ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] .:::THE MELODY OF LOVE:::. BY SOULINA

    ลำดับตอนที่ #65 : [Kris x Suho] C H A N G E D - END -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 363
      2
      30 ก.ค. 58



    C H A N G E D 
    . K R I S x S U H O . 
    #MolKrisHo


    ความเงียบเหงา… ความว่างเปล่า…

    มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร… เกิดขึ้นตอนนี้ แล้วทำไมมันถึงเกิดขึ้น..




    ...ผมไม่รู้อะไรเลย..




    ไม่รู้แม้กระทั่งมันเกิดอะไรขึ้น… จนกระทั่งทุกอย่างมันเริ่มชัดเจนขนาดนี้

    ชัดเจน… ว่าผมเผลอหลงรักเพื่อนสนิทคนหนึ่งเข้าแล้ว






    ผมนั่งมองโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ข้างหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัวบนโต๊ะทำงานแล้วก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ...  จนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เหลือบมองด้วยความรำคาญ..



    มันเป็นเวลางาน.. ที่ผมไม่ควรจะให้ความสนใจกับมัน แต่มันก็อดไม่ได้

    เพราะความผิดปกติของอีกคน




    หรือบางทีคริสอาจจะมีแฟน.. จนเพื่อนอย่างเขาหมดประโยชน์แล้วก็เป็นได้




    มันคงเป็นบทลงโทษ… ของคนที่คิดหักหลังมิตรภาพที่เพื่อนให้มาโดยตลอด

    เพราะคิมจุนมยอนไม่เคยมองคนคนนั้นว่าเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง





    แม้จะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่ผมก็เลือกที่จะนั่งทำงานต่อ… ไม่อยากสนใจและปล่อยเวลาให้ว่าง… เพราะกลัวจะคิดถึงคนที่ไม่เคยจะคิดถึงผมอยู่แล้วอีก…

    แต่หนีอย่างไรก็ไร้ผล… ในเมื่อผมกับเขา… แชร์ห้องกันอยู่





    มือถือเครื่องบางสั่นอย่างแรง แต่ผมไม่คิดที่จะสนใจมัน… ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา เพราะมันเลยเวลาที่ผมจะกลับแล้ว เขาก็คงแค่สงสัย ไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้นหรอก




    เวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหน ผมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่างานที่ทำอยู่มันเริ่มจะไม่เหลือให้ทำถึงปลายสัปดาห์ ผมเลยเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารแล้วหันไปรอบ ๆ ออฟฟิส… เชื่อเถอะว่าตอนนี้เหลือผมกับเมเนแค่สองคน แล้วเหมือนเขากำลังจะกลับแล้วเหมือนกัน

    มือถือของผมเริ่มสั่นอีกครั้งหลังจากที่ผมออกมาจากออฟฟิสได้สักพัก… เจ้าของสายนั้นก็ยังคงเป็นเขา

    ...แต่ผมกลับไม่อยากจะรับเลยสักนิด…




    บางทีถ้าห่างกันไปสักพัก… ผมอาจจะจัดการกับความรู้สึกนี้ได้




    แต่สุดท้าย… ผมก็พ่ายแพ้ให้กับเขาจนได้



    มือเล็กกดเลื่อนรับสายไปอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่ กำลังเดินอยู่บนทางเดินเงียบเชียบ… เสียงของคนที่ปลายเสียงนั้นชัดเจน



    (อยู่ไหน… ทำไมไม่รับโทรศัพท์ รู้ไหมว่าฉะ…)

    “ทำโออยู่กำลังกลับ หาไรกินไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ” ผมพูดสวนกลับไปก่อนที่เขาจะเอ่ยคำว่า เป็นห่วง… เพราะแค่นี้เขาก็ชนะผมมากเกินไปแล้ว




    ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วไม่สนใจมันอีก บางครั้งมนุษย์เรามันก็ต้องอยู่คนเดียวให้เป็นบ้าง ไม่ใช่ว่าจะต้องคอยรอคนอื่น  ไปกับเพื่อน หรือทำอะไรคนเดียวไม่ได้…



    ถึงจะบอกแบบนั้น…  แต่ชีวิตที่ขาดเขา

    มันเงียบเหงายังไง ผมจำได้ดีที่สุด





    สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง เม็ดฝน… ที่ทำให้โลกใบนี้เปียกปอนไปทุกหยาดหย่อม ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น… แต่ความหนาวเย็นที่มาพร้อมกับมัน เป็นสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด…



    เพราะคนคนนั้นก็เหมือนกับสายฝนที่เย็นฉ่ำ แต่กลับเย็นชา




    ผมไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงบ้านกี่โมง ผมเดินไปเรื่อย ๆ ทั้งเนื้อตัวนั้นเปียกไปหมด จนสุดท้ายก็ต้องยอมเดินกลับบ้านในที่สุด แต่อย่าคิดว่าเขาจะอยู่รอผมด้วยความกระวนกระวาย เขากำลังทำกิจกรรมบางอย่างกับหญิงสาวเรือนร่างงดงามอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี โดยไม่สนใจสักนิด ว่าห้องนี้มันไม่ใช่ห้องของเขาคนเดียว



    เสียงเปิดประตูทำให้หญิงสาววตกใจเล็กน้อย แต่เพราะกิจกรรมร้อน ๆ ที่คริสเป็นคนคุมเกมนั้น ทำให้สาวเจ้าไม่อาจละความสนใจไปจากเขาได้




    ผมรีบเดินเลี่ยงเข้าห้องและกดล็อกประตูอย่างรวดเร็ว การที่เห็นที่เราแอบชอบกำลังกอดคนอื่น มันก็ต้องเจ็บปวดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว… แต่สิ่งที่เจ็บปวดกว่านั้นคือ

    ผมไม่มีสิทธิที่จะไปเจ็บปวด หรือเรียกร้อง ให้คริสหยุด



    เพราะเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น












    หงุดหงิด…

    ไม่พอใจ

    หรือว่าเป็นห่วง..





    คริสไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกแบบไหนดี เมื่อเห็นร่างเล็กที่อยู่ ๆ ก็แปลกไปนั้นกลับมาในสภาพที่เปียกปอน ดวงหน้าหวานนั้นขาวซีดราวกับไม่มีชีวิต… แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาร้อนรนจนต้องเร่งกิจกรรมกับแฟนสาวคนล่าสุดก็คงจะเป็นดวงตาคู่สวยที่แสนว่างเปล่า…

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา… ไม่เคยเลยสักครั้งที่คิมจุนมยอนจะเฉยเมนต่อการมีอยู่ของเขา





    จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ที่เขาเริ่มสังเกตเห็นว่า เราสองคนเริ่มห่างกัน..

    ทั้ง ๆ ที่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอดแท้ ๆ




    เรือนร่างงดงามของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดูด้อยค่าลงไปถนัดตา เมื่อความสนใจทั้งหมดของเขายามนี้กลับอยู่ที่คนตัวเล็กที่หายเข้าห้องไปโดยไม่พูดไม่จา



    ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้ว ถ้าเขาลากใครมาที่ห้อง จุนมยอนต้องบ่นจนทำให้เขารำคาญทุกที


    แต่ครั้งนี้กลับนิ่ง เงียบ… และไม่แม้แต่จะชายตามองสักนิด




    หลังจากที่จุนมยอนหายเข้าห้องเงียบไป เขาก็ไล่ผู้หญิงคนนั้นกลับทันที… ความเป็นห่วงที่มีให้กับคนตัวเล็กนั้นเป็นของจริง ชนิดที่ตัวเขาเองยังไม่อยากยอมรับด้วยซ้ำ…



    เพราะที่ผ่านมาคิมจุนมยอนไม่เคยนิ่ ไม่เคยเงียบ ไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ของเขาแบบนี้

    พอเป็นแบบนั้น… กลายเป็นเขาที่กระวนกระวายใจอยากบอกไม่ถูกด้วยซ้ำ…

    เพราะจุนมยอนเป็นเพื่อนคนสำคัญสำหรับเขา




    แต่คริสก็ไม่เคยถามเลย…

    ว่าจุนมยอนอยากเป็นแค่เพื่อนรึเปล่า




    “เฮ้… จุนมยอน” เขาตะโกนเรียกคนตัวเล็กที่หน้าห้อง แต่จุนมยอนกลับไม่เปิด คนตัวเล็กทำเพียงตะโกนกลับมาเท่านั้น



    “มีไร”



    “ออกมาคุยกันหน่อย…” คิมจุนมยอนยอมเปิดประตูออกมาในที่สุด… คนตัวเล็กในชุดนอนสีอ่อน ก้าวออกมาพร้อมใบหน้าที่เรียบเฉย เส้นผมสีน้ำตาลเข้มนั้นเปียกลู่ไปกับใบหน้า ในขณะที่เจ้าตัวถือผ้าเช็ดตัวข้างหนึ่งไว้ในมือ



    “มีอะไรก็ว่ามา…”





    “มึงเป็นอะไรวะ… ทำไมไม่ยอมสบตากู” คริสเหมือนได้ยินจุนมยอนเค้นเสียงจมูกก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นแล้วจ้องเขาด้วยสายตาเอาเรื่อง…



    “นี่เรียกกูออกมาเพื่อถามอะไรแค่นี้เหรอ… ก่อนถามนี่คิดยัง ว่าทำไรไว้ มึงนี่มันไม่เคยคิดก่อนทำอะไรเลยจริง ๆ วะคริส” คนตัวเล็กเปิดปากด่าเขาเป็นชุด มันยิ่งทำให้เขางงเข้าไปใหญ่…




    นี่มันผิดปกติแล้วแน่ ๆ คิดจุนมยอน ไม่ใช่คนที่จะด่าอะไรใครไปทั่ว

    โดยเฉพาะกับเขายิ่งไม่มีทาง..




    “ถ้ากูรู้ กูจะถามไหมวะ… ไม่เอาน่า… เพื่อนกันไม่งอนเป็นตุ๊ดงี้นะเว้ย” เขาตั้งใจว่าจะหยอกให้จุนมยอนขำเหมือนเดิม แต่เปล่าเลย… ยิ่งเขาพูดอะไร… มันก็ยิ่งเหมือนกับราดน้ำมันลงบนกอองเพลิงที่กำลังปะทุ



    “นี่เรียกกูออกมาเพื่อด่าว่ากูเป็นตุ๊ดเหรอ… ทีหลังตะโกนหน้าห้องก็ได้นะ เอ้อ… อีกเรื่องนึงนะคริส…” เขาเลิกคิ้วฟังคนที่กำลังคลี่ยิ้มเย็น ๆ ออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่อีกคน… กลับนิ่งเสียจนน่ากลัว “กูว่า กูทนต่อไปไม่ไหวแล้ววะ… บ้านไม่ใช่ซ่องที่มึงจะหิ้วใครมาแดกก็ได้นะ กูจะย้ายออก”



    คนตัวเล็กหันกายแล้วเดินเข้าห้องไปทิ้งให้เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น… ยอมรับเลยว่า เขาไม่เคยคิดถึงวันที่จุนมยอนจะไม่อยู่กับเขาเลยสักนิด… เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เรียนด้วยกันมามันก็สิบปีเห็นจะได้… ยิ่งช่่วงมหาลัย ที่ตัวแทบจะติดกัย ยิ่งตอนเริ่มทำงาน ตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาก็อยู่กับจุนมยอนมาโดยตลอด…



    หรือจุนมยอน… จะไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว..




    “นายเกลียดฉันแล้วเหรอ… นายไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแล้วเหรอ… จุนมยอนา....” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยเสียงที่เขามั่นใจว่า ดังพอที่จะทำให้คนตัวเล็กได้ยิน…



    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่… อะไรที่ทำให้คิมจุนมยอนคนนั้นถึงตัดสินใจเลือกที่จะเดินออกไปจากชีวิตของเขากันแน่




    “นายเกลียดฉันแล้วเหรอ… นายไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแล้วเหรอ… จุนมยอนา....”




    “ใครอยากเป็นเพื่อนกับนายกันวะ… ไอ้บ้าเอ้ย” ผมตอบกลับคำถามของมันด้วยเสียงที่แผ่วเบา… มันต้องระแคะระคายอะไรสักอย่างบ้างแหละ เพราะตลออดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ผมไม่เคยงี่เง่า ไม่เคยว่ามันเรื่องผู้หญิงเลยสักครั้ง จนกระทั่งครั้งนี้



    เพราะรู้ตัวว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเรียกร้องอะไรมากกว่า



    แต่กับครั้งนี้… เพราะระยะหลังมา มันเริ่มตีตัวออกห่างจากผมก่อน ปกติแล้วคริสไม่ใช่คนที่ทำอะไรแล้วจะไม่เอ่ยปากชวน แต่ระยะหลัง… เขากลับไม่บอกอะไรเลย



    ผมล้มตัวนอนลงที่เตียงนอนอีกครั้ง… ไม่สนใจด้วยว่าผมยังไม่หาย ผมรู้แต่เพียงว่า ตอนนี้ร่างกายมันต้องการการนอนและพักผ่อนให้มากเพียงพอที่จะตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น…




    ขอให้วันพรุ่งนี้… ฝนหยุดตกเสียที








    ‘เฮ้… จุนมยอน… สายแล้วนะ…’



    สายแล้วเหรอ… แต่ฉันลุกไม่ไหวนี่นา…



    ‘ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวกูโทรไปลาที่ทำงานให้ไหม’



    อื้ม… ลาให้หน่อย เหมือนจะไม่สบาย..



    “จุนมยอน”


    ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เพราะความปวดหัวหนัก ๆ ที่หัวทำให้ผมตัดสินใจปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง



    “นายเข้ามาทำไม…”



    “เฮ้… ลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อน… นี่ไหวไหมเนี่ย…$_#^_#*^#%(_#^)”



    ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรต่อหรอก เพราะผมได้เผลอหลับไปอีกครั้งแล้วไงละ







    “เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ดังขึ้น ภายในห้อง ทำให้ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง… ภาพของผู้ชายตัวใหญ่ที่กำลังยืนลังเลเลือกว่า ยากระปุกไหนกันแน่นั้นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา…



    “ขวดสีชา… อีกขวดมันยาปลุก” ผมแกล้งพูดเล่นออกไป แต่ผลของมันกลับทำให้คนที่กำลังง้วนอยู่นั้นรีบเข้ามาดูผมทันที… ถ้าป่วยแล้วคริสจะใส่ใจกันขนาดนี้ก็อยากจะป่วยบ่อย ๆ เหมือนกันนะ



    “เอายาปลุกไหม.. ฉันจะได้ช่วยให้นายหายไข้ไง…”



    “ฉันเป็นเพื่อน ไม่ใช่เมีย”  เหมือนผมจะเห็นเขายิ้มอยู่น้อย ๆ ที่ได้ยินแบบนั้น มือหนาเอื้อมมาอิงที่หน้าผากเพื่อวัดไข้… แล้วหน้าเครียดลงถนัดตา..



    “ถ้าต้องจับมึงปล้ำทำเมียแล้วทำให้มึงไม่ย้ายออกก็โอเค… คิด ๆ ดูชีวิตกูขาดมึงไปคงเหงา” มันว่าพร้อมกับวางกระปุกยาพาราไว้ที่หัวเตียง แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมสบตาดวงตาคู่คมที่จ้องมาอย่างไม่เกรงกลัว… ถึงจะกำลังไม่สบายอยู่ แต่ผมไม่มีวันยอมอ่อนข้อให้กับคริสอีกแล้ว



    “เพื่อนกันไม่ได้เจอกันก็อยู่ได้…” ผมตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ อยากให้เขาหัดคิดก่อนพูดสักนิด ก่อนที่อะไรหลาย ๆ อย่างมันจะไม่ทัน…



    ไม่สิ… ก่อนที่ผมจะเหนื่อยเกินกว่าจะรักเขาต่อไป



    “มึงนี่โง่ในสิ่งที่ไม่ควรจะโง่เลยจริง ๆ” ผมจ้องเขานิ่งกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันที่จะได้โต้กลับ ริมฝีปากร้อนของคริสก็แนบลงมาอย่างรวดเร็ว ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อที่จะรั้งผมไว้ในฐานะอื่น ทำนบน้ำตาที่กลั้นมานานก็ังลงทันที



    “มึง...ทำเหี้ย...อะไรวะ” ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้น เขาผละริมฝีปากออกแล้ว.. แต่คริสก็ยังไม่ยอมลุกออกไป มือหนายกขึ้นใช้ข้อนิ้วปาดน้ำตาผมอย่างอ่อนโยน มันยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจ



    “กูถึงบอกไง ว่ามึงมันโง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่…” เชาว่าแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเก่า ชนิดที่ริมฝีปากของเขาเกือบจะสัมผัสกัน “กูรักมึงไง… จุนมยอน”



    ผมเบิกตากว้างกว่าเดิม เมื่อหลังจากที่คริสกระซิบชิดริมฝีปากแล้ว เขาจะกดจูบลงมาอีกครั้ง แล้วผละออก ดวงตาคู่คมจ้องลึกในเข้าาในดวงตาของผมที่เอ่ยคลอไปด้วยน้ำตา



    “กูคิดว่า กูโง่แล้วนะ… กูรักมึงมาโดยตลอดแต่ไม่รู้ตัวเลย… ตั้งแต่เมื่อไรวะ… ตั้งแต่เมื่อไรที่มึงทำให้กูขาดมึงไม่ได้แบบนี้.. มึงทำให้กูขาดมึงไม่ได้แล้ว ยังคิดที่จะไปจากกูอีกเหรอ… คิมจุนมยอนกลายเป็นคนใจร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” คำกล่าวหาถูกเอ่ยออกมาพร้อมคำสารภาพ มันยิ่งทำให้ผมร้องไห้ออกมา น้ำตาก็ไหล ปวดหัวก็ปวด ดีใจก็ดีใจ..



    แต่ตอนนี้ผมทำได้แค่ยิ้ม… แค่ยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้จริง ๆ



    “มึงมันใจร้ายก่อนนี่หว่า… อาทิตย์ที่ผ่านมามึงห่างไปเอง กูชอบมึงนานแล้วต่างหาก มึงมันโง่เองที่ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่กูก็ทำให้มึงทุกอย่าง… ถ้าวันนี้กูไม่ปวดหัว มึงไม่ได้แกล้งกูแบบนี้หรอก..” ผมด่ามันไป ปาดน้ำตาไป ยิ้มไปเหมือนคนบ้า… แต่เชื่อเถอะว่าผมดีใจจริง ๆ




    เพราะไม่ใช่แค่มันหรอก.. ที่อยู่ไม่ได้ถ้าขาดผม

    ผมก็อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมันเหมือนกัน






    E N D. 

    ---------------------------------------------------------------------------------------------


    สวัสดีวันหยุดดดดดด(ที่กำลังจะหมดลงนะคะ TOT)  
    กลับมาพบกับฟิคคริสโฮอีกครั้งน้าา ไม่ได้เขียนฟิคคริสโฮนานแบบนานมาก ๆ จนรู้สึกว่า ภาษามันแอบแปลก ๆ ปะแล่ม ๆ อยู่ไม่น้อยเลย ให้กำลังใจเค้าเยอะ ๆ ด้วยนะ *อ้อนนน* 

    ตอนหน้าฝนแบบนี้อยากเขียนฟิควายฝนสักร้อยเรื่อง คือโบว์เป็นคนชอบหน้าฝนมาก ๆ กลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่มาพร้อมกับกลิ่นอับเพราะผ้ามันไม่แห้ง 5555555555555 หน้าฝนแล้ว ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ รักทุกคนนะะ 

    ขอบคุณทุก ๆ คอมเม้น ทุก ๆ กำลังใจ ที่มีให้กันมาโดยตลอด รักทุกคนเสมอ สัญญาว่าจะพยายามปรับปรุง และพัฒนาการเขียนต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ ค่ะ 

    แล้วพบกันใหม่เมื่อ

    แทกรวมนะคะ #MolKrisHo 
    ติดต่อเฮา @ Rerenela 
    ask : http://ask.fm/Rerenela
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×