ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลวงรักพิศวาสร้าย (เขียนจบ e-book)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนท่ี่สาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.23K
      9
      24 พ.ย. 54

















    ร่างบางของวรัญญาภาเดินทอดน่องไปกับสวนหย่อมของโรงพยาบาล... แมกไม้นานาพรรณที่ถูกดูแลตกแต่งเป็นอย่างดีบวกกับน้ำตกจำลองที่มีเสียงน้ำไหลตลอดเวลาสร้างความร่มรื่นให้สถานที่แห่งนี้ราวกับว่าเป็นสถานที่พักผ่อนชั้นดีทั้งที่สวนแห่งนี้เป็นเพียงแค่สถานที่พักผ่อนของโรงพยาบาลเอกชนกลางเมืองใหญ่เท่านั้น

                    และด้วยชุดสีขาวสะอาดที่ตัดกันกับสวนสีเขียวๆ นั้นทำให้คนที่สวมชุดกาวน์สีขาวที่นั่งอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่อีกมุมหนึ่งของส่วนหย่อมนั้นสังเกตุเห็นวรัญญาภาและลุกขึ้นเดินมาหาเธอโดยไม่ฟังคำทัดทานของเพื่อนรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยสักนิด

                    ตาลเสียงคุ้นหูเรียกแผ่วเบาคล้ายผู้ที่เปล่งเสียงออกมานั้นจะไม่มีความมั่นใจ...

    ร่างบางชะงักกึก น้ำเสียงที่เธอเคยหลงรักมานานปี น้ำเสียงที่เมื่อก่อนอยู่เคียงข้างเธอเสมอ หากแต่ยามนี้เป็นน้ำเสียงที่เธอฟังแล้วปวดหัวใจ แม้เมื่อไม่ได้เห็นหน้าคนที่เอื้อนเอ่ยมันออกมา เธอก็ยังจำมันได้ดีว่ามันเป็นเสียงของใคร... หัวใจที่เจ็บแปลบช้ำเลือดช้ำหนองเหมือนโดนกระแทกซ้ำเมื่อยามหันกลับมาเห็นดวงหน้าที่ฉายแววแห่งความรักความห่วงใยอยู่เต็มเปี่ยมของชายอันเคยเป็นที่รัก...

                    แต่เธอก็แทบจะน้ำตารินไหลออกมาเมื่อเห็นแววตารู้สึกผิดเจืออยู่... และสำเหนียกได้ว่าต่อแต่นี้ไปเขาก็จะเป็นอดีตสำหรับเธอ

                    สวัสดีค่ะหมอรอยยิ้มชืดๆ กับสรรพนามที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้คนฟังแทบไม่กล้าพูดหรือเจรจาอะไรต่อ เพราะระหว่างเขาและเธอห่างไกลกันเหลือเกิน เขาก็รู้ตัวว่าความผิดเหล่านั้นมันไม่ควรที่จะได้รับการให้อภัยจากเธอแม้แต่น้อยนิด แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมยามที่เห็นเธอนั้นเขายังอยากเข้ามาใกล้ อยากดูแลอยากห่วงใยและปล่อยวางไม่ได้เสียที...

    คงเป็นเพราะว่าเขายังรักคนตรงหน้านี้หมดหัวใจอยู่นั่นเอง...

    สบายดีไหมคำถามที่โง่ที่สุดหลุดออกจากปากอัศวธร

    ค่ะ คุณหมอคงจะถามแค่นี้ใช่ไหมคะขอบคุณมากนะคะที่ยังมีแก่ใจถามสารทุกข์สุกดิบของเพื่อนร่วมงาน...คำว่าเพื่อนร่วมงานถูกเน้นราวกับจะย้ำเตือนเขาและเธอ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ

    เธอบอกแล้วเดินจากไปไม่เหลียวหลัง... เหมือนว่าคนที่เธอเพิ่งเดินผ่านไม่เคยมีความหมายใดๆ กับเธอแม้แต่น้อย คนที่ยืนนิ่งอยู่ได้แต่มองตามร่างบางไปอย่างแสนเสียดาย และห่วงใย...

     อัศวธรพอจะรู้ว่าท่าทีที่เข้มแข็งนั้นขัดกับหัวใจของเธอที่เจ็บช้ำ และกลั้นสะอื้นจนไหล่บางไหวสะท้าน.. ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาคนเดียวแท้ๆ แต่เขาก็ทำอะไรให้มันดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว... ทุกวินาทีที่เขาอยู่ตรงนี้ก็มีแต่ทำร้ายเธอเท่านั้น แม้ว่าภายนอกคนรักเก่าของเขาจะเข้มแข็งเท่าใดแต่เขารู้ว่าภายในนั้นเธอเป็นคนอ่อนแอและต้องการความรักมากมายแค่ไหน...

     เธอรักเขามากและมีเพียงเขาคนเดียว แต่เขาก็ยังทรยศเธอ...

    เขาไม่กล้าโยนความผิดทั้งหมดให้พราวดาว... ความพลั้งพลาดจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยถ้าเขาไม่ดื่มเหล้าจนรู้สึกว่ามึนหัว ถ้าเขาไม่ไปส่งเธอที่คอนโดแล้วทำตัวเป็นสุภาพบุรุษทั้งที่ไปส่งเธอถึงห้องแล้วดื่มน้ำที่ผสมสารกระตุ้นกำหนัดที่เธอใส่ส่งให้มาก่อนจะกลับ เหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดฝันระหว่างเขากับพราวดาวจึงเกิดขึ้นจนทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้

    อัศวธรยืนหน้าเครียดอยู่ดีๆ ก็มีมือหนามาตบบ่าเขาแรงๆ เพื่อเรียกกำลังใจของเขากลับมา... เพื่อนรุ่นพี่นั่งอยู่ข้างๆ เขาก่อนที่จะลุกมาหาวรัญญาภานั่นเอง...

    ฉันบอกว่าช่วงนี้นายควรจะอยู่ห่างๆ เขาให้เขาทำใจยังไงล่ะ...

    ผมตั้งใจแล้วครับพี่อนาคิณ... แต่ไม่รู้ว่าทำไมยังอยากพูดกับเขาอยู่ตอนนี้ เหมือนว่าเรายังไม่เข้าใจกันเลย... ผมแค่อยากให้เขาทำอะไรสักอย่างก็ได้ให้ผมเจ็บ เผื่อที่ว่าเธอจะได้เห็นว่าผมรู้สึกผิดแค่ไหน...

    นายเดินไปข้างหน้าแล้วถอยหลังมาไม่ได้หรอกนะ... ตัดใจจากเธอแล้วดูแลลูกเมียนายให้ดีที่สุดเถอะ... แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดและได้มาจากความไม่ตั้งใจแต่นายก็ต้องรับผิดชอบ และทำทุกอย่างให้ดีมี่ที่สุดมือหนาบีบบ่าของอัศวธร...

    ผมจะพยายามครับคนทำความผิดเอ่ยเสียงแผ่วเบา... รับปากนั้นแสนง่าย แต่กว่าจะทำได้คงยากและใช้เวลาอีกนาน...

    อัศวธรมองตามหญิงสาวร่างเล็กไป.. ด้วยสายตาอาวรณ์แต่ในใจก็ขอให้เธอไปได้ดีกว่าคนอย่างเขา

    ส่วนอนาคิณที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานั้นก็มองตามเธอไปเช่นกัน.. แต่ดวงตานั้นมองอย่างมีความหมาย... เธอต้องได้รับความเจ็บปวดแต่ก็ต้องเข้มแข็งและอยู่สู้หน้าผู้คนมากมาย และต้องยิ้มให้ออก เขารู้ว่ามันยากลำบาก และเธอคงจะเหนื่อยใจมาก...

                    อนาคิณคิดว่าตัวเองทำถูกต้องแล้วที่เข้าไปในชีวิตเธอในช่วงนี้... ช่วงที่เธอกำลังเสียใจอย่างที่สุด...

     

                    อาหารมื้อเย็นที่บ้านของบิดาเลี้ยงวรัญญาภานั้นเกือบจะพร้อมหน้าพร้อมตากันยกเว้นก็แต่ตระการตาพี่สาวคนโตของเธอเท่านั้นที่ไปประเทศจาร์มา (ประเทศจาร์มา-ประเทศที่สมมติขึ้นมาในเรื่อง )ยังไม่กลับ แม้ว่าจะมีคนมากมายไม่ว่าจะเป็นมารดาของวรัญญาภาและบิดาของอนาคิณ วรัญญาภาเองและอริญญาดาผู้เป็นน้อง แต่กลับไม่ได้ครื้นเครงเท่าใดนัก ต่างคนต่างทานข้าวกันไป มีแต่อนาคิณกับอริญญาดาเท่านั้นที่คุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับการเรียนถ่ายภาพที่อนาคิณเรียนเป็นวิชาเสริมสมัยเป็นนักเรียนแพทย์ซึ่งอริญญาดาที่เรียนวิทยาศาสตร์อยู่สนใจไปเรียนเช่นเดียวกัน...

                    เดิมทีนั้นเมื่อมารดาแต่งงานใหม่ วรัญญาภากับตระการตาเข้ากับครอบครัวใหม่ไม่ได้นัก แต่ก็เคารพการตัดสินใจของมารดาไม่ได้ห้ามท่านแต่งงานใหม่แต่อย่างใด เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เหมือนต่างคนต่างอยู่เพราะว่าโตแล้ว จะมีแต่อริญญาดาน้องเล็กแสนขี้อ้อนเท่านั้นที่เปิดรับครอบครัวใหม่อย่างเต็มใจและพูดคุยกับพี่ชายและพ่อเลี้ยงมากกว่าพี่สาวทั้งสอง...

                    แต่วันนี้เธอรู้ดีว่าการสนิทสนมระหว่างหมออนาคิณและน้องคนเล็กของเธอมันแปลกกว่าที่เคย...ดูก็รู้ว่าอนาคิณจงใจใกล้ชิดน้องสาวเธอเพื่อประชดเธอ เขาต้องการให้เธอยอมอ่อนข้อให้เขาทุกอย่างเพื่อที่จะไม่วุ่นวายกับน้องสาวของเธอ...

                    ในสายตาของอริญญาดานั้นอนาคิณเป็นพี่ชายที่แสนดี เป็นหมอที่เก่ง หน้าตาดี ร่ำรวย นิสัยดีมาก จนดูเพอร์เฟคไปหมด มีพี่ชายดีๆ ที่น่าควงอวดเพื่อน แต่สำหรับวรัญญาภานั้นเธอได้เห็นฉากในมุมมืดของเขาที่ใครไม่ได้เห็น เธอจึงรู้ว่าภาพที่คนมองเขากับภาพที่เป็นจริงมันต่างกัน และไม่ค่อยอยากให้น้องได้ยุ่งเกี่ยวกับเขาเท่าไหร่ แต่เตือนหลายครั้งแล้วน้องคนสุดท้องก็ไม่ค่อยฟังเธอ ยิ่งอนาคิณเอาเรื่องน้องสาวมาต่อรองเช่นนี้ยามเมื่อเห็นความสนิทสนมของทั้งสองแล้ววรัญญาภาก็ยิ่งอึดอัดใจ... แต่เธอจะยอมเขามันก็ไม่ใช่เรื่องอีก...

                    เย็นนี้ผมกับน้องเตยจะไปดูหนังกัน... คุณพ่อคุณแม่กับตาลจะไปด้วยไหมครับเขาพูดขึ้นมาลอยๆ บนโต๊ะ วรัญญาภาหันไปมองทั้งสองตาเบิกกว้าง...

                    นี่ถึงขนาดไปดูหนังด้วยกัน สองคนนี้สนิทกันขนาดนี้เลยหรือไง... เมื่อเห็นสายตาท้าทายของอนาคิณเธอก็ยิ่งไม่อยากให้น้องสาวเข้าไปยุ่งกับเขาเลย...

                    ยัยตาล ไปกับพี่เขาไหมลูก

                    ไม่ค่ะ ตาลอยากพักผ่อนเธอบอกปัดๆ ก่อนจะขอตัวลุกเดินขึ้นห้องไปตั้งหลักก่อน... เธอจะพยายามหาทางที่จะให้น้องสาวออกห่างจากคนวายร้ายนั้นให้ได้ โดยที่เธอไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว... ให้มันรู้ไปสิว่าระหว่างพี่สาวกับพี่นอกใส้ ยัยน้องสาวจะเลือกใคร...

     

                    วรัญญาภานอนอยู่ก็ผุดลุกขึ้นมาควานหามือถือในกระเป๋าเพราะได้ยินเสียงเรียกเข้า เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จักมาก่อนเธอคิดว่าน่าจะเป็นพ่อของน้องน้ำหวานที่โทรมาปรึกษาเรื่องบางอย่างกับเธอหลังจากที่เธอลงเวรจึงรับโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไร... แต่พอได้ยินเสียงตอบกลับมา เธอก็แทบอยากวางสายถ้าเขาไม่พูดดักคอไว้ก่อน...

                    หวังว่าได้ยินเสียงผมแล้วคงไม่ขี้ขลาดวางสายหนีนะวรัญญาภาจึงตอบคนที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงห้วนที่สุดที่เคยพูดมาว่า...

                    มีอะไร

                    ไม่ไปดูหนังด้วยกันเหรอ... ปล่อยผมไปสองคนผมจีบน้องสาวคุณจนได้กลายเป็นน้องเขยคุณอย่ามาว่ากันนะ

    นี่คุณ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับน้องฉัน

    เธอเข่นเขี้ยวบอกไป

    งั้นคืนนี้ก็ทำตัวน่ารักๆ รอผมที่ห้องนะ เดี๋ยวไปหา อย่าผิดสัญญากันล่ะ... ผมจะทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีของน้องสาวคุณต่อไป แต่ว่าถ้าคุณไม่ยอมร่วมมือกับผมดีๆ ผมก็ไม่รับปากนะว่าจะไม่ยุ่งกับเตย เพราะน้องเขาออกน่ารักอย่างนั้นหยอดระเบิดเอาไว้แล้วอนาคิณก็วางสายไป วรัญญาภาโทรติดต่อก็ไม่ได้ โทรหาน้องสาวเท่าไหร่น้องสาวก็ไม่รับ จนเธอต้องลุกขึ้นเดินเป็นเสือติดจั่นเพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพของน้องสาวตนเอง...

     

                    แต่ถึงอย่างไรวรัญญาภาก็ไม่ลืมที่จะล็อคห้องอย่างแน่นหนาไม่ยอมให้เขาเข้ามา เรื่องยอมเขาน่ะหรือ เธอไม่มีวันเป็นแน่...

                    อย่าให้ฉันหาทางออกได้นะนายอนาคิณจอมเจ้าเล่ห์ เธอบ่นในใจถึงผู้ชายจอมสร้างภาพให้คนเห็นว่าดีทุกกระเบียดนิ้ว... แต่เขากลับรังแกคนไม่มีทางสู้อย่างเธอได้ตลอดเวลา...

                    วรัญญาภาโมโหเดินทั่วห้องเป็นเสือติดจั่นจนดึกก็ไม่ได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาเสียที จนเธอทนไม่ไหวง่วงต้องนอนก่อนเพื่อเอาแรงไปทำงานในยามเช้า... ก่อนจะนอนเธอยังไม่วายไหว้พระให้น้องสาวรอดปลอดภัยพ้นเงื้อมมือผู้ชายจอมหื่นอย่างเขา อย่าให้เขามื้อไม้ยุ่มย่ามกับน้องสาวตัวเองเหมือนที่ทำกับเธอ... ไม่อย่างนั้นเธอคงเสียใจมาก...

                    วรัญญาภาเข้านอนไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า เธอลืมเรื่องที่เธอเสียใจกับคนรักไปเลย... ความโกรธที่มีต่ออนาคิณมาแทนที่จนหมดจนแทบลืมไปเลยว่าตอนนี้เธอกำลังถูกคนรักทิ้งไปแต่งงานกับเพื่อน... ความโกรธของเธอบดบังความเสียใจโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวเอาเสียเลย...

     

                   

                    ยามรุ่งเช้าก่อนออกไปทำงานวรัญญาภาก็ได้ความว่าทำไมน้องสาวกับอนาคิณที่ไปดูหนังด้วยกันทำไมถึงกลับดึกนัก... เพราะว่าทั้งสองไปเที่ยวผับต่อจนดึกดื่นกลับมาเกือบค่อนเช้า เรื่องนี้คนรับใช้ที่ทำหน้าที่เปิดประตูให้คนทั้งสองบอกเธอเอง หมอสาวโกรธแทบกระอักแค่คิดว่าอนาคิณพาน้องสาวตัวเองเสียคนเที่ยวกลางคืนจนเกือบค่อนเช้าก็รู้สึกแย่ขึ้นมา

                    ขนาดไปด้วยกันไม่บ่อยยังได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดสนิทกันกว่านี้ หมอนั่นได้ทำมิดีมิร้ายน้องสาวเธอแน่ เธอจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว... คนนิสัยไม่ดีอย่างเขาไม่ควรได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอและน้องสาวเลย

                    เตยมานี่หน่อยพี่เรื่องจะพูดด้วยเจ้าตัวเรียกน้องสาวในชุดนักศึกษาที่กำลังจะเดินไปทานข้าวเอาไว้เพื่อคุยกันก่อน... อริญญาดาหาวหวอดๆ บ่งบอกได้ชัดว่าเมื่อคืนไม่ได้นอน ดวงตาที่เคยสดใส มีแววอิดโรยของคนอดนอนอย่างเห็นได้ชัด...

                    เมื่อคืนไปไหนมาทำไมกลับดึกขนาดนั้น

    ไปเที่ยวผับมาค่ะ... รู้แล้วว่าทำไมคนถึงชอบไปนัก ไปแดนซ์ยามดึกยามดื่น มันสนุกอย่างนี้นี่เองคนที่ไปผับครั้งแรกบอกเหมือนติดใจ คนเป็นพี่สาวยิ่งตาโต

    ตายแล้ว ทำไมพูดอย่างนั้น แล้วนี่ไปได้ยังไง เป็นเด็กเป็นเล็ก อายุก็เพิ่งพ้นสิบแปดได้ไม่ถึงเดือน ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะว่ายังไง

    โธ่ พี่ตาลอย่าบ่นอย่างนั้นสิคะ คุณแม่ยังไม่ว่าอะไรเลย ไปพร้อมกับพี่หมอไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกค่ะ พี่หมอยังบอกเลยว่าไปกับพี่เค้าแหล่ะดี จะได้มีคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้คอยดูแล ดีกว่าไปกับเพื่อนอีกค่ะ

    วรัญญาภากัดฟันกรอด ก็คนที่น้องสาวเธอบอกว่าไว้ใจได้นี่แหล่ะ ไม่น่าไว้ใจที่สุด

    เตย พี่ขอห้ามเราอย่าไปยุ่งกับนายนั่นอีก อย่าไปไหนกับเขา... ถ้าเกิดเขาไม่หวังดีกับเรา เราจะลำบาก เขานิสัยไม่ดี อย่าไปยุ่งกับเขา

    โธ่ พี่ตาล เอาอะไรมาพูดคะ พี่หมอนิสัยดีออก พี่เค้าดูแลเตยดีจะตาย แถมยังใจดีคอยกันไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมาเต้นใกล้ๆ เตยด้วย... เราสนิทกับพี่เขาก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ก็คนในครอบครัวเดียวกันนี่คะ... อย่าอคติกับพี่เขาเลยค่ะ ถ้าได้รู้จักกันจริงๆ พี่ตาลจะรู้เองว่าพี่หมอนิสัยดีจะตาย... อย่าทำหน้างออย่างนั้นสิคะ... มีพี่ชายเพิ่มอีกคนแต่เตยก็ยังรักพี่สาวที่น่ารักอย่างพี่ตาร์กับพี่ตาลมากเหมือนเดิมค่ะน้องสาวเข้ามากอดอ้อนๆ คงคิดว่าที่เธอห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับอนาคิณนั้นเป็นเพราะกลัวว่น้องสาวจะรักตนเองน้อยลง... วรัญญาภาลอบถอนใจ คงจะแก้ที่น้องสาวเธอไม่ได้หรอกปัญหานี้... เห็นทีต้เองแก้ที่ตัวต้นตอขอปัญหานั่นแหล่ะ

                    ถึงจะไว้ใจอะไรยังไง เราก็ต้องระวังตัว เราเป็นผู้หญิงเขาเป็นผู้ชาย ยิ่งไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ ยังไงก็อย่าชะล่าใจจนไม่ดูแลตัวเองนะ พี่เป็นห่วงเธอบอกน้องสาวก่อนจะเดินจูงมือกันไปที่โต๊ะอาหารที่มีทุกคนนั่งรออยู่อย่างพร้อมหน้า...

    วรัญญาภาแทบไม่อยากมองหน้าหมอหนุ่มที่นั่งทานข้าวอารมณ์ดีอยู่... ช่วงนี้เวลาทำงานของเขากับเธอตรงกันทำให้เธอต้องจำใจนั่งรถไปทำงานพร้อมกับเขาทั้งที่ไม่อยากไปอยู่หลายครั้ง จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะถ้าจะเรียกคนขับรถให้ไปส่งที่โรงพยาบาลทั้งที่เขาจะไปทางเดียวกันมันก็ดูน่าเกลียดจนเกินไป... เนื่องจากเธอเป็นแค่คนอาศัยบ้านเขาจึงต้องเกรงใจมาก่อนเป็นอันดับแรก

    น้องเตยติดรถพี่ไปด้วยก็ได้นะครับวันนี้ พี่ไม่รีบหมอหนุ่มบอก อริญญาดาพยักหน้าหงึกๆ ดีใจ ได้เลยค่ะ แล้วว่าแต่วันนี้พี่หมอเลิกงานกี่โมงเหรอคะ

    หกโมงเย็นครับ

    ว้าว เตยก็เลิกชมรมเวลานั้นพอดีเลยค่ะ งั้นพี่หมอมารับเตยได้ไมคะ แล้วเราไปดูกล้องที่ร้านกล้องเจ้าประจำพี่หมอกัน

    ได้เลยครับ

    ตลอดทางที่ขับรถไปทำงานในยามเช้า... อริญญาดาที่นั่งหน้าคู่กับอนาคิณคุยเจื้อยแจ้วกับเขาตลอดเวลา ทั้งสองคุยกันหัวเราะกันอย่างสนิทสนม มีแต่วรัญญาภาเท่านั้นที่นั่งเชิดหน้าหนีไปทางอื่นพยายามไม่สนใจทั้งสองอยู่...

                    จนเมื่อวรัญญาภากระโดดลงจากรถยนต์คันหรูแล้วโบกมือล่ำลาก่อนจะเดินไปที่ตึกคณะนั้น รถทั้งรถจึงค่อยๆ เงียบลง... แต่อนาคิณก็ไม่รีบออกรถเพื่อขับไปที่ทำงานเสียทีจนวรัญญาภาที่นั่งเชิดอยู่ต้องหันมามองเขาอย่างเสียไม่ได้...

    ขึ้นมานั่งหน้าคู่กับผม ผมไม่ใช่ใช่คนขับรถถึงจะได้ไปนั่งชูคออยู่ข้างหลัง

    ดวงตาของเธอค้อนขวับใส่เขาก่อนจะเดินลงมานั่งตรงหน้าคู่กับเขาอย่างกระแทกกระทั้นไม่เป็นใจเท่าใดนัก เธอทำนิสัยเสียปิดประตูรถคันหรูของเขาแรงจนสะเทือน แต่อนาคิณเองก็ไม่เดือดร้อนอะไร เขาก็ยังผิวปากขับรถกินลมของเขาไป...

    ทำไมต้องพาน้องฉันไปเที่ยวผับเธอพูดขึ้นมา คนหน้างอง้ำหมดความอดทนที่เขาอารมณ์ดีเกินไป

    เด็กวัยนี้กำลังอยากรู้อยากลอง ไปกับผู้ปกครองดีกว่าไปกับเพื่อนอีกนะคุณ น้องเขาจะได้รู้ไงว่าอะไรเป็นอะไรจะได้ไม่โดนหลอก

    ก็ที่ไปนั่นไม่ใช่เพราะโดนคนเจ้าเล่ห์ออย่างคุณหลอกเหรอเธอหันไปแหวเขา... อย่าไปยุ่งกับเด็กได้ไหม เขายังมีอนาคตไกล อย่าไปทำลายเขา

    อนาคิณยักไหล่ ก่อนจะเปรยมาเบาๆ

    ก็ยุ่งกับผู้ใหญ่ผู้ใหญ่ไม่ยอมนี่... บอกแล้วว่าถ้าไม่อยากให้ผมยุ่งกับน้องคุณ คุณก็ต้องตามใจผม เมื่อวานยังเห็นล็อคห้องไม้เปิดรอผมไปนอนเป็นเพื่อนเลย... กุญแจสำรองห้องคุณก็หายไปด้วย แล้วอย่างนี้จะมาร้องครวญครางให้ผมเลิกสานสัมพันธ์กับน้องเตยน่ะ ไม่มีทางหรอกนะ เรากำลังไปกันได้ดีเสียด้วยสิ ไม่ต้องเสียเวลาไปหาผู้หญิงที่ไหนอื่นไกล มีน้องสาวที่แสนน่ารักอยู่ใกล้ตัวแล้วนี่นาเขาบอกน้ำเสียงสบายๆ นิ่วแข็งแรงนั้นเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะสบายอารมณ์ แต่คนที่นั่งข้างๆ ฟังคำพูดของเขานี่สิแทบระเบิด...

    คุณมันเลวที่สุด เอาเรื่องแบบนี้มาบีบบังคับฉันได้ยังไง

    ผมบังคับตรงไหน เปล่าเลย... ผมแค่ให้คุณเลือกว่าจะเอายังไงก็แค่นั้น

    ฉันไม่อยากเลือกสักทางคุณเข้าใจไหม ถ้าเพิ่มตัวเลือกให้คุณไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกฉันฉันจะเลือกข้อนั้น

    น่าเสียดายที่ตัวเลือกนั้นไม่มี... คุณมีตัวเลือกสองตัวเท่านั้นว่าระหว่างคุณกับน้องผมควรจะได้ใกล้ชิดใคร... ถ้าไม่เลือก ก็อย่ามาห้ามผมกับน้องคุณก็แล้วกัน... ว่าไงที่รัก ตกลงเอายังไงเขาหันมาทำหน้าล้อเลียน... ใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งขรึมน่าเคารพยามอยู่หน้าคนไข้ ยิ้มทะเล้นจนแทบเป็นคนละคน แถมเขายังขู่เธอจนหมดหนทางเสียด้วย...

    เขาฉลาดแกมโกงมากมายเหลือเกิน เธอไม่ยอมก็คงเอาเขาไม่อยู่ แล้วยิ่งน้องเธอเทิดทูนเขายิ่งกว่าอะไรอย่างนี้ปล่อยไว้อาจจะไม่ดีแน่... อย่างน้อยให้เขามาวุ่นวายกับเธอแล้วเธอพอรู้ทันเขายังจะดีกว่า...

    ถ้าฉันยอมคุณ แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะเลิกยุ่งกับน้องฉัน

    หน้าตาผมเหมือนคนไม่มีสัจจะอย่างนั้นหรือไง ผมไม่ใช่พระยาเทครัวนะ จะได้งาบทั้งพี่ทั้งน้องน่ะ

    หน้าอย่างคุณนี่แหล่ะเชื่อไม่ได้

    เชื่อไม่ได้ก็ต้องเชื่อ บอกแล้วว่ามีทางเลือกให้เท่านี้ ถ้าคุณยอม ผมก็จะไม่ยุ่งกับน้องสาวคุณอีก

    เริ่มตั้งแต่เย็นนี้ คุณจะต้องไม่ไปไหนกับน้องฉันอีก ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตของเขาไป...เธอบอกข้อตกลง...

    งั้นก็เริ่มจากคืนนี้ ที่คุณจะมานอนกับผมที่ห้องผม...

    อะไรนะ... นี่มันจะมากไปแล้วนะ ทำไมฉันต้องไปนอนที่ห้องคุณด้วย

    ไม่ยอมใช่ไหม งั้นผมว่าคืนนี้ผมอาจจะต้องไปเที่ยวผับกับน้องเตยอีกแน่เลย... คุณรู้ไหมพวกเรากลับกันดึกแค่ไหน แล้วอยากรู้หรือเปล่าว่าเราไปที่ไหนกันมาบ้าง

    ก็ได้ๆ เลิกพูดยั่วได้แล้ว คืนนี้ฉันจะไปนอนห้องคุณ...เธอแหวเสียงเข้ม... ดวงหน้าสวยเครียดขรึมและอยากจะร้องไห้ในคราวเดียวกัน...

    จำไว้ให้ดีล่ะเรื่องข้อตกลงของเรา อย่าผิดคำพูดเชียวนะเธอบอกเขาเสียงเครียดเหมือนกล้ำกลืนมากมายกับสิ่งที่เธอทำ... คนตัวโตที่ทำหน้าที่เป็นสารถีได้แต่นั่งกลั้นยิ้มไปตลอดทางกว่าจะถึงโรงพยาบาลเขาก็เจ็บกระพุ้งแก้มเกือบตาย

                    คืนนี้ เจอกัน... ที่ห้องผมก่อนที่เธอจะลงจากรถ เขาก็ยังมิวาย ส่งท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้เธอเกือบกรี๊ดต่อหน้าเขา...

                    ให้ตายเถอะ... ทำไมแม่เธอต้องแต่งงานใหม่แล้วมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเขาด้วยนะ... วรัญญาภาอยากจะบ้าจริงๆ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×