mality
ดู Blog ทั้งหมด

พัฒนาการในเด็ก

เขียนโดย mality

พัฒนาการทางจิตใจในเด็ก

การพัฒนาของเด็กประกอบด้วยหลายด้าน ได้แก่ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใหญ่เล็ก (gross and fine motor) การสื่อความหมายและภาษา (communication and language) สังคม (social) อารมณ์ (emotion) เชาวน์ปัญญาและความคิด (intellectual and cognitive) คุณธรรม จริยธรรม (moral) มีทฤษฎีมากมายที่อธิบายการพัฒนาของเด็ก เป็นเรื่องยากที่ทฤษฎีหนึ่งจะสามารถอธิบายครอบคลุม ถึงพัฒนาการของเด็กทั้งหมดได้ เพราะ การพัฒนาเป็นขบวนการที่ซับซ้อนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นผลรวมของปฏิสัมพันธ์ระหว่างหลาย ๆ ปัจจัย ที่สำคัญมี 2 ปัจจัย คือ

            1. ปัจจัยทางชีวภาพ (Biological Factor) คือ สิ่งที่ติดตัวเด็กมาตั้งแต่เกิด ได้แก่ พันธุกรรม พื้นฐานทางอารมณ์ รูปร่าง เพศ เชาว์ปัญญา สภาพร่างกาย ฮอร์โมน

            2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Factor) ได้แก่ สภาพแวดล้อมในครรภ์ การเลี้ยงดู เจตคติและบุคลิกภาพของพ่อแม่ ลักษณะครอบครัว สังคม วัฒนธรรมประเพณี

            เป้าหมายการเจริญพัฒนา คือ

            1. เด็กต้องพัฒนาจากบุคคลที่พึ่งพาคนอื่น (dependence) ไปเป็นบุคคลที่พึ่งตนเอง (independence) ในที่สุด เป็นบุคคลที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (interdependence)

            2. เด็กต้องพัฒนาจากคนที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง เอาแต่ใจตนเอง (self oriented) ไปเป็นบุคคลที่คำนึงถึงผู้อื่น (others oriented) ฟังและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น

            3. เด็กมีความคิดเพ้อฝันมีจินตนาการ (fantasy) จะต้องเติบโตขึ้น จนในที่สุดเข้าใจรับรู้ความเป็นจริง (reality)

            4. จากการเชื่อหลักความสุข สนุกสนาน เป็นใหญ่ (pleasure principle) เจริญพัฒนาสู่ความเป็นจริง ตามเหตุและผล (logic)

            โดยทั่วไปพัฒนาการของเด็ก อาจแบ่ง เป็นระยะต่าง ๆ ตามอายุและลักษณะเด่นเฉพาะวัย ได้ดังนี้ คือ

           

วัยทารก (Infancy) อายุ 0-1 ปี

          พัฒนาการทางด้านร่างกาย

            - มีการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างรวดเร็ว           

- มีการเคลื่อนไหวระยะแรก เป็นไปโดย reflex แล้วค่อย ๆหายไป ต่อมาจะเป็นการเคลื่อนไหว/ การ 

กระทำที่มีจุดมุ่งหมายมากขึ้น ค่อย ๆ สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ (จาก ชันคอ คว่ำ นั่ง คลาน เกาะยืน เกาะเดินจนในที่สุดยืนเอง)

            พัฒนาการทางด้านภาษา

            - ทารกแรกเกิด แสดงความต้องการให้ผู้เลี้ยงดูเข้าใจ ด้วยการร้องไห้

            - 2 เดือน ฟังเสียงคุย หันหาเสียง เปล่งเสียงอ้อแอ้

            - 4 เดือน เปล่งเสียงได้ยาวขึ้น ส่งเสียงอ้อแอ้โต้ตอบ เมื่อรู้สึกพอใจจะส่งเสียงเอิ๊กอ๊ากในลำคอ

            - 6 เดือน หันหาเสียงเรียก ส่งเสียงหลายเสียง

            - 9 เดือน ฟังรู้ภาษา เข้าใจสีหน้า ท่าทาง เลียนเสียงพยัญชนะแต่ไม่มีความหมาย

            - 12 เดือน เรียกพ่อแม่/ พูดคำโดดที่มีความหมาย 1 คำ ทำท่าตามคำบอกที่มีท่าทางประกอบได้

            พัฒนาการทางสังคม

            - ทารกแรกเกิดยังไม่รู้จักตนเอง เข้าใจว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของแม่ แต่ต่อมา เมื่อรับรู้โลกภายนอก ทำให้เด็กรู้ว่าตนเป็นคนละส่วนกับแม่

            - เด็กอยู่ในสภาพต้องพึ่งผู้ใหญ่อย่างมาก (total dependence) ยังไม่สามารถช่วยตนเองได้ การตอบสนองของแม่/ ผู้เลี้ยงดู มีความสำคัญ ที่จะสร้างความรัก ความผูกพัน (bonding and attachment) เกิดความไว้วางใจ (trust) ต่อสิ่งแวดล้อม เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาด้านสังคม

            - Erikson ได้ตั้งทฤษฎี Psychosocial development  0-1 ปี เป็นระยะของ Trust vs Mistrust เด็กที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะมีความมั่นใจ ไว้ใจสิ่งแวดล้อม เกิดความไว้วางใจ (trust) ในทางตรงข้าม ถ้าได้รับการเอาใจใส่ไม่ดี เด็กจะไม่เข้าใจสิ่งแวดล้อม เกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจผู้อื่น (mistrust) มองโลกในแง่ร้าย

-          เด็กจะเล่นตามลำพัง (isolate play) ผู้ใหญ่ต้องเข้าไปเล่นด้วย ให้เกิดการตอบสนองซึ่งกันและกัน

            พัฒนาการทางด้านอารมณ์

            - เด็กแต่ละคนมีพื้นฐานอารมณ์ (temperament) แตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลต่อความรู้สึกและการปฏิบัติของผู้เลี้ยงดู

            - Temperament มี 9 ด้าน คือ

1.      Activity level

2.      Rhythmicity

3.      Approach or withdrawal

4.      Adaptability

5.      Threshold of responsiveness

6.      Intensity of reaction

7.      Quality of mood 

8.      Distractibility

9.      Attention span & persistence

            - เด็กเอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่ ไม่มีความอดทนรอคอย

            - Freud (Psychosexual Theory) กล่าวว่า ความสุขความพอใจของเด็กวัยนี้อยู่ที่ปาก (oral stage)

            ลักษณะอารมณ์โดยทั่วไปของวัยทารก

-          แรกเกิด มีอารมณ์พอใจ ไม่พอใจ ตื่นเต้น

            - อายุ 3 เดือน มีอารมณ์ตื่นเต้น อึดอัด ยินดี

            - อายุ 6 เดือน เด็กเริ่มแยกได้ระหว่างคนที่ตนคุ้นเคย กับคนแปลกหน้า จำหน้าแม่ได้ เริ่มมีความกลัวคนแปลกหน้า (stranger anxiety) ติดแม่ กลัวการพลัดพราก (separation anxiety) เริ่มมีอารมณ์โกรธ เมื่อถูกขัดขวางสิ่งที่ต้องการ

            - อายุ 12 เดือน มีอารมณ์ร่าเริง อารมณ์รัก แสดงความรักโดยการกอดรัด

            พัฒนาการทางด้านความคิด

            - Piaget ได้กล่าวถึง Cognitive development ในระยะ infancy ว่าเป็นระยะของ sensori-motor  operation (แรกเกิด –2 ปี) และแบ่งลำดับขั้นพัฒนาการเป็น 6 ระยะ คือ

1.      ระยะ Reflexive (0-1 เดือน) พฤติกรรมต่าง ๆเป็น reflex

2.      ระยะ Primary circular reaction (1-4 เดือน) ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นสิ่งแนะแนวการเคลื่อนไหวของเด็ก เด็กจะทำซ้ำ ๆ แต่ยังไม่มีจุดมุ่งหมาย สนใจการเคลื่อนไหว ไม่ใช่สนใจผลของการเคลื่อนไหว

3.      ระยะ Secondary circular reaction (4-9 เดือน) เริ่มมีความตั้งใจทำพฤติกรรมการเคลื่อนไหว และสนใจผลของพฤติกรรมนั้น ๆ

4.      ระยะ Coordination of secondary reaction (9-12 เดือน) เริ่มแก้ปัญหาอย่างง่าย ๆได้ ใช้พฤติกรรมในอดีตที่ผ่านมาช่วยแก้ปัญหา สามารถแยกสิ่งที่ต้องการออกจากสิ่งที่ไม่ต้องการ สามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหว

 

วัยเตาะแตะ (Toddler) อายุ 1-2 ปี

            พัฒนาการทางด้านร่างกาย

            - เด็กเป็นอิสระทางกาย (Physical independence) มากขึ้น สามารถเดินวิ่งได้เอง    สำรวจสิ่งแวดล้อมได้

  

            พัฒนาการทางด้านภาษา

            - เด็กเริ่มพูดเป็นคำ ๆ ได้มากขึ้น เข้าใจคำสั่งและภาษาท่าทางมากขึ้น เมื่ออายุ 2 ปี พูด

2-3 คำต่อกันได้อย่างมีความหมาย

            พัฒนาการทางด้านสังคม

            - เด็กเริ่มอยากเป็นตัวของตัวเอง (autonomy) อยากทำอะไรเอง อยากรู้อยากเห็นอยากสำรวจสิ่งต่างๆ มากขึ้น เด็กจะต่อต้าน (negativism) คำสั่งผู้ใหญ่ ปฏิเสธ ไม่เกือบตลอด

            - เด็กเผชิญกับการ ห้ามและการควบคุมพฤติกรรมหลายอย่าง โดยเฉพาะในการเคลื่อนไหว

            - เด็กต้องการความคุ้มครองป้องกันจากผู้ใหญ่ และต้องการให้ผู้ใหญ่จำกัดขอบเขต

-          เรียนรู้การควบคุมการขับถ่าย (toilet training)

            - เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้ เช่น ถือถ้วยน้ำดื่มเอง ใช้ช้อนตักอาหารกินเอง

            - Psychosocial development ของ Erikson 1-3 ปี เป็นระยะของ Autonomy vs Shame and Doubt ถ้าพ่อแม่ให้เด็กได้พึ่งพาตนเองตามความเหมาะสมของวัย เด็กจะเกิดความมั่นใจ เกิดความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง (Autonomy) ตรงกันข้าม ถ้าเด็กถูกควบคุม/เข้มงวดเกินไป จะเกิดความรู้สึกสงสัยและละอายไม่กล้าทำอะไร (Shame and doubt)

            - เวลาเล่น เด็กเริ่มสนใจผู้อื่นมากขึ้น แต่เป็นลักษณะต่างคนต่างเล่น (parallel play)

            พัฒนาการทางด้านอารมณ์

            - เด็กมีอารมณ์ร่าเริง มีอารมณ์รัก

- เด็กประสบกับข้อห้ามต่าง ๆ ขณะเดียวกันเด็กอยากแสดงการเป็นตัวของตัวเขาเอง เกิดความคับค้องใจ แต่เด็กยังเข้าใจไม่เต็มที่ร่วมกับการสื่อภาษายังมีน้อย แสดงอารมณ์ออกด้วยท่าทาง ลงมือลงเท้า อาละวาด (temper tantrum)

            - เด็กมีความกลัวได้มาก กลัวคนแปลกหน้า (stranger anxiety) กลัวการพลัดพราก (separation anxiety)

-          มักมีการติดสิ่งของต่างๆ (transitional object) เช่น ผ้า ตุ๊กตา

-          Freud  กล่าวว่า บริเวณทวารหนัก เป็นอวัยวะที่เด็กแสวงหาความพึงพอใจ (anal stage)

พัฒนาการทางด้านความคิด

            - Cognitive development  ระยะ Sensori-motor ของ Piaget

5.      ระยะ Tertiary circular reaction (12-18 เดือน) เริ่มมีพฤติกรรมลองผิดลองถูก (trail & error)  สนใจผลที่เกิดขึ้น เริ่มเข้าใจวัตถุภายนอก เป็นตัวของตัวเอง วัตถุคงอยู่แม้เมื่อลับตาไปและไปที่อื่น (object permanence)

 

6.      ระยะ Invention of new means through mental combination (18-24 เดือน) เริ่มมีความคิด จินตนาการ มีความสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ ๆ แต่ยังเป็นลักษณะลองผิดลองถูกอยู่

 

วัยปฐมวัย (Preschool) อายุ 2-5 ปี

            พัฒนาการทางด้านร่างกาย

            - เป็นวัยที่กำลังพัฒนาด้านการเคลื่อนไหว และมีการเจริญของกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างมาก

            - เดินคล่อง ทรงตัวได้ดี

            - ชอบวิ่ง กระโดด ปีนป่าย ถีบจักรยาน

            - ชอบเล่นออกกำลังกาย เคลื่อนไหวตลอดเวลา ร่าเริงตื่นตัวต่อสิ่งแวดล้อม

-          การใช้มือคล่องตัว ขว้าง-รับบอลได้

            พัฒนาการทางด้านภาษา

            - มีการเจริญพัฒนาทางด้านภาษามากขึ้น พูดเป็นประโยค เล่าเรื่องได้

            - เด็กเริ่มมีคำถามเกิดขึ้นมาก แสดงความอยากรู้ สนใจในสิ่งแวดล้อมสามารถเรียนรู้ประสบการณ์รอบตัวได้มากมาย

            พัฒนาการทางด้านสังคม

            - เริ่มมีความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกครอบครัวเพิ่มขึ้น

            - การเล่น เด็กจะเล่นร่วมกับเด็กอื่น (Co - operative play) สนใจมีเพื่อนเล่น แม้ว่าเด็กยังคิดถึงตนเป็นใหญ่อยู่ก็ตาม เริ่มเรียนรู้การแบ่งปันการเอาแพ้เอาชนะ การแสดงความเห็นใจ เผื่อแผ่ต่อกัน แม้ว่าจะทำไม่ได้เต็มที่

            - การฝึกหัดการช่วยตัวเอง และช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นสิ่งจำเป็น ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจ รู้สึกดีต่อตนเอง และสามารถพึ่งพาตนเองได้

            - การฝึกระเบียบวินัย (discipline) ในชีวิตประจำวัน กฎเกณฑ์ในบ้าน เพื่อให้เด็กได้ฝึกความอดทน รอคอย สะกดกลั้นความอยาก บังคับตนเอง เป็นรากฐานในการเข้าสังคมต่อไป

            - Psychosocial development ของ Erikson 3-5 ปี เป็นระยะของ Initiative vs Guilt ถ้าได้รับการตอบสนองที่เหมาะสม เด็กจะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง (self esteem) สนใจคิดริเริ่ม (initiative) ตรงกันข้ามถ้าถูกห้ามปรามเข้มงวดเกินไป เด็กจะเกิดความรู้สึกผิด (guilt) ความคิดริเริ่มลดลง กลัวความล้มเหลว

          พัฒนาทางด้านอารมณ์

            - เป็นวัยที่เด็กมีความสุข สนุกสนาน ร่าเริง เป็นมิตร กระตือรือร้นต่อการเรียนรู้ในสิ่งแวดล้อม

            - เด็กแสดงอารมณ์ได้ทุกชนิด สามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้ รู้จักระงับอารมณ์ของตนได้บ้าง รู้จักรอคอยได้มากขึ้น

 

            - รู้จักปลอบตนเองเป็น เห็นอกเห็นใจคนอื่นได้

            - อาการร้องอาละวาดยังมีอยู่ได้เมื่อถูกขัดใจ แต่ควรค่อย ๆ ห่างออกไปและน้อยลงเรื่อย ๆ

- ความกลัวพบได้บ่อย คือ กลัวความมืด กลัวผี กลัวสัตว์

            - ความกลัวต่อการแยกจากน้อยลง แต่ยังมีเกิดขึ้นได้ ถ้าต้องเผชิญกับเหตุการณ์จริง เช่น การเริ่มไปโรงเรียน การอยู่โรงพยาบาล

            - มีการอิจฉากันระหว่างพี่น้อง (Sibling rivalry) ในวัยนี้เด็กอยากได้ความรักของพ่อแม่ไว้คนเดียว การมีน้องอาจทำให้มีการอิจฉากัน

 

            พัฒนาการทางด้านความคิด

-          อยู่ในระยะ Preoperational Thought ตามทฤษฎีของ Piaget แบ่งความคิดของเด็กเป็น 2 ระยะ คือ

            1. Preconceptual thought / symbolic function (2-4 ปี)  เด็กมีการเลียนแบบผู้อื่นและนำเอาวัตถุสิ่งของมาเป็นสัญลักษณ์ในการเล่น ความคิดของเด็กยังเป็นลักษณะเข้าข้างตัวเอง ถือความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ (ego centrism) ยังไม่ยอมรับไม่เข้าใจความคิดเห็นคนอื่น คิดว่าคนอื่นจะต้องคิดและเห็นอย่างที่ตนเป็นอยู่    มีความคิด ความเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างมีชีวิตไปหมด (animism) คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ (artificialism) คิดว่า พ่อแม่ทำให้ทุกอย่างตามที่ต้องการได้ (omnipotence)

            2. Intuitive thought  (4-7 ปี) เด็กพอมีเหตุผลบ้าง รับรู้ความเป็นจริงได้บ้าง แต่ยังไม่มีความสมบูรณ์เต็มที่ ความคิดยังเป็นลักษณะคิดแง่มุมเดียว (centering) ความคิดยังจำกัด ยังไม่เข้าใจอะไรมาก

            - เด็กมีความคิดจินตนาการ (fantasy) มีการเล่นสมมติต่าง ๆ พูดเล่า ความคิดฝันของตน ผู้ใหญ่อาจเข้าใจผิดว่าเด็กพูดปด

            - เด็กแสดงความคิดริเริ่ม (initiative) มีความอยากรู้อยากเห็น กระตือรือร้นชอบแสดงความคิด การกระทำ การเล่นในรูปแบบของตนเอง

            - เด็กเรียนรู้ ด้วยประสบการณ์ของตนเองในชีวิตประจำวัน จากการได้ทำเอง ค่อย ๆ เรียนรู้ จนได้รับตามความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ (logic thought)

            พัฒนาทางด้านเพศ

            - Freud กล่าวว่า อวัยวะเพศเป็นส่วนที่เด็กสนใจ แสวงหาความพึงพอใจ (phallic stage)

            - ชายอาจมีความกลัวจะถูกตัดอวัยวะเพศ (Castration fear)

            - หญิงอาจมีความอิจฉาที่ตนไม่มีอวัยวะเพศชาย (Penis envy)

 

            - Oedipus complex  เด็กมีความผูกพันรักใคร่กับพ่อ/แม่  เพศตรงข้ามกับตน และเป็นปฏิปักษ์กับพ่อ/แม่ เพศเดียวกับตน     Oedipal complex resolution โดย Identification – เลียนแบบบทบาททางเพศกับพ่อ/แม่เพศเดียวกับตน

            - มีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ มีคำถามเกี่ยวกับเพศ การตั้งครรภ์ การคลอด และมีการเล่นอวัยวะเพศได้บ่อย

            - อายุ 3 ปี เด็กรู้ว่าตนเป็นเพศหญิงหรือชาย ด้วยการรับรู้จากการแต่งตัว การเล่นการพูดจา การที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อตน และเห็นความแตกต่างของอวัยวะเพศ

            พัฒนาการทางด้านคุณธรรม จริยธรรม

            - เป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้ สิ่งใด ถูก/ผิด ดี/ไม่ดี อะไรเป็นสิ่งที่ห้าม/ทำได้

            - เด็กเรียนรู้ถึงการกระทำและผลที่ตาม โดยเรียนรู้จากปฏิกิริยาท่าที การปฏิบัติของผู้ใหญ่ต่อตนเอง

- เด็กกำลังได้รับการเรียนรู้ การปฏิบัติตาม และมารยาทในการเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับผู้อื่น

(prosocial behavior) เป็นการเริ่มต้นของความรับผิดชอบชั่วดี (conscience) และคุณธรรม (superego) ซึ่งผู้ใหญ่ ต้องช่วยอบรมสั่งสอน อย่างค่อยเป็นค่อยไปให้เด็กมีประสบการณ์ที่ดี และเป็นแบบอย่างที่ดี

- เด็กวัยนี้จะยึดคำสั่งของผู้ใหญ่ เพราะเด็กต้องการความรัก การยอมรับ และการชมเชยจากผู้ใหญ่

เด็กจะกลัวการลงโทษได้มาก เพราะคิดว่า ถ้าทำผิดจะต้องถูกลงโทษทันที

 

วัยเรียน (School Age) อายุ 6-12 ปี

          พัฒนาการทางด้านร่างกาย

            - สามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็กได้ดี มีความคล่องตัวมากขึ้นในการเคลื่อนไหวและการทรงตัว

            - การทำงานประสานกันของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทรับรู้มีมากขึ้น

            - ตอนปลายของวัยเรียน ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เด็กหญิงโตเร็วกว่าเด็กชาย บางคนเริ่มมีลักษณะประจำเพศเกิดขึ้น

            พัฒนาการทางด้านภาษา

            - พูดได้ชัดเจนทั้งเสียงและจังหวะ ไม่ควรมีพูดติดอ่าง

            - พัฒนาวิธีสื่อสารด้วยภาษาพูดและภาษาเขียนได้ดีขึ้นตามลำดับ

            พัฒนาการทางด้านสังคม

            - เด็กต้องเข้าระบบการศึกษาภาคบังคับอย่างจริงจัง จะอยู่ในสังคมนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่

            - เด็กต้องเรียนรู้การปรับตัวเข้ากับสังคมภายนอก ที่สำคัญ คือ โรงเรียน เริ่มทำตามกฎระเบียบของโรงเรียน รับคำสั่งไปปฏิบัติ ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง เรียนตลอดทั้งวันรับผิดชอบต่อการเรียน

 

            - การเข้าสังคมกับเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญ เล่นเป็นกลุ่ม ทำงานเป็นพวก ลดความเห็นแก่ตัวลงยอมรับฟังความคิดเห็น การกระทำของผู้อื่นมากขึ้น เด็กค่อย ๆ ปรับปรุงนิสัยตนเอง เพื่อให้เข้ากลุ่มเพื่อนได้ ช่วยให้เด็กรู้สึกตนมีคุณค่ามีความมั่นคงทางใจ

- เด็กต้องทำงานรับผิดชอบได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว และการเรียน ทำงานได้ตามลำพัง

รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เกี่ยวกับเพื่อน การเรียน การเล่น และชีวิตประจำวัน

            - Psychosocial development ของ Erikson 6-12 ปี เป็นระยะของ Industry vs Inferiority เด็กพัฒนา ความขยันหมั่นเพียร (Industry) สนใจเรียนรู้ ฝึกฝนตนเองในสิ่งต่าง ๆ เด็กที่ทำได้จะเกิดความรู้สึกว่าตนมีความสามารถ มีคุณค่าตรงกันข้าม เด็กที่ทำไม่ได้จะรู้สึกมีปมด้อย (inferiority)

พัฒนาการทางด้านอารมณ์

            - เป็นวัยสนุกสนานร่าเริง

- เด็กควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น มีภาวะสงบของอารมณ์ได้ ทำให้เด็กพร้อมที่จะเรียนหนังสือต่อไป

- บางครั้งอารมณ์ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้มาก เพราะเด็กต้องปรับตัวมากทั้งในการเรียน และการใช้ชีวิตในสังคม อาจหงุดหงิดเวลาแก้ปัญหาไม่ได้เอง ผู้ใหญ่ควรช่วยเด็ก เมื่อเด็กพบปัญหาที่เกินความสามารถของตัว

            พัฒนาการทางด้านความคิด

            - เด็กสามารถมีความคิดได้ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม คิดอย่างมีเหตุผลมากขึ้น เริ่มเข้าใจความเป็นจริงได้มาก Piaget กล่าวว่า เด็กเริ่มมี concrete operational thought เด็กสามารถคิดย้อนกลับไปมาได้ (reversible) เช่น 4+8 = 12, 12-4 = 8 เริ่มรู้จักคุณสมบัติของสาร เช่น จำนวน ความยาว ของแข็งของเหลว น้ำหนัก ปริมาตร เป็นต้น เด็กมี law of conservation คือเข้าใจว่า วัตถุนั้นยังคงสภาพเดิม แม้จะเปลี่ยนรูปร่างไปก็ตาม เด็กสามารถจัดแบ่งแยกหมวดหมู่ (classification) และเข้าใจถึงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน เช่น ลำดับ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย หลาน เป็นต้น

            พัฒนาการทางด้านเพศ

       &

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
เนื้อหาดีมาก อยากได้ทุกช่วงอายุไม่เฉพาะเด็กอย่างเดียว
ความคิดเห็นที่ 2
อยากได้รายระเอียดมากกว่านี้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
เนื้อหาดีมาก ขอบคุณครับ
แจ๋ว291
แจ๋ว291 1 ม.ค. 57 / 22:59
อยากให้ลงเรื่องพัฒนาการทางเพศองเด็กวัย 6-12 ปีให้ด้วยค่ะ
pop
pop 3 มิ.ย. 57 / 17:29
..................
Tony
Tony 20 ก.พ. 62 / 04:17
Hello

For some bizarre reason, my previous message to you was not delivered according to a system generate email I have gotten back, so here goes again. It would be fab if you could acknowledge receipt.

As mentioned in my previous message, I would like to contribute one of my articles on cryptocurrency regulation in the UK that I have written during the course of the past few weeks. I used to work for a couple of big law firms in London and so I have a good handle on cryptocurrency law and I thought that my article would be interesting to your readers.

I am terribly sorry but I did not have much time to find royalty free images. It would be great if you could add a pretty picture to the blog post.

I have saved my article inside a Word document on my Google drive:

https://drive.google.com/drive/folders/1_-tVDcJS3NjR1Tz0bnXse_TebOnhf5Nm?usp=sharing

I hope your readers will enjoy reading my guide.

I would be most grateful if you could send me a link to the guide once you have published it!

I can write a couple more articles as and when I get some more free time - it is crazy busy at work after all the festivities.

Have a great day!

Regards
Tony