ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายซ่อน...รัก

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 คนของผม (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.19K
      43
      3 เม.ย. 59




    ปี๊ด ปี๊ด

    เสียงบีบแตรรถที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้ร่างบางที่กำลังเดินไปปากซอยเพื่อขึ้นรถเมล์ไปเรียนสะดุ้ง เพราะคิดว่าตนเองเดินริมทางแล้ว ไม่ได้ไปขัดขวางการจราจรแต่อย่างใด กลับมีรถมาบีบแตรใส่

    ชาริกาเดินชิดแอบข้างถนนเสียจนติดหำแพงบ้าน ทว่ารถคันดังกล่าวก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะขับผ่านเลยไป แต่เมื่อพอเห็นรถก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

    “ตาบ้า! ตกใจหมด”

    หญิงสาวบ่นเจ้าของรถสปอร์ตหรูตรงหน้าที่ทำให้ตนตกใจ แต่ก็ต้องเอียงหน้าแสดงความสงสัยว่าชายหนุ่มพูดว่าอะไร ขณะที่เขาลดกระจกลง

    “คุณว่าอะไรนะ”

    “ผมบอกให้คุณขึ้นมา เดี๋ยวผมไปส่ง”นนทพัทธ์เอ่ยย้ำอีกครั้งเสียงดังกว่าเดิมให้หญิงสาวหูตึงได้ยิน

    “เอ่อไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้”

    หญิงสาวกล่าวปฏิเสธกับความมีน้ำใจนี้ เพราะคิดว่าถึงแม้จะขึ้นรถไปกับเขา แต่เขาคงไล่ลงจากรถในที่ใดที่หนึ่ง เหมือนอย่างที่แล้วๆ มา จึงเลือกไปเองตั้งแต่ต้นเสียดีกว่า

    “เดินอีกตั้งไกลกว่าจะถึงปากซอย คุณไม่เหนื่อยไม่ร้อนบ้างรึยังไงชาริกา”

    ชายหนุ่มถาม เมื่อขณะนี้มันเป็นเวลาเที่ยงกว่า และเขารู้ว่าหญิงสาวมีเรียนช่วงบ่ายเลยอาสาจะไปส่ง เนื่องจากคนขับรถของที่บ้านต้องไปส่งมารดาเลยไม่มีใครว่างไปส่งชาริกา

    ส่วนตัวหญิงสาวเองก็ไม่ขับรถของที่บ้านไป เลือกที่จะขึ้นรถเมล์ไปเองให้ลำบาก แต่เมื่อเขายื่นความมีน้ำใจให้เธอก็ยังปฏิเสธ เหมือนกลัวว่าเขาจะทิ้งลงข้างทางอย่างนั้นแหละ

    นนทพัทธ์ได้แต่ค่อนขอดหญิงสาวในใจ โดยที่ตนเองลืมไปว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นมันเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้ว ชาริกาเลยระแวงและระวังตัวเป็นพิเศษ

    “อีกนิดเดียวก็ถึงปากซอยแล้วค่ะ” หญิงสาวยังดื้อ เพราะหากขึ้นรถไปกับเขาอาจจะได้ลงข้างทางที่ใดที่หนึ่ง ทำให้ต้องเสียเวลารอรถเมล์อีก สู้ขึ้นไปจากนี้เองเสียยังดีกว่า

    “ถ้าคุณไม่ขึ้นมาผมก็จะจอดรถอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน” ชายหนุ่มขู่ เพราะคิดว่าไม่ว่าอย่างไรหญิงสาวก็ต้องเห็นแก่เขาที่เป็นลูกชายผู้มีพระคุณของเธอบ้าง แต่ทว่า

    “เรื่องของคุณสิ ฉันไปก่อนล่ะ เดี๋ยวสาย”

    ชาริกาพูดจบก็สาวเท้าเดินต่อไปทันที ทำให้คนมีน้ำใจได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ถูกหญิงสาวหักหน้า

    “ยัยตัวแสบ ไม่คิดถึงความดีที่ผมให้คุณนอนหนุนแขนน้ำลายยืดใส่ทั้งคืนเลยรึไง”

    นนทพัทธ์บ่นถึงร่างบางที่รีบสาวเท้าเดินอย่างเร่งรีบนั่น แม้หญิงสาวไม่ได้นอนน้ำลายยืดอย่างที่เขาว่าก็ตาม ทว่าก็ต้องคิดถึงบุญคุณกันเสียบ้าง แต่มีหรือที่ชาริกาจะชนะคนอย่างเขาได้

    ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องทำการบางอย่างให้คนจอมพยศวิ่งมาขึ้นรถเขาเสียให้เร็วที่สุด เขาเลยทำการ

    ปี๊ดดด!!! ปี๊ดดด!!!

    นนทพัทธ์กดบีบแตรแช่ไว้จนเสียงดังลั่น พร้อมกับขับรถตามหลังชาริกาไปด้วยอย่างช้าๆ ทำให้คนที่รีบเดินต้องหยุดหันมามองที่รถคันหรูอีกครั้งอย่างตกใจและอับอาย เมื่อคนละแวกนั้นพากันมองเธอเป็นตาเดียว

    “นี่คุณทำอะไรคุณนนทพัทธ์ !

    หญิงสาวเดินมาที่ฝั่งคนขับ เพราะเขาเปิดกระจกไว้อยู่ พร้อมกับตะโกนถามแข่งกับเสียงแตรที่ดังสนั่นจนต้องรีบยกมือทั้งสองขึ้นมาอุดหู ไม่เช่นนั้นแก้วหูได้แตกแน่นอน

    “ก็บีบแตรไง”

    ชายหนุ่มตีหน้ามึนตอบออกไปและยังคงบีบแตรอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจว่าจะมีใครด่าว่าตนเองแต่อย่างใด อยากรู้นักแม่คนดื้อจอมพยศจะทำเช่นไร

    ชาริกากำหมัดแน่น เพราะรู้ว่าคนหน้ามึนตรงหน้าต้องการอะไรจากตน และก็รู้ดีเสียด้วยว่าทำอย่างไรคนหน้ามึนถึงจะเลิกบีบแตรกวนชาวบ้านชาวช่องเขาแบบนี้

    หญิงสาวเดินอ้อมไปอีกฝั่งของคนขับ ก่อนจะเปิดประตูรถหรูขึ้นไปนั่งอย่างจำใจ ทันใดนั้นเสียงแตรที่ดังสั่นทั่วทั้งซอยจึงยุติลง

    “ผมนึกว่าคุณจะยอมแก้วหูแตกเสียอีก”

    ชายหนุ่มเอ่ยแขวะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะออกรถมุ่งหน้าตรงไปยังมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังที่หญิงสาวกำลังศึกษาอยู่

    คนถูกแขวะกลับไม่สนใจ แต่กลับนั่งหันหลังใส่เจ้าของรถอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งมันทำให้สารถีจำเป็นเกิดความไม่พอใจ จึงเอ่ยแขวะออกไปอีกครั้ง

    “ผมเพิ่งรู้ว่าคนที่แม่ผมเอ็นดูเป็นคนไม่มีมารยาท”

    คนที่ถูกว่าว่าไม่มีมารยาทก็หันขวับกลับมามองสารถีหนุ่มทันทีด้วยสายตาขวาง

    “คุณต้องการอะไรกันแน่คุณนนทพัทธ์”

    หญิงสาวถามออกไปอย่างจริงจัง เพราะอยากรู้จริงๆ ว่าเขามาทำดีด้วยเพื่ออะไร แต่ก็ต้องแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา เมื่อคนตัวโตหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย จนต้องถามออกไปเสียงแข็ง

    “คุณหัวเราะอะไรคุณนนทพัทธ์”

    “ผมว่าคุณท่าจะอ่านนิยายน้ำเน่ามากไปหรืออาจจะดูหนังมากไป ถึงแปรเจตนารมของคนอื่นไปในทางลบแบบนี้” ชายหนุ่มไม่ตอบกลับแขวะหญิงสาวกลับอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเมื่อเห็นหน้าหวานแสดงความคับแค้นใจทางใบหน้าก็ยิ่งทำให้อารมณ์ดี

    “แล้วคุณจะให้ฉันเชื่อว่าคุณมาทำดีกับฉัน เพราะรู้สึกผิดอย่างนั้นเหรอ”

    หญิงสาวถามกลับเสียงเครียดและนั่นทำให้คนที่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีเงียบเสียงลง เมื่อรับรู้ถึงกระแสความไม่ไว้ใจในตัวเขา แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาทำตัวของตัวเองจนคนตัวเล็กไม่ยอมไว้ใจอย่างนี้

    “เฮ้อ ถ้าคุณจะไม่ไว้ใจผมก็คงไม่แปลก”

    ชายหนุ่มถอนหายใจเสียงดัง พร้อมกับยอมรับในสิ่งที่หญิงสาวคิด

    “ผมยอมรับว่าผมทำดีกับคุณเพราะรู้สึกผิด แต่ผมทำมันจากใจจริงนะครับ”

    ชาริกาไม่โต้ตอบ จ้องหน้านนทพัทธ์อย่างค้นหาคำตอบว่าเขาพูดจริงมากแค่ไหน ทว่าก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ จากสายตาคมคู่นี้

    แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ เนื่องจากระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมากับการกระทำของเขา มันไม่สามารถทำให้เชื่อใจเขาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงเพราะการที่เขามาทำดีด้วยเพียงแค่วันเดียว

    “ผมไม่ได้ให้คุณเชื่อใจและไว้ใจผมวันนี้หรอกนะ แต่ผมเชื่อว่าสักวันคุณจะรู้ว่าผมทำมันมาจากใจจริง”

    นนทพัทธ์ย้ำกับการกระทำของตัวเองให้หญิงสาวได้รู้ แต่ก็ไม่ได้หวังให้เธอเชื่อใจเขาในวันนี้หรอกนะ เพราะการกระทำตลอดห้าปีที่ผ่านมามันทำให้เธอระแวง ซึ่งเขาก็เขาใจ แต่หวังว่าสักวันหนึ่งคนข้างกายเขาตอนนี้จะยอมเปิดใจ

    หลังจากนั้นรถทั้งคันก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ อีกเลย เพราะต่างคนต่างก็ตกอยู่ในวังวนความคิดของตัวเอง จนกระทั่งรถคันหรูของคนอาสามาส่งเลี้ยวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยและจอดอยู่หน้าคณะที่หญิงสาวศึกษาอยู่

    รถคันหรูจอดสนิท แต่ผู้โดยสารกลับไม่มีท่าทีว่าจะเปิดประตูลงไป หรืออาจจะไม่รู้ว่าโดยสารมาถึงจุดหมายเรียบร้อย ดังนั้นสารถีหนุ่มจึงทำการเรียกสติโดยการ

    ฟอดดด!

    “นี่คุณมาหอมแก้มฉันทำไมเนี่ย!” คนถูกหอมแก้มโดยไม่ทันได้ตั้งตัวโวยวายเสียงดังซึ่งมันสามารถเรียกสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกลับมาได้

    “ก็มันถึงคณะที่คุณเรียนแล้วเนี่ย”

    ชายหนุ่มอธิบายด้วยหน้านิ่ง โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ทำลงไปเลยสักนิด เพราะมันเป็นความตั้งใจของเขาเอง ในเมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มันยั่วยวนเขาจนต้องหอมแก้มนุ่มลงไป

    “เรียกฉันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องมาหอมแก้วกันด้วยล่ะ” หญิงสาวถามออกไปเสียงเบา จนได้ยินเสียงหัวใจที่มันกระหน่ำแข่งกันเต้นเสียงดัง

    “ผมเรียกคุณตั้งหลายรอบแล้ว แต่คุณไม่ได้ยินเองต่างหาก” ชายหนุ่มพูดปดไป เพราะเขายังไม่ได้เรียกเธอแม้แต่คำเดียวอย่างที่ได้บอกไป ทว่าเขาเลือกที่จะเรียกเธอด้วยวิธีของเขาเองต่างหากล่ะ

    “แต่คุณก็ไม่ควร ช่างมันเถอะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” หญิงสาวแย้ง

    ชาริกาทำท่าจะเอาเรื่องคนฉวยโอกาสต่อ ทว่าก็ต้องรีบตัดบท ในเมื่อยิ่งพูดหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงจึงทำการเลี่ยงไปเรื่องอื่น แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะขอบคุณคนมาส่ง

    “เดี๋ยวก่อนชาม” เสียงทุ้มเอ่ยห้าม เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะเปิดประตูลงจากรถไป

    คนที่เตรียมเปิดประตูชะงักลง เพราะเสียงทุ้มไพเราะหูที่เรียกตนด้วยชื่อเล่นดังอยู่เบื้องหลัง จึงหันกลับมามอง พร้อมกับส่งสายตาถามออกไปว่า มีอะไรอีกรึเปล่า

    “ตอนเย็นผมมารับนะครับ” ชายหนุ่มบอกความต้องการของตนเองพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่คนได้รับต้องชะงัก เพราะน้อยครั้งที่จะได้เห็นรอยยิ้มแสนอบอุ่นนี้ ซึ่งมันไม่ได้มีไว้สำหรับเธอ

    “เอ่อไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะคุณนนทพัทธ์” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธไปด้วยความเกรงใจ

    “เอาเป็นว่าตอนเย็นผมจะมารับก็แล้วกัน” ชายหนุ่มมัดมือชก ไม่เช่นนั้นวันนี้คงตกลงกันไม่ได้แน่

    “แต่ว่า” คนถูกมัดมือชกพยายามแย้ง ทว่าก็ถูกตัดบทขึ้นเสียก่อน

    “เอาตามที่ผมพูดก็แล้วกัน”

    “ค่ะ” หญิงสาวรับคำ แต่เมื่อกำลังจะก้าวลงจากรถก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อมีสัมผัสนุ่มแตะลงมาที่แก้มเนียนอีกรอบ

    “ตั้งใจเรียนนะคะ”

    คนที่ขโมยหอมแก้มนุ่มอีกครั้งอย่างอดใจไม่ไหวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน จนทำให้ผู้ถูกกระทำสองครั้งซ้อนได้แต่หัวใจเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะรีบเก็บของลงจากรถหรูไป โดยไม่ยอมหันหลังกลับมามองเจ้าของรถอีก หญิงสาวจึงพลาดที่จะได้เห็นรอยยิ้มแสนเอ็นดูนั่น

     

     

    บริษัท  พี.พี.แอลกรุ๊ป ในเครือบริษัท พิมพิลาวัลย์ จำกัด (มหาชน)

    “งานฉันเหลืออะไรบ้างนที”

    นนทพัทธ์เอ่ยถามเลขาหนุ่ม ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย เขาและนทีต่างก็มีปัญหาชีวิตไม่ต่างกัน ทำให้พวกเขาทั้งสองสนิทกันและรู้เรื่องราวของกันและกันทุกอย่าง เขาเลยชักชวนให้นทีมาทำงานด้วยกันหลังจากเรียนจบ

    ไม่ใช่เพียงเพราะนทีเป็นรุ่นน้อง แต่ทว่าชายหนุ่มเป็นคนมีความสามารถ ซึ่งเขาก็คิดไม่ผิดที่เลือกนทีเป็นเลขา เพราะรุ่นน้องคนนี้ไม่เคยทำอะไรให้เขาผิดหวัง ทั้งทำงานดี รวดเร็ว และรู้จักเขาเป็นที่สุด ทำให้เขาหายห่วงเรื่องงานเมื่อมีนทีเป็นผู้ช่วย หลังจากเมื่อก่อนเป็นหน้าที่ของมีนาหญิงคนรัก

    “ไม่มีแล้วครับบอส” เจ้าของชื่อเอ่ยบอกเจ้านาย พ่วงท้ายด้วยรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัย

    “บอสมีอะไรรึเปล่าครับ ท่าทางดูรีบแปลกๆ”

    “เปล่า ไม่มีอะไร”

    คนเป็นเจ้านายเอ่ยปฏิเสธ เขาคงแสดงอาการร้อนรนมากเกินไป จนทำให้ลูกน้องจับสังเกตได้ ก็ใครจะไปบอกล่ะว่าที่เขาดูรีบร้อนแบบนี้ เพราะต้องรีบไปรับใครบางคน ไม่เช่นนั้นหลุดคอนเซ็ปนิ่งขรึมของนนทพัทธ์กันพอดี และเจ้าลูกน้องตัวดีคนนี้ได้ซักยาวแน่ ไม่รู้ใครเป็นเจ้านายลูกน้องกันแน่

    “แต่ผมว่ามันดูแปลกๆ นะครับบอส”

    เลขาหนุ่มยังแสดงสีหน้าสงสัย เพราะรู้จักนนทพัทธ์ดี แม้ว่าเจ้านายหนุ่มจะปฏิเสธ แต่เขาเชื่อว่ามันต้องมีแน่ๆ

    “แกเปลี่ยนหน้าที่จากเลขาเป็นพ่อฉันตั้งแต่เมื่อไหร่นที” นนทพัทธ์เอ่ยเสียงเข้ม จนคนถูกยกให้เป็นพ่อชั่วคราวหุบปากฉับ

    “แฮ่ๆ งานบอสเสร็จหมดแล้วครับ”

    นทียิ้มแหยๆ พร้อมกับบอกเจ้านายหนุ่มอีกครั้งว่าไม่มีงานอะไรค้างแล้ว ทว่าทันทีที่พูดจบ บอสของเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่มีการบอกกล่าวใดๆ และเลขาทรงประสิทธิภาพเช่นเขาเลยต้องรีบถือกระเป๋าเอกสารของประธานบริษัทวิ่งตามไปพร้อมกับเสียงร้องเรียก

    “รอผมคนนี้นทีคนหล่อด้วยสิครับบอสสส



     

    คณะบริหาร เวลา 17:00 .

    “ยังไม่กลับอีกเหรอชาม”

    หญิงสาวในชุดนักศึกษาถามขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนร่วมคณะนั่งอยู่ใต้ตึกเรียน ทั้งที่ก็เลิกเรียนไปตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้ว

    “ยังเลยจ้ะ แล้วฟ้าล่ะ” เจ้าของชื่อตอบและถามกลับด้วยคำถามเดียวกัน แม้จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ทว่าก็รู้จักกันในระดับหนึ่ง เลยไม่แปลกที่เจ้าของร่างนี้นี้จะถามไถ่

    “เรากำลังจะกลับ เดินไปพร้อมกันไหม”ฟ้าครามชวน เมื่อเห็นเพื่อนสาวนั่งอยู่คนเดียว

    หญิงสาวเป็นเด็กกิจกรรม จึงมักจะกลับเย็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ แตกต่างจากชาริกาที่เป็นเด็กเรียน เลยแปลกใจที่เห็นเพื่อนยังนั่งอยู่ที่นี่อยู่ทั้งที่เลยเวลาเลิกเรียนมานานแล้ว

    “เอ่อ เอาแบบนั้นก็ได้” ชาริกาตอบรับ พร้อมกับลุกเดินเข้าหาเพื่อนสาว เพื่อเดินออกไปขึ้นรถที่หน้ามหาวิทยาลัย

    หญิงสาวนั่งรอคนที่บอกว่าจะมารับตั้งแต่เลิกเรียน ทว่าผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของเขาคนนั้น ทั้งที่เขาเป็นคนบอกให้รอเขาเอง

    แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเมื่อคราวก่อนก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกให้รอแล้วกลับเป็นเขาเองที่ไม่มาตามที่บอก

    สุดท้ายก็เป็นเธอที่ต้องขึ้นรถเมล์กลับเอง และครั้งนี้คงไม่แตกต่างกันเสียเท่าไหร่ เธอไม่น่าโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย ทั้งที่ก็มีบทเรียนเรื่องพวกนี้อยู่ไม่น้อย จะโทษใครได้ในเมื่อเธอผิดเองที่หลงเชื่อคำพูดไม่จริงของเขา

    “ชามคิดไว้รึยังว่าจะไปทำงานที่ไหนหลังเรียนจบ”

    ฟ้าครามชวนคุย แม้จะไม่สนิทกันมาก แต่ก็สามารถพูดคุยกันได้ไม่เคอะเขิน และนี่ก็เป็นเทอมสุดท้ายของการเรียนแล้ว เพื่อนบางคนก็มีสมัครงานไว้แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามเพื่อนสาวข้างกาย

    “ชามยังไม่ได้สมัครที่ไหนไว้เลย แล้วฟ้าล่ะ” หญิงสาวตอบ พร้อมกับถามเพื่อนกลับ

    “เราว่าจะเข้าไปช่วยงานที่บริษัทครอบครัวสักปีสองปี แล้วจะออกมาเรียนต่อ” หญิงสาวเล่า

    “ดีจังเลยเนอะ”

    หญิงสาวเอ่ยชมผู้หญิงข้างกาย เพราะเธอเองก็อยากเรียนต่อเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากจะรบกวนผู้มีพระคุณไปมากกว่านี้ ซึ่งหลักจากที่เรียนจบก็คิดจะออกจากบ้านพิมพ์พิลาวัลย์ทันทีตามที่ตกลงกันไว้

    “ถ้าชามไม่รังเกียจบริษัทเล็กๆ ของพ่อเราก็ไปทำด้วยกันได้นะ” ฟ้าครามเอ่ยชวน เพราะชาริกาไม่พลาดเกียรตินิยมอันดับหนึ่งแน่ บริษัทใหญ่ๆ ต่างก็อยากได้ตัวกันทั้งนั้น

    “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะฟ้า ชามขอบคุณมากนะ ถ้าชามตกงานฟ้าต้องรับชามไว้พิจารณาด้วยนะ”

    “แน่นอนคนสวย”

    สองสาวเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ตามทางเดินภายในมหาวิทยาลัย ตลอดเส้นทางต่างก็มีเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ไปตลอดทาง ทว่าทั้งสองก็ต้องหันกลับมามองเบื้องหลังพร้อมกัน เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อหนึ่งในสองสาว

    “ฟ้า !

    เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกญาติผู้น้องที่เดินอยู่กับสาวสวยอีกคน ซึ่งเมื่อเห็นหน้าค่าตาอีกคนชัดเจนก็ทำให้หนุ่มหล่อเช่นเขาชะงักค้างอยู่ที่ร่างบางทันที เพราะผู้หญิงคนนี้สวยชนิดที่ว่าหาตัวจับยาก หญิงสาวมีผิวขาวนวล รูปร่างสมส่วน ยิ่งใบหน้าที่หวานลงตัวนั่นอีก หญิงสาวไปอยู่ไหนมานะทำไมเขาไม่เคยเห็น

    “อ้าวพี่ณัฐ มาได้ไงเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชายที่เอาแต่จ้องเพื่อนสาวของตน จนต้องเรียกซ้ำอีกครั้งที่เสียงดังกว่าเดิม

    “พี่ณัฐ!

    “จะตะโกนทำไมเนี่ยยัยฟ้า” คนเป็นพี่เอ็ดกลับ โดยสายตาก็ยังคงมองไปที่ร่างบางอย่างไม่ละลายตา

    “ฟ้าอยู่นี่ น้องพี่หน้าตาแบบนี้ อันนี้เพื่อนของฟ้า ไม่ใช่ฟ้า”

    ฟ้าครามเดินเข้าไปยืนหน้าเพื่อนสาว บังสายตาเจ้าชู้ของพี่ชายไว้ เพียงแค่มองตาก็รู้ว่าคนเป็นพี่คิดอะไร“ว่าแต่พี่มาได้ยังไงเนี่ย”

    “แกก็มองดู ว่าทางที่แกเดินผ่านน่ะมันคณะอะไร” ชายหนุ่มละสายตาจากหน้าหวานไปมองน้องสาว พร้อมกับพูดกวนๆ ใส่

    ฟ้าครามมองไปที่ตึกเบื้องหลังก็เข้าใจ เพราะเธอกับเพื่อนกำลังเดินผ่านคณะวิศวกรรมศาสตร์ แม้ณัฐพงศ์จะเป็นพี่ แต่ชายหนุ่มก็ยังเรียนชั้นปีเดียวกับเธออยู่ เพราะเขาดรอปเรียนไปหลายปีก่อนจะกลับมาเรียนต่อ

    “ว่าแต่จะไปไหนกัน” คนเป็นพี่ถามกลับเสียงหวาน

    “จะกลับบ้าน” ฟ้าครารมตอบกลับไปเสียงห้วน เพราะรู้ว่าพี่ชายไม่ได้สนใจตัวเธอสักนิด แต่สนใจคนข้างกายเธอต่างหาก

    “ให้พี่ไปส่งไหมครับน้อง” ณัฐพงศ์ลากเสียงยาว พร้อมกับมองไปที่หน้าหวานของเพื่อนน้องสาว และเว้นช่องว่างให้เจ้าของหน้าหวานเอ่ยแนะนำตัว

    “ชามค่ะ”

    ชาริกาจำใจตอบไปตามมารยาท เพราะพอจะเดาออกมาผู้ชายตรงหน้าเป็นพี่ชายของฟ้าคราม

    “ครับน้องชาม ให้พี่ไปส่งนะครับ” ชายหนุ่มรุกทันที

    “เอ่อ

    หญิงสาวเตรียมจะปฏิเสธไป แต่ก็ไม่ไวเท่ากับเจ้าของร่างสูงที่เดินมาซ้อนหลังเธอตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

    “ขอบคุณมากครับที่มีน้ำใจ แต่ผมพา คนของผมกลับเองได้”

    เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นอยู่เบื้องหลัง ทำให้คนทั้งสามหันไปสนใจ และได้เห็นกับผู้ชายรูปร่างสูง แต่งกายด้วยสูทราคาแพงดูภูมิฐาน ทว่าหน้ายังดูอ่อนเยาว์ แถมรูปร่างหน้าตายังถือว่าหล่อมากทีเดียว

    “คุณนนท์ !

    หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมคำว่า คนของผม มันทำให้เธอใจเต้นแรงแปลกๆ

    “ใช่ผมเอง” นนทพัทธ์เอ่ยเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ ทว่าก็ไม่รู้ว่าตนเองไม่พอใจเรื่องอะไร รู้แค่ว่าไม่ชอบที่ผู้ชายหน้าม่อคนนี้มาสนใจ คนของเขา

    “คุณนนท์มาได้ยังไงคะ” หญิงสาวถามออกไปเท่านั้นก็เห็นคนตัวโตทำหน้าไม่พอใจใส่

    “ผมบอกแล้วไงว่าจะมารับ” คนมารับตอบกลับเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่าคนตัวเล็กลืมเรื่องที่เขาบอกว่าจะมารับ แม้เขาจะมาสายมากก็ตาม

    “เอ่อคือ”

    ณัฐพงศ์ที่มองดูการกระทำของคนทั้งสองตรงหน้าก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไปยุ่งกับคนมีเจ้าของเข้าแล้ว

    “ผมขอตัวพา คนของผม กลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเน้นไปที่บางคำของประโยคกับชายหนุ่มตรงหน้า และนั่นทำให้ณัฐพงศ์หน้าซีดลง

    “เอ่อเชิญครับๆ”

    ชายหนุ่มผายมือเชิญอย่างเกรงใจกับบุรุษหน้าเกรงขามตรงหน้า

    “ชามไปก่อนนะฟ้า” คนที่ถูกลากไปที่รถเฟอรารี่คันหรูที่จอดอยู่ตะโกนบอกเพื่อนสาว ก่อนจะถูกยัดเข้าไปในรถคันหรู พร้อมกับเสียงปิดประตูดังปัง !

    “เรามีเรื่องต้องคุยกันยัยตัวแสบๆ”

    คนที่ตีหน้ายักษ์อยู่ตอนนี้ได้แต่บ่นเสียงลอดไรฟันกับตัวเอง ระหว่างที่เดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เมื่อเข้านั่งประจำที่ก็ออกตัวเต็มสมรรถภาพของเครื่องยนต์

    “ผู้ชายอะไรน่ากลับฉิบหาย”

    ณัฐพงศ์ได้แต่บ่นตามหลังรถหรูที่แล่นออกไปด้วยความเร็ว เพราะสายตาที่ผู้ชายคนเมื่อครู่จ้องมาที่เขานี่แทบจะฆ่าเขาให้ตายด้วยสายตา

    “น่ากลัวจริงๆ ขนาดฟ้ายืนอยู่ห่างๆ ยังขนลุกเลย ไม่รู้ยัยชามคบไปได้ยังไง”

    สองพี่น้องต่างก็พากันกล่าวขวัญถึงนนทพัทธ์กันไม่หยุดปาก เพราะรังสีที่แผ่ออกมาของชายหนุ่มทั้งที่พูดแค่ไม่กี่คำก็ทำให้คนที่อยู่ใกล้อกสั่นขวัญหนีได้

     

    ไรท์ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อเรื่องนะคะ
    จาก "เทพบุตรร้ายซาตานรัก" เป็น "ร้ายซ่อนรัก" จ้า


    ฝากติดตามด้วยค่าาา





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×