ปกติแล้วในชีวิตประจำวัน สาวๆ มักจะคิดว่าการสวมเสื้อผ้าก็ช่วยปกป้องผิวกายจากแสงแดดได้เพียงพอแล้ว และมักจะเลือกใช้ครีมกันแดดทาตัว เพื่อปกป้องผิวกายเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรงเป็นระยะเวลานาน เช่น การไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด เท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว การปกป้องผิวกายจากรังสียูวีเป็นประจำทุกวันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่เฉพาะสาวๆ เท่านั้น เพราะรังสียูวีสามารถซึมเข้าทำร้ายผิวได้ แม้ในวันที่ไม่มีแสงแดด มีเมฆครึ้ม หรือแม้จะอยู่ในอาคาร ดังนั้นเราควรรรู้จักวิธีการเลือกครีมกันแดดทาตัว ให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณกันครับ
3 ข้อที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อครีมกันแดดทาตัว
- ค่า SPF ในครีมกันแดดทาตัวบอกอะไร
SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่เป็นตัวระบุระดับการป้องกันผิวจากรังสี UVB ในแสงแดด โดยที่ผิวของคนเราจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งหากผิวได้รับ UVB มากเกินไปโดยปราศจากเครื่องป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสมจะทำให้ผิว ไหม้เสียและหมองคล้ำ
- ต้องใช้ SPF เท่าไหร่ถึงจะดีที่สุด !
การเลือกครีมกันแดดทาตัวโดยพิจารณาจากค่า SPF ที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป เหมาะกับบุคคลทั่วไป ที่มีโอกาสสัมผัสแสงแดดบ้างในบางช่วงเวลา เช่น พนักงานออฟฟิศ ส่วนครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 ขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำกิจรรมที่ต้องอยู่กลางแดด เช่น เล่นกีฬากลางแจ้ง เล่นน้ำทะเล เป็นต้น
- ค่า PA ในครีมกันแดดทาตัวบอกอะไร
PA หรือ Protection Grade of UVA คือ สารที่ทำหน้าที่ปกป้องแสง UVA ซึ่ง UVA นั้นเป็นสาเหตุสำคัญ ของริ้วรอย ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ค่า PA มีด้วยกัน 3 ระดับ คือ
PA+ คือ มีความสามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 2 เท่า เหมาะสำหรับผู้ที่สัมผัสแสงแดดบ้างระหว่างวัน เช่น สาวออฟฟิศ
PA++ คือ มีความสามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 4 เท่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องออกไปทำงานกลางแจ้ง หรือออกแดดมากกว่าปกติ
PA+++ คือ มีความสามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 8 เท่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องไปเที่ยวทะเล หรือต้องตากแดดทั้งวันนานๆ
รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมทาครีมกันแดดทาตัวก่อนออกจากบ้านสัก 2-3 ชั่วโมง ที่สำคัญต้องทาทุกวัน แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของผิว เพราะจะช่วยปกป้องผิวสวยของคุณแล้ว ยังลดความเสี่ยงการเกิดโรงมะเร็งได้ และช่วยให้คุณท่องเที่ยวในฤดูกาลซัมเมอร์นี้ อย่างปลอดภัย ผิวไม่เสีย ไม่กลัวแดดแน่นอน !!
ความคิดเห็น