทั้งสามคนเลือกวิธีนี้น่าจะดีที่สุด โดยพวกเขาจะต้องปิดเรื่องเจ้าหญิงตัวปลอมคนนี้ให้ได้
     

    "แล้วเด็กคนนั้นจะยอมช่วยเราหรือ" สหายคนจีนเอ่ยออกมาทำให้องค์ชายทั้งสองมองหน้ากัน นั่นสิแล้วเด็กคนนั้นจะช่วยพวกเขาไหมนะ


     

     

    ด้วยความอ่อนเพลียของร่างกายทำให้แบมแบมหลับยาวจนถึงเช้า และอาจจะยังไม่ตื่นหากไม่มีเสียงหวานๆ เรียก "เจ้าหญิงเพคะ" ย้ำๆ อยู่สี่ห้ารอบ ร่างบางพลิกตัวพยายามหลบเสียงที่ก่อกวนก่อนจะเอ่ยเบาๆ ว่า ขออีกห้านาที แล้วเอาผ้าห่มคลุมปิดหน้าตัวเอง สร้างความงุนงงให้กับคนปลุกและผู้ชายอีกคนในห้องที่กำลังยืนมอง ถึงแม้มันจะเป็นเวลาเช้ามาก แต่พวกเขาจะต้องทำข้อตกลงกับเด็กหนุ่มคนนี้ให้เร็วที่สุด ซูจียังคงเรียกย้ำอีก แต่ก็เหมือนคนหลับจะปิดการรับรู้โดยสมบูรณ์แบบ
     

    "เจ้าไปเตรียมชุดและอาหารเช้ามา ทางนี้ข้าจัดการเอง" คนสนิทรับคำและออกไปจากห้อง เจ้าชายเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตียง เขามองเด็กหนุ่มที่กำลังหลับ ภายในหัวก็กำลังคิดถึงการมาของเด็กคนนี้ เขาจะขอให้ช่วยเรื่องงานหมั้นยังไงดีนะ เด็กคนนี้จะยอมปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงช่วยพวกเขาไหม
     

    ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง องค์รัชทายาทและสหายคนจีนเดินเข้ามา
     

    "ทำไมเด็กนั้นยังไม่ตื่นอีก"
     

    "ตื่นยากมาก ข้าให้ซูจีไปเตรียมชุด แล้วข้ายังคิดคำพูดที่จะขอร้องเขาไม่ได้ แล้วถ้าเขาไม่ช่วยเข้าพิธีหมั้น พวกเราจะทำยังไงกันดี"
     

    "ให้ข้าช่วยอะไร พิธีหมั้นอะไร" สามหนุ่มหันไปตามเสียงที่ดังขัดการสนทนาของพวกเขา
     

    "เจ้าตื่นแล้วหรอ"
     

    "ละเมออยู่ หรืออาจจะฝันอยู่ ทำไมพวกนายยังไม่เลิกเล่นซ่อนกล้องกันเนี่ย"
     

    "ตื่นมาก็พูดจาประหลาดอีกแล้ว"
     

    "พวกข้าต้องการให้เจ้าเข้าพิธีหมั้นแทนน้องสาวข้า"
     

    "ทำไมต้องเป็นผมด้วย"
     

    "เพราะเจ้าหน้าเหมือนน้องสาวข้า"












     

    "ยืนนิ่งๆ เพคะ จะเสร็จแล้ว ตรงนั้นอย่าดึงเล่นเพคะ องค์หญิงเพคะ นิ่งๆ เพคะ" และอีกมากมายหลายคำล้วนบอกซ้ำๆ ให้อยู่นิ่ง อย่าจับนั่นดึงนี่จากซูจี สาวรับใช้คนสนิทที่เจ้าชายทั้งสองให้มาอยู่ดูแลเขา แต่ไอ้ชุดที่เขากำลังใส่นี่มันแปลกๆ นะ ดูยังไงก็ไม่ใช่กางเกงแน่ๆ ถึงจะมีกางเกงด้านในก็เถอะ ชุดเกาหลีโบราณนี่วุ่นวายชะมัด แล้วนี่อะไรอีกทำไมเขาต้องใส่วิกผมเปียด้วย กำลังจะโวยวาย ซูจีที่กำลังแต่งตัวไหนก็ทำตาดุใส่ แล้วก็ย้ำคำเดิมประโยคเดิม อยู่นิ่งๆ เพคะ พูดคำอื่นเป็นบ้างไหม เขาก็ขี้เกียจจะเถียง เพราะถ้ายิ่งช้ามันจะไม่ทันองค์ชายต้วนเติ้นอะไรนี่จะมาถึงแล้ว
     

    แบมแบมยืนมาตัวเองในกระจก ตอนนี้เขาอยู่ชุดชีม่า หรือชุดกระโปรงบานยาวคลุมเข่าสีแดงสดใสตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดี ส่วนเสื้อ ชอโกรี ท่อนบนแขนยาวสีครีมคลุมเลยเอวลงมา ตรงกลางมีลายปักดอกไม้วงกลมสีดำ คอเสื้อผูกด้วยโบสีแดงสีเดียวกับกระโปรงที่ใส่อยู่ แต่เขาใส่ชุดด้านในที่เป็นสีขาวก่อนใส่ชุดนี้ทับ เขาโวยวายว่าอยากใส่กางเกง ซูจี เลยหยิบ พาจี มาให้ใส่อีกชั้นก่อนจะใส่พวกกระโปรงทับอีกที
     

    มันยังไม่เสร็จเพราะตอนนี้ซูจีจับเขามานั่งแล้วกำลังหวีผมให้ ต่อด้วยการนำผมปลอมที่ถูกถักเป็นหางเปียยาวมาถึงกลางหลังและมีโบสีแดงผูกปลายผมเข้ากับชุด ส่วนบนหัวมีที่คาดพร้อมมงกุฏเล็กๆ อยู่ตรงกลาง หญิงสาวที่แต่งตัวให้ทำตาโตเมื่อตรวจความเรียบร้อยของผมและเสื้อผ้าแล้ว แต่ก็ยังหยิบแป้งฝุ่นมาทาที่หน้าเขานิดหน่อย ตอนแรกจะเติมสีปากให้แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะปากของเขาแดงเป็นธรรมชาติสวยดีอยู่แล้ว
     

    "ใส่รองเท้าของตัวเองไม่ได้หรอ กระโปรงก็ยาวคลุมปิดขนาดนี้"
     

    "ไม่ได้เพคะ เดี๋ยวพวกซังกุงสังเกตเห็นเราจะแย่เพคะ" แบมแบมมองรองเท้าผ้าใบคู่เก่งและเสื้อผ้าของตัวเองที่โดนเก็บเข้าลิ้นชักภายในห้อง แล้วมองรองเท้าคู่ใหม่ที่ซูจีพยักหน้าให้ลองใส่ ถึงทรงรองเท้าจะเป็นเหมือนรองเท้าคัชชูทั่วไปนี่แหละ แต่เขาก็ไม่ถนัดอยู่ดี แล้วมันก็เป็นรองเท้าผู้หญิงนิน่า!


     


     

    "เหมือนมาก" เหมือนจริงๆ ทำไมเหมือนกันแบบนี้ และอีกหลายๆ เหมือนที่เหล่าบรรดาเจ้าของแผนการจะเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่เห็นแบมแบมแต่งตัวเสร็จแล้วก็มายืนนิ่งเป็นเป้าสายตาในวงล้อมของผู้ชายสามคน ด้วยชุดเจ้าหญิง... มันก็เขินนะ
     

    "เราต้องใช่ชุดนี้ตลอดเวลาเลยหรอ"
     

    "คงต้องเป็นแบบนั้น อาจจะยกเว้นเวลานอน เพราะอยู่แต่ในห้องนี้ แต่ก็เอาชุดคลุมไว้ใกล้ๆ เผื่อไว้ละกัน" องค์รัชทายาทเอ่ยบอก เพราะเห็นใบหน้าน่ารักเบะทันทีที่บอกต้องใส่ตลอด แต่รอยยิ้มก็ปรากฏบนหน้าแทนเหมือนได้ยินประโยคต่อมา
     

    แล้วหันไปสั่งน้องชาย ให้สอนมารยาทในวังเบื้องต้นกับเขา ด้วยสูตรเร่งรัดแล้วคงต้องแบบเร่งด่วนด้วย เพราะองค์ชายต้วนจะถึงวังช่วงบ่ายนี้แล้ว
     


     

    ตอนนี้แบมแบมกำลังจะบ้า นอกจากต้องมาอยู่ในชุดเจ้าหญิงแล้ว เขายังต้องเรียนรู้วิธีการเดิน การหยิบ การจับ การพูด และอีกมากมาย... เจ้าหญิงไม่ใช่คนรึไงกัน!
     

    "ช้าๆ เจ้าจะรีบไปไหน ค่อยเดินเดี๋ยวสะดุด.."
     

    โครม!
     

    ยังไม่ทันขาดคำเจ้าหญิงแบมแบมก็ลงไปนั่งจุมปุกอยู่ที่พื้น
     

    "เจ็บตรงไหนหรือไม่เพคะ" ซูจีปรี่เข้ามาช่วยประคองให้ยืนขึ้นพร้อมจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
     

    "ลองเดินอีกทีนะ... ยืดหลังขึ้น มือต้องไว้ด้านใน อ่า... นั่นแหละ ต่อไปก็ฝึกการคำนับ"
     

    "เบื่อแล้วอ่า... จินยองอ่า~"
     

    "พักก่อนก็ได้ เจ้าทำได้ดีแล้วล่ะ อาจจะแค่ยังไม่ชิน" เห็นสายตาและน้ำเสียงอ้อนๆ แล้วก็อดสงสารไม่ได้จริงๆ
     

    "งั้นข้ามไปฝึกทานอาหารก่อนละกัน ได้เวลาพอดี บางทีช่วงเย็นเจ้าอาจจะต้องไปร่วมโต๊ะกับพระราชาด้วย"
     

    "ห๊าาาา ไม่ไปไม่ได้หรอ"
     

    "ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้ทานอาหารเพิ่มพลังก่อน ข้าสั่งซังกุงให้เตรียมอาหารไว้แล้ว" เจ้าหญิงตัวปลอมพยักหน้า จินยองหันไปพยักหน้าให้ซูจี สาวใช้คนสนิทโค้งคำนับก่อนจะเปิดประตู ซังกุงและสาวใช่ต่างยกสำรับข้าวเข้ามาวางบนโต๊ะที่ตอนนี้ เจ้าหญิงและเจ้าชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แบมแบมมองอาหารแปลกตาหลายอย่างบนโต๊ะ มันดูไม่เหมือนอาหารเกาหลีทั่วไปสักเท่าไรอาจจะเป็นเพราะการตกแต่งหน้าตาอาหารที่สวยงามเกินกว่าจะคีบใส่ปาก ทันทีที่จินยองสั่งให้ซังกุงและสาวใช้กลับออกไป แบมแบมก็หยิบตะเกียบและคีบไปยังไก่ทอดทันที
     

     

    เพี๊ยะ!
     

     

    จินยองตีมือแบมจนไก่ทอดหล่นลงกลับไปอยู่กับพ้องเพื่อนในจานเหมือนเดิม เจ้าหญิงเห็นแก่กินร้องโอดโอย ก่อนจะเอามืออีกข้างลูบบริเวณที่เจ้าชายตีมา
     

     

    "จินยองอ่า..."
     

    "เจ้านี่นะ ฟังข้าก่อน เจ้าต้องดูว่าผู้มีบรรดาศักดิ์สูงสุดในโต๊ะ ท่านหยิบตะเกียบเจ้าถึงจะหยิบขึ้นมาได้...." แล้วจินยองก็อธิบายและสอนโน่นนั่นอีก แต่ตอนนี้กระเพาะน้อยๆ ของแบมแบม มันร้องเรียกไก่ทอดเอย ปลาหมึกย่างเอย หมูผัดซอสเอย... คำสอนของเจ้าชายเรียกได้ว่าลอยผ่านหูไปแต่ไม่ได้เข้าสมองการจดจำเลยสักนิด กว่าจะได้ทานอาหารในแบบเจ้าหญิงก็เล่นเอาน้ำลายแบมแบมจะไหลย้อยลงโต๊ะอยู่หลายรอบ
     

     

    "เร่อออ เอ่อ... ขอโทษ มันอิ่มมากไปหน่อย แหะๆ" จินยองยิ้มขำเอ็นดู
     

     

    "เราขอออกไปเดินย่อยหน่อยได้ไหมอะ อืดมากเลยตอนนี้"
     

    "ด้านนอกอากาศเป็นไงบ้าง ซูจี"
     

    "ไม่หนาวมากเพคะ"
     

    "ดีจริง เจ้าอย่าเดินไปไกลตำหนักนี้มากนะ ซูจีเจ้าออกไปเป็นเพื่อนเจ้าหญิงหน่อย ส่วนเจ้า เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าเป็นเจ้าหญิงอยู่ เพราะฉะนั้นทำอะไรระวังตัวด้วย"
     

    "นายไม่ไปกับเราหรอ"
     

    "ข้าจะไปหาองค์รัชทายาท แล้วจะดูว่าองค์ชายจากจีนมาถึงหรือยัง" แบมแบมพยักหน้าพร้อมกับรับปากว่าจะระวังตัวให้มากที่สุด




     

     

    "อากาศดีเนอะ ซูจี" แบมแบมกางแขนสองข้างออก พร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดแรงๆ ถึงแม้จะหนาวแต่มันก็สดชื่นมากๆ อาจจะเพราะบริเวณนี้ต้นไม้หลากหลายพันธุ์ สีขาวของหิมะปกคลุมอยู่ตามยอดไม้และพื้นดิน ดวงตากลมสบตากับดวงตากลมสีสองดวง ก้อนสีขาวๆ ในพุ่มไม้ มันค่อยๆ เดินเข้ามาหา แบมแบมย่อตัวลงตบมือสองทีแล้วกางแขนออก ก้อนสีขาวขนปุกปุยก็แทบจะกระโจนเข้าหาทันที เจ้าหญิงตัวปลอมนั่งลูบหัวเจ้าหมาน้อยแล้วอุ้มหันหน้าเข้าหาตัวเอง
     

     

    "หมาใครกันนะ น่ารักจริง"
     

    "เอ๋... ปกติในสวนนี้ไม่มีสุนัขนะเพคะ"
     

    "ไหนๆ เจ้ามาจากไหนกัน เจ้าของเจ้าอยู่ไหน" แบมแบมหันไปถามกับก้อนสีขาวสี่ขา แต่คำตอบกลับเป็นการที่ลิ้นน้อยๆ แลบเลียที่ข้างแก้ม แล้วก็ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดลงพื้นก่อนจะวิ่งไปตามเสียงเป่าปากจากที่ใดสักแห่ง ไม่รอช้าแบมแบมรีบลุกและวิ่งตามไปทันที
     

    "จะไปไหนน่ะ"
     

    "เจ้าหญิงอย่างวิ่งเพคะ ระวังด้วยเพคะ" ซูจีตะโกนตามไปพร้อมหยิบเสื้อคลุมที่หล่นที่พื้นก่อนจะออกวิ่งตามทันที แต่ความเร็วของเจ้าสี่ขาและเจ้าหญิง ทำให้ซูจีหาไม่เจอเมื่อถึงทางแยก พอมองรอยเท้าแล้วก็แปลกใจเมื่อมันมีทุกแยกเลย แล้วต้องไปทางไหนกันแน่เนี่ย ซูจีพยายามตะโกนเรียกอีกครั้งแต่ก็ได้ยินเพียงเสียงตัวเองสะท้อนกลับมา ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปยังตำหนักเพื่อให้ทหารช่วยออกตามหา
     

     

    "เจ้าถ้วยฟูหยุดเดี๋ยวนี้นะ" แบมแบมยังคงวิ่งตามรอยเท้าเล็กๆ ไปจนรอยเท้าหายไป เจ้าหญิงยืนหอบหมุนหันซ้ายหันขวาหาเจ้าของสี่เท้าเล็กๆ ที่ตัวเองวิ่งตามมา
     

     

    บ๊อก บ๊อก!

     

     

    แบมแบมได้ยินเสียงเห่าจากทางด้านหลังตำหนักจึงรีบยกกระโปรงแล้ววิ่งไปตามเสียงไปทางด้านหลังทันที

     

     

    บึก!

     

     

    "เหวอออออ" แบมแบมที่วิ่งชนใครสักคนและกำลังจะล้มแต่ไม่ล้ม เพราะมีแขนแกร่งโอบเอวบางไว้
     

     

    เจ้าหญิงหันหน้ากลับไปเจอดวงตาคมที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว ทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งราวกับว่าใครมากดปุ่มหยุดสต็อปไว้ สองสายตาประสานกันนิ่งนาน ใบหน้าคมค่อยๆ เลื่อนเข้าหาใบหน้าหวานเหมือนมีแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน กลิ่นสบู่อ่อนๆ ช่วยเพิ่มแรงดึงดูดเข้าไปอีก ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่ง...

     

     

    บ๊อก บ๊อก!
     

     

    เสียงสวรรค์จากเจ้าขนปุยทำให้ทั้งคู่รู้สึกตัว หนุ่มหน้าคมประคองคนตัวบางที่ตัวเองรับไว้ก่อนจะล้มลงให้ยืนเป็นปกติ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอวบางนั้น
     

     

    "เอ่อ.. ขอโทษที่วิ่งชนและขอบคุณที่ช่วยจับเราไว้ ตอนนี้ปล่อยเราได้แล้ว" ใบหน้าคมยังจับจ้องที่ดวงหน้าขาวใสตรงหน้า สายตามองไปยังริมฝีปากสีแดงสดที่ขยับตอนกำลังเปล่งเสียงออกมา มีเพียงความคิดเดียวตอนนี้...



     

     

    น่าลิ้มลองเป็นที่สุด จะหวานแค่ไหนกันนะ



     



     

    "นี่นาย! ปล่อย... อื้อ..."






     

     

    หวานจริงๆ ด้วย...









    #แบมแบมป่วนวัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×