ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] .:::THE MELODY OF LOVE:::. BY SOULINA

    ลำดับตอนที่ #55 : [?? x Suho] Oh.. My Pretty Boy - 1 -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 672
      5
      15 มิ.ย. 57

    MY PRETTY BOY :: Vol. 1
    คำเตือน :: ฟิคหยาบ และ ไร้สาระมาก 

     

     

     

    คนน่ารัก... ใครๆก็คงอยากรัก

    หากแต่... เธอนั้น...จะไปรักกันนะ

     

     

     

    คนตัวเล็กในชุดลำลองกางเกงขาสั้นนั่งจุ้มปุ้กลงกับพื้นพร้อมกับดินสอและไม้บรรทัดในมือ เสื้อตัวใหญ่หลวมโครกนั้นยิ่งทำให้คนใส่นั้นยิ่งดูตัวเล็กเข้าไปใหญ่ กระดาษแผ่นใหญ่ตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยขีดเขียนฝีมือคนตัวเล็กที่นั่งอยู่

     

     

    งานใหญ่ไม่อาจเดินไปได้ด้วยคนเพียงคนเดียว

     

     

    และคนตัวเล็กนี้ก็ไม่ได้ทำงานคนเดียวหรอก แต่เพราะโลกส่วนตัวสูงเกินไปเลยขอแยกออกมานั่งทำคนเดียว แทนที่จะนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่นั่งทำงานกันไปคุยกันไปได้อย่างออกรส

     

     

    มากคนก็มากความน่ารำคาญอีกต่างหาก

    หากแต่ความส่วนตัวของเขาก็ถูกทำลายลงในที่สุด...

     

     

    ถุงสะดวกซื้อที่น่าจะบรรจุขวดน้ำเย็นนั้นถูกวางลงบนหัว คนตัวเล็กยกหลังมือขึ้นปัดถุงนั้นออกไป ก่อนที่ดวงตากลมโตจะตวัดไปมองคนทำด้วยสายตาคาดโทษเต็มๆ

     

     

    “ทำบ้าอะไรวะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น แล้วหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ คนที่อุตส่าห์ตากแดดออกไปซื้อของกินและน้ำเย็นๆมาให้ก็จัดการโยนมันลงที่ข้างๆคนตัวเล็กทันที แล้วเดินไปนั่งลงที่ม้านั่งที่อยู่ด้านหลังทันที

     

     

    “ก็เห็นยังไม่ได้กินไร กูเลยถ่อตากแดดออกไป เสือกเมินแบบนี้ แม่ง...” คนตัวสูงบ่นขึ้น พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น... ถึงจะน้อยใจยังไง เขาก็เต็มใจที่จะมานั่งเป็นเพื่อนเจ้ารูมเมทตัวเล็กนี่ละนะ อยู่ด้วยกันมาสามปี ถ้าไม่มีคนเอาน้ำเอาข้าวมาส่งตอนทำงาน ให้ตายก็ไม่ไปหากินเองจนกว่างานจะเสร็จหรอก

     

     

    ดวงตาคู่คมเหลือบมองแผ่นหลังเล็กอีกครั้ง แล้วเหลือบไปที่ถุงร้านสะดวกซื้อที่อยู่ข้างๆ ก่อนก้มลงเล่นเกมบนมือถือต่อไป

     

     

    ตากลมเหลือบมองขวดน้ำเย็นเฉียบที่นอนนิ่งอยู่ในถุงนั้นอย่างชั่งใจ ในที่สุดความกระหายน้ำนั้นก็ชนะความตั้งใจทำงาน คนตัวเล็กวางดินสอกับไม้บรรทัดลง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาคนตัวสูงที่นั่งนิ่งอยู่บนม้านั่งแล้วยกถุงมาวางตรงหน้า จัดการเปิดน้ำเปล่าเย็นเฉียบนั้นยกดื่ม แล้วยื่นส่งให้คนตรงหน้า

     

     

    “อ่ะ” หากแต่คนตรงหน้าก็ยังนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ คนตัวเล็กที่ขี้เกียจเดินเลยยื่นเท้าไปสะกิดคนตัวสูงกว่านั่นแทน คิ้วได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้แล้ว หากแต่ยังคงติดพันกับเกมที่กำลังเล่นอยู่

     

     

    “ไอ้เหี้ย... เกมมันน่าสนใจกว่ากูสินะ” เสียงหวานว่าขึ้น แล้วจัดการปิดฝาขวดน้ำแล้วปามันลงถุงอย่างหงุดหงิด มือเล็กหยิบดินสอกับไม้บรรทัดขึ้นวัดสเกลทำงานต่อไปด้วยความไม่สบอารมณ์นัก

     

     

    ...ไอ้รูมเมทยักษ์แม่งก็เป็นงี้ตลอด...

    เห็นเกมสำคัญสุด แล้วยังมาทำตัวเป็นตุ๊ดน้อยใจที่ไม่สนใจ ถุ้ย...

     

     

    “ไอ้ห่านี่! ทำกูตายเลยไงมึง มีไรวะเตี้ย” เงยหน้าขึ้นมองคนถาม หากแต่กลับพบแต่แผ่นหลังเล็กแทน เหลือบมองถุงที่อยู่ทางขวดน้ำที่อยู่ทางแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่... นี่เขาคงโดนรูมเมทตัวเล็กงอนอีกแล้วสินะ

     

     

    “เตี้ย... มีไรให้กูช่วยป่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม พร้อมกับลงนั่งยองๆข้างคนตัวเล็ก จุนมยอนะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนั้นแล้วแกล้งเลื่อนไม้บรรทัดไปทางคนตัวสูง ใช้แขนเล็กดันให้ไอ้โย่งนั่นหงายท้องไปที

     

     

    สาบานได้...คิมจุนมยอนไม่ได้โกรธเลยสักนิด

     

     

    “เตี้ย!!” ดวงหน้าหวานแสร้งหันไปมองเหมือนเพิ่งเห็น ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย บวกกับดวงตากลมโตที่มองมาอย่างใสซื่อย่างไม่รู้สึกผิดสักนิด

     

     

    “อ่าว... ขอโทษนะ ไม่คิดว่า คุณชายอย่างนายจะชอบมากลิ้งอยู่ที่พื้นน่ะ” คริสกัดฟันกรอด แล้วจะชากดินสอกับไม้บรรทัดในมือจุนมยอนออก มือหนาตรึงมือเล็กไว้กับพื้น แล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมคนตัวเล็กแล้วจ้องคนด้านล่างด้วยสายตาท้าทายประมาณว่าดิ้นให้หลุดได้ก็ทำไปสิ

     

     

    จุนมยอนเบ้หน้าอย่างหน่ายๆ กับอาการเรียกร้องความสนใจของคนตัวสูงก่อนที่มือเล็กจะสะบัดออกจากการเกาะกุมอย่างง่ายดาย ตั้งใจจะยกหัวขึ้นโขกกะโหลกกลวงๆของคนตรงหน้า แต่กลับโดนกอดแน่เสียแทน แล้วคราวนี้ดิ้นยังไงก็ไม่หลุดด้วยนี่สิ

     

     

    “ไอ้คริส!! มึงปล่อยกูเลยนะ!!!” คนตัวเล็กกว่าตวาดลั่น แล้วดิ้นคลุกคลักบนตักคนตัวโต เห็นตัวเตี้ยๆเล็กๆแบบนี้แรงเยอะใช่เล่นครับ คริสยอมปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระในที่สุด เมื่อแกล้งจนพอใจแล้ว คนตัวสูงจัดการอุ้มคนตัวเล็กที่หมดสบายลงไปนั่งหอบอยู่ที่พื้นหน้างานของเจ้าตัวต่อแล้วลุกขึ้นเต็มความสูง เดินไปหยิบน้ำในถุงร้านสะดวกซื้อมาให้แล้วฉีกยิ้มกว้างจนเงิงโผล่

     

     

    “เหนื่อยก็กินน้ำนะ เดี๋ยวกูไปซ้อมบาสละ” จุนมยอนคว้าขวดน้ำมาเปิดดื่ม แล้วใช้สายตาส่งให้คนตัวสูงเป็นเชิงบอกว่าก็ไปดิ คริสเดินออกไปจากบริเวณนั้นทิ้งให้คนที่ดิ้นอย่างหมดแรงนั้นมองตามอย่างอาฆาตแค้น

     

     

    ...คืนนี้มึงโดนกูเอาหมอนอุดหน้าแน่ ไอ้ยักษ์!!!!...

     

     

     

     

     

    แล้วมันก็เป็นที่เคยชินสำหรับคนที่คลุกคลีกับทั้งสองคนเสียแล้ว ที่จะเห็นไอ้ยักษ์ตัวโย่ง คอยหยอดคนน่ารักรูมเมทให้เหวี่ยงอยู่บ่อยๆ เห็นจุนมยอนเหวี่ยงโน้นนี่ มีดีกรีสายดำเทควันโดถ้าจะเอาคืนยักษ์ตัวนึงมันก็ง่าย แต่เขากลับไม่ทำ เพราะรู้ว่าคริสมันแกล้งเล่น ไม่ได้เกลียดอะไร

     

     

    กลับกัน ตอนอยู่ในห้องกันสองคนนี้ต่างคนต่างนั่งหันหัวเข้าหนังสือกันเท่านั้นแหละ ที่จะได้คุยกันก็คงเป็นตอนก่อนนอน และตอนเช้าที่คริสมักจะเป็นคนปลุกเขาที่ขี้เซาไม่ยอมตื่นเป็นประจำ

     

     

    มีหลายครั้งมากที่พวกรุ่นน้องเข้าใจผิดว่าเขากับมันเป็นแฟนกัน ทั้งๆที่เขาแทบไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยนอกจากคำว่าเพื่อน แล้วเขาก็ชอบผู้หญิงด้วย ไม่ได้ชอบผู้ชายตัวยักษ์อย่างหมอนั่นซะหน่อย

     

     

    แล้วเมื่อคิดถึงตอนที่โดนเพื่อนในกลุ่มล้อเกี่ยวกับเรื่องนี้ทีไร ดวงหน้าก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวทุกที คนที่กำลังนั่งเล่นคอมอยู่ในวันว่างๆนั้นเหลือบมามองทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังด้านมืด(?)ที่กำลังแผ่กระจายออกมาจากคนตัวเล็ก

     

     

    “เป็นไรวะเตี้ย” ถามออกไปทั้งๆที่ไม่ได้หันไปสนใจอะไรมันสักนิด แค่กลัวว่าอยู่ๆ มันจะจับเขาหักคอกลางห้องก็เท่านั้น

     

     

    “เป็นคนที่จะเมะมึงไง” ตอบกลับมาพร้อมกับสายตาขวางๆ แปลได้ทันทีว่า แม่งโดนล้อมาอีกแล้วแหงๆ

     

     

    “เตี้ย... มานี่ดิ๊” คริสว่าพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ออกจากโต๊ะตรงหน้าแล้วหันหลังพิงพนักเต็มที่ ทำให้เหลือที่ว่างระหว่างขาของคนตัวสูง จุนมยอนมองคริสที่ทำแบบนั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นเดินไปหาในที่สุด จุนมยอนหยุดยืนข้างๆ คนตัวสูง แล้วจ้องดวงตาคู่คมที่มองมานั้นอย่างไม่ชอบใจเท่าไร “มึงบอกจะเมะให้กูนิ มาดินี่ไง คร่อมกูเลย” มันพูดพร้อมกับจ้องหน้าคนตัวเล็กอย่างท้าทาย

     

     

    คนตัวเล็กถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะประเคนหมัดงามๆ เข้าที่เบ้าแก้มข้างที่ใกล้มือ จนคนที่นั่งอยู่นั้นตกเก้าอี้ ขาข้างหนึ่งของจุนมยอนเหยียบลงบนเก้าอี้เสียงดัง แล้วยื่นหน้าเข้าไปไอ้โหย่งที่คิดจะฉวยโอกาสจากเขา

     

     

    “กูไม่หลงกลมึงหรอกคริส เก็บไปใช้กับสาวๆหรือหนุ่มน้อยในสต๊อกมึงนะ ดูแลดีๆด้วยจะดีมาก ทำผู้ชายเข้าโรงบาลมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเป็นผู้หญิงนี่ อาจเสร็จผมได้นะครับ” แล้วก็จัดการถีบเก้าอี้จนไปกระทบกับโต๊ะเขียนหนังสือให้เกิดเสียงดังสนั่น แล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองอย่างอารมณ์เสียเหมือนเดิม

     

     

    คริสลูบแก้มข้างที่ถูกชกปอยๆ ขอบคุณพระเจ้าที่คนตัวเล็กออมแรงไว้เยอะ ไม่งั้นคงต้องไปทำหน้าแหงๆ หมัดจุนมยอนมันเคยเบาแบบนี้เสียเมื่อไรกันละ นี่เขาต้องรู้สึกขอบคุณจุนมยอนที่เห็นว่าเขาต้องใช้หน้าตาหากินต่อไป

     

     

    จุนมยอนดูอารมณ์เย็นลงหลังจากที่ได้ซัดคริสไปทีอย่างเห็นได้ชัด คนตัวเล็กหยิบหนังสือนิยายเล่มโปรดไปนอนอ่านบนเตียงทันที โดยไม่สนใจอีกคนที่มีบาดแผลติดตัวเลยสักนิด ดวงตากลมโตเหลือบมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของคนที่นั่งเล่นอยู่ที่พื้นเล็กน้อย ก่อนจะปิดหนังสือแล้วหันหน้าไปหา

     

     

    ดวงตากลมแป๋วมองแผลนั่นอย่างพิจารณาก่อนที่รอยยิ้มหวานจะปรากฏขึ้น แต่มันกลับไม่ได้ทำให้คนโดนซัด รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

     

     

    “นี่คริส... ถ้าปากแตกแปะปลาสเตอร์นะ กูว่าคนต้องรุมมึงเยอะกว่าเดิมแน่เลย”

     

    “ถ้ามึงชกกูอีก มึงได้แดกกำปั้นกูแน่ไอ้เตี้ย”

     

    และสงครามขนาดย่อมก็เกิดขึ้นในห้องนอนเล็กๆนั้นทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันต่อมาดวงหน้าหล่อเหลาของคริสนั้นมีปลาสเตอร์แปะที่มุมปากตามที่คนตัวเล็กว่าไม่มีผิด กลับกันคนตัวเล็กที่เป็นคนทำนั้นกลับต้องติดปลาสเตอร์ที่หางคิวแทน ดวงหน้าหวานราบเรียบเสียจนหน้ากลัว ในขณะที่เดินล้วงกระเป๋าเข้ามาในคณะอย่างเบื่อหน่าย พ่วงท้ายด้วยพ่อหนุ่มร่างสูงที่หน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนกันเปี๊ยบ

     

     

     

    จุนมยอนเดินเลี้ยวไปต่อลิฟต์ทางขวา ในขณะที่คริสเดินต่อไปยังบันไดโดยไม่สนใจคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย ดวงหน้าหวานเหลือบมองคนตัวสูงที่ทำเป็นเท่เดินขึ้นบันไดเช็กเรทติ้งแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ รู้งี้เมื่อวานเขาน่าจะเตะมันให้ตายไปข้าง ไม่แลกหมัดให้เสียเปรียบนักกีฬาบาสแรงหมีควายของอย่างนั้นหรอก!!

     

     

     

    ว่าแล้วก็ยังเจ็บไม่หาย นี่ถ้าที่บ้านรู้ว่าคิ้วแตกหมดหล่อนี่ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ คงได้เกิดปรากฏการณ์มาเฟียฮ่องกง ปะทะ เจ้าพ่อกังนัมก็งานนี้แหละ ใครจะไปยอมให้ลูกชายหน้าตาหล่อเหลาอย่างเขาเสียโฉมละจริงไหม

     

     

     

    คนตัวเล็กเดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาในห้องทางประตูหน้า เพื่อนกว่าค่อนเซคนั้นหันมามองเขาเป็นตาเดียว เพราะแผลตรงหัวคิ้วของคนที่ไม่เคยแม้แต่จะให้สิวขึ้นหน้าอย่างเขา

     

     

     

    ดวงตาคู่โตกวาดตามองหากลุ่มเพื่อนแล้วเดินเข้าไปนั่งอย่างหงุดหงิดทันที เขาก็เป็นผู้ชายไม่ใช่รึไง ทำไมการมีแผลตรงหางคิ้วนี่มันทำให้เขาดูแย่ลงขนาดนั้นเลยงั้นสิ ถึงได้มองกันไม่หยุดซะทีน่ะ

     

     

     

    “ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ” ทันทีที่เพื่อนสนิทอย่างพยอนแพคฮยอนเงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือก็ถึงกับสบถออกมาด้วยคำหยาบ คนถูกถามเบะปากอย่างขัดใจก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด

     

     

     

    “หมาในห้อง”

     

     

     

    “อ๋อ... หมามันมาเลียปากมึงรึไง”

     

     

     

    “เลียบ้าอะไร จะให้กูนั่งตักมัน บ้าไปแล้ว เห็นกูโง่ขนาดนั้นเลยรึไง กูเลยซัดมันไปรอบ แล้วกูก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ว่า ถ้าแม่งมีแผลที่มุมปากนะ จะแบดมากสาวต้องติดตรึมแหง เลยซัดไปอีกดอก นี่กูหวังดี ไมกูเจ็บตัวนี้วะ” แพคฮยอนส่ายหน้าไปมากับบอกเล่าของเพื่อนตัวเล็กผิวขาวหน้าหวานดีกรีคุณหนู แต่ความแมนที่ได้สืบทอดมาจากคนเป็นพ่อนั้นมีมากกว่าหน้าตาน่ารักๆที่ได้มาจากแม่นั้นอยู่มาก

     

     

     

    “หวังดีผิดประเด็นไปมึง... ถ้ากูเป็นหมาของมึง กูจะเลียปากมึงซ้ำด้วย” แม่งหาเรื่องชกปากไอ้คริสมันเองนี่หว่า

     

     

     

    “อะไรวะ มึงก็อยากเลียปากกูเหรอ อี๋... ไม่เอาหรอกนะ มึงก็รู้ว่ากูชอบน้องผู้หญิงตัวเล็กๆมากกว่า”

     

     

     

    “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงชอบน้องผู้หญิงตัวเล็กๆ” เสียงทุ้มของคนที่นั่งถัดไปจากแพคฮยอนเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกวนตีนที่ทำเอาคนเห็นแล้วอยากฝากเท้าไว้บนหน้ามันมาก

     

     

     

    “ด่ากูเตี้ย เดี๋ยวมึงได้ปากแตกเป็นเพื่อนไอ้คริสมัน” ว่าพร้อมกับลุกขึ้นชี้หน้ามันอย่างเอาเรื่อง เพราะไอ้หมาในห้องนั่นแท้ๆ ทำให้เช้าวันนี้ของเขามันไม่สดใสเลยสักนิด ยิ่งคิดแล้วแม่งไม่อยากกลับห้อง

     

     

     

    ...แม่งหนีไปอยู่กับไอ้แพคดีป่ะวะ...

     

     

     

    “ถ้าได้เลียปากมึงต่อ กูก็ยอมปากแตกละว้า” ปาร์คชานยอลว่าเพียงเท่านั้น ก่อนจะรีบลุกขึ้นหลบเท้าไอ้เตี้ยหน้าหวานแต่โคตรโหดทันที แต่คนกลางอย่างแพคฮยอนนี่สิที่น่าสงสาร

     

     

    ...เพราะแม่งโดนไปทั้งมือทั้งเท้าเชียวละ...

     

     

     

    “พวกมึงเป็นเหี้ยไรกันนักหนาวะ แม่งอยากเลียปากกูอยู่นั่นแหละ หยุด!! มึงไม่ต้องบอกว่า อยากรู้ว่ามันนิ่ม หรืออะไร เดี๋ยวมึงได้ปากแตกจริงๆแน่ไอ้ยอล!!” ปาร์คชานยอลยิ้มระรื่นอย่างอารมณ์ดี แต่ก่อนที่จะได้ต่อปากต่อคำต่อ อาจารย์ประจำวิชาก็เข้ามาเสียก่อน ทำให้สงครามย่อยๆยามเช้านี้จบลงไปโดยมีคิมจุนมยอนเป็นฝ่ายทำแต้มนำไปก่อน

     

    หลังเลิกเรียนคนตัวเล็กก็รีบเก็บของแล้วออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วชนิดที่เพื่อนสนิทยังไม่ทันได้อ้าปากถามว่าจะไปไหนเลยสักนิด ชานยอลมองตามหลังเพื่อนตัวเล็กไป ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

     

     

     

    “กูแนะนำให้รีบหน่อยนะครับ ไม่งั้นหมาที่ห้องมันคาบไปกินก่อนแน่ๆ” แพคฮยอนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ชานยอลยืนคิดอะไรเงียบๆไปคนเดียว

     

     

     

    จุนมยอนแม่งก็เหมือนจะฉลาด

    แต่ยังไงก็โง่อยู่ดี

    ...โง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองน่ะแคร์เจ้ารูมเมทนั่นขนาดไหน...

     

    “น่าอิจฉาชะมัด...”

     

     

    โรงอาหารของคณะที่คลาคลำไปด้วยผู้คนนั้น มีอยู่โต๊ะหนึ่งที่ไม่มีใครกล้านั่งเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะมันเลาะหรือหัก หรือพังอะไรหรอกนะ แต่เพราะโต๊ะที่ติดกันนั้นเป็นคิมจุนมยอนที่วันนี้มาพร้อมกับพลาสเตอร์ที่คิ้ว กับคริสที่มีแผลที่มุมปาก คนกว่าค่อนมหาวิทยาลัยรู้ว่าคนทั้งสองนั้นเป็นรูมเมทกัน แต่ทุกพักกลางวัน ถ้ามันเรียนตึกเดียวกันเมื่อไรก็ต้องมานั่งกินข้าวด้วยกันเสมอ แต่วันนี้กลับมีเพื่อนทั้งโขยงของคนตัวเล็กมานั่งด้วย และคุยกันอย่างออกรส จนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามานั่งที่โต๊ะข้างๆที่ว่างนั้นเลยสักคน

     

     

     

    “กูถามมึงจริงๆเถอะคริส คิดยังไงให้เตี้ยมันเมะมึงแบบนั้นวะ ถ้าเป็นกูนะ กูจะอยู่เฉยให้มันทำอะไรก็ทำเลยเว้ย” ปาร์คชานยอลที่ได้ฟังเรื่องราวนั้นหมดแล้วพอมาเจอกับคริสแล้วก็เปิดฉากพูดคุยกันอย่างออกรส

     

     

     

    จุนมยอนมุ่ยหน้ากับการเข้าขากันได้ดีของไอ้เปรตสองตัวนี้มาก ถึงมากที่สุด แม่งอยู่กันสองคนทีไร คือไม่เขาก็แพคฮยอนนั่นแหละ โดนรุมเละ จนต้องหงุดหงิดกลับห้องตลอด

     

     

     

    “แบบนั้นก็น่าสนใจนะ ว่าไงเตี้ย เมะกูอีกป่ะ” เมื่อได้ยินคำถามนั้น แก้วพลาสติกที่อยู่ในมือก็ถูกโยนใส่คนถามทั้งที ชานยอลกับแพคฮยอนหัวเราะกันครืนใหญ่

     

     

     

    “รีบๆแดกข้าวแล้วไปเรียนเลย เดี๋ยวขึ้นสายโดนด่าแล้วกูต้องฟังมึงบ่นจนหูชาอีก” ว่าเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่ออย่างรำคาญ อย่าให้กูสูงมั่งเหอะ พวกมึงเสร็จกูแน่ๆ

     

     

     

    “งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องนะเว้ย เดี๋ยวคืนนี้พี่ให้น้องจุนเมะตามสบาย” จะไปแล้วยังไม่วายแหย่คนตัวเล็กให้หาอะไรปาใส่อีก ดีที่แพคฮยอนห้ามไว้ ไม่งั้นส้อมได้ยินไปเฉาะเงิงนั่นแล้ว!!

     

     

     

    “เดี๋ยวกูไปเรียนก่อนนะ... เดี๋ยวสาย” แพคฮยอนขึ้นหลังจากที่คริสลุกไปได้สักพัก ทำให้บนโต๊ะตัวยาวนั้นเหลือเพียงเขากับชานยอล ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้นอีกเลยจนกระทั่งไอ้คนตัวสูงมันเริ่มแหย่เขาอีกครั้งนั่นแหละ

     

     

     

    “เตี้ย...”

     

     

     

    “มึงหยุดเรียกแบบไอ้คริสเลยนะ ไม่งั้นกูเลิกเป็นเพื่อนกับมึงแน่ๆ” ชานยอลยิ้มกว้างกับคำพูดของคนตัวเล็กที่เปิดช่องโหว่ให้เขาเต็มๆ

     

     

     

    “เลิกเป็นเพื่อนแล้วเป็นเมียกูแทนเหรอ แบบนั้นโอเคเลยเตี้ย” จุนมยอนไม่ได้ตอบอะไร คนตัวเล็กเพียงแต่ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ดวงตาคู่โตไร้แววจนน่ากลัว แต่มันทำอะไรคนที่กำลังส่งยิ้มระรื่นมาให้ไม่ได้สักนิด หมัดเล็กถูกส่งให้กับคนตรงหน้าเต็มๆที่ข้างแก้ม จนคนตัวโตถึงกับหน้าหัน

     

     

     

    “แม่ง!! พวกมึงนี่เป็นเชี่ยไรกันนักวะ อยากได้กูกันจัง ถามจริงเปลี่ยนรสนิยมแล้วรึไง”

     

    วันบ้าอะไรวะ แม่งโคตรหงุดหงิดเลย!!

     

    คนตัวเล็กคิดได้เพียงแค่นั้น ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ ทิ้งให้ชานยอลนั่งลูบแก้มพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี

     

     

    คิมจุนมยอนแม่งน่ารักเกินไป...น่ารักจนไม่อยากจะปล่อยมันให้กับรูมเมทมันจริงๆนั่นแหละ..












     

     

    TBC.






    TALK ::: 


    ห่างหายกับช็อทฟิคไปนานเยยย มัวแต่ยุ่งๆ ก่ะ ฟิคยาวไม่จบซะที  T ____ T แอบบอกไปในทวิตเตอร์แล้วว่าเรื่องนี้เป็นฟิคคู่ไหน แต่ในหน้าฟิคคือไม่จั่ว ให้ลุ้นไปป 5555555555555555 

    เขียนไว้ได้สักพักแล้วว แต่ยังไม่ชัวร์เลยว่า จะกี่ตอนจบ แล้วก็คิดเล่นๆอีกว่าถ้าทำเป็นเล่มเล็กๆ คงไม่เลว แต่คงไม่ทำง่ะะ 5555555555555 

    ช่วงนี้โบว์ฝึกงานแหละะ ฝึกจันทร์ถึงศุกร์ กลับถึงบ้านสองทุ่ม นอนตายตื่นเช้าไปฝึกต่อ เวลาเขียนฟิคเลยมีแค่คืนวันศุกร์เสาร์ และอาทิตย์ทั้งวันแทน เลยจะอัพเรื่องอะไรต่างๆ ช้าและช้ามาก

    ขอบคุณทุก ๆ คนที่ติดตามฟิคเรามาโดยตลอด เขียนฟิคเอ็กโซมาจะสองปีแล้วว เวลาผ่านไปเร็วมาก รักพี่จงแดจังเลย *บิดเขิน* 

    แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ *กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด* 


    ปล. ใช้แทก #ฟิคพี่จุนคนแมน นะคะ <3 


     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×