ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS EXO {CHANKAI / KRISTAO}

    ลำดับตอนที่ #5 : {OS} คนปากแข็ง CHANKAI

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.6K
      3
      8 ม.ค. 57

    Shalunla




    ชานยอล
    : แค่คำว่า “รัก” มันพูดยากนักหรอ

     

    จงอิน  : ถ้าไม่ได้ฟังมันจะตายหรอ ?

     

    หน้าคณะนิเทศศาสตร์ช่วงเย็นๆ ตอนนี้มีชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจ้องตากัน ที่คาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งนาทีคงกระโดดกัดหัวกันได้แล้ว โดยมีเพื่อนทั้งสองฝ่ายดูสถานการณ์

     

    “จงอิน ทำไมมึงไม่เคยบอกรักกูเลยว่ะ แค่พูดคำว่ารักมึงจะตายหรอ”

     

    “แล้วทำไมต้องให้กูพูด แค่การกระทำมึงก็รู้อยู่แล้วว่ากูคิดยังไง”

     

    “แต่กูอยากได้คำว่า รักจากมึง จงอินมึงพูดออกมาเลย”

     

    เสียงเถียงกันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของหน้าคณะ และดูท่าว่าการเถียงกันของคู่รักคู่นี้คงไม่จบลงง่ายๆ เหตุมันเกิดเพราะจงอินดันบอกรักเพื่อนสนิทมันด้วยท่าทีง่ายๆ ต่างจากปาร์คชานยอลคนนี้ ต่อให้ง้างปาก บังคับยังไงก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากเลยสักครั้ง ผมถามทีไรมันก็ตอบแค่

     

    “มึงรักกูไหม”

     

    “อืม”

     

    “กูโคตรรักมึงเลยว่ะจงอิน”

     

    “อืม”

     

    l o v e นี่แปลว่าอะไร”

     

    “อย่ามาหลอกกูพูด!

     

    ดูสิ!!! ผมทั้งหลอกล่อสารพัดตั้งหลายอย่างแต่คำว่า รัก ยังไม่กระเด็นออกจากปากมันสักเอ๊ะ ขนาดตอนมีอะไรกันมันยังไม่พูดให้ได้ยิน  มึงจะปากหนักใจแข็งไปแล้วนะ!!!!

     

    “กูว่ามึงพอเถอะชานยอล มึงนี่ก็บ้าอยู่ดีๆ ไปบังคับมันให้พูด ของแบบนี้มันต้องใช้บรรยากาศ ฟีลมันต้องมา” คริสบอกกับเพื่อนตัวเองก่อนจะส่านหน้าอย่างเหนื่อยใจกับอาการเพื่อนคนนี้ มันบ่นตั้งแต่เช้าว่าจงอินของมัน บอกอีแทมินเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมของมันว่า

     

    “กูก็รักมึง วันหลังมาเจอกันนะ”

     

    แค่นี้ ! แค่นี้!! คนหล่ออย่างผมอยากจะบ้า คนเรามันก็บอกรักเพื่อนเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือไง ?

     

    “มึงจะเอาฟีลไหน บรรยากาศไหน ห้องน้ำ ห้องครัว บนโต๊ะ บนเตียง ริมทะเล ระเบียง กูล่อมาหมดแล้ว คำว่ารักไม่หลุดออกมาสักแอ๊ะ” ชานยอลพูดขึ้นมาก่อนจะโดนคนที่นั่งตรงข้ามปาโทรศัพท์ใส่หน้า

     

    “ไอ้บ้าชานยอล!!!” แถมด่าให้ด้วย

     

    “กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ไอ้หื่นกาม หมายถึงของแบบนี้มันต้องมาจากใจเว้ย!” ชานยอลโดนเพื่อนตัวเองโบกหัวไปหนึ่งทีข้อหาโง่เกินขนาด

     

    “จงอินอ่าเทาว่าเรื่องแค่นี้เอง อย่าทะเลาะกันเลยนะ” เทาเพื่อนสนิทจงอินพูดขึ้นมา ก่อนจะจับแขนเพื่อนตัวเองไว้

     

    “แต่มันน่ารำคาญ! เจอหน้ากันก็บอกให้พูดออกมาอยู่ได้” จงอินทำสีหน้าเหวี่ยงใส่ชานยอลที่อยู่ตรงข้าม จ้องสายตาไปแบบไม่ยอมแพ้

     

    “กูว่าไปเคลียร์กันที่ห้องไหม พวกกูนั่งรอมึงสองคนทะเลาะกันจนหิวข้าวแล้ว” เสียงคริสพูดขึ้นมา ก่อนจงอินที่นั่งตรงข้ามจะฉุดมือจื่อเทาขึ้นแล้วเดินลิ่วๆ นำไป ชานยอลลุกขึ้นก่อนจะเดินตามไปแล้วฉุดมือจงอินไว้

     

    “จะไปไหน ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง”

     

    “กูหิวข้าว! จะทะเลาะต่อหลังกินข้าว จบไหม” พอจงอินพูดแบบนั้นชานยอลก็เปลี่ยนจากจับข้อมือเป็นกุมมือบางไว้ ดึงกระเป๋าจากแขนจงอินไปสะพายเอง

     

    “ก็ได้! กินข้าวจบแล้วค่อยทะเลาะต่อ” พูดแค่นั้นชานยอลมันเดินจับมือกับจงอินเดินนำลิ่วไป ทิ้งให้เพื่อนทั้งสองคนเกาหัวกับความไม่เต็มของคู่รักคู่นี้

     

    มีการนัดทะเลาะต่อด้วย!!!

     

    พอถึงร้านข้าวทั้งสี่คนก็สั่งอาหารตามสั่งง่ายๆ กินกัน เพราะหิวกันมากแล้ว คู่รักก่อนหน้านี้ที่แทบกินหัวกัน กลับนั่งเล่นหยอกล้อเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “กินราดหน้าอีกแล้ว หน้านี่ดำพอกับสีเส้นแล้วนะ” ชานยอลบอกกับจงอิน ก่อนจะโดนกำปั้นเล็กๆชกที่แขนแต่ไม่แรงมาก แรงประมาณนี้เขาเรียกว่า ชกหยอกๆ

     

    “มึงก็กินแต่กระเพราไก่ ไข่ดาว สิ้นคิดมาก ชอบนักไอ้ไข่ดาวไม่สุก” จงอินตอกกลับไปบ้างก่อนมือหนาจะจับศีรษะจงอินไว้ไม่แคร์สายตาเพื่อนและคนที่นั่งอยู่ในร้าน

     

    “มึงก็รู้ว่ากูชอบเจาะไข่ดาว มึงก็ชอบโดนกูเจาะไม่ใช่หรอ” พอสิ้นเสียงทุ้มๆ ของชานยอล มือบางก็ทุบเข้าให้ที่หน้าขา ข้อหาลามกไม่เลือกที่ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่ออย่างอายๆ ไม่ต้องพูดถึงจื่อเทาเพื่อนเขาที่นั่งหน้าแดงเพราะประโยคเมื่อกี้แล้ว

     

    “หื่นมันได้ตลอด! กินข้าวไปเลย ของมึงมาแล้ว” แม่ค้าเดินเอาข้าวกระเพราเดินมาเสริ์ฟก่อนอันดับแรก ก่อนจานอื่นๆ จะตามมา จงอินนั่งกินข้าวไปอย่างเงียบๆ เพราะหิวจากการใช้พลังงานในการทะเลาะกับปาร์คชานยอลมาเยอะ

     

    ที่จริงไอ้คำว่ารัก ผมก็พูดได้ แต่แค่ถ้าให้ผมต้องพูดกับมัน ผมเขิน!!!

     

    ผมรู้ว่าผมมันปากแข็งอย่างที่ชานยอลมันชอบว่า แต่คนแบบผมมันต้องใช้เวลาทำใจ จะให้มาบอกรักใครสักคนง่ายๆ แบบมันผมทำไม่ได้หรอก เรื่องนี้ใครๆ อาจจะเห็นว่าเรื่องมันเล็กน้อย แต่สำหรับผมการที่จะพูดอะไรออกไปจากปากมันมีค่ามากกว่านั้น มันต้องรู้สึกและมั่นใจกับคำที่ออกไปจริงๆ

     

    พอทานข้าวเสร็จ ชานยอลก็ควักเงินออกให้จงอินเหมือนเช่นเคยที่ทำเป็นประจำ ตอนแรกจงอินก็บ่นและทะเลาะกับชานยอลตั้งนาน สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะเหตุผลทุเรศๆ ของมัน

     

    “ถ้าไปกินข้าวกับกู กูจะเลี้ยงมึง แค่ค่าข้าวแฟนกูมีปัญญาจ่าย”

     

    “กูก็มีปัญญาจ่ายเอง”

     

    “ก็กูจะจ่ายให้  ถ้ามึงไม่ยอม กูจะไปขอมึงกับพ่อแล้วแต่งเข้าบ้านกู คราวนี้กูจะเลี้ยงมึงทั้งชีวิตเลยล่ะ จะแต่งกันเลยไหมล่ะอินนี่”

     

    นั่นแหละ บทสนทนาอันแสนปัญญาอ่อนของผมกับมัน ผมเดินไปหาจื่อเทาเพราะขี้เกียจจะรีบทะเลาะกับมัน คนกำลังอิ่มๆ อยู่ เสียดายข้าวที่เพิ่งกินไปมันยังย่อยไม่หมด

     

     

    “วันนี้กูเอารถมา เดี๋ยวกลับด้วยกันนะ จะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ โดยเฉพาะเทาเดี๋ยวโดนแท็กซี่ฉุดไปขมขื่น” คริสพูดขึ้นมาส่งสายตาหวานเชื่อมข้ามหัวจงอินไปให้จื่อเทาที่ยืนทำหน้าเขินอยู่

     

    “เต๊าะเพื่อนกูตลอดนะมึง จะไปส่งก็รีบไปอยากกลับไปนอน”

     

    “กับชานยอล” จื่อเทาต่อประโยคให้เพื่อนสินทตัวเองเสร็จก็เดินหนีมาเกาะไหล่คริสทันที จงอินได้แต่โมโหปนอายที่ถูกเพื่อนหักหลังกันดื้อๆ มองไปที่ไอ้ชานยอลก็เห็นมันหัวเราะโชว์ฟันสามสิบสองซี่

     

    “เทา! เดี๋ยวโดน เดี๋ยวนี้กล้าหักหลังหรอ ไอ้คริสปล่อยเอวเพื่อนกูเลย!” จงอินเดินไปดึงเทาออกมาจากคริสที่กำลังโอบเอวนุ่มเพลินๆ มือ

     

    ไม่รู้อย่างอื่นจะลูบแล้วเพลินเหมือนกันไหม =,.=  อุต๊ะ!

     

     “รีบกลับดีกว่า พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะจงอิน การบ้านก็ยังไม่เสร็จไม่ใช่หรอ” ผมมองเทาที่เข้ามาหาผมก่อนจะรีบชวนกลับบ้าน เบี่ยงประเด็นเลยนะไอ้ตัวดี ผมขยี้ศีรษะเทาก่อนเจ้าตัวจะทำหน้าอ้อนๆ แบบสำนึกผิด

     

    “ไปก็ไป ไอ้คริสรีบไปสตาร์รถดิ!” ผมพูดขึ้นก่อนคริสจะรีบเดินไปยังรถรสพอร์ชสีขาวที่จอดอยู่หน้ามหาลัย ไอ้นี่ก็เอามาจอดไว้ซะไม่กลัวหาย

     

    “เทามานั่งกับคริสข้างหน้านะ เดี๋ยวไม่มีกำลังใจในการขับรถ” เสียงคริสมันพูดขึ้นมาก่อนเพื่อนผมจะเดินเข้าไปนั่งหน้ารถแบบเขินๆ?  เดี๋ยวนะไอ้เทามึงใจง่ายไปไหม

     

    “เข้าไปนั่งสิ จะหวงเพื่อนทำไม ไอ้คริสมันจะทำอะไรได้มันขับรถอยู่” ชานยอลพูดจบก็ดันผมเข้าไปนั่งด้านใน พอเข้ามาไอ้คริสก็ออกรถทันที มันเอื้อมมือไปเปิดเพลงที่วิทยุแล้วแถลงมาจับมือเพื่อนผมได้ยังไง!

     

    “ไอ้คริสมากไปไหม จงอินนั่งอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็โดนตีนหรอก แฟนกูเท้าหนักนะเว้ย! จะกินกันก็ทำลับหลังมัน” ผมหันไปมองชานยอลที่พูดประโยคเมื่อกี้ นี่เข้าข้างเพื่อนตัวเองหรอ!

     

    “ไอ้ชานยอล! มึงนี่ชอบเสี้ยมนักนะ เดี๋ยวได้โดนตีนคนแรก” ชานยอลมันไม่กลัวแต่กลับหัวเราะ แล้วจิ้มศีรษะผมเอนไปด้านหลังเหมือนผมเป็นตุ๊กตาล้มลุก

     

    “มีแรงแบบนี้ พร้อมจะทะเลาะต่อแล้วอ่ะดิ” ดูมันกวนตีน ไม่ต้องมากอดตบท้ายพาให้ใจอ่อนเลย ผมขืนตัวจากอ้อมกอดชานยอล

     

    “เดี๋ยวนะถ้าพวกมึงจะทะเลาะกันช่วยไปทะเลาะต่อที่ห้องนะ กูขี้เกียจฟัง”

     

    “ใช่ไปทะเลาะต่อที่ห้องนะจงอิน เทาฟังมาทั้งวันแล้วเหนื่อย!

     

    ทั้งคริสและเทาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยทีเดียว ผมเลยโลงศีรษะอย่างไม่สนใจ แต่ชานยอลมันกลับบอกว่า ก็ได้ ผมเลยนั่งกับมันเงียบๆ

     

    “เจอกันพรุ่งนี้นนะเว้ย” คริสบอกกับชานยอล ก่อนเทาจะชะโงกหน้ามาบ๊ายบายผม

     

    “อย่าพาเพื่อนกูไปทำอะไรล่ะ! เทาระวังตัวไว้นะไอ้คริสมันหื่นกามฟันมันยังไม่เข้าปากเลย คนแบบนี้ไว้ใจไม่ได้!” ชานยอลแฟนผมมันขำตัวงอ ก่อนผมจะเห็นสีหน้าแหยๆ ของคริส

     

    “ชานยอลแฟนมึงนี่ปากหมาใช้ได้” ผมยกนิ้วกลางไปให้มันก่อนจะลูบหัวเทาบอกว่ากลับบ้านดีๆ เทามันยิ้มตาหยีๆ มาให้น่ารักเชียว

     

    ถ้าใครไม่รู้จักเพื่อนผมอาจคิดว่าเทามันโหด แต่จริงๆ นิสัยมันน่ารักเหมือนเด็กน้อยเลย เวลาอ้อนมันน่ารักมาก ถ้าไม่ติดเป็นแฟนกับไอ้หูกางนี่ จะจีบเพื่อนตัวเองแล้ว

     

    “ไปเข้าบ้านกัน” ชานยอลมันกอดคอผมก่อนผมจะเดินเข้าบ้านผม ฟังไม่ผิดหรอกบ้านผม ชานยอลมันมานอนบ่อยยิ่งกว่าบ้านมันอีก  พ่อผมไม่ค่อยอยู่เพราะท่านไปทำงานต่างจังหวัดบ่อย ส่วนแม่ผมวันนี้เขาบอกว่าจะไปสังสรรค์กับแก๊งค์ สว. (สูงวัย) ของเขา

     

    ผมเดินเข้ามาก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องทันที เพราะต้องเขียนงานส่งพรุ่งนี้ชิ้นหนึ่ง

     

    “จงอินมึงจะบอกรักกูได้หรือยัง” ชานยอลมันเปิดประเด็นทะเลาะตั้งแต่ผมยังไม่ทันนั่งลงกับเก้าอี้เลย

     

    “กูบอกไม่พูดไง เลิกเซ้าซี้ขี้เกลียดทะเลาะด้วยแล้ว พูดไม่รู้เรื่องนะมึง” ผมบอกมัน ก่อนชานยอลมันจะฉุดผมไปนั่งตักผมที่เตียง มือจับหมับเข้าที่สะโพกแล้วลูบ

     

    “ทะเลาะบนเตียงต่อได้ไหมล่ะ กูจะตั้งใจฟังมึงเลย” ผมทุบไปที่อกหนาๆ เข้าให้ พออยู่สองคนวกเข้าเรื่องนี้ตลอด ผมจับใบหน้ามันด้วยสองมือ

     

    “กูจะไปทำการบ้าน อย่ามากวน!” พูดจบก็บิดหน้ามันไปทางหนึ่งจนมันร้อง ผมเลยปล่อยแล้วชิ่งไปเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อพิมพ์งานที่จะต้องส่งวันพรุ่งนี้ ชานยอลมันแยกตัวไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง ได้ยินว่ามันฝากเพื่อนตัดต่องานให้มันเลย  ขยันจริงๆ แฟนผม

     

       ส่วนทางด้านคริสและเทา หลังจากคริสส่งคู่รักคู่นั้นลงไป ก็ไม่มีใครมาขัดขวางการจีบเทาได้อีก คริสขับรถมาส่งที่บ้านเทาตามที่เจ้าตัวบอก

     

    “เทาอยู่บ้านคนเดียวไม่เหงาแย่หรอ” คริสถามขึ้นเมื่อเทาเลาให้ฟังว่าส่วนมากจะอยู่บ้านกับแม่บ้านซะส่วนใหญ่เพราะพ่อกับแม่ไปทำงานต่างประเทศ

     

    “เหงาสิ เทาเหงามากๆ เลย บางทีเลยชวนจงอินมานอนเป็นเพื่อน” ผมพยักหน้าแบบรับรู้ ที่จริงผมจีบเทานานแล้วนะ แต่มีจงอินแฟนไอ้ชานยอลมันขัดอยู่เรื่อย ทำให้ผมไม่ค่อยได้คุยกับเทา ได้แต่จีบทางไลน์และเฟสบุ๊ค

     

    “บ้านนี้ใช่ไหม” คริสเลี้ยวรถเข้าไปจอดในบ้านหลังใหญ่ที่สุดในซอยนี้ ลูกน้องพ่อเทาวิ่งออกมาเปิดประตูให้ทันทีที่เห็นหน้าเทา 

     

    “เข้าไปทานน้ำก่อนก็ได้ รีบกลับหรือเปล่าคริส” ผมรีบส่ายหน้าทันที โอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่คว้าก็โง่ ผมจอดรถลงมาก่อนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมเทา

     

    “คุณหนูกลับมาแล้วหรอคะ ว่าแต่ผู้ชายคนนี้เพื่อนคุณหนูหรอคะ” เทาส่งกระเป๋าให้ป้าแม่บ้าน ก่อนจะเข้าไปกอดป้าแม่บ้านไว้เหมือนเด็กน้อย ไหนจะยิ้มตาหยีๆ นั่นอีก

     

    น่ารักอ่า -/////////////////////-

     

    “ครับป้าซอนมี ยกน้ำกับขนมมาให้ด้วยนะครับ”

     

    “ได้ค่ะคุณหนูเทา เดี๋ยวป้ายกไปให้ที่ห้องรับแขกนะคะ” พอป้าแม่บ้านผละออกไป จื่อเทาก็เดินนำ คริสมาในห้องรับแขก คริสมองไปรอบห้องก็เห็นว่าห้องนี้ตกแต่งสไลต์จีน เครื่องใช้และของต่างๆ เหมือนถูกอิมพอร์ตมาจากจีน

     

      “พอดีว่าพ่อเทาเป็นคนจีน บ้านเลยตกแต่งสไตล์จีน บ้านคริสก็เป็นคนจีนเหมือนกันใช่ไหม” คริสพยักหน้าเมื่อเทาพูดจบ เขานั่งลงข้างๆ จื่อเทา เงยหน้าไปสบสายตากับคนน่ารักแล้วฟินจริงๆ ดูแก้มใสๆ นั่นขึ้นสีแดงสิๆ น่าเอาปากไปทาบมาก

     

    “มองแบบนี้เทาเขินนะ” คริสคว้ามือนุ่มไว้เขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ เทาก็ได้แต่หน้าแดงเพราะเขินไม่ยอมสบตา พอป้าแม่บ้านเอาน้ำและขนมมาให้ เจ้าตัวก็ชักมือออก

     

    น่ารักไร้เดียงสาจริงๆ

     

    “คริส….จะรบกวนไหม ถ้าเทาจะให้คริสนอนเป็นเพื่อนอ่ะ” เทาจับแขนผมก่อนจะส่งสายตาอ้อนแบบน่ารักมาให้ เจอแบบนี้ผมจะปฏิเสธลงได้ยังไง

     

    “ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าให้เรานอนเตียงเดียวกับเทานี่นะ” เจ้าตัวพยักหน้าขึ้นลงบอกว่าใช่ ก่อนจะปีนขึ้นมานั่งตักแล้วใช้มือคล้องคอผม ปรอยผมและกลิ่นหอมของเจ้าตัวพาให้ร่างกายผมเกรงไปหมดทุกส่วน

     

     นี่มันอะไรกันเนี่ย!

     

    “เทากลัวความมืด คริสต้องนอนข้างๆ เทาแล้วกล่อมเทาด้วยนะ จะกล่อมด้วยอะไรก็แล้วแต่คริสเลย” รอยยิ้มสวยถูกส่งออกมา ก่อนใบหน้าไร้เดียงสาจะเอียงคอจ้องตากับคริส    

     

    คริสที่ตั้งสติได้ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับไปมือกอดที่เอวจื่อเทาไว้  ไม่คิดว่าจื่อเทาจะขี้อ้อนและขี้ยั่วแบบนี้ จบงานนี้จงอินแฟนไอ้ชานยอลต้องลงตีนใส่แน่ๆ ที่บังอาจมากินเพื่อนมัน

     

    แต่ผมไม่กลัว โดนก็โดน! แต่ขอกินแมวน้อยตรงหน้านี่ก่อนเถอะ

     

    “กล่อมของคริสอาจจะนานหน่อยนะ คาดว่าคงกล่อมยันเช้า” คริสส่งสายตาสื่อความหมายในคำพูดชัดเจน  จื่อเทายังยกยิ้มสวยมาให้ กลีบปากบางยู่ขึ้นน่าจูบสุดๆ

     

    “เทาไม่กลัวหรอก ถ้าคริสกล่อมเทาได้จริงๆ” พอถูกคนสวยบนตักท้าทายด้วยสายตาและคำพูด คริสก็เผยรอยยิ้มมาดมั่น

     

    “งั้นเราไปเริ่มกล่อมกันเลยดีกว่า

                                              ……………………………………………..

     

    ผมที่ทำการบ้านเสร็จแล้วพอหันมาก็ไม่พบชานยอล คาดว่าคงนั่งดูทีวีอยู่ข้างล่าง พอเดินลงไปก็เห็นว่ากำลังนั่งดูทีวีในมือกินเลย์ไปด้วยสบายใจ

     

    จงอินเดินไปหาที่โซฟาก่อนจะหย่อนตัวนั่งข้างๆ ชานยอลที่หันมามองทางจงอินเล็กน้อยก่อนจะตั้งใจดูละครหลังข่าวต่อ 

     

    “ทำการบ้านเสร็จแล้วหรอว่ะ”

     

    “เออ” จงอินตอบกลับไป ได้ต้องสงสัยว่าผมกับมันทำไมพูดกันแบบนี้ เพราะผมกับมันอายุเท่ากันและผมไม่ใช่คนอ่อนหวานอะไร ติดจะเป็นคนห่ามๆ พูดอะไรตรงๆ ไอ้ครั้นจะให้มาพูดหวานๆ ใส่กันมันก็ไม่ใช่แนว

     

    “มึงดูนางเอกดิ ทำไมมันชอบปากแข็งว่ะ แค่บอกรักพระเอกมันยากมากหรือไง” ชานยอลชี้มือไปที่ละครที่กำลังดูอยู่ นี่มันแอบแซะผมหรือเปล่าเนี่ย?

     

    “ของแบบนี้ใครเขาพูดกันง่ายๆ ว่ะ นางเอกมันต้องเล่นตัวบ้าง พูดไปเดี๋ยวพระเอกแม่งได้ใจ” ผมตอบกลับไปตามความคิดตัวเอง

     

    “แล้วนางเอกแม่งไม่คิดหรอว่ะ ถ้าพระเอกได้ยินคำว่ารักจากปาก แล้วจะดีใจมากแค่ไหน มัวแต่ปากแข็งไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่เรื่องบอกรักเป็นเรื่องธรรมดา” ชานยอลมันหันมาจ้องตาผมก่อนจะเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกไป จงใจว่ากระทบผมชัดๆ

     

    “มึงไม่เข้าใจหรอก การจะพูดคำนั้นออกมา สำหรับคนที่ไม่ได้พูดบ่อยๆ มันยาก นางเอกเขาอาจจะไม่มั่นใจหรือเขินในการที่จะพูดคำนั้นอยู่ก็ได้” จงอินสบตาชานยอลกลับไป  ก่อนจะเห็นรอยยิ้มจากปากคนที่นั่งข้างๆ กันราวกับมันคิดอะไรออก

     

    “กูก็ยังไม่เข้าใจ แค่คำว่า รัก มึงพูดมันไม่ได้หรอ ถ้ามึงเขินก็มากระซิบข้างหูกูก็ได้ม่ะ” ชายอลมันเอียงหูก่อนจะชี้ให้มาพูดตรงนี้ ใบหน้าดูขบขันเมื่อเห็นผมเขิน

     

    “ไม่มีวันหรอกมึง กวนตีนดีนักก็อย่าหวังว่าจะได้ฟัง!” จงอินพูดขึ้นก่อนจะหยิบเลย์ยัดใส่ปากชานยอล จนมือหนาต้องเอามือบางออก

     

    “มึงนี่นะ จะปากแข็งหาอะไรว่ะ ใช่ว่าพูดออกมาดอกพิกุลมันจะร่วงสักหน่อย พูดให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้” ชานยอลทำหน้างอนบ้าง แต่ในสายตาจงอินมันดูหน้าถีบมากกว่าน่าเอ็นดู  มือหนาเอื้อมมายีศีรษะจนจงอินผมยุ่งไปหมด

     

    “พอเลยมือก็เลอะยังมาเล่นหัวกูอีก” จงอินเบี่ยงตัวหลบ แต่มือหนากลับคว้าตัวให้ไปใกล้ๆ เชยคางเรียวให้ขึ้นมาสบตากับตนเอง

     

    “มึงนี่น่าจับมาจูบ แล้วเค้นคำว่ารักออกมาซะให้เข็ด” จงอินแบะปากปัดมือที่เชยคางออกไป สายตาคมมองไปที่คนตัวโตก่อนจะแลบลิ้นใส่

     

    “ยังไงกูก็ไม่พูดให้มึงดีใจหรอก…..” พูดไม่ทันจบปากบางของคนปากแข็ง ก็โดนคนตัวโตกว่าประกบริมฝีปากลงทันที มือหนาล็อคใบหน้าคนผิวสีแทนไว้กันโดนเบี่ยงหน้าหลบ คนที่ถูกจู่โจมก็ได้แต่โอนอ่อนไปตามที่คนตัวโตชักนำ

     

    กลีบปากปากถูกดูดดึงจนซ้ำๆ จนสีช้ำไปหมด ก่อนคนตัวโตจะผละออกมาคลอเคลียใบหน้าอยู่ตรงแก้มใส

     

    “ถ้ามึงไม่พูด กูจะจูบอีกจนกว่ามึงจะพูด” คนตัวโตกระซิบข้างหู

     

    “ไอ้โรคจิต! ยังไงกูก็ไม่พูด….อื้อ” ไม่ทันขาดคำคนผิวสีแทนก็โดนร่างสูงประกบจูบลงใหม่ คราวนี้ลึกซึ้งและร้อนแรงกว่าเดิม ปากหยักบดเบียดก่อนจะเปิดกลีบปากบางให้เปิดออกแล้วเข้าไปควานหาความหวานภายใน  

     

        “จะพูดได้หรือยัง” คนผิวสีแทนหอบหายใจหน้าแดงระเรื่อ จ้องมองชานยอลกลับไปอย่างดื้อรั้น  จนคนตัวโตรู้สึกเหนื่อยใจ

     

    แค่คำว่ารัก มันพูดยากขนาดนั้นเชียว?

     

    “ถ้ายังไม่ยอมพูด ไม่จบที่จูบแน่ๆ จะยอมพูดไหมที่รัก” ชานยอลลอยหน้าลอยตาใส่คนผิวสีแทนที่หน้าแดงระเรื่อ มือบางทุบที่อกคนฉวยโอกาสตรงหน้าเมื่อมือมันเลื่อนมาจับที่สะโพกแล้วบีบเค้น

     

    “กูไม่ยอมพูด อย่ามาบังคับกู!

     

    “พูดแบบนี้แสดงว่าอยากโดน เดี๋ยวกูจัดให้! จะเอาให้พรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหวเลย” ไม่พูดเปล่าชานยอลช้อนร่างจงอินขึ้นมาแนบอกแล้วพาเดินขึ้นบันไดไป ส่วนคนที่โดนอุ้มก็พยายามดิ้นเอามือทึ้งหัว แต่ชานยอลก็ถึกไม่ยอมแพ้ พอถึงห้องก็เหวี่ยงร่างจงอินลงบนที่นอนอย่างแรง

     

    ปั่ก!

     

    “ไอ้หูกาง! กูเจ็บนะเว้ย! ถ้าก้นกบกูพังกูเตะมึงแน่!” ชานยอลมองคนที่บ่นอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าขบขัน ตอนแรกกะจะแกล้งเล่นให้จงอินมันพูดออกมา แต่มันดันปากแข็งสุดๆ จูบก็แล้วขู่ก็แล้วก็ยังไม่พูดให้ฟังให้ผมได้ชื่นใจสักที แถมยังกวนประสาทผมกลับอีก

     

    แบบนี้มันต้องให้บทเรียนหน่อยซะแล้วมั้ง :)

     

    “คราวนี้กูเปลี่ยนใจแล้ว กูจะกระแทกมึงจนกว่ามึงจะบอกรักกู ถ้ากูไม่ได้ยินคำว่ารัก วันนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้นอน” ตัวตาของคนผิวสีแทนตกใจขึ้นมา เตรียมจะกระโดดหนีแต่คนตัวโตก็รู้ทันคว้ากลับมาแล้วเหวี่ยงแล้วที่เตียงเหมือนเดิม ทำให้คนผิวสีแทนต้องเจ็บตัวรอบสอง

     

    “อย่านะเว้ย! มึงนี่มันจะอะไรหนักหนาว่ะ! มึงมันงี่เง่าที่สุดเลยชานยอล!” ชานยอลไม่ได้สนใจคำด่าทอ ขึ้นไปคร่อมร่างบางไว้ก่อนจะเริ่มการเค้นคำว่ารักออกมา

    ………………………………………………………..

     

    ตอนเช้าจงอินตื่นขึ้นมาก่อนเพราะโทรศัพท์จากเทาที่บอกว่าจะไม่ไปเรียน จงอินมองนาฬิกาบนมือถือก่อนจะบอกว่าตัวเองไม่ไปเหมือนกัน  จงอินได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่กับเพื่อนเขาด้วย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

     

    สงสัยหูฝาด

     

    “งั้นเย็นๆ ไปกินข้าวด้วยกันนะ” หลังจากคุยกับจื่อเทาจบ จงอินก็หันมามองไอ้คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวมือยังกอดเอวไว้จากด้านหลังอยู่ ตอนแรกว่าจะเอามือออกแต่ก็เปลี่ยนใจหันไปมองใบหน้ามันตอนหลับ

     

    เมื่อวานสุดท้ายจงอินคนนี้ก็ไม่ได้พูดคำว่ารักออกไปให้มันฟัง แต่ที่มันออกปล่อยเพราะผมเหนื่อยจนไม่มีแรงแล้วต่างหาก แต่กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าจริง ปวดเมื่อยระบมไปทั้งตัวจนไปเรียนไม่ได้อย่างที่มันพูดจริงๆ !

     

    “กูรักมึงนะ” คำบอกรักที่คนที่หลับอยู่อยากได้ยินแทบตาย จงอินพูดมันออกมาง่ายดายโดยไม่ต้องบังคับเพราะชานยอลยังหลับอยู่  มือบางจิ้มลงที่หน้าผากคนหลับซ้ำๆ

     

    “อย่าเพิ่งตื่นมานะกูเขิน มึงมันงี่เง่ามาบังคับกู ก็รู้อยู่ว่ากูไม่ชอบให้ใครบังคับ แล้วยิ่งเรื่องนี้ด้วย ใครมันจะไปหน้าด้านบอกรักได้ทุกวันเหมือนมึงว่ะ” พูดจบก็จูบลงบนปากหยักเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น 

     

    ถ้าให้พูดตรงๆ ตอนชานยอลมันตื่นผมไม่กล้าพูดแน่ๆ

     

    “ที่ไม่เคยพูดคำว่ารักไม่ใช่ว่ากูไม่รักมึงหรอกนะ บางทีการกระทำมันก็สำคัญกว่าคำพูด แต่กูรู้ว่าสำหรับมึงคำพูดสำคัญกว่าการกระทำ” ไหนๆ มันก็หลับแล้ว ขอบ่นระบายความอัดอั้นตันใจหน่อย เพราะถ้ามันตื่นผมกับมันก็ต้องทะเลาะกันอีก

     

    “ถ้ามึงหวังจะให้กูเป็นอย่างคนอื่นกูทำไม่ได้หรอก มึงหวังจะให้กูพูดดีๆ พูดหวานๆ กับมึง มึงคงต้องหาแฟนใหม่แล้วล่ะ เพราะมันไม่ใช่นิสัยกู” จงอินไล้มือไปตามใบหน้าคนที่ยังนอนหลับตาพริ้มอย่างน่าเอ็นดู

     

    “อย่าเบื่อกูแล้วกัน เพราะกูก็รู้ว่าตัวเองงี่เง่าไม่เบา บอกรักกูทุกวันอย่างที่มึงพูดอ่ะดีแล้ว พูดแทนสิ่งที่กูอายไม่กล้าพูดให้กูฟังทุกวันนะ”

     

    “อื้ม” ผมตกใจเมื่อมีเสียงตอบรับจากลำคอมัน พร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้นมาจ้องตากับผม

     

    “มีอะไรจะพูดอีกไหมจงอิน กูอยากฟังความในใจมึงต่อ” คนที่อยู่ในอ้อมกอดหน้าแดงซ่านเบนสายตาหลบ นี่มันตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่!

     

    “กูตื่นตั้งแต่มึงคุยโทรศัพท์กับเทาแล้ว โทรศัพท์มึงริงโทนโคตรดัง กูไม่ตื่นก็ขี้เซาเกินไปแล้ว” ผมไม่กล้ามองหน้ามันเลย ก็สงสัยอยู่ว่าวันนี้มันหลับลึกจัง 

     

    แบบนี้มันก็ได้ยินตั้งแต่ผมบอกรักมันนะสิ  

     

    “ถ้ามึงเงียบ งั้นกูจะพูดบ้างนะ กูรักมึง รักมาก รัก รัก รัก รัก รัก” ปาร์คชานยอลช่างเป็นคนกวนตีนที่สุดเท่าที่เจอมา มันก็รู้ว่าผมอายมันยังก็จะพูดอยู่นั่นแหละ 

     

    คนผิวสีแทนก้มหน้างุดไม่ยอมมองหน้าเพราะอาย เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เพิ่งแกล้งบอกรักได้ชะงัด พอได้ยินเสียงหัวเราะใบหน้าคมก็มุ่ยลงแล้วเริ่มดิ้นจะออกจากอ้อมกอดอุ่น

     

    “ปล่อยกู แกล้งกูสนุกนักใช่ไหม ปล่อยกูเลย!

     

    “โอ๋งอนหรอครับจงอิน ชานยอลขอโทษนะครับ ไม่นึกว่าคำบอกรักจะไปกระทบจิตใจอันแข็งแกร่งของจงอิน” มันทำหน้าตากวนตีนจนผมยกมือขึ้นตบหน้าผากมันอย่างแรงแล้วรีบลุกขึ้น

     

    “กวนตีนแบบนี้ เดี๋ยวได้กินตีนเป็นข้าวกลางวัน กูจะไปอาบน้ำ ลงไปทำอะไรให้กูกินด้วย” พูดจบคนผิวสีแทนก็สลัดผ้าห่มออก ลุกเดินออกเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่า หยิบผ้าขนหนูก่อนจะเปิดประตูออกไปเข้าห้องน้ำ

     

    ชานยอลโคลงศีรษะอยู่บนเตียงด้วยใบหน้ามีความสุข ลุกขึ้นหาบ็อกเซอร์มาใส่เตรียมตัวไปล้างหน้าล้างตาแล้วทำอาหารให้แฟนกิน

     

    ได้ยินคำว่ารัก ของจงอินแล้วมีความสุขแปลกๆ อารมณ์ดีจนมองไปทางไหนก็สดใส

     

    พูดให้ฟังบ่อยๆ ก็ดีนะ จงอิน

    ………………………………………………………..

     

    “เทา! อ้าวมากับไอ้คริสได้ไงอ่ะ” จงอินเดินไปเปิดประตูบ้านเมื่อเห็นเทาเพื่อนเขาเดินเข้ามา ก่อนจะตามมาด้วยคริสเพื่อนไอ้ชานยอล  เทาเอามือนาบแก้มท่าทีขวยเขินเดินเข้ามาเกาะแขนผม

     

    จงอินคิดในใจก่อนจะตวัดสายตาไปทางคริสจนคนมองรู้สึกสะดุ้ง ก่อนร่างบางที่ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นจะปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อคริส

     

    “มึงทำอะไรเพื่อนกู!!” คริสตกใจก่อนจะรีบส่ายหน้าไว้ก่อน จื่อเทาดึงมือจงอินออกจากคอเสื้อคริส

     

    “คริสไม่ได้ทำอะไรเทาจงอิน! ปล่อยคริสออก” คนที่โดนดึงคอเสื้อจนรู้สึกขอบคุณมากๆ เพราะเสื้อข้างหลังมันรัดคอเขาจนเจ็บไปหมด แล้วนี่ชานยอลไปไหนว่ะถึงปล่อยแฟนมันไว้คนเดียว

     

    “มากันแล้วหรอ รอแปบเดียว….กูใกล้ทำเสร็จแล้ว” ชานยอลเดินออกมาจากครัวพร้อมกับตะหลิวในมือ คริสพยายามจะพุ่งไปขอความช่วยเหลือแต่ดูเหมือนชานยอลมันจะไม่รู้เรื่องแล้วเดินเข้าครัวไป

     

    “แล้วมากับคริสได้ยังไง แล้วเทาโดนมันทำอะไรหรือเปล่า” จงอินจับเทาหมุนตัวกระชากคอเสื้อลงมาดู พลิกแขนจนเทาต้องบอกให้หยุด

     

    “พอแล้วจงอิน เทาเวียนหัวหมดแล้ว คริสแค่ไปรับเทาที่บ้านเอง ไปกินข้าวกันดีกว่าเนอะ” จงอินหรี่ตาลงมองเทา แล้วตวัดสายตามองไปทางคริสอย่างหวงเพื่อน  ก่อนจะยอมตามไปเพราะไม่เห็นว่าเพื่อนเป็นอะไร

     

    คริสแอบถอนหายใจที่จงอินจับไม่ได้ ถึงตอนแรกจะบอกว่าพร้อม แต่ถ้าจงอินรู้ช้าเท่าไหร่จะดีกว่า แล้วเทาก็บอกว่าค่อยบอกจงอินทีหลังก็ได้  เพราะจงอินหวงเทามาก จากที่เห็นแบบนี้ผมก็เชื่อจริงๆ

     

    บนโต๊ะอาหารตอนนี้เต็มไปด้วยกับข้าวที่ชานยอลทำเอง จงอินนั่งอยู่ข้างเดียวกับเทาคุยกันน่ารักจนชายหนุ่มสองคนที่อยู่ตรงข้ามอดยิ้มออกมาไม่ได้

     

    “จงอินทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าหนาๆ นี่มันหน้าหนาวแล้วนะ เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก ชอบโชว์หรือไงรอยตามตัวนี่” เทาพูดไปก็จิ้มรอยที่ชานยอลขบกัดจนสีระเรื่อทั้งตรงคอ ตรงสีข้าง มันเห็นรอยชัดเจนเพราะจงอินใส่เสื้อกล้ามควานข้างควานหลังซะขนาดนี้

     

    “รู้แล้วน่า แต่กูร้อนไง อ้อวันนั้นซื้อไอติมมา กินป่ะเดี๋ยวไปเอาให้” จื่อเทาพยักหน้าให้จงอินก่อนคนผิวสีแทนจะลุกออกไปหายไปทางห้องครัว  

     

    ชานยอลมองตามแฟนตัวเองไปก่อนจะเห็นสีหน้านิ่งๆ ของเพื่อน

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่าว่ะมึง เงียบๆ” คริสส่ายหน้าให้ชานยอล ก่อนคนตัวโตจะลุกขึ้นจังหวะที่กำลังลุกตัวก็ชนแก้วน้ำจนมันตก ชานยอลก้มลงไปเก็บก่อนจะตาโตตกใจ เมื่อเห็นเท้าจื่อเทาเพื่อนจงอินไล้อยู่บนหน้าขาเพื่อนตัวเองเกือบจะถึงจุดกึ่งกลางของมันแล้ว

     

    ชานยอลลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าพูดไม่ถูก จ้องไปที่คริสด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม แต่เดี๋ยวผมจะถามมันทีหลัง ชานยอลจ้องไปที่จื่อเทาที่ส่งยิ้มมาให้น่ารักไร้เดียงสา 

     

    โอเคผมว่าเรื่องนี้จงอินไม่ควรรู้

     

    “มาแล้วเทา รสนี้มึงชอบใช่ไหม” จงอินเดินออกมาพร้อมกับถ้วยไอติมรสวนิลา เทาพยักหน้าก่อนจะรับช้อนมานั่งตักกินไอติมกับจงอิน 

     

      “ชานยอลจะกินด้วยกันไหม” เสียงเทาเรียกชื่อผมขึ้น ก่อนผมจะปฏิเสธแล้วกับไปนั่งที่เดิม มองหน้าคริสที่มันเริ่มกัดปากอย่างเป็นอันรู้

     

      พอมองไปที่เทาเจ้าตัวก็ส่งรอยยิ้มเล็กๆ มาให้ผม คือมันน่ารักมาก จงอินยังบอกบ่อยๆ ว่าเทายิ้มแล้วน่ารักอยากเข้าไปฟัด

     

    จงอินจะรู้ไหมเนี่ยว่าภายใต้รอยยิ้มน่ารักเพื่อนตัวเองนี่ร้ายสุดๆ เลย!!

     

    ………………………………………

    ช่วงแมวพิมพ์

    อ่า~ ครั้งนี้มาแบบเกรียนๆ หน่อย เหมือนเอานิสัยตัวเองมาเขียน5555555555 หวังว่าทุกคนคงจะชอบกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นมากนะคะ ^^  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×