ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ยองแจคนธรรมดา โดย ยองแจ รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.71K
      153
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 1

    ยองแจคนธรรมดา โดย ยองแจ


    หอพักเมี้ยวๆ

    ผมยืนอ่านป้ายที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสไตล์คิกขุ มีรูปแมวสีเขียวตาเหลือกวาดประดับไว้ข้างๆ

    ลมพัดมาหอบหนึ่งทำเอารู้สึกหนาวเยือกใจคอไม่ดีแปลกๆ มองเลยเข้าไปด้านในเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ๆ มากกว่าที่จะเป็นหอพัก อาจเพราะการตกแต่งที่มีต้นไม้รอบๆ ร่มรื่น ด้านหน้ามีลานบาสเล็กๆ และห่างออกไปหน่อยเป็นชุดโต๊ะไม้ตัวยาว

    “รอตรงนี้สักครู่นะครับ” ผมหันไปบอกพนักงานขนของก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

    อาคารที่ผมบอกว่าเหมือนบ้านหลังใหญ่มีสองชั้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีเขียวอ่อนจนเกือบขาว จะว่าไปที่นี่ก็ดูเขียวๆ ไปเสียหมด ทั้งต้นไม้ ตัวบ้าน แมวหน้าตาพิลึกตรงป้าย แต่มองๆ ดูแล้วก็เย็นตาดี ให้ความรู้สึกสบายเหมือนกับที่มินจุนฮยองบอกไว้

    ผมเดินตรงไปยังห้องกระจกที่น่าจะทำเป็นสำนักงานซึ่งอยู่ติดบันได กำลังจะเคาะประตูแต่ก็ต้องชะงักกับภาพชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ที่กำลังออกลีลาวาดลวดลายตามเกิร์ลกรุปในทีวี นะ...นั่นมันวงที่ผมชอบนี่!

    “หวัดดี มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” ตอนที่ผมกำลังดูสาวๆ เต้นเพลินๆ จู่ๆ ชายคนนั้นก็เปิดประตูออกมาชะโงกถาม

    “เอ่อ...” ผมชะงัก อาจเพราะหน้าตาที่ออกจะโหดไปนิดของเขา “คือผมเป็นน้องชายของมินจุนฮยองที่จะย้ายเข้ามาวันนี้...ครับ”

    “อ๋อ ชเวยองแจใช่ไหม”

    “ครับ”

    “หมอนั่นบอกไว้แล้ว ไหนของล่ะ ให้ฉันช่วยขนไหม” เขาฉีกยิ้มกว้าง

    “ผมให้พนักงานขนของรออยู่ด้านนอกครับ ยังไงเดี๋ยวออกไปบอกเองก็ได้” ทำท่าชี้มือไปด้านหลัง

    “ไปด้วยกันเลยดีกว่า ฉันจะได้พานายไปดูห้องด้วย ทุกคนอยู่นั่นพอดีจะได้รู้จักกันไว้”

    ประโยคที่บอกว่า ทุกคนอยู่นั่นพอดีทำเอาแปลกใจนิดหน่อย เพราะเท่าที่จำได้มินจุนฮยองบอกว่าผมต้องอยู่กับรูมเมทคนหนึ่ง ก็ในเมื่อรูมเมทคนเดียว ทำไมคนที่น่าจะเป็นคุณอ๊คแทคยอนเจ้าของหอคนนี้ถึงได้ใช้คำว่าทุกคนล่ะ

    “เอ้า ไม่มาหรือไง” เจ้าของหอตัวสูงใหญ่หันมาเร่ง ผมเลยต้องสะบัดหัวไล่ความสงสัยไม่เข้าท่าออก แล้วรีบเดินตามไป

    “ห้องนี้แหละ” เจ้าของหอพักชี้ประตูห้องที่อยู่ติดกับทางเดินแคบๆ ข้างห้องสำนักงาน หลังจากช่วยขนของมาด้านใน

     


    ติ๊งต่อง

    คุณอ๊คแทคยอนยืนเท้าเอวข้างหนึ่งกดออดด้วยรอยยิ้มสบายๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ และแล้วเมื่อประตูห้องเปิดออก สิ่งแรกที่ผมได้ยินก็คือเสียงโหวกเหวกโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์จากด้านหลังของชายหนุ่มหน้าตายียวนคนหนึ่ง

    “โย่ว แทคยอนฮยอง” เจ้าตัวแปะมือกับเจ้าของหออย่างสนิทสนม

    “นี่รูมเมทนาย ที่ฉันบอกว่าจะย้ายเข้ามาวันนี้” คุณอ๊คแทคยอนพยักหน้ามาทางผมที่รีบโค้งอย่างสุภาพ

    “สวัสดีครับ ชเวยองแจ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

    “อ้อ นายเองเหรอ ฉันหวังแจ็คสัน ยินดีที่ได้รู้จัก” หวังแจ็คสันยิ้มกว้างทักกลับ ไม่ได้ทักอย่างเดียวกระโดดแผล็วมาคว้าคอผมไปกอดอย่างแนบแน่น

    “อยู่กันครบเลยใช่ไหมพวกนาย พอดีเลย จะได้ช่วยยองแจขนของ” เจ้าของหอไม่ได้สนใจตาผมที่เริ่มเหลือกกับระยะห่างที่ดูยังไงก็โคตรจะไม่ใช่ สำหรับคนที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกของผมกับหวังแจ็คสัน “ฉันไปนะ มีธุระต้องทำต่อ เอ้า นี่กุญแจของนายยองแจ ฝากหมอนี่ด้วยล่ะ”

    กุญแจห้องถูกโยนมาให้พร้อมกับพูดแปลกๆ อย่างฝากฝังคนอยู่มาก่อนไว้กับคนมาใหม่อย่างผมแล้วร่างสูงใหญ่ของท่านเจ้าของหอก็เดินจากไป

    “ใครมาอะแจ็คสัน” ใครอีกคนหนึ่งเดินออกมา เขาเป็นผู้ชายร่างเพรียวบางหน้าหวานใสดูอ่อนโยน ท่าทางดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเจ้าคนที่กำลังกอดคอผมประหนึ่งรู้จักสนิทสนมกันมาเนิ่นนานนี่หลายเท่าตัว

    ผมโค้งให้

    “เนียร์ นี่รูมเมทฉัน ชื่อยองแจแหละ รูมเมทของฉัน!” หวังแจ็คสันจับผมโยกตัวไปมาด้วยความตื่นเต้น “ยองแจ หมอนี่ชื่อจินยองนะ แต่ทุกคนเรียกว่าจูเนียร์ แชร์ห้องอยู่กับเจบีด้านบน” แล้วก็แนะนำเพื่อนร่วมหอไปทั้งๆ ที่ยังโยกไปมาอยู่ สาบานเลยว่าอีกไม่เกินสามนาทีผมอ้วกแน่ถ้ายังไม่หยุดโยก

    “ยินดีที่ได้รู้จัก มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ” คุณจูเนียร์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทำเอารู้สึกใจชื้นขึ้นมา ว่านอกจากเจ้าของหอหน้าโหดที่ชอบเต้นเพลงเกิร์ลกรุปกับรูมเมทที่ดูเหมือนจะไม่เต็มบาทแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีคนปกติอยู่

    “นายต้องไปทำความรู้จักกับพวกนั้น มาเร็ว!” ว่าแล้วรูมเมทใหม่ถอดด้ามก็ลากคอผมเข้าไปในห้องทันที

    ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายคือภาพชายหนุ่มสี่คนในห้องนั่งเล่น คนตัวเล็กคนหนึ่งกำลังเอาหมอนฟาดคนตัวโตอีกคนแบบเต็มที่

    “พอแล้วแบมแบม นายจะฟาดให้มันตาย...”

    ป้าบ หมอนที่ว่าลอยมาฟาดหน้าชายอีกคนที่พยายามห้าม โดยมีชายหนุ่มผมแดงที่นั่งบนโซฟาคอยหยิบหมอนส่งให้คนตัวเล็กไม่ได้ขาด

    “พวกนาย รูมเมทแจ็คสันมาแล้ว” คุณจูเนียร์พูด เสียงไม่เบานักแต่....

    “แบมฮยอง เจ็บๆ พอแล้วๆ!

    “แบมแบม เลิกโกรธ โอ๊ยๆๆ ตีฉันด้วยทำไมเนี่ย!

    “เจบีฮยองก็เหมือนกัน!

    “พวกนาย รูมเมทแจ็คสันมาแล้ว!” คุณจูเนียร์พูดอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม แต่...

    “ตีผมนักใช่ไหม ย้ากกก”

    “เห้ย ยูคยอม!

    “มาร์คฮยอง ขอหมอนๆ จะฟาดให้ตายเลย!

    “พวกนาย รูม...”

    ป้าบ หมอนลอยหวือฟาดเข้าหน้าคนพูดก่อนจะกระเด้งตกลงมาบนมือผมที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ หวังแจ็คสันหัวเราะก๊าก ในขณะที่คนโดนหมอนฟาดหน้าคิ้วกระตุก หันมาคว้าหมอนแล้วเดินเข้าไป

    ป้าบ หมอนที่ว่าถูกเหวี่ยงลงไปกลางวง

    “ย่าห์ อยากตายใช่ไหม!

    สี่หนุ่มหยุดความเคลื่อนไหวเหมือนถูกกดสวิตช์ปิด

    “จินยองอ่า มีไรเหรอ” คนที่เคยทำหน้าที่ห้ามทัพเงยหน้ามายิ้มหวานให้

    “ลุกขึ้นไปยืนเรียงแถวกันตรงโน้น เดี๋ยวนี้เลย!” คุณจูเนียร์ที่เคารพสั่งเสียงดัง ดูผิดมาดผิดลุคอย่างไรบอกไม่ถูก ผมหันไปมองหน้าหวังแจ็คสันที่เอาแต่หัวเราะชอบอกชอบใจ ขอถอนคำพูดที่เคยบอกว่าท่านจูเนียร์ดูท่าทางใจดี ผมว่าถ้าตอนนี้มีใครยื่นมีดให้คงได้มีจมกองเลือดกันบ้างล่ะ

    สามคนบนพื้นรีบกุลีกุจอลุกขึ้นไปยืนเรียงแถวตามสั่ง คนผมแดงที่นั่งอยู่บนโซฟาเองก็ลุกขึ้นแลบลิ้นเชิงว่าไม่น่าเลยก่อนจะเดินไปต่อแถวด้วย

    “อ้าวนี่รูมเมทนายเหรอ แจ็คสัน” หลังจากขยับให้คนผมแดงเข้ามายืนด้วยแล้วคนผมสีเทาก็หันมาถาม

    “ช่าย” แจ็คสันยักคิ้ว “เจ๋งปะละ” ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเจ๋งยังไง

    “ฉันเจบี ยินดีที่ได้รู้จัก” คุณเจบียื่นมือมาหา ทำท่ายึกยักไม่กล้าก้าวขาแตกแถว ประกาศิตท่านจูเนียร์ที่เคารพนี่ขลังจริง เห็นแบบนั้นผมเลยเป็นฝ่ายเดินเข้าไปโค้งจับมือด้วยแทน

    “ยินดีที่รู้จักครับ ผมชเวยองแจ”

    “พวกนายก็ด้วยสิ” คนวางมาดโหดขัดกับหน้าตาหันไปสั่งเด็กสองคนที่ยืนอยู่

    เด็กหนุ่มตัวเล็กยิ้มหวานให้ ผมส่งยิ้มกลับ แต่แล้วเจ้าคนตัวใหญ่ข้างๆ ก็ขยับตัวมากอดเจ้าตัวเล็กไว้เอาคางเกยไหล่จ้องหน้าผมเขม็ง อะไรละนั่น

    “ผมคิมยูคยอม อายุ 16” เด็กยักษ์แนะนำตัวเองเสียงเบา มือยังกอดคนตัวเล็กที่ทำผมสีชมพูข้างหน้าไว้ ว่าแต่ทำไมหมอนี่ทำสีผมแค่นี้ล่ะ นี่มันแฟชั่นอะไรกัน

    “ผมชื่อแบมแบม อายุมากกว่าหมอนี่ 5 เดือน” เขาชี้นิ้วไปทางคนตัวใหญ่ที่ยังคงกอดไว้อยู่ ดูไปดูมาอย่างกับลูกหมาตัวใหญ่ๆ กับเจ้าตัวของตัวเล็กยังไงพิกล

    “อายุมากกว่าเหรอ” ผมถามอึ้งๆ

    “ช่าย ถึงจะดูไม่ค่อยเหมือนก็เหอะ” ว่าแล้วเขาก็หัวเราะ เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ยิ้มตามไปด้วย จะว่ายังไงดีล่ะ น่ารักดีล่ะมั้ง

    “ฉันชื่อมาร์ค เกิดปี 93 อายุมากสุดในนี้ ยินดีที่ได้รู้จัก” คนผมแดงแนะนำตัวแล้วยื่นมือมาจับกับมือผมยิ้มๆ ดูดีชะมัด แล้วยังรอยยิ้มอ่อนโยนนั่นอีก พนันได้เลยว่าคนคนนี้ต้องฮอตสุดแน่ๆ

    “เป็นไงละฮยอง อิจฉาล่ะสิ ผมชวนฮยองก็ไม่ยอมย้ายมา มาคร่ำครวญทีหลังว่าเหงานี่ไม่มีใครช่วยหรอกนะ” หวังแจ็คสันที่ยังคงกอดคอเกาะติดผมเป็นปลิงพูดลอยหน้าลอยตาใส่

    “ฉันเคยบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเหงา” คุณมาร์คตอบ ยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่บนใบหน้าแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว เล่นเอาหวังแจ็คสันทำปากบู้ใส่อย่างไม่สบอารมณ์ นายคิดว่าแบบนั้นมันน่ารักหรือไง แล้วเมื่อไหร่จะปล่อยฉันสักที

    “ฉันกับจินยอง อ่า ฉันหมายถึงจูเนียร์แล้วก็แจ็คสันเกิด 94 ปีเดียวกัน มาร์คฮยองปี 93 ส่วนสองคนนั้นเกิด 97” คุณเจบีสรุป

    “อ่า ผมเกิดปี 96 ครับ” ผมบอกปีเกิดตัวเองบ้าง

    “เห้ย ไม่ต้องสุภาพนักก็ได้ พูดสบายๆ เหอะ” เจ้าตัวเดินมาตบไหล่ “ของนายล่ะ อยู่ข้างนอกใช่ไหม ปะ พวกนาย ไปช่วยกันยกเข้ามากัน” ว่าแล้วก็เดินนำออกไป พร้อมๆ กับที่หวังแจ็คสันปล่อยคอผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะเดินตามไปพูดอะไรบางอย่างกับคุณมาร์ค



    “เห้ย นายอ่านการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนกันเหรอ” ไม่ทันไรหวังแจ็คสันที่จริงๆ แล้วผมควรเรียกและให้ความเคารพเพราะเป็นรุ่นพี่ก็ตะโกนมาจากมุมหนึ่ง ในมือมีการ์ตูนเล่มโปรดของผมที่เพิ่งหยิบออกมาจากกล่อง

    “เดี๋ยวนั่น อย่าเพิ่งเปิดกล่องผมสิ” ผมรีบวิ่งไปคว้าการ์ตูนของตัวเอง ท่าทางไร้มารยาทแบบนั้นมันจะพานเคารพไม่ลงนะว้อย

    “อันนี้อะไรอะ แจกันหรือเปล่าฮยอง” แบมแบมหยิบแจกันรูปร่างเพรียวบางสมส่วนได้รูปสุดรักสุดหวงของผมขึ้นมา

    “อ่า แจกันนั่นแหละ” คุณจูเนียร์ตอบ

    “แจกันนั่นระวังนะ ระวัง!” ผมรีบวิ่งไปทางที่แบมแบมนั่งอยู่ แล้วทำไมเจ้าพวกนี้ถึงมาเปิดกล่องผมตามใจชอบเนี่ย

    “ยองแจ!

    “อะไรครับ” รับแจกันมาแล้วหันไปตามเสียงเรียก

    คุณเจบีกวักมือ “ปล่อยพวกนั้นไปเหอะ นายอะไปซื้อของกินกับฉันดีกว่า วันนี้ฉลองต้อนรับนายหน่อย”

    “แต่ว่า...” ผมมองแจกันกับหนังสือการ์ตูนในมือ

    “เอาน่า ยูคยอม นายมาเอาไปทีสิ”

    ยูคยอมลุกมาหยิบของจากมือผม

    “เดี๋ยวๆ ถือระวังๆ”

    “มาร์คฮยองไปด้วยกันไหม”

    “เอาสิ”

    “ซื้อมาเยอะๆ นะ เอาร้านที่อร่อยๆ ด้วย” หวังแจ็คสันตะโกนมา

    “อ้าว นี่ไม่ได้จะเอามาทำเองเหรอครับ” ผมถาม ตามองตามแจกันที่ยูคยอมถือไปตั้งไว้ รูปร่างเรียวเพรียวได้สัดส่วนแบบนั้นไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะ ถือดีๆ

    “ยูคยอม อันนี้น่ารักดี” แบมแบมหยิบตุ๊กตาหมีของผมขึ้นมา

    “แบมฮยองน่ารักกว่า” ยูคยอมตอบ ยิ้มตาหยี

    “นั่นมันก็แหงอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” แบมแบมตอบกลับเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

    “คิกๆๆ”

    แล้วไอ้พวกนั้นมันอะไรกัน ลูกหมายักษ์กับเจ้าของจอมหลงตัวเองหรือไง

    “มีใครทำกับข้าวเป็นที่ไหน หรือนายทำเป็น” คุณเจบีพูดก่อนจะถามกลับ

    “อ่า ก็พอทำได้...” ผมแทบกลืนคำพูดลงไปเมื่อหันมาสบกับสายตาเป็นประกายของคนถาม “...นิดหน่อย”

    “ดีเลยฉันอยากกินอาหารทำเองมานานแล้ว นายมันเจ๋งจริงนี่หว่ายองแจ ปะ ไปซูเปอร์กัน” ว่าแล้วก็เข้ามาคว้าคอผมลากออกไป

    ผมที่โดนลากคอออกมาแบบมึนๆ งงๆ หันไปมองหน้าคุณมาร์คผมแดงสุดหล่อที่เดินออกมาด้วยกัน แต่ที่ได้รับกลับมาก็มีแค่รอยยิ้ม จะว่าไปรอยยิ้มนั่นมันชักน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ

    “ฉันว่าหลังจากนี้ฉันมาเล่นกับนายบ่อยๆ ดีกว่า ถ้านายทำกับข้าวเป็น” คุณเจบีพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะ

    “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ” ผมตอบพร้อมยิ้มแห้งๆ พยายามขืนตัวเองไว้ไม่ให้ไปตามแรงลากแต่ขืนไม่อยู่ นี่มันเรื่องอะไรกัน คนพวกนี้มันยังไงเนี่ย

    “ไม่ต้องเกรงใจ มาสนิทๆ กันไว้ดีกว่าน่า” คนผมเทาไม่รับรู้กับการขืนตัวของผม แถมยังส่งยิ้มฟันขาวเป็นประกายมาให้อีก

    อะไรของคนๆ นี้เนี่ย ผมไม่ได้อยากสนิทด้วยสักหน่อย รู้สึกแปลกๆ เหมือนถ้าลองไปสนิทด้วยแล้วจะมีเรื่องอะไรตามมาทีหลังยังไงไม่รู้ หันหน้าเลิกลักไปหาคนผมแดงที่ยังคงส่งยิ้มให้แบบสบายๆ นี่ก็โคตรน่ากลัว

    “มาร์คฮยองก็มาเล่นห้องยองแจบ่อยๆ ด้วยดิ เดี๋ยวชวนคนอื่นมาด้วย ยองแจทำกับข้าวได้แบบนี้เอาเป็นที่รวมตัวเลยไหม” คุณเจบีพูดเองเออเองสรุปเองแบบหน้าตาเฉย

    ไม่เอา ไม่ดีหรอก ดูแต่ละคนสิ ไล่มาตั้งแต่หวังแจ็คสัน ท่านจูเนียร์ที่เคารพ เจ้าตัวเล็กจอมหลงตัวเอง เจ้าลูกหมายักษ์ มาถึงคนผมแดงที่อย่างกับเครื่องผลิตยิ้ม ไหนยังจะคนที่ดูท่าทางจะเป็นพวกทำตามใจตัวเองแบบสุดๆ อย่างคนที่กำลังดึงแขนผมให้เดินตามอยู่ตอนนี้อีก ไม่ๆๆ ไม่ต้องมารวมตัวกันเลย ผมเป็นแค่คนธรรมดาที่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ได้โปรด...

    “อือ ดีเหมือนกัน”

    เสียงตอบรับจากเครื่องผลิตยิ้ม ผมหันขวับไปมองอย่างสุดสะพรึง

    “งั้นก็ตกลงตามนี้”

    ตกลงอะไร ตกลงบ้าอะไร นี่มีใครถามความเห็นผมหรือยัง ตามองมือคนผมเทาที่ยังคงจับแขนผมดึงให้เดินไปด้วยกัน ผมยังคงจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก แต่ถึงจะยังไม่เข้าใจอะไรนัก สัญชาตญาณบางอย่างภายในกลับร้องเตือนไม่ได้หยุด มันเตือนว่าถ้าเกิดผมไปสนิทสนมกับคนพวกนี้เมื่อไหร่ ชีวิตธรรมดาๆ อันเรียบง่ายของผม มันจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป

    “ยินดีต้อนรับสู่หอพักเมี้ยวๆ นะ ยองแจ”


    ---------------------------------------------------------------TBC


    10/05/2018

    รีไรท์ทั้งเรื่องแบบที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาค่ะ แค่เกลาๆ ภาษา แก้คำผิด แล้วก็จัดหน้าดีๆ เฉยๆ บางประโยค บางคำพูดที่เราเห็นว่ามันแปลกๆ เราก็คงไว้ค่ะ ฮ่าๆๆ เพราะคิดว่ามันดูเป็นบรรยากาศเก่าๆ ของเรื่องนี้ ณ ตอนนั้นดี ที่รีไรท์เพราะเห็นว่ายังมีท่านที่สนใจเข้ามาอ่านเรื่อยๆ รักนะคะ แม้ในแท็กจะยังคงมีคนเจ็บแค้นใจเราและฟิคเรื่องนี้อยู่ก็ตาม ฮ่าๆๆ <3


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×