[Yaoi] DON'T KILL ME ชะตารัก ดีกรีร้าย! (สนพ. Nananaris Ybooks)
ตอนที่ 79 : Ep.31::ประกายฟ้าปรากฏตัว
vEp.31v
:: ประกายฟ้าปรากฏตัว ::
ผมเปิดประตูรถลงตามเขามาด้วยอารมณ์ที่ยังงอนไม่หาย เพลิงนิลมองผมที่หยุดยืนนิ่งก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า
“กินรสอะไร”
เฮ้ย! หูฝาดไปสินะ เพลิงนิลตามใจผมด้วยว่ะ
“สตอเบอรี่ เอาเยอะๆนะ” ได้ทีก็ต้องสั่งหน่อย นานๆทีจะมีโปรโมชั่นตามใจนี่หว่า
เขาไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไรอีกแต่ปรายตามองพี่ชายชุดดำคนหนึ่ง ทันใดนั้นบอดี้การ์ดก็เข้ามาโค้งตรงหน้าอย่างรู้หน้าที่
“ไอติมรสสตอเบอรี่” ว่าพลางหยิบธนบัตรสีเทาส่งให้พี่ชายชุดดำหนึ่งใบ สักพักก็ขมวดคิ้วแล้วควักออกมาอีกใบ
เอ่อ...เอาจริงดิ
เหล่าบอดี้การ์ดที่แอบชำเลืองมองอยู่ต่างก็อ้าปากค้างกันเป็นทิวแถว แหงล่ะ...เคยเจอแต่สั่งให้ไปหักแขน หักขา ฆ่าคน อันนี้สั่งไปซื้อไอติม รู้ถึงไหนอายถึงนั่น คนขายคงมองหน้าพี่ชายชุดดำผู้โชคร้ายประมาณว่ากินอะไรไม่เข้ากับหน้าตาเลยสักนิ๊ด
“หมดนี่หรอครับ?”
ผมเกือบหลุดหัวเราะตอนที่เห็นพี่ชุดดำผู้โชคร้ายมองกระดาษสีเทาทั้งสองใบในมือด้วยแววตากระอักกระอ่วน เพิ่งเคยเห็นบอดี้การ์ดของเพลิงนิลหลุดมาดก็คราวนี้ ก๊าก!
“....” เพลิงนิลไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ส่งสายตาเย็นๆเป็นคำตอบให้แทน
“ครับ นายน้อย”
พี่ชุดดำรับคำหนักแน่นไม่ปานว่าจะออกไปรบ จากนั้นก็เดินหายลับไปโดยที่ผมได้แต่ยกมือค้างเพราะมัวแต่กลั้นขำจนลืมห้ามปราม
เฮ้ยๆ! เดี๋ยวสิพี่ ถ้าซื้อหมดนั่นผมก็กินจนอ้วกกันพอดี!
แต่เก็บไว้กินวันหลังก็ได้มั้ง ช่างเถอะ ผมเดินเข้าไปในบ้านและนั่งชิวๆตรงห้องโถงเช่นเคย ตาก็ปรือปรอยอย่างเริ่มง่วง แต่รอกินไอติมก่อนค่อยไปนอน ผมอยากไปดูร้านตอนเย็นเสียหน่อย คิดถึงเด็กๆยังไงก็ไม่รู้
เหมือนจะยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันนี่นา วันนี้ป้าสร้อยก็ลาหยุดไปเยี่ยมหลานด้วย งั้นคงต้องทำอะไรกินเองแล้วมั้ง
“ไปไหน” เพลิงนิลรั้งมือผมไว้ก่อนจะได้ลุกขึ้น
“ทำอาหาร จะเที่ยงแล้ว” ผมบอกไปตามตรง ฉับพลันนั้นนัยน์ตาที่ดูดุอยู่แล้วก็ดุขึ้นอีกเท่าตัว
“ไม่ต้อง”
นี่คงคิดจะให้ผมนั่งกินนอนกินไม่ต้องทำอะไรทั้งวันสินะ! ไม่ได้หรอก ถ้าแบบนั้นล่ะน่าเบื่อจะตายชัก อีกอย่างบ้านนี้เหลือคนทำอาหารเป็นที่ไหนนอกจากผม พวกสาวเมดก็มีหน้าที่แค่ปัดกวาดเช็ดถูด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรหรอก เบนทำได้”
“ดื้อด้าน เมื่อวานก็อ้วกไปรอบแล้วยังไม่เข็ด?” น้ำเสียงเรียบเย็นเอื้อนเอ่ยพลางดึงผมให้นั่งลงที่เดิม
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแทนแล้วเดินเข้าครัว เฮ้ยๆ! อย่านะโว้ย อย่าเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าเพลิงนิลจะทำอาหารหรอกนะ
ความฝันเมื่อครั้งนั้นผุดวาบขึ้นในหัว ผมลุกพรึ่บไปดึงแขนเขาอย่างด่วนจี๋ เหงื่อก็ออกพลั่กๆเพียงแค่จินตนาการถึงหน้าตาอาหารที่เพลิงนิลเป็นคนลงมือทำ!
ไม่มีวัน! ผมไม่ยอมให้ครัวอันแสนบริสุทธิ์ผุดผ่องต้องแปดเปื้อนไปด้วยตอตะโกสีดำเป็นอันขาด
“นิลจะทำอะไร” ผมถามขึ้นในทันที สายตาก็จ้องมองร่างสูงที่เอี้ยวตัวมามองตอบเขม็ง
“จะกินอะไร” ชัดเจน...ชัดเลย! ไม่กงไม่กินมันทั้งนั้นแหละ ดูทรงก็รู้แล้วว่าต้องทำครัวผมพินาศวอดวายมลายสิ้นแหงๆ
“สั่งเอาดีกว่าเนอะ เบนอยากกินอาหารนอกบ้านบ้าง” ผมตะล่อม และค่อยๆดึงแขนเขาให้ออกห่างจากครัวสุดที่รักอย่างเชื่องช้า
เพลิงนิลขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินตามผมออกมานั่งที่เดิมในที่สุด เกือบไปแล้วไหมล่ะมึงเอ๊ย! เกือบได้ซื้อเครื่องครัวใหม่ยกชุด เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะนั่น
ในที่สุดมื้อกลางวันของผมก็สั่งมาจากนอกบ้าน ของเพลิงนิลเป็นสปาเก็ตตี้แต่ของผมเป็นก๋วยเตี๋ยว ห่างกันคนละโยชน์เลยเถอะ เผอิญผมนึกอยากกินไงก็เลยกิน แค่นั้นแหละ ไม่นานนักไอศกรีมรสสตอเบอรี่นับสิบกล่องก็มาวางกองอยู่ตรงหน้า ผมเกือบจะอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายชุดดำแกสรรหามาจากไหน
ทำไมมันเยอะแยะแบบนี้ล่ะวะ!
“อยากกินก็กินให้หมด หึ” อ...ไอ้ปีศาจ เพลิงนิลแม่งแกล้งผมชัดๆ!
ผมตวัดตามองร่างสูงซึ่งยกยิ้มเย็นอย่างนึกหมั่นไส้ มือก็คว้าไอติมกล่องแรกขึ้นมาเปิดและใช้ช้อนจ้วงตักกินไปด้วย อา...เพราะรสชาติหวานอมเปรี้ยวหอมละมุนในปากหรอกนะ ผมจะเลิกหมั่นไส้เขาก็ได้!
ผมทำตาเป็นประกายและเริ่มกินกล่องที่สองเมื่อกล่องแรกหมดลง อร่อยโคตรๆเลยว่ะ ทำไมตอนไม่ท้องยังไม่อร่อยเท่านี้ แถมปกติผมก็ไม่ได้รู้สึกชอบสตอเบอรี่นี่ด้วย ผมชอบช็อกโกแลตมากกว่า
ผมไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวอีกเมื่อของอร่อยวางกองอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งเวลาผ่านไปและผมทำท่าจะเปิดไอติมกล่องที่สาม...
พรึ่บ!
มือหนาคว้าไอติมทุกกล่องไปอีกด้าน นัยน์ตาคู่ดุหรี่ลงอย่างประเมินแล้วส่งสายตาให้สาวเมดนำไปเก็บ
“เบนยัง...”
“พอ”
เหอะ! ครั้งนี้จะปล่อยไปเพราะผมเริ่มอิ่มก็แล้วกัน มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้ว ถ้าเพลิงนิลเห็นว่าผมกินอะไรที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายมากเกินไปเขาก็จะโยนมันออกห่างจากสายตาผมในทันที
ก็...รู้หรอกว่าห่วง แต่บางครั้งมันอยากกินนี่หว่า
ผมนั่งเหม่อลอยได้ไม่ทันไรกลิ่นฉุนของอะไรบางอย่างก็ตีขึ้นจมูก ผมหันขวับไปทางคนด้านข้างอย่างฉับพลัน เป็นอย่างที่คิด เพลิงนิลสูบบุหรี่อีกแล้ว!
ผมเขยิบไปนั่งอีกมุมในทันที สักวันเถอะมะเร็งปอดจะถามหา ห้ามแล้วเคยฟังกันที่ไหน ผมมันก็ไม่ได้มีนิสัยจุกจิกจู้จี้ให้เขาเลิกเสียด้วย
นัยน์ตาสีรัตติกาลตวัดมองมาอย่างเฉยชา ผมสังเกตเห็นความแปลกใจวูบหนึ่งในนั้น สีหน้าผมเริ่มไม่ค่อยดีนิดหน่อยเมื่อกลิ่นมันโชยมา เริ่มจะเวียนหัวล่ะ สงสัยต้องเอ่ยปากเรื่องนี้อย่างจริงจัง
แต่ยังไม่ทันให้ผมได้อ้าปาก มือหนาก็บดบุหรี่ลงกับที่เขี่ยและวางกองไว้เสียก่อน
น่าแปลกใจที่เพลิงนิลสูบบุหรี่ไม่กี่ทีก็ทิ้งซะแล้ว ปกติเขาต้องสูบนานกว่านี้หรือเปล่านะ ผมมองตามเขาซึ่งหยิบรีโมทมาเปิดทีวี ฉับพลันนั้นสายตาก็ดันเผลอจับจ้องจอพลาสม่าด้วยความสนใจ
ฉากเลือดสาด แขนขาด ขาขาดตามปกติ ทว่าไม่ปกติตรงผมนั่งดูตาไม่กระพริบทั้งที่แต่ก่อนแค่มองก็สยองแล้ว! ยิ่งดูยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีจนแปลกใจกับตัวเอง ร...หรือว่าผมจะผิดปกติ? ไม่นะโว้ย นี่ผมเปลี่ยนรสนิยมการดูหนังเรอะ
ผมพยายามละสายตาจากฉากฆาตกรรมทั้งปวงแต่มันทำไม่ได้! ผมเริ่มรู้สึกว่าสีเลือดที่แดงฉานมันช่างน่าอภิรมย์อะไรเช่นนี้ อา...เลือดทั้งนั้นเลย
นี่คงเป็นความรู้สึกของเพลิงนิลสินะ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาชอบดูหนังไอ้ประเภทนี้นัก ยิ่งฉากหั่นศพอำพรางคดียิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ ผมมองมีดซึ่งจรดลงผิวเนื้อและแล่ไปถึงกระดูกด้วยแววตาลอยคว้าง
หั่นแบบนั้นจะไปซ่อนอะไรได้ ทำไมไม่สับ...ฮ เฮ้ย! นี่ผมคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย
รู้ตัวอีกทีผมก็เขยิบไปใกล้เพลิงนิลเช่นเดิมแล้ว แถมยังยกเข่าขึ้นมากอดไว้และวางคางลงบนนั้นอีก สายตาก็จ้องหนังฆาตกรรมอย่างไม่ลดละ เพลิงนิลมองทีวีสลับกับโน้ตบุ๊กบนตักนิดหน่อย แขนข้างหนึ่งของเขาวางพาดโซฟาผ่านหลังของผมไป
“เพิ่งรู้ว่าเขาชอบเอาศพไปโยนลงทะเลแล้วถ่วงหินไว้ให้จม” ผมพึมพำ เพลิงนิลเลิกคิ้วมองมาคล้ายจะแปลกใจที่ผมนั่งจ้องตาไม่กระพริบ
“ยิงให้ตาย...แล้วโยนให้สิงโตกินก็จบเรื่อง” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สา ผมมองเพลิงนิลตาแทบถลนออกจากเบ้า
อย่างนี้นี่เอง ไอ้ศพหลายๆรายที่ผ่านมาตกเป็นอาหารลูกรักนัมเบอร์ทูของเขาสินะ!
ใครจำคุณสิงโตไม่ได้บ้าง ก็คุณสิงโตลูกรักเพลิงนิลที่ผมเจอในการทดสอบของทางไฟร์ อภิเกียรติวงศ์อะไรนั่นไง เหอๆ ตอนนี้ก็อยู่ดีกินดี เพลิงนิลเลี้ยงมันไว้ในเกาะร้างผู้คนเกาะเดิม น่าแปลกที่มันเชื่องกับเขาคนเดียวเสียอย่างนั้น
จำได้ว่าคุณโลคัสสั่งคนให้ยิงยาสลบเพื่อจะได้นำมันไปไว้ในกรงขนาดใหญ่ตามเดิม แต่มันเป็นสิงโตฉลาดที่หลบยาสลบได้แถมยังคำรามกลับอีกต่างหาก จนเมื่อเพลิงนิลมาสั่งคำเดียวและชี้ๆเข้าไปในกรงเท่านั้นแหละ...
เดินเข้าไปเองเป็นแมวเชื่องๆซะงั้น!
Loading 40%
“นายน้อยครับ”
พี่ชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามาในบริเวณห้องโถงแล้วโค้งคำนับเหมือนมีเรื่องจะรายงาน เพลิงนิลตวัดสายตามองลูกน้องของตัวเองเป็นเชิงให้พูด จังหวะนั้นกลิ่นบางอย่างก็ลอยมาตามลมทำเอาคิ้วขวาของผมเริ่มกระตุกรัวๆ
“คุณประกายฟ้า...”
“พี่เพลิง!” อา...ทำไมกูซื้อหวยแล้วไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ
ผมจ้องสาวสวยที่โผล่หน้าเข้ามาทางประตูเขม็ง อดีตว่าที่เจ้าสาวของเพลิงนิลนั่นเอง เธอยังดูสวยเช่นเคยในชุดเดรสกระโปรงบานพลิ้วสีชมพูอ่อน แลดูน่ารักน่าฟัดสุดๆไปเลย
ไม่สบอารมณ์...ไม่สบอารมณ์โคตรๆ!
พี่ชุดดำคนเดิมถอยฉากหลบและส่งสายตาประมาณว่าเรื่องนี้แหละที่จะรายงานเมื่อครู่ ผมยังคงจับจ้องสาวหวานคนเดิมและดูเหมือนในครรลองสายตาของเธอจะมีแค่เพลิงนิลเสียด้วย ผมนั่งหัวโด่อยู่นี่แม่คุณยังไม่หันมามองเลยเถอะ
พรึ่บ!
“ขอบคุณพี่เพลิงมากเลยนะคะที่ช่วยตระกูลของฟ้า”
ที่สำคัญ...คุณฟ้าๆอะไรนี่ยังตรงเข้ามาสวมกอดเพลิงนิลที่นั่งนิ่งอยู่อีก! โห่...ใช้ได้เลยนี่หว่า ไหนคุณโลคัสบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีแฟนแล้วไงล่ะ
เพลิงนิลแกะมือของคุณฟ้าออกตามประสาคนที่ไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัว นัยน์ตาสีรัตติกาลตวัดมองสาวสวยอย่างเย็นชาจนเธอสลดไปวูบหนึ่ง คุณฟ้ากวาดตามองทีวีแล้วทำสีหน้าแหยๆพลางตวัดตามองผมที่นั่งข้างเพลิงนิลราวกับเพิ่งเห็นอย่างไรอย่างนั้น
เพิ่งรู้ว่าผมจืดจางได้ขนาดนี้ หึ
“เอ่อ...พี่เพลิง นี่ใครอ่ะคะ” แบ๊วๆ คุณฟ้าเธอแบ๊วด้วยการเอียงคอมองผมพลางเดินมากอดอกเบื้องหน้า
เริ่มล่ะ ผมรู้สึกเหมือนกับกลิ่นน้ำหอมของสาวสวยมันตีขึ้นจมูกจนวิงเวียนและอยากอาเจียนโดยฉับพลัน ลูกเอ๊ย! ให้กูตอบก่อน จะอยากเอาของเก่าออกอะไรตอนนี้!
เพลิงนิลก้มลงมองผม เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าผมกำลังยกมืออุดปากไว้อย่างพะอืดพะอม เห็นทีว่าคราวนี้จะลุกไปห้องน้ำไม่ทันแล้วว่ะเพราะน้ำย่อยผสมอาหารที่กินไปมันดันพุ่งออกจากปากเสียอย่างงั้น!
ไม่ไหวเลยแหะ...เล่นได้กลิ่นน้ำหอมในระยะประชิดซะขนาดนี้ และที่สำคัญคือของเหลวมันดันพุ่งไปโดนคุณฟ้าที่ยืนอยู่ด้านหน้าผมไง
“ก...กรี๊ดดดด!”
เวรแล้ว...ลูกผมมันร้าย รู้ใจแม่ดีจริงๆ หึๆ
เพลิงนิลถือผ้าเช็ดปากมารองอ้วกไว้ไม่ให้เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าผม แววตาเขาฉายความหงุดหงิดจากเสียงกรีดร้องวูบหนึ่ง จากนั้นนัยน์ตาทรงอำนาจก็ตวัดมองบรรดาบอดี้การ์ดทางด้านหลังอย่างน่ากลัว
ผมเห็นทางหางตาว่าพวกพี่ๆพากันสะดุ้งแล้วรีบสะกิดให้สาวเมดเอาผ้าเอาน้ำมาทำความสะอาดพื้นอย่างรวดเร็ว คุณฟ้าก็ยังคงยืนมองผมแบบช็อกๆและรับไม่ค่อยได้กับคราบของเหลวตรงกระโปรงของเธอ
“พี่เพลิง! ตกลงไอ้...คุณคนนี้เป็นใครกันคะ!”
“เมีย” น้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ยตอบ ทำเอาติดสตั้นกันไปเลยสามวิ
ผมเบิกตากว้างพอๆกับคุณฟ้า เอิ่ม...รายหลังนี่มองผมแทบตาถลนเลยทีเดียว เพลิงนิลเรียกผมว่าเมียด้วยว่ะ นานๆครั้งจะได้ยินเลยนะโว้ย!
“ผ...ผู้ชาย?” คุณฟ้าทำหน้าช็อกได้แบบความสวยสะพรั่งที่เคยมีดับวูบไปเลยไง เหอๆ
ผมรับผ้าเช็ดปากผืนใหม่มาจากเมดคนหนึ่งและยกยิ้มซีดเซียวส่งให้เป็นเชิงขอบใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคุณฟ้าซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่งพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดปากไปด้วย
“ก็ต้องผู้ชายสิครับ หรือคุณเห็นเป็นผู้หญิง” ผมเหยียดยิ้มในแบบที่แววตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย
“ก็พี่เพลิง...วันนั้นที่บอกว่ามีเมียแล้วคือคนนี้งั้นหรอ ฟ้าไม่ยอมหรอกนะ! ฟ้าไม่เชื่อว่าพี่จะเบี่ยงเบ...”
“นิล...เบนง่วงแล้ว”
ผมพูดพึมพำอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะเริ่มรู้สึกเพลียขึ้นมาอย่างฉับพลัน ศีรษะก็เอนไปซุกอกของใครอีกคนที่นั่งอยู่พลางปรายตามองคุณฟ้าด้วยรอยยิ้มตรงมุมปาก สองมือของผมยกขึ้นกอดเอวร่างสูงไว้เป็นเชิงออดอ้อนอันหาได้ยากยิ่ง ตอกย้ำสถานะตัวเองแค่นี้คงไม่ทำให้ใครตายหรอกเนอะ
“ก...แก!” โอ้ แบ๊วแตกแล้วโว้ย ดูเหมือนมีคนกำลังจะตายแล้วว่ะ หึๆ
“ออกไป”
เพลิงนิลพูดเสียงเย็นโดยไม่มองคู่สนทนาแม้แต่นิด นัยน์ตาสีรัตติกาลก้มสังเกตสีหน้าผมที่แปรเปลี่ยนมาเป็นซึมเศร้าอย่างฉับพลัน อา...ผมเปล่าตลบตะแลงนะ แต่มันก็ต้องมีบ้างไง ใครจะยอมให้คุณฟ้าคาบของของผมไปกินได้ง่ายๆ
กว่าจะได้มามันยากลำบากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก!
แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคุณฟ้าคิดอย่างไรกับเพลิงนิล น่าหมั่นไส้ชะมัด...จนป่านนี้เขายังคงฮอตไม่สร่างเลยสินะ
“แต่! พี่เพลิง...”
“นิล เบนง่วง” ผมพูดย้ำพลางถูหน้ากับอกหนา แขนก็รัดเอวแกร่งแน่นขึ้น รีบๆไล่ผู้หญิงคนนี้ไปสักทีเถอะว่ะ
“ออกไปซะ” คราวนี้เพลิงนิลกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เขาจ้องมองคุณฟ้าเนิ่นนานจนเธอเป็นฝ่ายผงะและถอยกรูดในทันที
ชักสงสัยแล้วว่าเขาจ้องคุณฟ้าด้วยสายตาแบบไหน ทว่าก่อนจะได้เงยหน้ามอง ร่างทั้งร่างดันถูกอุ้มขึ้นเสียก่อน
เหวอ! ทำบ้าอะไรเนี่ย ต่อหน้าต่อตาบอดี้การ์ดและบรรดาสาวเมดเลยนะเว้ย
“นิล เบนเดินได้”
ผมกระซิบกระซาบ เชี่ยเอ้ย...สาวเมดพากันหน้าแดงหมดแล้ว พี่บอดี้การ์ดต่างก็หันไปทางอื่นอย่างรู้หน้าที่ แต่ผมเห็นนะว่าพวกพี่ๆแอบชำเลืองมองกันเป็นพรวน! ส่วนคุณฟ้า รายนั้นผมเห็นสะบัดหน้าและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
สายตาสุดท้ายที่เห็น...ฉายความเป็นอริอย่างชัดเจน
ช่างเถอะ ผมไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นอกจากการเขย่าแขนให้เพลิงนิลวางผมลงเสียที เขาจะอุ้มไปถึงห้องนอนจริงดิ ที่สำคัญคือผมอยากบ้วนปากชะมัด เมื่อกี้เพิ่งอ้วกไปไง อยากอาบน้ำใหม่ด้วย
“มึงหน้าซีด” นี่คือเหตุผลที่เขาอุ้มผมขึ้นมาเนี่ยนะ!
“หายแล้ว เบนเดินเองดีกว่า”
ให้ตายเถอะ...เพลิงนิลดื้อกว่าผมอีก! ผมดิ้นจนเริ่มถึงห้องนอนนั่นแหละเลยหยุดดิ้น น่าจะรู้ได้ตั้งนานแล้วว่าเขามันพวกเผด็จการแค่ไหน
ผมถูกวางลงบนโซฟาตรงปลายเตียง ร่างสูงเดินไปหยิบกล่องบุหรี่และเปิดประตูระเบียงออกไปทางด้านนอก ดังนั้นผมจึงลุกขึ้นเพื่อจัดการอาบน้ำแปรงฟันเสียใหม่จนตัวหอมฟุ้ง อา...ง่วงโคตรๆ ว่าแล้วก็มาฟุบหน้าลงกับเตียงพลางตั้งนาฬิกาปลุกไว้
ตอนเย็นจะเข้าร้านเสียหน่อย เพลิงนิลจะให้ผมไปไหมนะ
Loading 70%
ณ BP’café
“หายป่วยแล้วหรอเจ้”
ผมหันขวับไปจับจ้องไอ้เกรียนมันทันที แน่นอนว่ามันยกยิ้มไม่สะทกสะท้านก่อนจะเดินไปเสิร์ฟเค้กให้ลูกค้าผู้หญิงท่านหนึ่ง
สัด...กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกเจ้น่ะหา!
“แค่แวะมาดูน่ะครับ” ผมตอบกลับไป สายตาก็กวาดมองหาไอ้ฝันมันไปด้วย
“หาพี่ฝันหรอคะพี่เบน รายนั้นล้างจานอยู่หลังร้านนู้นค่า” น้องปลายที่กำลังยุ่งกับการชงกาแฟชะโงกหน้ามามองผมพร้อมรอยยิ้มร่าเริงสมวัย
ผมยกยิ้มกลับและพยักหน้าตอบรับ คือตอนนี้ผมกับเพลิงนิลนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้านไง ขืนให้เข้าไปอยู่ในเคาน์เตอร์ผมได้อ้วกเพราะกลิ่นกาแฟแน่ แค่ได้กลิ่นนิดหน่อยมันก็ไม่ค่อยเป็นไรหรอก แต่ถ้าได้สัมผัสและเห็นนี่สิโอ้กอ้ากแน่นอน
“เฮีย...เจ้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นป่ะเนี่ย ผมว่าเจ้ดูแบบฟุ้งฟิ้งยังไงก็ไม่รู้อ่ะครับ” ไอ้เกรียนมันอู้งานมาแซวผมโดยคุยกับเพลิงนิลที่นั่งหน้าตายด้านอยู่ข้างๆซะงั้น
ดูคำพูดมันนะ เรียกเพลิงนิลว่าเฮียซะดิบดี แต่ผมที่เป็นเจ้าของร้านดันโดนเรียกเจ้เสียนี่ บอกแล้วว่ามันเกรียน! ไอ้เกรียนเอ๊ย
เพลิงนิลละสายตาจากวิวนอกกระจกมามองผมวูบหนึ่ง คือก่อนมาเขาดูไม่ค่อยอยากให้ผมออกจากบ้านเท่าไหร่เลยไง แต่ผมก็ตื้อมาจนได้ด้วยข้ออ้างร้อยแปด อาทิเช่นอยากไปสูดอากาศข้างนอกบ้างล่ะ คิดถึงร้านบ้างล่ะอะไรแบบนี้
‘งั้นทุบร้านทิ้งไหม’ โฮก...และแล้วผมก็โดนตอกหน้าด้วยประโยคอันแสนชอกช้ำ!
คือเพลิงนิลคิดว่าผมใช้เงินตั้งเท่าไหร่ในการสร้างร้านวะ!(เงินของเขา) ไหนจะบรรดาอุปกรณ์และของตกแต่งอีก(เงินของเขา) แล้วค่าจ้างบรรดาเด็กในร้านนี้ไม่ใช่ถูกๆเลยนะโว้ย ประเด็นหลังนี่สำคัญเพราะเป็นเงินผม เอ่อ...ตกลงกูกำลังงกสินะ ฮะๆ
ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ผมออกมานั่งจุมปุ๊กอยู่ที่นี่ได้คือลูกอ้อนล้วนๆ!...ซะที่ไหน พออ้อนไปแล้วดันไม่ยอมใจอ่อนผมเลยใช้ลูกนิ่งมันซะเลย เพลิงนิลถามมาก็ไม่หือไม่อือ โดนเมินกันไปเต็มๆ
สรุปคือ...ผมก็ถูกกระชากมาที่นี่โดยคนลากไม่เต็มใจจนได้!
และ ณ ตอนนี้ผมก็กำลังถูกเขาเมินกลับโดยเพิ่งหันมองก็ไอ้ตอนที่เซนมันทักขึ้นนั่นแหละ เพลิงนิลละสายตาออกจากวิวอีกครั้งและตวัดมามองผมก่อนจะมองวิวต่อ สักพักก็ตวัดมองผมใหม่เป็นอย่างนี้อยู่สี่ห้ารอบ
คือ...ถ้าจะสังเกตกูขนาดนั้นก็จ้องมาเลยเถอะ! ทำไมต้องเดี๋ยวมองเดี๋ยวไม่มองให้ขนลุกไม่ทราบวะ
“เซนครับ ผมควรจะตัดเงินเดือนคุณดีไหม” ผมเอ่ยเสียงเย็นเมื่อไอ้เกรียนมันไม่ไปทำงานสักที เอาแต่จดๆจ้องๆปฏิกิริยาระหว่างผมกับเพลิงนิลอยู่ได้
และที่สำคัญคือมันทำตาค้างมองผมแบบไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ปากก็บ่นพึมพำพลางถือถาดเดินไปที่เคาน์เตอร์
“โหดขึ้นเปล่าวะ”
ไอ้เกรียนมันบ่นๆอะไรบางอย่าง ผมขมวดคิ้วมองตามหลังมันไปก่อนจะมานั่งถอนหายใจกินเค้กสตอเบอรี่ต่อ ใช่แล้ว...ผมเกลียดครีมนะช่วงนี้ แต่เค้กนี่เป็นแบบแยมผลไม้ไงก็เลยกินได้ อีกอย่างสตอเบอรี่สดๆก็อร่อยดีด้วย
ช่วงนี้เริ่มชอบสตอเบอรี่ยังไงก็ไม่รู้แหะ แถมยังกินจุกกินจิกอีกต่างหาก
“นิลกินไหม?” ผมถามอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ทั้งที่สวาปามไปเกือบครึ่งชิ้นแล้ว
“....” เพลิงนิลมองผมแบบนิ่งมากๆ แววตาเขาไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิงยามเมื่อจ้องมองหน้าผมสลับกับเค้กและเบือนหนีไปมองวิวด้านนอกต่ออย่างไม่สนใจไยดีกันอีก
ได้...เล่นแบบนี้ใช่ไหม!
ผมตักเค้กและยื่นไปจ่อปากเขา นัยน์ตาคมดุตวัดมองมาอีกครั้งอย่างติดจะหงุดหงิด ก็นะ...ผมรู้แหละว่าเขาไม่ชอบกินอะไรที่มันหวานเลี่ยนแบบเค้กนี่ แต่แบบอยู่ๆก็อยากแกล้งขึ้นมาไง ผมอยากรู้ด้วยว่าถ้าผมป้อนแล้วเขาจะกินหรือเปล่า
“กูไม่ชอบ” น้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ยบ่ายเบี่ยง
“ลองกินหน่อย นะๆ” ผมพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง อยากรู้จริงๆว่าสีหน้าเย็นชาตอนกินไอ้ของประเภทนี้เข้าไปจะเป็นแบบไหน
“ก็บอกว่าไม่ไง” คราวนี้เขาหันมาจ้องผมเขม็งเลยทีเดียว นัยน์ตาสีรัตติกาลก็มีแววเย็นเฉียบขึ้นเหมือนเริ่มไม่ชอบใจแล้ว
ผมหุบยิ้มอย่างฉับพลันก่อนจะเบี่ยงช้อนกลับคืนมา แหย่นิดหน่อยก็ไม่ได้ เปล่านะ! ผมไม่ได้นึกน้อยใจอะไรอยู่แล้ว คือมันเป็นเรื่องปกติที่เพลิงนิลจะไม่กินของหวานไง
แต่ที่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีคือสายตาเมื่อครู่นี้ของเขาต่างหาก ทำไมต้องมองมาเหมือนรำคาญกันเลยวะ!
“อ้าวเจ้ ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงเลย เดี๋ยวไม่สวย...เอ้ย หล่อนะครับ”
“เซนครับ วันนี้รับเงินแค่...” ผมตวัดหางตามองไอ้เกรียนในทันที ริมฝีปากก็ฉีกยิ้มหวานไปด้วย
“เฮ้ยๆเจ้! ผมล้อเล่นน่า อย่าตัดเงินกันเลยเนอะ” ได้ข่าวว่ามึงก็รวยเถอะ! งกไม่เข้าเรื่อง เอ๋...ผมก็งกนี่หว่า ไม่ๆ เขาเรียกประหยัดสุดขีดต่างหาก
“เอ่อ...พี่เบนครับ”
ใฝ่ฝันที่เพิ่งล้างจานเสร็จและออกมาช่วยไอ้เกรียนมันเสิร์ฟเดินเข้าหาผมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันชำเลืองมองเพลิงนิลด้วยใบหน้าซีดเซียวก่อนจะวางเค้กสตอเบอรี่ชิ้นหนึ่งลงบนโต๊ะ เดี๋ยวนะ...คือผมไม่ได้สั่งนี่หว่า
“ของใครครับใฝ่ฝัน” ผมถามเสียงนุ่ม และเมื่อไอ้ฝันได้ยินเช่นนั้นก็คลายอาการเกร็งลง ให้เดาผมว่าคงนึกกลัวเพลิงนิลชัวร์
ช่วยไม่ได้ เวลานั่งนิ่งๆเขามักตกเป็นเป้าสายตาและแผ่รังสีบางอย่างที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ออกมาน่ะ
“ลูกค้าโต๊ะสี่ท่านหนึ่งสั่งมาหะ...” ไอ้เกรียนเบิกตาแทบถลนและดึงไอ้ฝันเข้าไปกระซิบกระซาบในทันทีก่อนที่เด็กหงิมจะได้กล่าวจนจบประโยค
“ชิบหายล่ะ...นี่มึงไม่ได้บอกไอ้นั่นหรอว่าเฮียกับเจ้เป็นอะไรกันน่ะ”
“ลูกค้าคนนั้นก็ถามผมอยู่ แต่ว่าพี่เบนกับคุณเพลิงนิลเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรอครับ” ใฝ่ฝันกระพริบตาปริบๆก่อนจะตอบกลับไป คือมันกระซิบกันนะ...แต่ผมได้ยินชัดเจนเลยไง
จะเรียกว่ากระซิบดีไหม ถ้ามึงจะพูดซะดังขนาดนี้น่ะไอ้เกรียน!
ผมเพิ่งรู้ว่าใฝ่ฝันใสซื่อได้ขนาดนี้ ทั้งที่ไอ้เกรียนกับน้องปลายคงรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของผมกับเพลิงนิลนั้นไม่ธรรมดา และที่สำคัญคือเขาเริ่มจ้องเค้กสลับกับใบหน้าผมเขม็งแล้วไง!
ร...ร้านกู เวรล่ะ...ร้านกูจะไม่พินาศใช่ไหม!
“คนไหนสั่งมา” เพลิงนิลกล่าวเสียงเย็นยะเยือกพลางตวัดตามองใฝ่ฝันด้วยความน่าขนลุก ทั้งไอ้เกรียนและไอ้ฝันต่างก็พร้อมใจกันสะดุ้งในบันดล
“เฮีย...โต๊ะนั้นสั่งผิดแน่เลยผมว่า ไม่มีอะระ...”
“จะตอบดีๆหรือจะตาย” เพลิงนิลไม่มีท่าทีสนใจคำอธิบายของไอ้เกรียนแม้แต่นิด อีกทั้งยังหันไปกดดันไอ้ฝันมันอีก
“อ...เอ่อ” ใฝ่ฝันกระอักกระอ่วนเหมือนเริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว ใบหน้าของมันซีดเผือดซะจนผมเริ่มสงสาร
“งั้นก็ทั้งหมดนั่น” น้ำเสียงเรียบเย็นพึมพำขึ้นแผ่วเบา
นัยน์ตาสีรัตติกาลตวัดมองทางโต๊ะสี่ที่มีลูกค้าอยู่สามท่าน ชายทั้งสามคนนั้นมองมาทางนี้เหมือนกัน สงสัยคงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าผมกับเพลิงนิลไม่ใช่พี่น้องกันดังที่ไอ้ฝันมันเอ่ยปากบอก เพราะเพียงแค่เห็นสีหน้าทะมึนของเพลิงนิลพวกนั้นก็พากันเหงื่อแตกพลั่กแล้ว
ดังนั้นผมจึงแก้สถานการณ์ด้วยการเลื่อนจานเค้กสตอเบอรี่สดๆร้อนๆมาตักกิน...
Writer talk3
เอ่อ...แก้สถานการณ์หรือทำให้มันบานปลายคะเบนซิน! อย่าเพิ่งห่วงกินค่ะห่วงร้านก่อนเนอะ//ปาดเหงื่อ กำลังเตรียมการแยกเรื่องพี่แสบกับพี่อาคค่ะ เนื่องจากเห็นหลายคนอยากให้แยกและไรท์เริ่มคิดว่าถ้าเอาเรื่องของสองคนข้างต้นมาปนกับเรื่องนี้ต่อไปคงได้อิรุงตุงนังมากแน่ๆ ที่สำคัญคือเสียดายเม้นท์ แบบว่าคนอ่านอุตส่าห์เม้นท์ให้ไงคะ ดังนั้นจะไม่ลบตอนแต่ลบเนื้อหาของคู่รองแทน แล้วพบกันค่ะ
รักรีดเดอร์
25/06/2016
Writer talk2
ยกนี้เบนวินค่ะ 555 อย่างว่าล่ะเนอะ คนมันเหม็นกลิ่นน้ำหอมแล้วคุณฟ้าก็ดันมายืนตรงหน้าไงคะ จะไม่ให้อ้วกพรวดพราดยังไงไหว กำลังปั่นพี่แสบคาดว่าจะลงในวันนี้แน่นอน เฮียนิลนี่มีความตามใจชัดเจนมาก เริ่มหลงลูกก็บอกมาเถอะค่ะ! เอ๋ หรือหลงเมี...//หลบปืน แล้วพบกันค่า
รักรีดเดอร์
24/06/2016
Writer talk
วันนี้สาย...เพิ่งกลับมาจากไปทำธุระค่ะ เฮียนิลนี่ตามใจนะคะแต่ไม่สุด เหอๆ ลูกเริ่มออกลายแต่มันมียิ่งกว่านี้...อุ๊บ ไม่สปอย//หลบระเบิด ปั่นพี่แสบไม่ทันจริงๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวลงพี่แสบให้พรุ่งนี้แล้วกันค่ะ ช่วงนี้เนื้อเรื่องก็เรื่อยๆเอื่อยๆ ยังไม่ได้โฟกัสถึงบรรดาคุณปู่ย่ากับคุณตาเลยเนอะ 555 เดี๋ยวสักพักไรท์จะข้ามเวลาล่ะ ตอนหน้าประกายฟ้าคงโผล่ มาดีมาร้ายเดี๋ยวได้รู้เลยค่ะ
รักรีดเดอร์
23/06/2016
เบนห่วงกินไปมั้ยเอ่ยยยย ร้านจะบึ้มแล้วเหวย---
ที่เบนซิลกินเค้กเพื่อกลบหลักฐานงรัยยย ทำลายทิ้งๆ ฮืออ T////T