ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายซ่อน...รัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.38K
      39
      4 ม.ค. 59

     




     
     

    วันที่ 01/05/25XX

    พื้นลาดยางที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะกำลังอยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างแท้จริง แม้จะเป็นเวลาไม่ดึก ทว่ารถราบนพื้นถนนที่เคยติดขัดในยามฟ้าสางกลับปลอดโล่งแตกต่างกันลิบลับ แต่ก็ยังมีรถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นคันเล็กที่วิ่งผ่าสายฝนอย่างไม่กลัวเกรง

    “มีนากลับแล้วค่ะ อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้วค่าเจ้านาย”

    หญิงสาวเสียงหวานเอ่ยรายงานกับคนปลายสายด้วยรอยยิ้มแห่งความรัก ทว่าก็ไม่ลืมจะเย้าที่ท้ายประโยค

    “ผมเป็นคู่หมั้นคุณนะครับคุณมีนา วรกานต์สิทธิ์ ไม่ใช่เจ้านายแล้วครับ และเร็วๆ นี้เราก็จะเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ” ปลายสายเอ่ยออกมาเสียงอ่อนที่ถูกแฟนสาวเย้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ

    “ก็คุณเป็นเจ้านายของมีนาจริงๆ นี่คะ” หญิงสาวยังต่อปากต่อคำ ทว่าก็ไม่ได้จริงจังนัก

    “แต่นี่มันหมดเวลางานแล้วครับ”

    “ก็ได้ค่ะคุณแฟนที่รัก” มีนายอมในที่สุด

    มีนาทำงานเป็นเลขาของนนทพัทธ์ในบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์ของตระกูลพิมพ์พิลาวัลย์ โดยหญิงสาวทำงานที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย โดยมีแฟนหนุ่มเป็นคนชักชวนเข้ามาทำงานที่บริษัท โดยมอบตำแหน่งเลขาให้ ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นคนรัก ทว่ามันมาจากความสามารถของเจ้าหล่อนเป็นหลักต่างหาก

    นนทพัทธ์และมีนาคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งคู่คบกันมาเป็นเวลาห้าปี และสัญญากันไว้ว่าจะแต่งงานกันหลังเรียนจบทันที และนี่ก็ล่วงเลยเวลามาแล้วปีกว่าจากที่สัญญากันไว้ ซึ่งตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้ว

    “ผมขอโทษนะที่วันนี้ไปเป็นเพื่อนคุณไม่ได้”

    นนทพัทธ์เอ่ยถึงเรื่องที่ตนไม่สามารถไปรับชุดเจ้าสาวเป็นเพื่อนหญิงคนรักไม่ได้ เพราะติดประชุมสำคัญ เพราะตนเองกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้งานทำให้ไม่สามารถปลีกตัวไปได้

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาคนเดียวได้”

    หญิงสาวเอ่ยปลอบเพราะรู้ว่านนทพัทธ์ติดธุระจริงๆ เนื่องจากทำงานเป็นเลขาของเขา จึงรู้ตารางงานแฟนหนุ่มเป็นอย่างดี

    มีนายิ้มเมื่อได้รับความห่วงใยจากคนปลายสาย ไม่คิดว่าคนอย่างนนทพัทธ์ที่ทั้งหล่อและรวยจะมาสนใจผู้หญิงไม่มีอะไรนอกจากตัวเช่นตน

    เธอเองก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ไม่มีญาติพี่น้องและสมบัติพัสถานอะไร แตกต่างจากผู้หญิงที่อยู่รายรอบกายเขา

    แต่ผู้ชายที่แสนดีคนนี้ก็ทำให้เธอได้รู้จักความรักฉันท์ชายหญิง และไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าเธอและเขาก็จะได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว

    แม้พวกตนจะอายุยังน้อยเพียงแค่ยี่สิบสามปี ทว่าเราทั้งคู่ต่างก็ผ่านอะไรมามากมายด้วยกัน จึงถือว่าไม่เร็วเกินไปนักสำหรับการจะใช้ชีวิตคู่

    “ถึงบ้านแล้วโทรบอกผมด้วยนะครับ” นนทพัทธ์เองก็ยังอดเป็นห่วงแฟนสาวไม่ได้ เพราะมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น ทว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเช่นกัน

    “รับทราบค่ะเจ้านาย” คนปลายสายก็ยังไม่หยุดหยอกเย้า

    “คุณขับรถเถอะ คุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถมันอันตราย”

    “แล้วเจอกันนะคะ” หญิงสาวบอกลา เพราะมันก็จริงอย่างที่นนทพัทธ์ว่า แถมตอนนี้ฝนยังตกหนักมากอีกด้วย

    “ผมรักคุณนะครับมีนา สวัสดีครับ” ชายหนุ่มบอกรักแฟนสาว ก่อนจะกดตัดสายไปด้วยรอยยิ้ม

    “มีนาก็รักคุณนะคะนนท์”

    หญิงสาวเองก็บอกรักคนปลายสาย ก่อนจะหันไปวางโทรศัพท์มือถือไว้ ทว่าเมื่อหันกลับมามองถนนอีกครั้งก็ต้องรีบหักรถหลบเข้าข้างทาง เมื่อมีบางสิ่งตัดหน้ารถไปอย่างเฉียดฉิว

    “กรี๊ดดด !

    โครมมม !!!



    **************************

     
     

    “คุณพ่อคะนั่นน้องแมวค่ะ”

    หญิงสาวที่มีนามว่าชาริกาในวัยสิบเก้าปีเอ่ยบอกบิดา เมื่อเหลือบมองเห็นลูกแมวตัวน้อยหลายตัวอยู่ข้างทาง ซึ่งพวกมันต่างก็เปียกไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

    “จริงด้วย” คุณศรุตมองตามที่บุตรสาวบอก ก่อนจะเห็นดังที่ชาริกาว่า

    “มันคงถูกคนเอามาทิ้ง”

    คุณอุษณีย์ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นบ้าง เมื่อเหลือบมองไปตามที่บุตรสาวชี้ ซึ่งก็ได้เห็นลูกแมวหลายตัวพากันยืนหนาวอยู่อย่างน่าเวทนา

    “ชามสงสารน้องแมวค่ะคุณแม่” หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงเศร้า พวกมันถูกทิ้งยังไม่พอ แต่ต้องมายืนตากฝนเช่นนี้อีกต่างหาก

    “แม่ก็สงสารพวกมันเหมือนกันค่ะ” คนเป็นแม่เองก็เอ่ยออกมาอย่างเวทนากับภาพตรงหน้าที่เห็นอยู่ไกลๆ

    “เดี๋ยวพ่อจะจอดข้างหน้านี้ เราจะเอามันไปเลี้ยงเอง”

    คุณศรุตเอ่ยออกมาอย่างรู้ใจบุตรสาวและภรรยาที่แสนใจดี เพราะชาริกาและคุณอุษณีย์นั้นเป็นคนรักสัตว์ ซึ่งสิ่งที่คนเป็นพ่อพูดออกมาก็ทำให้คนรักสัตว์ยิ้มจนหน้าบานที่บิดาช่างรู้ใจเสียจริงๆ

    “เดี๋ยวชามลงไปก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องแมวจะหนาว”

    ชาริกาพูดขึ้นหลังจากที่คนเป็นพ่อจอดรถสนิทและเตรียมตัวจะลงไปช่วยน้องแมวผู้น่าสงสาร ทว่าก็ต้องหันกลับไปมองที่มารดาตามเสียงเรียก

    “ร่มค่ะลูก”

    คุณอุษณีย์ยื่นร่มคันเล็กให้บุตรสาว เมื่อชาริกาเตรียมจะวิ่งฝ่าฝนไปโดยลืมหยิบร่ม

    “ขอบคุณค่ะคุณแม่” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหยิบร่มที่มารดายื่นให้

    ชาริกากางร่มคันเล็กของตัวเองและวิ่งตรงเข้าไปหาลูกแมวสามตัวที่ร้องอยู่อย่างน่าสงสาร ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่บิดาจอดรถอยู่พอประมาณ ก่อนจะก้มลงเตรียมไปอุ้มเจ้าลูกแมวตัวหนึ่งขึ้นมา ทว่ามันกลับวิ่งหนีข้ามถนนไปตามสัญชาตญาณระวังภัยเสียอย่างนั้น

    “เจ้าแมวน้อยจะหนีไปไหน ชามไม่ทำร้ายเจ้าหรอกนะ” ชาริการเอ่ยขึ้น เมื่อเจ้าแมวตัวหนึ่งวิ่งหนีตนไป ทั้งที่เธอจะเป็นคนช่วยให้พวกมันหายทรมาน

    “อย่าวิ่งไปลูก”

    คุณอุษณีย์ที่เดินตามหลังลงมาพร้อมกับสามีเอ่ยห้าม เมื่อเห็นหญิงสาวแสนซนเตรียมจะวิ่งตามเจ้าลูกแมวตัวนั้นไปพอดี

    “ทำไมล่ะคะ”

    ชาริกาหันไปถามมารดาที่ห้ามตนไว้ ทว่าก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นคือมีรถญี่ปุ่นคันหนึ่งที่วิ่งสวนเลนมาอย่างเร็ว ก่อนจะชนเข้ากับร่างของพ่อแม่เธออย่างแรง ทำให้ร่างของพวกท่านต่างก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ส่วนรถคันนั้นก็ชนเข้ากับรถคันเล็กของครอบครัวเธอที่จอดแอบอยู่ข้างถนนเสียงดังลั่น

    โครมมม !!!

    หญิงสาววัยสิบเก้าปีเบิกตากว้างมองดูร่างของบุพการีทั้งสองที่กระเด็นไปตามแรงชนของรถ ทว่าก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยท่านทั้งสองได้ เพราะยังช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหน้านี้ ก่อนจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อร่างของท่านกระเด็นตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก พร้อมกับร่างกายที่โชกไปด้วยเลือดสีแดงสด

    ตุ๊บ !!!

    “กรี๊ดดด!!! คุณพ่อ ! คุณแม่ !
     

     

    ..............................................
     

    ไรท์ฝากติดตามเรื่องนี้ด้วยค่ะ
    หากมีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยนะคะ สำหรับมือใหม่หัดแต่ง
    แม้อาจจะเป็นแนวประมาณดราม่า แต่ไรท์ก็ยังคงไม่ทิ้งแนวทางของตัวเอง
    ในเรื่องจะมีครบทุกรสเช่นเดิมค่ะ 
    ฝากด้วยนะคะ สำหรับ เฮียนนท์+น้องชาม
    อัพอีกครั้งหลังปีใหม่ค่ะ

     

     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×