ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] .:::THE MELODY OF LOVE:::. BY SOULINA

    ลำดับตอนที่ #18 : [Kris x Suho] .. MY SWEET RECIPE .. ::[1/2]::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 574
      1
      19 พ.ค. 56

     


    MY SWEET RECIPE 
    KRISHO LOVE SHORT FICTION BY SOULINA

     





     


    ...ความรักก็เหมือนขนมหวาน...
    ...ที่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด..

     

     

     

     

     

    ร้านขนมเล็กๆที่หัวมุมถนนในย่านธุรกิจที่มีพื้นที่น้อยนิดในการประกอบการนั้นเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวทั้งหลายจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบของหวานทั้งหลาย...

     

     

     

    ตัวร้านตกแต่งสไตล์คลาสสิคด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลไล่โทนกันไปอย่างสวยงาม... ตู้เค้กและเคาน์เตอร์สำหรับชงกาแฟและทำเครื่องดื่มต่างๆนั้นตั้งอยู่ด้านในชิดมุมซ้ายของร้าน ซึ่งหลังเคาน์เตอร์และตู้เค้กนั้นก็เป็นห้องทำขนมเล็กๆที่มีเจ้าของร้านเป็นผู้ดูแล...

     

     

     

    เรื่องรสชาติของเค้กที่ทำขึ้นเองนั้นการันตีได้จากลูกค้าประจำมากมายที่แวะเวียนมากันทุกวัน ด้วยความพิเศษของทางร้านที่แต่ละวันจะทำเค้กเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และทุกวันนั้นจะหมุนเวียนชนิดของเค้กกันไป เรียกได้ว่า เปลี่ยนรสชาติกันไปทุกวันเลยไม่ซ้ำเลย และทุกๆวันอังคารนั้นจะมีเมนูพิเศษที่มีส่วนผสมพิเศษที่ทางเจ้าของร้านไปสรรหามาเอง...

     

     

     

    ในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน... เรือนร่างบอบบางให้ชุดสบายๆด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำที่สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีอ่อนนั้นกำลังยืนเช็ควัตถุดิบหน้าเคาน์เตอร์ทำขนมอย่างอารมณ์ดี

     

     

     

    ในขณะที่กำลังนับวัตถุดิบทุกอย่างนั้นก็มีคนเข้ามาเสียก่อน... ร่างสูงในชุดสบายๆอย่างเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงขายาวสีดำนั้นก็เดินเข้ามาทักทายเขาทันที...

     

     

     

    คิมจุนมยอนพี่ชายคนโตของบ้านมีความฝันเล็กๆที่อยากจะมีร้านกาแฟเล็กๆให้คนได้นั่งสบายๆ ในบรรยากาศผ่อนคลาย เขาจึงใช้เงินเก็บตอนเรียนและทำงานห้าปีสร้างมันขึ้นมา บวกกับเงินสนับสนุนของพ่อเล็กน้อย.... ส่วนร่างสูงนี้ก็คือลูกพี่ลูกน้องที่อยากทำงานร้านกาแฟ... ญาติห่างๆที่ตอนนี้สนิทกันมาก... จงอินเป็นบาริสต้าที่ร้านเขาและด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นนั้นทำให้ดึงลูกค้าได้เยอะ แต่ผลที่ตามมาก็คือทำให้คนเสิร์ฟไม่เพียงพอกับลูกค้า... จึงทำให้เขาต้องจ้างคนเพิ่มอีกหนึ่ง... ซึ่งก็แสนบังเอิญที่ได้รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยมาทำงานด้วยกันพอดี

     

     

     

    “วันนี้แต่งตัวดูดีเชียว... ร้านเราได้เต็มอีกแหง” จุนมยอนเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบกรรไกรขึ้นตัดถุงแป้งเค้กและเทลงถ้วยเล็กอย่างระวัง ก่อนจะนำไปชั่งแล้วมาเทใส่ตะแกรงสำหรับร่อนแป้งที่ใส่ผงฟู เบคกิ้งโซดา และผงโกโก้รอไว้แล้ว...

     

     

     

    หลังจากร่อนแป้งเสร็จแล้วจุนมยอนก็ใส่เกลือกับน้ำตาลลงไปผสมกับแป้งที่ร่อนไว้แล้ว ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับจงอินที่ยืนมองดูอย่างเพลิดเพลิน

     

     

     

    “เช็คของหน่อยไหม? ขาดอะไรจะได้ให้ชานยอลไปซื้อได้ทัน” เสียงหวานว่าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มขำๆ จุนมยอนหันไปแยกไข่แดงกับไข่ขาวต่อ... เมนูที่ร้านเขาจะวางขายวันนี้คือเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม สตรอเบอร์รี่ช็อทเค้กจากสตรอเบอร์รี่ลูกโตที่พ่อเขาส่งมาให้ลังใหญ่ แล้วก็จะเป็นชีสเค้กที่สามารถเลือกแยมราดได้... แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเขาเป็นคนทำเดียว มีเสิร์ฟเพียงอย่างละสามสิบหกชิ้น... ถึงจะเป็นจำนวนที่ไม่เคยเพียงพอกับลูกค้าหากแต่มันก็เหมาะสมกับร้านเล็กๆนี้ เพราะเขาจะทำเค้กเฉพาะช่วงเช้าของวันเท่านั้น และในร้านก็มีพวกแพนเค้กและวาฟเฟิลรวมถึงมาการองที่มาจากร้านดังคอยบริการอีกด้วย..

     

     

     

    ร้านของเขาจะวางเค้กขายตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป เค้กส่วนใหญ่ที่ขายได้ในช่วงสิบโมงถึงเที่ยงนั้นไม่เคยต่ำกว่าครึ่งสต๊อก... ฉะนั้นเพื่อป้องกันเค้กหมดก่อนช่วงเย็นที่จะมีคนแวะมามากๆ เขาจึงวางเค้กในช่วงเช้าก่อนสองชนิด เมื่อชนิดไหนหมดก็เปลี่ยนด้วยชนิดที่สาม ไปเรื่อยๆ

     

     

     

    เพราะถึงจะเป็นร้านเล็กๆที่มีคนเข้าตลอดเวลา แต่จุดขายก็อยู่ที่เค้ก ดังนั้นถ้าหากเค้กหมดลูกค้าก็จะหายไปทันตา... แต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่เขาต้องอบเค้กในช่วงบ่าย เพื่อให้มีลูกค้าต่อเนื่องเสมอจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้านซึ่งก็คือเวลา 20.00 น.

     

     

     

    “เช็คเรียบร้อยแล้วครับ... หวังว่าวันนี้พี่จะไม่ต้องเหนื่อยมาทำเค้กตอนบ่ายอีกนะครับ... ให้ชานยอลทำแพนเค้กนี่คงไม่ไหวหรอก” จงอินเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบไม้พายส่งให้พี่ชายตัวเล็กที่เพิ่งจะผสม ไข่แดง กลิ่นวนิลา นม นมข้นจืด น้ำมะนาว และน้ำมันพืชมาผสมให้เข้ากันเรียบร้อยแล้ว

     

     

     

    จุนมยอนรับมา ก่อนจะค่อยๆเทแป้งเค้กสีน้ำตาลเข้มที่ได้จากการร่อนของแห้งทั้งหมดนั้นเข้ากับของเหลวที่เพิ่งผสมกันเสร็จ มือบางใช้ไม้พายนั้นคนส่วนผสมสองส่วนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะหันมาทำเมอแรงต่อ... มือบางหยิบไข่ขาวที่แยกออกจากไข่แดงที่นำไปผสมกับตัวเค้กเมื่อครู่นั้นมาผสมกับครีมออฟทาร์ทาร์ และตีจนมันขึ้นยอดอ่อน แล้วนำมาผสมกับส่วนผสมก่อนหน้านี้แล้วผสมให้เข้ากัน ก่อนจะวางกะละมังสแตนเลสใบใหญ่ทิ้งไว้และไปจัดการเตรียมพิมพ์เค้กขนาดสามปอนด์สามพิมพ์

     

     

     

    การเตรียมพิมพ์นั้นทำได้ง่ายๆโดยนำกระดาษไขมารองทั้งก้นพิมพ์และขอบข้างและทาด้วยเนยขาวให้ทั่วทั้งที่ก้นและขอบข้างของพิมพ์ ก่อนที่จุนมยอนจะกวักมือเรียกจงอินที่ยืนดูอยู่นั้นมาช่วยให้กันยกกะละมังขึ้นเพื่อเทใส่พิมพ์ขนาดสามปอนด์ทั้งสามพิมพ์โดยปริมาตรของตัวเค้กที่เทลงไปนั้นคิดเป็นเศษสามส่วนสี่ของตัวพิมพ์ ก่อนที่จะยกพิมพ์ทั้งหมดนั้นเข้าเตาอบและมานั่งเตรียมของสำหรับทำหน้าเค้กต่อไป...

     

     

     

    “อีกสักสี่สิบห้านาที... จงอิน...ชงคาราเมลลาเต้ให้หน่อยสิ” ร่างบางยกแขนขึ้นบิดไปมาเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยบอกลูกพี่ลูกน้องที่กำลังเก็บกะละมังไปไว้ในอ่าง... ดีที่เมื่อตอนเที่ยงคืนเขาทำเค้กอีกสองชนิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว... ไม่อย่างนั้นงานในร้านตอนเช้านี้คงยุ่งพิลึก

     

     

     

    “โอเคครับ.. เดี๋ยวผมแช่พวกนี้เสร็จก่อนนะ เดี๋ยวทำให้ พี่ไปนั่งรอได้เลย” จงอินหันมาบอก เขาพยักหน้ารับก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องบางนั้นขึ้นมาตั้งเวลานับถอยหลัง ไว้สามสิบนาทีแบบเผื่อๆ

     

     

     

    ถามว่าทำเค้กวันละเก้าก้อนก้อนละสามปอนด์ต่อวันนั้นเหนื่อยไหม... เขาตอบได้อย่างไม่คิดเลยว่าเหนื่อย แต่เขายินดีจะทำเพราะเป็นสิ่งที่เขาชอบ และสนุกกับการที่ได้อบขนมทุกๆวัน แต่ก็มีวันหยุดซึ่งก็คือวันอาทิตย์และวันจันทร์

     

     

     

    ร้านของเขามีชื่อว่า MY SWEET RECIPE” แปลว่า สูตรขนมหวานของฉัน แน่นอนว่าทุกอย่างที่ทำนั้นเป็นสูตรเฉพาะของร้านเขาที่ไม่มีที่ไหนอีกแล้วในโลก

     

     

     

    ในขณะที่เจ้าของร้านร่างบางกำลังนั่งฟังเพลงบรรเลงที่เปิดจากคอมพิวเตอร์ในร้านนั้นอย่างเพลิดเพลินก็มีชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับใบหน้าแตกตื่นและเสียงหอบหายใจถี่รัว... จุนมยอนหันไปมองคนตัวสูงนั้นก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

     

     

     

    “อย่าบอกพี่เชียวว่าคิดว่ามาสายแล้วน่ะชานยอล” เจ้าของชื่อชานยอลนั้นเหลือบตามองเขาเล็กน้อยก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู เมื่อเห็นว่ามันเพิ่งจะเจ็ดโมงกว่าเองก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทันที

     

     

     

    “ก็นาฬิกาที่บ้านมันบอกว่าสิบโมงแล้วอ่ะ ผมก็วิ่งมาสิ” เมื่อได้ยินดังนั้น จุนมยอนยิ่งหัวเราะดังกว่าเดิม จนจงอินที่ล้างของอยู่หลังร้านนั้นเดินออกมามองด้วยความสงสัย... แต่เมื่อเห็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกันอีกคนนั้นก็ต้องหลุดยิ้มตามเสียงหัวเราะของพี่ชาย

     

     

     

    “ไม่ต้องมาขำเลยไอ้ดำ... ถือว่าวันนี้ผมมาช่วยพี่เปิดร้านแล้วกันนะพี่จุนมยอน” ชานยอลหันมาด่าจงอินก่อนจะหันมาพูดกับเขา... ร่างสูงนั้นเดินเข้าไปในห้องพนักงานก่อนจะออกมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนคาดเอวสีดำและเริ่มเช็ดโต๊ะอย่างที่ปากว่าจริงๆ

     

     

     

    จงอินส่ายหน้ากับคำด่าของชานยอลก่อนจะปลีกตัวไปชงคาราเมลลาเต้ให้กับเขาอย่างที่บอกไว้... หลังจากได้กินกาแฟกับดูคนที่เป็นเสมือนน้องชายสองคนเถียงกันไปมาก็ได้เวลาที่ต้องกลับไปจัดการกับเค้กที่อบไว้จวนจะได้เวลาแล้วเสียที...

     

     

     

    ทันทีที่ขาเรียวก้าวเข้ามาในห้องทำขนมนั้นก็ได้กลิ่นของอบอวลของเค้กช็อกโกแลตที่เริ่มจะสุข จนเจ้าตัวนั้นหุบยิ้มไม่ได้... เพราะแบบนี้น่ะสิเขาถึงไม่เคยเหนื่อยเลย แม้จะต้องทำเค้กวันละเกือบสิบก้อนก็ตามเถอะ...

     

     

     

    จุนมยอนหยิบถุงมือมาใส่ทั้งสองมือ ก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาที่แขวนไว้ด้านหลัง ตอนนี้ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว... ก็คงจะใช้ได้แล้วละมั้ง...

     

     

     

    เมื่อคิดได้ดังนั้น... มือบางก็เปิดเตาอบก่อนจะใช้ไม้จิ้มลงบนเนื้อเค้กและเอาขึ้นมา... เมื่อเห็นว่าไม่มีเนื้อเค้กติดขึ้นจึงยกยิ้มกว้างเพราะการไม่มีเนื้อเค้กติดไม้ขึ้นมานั้นแสดงว่าตัวเค้กนั้นสุกแล้ว...  จุนมยอนหยิบเค้กออกมาตั้งพักไว้ก่อนจะค่อยๆดึงกระดาษไขที่อยู่ด้านข้างนั้นออกก่อนจะหยิบตะแกรงเหล็กมาวางไว้บนพิมพ์และจัดการพลิกกลับมาและค่อยๆดึงพิมพ์ออก โดยไม่ลืมที่จะดึงกระดาษไขที่ก้นนั้นออกและจับตัวเค้กพลิกอีกครั้งจะได้หน้าที่นูนนั้นขึ้นมา...

     

     

     

    จุนมยอนจัดการถอดตัวเค้กออกจากพิมพ์กับอีกสองก้อนที่เหลือออกก่อนจะวางทิ้งไว้ให้ตัวเค้กเย็น จุนมยอนไปทำส่วนหน้าเค้กต่อ... ที่ต้องปล่อยให้เย็นก่อนเพราะถ้าแต่งหน้าเค้กเลยตอนที่ตัวเค้กยังร้อนอยู่นั้นจะทำให้หน้าละลาย และไม่อยู่ตัวด้วย...

     

     

     

    มือบางจับเอาส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับการทำหน้าเค้กทั้งหมดมาไว้ตรงเคาน์เตอร์ก่อนจะเริ่มเทนมสดรสจืดที่ตวงไว้แล้วเทใส่หม้อใบใหญ่ ตามด้วยผงวุ้น นมข้นจืด ผงโกโก้และน้ำตาลทราย... หลังจากส่วนผสมข้างต้นนั้นเริ่มเข้ากันแล้วจึงยกขึ้นตั้งไฟคนไปเรื่อยๆจนเดือด แล้วใส่นมสดรสจืดที่ผสมเข้ากับแป้งข้าวโพดเรียบร้อยแล้วลงไปในหม้อและคนให้เข้ากัน ปิดไฟแล้วยกลงวางไว้บนผ้ารอง มือบางหยิบกะละมังที่เต็มไปด้วยเนยขึ้นแล้วเทมันลงไปในหม้อที่เพิ่งยกขึ้นมาเมื่อครู่... ด้วยความร้อนของช็อกโกแลตที่เพิ่งขึ้นจากเตานั้นทำให้เนยสามารถละลายและเข้ากันได้ง่าย ก่อนจะหยิบเหล้ารัมมาใส่นิดนึงเพื่อให้กลิ่นหอม และคนจนหน้ามันเนียนเป็นอันเสร็จขั้นตอนวิธีทำหน้าเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มเมนูเด็ดประจำร้านของเขาในวันนี้...

     

     

     

    จุนมยอนหยิบตัวเค้กที่พักไว้มาวางไว้บนถาดก่อนจะเริ่มก่อนจะหยิบที่สไลด์เค้กขึ้นมาตั้งครึ่งตามแนวขวาง และนำส่วนบนที่เป็นนูนๆมาตัดให้เรียบเสมอกันอีกที... เขาวางเค้กครึ่งหนึ่งไว้บนจานแบนสีขาว ก่อนจะวางพิมพ์แบบถอดก้นที่ถอดส่วนล่างออกไปแล้วนั้นลงไปอีกที เมื่อเตรียมส่วนล่างของเค้กสามก้อนนั้นบนจานเรียบร้อยแล้ว เขาจึงตักช็อกโกแลตที่เป็นตัวหน้าของเค้กนั้นลงในพิมพ์ทั้งสามและตามด้วยตัวเค้กส่วนบนแล้วเททับด้วยหน้าอีกครั้ง...

     

     

     

    จุนมยอนเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งเพื่อจับเวลา... ตอนนี้เขาต้องปล่อยเค้กทั้งสามก้อนนี้ทิ้งไว้สักประมาณสิบนาที เพื่อให้มันเซตตัวก่อนจะใช้สเปตูล่าแซะขอบข้างและแกะพิมพ์ออกมาได้อย่างสวยงาม...

     

     

     

    ขาเรียวพาเจ้าของร่างบางในชุดผ้ากันเปื้อนนั้นออกมาดูในร้านที่เปิดไฟและจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็ยกยิ้มกว้าง... ร้านเล็กๆที่มีพนักงานแค่สามคนมันก็เป็นกันเองและสบายกว่าร้านใหญ่ที่ต้องมานั่งปวดหัวบริหารคนอีก...

     

     

     

    “อ้าวพี่จุนมยอน... เค้กเสร็จแล้วเหรอครับ?” ไคที่เตรียมอุปกรณ์ทำเครื่องเงยหน้าถาม ในขณะที่คนถูกถามนั้นส่งยิ้มให้และส่ายหน้าน้อยๆ

     

     

     

    “เหลือแบ่งชิ้นและห่อน่ะสิ... วันนี้ไม่น่าตื่นสายเลย ถ้าเลื่อนเวลาเปิดร้านจะมีจลาจลรึเปล่านะ” จุนมยอนว่าอย่างติดตลก ก่อนจะชะเง้อคอมองหน้าน้องชายตัวสูงอีกคน

     

     

     

    “ชานยอลออกไปจัดการเขียนกระดานเมนูเค้กหน้าร้านน่ะครับ... พี่จุนมยอนมีอะไรให้ช่วยรึเปล่า?”

     

     

     

    “เปล่านะ... แค่ออกมาดูว่าน้องทั้งสองของพี่จะทะเลาะกันรึเปล่า” จงอินยกยิ้มขำกับคำของพี่ชายเจ้าของร้าน ก่อนจะส่งแก้วน้ำเปล่าส่งให้พี่ชายตัวขาว

     

     

     

    “ผมไม่ได้จะทะเลาะกับมันทุกวันหรอกนะ... ถ้ามันไม่กวนตีนเกินขอบเขตก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ” จงอินว่าด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างเคย ดวงตาคู่คมเสมองคู่กรณีที่กำลังจะเดินกลับเข้ามาเล็กน้อย ก่อนที่มือหนาจะหยิกเยือกน้ำเย็นขึ้นและเทลงใส่แก้วใสเตรียมไว้ให้คนที่ออกไปทำงานข้างนอกมา

     

     

     

    “พี่ก็พูดไปอย่างนั้นนั่นแหละ ฮ่าๆ เดี๋ยวพี่เข้าไปทำเค้กต่อละ อย่าตีกันละ” จงอินส่ายหน้าไปมากับความขี้เล่นของลูกพี่ลูกน้องเจ้าของร้าน... พี่จุนมยอนก็เป็นแบบนี้ทุกที... ขี้เล่นไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนหรืออะไร....

     

     

     

    ...เหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆและไม่ไหวติงต่อสิ่งใด...

    แต่เมื่อโมโหขึ้นมาสายน้ำก็เชี่ยวกราดได้เช่นกัน...

     

     

     

    นั่นคือสิ่งที่คิมจงอินคนนี้เห็นเมื่องานรวมญาติครั้งที่แล้วที่คิมจุนมยอนคุณหนูสายตรงคนโตที่แสนดีลุกขึ้นมาโวยวายจนคุณย่าแทบเป็นลมล้มพับ เหตุเพราะเครือญาติจะไม่ให้พี่จุนมยอนทำร้านเค้ก... และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้เปิดร้านเป็นของตัวเองโดยมีเงินสนับสนุนจากบรรดาเครือญาตินิดๆหน่อยๆ

     

     

     

    เขาที่ตอนนั้นกำลังหาอะไรทำอยู่นั้นก็เลยขอมาช่วยพี่ชายคนนี้จนนี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วที่ร้านนี้ได้เปิดมา... ธุรกิจของทางร้านไปได้ดีกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก... และดูเหมือนว่าตอนนี้ทางเครือญาติก็ไม่มีใครพูดถึงร้านของพี่จุนมยอนอีกแล้ว...

     

     

     

     

     

     

    ร่างบางเดินเข้ามาล้างมือที่อ้างล้างมือที่อยู่ในสุดก่อนจะกลับมาที่เคาน์เตอร์ที่มีเค้กขนาดสามปอนด์สามก้อนวางไว้ นิ้วเรียวจิ้มเบาๆลงที่ช็อกโกแลตที่จานด้านล่างเมื่อเห็นว่าหน้าเค้กนั้นเซตตัวเรียบร้อย จึงยกจากเค้กนั้นขึ้นวางไว้บนฐานรองแต่งหน้าเค้ก ก่อนจะใช้สเปตูล่าแซะขอบข้างไปรอบ แล้วแกะพิมพ์ออกมาอย่างเบามือ...

     

     

     

    เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มแสนสวยตรงหน้านั้นทำให้คนทำยิ้มกว้าง.... ก่อนจะหยิบที่แบ่งเค้กขนาด 12 ชิ้นขึ้นมา แล้วนำมาวางไว้บนหน้าเค้กอย่างระมัดระวัง มือบางกดมันลงไปนิดนึงให้เกิดรอยนิดๆแล้วยกออก มีดตัดเค้กด้ามยาวถูกพาดตัวเค้กก่อนจะกดมีดลงไปตามรอยที่ที่แบ่งเค้กนั้นทิ้งไว้อย่างเบามือ....

     

     

     

    หลังจากตัดเค้กก้อนแรกเสร็จแล้วจุนมยอนก็จัดการแกะพิมพ์อีกสองก้อนที่เหลือแล้วตัดเค้กเป็นชิ้นเหมือนกับก้อนแรก ก่อนจะหันหยิบจานเค้กใบเล็กมาวางไว้ข้างๆ มือบางหยิบแผ่นฟอยล์รองเค้กมาแผ่ไว้ในจานใบเล็กนั้นแล้วใช้ที่ตักเค้กสอดเข้าไปใต้เค้กแล้วยกเค้กนั้นขึ้นอย่างระมัดระวังและวางลงบนแผ่นฟอยล์ แล้วดึงที่ตักเค้กนั้นออก มือบางคว้าหยิบแผ่นพลาสติกนั้นพันรอบตัวเค้กก่อนจะจับฟอยล์ด้านยาวสองข้างขึ้นแล้วตามด้วยด้านแคบและพับมุมเก็บเรียบร้อย

     

     

     

    หลังจากเอาเค้กห่อพลาสติกและวางบนกระดาษฟอยล์เรียบร้อยหมดแล้วเขาก็เอ่ยเรียกจงอินกับชานยอลมาช่วยกันยกเข้าตู้แช่ และเอาเค้กสองชนิดที่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วเมื่อคืนไปวางไว้ในตู้เค้กหน้าร้านให้เรียบร้อย

     

     

     

    หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ร่างบางก็ไปล้างอุปกรณ์ทำขนมทั้งหมด และนำไปวางคว่ำไว้หลังร้าน เมื่อเหลือบมองนาฬิกาในร้านแล้วพบว่าใกล้สิบโมงแล้วจึงสั่งให้ชานยอลไปกลับป้ายแขวนหน้าร้านได้เลย

     

     

     

    ร่างสูงเดินมากลับป้ายหน้าร้านจาก ‘CLOSED’ เป็น ‘OPEN’ ก่อนจะเปิดประตู และยิ้มกว้างให้กับลูกค้าที่รอเข้าร้านอยู่สองสามคน

     

     

     

    “ยินดีต้อนรับสู่ MY SWEET RECIPE ครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    ครืน... ครืน..

     

     

     

     

    เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือเครื่องบางเรียบหรูดังอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้ร่างสูงที่กำลังนั่งเซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงานที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายนั้นขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์... ภาพของเจ้าตัวดีที่โดนเข้ามานั้นแสดงหราบนหน้าจออย่าน่าดีด ทำให้เขาต้องสไลด์หน้าจออย่างจำใจ...

     

     

     

    ...ขืนไม่รับสายสิ...                     

    พายุเข้าโซลแน่ๆ

     

     

     

    (พี่คริสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส!)                          

     

     

     

    “เออว่าไง พี่ยุ่งอยู่นะเซฮุน” เสียงทุ้มว่าอย่างหงุดหงิดทันทีที่ได้ยินเสียงน้องชายตัวเองลากยาว... มีเรื่องให้เขาวุ่นวายอีกแล้วสินะไอ้น้องคนนี้

     

     

     

    (ซื้อเค้กให้น้องเซหน่อยนะ!! ร้านข้างบอพี่อ่ะ ร้านประจำน้องเซ วันนี้น้องเซไปซื้อไม่ได้อ่ะ!! พี่คริสคนหล่อไปซื้อให้น้องเซหน่อยนะฮะ ถ้าน้องเซไม่ได้กินเค้กร้านนี้น้องเซจะอาละวาดด้วย ขอบคุณล่วงหน้านะฮะพี่ชายสุดหล่อ )

     

     

     

    “เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ออกปากปฏิเสธน้องชายตัวดีก็กดตัดสายไปเสียเฉยๆ ครั้นจะโทรกลับไปก็ได้ยินเสียงสตรีแสนไพเราะว่า เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้....

     

     

     

     

    น้องใครวะ แม่งแสบชิบหาย...

     

     

     

     

    เจ้าของชื่อคริสนั่งหัวเสียจนกระทั่งงานทุกอย่างบนโต๊ะนั้นเสร็จหมด... มือหนาเอื้อมไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ต้องเอากลับไปอ่านก่อนเข้าร่วมการประชุมพรุ่งนี้ที่วางอยู่ด้านหลังก่อนจะยัดมันใส่กระเป๋าอย่างหงุดหงิด...

     

     

     

    ให้ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า ร้องเท้า นาฬิกา เครื่องบิน เรือดำน้ำเขาจะไม่บ่นสักคำ... นี่อะไรให้ไปซื้อเค้ก...

    ทั้งๆที่โอเซฮุนรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเกลียดของหวานขนาดไหน

     

     

     

     

    การที่โอเซฮุนน้องชายตัวแสบของเขาไปซื้อเค้กร้านนี้ประจำมันต้องมีอะไรแหงๆ ไม่งั้นคนเบื่อง่ายอย่างเซฮุนไม่มีทางที่จะกินอะไรเหมือนกันทุกๆๆๆๆๆวันหรอก... หรือเจ้าน้องชายเขามันจะถูกในเจ้าของร้านเข้าให้แล้ว...

     

     

     

    ...ไม่ได้...

    เขาไม่ยอมเด็ดขาด แบบนี้ต้องไปดูหน้าไอ้เจ้าของร้านหน่อยแล้ว!!

     

     

     

     

     

    เมื่อคิดได้ดังนั้นหลังจากเก็บของเรียบร้อย ร่างสูงแสนดูดีก็เดินออกจากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เรียกได้ว่าเลขาหน้าห้องถึงกับงง เพราะโดยปกติแล้วกว่าคุณบอสของพวกเธอจะเดินออกจากบริษัทได้นั้นต้องเดินบริหารเสน่ห์จนครบทุกแผนกก่อนถึงจะออกได้ แต่นี่อะไร... ออกไปตรงเวลาเป๊ะๆ

    ...หรือโลกใกล้จะแตกแล้ว...

     

     

     

     

     

    ร่างสูงจัดการโยนแฟ้มเอกสารไว้ที่ลานจอดรถ ก่อนจะเดินไปที่ร้านขนมเล็กๆข้างๆบริษัทตามที่น้องชายตัวดีบอกทันที... ด้วยเวลาเกือบหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงานด้วย เลยทำให้ในร้านมีคนนั่งพอสมควร คริสเปิดประตูเข้าไปก่อนจะกวาดตามองคนที่คาดว่าเป็นพนักงานที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำนั้นก่อนจะเหยียดยิ้ม...

     

     

     

    ...อิสองคนนี้สินะทำให้น้องชายเขามันมากินร้านนี้ทุกวันน่ะ...

    ขายาวภายใต้กางเกงเนื้อดีนั้นเดินไปยังหน้าตู้เค้กที่มีเค้กสองชนิดนั้นวางโชว์อยู่ ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับคิดในใจ

    ...เค้กมันก็มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง แล้วทำไมคนมันมากันเยอะจังวะ...

     

     

     

    แต่ละอย่างไม่เห็นจะน่ากินเลยสักนิดแบบเอามาขายได้ไง แล้วของหวานพวกนี้มันน่าอร่อยตรงไหน น้ำตาลก็เยอะ

     

     

     

    “ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับ” เสียงทุ้มของเจ้าเด็กตัวโย่งที่เป็นพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นข้างๆ ตาคมเหลือบมองเล็กน้อยก่อนหันไปทั้งตัวแล้วตอบกลับ

     

     

     

    “อะไรอร่อยก็เอามานั่นแหละ”

     

     

     

    “อร่อยทุกอย่างครับ” เด็กเสิร์ฟตัวสูงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มยิงฟันครบสามสิบสองซี่ ก่อนจะหันไปหยิบกระดาษขึ้นมารอจดออเดอร์ของลูกค้าตัวสูง

     

     

     

    คริสถลึงตามองเด็กตรงหน้าที่ตอบกลับมาแบบกวนประสาทที่สุด... มันจะอร่อยไปได้ไง ดูเค้กสีดำๆที่หน้ามันเหมือนหยุ่นๆนั่นดิ มันจะอร่อยไปได้ยังไง อู๋อี้ฟานไม่เข้าใจ!!!!

     

     

     

    “หน้าตาแบบนี้เนี่ยนะอร่อย ?” เขาพึมพำออกมาเสียงเบา แต่ก็ดังเพียงพอที่คนเด็เสิร์ฟตัวสูงนั้นจะได้ยิน... ชานยอลหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินก่อนจะตอบกลับไป

     

     

     

    “ครับ... หน้าตาแบบนี้แหละครับ เมนูท็อปของร้านเราเลย”

     

     

     

    “ฉันไม่ได้ถาม!!” คริสตะเบ็งเสียงตอบกลับ ซึ่งนั่นเริ่มเรียกสายตาสงสัยจากลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้าน ก่อนที่เด็กเสิร์ฟตัวสูงจะไม่ยี่หระต่อคำของลูกค้าตัวสูงเลยสักนิด...

     

     

     

    ถ้าจะมาทำลายร้านของพี่จุนมยอนละก็ ปาร์คชานยอลไฟท์ไม่ถอยอยู่แล้ว!!!

     

     

     

    “ผมก็นึกว่าคุณถาม ก็เห็นพูดอยู่ ไม่ได้ถามเหรอครับ ขออภัยด้วยนะครับ” ชานยอลตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเหมือนเดิม และนั่นยิ่งทำให้คริสเริ่มไม่พอใจ!!

     

     

     

    นี่มันกล้าย้อนเขาที่เป็นลูกค้าขนาดนี้เชียวเหรอ!!!

     

     

     

     

    “นี่อบรมเด็กยังไง ไปเรียกเจ้าของร้านมาซิ!! มาต่อล้อต่อเถียงแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน!!!!”

     

     

     

     

    “มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”

     

     

     

    เสียงหวานเอ่ยขึ้น ก่อนที่ร่างบางของคนตัวขาวจะก้าวออกมาจากห้องทำขนม... ดวงหน้าหวานมองเขานิ่งสลับกับเด็กเสิร์ฟของตนก่อนจะเดินมายืนระหว่างเขาทั้งสอง

     

     

     

    บอกอู๋อี้ฟานคนนี้ทีว่าคนตัวขาวๆคนนี้หรือคือคนเจ้าของร้าน เจ้านายไอ้เด็กเปรตปากดีนี่ ไม่จริงใช่ไหม... ทำไม....

     

     

     

    ....ทำไม....

     

     

     

    ทำไมน่ารัก

     

     

     

    “ว่าอย่างไรครับ... ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า?” จุนมยอนเอ่ยซ้ำเมื่อเห็นว่าลูกค้าตัวสูงยังคงจ้องมองเขานิ่ง...

     

     

     

    “เปล่าครับ... คือ เค้กร้านคุณหน้าตาน่าทานดีนะครับ” ร่างสูงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ชานยอลแอบหันไปทำหน้าอยากขย้อนของเก่าออกก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้กับลูกค้าตัวสูงที่ทำท่าจะเอาเรื่อง จนจุนมยอนต้องเข้ามาห้ามทับ

    “ชานยอลไปดูแลลูกค้าตรงโน้นเลย เดี๋ยวพี่จัดการเอง จงอินด้วยไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่เคลียร์เอง” คนตัวบางหันไปบอกเด็กในชุดเสิร์ฟทั้งสองก่อนจะหันมามองหน้าเขา.... ดวงหน้าขาวอิ่มแย้มยิ้มให้กับเขาก่อนจะเปิดบทสนทนาอีกครั้ง “ต้องขออภัยที่น้องๆของผมทำกริยาก้าวร้าวด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะสั่งสอนอีกที... ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับเค้กแบบไหนดีครับ?”

     

     

     

    ร่างสูงนิ่งอึ้งไปกับคำพูดแสนสุภาพกับรอยยิ้มหวานบนใบหน้าขาวที่อยู่เบื้องหน้า... เป็นเวลานานเท่าไร อู๋อี้ฟานไม่รู้หรอก... เขารู้แค่ว่า มีอะไรบางอย่างกำลังดึงดูดเขาอยู่...

     

     

     

    ...ดูเหมือนว่าเขาคงต้องมาซื้อเค้กให้กับเจ้าน้องชายตัวแสบนั้นทุกวันเสียแล้วละ...

     

     

     

    “คุณครับ.... คุณ....”

     

     

     

    “อ่าครับ... ขออันนี้สามชิ้นแล้วกันครับ” คริสเอ่ยพร้อมกับชี้ไปยัง สตรอเบอร์รี่ช็อทเค้กที่เหลืออยู่สามชิ้นพอดี... ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างพร้อมกับรับคำลูกค้า ก่อนจะเอ่ยถามต่อ

     

     

     

    “ทานที่นี่หรือกลับบ้านครับ”

     

     

     

    “กลับบ้านครับ... แล้วก็อเมริกาโน่แก้วนึงด้วย” ด้วยความเคยชินที่จะสั่งกาแฟดำเป็นประจำนั้นทำให้คริสเผลอสั่งเมนูโปรดตัวเองไปโดยไม่ได้คิดถึงเวลาเลยว่าตอนนี้กี่โมง...

     

     

     

    “อเมริกาโน่ตอนนี้จะดีเหรอครับ ตาค้างทั้งคืนเลยนะ ฮ่าๆ” เจ้าของร้านเอ่ยทักขึ้น ทำให้ดวงตาคู่คมนั้นตวัดมองทันที ซึ่งทำให้รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏอยู่นั้นเจื่อนลงทันที... “ขอโทษด้วยครับ”

     

     

     

    “ไม่... ไม่เป็นไรครับ... ผมสั่งด้วยความเคยชินที่จะต้องกินกาแฟเพื่อถ่างตาทำงาน... งั้นขอเปลี่ยนเป็นคาราเมลลาเต้แล้วกัน”

     

     

     

    “ได้ครับ จงอิน... คาราเมลลาเต้แก้ว แล้วก็สตรอเบอร์รี่สามชิ้น” เด็กหนุ่มที่เคาน์เตอร์พยักหน้ารับออเดอร์จากคนตรงหน้าเขา ก่อนจะเหลือบมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย และดูไม่เป็นมิตรสุดๆ

     

     

     

    “เอ่อคือ...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียกความสนใจจากร่างบอบบางที่กำลังยืนเคาะเคาน์เตอร์อยู่ทันที ตากลมใสแจ๋วตวัดมองพร้อมรอยยิ้มกว้างอันเป็นเอกลักษณ์ก่อนที่น้ำเสียงหวานหูจะดังขึ้นตาม

     

     

     

    “จะรับอะไรเพิ่มหรือครับ”

     

     

     

    “ไม่ทราบว่าร้านนี้เปิดมานานแล้วเหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชวนคุยนอกเรื่องทำให้คนโดนถามนั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไปมาพร้อมกับยิ้มขำๆ

     

     

     

    “ขอโทษนะครับ.... คือไม่ค่อยมีคนถามเรื่องแบบนั้นน่ะครับ... ร้านเราเปิดมาเกือบหนึ่งปีแล้วครับ ทำไมเหรอครับ”

     

     

     

    “อ่อ... เปล่าครับ ไม่มีอะไร... ร้านน่ารักดีนะครับ”

     

     

     

    “ขอบคุณครับ... ผมออกแบบเองกับมือเลยนะ” คริสฟังแล้วก็อดยิ้มกับน้ำเสียงที่ดีใจเหมือนเด็กถูกคุณครูชมไม่ได้

     

     

     

    “น่ารักมากเลยครับ” คริสเอ่ยซ้ำอีกครั้ง... แต่เขาไม่ได้หมายความว่าร้านน่ารักหรอกนะ... เขาหมายถึงคนตรงหน้าต่างหากละ

     

     

     

    “ขอบคุณครับ... ใครๆก็ชมแบบนี้ทั้งนั้นแหละ” จุนมยอนรับคำด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกล่องเค้กที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์พร้อมคาราเมลลาเต้ตามออเดอร์ และส่งให้กับคนตรงหน้าพร้อมกับบอกราคา...

     

     

     

    คริสควักบัตรเครดิตส่งให้ร่างบางก่อนที่จะยกแก้วกาแฟขึ้นดูดก่อนจะต้องเบิกตากว้างและตวัดสายตามองคนชงกาแฟที่ยักคิ้วและส่งยิ้มให้อย่างท้าทาย...

     

     

     

    ...เด็กมันจะหาเรื่องอู๋อี้ฟานครับ คนน่ารักอยู่ตรงหน้าแบบนี้จะอาละวาดไงได้...

     

     

     

    “เซ็นตรงนี้นะครับ... รสชาติถูกปากไหมครับ?” เมื่อคนน่ารักถามถึงรสชาติ มือหนาที่กำลังเซ็นชื่ออยู่นั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้างให้เป็นคำตอบ...

     

     

     

    “อร่อยมากครับ...” สำหรับคาราเมลปั่น...

     

     

     

    “ผมแถมเค้กช็อกโกแลตสูตรพิเศษของทางร้านให้ลองชิมด้วย ถ้าถูกใจก็ขอเชิญที่ร้านบ่อยๆนะครับ” รอยยิ้มกว้างอย่างเป็นเอกลักษณ์ถูกส่งให้กับลูกค้าตัวสูง ก่อนที่คุณลูกค้าจะยิ้มตอบกลับพร้อมกับนามบัตร...

     

    “งั้นผมขอสั่งไว้เลยแล้วกัน.... ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ขอกาแฟกับขนมสำหรับคลายเครียดยามบ่ายส่งถึงห้องท่านประธานของอาคารด้านหลังนั้นด้วยนะครับ”

     

     

    จุนมยอนรับนามบัตรมาไว้ก่อนจะยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างยินดี... ร้านของเขาเปิดมาได้เกือบหนึ่งปี ลูกค้าประจำที่แวะเวียนมากก็เยอะ และยิ่งถ้ามีท่านประธานของบริษัทใหญ่ข้างๆเป็นลูกค้าก็อาจทำให้พนักงานบริษัทเดินเข้าออกร้านเขามากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่ามองยังไงก็มีแต่ได้กับได้...

     

     

     

     

    แต่ถ้าเทียบกับกำไรของอู๋อี้ฟานที่จะได้เห็นหน้าเจ้าของร้านตัวขาวทุกๆวันนั้น แค่ค่ากาแฟกับเค้กไม่เท่าไร ยังไงก็ได้กำไร

     

     

     

     


    TBC. 


    ----------------------------------------------------------------------

    สวัสดีวันอาทิตย์ค่า > w < (เครื่องเราเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ ฮ่าๆ) หายไปนานกับการลงฟิค... เพราะไปปั่นเรื่องยาวมาาาาา ไหนมีใครตามไปอ่านแฟรี่มั่งคะ *O* (กริบ... ฮาาาาาา)

    วันนี้เอาฟิคขนมหวานหวานๆมาเสิร์ฟ อุอิ ไม่รู้จะถูกใจกันไหม... แต่ก็หวังว่าจะถูกใจนะคะ...
    เรื่องนี้ละมุนละไม ไม่มีดราม่า มีแต่คนเจ้าเล่ห์กับคนน่ารัก >////< ฝากไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ *กอดเรียงคน*

    ปล. ฝากฟิคเรื่อง แฟร์รี่ แฟร์รี่ของเราด้วยน้า >< ---> 
    ~ Fairy Fairy ~ Krisho KaiBaek ChanDo ~

     

     

     

    ★tenta tivo
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×