ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] .:::THE MELODY OF LOVE:::. BY SOULINA

    ลำดับตอนที่ #43 : [Kai x Suho] Just HUG [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 695
      3
      15 พ.ย. 56

     

     

     

    บางที.. ผมก็สงสัย...

    ว่าเขาเคยรักผมบ้างไหม...

     

    เพราะเหมือนกับ... ผมจะเป็นตัวน่ารำคาญสำหรับเขามากกว่า

     

     

     

     

    เรือนร่างขาวของชายหนุ่มตัวเล็กนั้นกำลังหอบหิ้วหนังสือออกจากห้องเรียนอย่างรวดเร็วพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม เจ้าตัวหันบอกเพื่อนสนิทก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง เมื่อคิดถึงคนที่น่าจะรออยู่แล้ว ดวงหน้าหวานนั้นก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม ทันทีที่เห็นแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังเดินหานั้น ร่างเล็กจึงเร่งฝีเท้าแล้ววิ่งไปกอดคนตัวโตทันที เท้าเล็กเขย่งขึ้นพร้อมกับใบหน้าขาวที่เกยอยู่บนไหล่หนาอย่างน่ารัก

     

     

     

    “ไค~ คิดถึงจัง”

     

     

     

    คนตัวสูงเหลือบมองเสี่ยวหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะจับแขนเล็กที่กอดแน่นรอบเอวของตนออกแล้วหันกายออกกลับไปหาโดยที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น ไม่ได้มีแววยินดียินร้ายแม้แต่น้อย

     

     

     

    “ครับ.. เลิกเรียนแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามกลับ พร้อมกับเตรียมจะออกเดิน จุนมยอนเปลี่ยนมาเกาะแขนแทน

     

     

     

     

    มันเป็นปกติเสียแล้ว... ที่เขาแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าเราเป็นแฟนกัน...

    แต่ไค... ก็ยังเฉยชาเหมือนกับว่า เป็นเขาฝ่ายเดียวที่ตามติด...

     

     

     

    “ใช่แล้ว ~ ไคก็ไม่มีเรียนแล้วใช่ไหม พาพี่ไปหาอะไรกินหน่อยสิ” เสียงหวานว่าพร้อมกับยกยิ้มกว้างอย่างร่าเริง ช่างผิดกับอีกคนที่ใบหน้าเหมือนเดิมไม่ไหวติงหรืออะไรเลยสักนิด...

     

     

     

    “พี่อยากกินอะไรละครับ ?” เสียงทุ้มถามกลับพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบไหล่เล็กแล้วส่งยิ้มให้น้อยๆ จุนมยอนเหลือบมองมือหนาที่ข้างไหล่แล้วก็ยกยิ้มกว้างอย่างดีใจ ดวงหน้าหวานนั้นระเรื่อขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป

     

     

     

    “กินอะไรดีละ... ไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่นนานแล้วเนอะ ไคอยากกินไหมอ่ะ?”

     

     

     

    “พี่จุนมยอนอยากกินอะไร ผมก็อยากกินด้วยเหมือนกันครับ” ถ้อยคำหวานหูถูกเอื้อนเอ่ยทำให้คนตัวเล็กก้มหน้างุดแล้วตอบเลือกอาหารญี่ปุ่น โดยไม่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่แสนนิ่งเฉยนั้นเลยสักนิด...

     

     

     

     

    ...บางทีไคก็ไม่เข้าใจตัวเอง...

     

     

     

    ว่าทำไม ถึงตกลงคบกับรุ่นพี่ตัวเล็กที่เป็นคุณหนูเอาแต่ใจที่มีวิถีชีวิตแตกต่างกับเขาโดยสิ้นเชิงแบบนี้

     

     

     

     

     

    อาหารกลางวันผ่านไปด้วยการที่จุนมยอนเป็นฝ่ายชวนจงอินคุยเหมือนทุกครั้ง ใบหน้ายิ้มแย้มของคนตัวเล็กนั้นช่างแตกต่างจากอีกคนที่มีใบหน้าเรียบเฉย และติดจะรำคาญอยู่ไม่น้อยเลย... แต่จุนมยอนก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป เขารู้แค่ว่า การที่ได้อยู่กับไคแบบนี้ เขาก็มีความสุขแล้ว

     

     

     

    ไคเป็นแบบนี้เสมอยามเมื่อเราอยู่ด้วยกันสองคน ต่างจากตอนที่เขาอยู่คนเดียว หรือท่ามกลางผู้คนมากมาย รุ่นน้องตัวสูงของเขามักจะเป็นจุดสนใจของสังคมเสมอ และนั่นทำให้ไคชอบใช้ชีวิตให้คุ้มกับโอกาสดีๆที่ผ่านเข้ามาเสมอ...

     

     

     

    แต่เพราะพ่อของพวกเราเป็นเพื่อนกันและพ่อของเขาเคยช่วยเหลือกิจการของพ่อไค... เขาที่บอกกับพ่ออย่างเอาแต่ใจว่า ไม่ว่ายังไงก็จะคบกับไคให้ได้ ทำให้พ่อของเขาไปพูดกับพ่อของไค...

     

     

     

    ...และนั่นไม่ใช่การเอาแต่ใจตัวเองครั้งแรกของคุณหนูจุนมยอนที่ทำให้ทุกคนต้องลำบากใจ...

     

     

     

    จุนมยอนยังคงบังคับให้ไคตามใจตัวเองอีกหลายอย่าง อีกทั้งยังเรียกร้องความสนใจสารพัด แต่กับคนที่ขึ้นชื่อว่าแทบจะกลายเป็นคนเย็นชาอย่างคิมจงอิน หรือ ไคที่เขาเรียกนั้นก็นิ่ง และทนกับการเอาแต่ใจของเขาได้เสมอ...

     

     

     

    ไคตามใจจุนมยอน... แต่ไม่เคยสนใจจุนมยอน

    ...นั่นคือเรื่องจริงที่คนตัวเล็กรู้ดี...

     

     

     

     

    ในขณะที่ร่างเล็กกำลังเล่าเรื่องการเรียนในวันนี้ที่สรรหามาเล่าให้เขาฟังได้แทบจะทุกวันนั้น เสียงโทรศัพท์ของไคก็ดังขึ้น มือหนาล้วงหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะมองสบดวงตากลมโตนั้นด้วยแววตาที่อ่อนลง ก่อนจะยกยิ้มให้บางๆเหมือนกับบอกว่ารอแป้บนึงนะ...

     

     

     

    จุนมยอนพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเหมือนเคย ก่อนจะก้มลงเล่นเกมในโทรศัพท์ แล้วเหลือบมองคนตัวสูงที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างไม่กระดากอายสักนิด...

     

     

     

    ...ก็คงจะเป็นสายตรงจากคุณหนูตระกูลอีคนนั้น...

    ...อีแทมิน...

     

     

     

    หนึ่งในไม่กี่คนที่ไคไม่ยอมให้เขาได้พบโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม... ทั้งๆที่เขาอาจพบคนคนนั้นใจจะขาด.. เพราะจุนมยอนอยากรู้... อยากรู้ว่าทำไมคนคนนั้นถึงทำให้คนที่เย็นชาขนาดนี้ยิ้มแย้มได้ขนาดนี้...

     

     

     

    ตากลมกลอกไปมาอย่างชั่งใจกับจานอาหารตรงหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องบางนั้นขึ้นพร้อมกับกระเป๋าเป้และหนังสือเรียน... รอยยิ้มกว้างถูกส่งให้กับคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้า ก่อนที่ไคจะเอ่ยปากบอกกับคนปลายสายว่าแค่นี้นะมีธุระ...

     

     

     

    ...ธุระ...

     

     

     

    ใช่แล้ว...การต้องไปไหนมาไหนกับเขามันก็แค่ธุระที่ไคต้องทำเพราะความเอาแต่ใจของเขา

     

     

     

    ...เป็นแค่หน้าที่...

     

     

     

     

     

    “ไม่น่ารีบวางเลย กำลังคุยกันสนุกเลยไม่ใช่เหรอ?” เสียงหวานว่าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ทั้งๆที่ภายในนั้นเจ็บเหลือเกิน...

     

     

     

    “พี่จะไปไหน?” ไคมองข้ามคำถามนั้นของเขา คนตัวสูงเอ่ยถามขึ้นในขณะที่มือหนาคู่นั้นทำเหมือนจะดึงรั้งแต่ก็ไม่ได้ทำ... ดวงตาคู่คมนั้นมองมาอย่างคาดคั้น แต่คนตัวเล็กทำเพียงแค่ส่งยิ้มกลับไปให้อย่างเคยเท่านั้น...

     

     

     

     

    ...คนหนึ่งแสดงออกแทบตาย...

    แต่อีกคนกลับปฏิเสธทุกอย่างและทำเป็นเฉยชา

     

    และจุดบรรจบของพวกเรามันอยู่ที่ไหนกันนะ

     

     

     

     

    “กลับบ้าน... พี่มีรายงาน เห็นไคกำลังคุยอย่างออกรสเลยไม่อยากกวน... แต่ก็กวนจนได้ ขอโทษนะ” เสียงเล็กเอ่ยขอโทษ ทั้งๆที่โดยปกติแล้วจะหาคำๆนี้ยากมากจากปากของคิมจุนมยอน คุณหนูผู้ดื้อรั้น... ไคถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะก้าวมาใกล้... ดีที่ร้านอาหารร้านนี้แบ่งห้องให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารกันอย่างเป็นส่วนตัว ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย เมื่ออยู่ๆ เด็กหนุ่มตัวสูงนั้นดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดแน่น....

     

     

     

    “อย่าเป็นแบบนี้สิ... พี่ต้องเอาแต่ใจไม่ใช่เหรอ อย่ามาทำตัวแบบนี้เลย มันไม่เหมาะกับพี่เลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหู... คนตัวสูงที่เปลี่ยนไปเหมือนกันนั้นก็ทำให้จุนมยอนไม่เข้าใจเหมือนกัน... ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้ากำลังตั้งใจจะทำอะไร แค่นี้ยังมีอิทธิพลกับเขาไม่พออีเหรอ...

     

     

     

    “ไคก็เหมือนกันนั่นแหละ... อย่า...อ่อนโยน...ได้ไหม?” จบคำ คนตัวเล็กก็ดันอกแกร่งนั้นออก ก่อนจะหันกายเดินออกจากห้องส่วนตัวนี้ไป...

     

     

     

    ดวงตาคู่คมมองตามหลังแผ่นหลังเล็กไปอย่างไม่เข้าใจ... ไม่ใช่ไม่เข้าใจพี่จุนมยอน... เป็นตัวเขาเองต่างหากที่เขาไม่เข้าใจ ไคไม่เคยคิดว่าตัวจะต้องอ่อนโยนกับจุนมยอนเลยสักนิด เพราะทุกอย่างมันก็แค่ข้อตกลงของผู้ใหญ่ เมื่อครบกำหนดของเวลา หรือเมื่อจุนมยอนบอกเลิกกับเขามันก็จบกัน...

     

     

     

    ...แต่ทำไมเมื่อกี้เขาถึงอ่อนโยน...

    กับจุนมยอนได้ขนาดนี้กันนะ...

     

     

     

     

     

    ร่างเล็กเดินออกมาจากร้านนั้นได้ไม่ไกลก็ต้องมานั่งแหมะอยู่ที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสระน้ำขนาดใหญ่... แมกไม้ยามนี้กำลังเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลที่กำลังจะเปลี่ยนไป ความหนาวเหน็บที่เริ่มคลืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆนั้นทำให้ จุนมยอนต้องกระชับเสื้อโค้ทตัวไม่หนามากเข้าหาตัว ก่อนจะปล่อยสายตาออกไปยังผิวน้ำที่พลิ้วไหวไปตามลม...

     

     

     

    ...เอาแต่ใจแถมยังขี้น้อยใจอีก...

    และความอ่อนโยนเมื่อกี้.... มันคืออะไรกัน

     

     

     

    ไคไม่เคยอ่อนโยนแบบนั้นกับเขาเลยสักนิด... อย่างมากที่คนคนเคยทำตอนที่เขาเรียกร้องความสนใจจนร้องไห้ก็คือ การโยนผ้าเช็ดหน้ามาให้แล้วเดินหนีออกไปแค่นั้น...

     

     

     

    ...แต่เมื่อกี้เด็กคนนั้น...

    กลับโอบกอดเขาเสียอย่างนั้น...

     

    หรือไคกำลัง...สงสารเขาอยู่กันแน่นะ..

     

    “เหลือเวลาที่นายต้องทนพี่อีกไม่นานหรอก... หลังจากครบกำหนด... ถ้านายยังเหมือนเดิม พี่จะเป็นคนบอกเลิกนายเอง ตามที่นายต้องการ อิสระทั้งหลาย... พี่จะให้นายเอง...ยังไง...ก็เป็นพี่ที่ต้องเจ็บปวดคนเดียวอยู่แล้ว” คนตัวเล็กบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่มันกลับชัดเจนสำหรับคนที่เดินตามมาและยืนอยู่เบื้องหลังเก้าอี้ตัวนั้น...

     

     

     

    ใบหน้านิ่งเฉยของไคนั้นเรียบเฉยยิ่งกว่าเดิม... คนตัวสูงที่ตั้งใจจะตามมารับคนตัวเล็กนั้นหมุนกายเดินกลับไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่เอ่ยเรียกหรือสะกิดคนที่กำลังเหม่อมองสายน้ำตรงหน้าเลยสักนิด...  






    [20%] 

    มาต่อแล้วจ้าา > 3 < 











     

    ดวงอาทิตย์กำลังเลื่อนลอยคล้อยลงแทบจะลับขอบฟ้า... การนั่งตากอากาศเย็นๆในช่วงรอยต่อฤดูนี้ไม่เป็นผลดีกับร่างกายเลยสักนิด... เรือนร่างเล็กหยัดกายขึ้นเต็มความสูงก่อนจะยกหลังมือข้างที่ว่างนั้นขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็เมื่อลมพัด... แล้วรู้สึกได้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ข้างแก้มก็เท่านั้น...

     

     

     

    คอนโดที่เขาพักร่วมกับไคอยู่ตอนนี้เป็นคอนโดห้องชุดที่มีสองห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวและมีส่วนที่เป็นครัวกับห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนรวม... จุนมยอนเปิดประตูเข้าห้องด้วยคีย์การ์ดของตัวเอง แต่เมื่อเปิดไปก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคนตัวสูงกว่าในเสื้อยืดสีดำเช่นเดียวกับสกินนี่ตัวโปรดนั้นยืนพิงกำแพงด้านข้างอยู่ มือข้างหนึ่งที่กำลังคีบบุหรี่ที่เหลือเพียงครึ่งอยู่นั้นทำให้จุนมยอนเผลอเบ้หน้าอย่างไม่ชอบใจ

     

     

     

    “ไปไหนมา ไหนว่าจะกลับมาทำรายงาน แล้วทำไมเพิ่งกลับป่านนี้” จงอินพ่นควันบุหรี่ไปอีกทาง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น ดวงตาคู่คมนั้นมีแววไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด จุนมยอนไม่เข้าใจว่าทำไมไคถึงมีอาการไม่พอใจขนาดนี้ ดวงตาคู่สวยกลอกไปมาก่อนจะตอบไปเพียงว่าเดินเล่นที่สวนสาธารณะ แต่มันกลับไม่ทำให้คนตัวสูงกว่านั้นใจเย็นลงเลยสักนิด จุนมยอนที่ตั้งใจว่า ถึงห้องแล้วจะหลบหน้าคนตัวสูงเข้าห้องก็ยังคงตั้งใจเหมือนเดิม ร่างเล็กเดินเลี่ยงคนตัวสูงที่คีบบุหรี่เข้าปากอีกครั้งเข้าไปในส่วนของห้องนั่งเล่น หากแต่ข้อมือเล็กกลับถูกบีบรั้งอย่างรุนแรงจากมืออีกข้างคนที่กำลังสูบเอาสารพิษเข้าไป ดวงตาคู่สวยเหลือบมองมือหนาที่ข้อมือนั้นก่อนจะพยายามแกะมือหนาออก พร้อมกับบอกคนตัวสูงว่าเขาเจ็บ

     

     

     

    “ปล่อย... พี่เจ็บนะ” จุนมยอนพยายามบิดข้อมือให้พ้นจากมือหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เหมือนแรงของเขาจะสู้แรงของไคไม่ได้เลยสักนิด ขอบตาของจุนมยอนเริ่มร้อนขึ้นก่อนที่น้ำสีใสจะเอ่อท้นและล้นออกมา

     

     

     

    “ไม่ต้องบีบน้ำตาทำตัวน่าสงสารหรอกครับ... ผมก็เป็นของผมอยู่แบบนี้มานานแล้ว” มือหนาออกแรงกระชากร่างของเขาให้เซเข้าไปหา ก่อนที่มือที่กอบกุมข้อมือเล็กนั้นจะปล่อยออกแล้วเลื่อนไปบีบแก้มของเขาแทน ไคเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากบางของเขา “แต่พี่ก็เป็นของผมนะ... พี่เป็นแฟนผม อย่าทำให้คนอื่นเอาไปนินทาได้สิ...”

     

     

     

    สิ้นคำ จูบแสนจาบจ้วงก็ถูกมอบให้... ความเจ็บปวดจากแก้มที่ถูกบีบอย่างแรงเพื่อให้เขายอมเปิดปากรับเรียวลิ้นชื้นเข้าไปนั้นทำให้ยากจะหนีมือเล็กยกขึ้นพยายามดันอกหนาให้ถอยห่าง แต่เรี่ยวแรงที่สมควรมีมันก็มลายหายไป... เหมือนกับไคกำลังขโมยเรี่ยวแรงของเขา มือเล็กแสนสั่นยกขึ้นกำเสื้อเชิ้ตตัวหนานั้นแน่นเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน...

     

     

     

    ทันผละออกอย่างรวดเร็วก่อนจะจ้องใบหน้าหวานที่น้ำตาไหลอาบแก้มที่แดงช้ำอย่างน่าสงสาร ริมฝีปากบวมแดงนั้นยิ่งไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าเมื่อครู่เขาทำอะไรลงไป... มือหนาค่อยๆยกขึ้นหมายจะเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอีกครั้งนั้น แต่ก็ถูกมือบางปัดอย่างไม่ใส่ใจ... จุนมยอนเอาแต่ก้มลงมองพื้นก่อนจะผลักเขาและวิ่งเข้าห้องไป...

     

     

     

    มือข้างที่ว่างนั้นยกขึ้นเสยผมที่ปรกลงมาอย่างยุ่งเหยิง ก่อนที่จะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งพิงกำแพง บุหรี่มวนเก่าถูกบี้ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ใกล้กับประตู ก่อนที่มวนใหม่จะถูกจุดขึ้นอีกครั้ง... อารมณ์ที่คุกรุ่นเมื่อครู่นั้นมลายหายสิ้น เมื่อได้เห็นน้ำตาของคนตัวเล็ก... แก้มขาวที่แดงช้ำ... ก็คงเป็นฝีมือเขาอีกนั่นแหละ... ไคไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด ว่าทำไมตัวเองถึงต้องรู้สึกไม่ชอบใจมากขนาดนี้ เมื่อได้ยินว่าคนตัวเล็กนั้นจะปล่อยตนไป ทั้งๆที่ตัวเขาเองเป็นคนปรารถนาให้มันเป็นแบบนั้นมาตลอดแท้ๆ

     

     

     

     

    ...ทำไม...ผมถึงไม่อยากให้พี่ปล่อยผมไปเลยนะ...

    พี่จุนมยอน....

     

     

     

     

    ไคไม่รู้ว่าทำไมเมื่อกี้เขาต้องจูบ... ถึงเขาจะจูบกับคนอื่นมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน แต่กับพี่จุนมยอนคนเดียว ที่เขาไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้น เพราะพี่จุนมยอนมีอะไรแตกต่างกับพวกผู้คนที่เขาเคยพบเจอมาทั้งหมด... และเพราะอะไรบางอย่างที่แตกต่างนั่นแหละ ทำให้เขาไม่คิดที่จะทำรุ่มร่ามกับพี่จุนมยอนสักนิด... แต่วันนี้เขากลับทำ... ทั้งกอดและจูบ...

     

     

     

    ...เขาอาจจะเป็นคนไร้หัวใจเหมือนอย่างที่ทุกคนที่โดนเขาทิ้งบอกไว้จริงๆก็เป็นได้...

     

     

     

     

     

    หลังจากเดินเข้ามาในห้องเรียวแรงทั้งหมดของจุนมยอนก็หมดลง... ร่างเล็กทรุดลงนั่งกับพื้นแทบจะพร้อมกับข้าวของและหนังสือทั้งหลายที่หอบหิ้วมาด้วย... มือเล็กที่แสนสั่นนั้นยกขึ้นแตะแก้มที่ยังรู้สึกชาไม่หายไล่ไปถึงริมฝีปากที่ยังคงบวมช้ำ...

     

     

     

    ...ทำไมต้องจูบ...

    แล้วทำไมต้องกอด...

     

     

     

     

    คนที่เขาเกลียดกัน... เขาไม่ทำอะไรแบบนี้หรอกนะ หรือไคถือว่ามันเป็นเรื่องปกติ ที่ไคจะจูบกับคนที่ไม่ได้รักไม่ได้รู้สึกอะไรได้ ถ้าเป็นแบบนั้น... การที่ไคจูบกับเขามันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย เขาก็ไม่ได้ต่างไปจากคนที่ไคเคยคั่วมาเลยสักนิด...

     

     

     

    ทำไมกันนะ... ทำไมนับวัน...

    คนคนนี้ถึงยิ่งใจร้าย

     

     

     

     

    จุนมยอนนั่งสะอื้นไห้ไปนานเท่าไร และเผลอหลับไปตอนไหน เจ้าตัวก็รู้.. จนกระทั่งเปลือกตาบางนั้นเปิดออกอีกครั้งและพบว่าตนได้ขึ้นมานอนบนเตียงหนานุ่มของตัวเองเสียแล้ว...  ดวงตากลมเหลือบออกไปยังผ้าผ่านสีม่านขาวที่ถูกปิดสนิทอย่างเหม่อลอย.. มืดแบบนี้ ไคก็คงออกไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ผับของเพื่อนสนิทเหมือนเดิมสินะ...

     

     

     

    เขาจะเป็นอะไรยังไง... คนคนนั้นไม่เคยจะสนใจ แล้วถ้ายิ่งเป็นสิ่งที่ไคทำแล้วจุนมยอนจะเสียใจ คนคนนั้นจะไม่รีรอที่จะทำเลยสักนิด... เพราะไคอยากให้เขาเลิกใจจะขาด แต่ข้อตกลงนั้นคือเขาต้องเป็นคนบอกเลิก...

     

     

     

    ...ในตอนแรก ความคิดที่จะพูดคำนั้นมันก็ไม่มีหรอก... แต่เมื่อเข้าเดือนที่สอง ความเหน็ดเหนื่อยกับการทำทั้งหมดของไคที่ไม่เคยจะแคร์กันเลยนั้นทำให้เขาเริ่มคิดที่จะจบมัน...

     

     

     

    กลิ่นบุหรี่จางๆที่ยังคละคลุ้งอยู่ในห้องนั้นทำให้จุนมยอนปิดเปลือกตาลงปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลออยู่เต็มหน่วยนั้นไหลลงมาอย่างช้าๆ ทำเป็นใจดีหลังจากที่ทำร้ายกันตลอดเวลา... แบบนี้มันสนุกมากไหม...

     

     

     

     

    เสียงโทรศัพท์เครื่องบางดังขึ้นพร้อมกับเสียงตัวเครื่องที่สั่นครืนบนพื้นข้างเตียงนั้นทำให้จุนมยอนพลิกกายเอื้อมหยิบมันก่อนจะหงายตัวขึ้นมานอนบนเตียงเหมือนเดิม... ชื่อของคนที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นทำให้เขาไม่อยากกดรับมันสักนิด หากแต่สมองกับหัวใจมักจะทำงานตรงข้ามกันเสมอ... นิ้วเล็กกดสไลด์หน้าจอ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปเบาๆ

     

     

     

    “ยอโบ...เซโย” เสียงดังของสถานบันเทิงที่ปลายสายนั้นอยู่นั้นทำให้จุนมยอนต้องลดเสียงลงกว่าครึ่ง ก่อนจะกลอกตาไปมาเหมือนทุกครั้งที่ไม่รู้จะทำอะไรดี...

     

     

     

    (ตื่นแล้วเหรอครับ หิวหรือเปล่า?) เหมือนไคจะรู้ว่าเสียงรอบข้างนั้นดังเกินไป จุนมยอนเหมือนได้ยินเสียงเพลงที่นั้นไกลออกไป

     

     

     

    “ไม่...”

     

     

     

    (ไม่กินข้าวเย็นไม่ได้นะครับ อีกสักชั่วโมงเดี๋ยวผมจะกลับแล้ว รอหน่อยนะครับ...) รอเหรอไค... รอทำไมเหรอ ? หรือพี่ยังรอนายไม่พออีก ? ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมามันยังไม่เพียงพอหรอกเหรอ ?

     

     

     

     

    “ทำไมต้องรอละ ? ปกติไม่เห็นต้องรอเลย”

     

     

     

    (ผม... เฮ้ยแทมินเอามือถือฉันมานะ!!) ยังไม่ทันที่ไคจะเอ่ยจบ เหมือนเจ้าขอชื่อแทมินจะมาแย่งไปเสียก่อน และนั่นทำให้จุนมยอนเลือกที่จะกดโทรศัพท์ทิ้งไปอย่างไม่เสียดาย...

     

     

     

    ไม่ว่าเหตุผลที่รอมันจะเป็นอะไรก็ตาม... แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ไคออกไปหาแทมิน

     

     

     

     

    ...คนคนนั้นคงสำคัญกับนายมากสินะ...

    สำคัญกว่าคนเอาแต่ใจ และเรียกร้องความสนใจที่แสนน่ารำคาญคนนี้อย่างพี่...

     

     

     

    แต่ทนหน่อยนะ... อีกเดือนเดียวเท่านั้น แล้วพี่จะไป...

    ...ขอให้ผ่านคริสมาสนี้ไปก่อนเถอะนะ...

     

     

     

     

     

    ทางด้านไคที่โดนแทมินแย่งโทรศัพท์ไปนั้นเมื่อได้คืนมาก็แทบจะล้มทั้งยืน เมื่อคนที่เรียกว่าเป็นแฟนของตัวเองนั้นตัดสายทิ้งไปแล้ว และเมื่อโทรกลับก็โดนกดตัดสายซ้ำๆ จนปิดเครื่องไป... นัยน์ตาคู่คมนั้นเหลือบมองคนที่กำลังยืนยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีนั้นอย่างโกรธเคือง

     

     

     

    “ทำแบบนี้ทำไม?” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นแต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนร่างบางตรงหน้ารู้สึกกลัวขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย อีแทมินในชุดเสื้อยืดตัวหลวมๆ กับกางเกงสกินนี่เข้ารูปที่ตัวเองชอบนั้นเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม

     

     

     

    “ก็ไคไม่ได้ชอบพี่จุนมยอนอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ ไปบอกให้เขารอนี่มันเห็นแก่ตัวเกินไปนะ” เสียงใสตอบกลับ พร้อมกับยื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูของไค “แต่ว่านะ... ฉันก็ชอบไคที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ที่สุด” จมูกโด่งของแทมินกดลงบนแก้มสาก...

     

     

     

    ไคดันคนตัวบางนั้นออกไปก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่โต๊ะเพื่อบอกลาเพื่อนฝูง และตั้งใจจะกลับไปหาพี่ชายตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง... ปกติคงไม่ห่วงขนาดนี้... แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เขาถึงเป็นห่วงคนตัวเล็กนั้นจริงๆ

     

     

     

     

    หรือเพราะเคยชินเสียแล้วที่มีพี่จุนมยอนคอยเอาแต่ใจอยู่ข้างๆ

    เคยชินกับการที่มีเสียงใสคอยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ทั้งๆที่เขานั้นฟังบ้าง ไม่ได้ฟังบ้าง...

     

     

    ...หรือเพราะคิมจงอินคนนี้จะตกหลุมรักคิมจุนมยอนเข้าแล้ว...

     

     

     

     

     

    หลังจากที่กดวางสายจากไคไป จุนมยอนก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดนาฬิกาลายน่ารักบนฝาผนังนั้นทำให้คนตัวเล็กเผลอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน... วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องอยู่ดึกอีกแล้วสินะ ก็ในเมื่อการบ้านแต่ละอย่างยังไม่เสร็จเลยสักนิด จะให้นอนต่อเลยจุนมยอนก็นอนไม่หลับแล้วซะด้วยสิ...

     

     

     

    เสียงประตูห้องด้านนอกปิดลง ทำให้จุนมยอนรับรู้ได้ทันทีว่าคนที่เขาปิดเครื่องหนีมาร่วมชั่วโมงนั้นกลับมาแล้ว... ไวเท่าความคิด ร่างเล็กเดินไปกดล็อกประตูทันที แต่มันกลับไม่ทันคนตัวสูงที่ถือวิสาสะ เปิดเข้ามาเสียก่อน...

     

     

     

     

    จุนมยอนถอยห่างไคไปอีกมุมหนึ่งของห้องก่อนจะเริ่มเปิดบทสนทนาว่ามีอะไร หากแต่ความเงียบกลับปกคลุมห้องนอนกว้างเสียอย่างนั้น... ดวงตาคู่คมของไคมองตรงมายังเขาก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาถือไว้

     

     

     

    “ถ้าจะสูบออกไปสูบข้างนอก... นี่มันห้องพี่นะ” ทันทีที่เสียงหวานนั้นพูดจบ คนอายุน้อยกว่าก็ยอมแพ้ และเก็บบุหรี่ลงไปทันที ร่างสูงสาวเท้าเข้าใกล้ร่างเล็กที่ยืนสั่นอยู่ที่อีกมุมของห้อง ก่อนจะคว้าคนตัวเล็กเข้ามาหลวมๆ มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มมือที่ยังเปียกชื้นเบาๆ ก่อนจะกดจมูกลงบนขมับผ่านเส้นผมสีน้ำตาลแดงที่เปียกลู่กับใบหน้า...

     

     

     

    “ขอโทษ...” เสียงขอโทษแผ่วเบาถูกกระซิบที่ข้างใบหูเล็ก แต่คนตัวเล็กกลับไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดนั้นของไคเลยสักนิด... มือเล็กยกขึ้นดันแผ่นอกกว้าง แสร้งยกยิ้มกว้างเหมือนเดิมก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงปฏิเสธ...

     

     

     

    ...ต่อให้ขอโทษมากกว่า เขาก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก...

    ไคไม่เคยใส่ใจอะไรเขาอยู่แล้ว แล้วจะมาขอโทษทำไมกัน

     

     

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก พี่มันเอาแต่ใจและคิดมากไปเอง ไคก็เป็นแบบนี้ของไคอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไปอาบน้ำแล้วนอนนะ วันนี้พี่คงเหนื่อยมากเกินไป ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ” ไคถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้ามาหมายจะจุมพิตที่ริมฝีปากสีสด แต่ก็ต้องชะงักเมื่อความตั้งใจแต่แรกของเขานั้นร้องเตือนไว้ ไคเลยเลื่อนไปจูบที่แก้มนิ่มที่ยังคงมีร่องรอยฝีมือของเขาอยู่อย่างบางเบา...

     

     

     

    “ฝันดีนะครับ...”

     

     

     

     

    ไคหันกายเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะคว้าบุหรี่มวนเดิมที่เขาจะเผลอจุดในห้องของจุนมยอนเมื่อกี้ขึ้นมาและจุดมันในที่สุด... กลิ่นยาสูบคละคลุ้งไปทั่วห้องนั่งเล่น... ไควางมันลงบนที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะถอดเสื้อแจ็กเก็ตออกแล้วกระชากเสื้อยืดสีดำตัวเก่งออกตามไป ก่อนจะคว้าบุหรี่มวนเดิมขึ้นแล้วเดินไปหยิบกระป๋องเบียร์ที่ถูกแช่ไว้เสียเย็นเฉียบในตู้เย็นก่อนจะกลับมานั่งลงที่โซฟาบุหนังอย่างดีในส่วนห้องนั่งเล่น

     

     

     

    ดวงตาคู่คมเหลือบมองกรอบรูปมากมายที่ตั้งโชว์ไว้หน้าทีวีเครื่องบาง... ภาพที่พี่จุนมยอนบังคับให้เขาถ่ายด้วยทุกรวม ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่คนตัวเล็กคนนั้นเท่านั้นที่ยิ้มแป้นอย่างมีความสุข... บางทีรอยยิ้มที่สวยงามแบบนั้นอาจจะเหมาะกับพี่จุนมยอนมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ...

     

     

     

     

    ไคไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตัวเองหลงรอยยิ้มอันสดใสของคนตัวเล็กคนนั้นไปแล้ว... ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ใจอันมืดบอดของเขาถูกแสงสว่างจากคนคนนั้นเติมเต็ม โลกสีดำที่อยู่เพียงลำพังอยากทำอะไรก็ทำ อยากจะนอนกับใครจะจูบจะกอดกับใครไม่เห็นต้องคิดอะไร... แล้วทำไมตอนนี้... เขาถึงคิดแค่อยากจะกอด จะจูบเพียงแต่ผู้ชายที่ชื่อ คิมจุนมยอนกันนะ...

     

     

     

    ...เขาอาจจะเป็นเพียงคนโง่ที่ไม่รู้แม้กระทั่งการแสดงออก...

    ...เขาอาจจะเป็นคนโง่ที่ต้องการคนคนนั้นมาสอนให้รู้ว่า หากรักต้องทำยังไงก็ได้...

     

     

     

     

    ในขณะที่ไคกำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับรูปภาพทั้งหลายตรงหน้า แขนเล็กของคนที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วก็โอบกอดรอบคอของเขา ก่อนที่ดวงหน้าน่ารักจะวางลงบนไหล่หนาที่เปล่าเปลือย...

     

     

     

     

    “เหม็นทั้งเหล้าทั้งบุหรี่เลย” เสียงหวานว่าขึ้นก่อนจะ จมูกโด่งจะกดลงบนแก้มสาก จงอินเหลือบตามองคนตัวเล็กที่ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มขาว แล้วเอ่ยตอบ

     

     

     

     

    “แล้วก็ยังมากอด... เมื่อกี้ใครกันนะที่ไล่ผมไปนอน” ไคว่าพร้อมกับยกมือข้างที่ว่างนั้นไล้แก้มนิ่ม

     

     

     

    “ไคผิด...”

     

     

     

    “ก็ขอโทษแล้ว...”

     

     

     

    “แต่ฉันนี้พี่ไม่ยกโทษให้... เพราะฉะนั้นบอกมาเลยว่า คริสต์มาสนี้อยากได้อะไรเป็นของขวัญ” เสียงหวานว่าอย่างร่าเริง ทั้งๆที่ดวงตาคู่กลมนั้น แฝงไปด้วยความเศร้าหมอง... ความเสียใจที่ได้รับทั้งวันมันคงไม่สามารถลบล้างได้ด้วยคำๆเดียวหรอกนะไค...

     

     

     

    แต่เพราะเวลาที่จะได้อยู่กับนาย... มันเหลือน้อยเต็มที่

     

     

     

     

    “อะไรก็ได้เหรอครับ?”

     

     

     

     

    “แน่นอนสิ...”

     

     

     

     

    “ผมขอพี่จุนเป็นแฟนจริงๆได้ไหม....”

     

     

     

     

     

    คนตัวเล็กคลายอ้อมแขน แต่ก่อนที่จะเดินจากไป ไคก็ลุกขึ้นแล้วคว้าข้อมือบางนั้นไว้ได้ทัน... มือข้างที่ถือบุหรี่ไว้ขยี้มันลงบนที่เขี่ยบุหรี่ ก่อนจะเดินอ้อมโซฟามาหาคนที่ก้มหน้าก้มตามองลงพื้น ในขณะที่มือหนานั้นยังคงกอบกุมข้อมือเล็กแน่น ดวงตาคู่คมที่ไม่เคยมองมาที่คนตรงหน้าเลยสักนั้นยามนี้กลับจ้องมองเพียงแค่คนตัวเล็กที่ก้มหน้างุด..

     

     

     

    มือหนาอีกข้างนั้นยกขึ้นช้อนปลายคางมนให้เงยขึ้นสบดวงตาของเขาตรงๆ ก่อนจะคว้าคนตัวเล็กนั้นเข้ามากอดแน่น... ความอบอุ่นจากเรือนกายด้านบนที่ไร้เสื้อผ้านั้นทำให้คนตัวเล็กหน้าแดงขึ้นอย่างปิดไม่มิด พยายามทั้งดิ้น ทั้งผลัก ทั้งตี แต่ก็ไม่เป็นผล.. ไคยังคงโอบกอดเขาไว้แน่นเหมือนเดิม

     

     

     

    “ให้ได้ไหมครับ...”

     

     

     

    “ไคไม่เคยอยากได้มันไม่ใช่รึไง...” เสียงหวานว่าก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมกับมือเล็กที่ยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นด้วยฝ่ามือที่เย็นเฉียบ... ความเย็นของมือนั้นทำให้ไคอดไม่ได้ที่จะกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม...

     

     

     

    “ถ้าตอนนี้ผมบอกว่าอยากได้ละ... พี่จุนมยอนจะให้ผมได้รึเปล่า?” ตั้งแต่ที่จุนมยอนบังคับให้ไคคบกับเขามาเกือบสองเดือนเต็มนี้... ไคไม่เคยเอ่ยบอกขอร้องอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากคำว่า

     

     

     

    ...ขอชีวิตเดิมของผมคืน...

    นี่จุนมยอนไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...

     

     

     

     

    ในขณะที่น้ำตาแห่งความยินดีกำลังจะไหลริน เสียงโทรศัพท์มือถือของไคก็แผดลั่นขึ้นมาอย่างผิดจังหวะ... คนสองคนผละออกจากัน ในขณะที่เจ้าของเครื่องนั้นเดินไปหยิบโทรศัพท์ดูอย่างหัวเสีย ใจขณะที่อีกคนนั้นยกหลังมือปาดน้ำตาทั้งรอยยิ้ม...

     

     

     

    “ว่าไงแทมิน...” ไคกดรับโทรศัพท์ก่อนจะเหลือบมองคนที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ ทันทีที่ได้ยินชื่อของคนที่โทรมายามวิกาลนี้ จุนมยอนก็หมุนตัวเตรียมเดินเข้าห้องทันที แต่ข้อมือเล็กก็ถูกคว้าไว้ ไคหันมาสบดวงตากลมที่เอ่อท้นล้นไปด้วยน้ำตานั้นอย่างขอร้อง แต่จุนมยอนที่กำลังเสียใจและผิดหวังนั้นกลับส่ายหน้า แล้วพยายามแกะมือหนานั้นแล้วเดินเข้าห้องไป...

     

     

     

    เสียงโวยวายจากปลายสายเมื่อเขาไม่ตอบกลับนั้นดังขึ้น ก่อนที่ไคจะโยนมือถือเครื่องบางนั้นลงไปที่โซฟาอย่างไม่สนใจ ขาเรียวยาววิ่งไปคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่น... ใบหน้าหล่อเหลาแนบอิงกับใบหัวไหล่เล็ก แต่คนตัวเล็กที่ทั้งดิ้นทั้งผลักทั้งๆที่น้ำตากำลังไหลนั้น ก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเลยสักนิด... เสียงสะอื้นที่โสตประสาทได้ยินนั้นมันเหมือนกับมีดที่กำลังกรีดลงไปในหัวใจของไคอย่างช้าๆ

     

     

     

    ...ถ้ารู้ตัวเร็วกว่านี้...

    ถ้ารู้ตัวเร็วกว่านี้เขาจะไม่ทำให้คนตัวเล็กคนนี้ต้องมีบาดแผลมากมายแบบนี้..

     

     

     

    “ปะ...ปล่อย...พี่ยังไม่อยากจะคุยกับนาย” เสียงหวานแสนสั่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือเล็กที่ดันแผ่นอกเขาอีกครั้ง ไคที่ไม่รู้จะรั้งคนตัวเล็กไว้อย่างนั้น เลือกที่จะกอบกุมข้อมือบางของคนตรงหน้าไว้แล้วดันแผ่นหลังเล็กให้ชิดติดกำแพง... ริมฝีปากหนากดลงบนกลีบปากบางอย่างรวดเร็ว แต่กลับหยุดการกระทำของคนตัวเล็กได้ทันที...

     

     

     

    จุนมยอนเบิกตากว้างก่อนที่จะใช้จังหวะที่ไคค่อยๆถอนจูบออกมานั้น ผลักคนตัวสูงให้ออกห่างแล้วเปิดประตูห้องของตนเองที่อยู่ไม่ไกลนั้นเข้าไปแล้วกดล็อกอย่างรวดเร็ว...

     

     

     

     

    คนตัวเล็กหมดแรงทรุดตัวลงกับพื้นห้องในขณะที่อีกคนที่อยู่ด้านนอกนั้นก็ทุบประตูเสียงดังลั่น พร่ำตะโกนบอกว่าขอโทษซ้ำๆ ก่อนจะยอมแพ้ และผละออกจากประตูไม้เนื้อดีนั้น โดยทิ้งคำรักไว้...

     

     

     

     

    “พี่จุนมยอน... ผมขอโทษ... แต่...ผมรักพี่นะครับ...”

     

     

    ไม่คิดบ้างหรือว่ามันช้าเกินไปแล้วสำหรับเรื่องของเรา...

     

     

     

     

     

     

    ไคที่ยอมแพ้กับความใจแข็งของจุนมยอนนั้นกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง.. ความเครียดที่มีเพิ่มขึ้นทำให้เขาเลือกที่จะหยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาจุด ก่อนจะเอื้อมหยิบคว้าโทรศัพท์เครื่องบางที่สั่นไม่หยุดอยู่ข้างนั้นขึ้นมากดรับ...

     

     

     

    “โทรมาได้ถูกจังหวะเสมอ ฉันเริ่มจะสงสัยแล้วสิว่าแทมินรู้ได้ยังไง” เสียงทุ้มเย็นเยียบกรอกลงไปอย่างใจเย็น แต่เสียงหัวเราะคิกคักของคนที่อยู่ปลายสายนั้นกลับเริ่มทำให้เขาหงุดหงิด

     

     

     

    (มันไม่เกี่ยวเท่าไรหรอก... แต่นายรู้ตัวช้าไปนะ ฉันรึอุตส่าห์ช่วยมาหลายครั้ง)

     

     

     

    “ช่วย ? ช่วยตอนไหนไม่ทราบ ?”

     

     

     

    (ตอนที่อยู่กับฉัน กับตอนที่อยู่กับพี่ชายคนนั้น... นายอยากกอดใครมากกว่ากันละ นั่นแหละที่ฉันช่วยนาย)

     

     

    ...แค่นั้นมันไม่เรียกว่าช่วยอะไรหรอกนะ...

     

     

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมาก แล้วไม่ต้องโทรมาสักระยะนะ ฉันจะเคลียร์กับแฟน” เสียงหัวเราะคิกคักที่ปลายสายนั้นยิ่งทำให้ไครู้สึกไม่ชอบใจสักนิด... มันไม่ใช่แรกที่แทมินแกล้งเขา และแกล้งในเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียด้วย...

     

     

     

    (เรียกว่าแฟนได้เต็มปากเต็มคำเลยเหรอ... แล้วตอนนี้เขายังอยากเป็นแฟนนายอยู่ไหมนะ.. ฉันอยากรู้จังเลย เอาเป็นว่าฉันเอาใจช่วยแล้วกันนะเพื่อนรัก...) สายถูกตัดไป ก่อนที่เจ้าของโทรศัพท์เครื่องบางนั้นจะโยนมันทิ้งอย่างไม่ใยดี คาร์บอนมอนอกไซด์จำนวนมากถูกอัดเข้าปอดพร้อมสารพิษอีกหลายตัวอย่างเต็มใจ

     

     

     

    ตอนนี้เข้าไม่รู้เลยจริงๆว่าควรจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง... คนที่น่ารำคาญเสมอมากลับกลายมาเป็นคนที่สำคัญที่สุดแบบนี้ แล้วเขาจะต้องทำยังไงให้พี่จุนมยอนกลับมาเชื่อเขากันนะ...

     

     

     

     

    ...ผมควรทำยังไงเหรอครับ...

    พี่ถึงจะยอมเชื่อคำของผมอีกครั้ง...

     

     

     

     

     

    ตั้งแต่วันนั้น... ไคก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าคนตัวเล็กเหมือนทุกครั้งอีกเลย คนตัวเล็กที่เคยตามงอแงใส่เขาตอนเลิกเรียนแล้วไม่โทรหาหายไปไหนก็ไม่รู้... แล้วมันก็ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว และเวลาที่เหลืออยู่ก็ช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน...

     

     

     

    ไคที่พยายามจะหาไปเจอจุนมยอนทุกทางนั้น ถึงขนาดไปเฝ้าหน้าห้องเรียน รอเวลาเลิก แต่เมื่อเลิกเรียนแล้วคนตัวเล็กกลับเลี่ยงที่จะเจอกับเขา โดยการเดินไปกับเพื่อนอย่างไม่สนใจ... เป็นแบบนั้นในช่วงแรกๆ และมันก็ทำให้ไคไม่ไปนั่งรอจุนมยอนอีก...

     

     

     

    เขาเปลี่ยนแผน... ไคพยายามตื่นเช้าเพื่อมาส่งคนตัวเล็กไปมหาวิทยาลัย แต่พี่จุนมยอนก็ยังเลี่ยงโดยการไม่กลับมานอนห้องบ้าง บอกว่านัดเพื่อนไว้บ้าง... ไคไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขากระวนกระวายใจขนาดนี้ แต่เขาไม่ชอบเลยสักนิดกับอาการที่พี่ชายตัวเล็กของเขาเป็นแบบนี้... เขาคิดถึงคนเอาแต่ใจคนนั้น เขาคิดถึงคิมจุนมยอนคนเดิม...

     

     

     

    ...หรือนี่จะเป็นสิ่งที่ไคทำกับจุนมยอนตลอดมากันนะ...

     

     

     

    เวลาตอนนี้เหลืออีกเพียงสองอาทิตย์... ไคนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้คนตัวเล็กนั้นเลิกหลบหน้าเขา หรือกลับมาเป็นเหมือนเดิม... ใบหน้าเคร่งเครียดที่เห็นได้ชัดนั้นหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด... พี่จุนมยอนรู้สึกแบบนี้มาตลอดเลยรึเปล่า... ในเวลาที่เขาไม่ใส่ใจและไม่คิดจะสนใจกับความเศร้าหมองทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับคนตัวเล็กที่เขามองข้ามไปเสมอ...

     

     

     

    ...คนตัวเล็กขนาดนั้นยังทนได้...

    แล้วทำไมเขาถึงจะทนไม่ได้....

     

     

     

     

    ดวงตาคู่คมเหลือบไปมองปฏิทินที่แขวนอยู่บนกำแพงใกล้ๆกับประตูห้องของจุนมยอนแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่... ฤดูหนาวปีนี้ดูเหมือนว่ามันจะหนาวเย็นมากกว่าปีไหนๆ หิมะข้างนอกเริ่มตกอีกแล้ว... ป่านนี้พี่จุนมยอนจะทำอะไร อยู่ที่ไหนกันนะ... ไวเท่าความคิด มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าโซฟาขึ้นมากดโทรหาพี่ชายตัวเล็กทันที

     

     

     

    เสียงรอสายที่นานกว่าปกติ มันทำให้ไคเริ่มใจไม่ได้ และเตรียมพร้อมกับความผิดหวังอีกครั้ง แต่เมื่อปลายสายกดรับ เสียงที่ต่างไปจากเดิม ทำให้ไคต้องยกโทรศัพท์ออกมาดูว่าเขาโทรถูกคนรึเปล่า แต่เมื่อเบอร์ก็ถูกแล้ว เขาจึงเอ่ยออกไป..

     

     

     

    “...พี่จุนมยอน...ละครับ?”

     

     

     

    (น้องชายเหรอครับ เดี๋ยวผมบอกจุนมยอนให้นะครับ คือเอ่อ....)

     

     

     

    “เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกแล้วสินะ... ไม่เป็นไรครับ ฝากบอกเขาด้วยนะครับ ว่าคืนนี้ผมจะรอ... ที่เดิมที่ที่เราเจอกันครั้งแรกนะครับ” ไคกดวางสายไป อย่างไม่รอให้คนที่รับโทรศัพท์แทนนั้นได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร... แต่เขาก็รู้...

     

     

     

    ...รู้ว่าพี่จุนมยอนจะไม่ไปตามที่เขาบอกหรอก...

     

     

     

    แต่ถึงจะรู้... ไคก็เลือกที่จะมานั่งรอที่ม้านั่งเดิมที่จุนมยอนเคยพาเขามา แต่เขาเอาแต่รำคาญคนตัวเล็กเท่านั้น... น่าแปลกที่รำคาญมากมาย... หากแต่กลับจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่จุนมยอนทำให้... แบบนี้เรียกว่า รู้ตัวช้าได้รึเปล่านะ...

     

     

     

    ไคยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่.... การโดนผิดนัด มันเป็นแบบนี้สินะ... ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาตอนนี้ มันช่างเหมือนกับสิ่งที่เขาเคยทำกับคนตัวเล็กคนนั้นเลย...

     

     

     

    ...หรือพี่จุนมยอน...

    พยายามตัดใจมาตลอด... และเรื่องคืนนั้นมันก็เป็นฟางเส้นสุดท้าย...

     

    แต่ถึงจะคิดอะไร... ไคก็ยังจะรออยู่ตรงนี้อยู่ดี...

     

     

     

     

     

     

     

    หยดน้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นร่างสูงของคนที่นัดตนมานั้นกำลังนั่งกอดตัวเองอดทนกับอากาศหนาวยามค่ำคืนนี้อย่างทรมาน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปเลยสักนิด ทั้งๆที่เขาเลยเวลานัดมาเกือบจะสี่ชั่วโมงแล้วแท้ๆ ร่างเล็กที่นั่งอยู่ในของตัวเองที่จอดอยู่ตรงที่จอดรถใกล้ๆกับม้านั่งตัวนั้น กำลังยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างยากลำบาก...

     

     

     

    ...เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าคนอย่างไคจะมานั่งรอเขา...

     

     

     

    ถึงระยะเวลาที่ผ่านมา... ไคจะพยายามตามมาอธิบายเรื่องราวในวันนั้น แต่ก็เป็นเขา... เป็นจุนมยอนคนนี้เองที่เลือกที่จะปฏิเสธการรับฟังทั้งหมด... เขาไม่รู้หรอกว่าไคจะบอกว่าอะไร จุนมยอนไม่อยากจะเดาอะไรเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อการคิดไปเองมันเจ็บปวดมากถ้าหากมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด...

     

     

     

    แล้วคำว่ารักของไค... เขาสามารถเชื่อถือมันได้จริงๆเหรอ ?

    แต่ทั้งๆที่ใฝ่หาความรักของไคมาตลอด... ตอนนี้กลับเป็นเขาที่วิ่งหนีมันไปเสียอย่างนั้น...

     

     

     

     

    มือบางคว้าโทรศัพท์เครื่องบางที่วางอยู่หน้าคอนโซลรถขึ้นมาก่อนจะกดโทรหาคนที่กำลังนั่งรอนั้นอยู่... เสียงแหบพร่าที่ปลายสายนั้นทำให้น้ำตาที่เหือดแห้งนั้น ไหลลงมาอีกครั้งเหมือนเขื่อนแตก

     

     

     

    “อยู่ไหน...” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าคนคนนั้นอยู่ไหน...

     

     

     

    (ห้อง... อย่าบอกผมนะว่าพี่คิดว่า ผมจะไปอย่างที่ว่าจริงๆน่ะ ?) เสียงทุ้มเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แต่สำหรับจุนมยอนที่รู้จักไคมานาน ไม่มีทางที่เขาจะจับความผิดปกตินี้ได้... แต่ทำไม... ทำไมถึงต้องโกหกกันละ...

     

     

     

    ...หรือเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงงั้นเหรอ...

     

     

     

    “ทำไม.....”

     

     

     

    (ครับ ?)

     

     

     

    “ทำไมต้องโกหกละ.... กลัวเสียฟอร์มเหรอ ? ฟอร์มมันสำคัญกับไค มากกว่าพี่รู้สึกยังไงเลยเหรอ?” เสียงหวานที่สั่นไม่แพ้กันเอ่ยถาม ในขณะที่คนถูกถามนั้นชะงักไปเล็กน้อย... ดวงตาคู่กลมที่มีน้ำใสๆไหลไม่หยุดนั้น ยังคงจ้องมองไปยังคนที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามกลางคืนที่มีหิมะขาวโพลนนั้นกำลังตกลงมาอย่างช้าๆ

     

     

     

    (พี่เก่งจัง... รู้ด้วยความผมโกหก...)

     

     

     

    “พี่จะถามอีกครั้ง... ของขวัญคริสมาสอยากได้อะไร... ถ้าไคบอกว่าอยากได้ชีวิตแบบเดิม... พี่ก็จะไปตั้งแต่วันนี้... สองอาทิตย์เพียงพอต่อการตัดสินใจใช่ไหม...” เสียงหวานที่สะอื้นไห้บางเบาเอ่ยพร้อมกับจ้องมองคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ในขณะที่ตัวเองกำลังร้องไห้อย่างไม่อาจห้ามได้...

     

     

     

    ...กลัวคำตอบ...

    คำตอบที่ว่า ไม่ว่ายังไงก็อยากให้เขาไปจากชีวิตของไค

     

     

    (เรื่องแบบนี้... พูดผ่านโทรศัพท์จะดีเหรอครับ...)

     

     

     

    “.....”

     

     

     

    (ผมไม่พูดมันผ่านโทรศัพท์หรอกนะ... รอผมไปเช็ดน้ำตาให้แบบนึงนะครับ....) ว่าจบ คนตัวสูงก็กดวางสายแล้วลุกขึ้นเดินมายังรถของเขา... ดวงตาคู่โตนั้นเบิกกว้างอย่างตกใจ...

     

     

     

    ...ไครู้...รู้มาตลอดเลยเหรอ ว่าเขาอยู่ตรงนี้...

     

     

     

     

    เสียงข้อนิ้วสัมผัสกับกระจกรถยนต์ด้านข้างทำให้ตาคู่โตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั้นเบือนไปสบกับดวงตาคู่คมที่แฝงไปด้วยความนัยที่จุนมยอนไม่เคยคิดคาดเดามันได้... เขาเกรงกลัวต่อความจริงที่จะได้รับรู้...

     

     

     

    ...ความจริงที่ไม่ว่าจะหลีกหนียังไง ก็ไม่มีวันหนีพ้น...

    ความจริงที่เขาไม่เคยหยุดคิดถึงไคได้เลยสักวินาทีเดียว

     

     

     

     

    จุนมยอนดับเครื่องยนต์ก่อนจะเปิดประตูลงไปเผชิญหน้ากับคนตัวสูง... และทันทีที่ปิดประตูเสร็จ ไคก็ดึงเขาเข้าไปกอดแน่นทันที... ความเย็นจากคนตัวสูงนั้นทำให้จุนมยอนหน้าซีดเผือดขึ้นทันที... เขาเผลอทำร้ายไคลงไปแล้วสินะ...

     

     

     

    “หนาว...ฮึก...หนาวไหม?” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับแขนเล็กที่ยกขึ้นโอบกอดคนตัวสูงที่ดูตัวใหญ่ขึ้นมากเพราะเสื้อกันหนาวหลายชั้น...

     

     

     

    “ไม่เลย... ไม่หนาวเลย... ถ้าทนหนาวขนาดนั้นแล้วจะได้โอบกอดพี่อีกครั้ง... พี่จุนมยอน... ผมขอโทษ” จุนมยอนที่ก้มหน้างุดซุกอกของจงอิน ก่อนจะส่ายหน้าไปมา...

     

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก... ไม่เป็นไรเลย... พี่ชอบนายฝ่ายเดียวมาตลอด พี่เข้าใจดี... ฮึก... เข้าใจดีแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ... พรุ่งนี้พี่จะย้ายออกไปจากห้องนั้น นายจะได้ไม่เจอพี่อีก... ไม่ต้องมาทนกับพี่ชายน่ารำคาญคนนี้ไง” จุนมยอนว่าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่หยุด... สัมผัสเปียกชื้นที่ไคสัมผัสได้ผ่านสาบเสื้อนั้นทำให้คนตัวสูงเลือกที่จะดันคนตัวเล็กให้ออกห่างเล็กน้อย รอยยิ้มบางๆถูกจุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนที่ไคจะค่อยๆกดจูบลงบนกลีบปากบางอิ่มที่ซีดเซียวนั้นอย่างแผ่วเบา แล้วผละออก

     

     

     

    “ผมไม่เคยจูบใครแบบนี้... และพี่เป็นคนแรก... และจะเป็นคนเดียว” ว่าจบร่างสูงก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดมือหนาข้างหนึ่งรองรับใต้ท้ายทอยที่เต็มไปด้วยกลุ่มผมแสนนุ่มมือ ในขณะที่อีกมือนั้นโอบรอบเอวบาง ไคเอนหัวอิงหัวของจุนมยอนแล้วหลับตาลง

     

     

     

    “ผมไม่เคยกอดใครแบบ... ไม่เคยอยากกอดใครแบบนี้... แต่ผมกลับอยากจะโอบกอดพี่ไว้แบบนี้ ในเวลาที่พี่ร้องไห้... อยากโอบกอด... ในเวลาที่พี่ดีใจ... อยู่ให้ผมกอด...ได้ไหมครับ?” คนตัวเล็กยกมือขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้างก่อนจะปล่อยโฮออกมาพร้อมกับตอบรับซ้ำๆ ไคประคองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตานั้นขึ้นมาก่อนจะกดจูบลงบนเปลือกตาบางซ้ำๆ

     

     

     

    ...เขาไม่เคยอ่อนโยนกับใครมาก่อน...

    ถึงแทมินจะเป็นคนที่สนิทเป็นพิเศษ แต่เขาก็ไม่เคยอ่อนโยนกับแทมินเลยสักครั้ง...

     

     

     

     

    แต่กับพี่จุนมยอน... เขากลับอยากโอบกอดคนตัวเล็กไว้ และจุมพิตแผ่วเบา...

     

     

     

     

    “แล้ว... แทมิน....?”

     

     

     

    “แทมิน... เป็นแค่เพื่อนที่สนิทที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา... เพราะเป็นเพราะแทมินนะครับ... ที่ทำให้ผมรู้ตัวว่า ผมรักพี่จุนมยอน....” คนตัวสูงคว้าเขาเข้าไปกอดอีกครั้ง... ลมหายใจแสนอบอุ่น... กับความอกกว้าง... นี่เขาไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหม...

     

     

     

     

     

    ...บางที...ของขวัญคริสมาส ไคอาจจะไม่อยากได้มันแล้ว...

    ...เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีที่สุดไปก่อนหน้านั้นแล้ว...

     

     

     

     

     

    “กว่าจะพูดได้... ไม่รอให้พี่ไปก่อนเลยนะ พี่ก็รักนายเด็กบ้า กลับห้อง... กลับห้องกันนะ พี่จะไม่ไปไหนแล้ว พี่จะอยู่กับไค ห้ามไปกอดคนอื่นด้วยเข้าใจไหม”

     

     

     

     

    กอด... ใครว่าไม่สำคัญ...

    เพราะว่าการกอดทำให้คนเราผ่อนคลายขึ้นมาก... และยิ่งหากเป็นคนที่รักแล้วด้วย...

     

    ...การกอดนั้น...ยิ่งสำคัญ....

     

     

     

     

     

    “ได้สิครับ... ผมจะกอดพี่จุนมยอนแน่นๆทุกวันเลย...”

     

     

     

     

    THE END.

     

     




    จบแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ไคโฮเรื่องนี้จบแล้ว จบสนิท(?) ไม่มีอะไรตกค้าง ฮาาาาาา เป็นฟิคที่เขียนแล้วปวดหนึบมากที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา เพราะโมเม้นเวันนั้น(?) 

    คือได้ข่าวว่า โมเม้นน่ารักหวานชื่นเสียสติมาก(?) แต่ฟิคก็ดราม่าแบบสุดติ่ง(?) 5555555555555555555 
    ก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ไดว้อีกอย่างนะคะ * O*  แล้วพบกันใหม่เรื่องหน้างับบ 

    แล้วก็... แอบชอบเดอะซีรี่ย์ เปิดจองแล้วนะฮับบบ * 3 * รายละเอียดตามลิ้งค์นี้เลยค่าา >>>> 
    https://docs.google.com/forms/d/1vOAfRneVNFLqN03LihKuxvqU7kfQe1J6ao6GGWv5iSU/viewform

    แล้วพบกันใหม่คราวหน้าา >3< 


     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×