[Yaoi] DON'T KILL ME ชะตารัก ดีกรีร้าย! (สนพ. Nananaris Ybooks)
ตอนที่ 84 : Ep.36::ที่มาของชื่อ
vEp.36v
:: ที่มาของชื่อ ::
“นิลหมายความว่าไง ลูกก็อยากยืดเส้นยืดสายบ้างเป็นเรื่องปกติที่เด็กจะยกแขนยกขาไม่ใช่หรอ”
ผมเอียงคอถาม มือก็โยกลูกไปมาด้วย อา...ตาหรี่ๆเหมือนอยากเปิดเปลือกตามองผมเลยแหะ น่ารักน่าชังจริงๆเลยนะลูกผม ถ้าไม่ติดที่นอนนิ่งและไม่ค่อยส่งเสียงร้องไห้งอแงเท่าไหร่ก็คงจะดูเหมือนทารกคนอื่นๆมากกว่านี้
เพลิงนิลไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา เขาปรายตามองลูกชายอีกครั้งก่อนจะหันหน้าไปมองโทรทัศน์ต่อ ไม่นานอาหารเช้าของทางโรงพยาบาลก็มาเสิร์ฟ ผมก็ไม่ได้เลือกกินหรอกนะแม้จะมีแต่อาหารที่รสชาติไม่จัดจ้านก็เถอะ
ว่าแต่เรื่องนมแม่เนี่ยสิ
“เรื่องนมแม่...” ผมเกริ่น คือมันแน่นอนไงที่ผมจะไม่มีน้ำนมเหมือนผู้หญิง
“เดี๋ยวให้คนไปหามา”
คงจะเป็นแม่นมของลูกผมสินะ ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันมองลูกใหม่แล้วปล่อยจานข้าวทิ้งไว้ก่อน คือยังไม่หิวไงไม่ใช่อะไร ไม่นานพี่พยาบาลก็เสิร์ฟข้าวให้เพลิงนิลด้วย กลิ่นหอมน่ากินมากเลยแหะว่าแต่ทำไมดูมีสิทธิพิเศษเยอะจังวะ
“มึงไม่กินข้าว?” เพลิงนิลเหลือบตามองถาดที่ใส่ข้าวต้มกับส้มโอซึ่งวางด้านข้างร่างของผม
“อยากกินกับนิล” ผมมองกับข้าวของเขาตาละห้อย คือไม่ได้ป่วยไงแต่ทำไมต้องกินข้าวต้ม? หรือกลัวแผลจะไม่สมานเร็ว ว่าแต่มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย
“.....”
ถึงจะไม่พูดแต่ก็เขายกกับข้าวมาทางนี้ล่ะวะ ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเพลิงนิลวางถ้วยต้มจืดหอมกรุ่นลงตรงหน้า ใครบอกว่าข้าวต้มมันก็เหมือนต้มจืด! มันคนละฟิลลิ่งกันเลยนะโว้ย
“วางเด็กซะ กินเข้าไป” พูดเหมือนจะยัดปากผมอีกแล้วว่ะ ว่าแต่ทำไมไม่เรียกลูก? ผมขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร คงแล้วแต่อารมณ์เพลิงนิลล่ะมั้ง
“อ...แอ้”
พอผมวางลูกลงข้างเตียงปุ๊บ คุณลูกก็ทำท่าเบ้ปากจากที่ตอนแรกยังนิ่งไม่ไหวติ่ง มือไม้ก็เริ่มไขว่คว้าหาผมเลยไง
“แอ้! เฮะ...แอ้!!”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับลูก”
ผมอุ้มขึ้นมาแนบอกทันที ว่าแต่ร้องไห้แล้วไฉนไม่มีน้ำตาวะ แถมยังหยุดเสียงไปแบบฉับพลันอีก หรือจะยังไม่ลืมตา...แต่มันแปลกๆว่ะผมว่า
พอมองเงยหน้ามองเพลิงนิลอีกครั้ง ผมก็เห็นเขามองลูกชายด้วยสายตาประหลาดใจวูบหนึ่ง อย่าว่าแต่เขาประหลาดใจเลยเพราะผมเองก็แปลกใจ แต่มันคงเป็นเรื่องปกติล่ะมั้งที่ทารกแรกเกิดต้องการให้อุ้ม
“นิลไปกินข้าวก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวลูกหลับแล้วเบนจะกินเอง” ผมยิ้มหวานให้เขา จากนั้นก็กล่อมลูกต่อ เออเฮ้ย...กลับมานอนนิ่งเป็นท่อนไม้ซะงั้น ท่าทางจะเลี้ยงง่ายน่าดู
เพลิงนิลไม่ได้ไปกินข้าวแต่อย่างใด เขาโน้มตัวนั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเตียงแล้วมองมายังลูกชายในอ้อมแขนของผมด้วยแววตายากเดาความคิดอีกแล้ว หลังลูกหลับไปผมก็ค่อยๆวางลงข้างเตียงแล้วเริ่มกินข้าว ร่างสูงก็เดินเอาข้าวของตัวเองมานั่งกินข้างๆและยกกับข้าวที่เหลือมาให้
ผมมองเขาตาค้าง จากนั้นก็ยกมือขยี้ตารัวๆ พอเขาเห็นผมยังจ้องไม่หยุดก็ผลักหัวมาทีหนึ่ง ผมก็เซเลยไง ถ้าผลักเบาๆคงไม่ใช่เพลิงนิลแน่นอนอ่ะผมว่า
ไม่ชินว่ะ บรื้อ!ขนลุก เวอร์ชั่นไร้รังสีน่ากลัวแบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว!!
“หึ...หน้าอย่างเอ๋อ” ถ...แถมกระตุกยิ้มตรงมุมปากเหยียดสีหน้าผมอีก
“เบนไม่เอ๋อสักหน่อย ว่าแต่นิลกินยาลืมเขย่าขวดใช่ไหม วันนี้มาแปลกนะ” ผมมองคนที่นั่งข้างเตียงอย่างระแวดระวัง ไม่ใช่ว่าคุ้มดีคุ้มร้ายขึ้นมานะโว้ย
นัยน์ตาสีรัตติกาลมองมาอย่างติดจะเอือมระอา จากนั้นเขาก็ตักข้าวขึ้นกินต่อด้วยท่วงท่าไม่ทุกข์ร้อนใดๆทั้งสิ้น พอกินเสร็จพยาบาลก็มาเก็บจานชามแก้วน้ำกลับไป ผมเอนตัวลงนอนอีกครั้งโดยมีเพลิงนิลปรับเบาะให้
อา...วันนี้ทำไมเขาดูตามใจผมแปลกๆวะ ขนลุกโคตรนะบอกเลย ปกติก็มีตามใจบ้างแต่ไม่ถึงกับดูแลขนาดนี้ไง
นอนเอามือลูบๆผ้าสีขาวที่ห่อตัวลูกชายได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมจึงเอื้อมมือหยิบแล้วกดรับสาย
(เป็นไงบ้างมึง...แล้วหลานกูปลอดภัยไหม กูติดธุระว่ะคงจะไปตอนเย็นๆ อยากอุ้มหลานแล้ว ฮะๆๆ)
เสียงหัวเราะพี่แสบดูแหบระโหย แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
“ปลอดภัยฮะ มาตอนไหนก็ได้ฮะพี่แสบ” ผมตอบรับพลางเอียงคอมองลูกที่นอนข้างๆด้วยรอยยิ้ม
(งั้นไว้เจอกัน เดี๋ยวเอาสตอเบอรี่ไปฝาก)
“โอเคฮะ”
บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยรู้สึกอยากกินสตอเบอรี่เท่าแต่ก่อน ทว่าคงเพราะตอนท้องกินบ่อยมันก็เลยนึกอยากบ้างประปรายล่ะมั้ง
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีลูกชายของผมก็เริ่มออกฤทธิ์...
“เฮะ...อะ แอ้!!” หรือจะหิวนะ เห็นเอานิ้วแหย่ๆปากตัวเองหลายครั้งแล้ว
“หิวแล้วหรือคนเก่งของพ่อ เดี๋ยวหาอะไรให้กินนะครับ ไม่ร้องๆเนอะ”
ผมจับลุกขึ้นอุ้มแล้วโยกเบาๆ ที่ไม่แทนตัวเองว่าแม่เพราะมันรู้สึกแปลกๆไง ถึงผมจะเป็นคนตั้งครรภ์ก็เถอะ ลูกชายเงียบเสียงไปสักพักจากนั้นก็...
“เฮะ แอ้!!!” ร้องดังขึ้นกว่าเดิมเสียอย่างนั้น ผมจ้องลูกนิ่ง รู้สึกได้ว่าลูกต้องการสื่อสารอะไรประมาณนี้...
‘ป๋มหิวแล้ว และป๋มต้องได้กินตอนนี้ด้วย! ไม่งั้นจะร้องไม่หยุดเลยคอยดู’
“นิล ลูกหิวแล้ว จะเอานมแม่ที่ไหนดี” ผมส่งสายตาเป็นกังวล มือก็โยกลูกเบาๆ นี่ไม่ใช่ว่าไม่ได้กินนมมาทั้งคืนนะ!
“....” เพลิงนิลทำเพียงละสายตาจากโน้ตบุ๊กแล้วมองมา เขาหยิบมือถือมากดๆแล้วสั่งอะไรบางอย่างกับคนปลายสาย ผมมัวแต่มองลูกที่เบ้หน้าร้องแบบไม่มีน้ำตาเลยไม่ได้สนใจเขานัก
ไม่ถึงสามนาทีก็มีขวดนมขนาดเล็กมาส่งถึงข้างเตียงโดยพยาบาลคนหนึ่ง ผมขมวดคิ้วแล้วถามเธอในทันที
“นมผงหรือนมแม่ครับ แล้วเมื่อคืนลูกผมได้กินนมไหมครับ”
“นายใหญ่สั่งให้หาแม่นมเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่เธอมาไม่ได้จึงคั้นน้ำนมมาแทนดังนั้นเป็นนมแม่ค่ะ ส่วนเมื่อคืนตอนดิฉันเข้ามาก็จัดการให้ท่านชายดื่มเรียบร้อยแล้ว ต...แต่เห็นคุณเพลิงนิลนอนอยู่เลยไม่ได้ปลุกค่ะ”
ผมพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม คุณโลคัสก็มีมุมแบบนี้ด้วยแหะ อีกอย่างใครกล้าปลุกเพลิงนิลกลางดึกอาจมีตายได้ ช่วงสามปีแรกๆที่อยู่ด้วยกันผมก็เคยเจอ คิดดูนะ...แค่สะกิดก็ยกปืนใต้หมอนมาจ่อกันเฉย นึกถึงแล้วยังสยองไม่หาย
“ขอบคุณครับ”
ผมว่าพลางหยิบขวดนมมาจ่อๆถูๆตรงปากลูก ไม่นานปากเล็กๆก็งับเอาจุกนมเข้าไปแล้วดูดจ๊วบๆ พยาบาลมองลูกผมด้วยตาเป็นประกายเลยทีเดียว
“น่ารักเหมือนคุณเลยนะคะ ผิวขาวจั๊วะเลย ดิฉันขอตัวก่อนถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ได้ค่ะ” เธอชวนคุยพลางแย้มยิ้มแล้วเดินออกจากห้องไป
“นิล ลูกกินนมน่ารักมากเลย” ผมหันไปมองเขาด้วยแววตาตื่นเต้น แต่เพลิงนิลกลับเดินเข้ามาแล้วเหลือบตามองดูด้วยความเฉยชาเสียชิบ
หลังลูกชายอิ่มก็กลับไปนอนนิ่งเช่นเดิม รอเวลาผ่านไปจนถึงห้าโมงเย็นพยาบาลที่พอจะคุ้นหน้ากันบ้างแล้วก็อุ้มห่อผ้าสีขาวเข้ามาใกล้...หรือจะเป็นลูกสาว!
“นี่คือคุณหนูค่ะ” เธอส่งห่อผ้านั้นให้ผม ดูท่าทางจะหลีกเลี่ยงเพลิงนิลที่นอนเหยียดดูทีวีตรงโซฟาอย่างเห็นได้ชัด ทำไมกันนะ?
“ขอบคุณครับ”
ผมรับลูกสาวมา พอก้มลงมองดูเท่านั้นแหละความโมเอะก็กระเด็นเข้าตา ว่าลูกชายขาวแล้วนะแต่ลูกสาวขาวกว่าอีก เป็นผิวอมชมพูที่ดูสุขภาพดีเลยไง แถมแก้มยังป่องน่ารักน่าชังมากมาย พอพยาบาลเริ่มออกจากห้องไปผมก็หันมองเพลิงนิลในทันที
“นิลๆ ลูกสาวน่ารักน่าชังมากเลย” ผมบอกด้วยแววตาเป็นประกาย โอ๊ย...ทำไมน่ารักได้ขนาดนี้วะ คือมันก็เหมือนเด็กแรกเกิดแหละแต่ให้อารมณ์น่าฟัดอย่างบอกไม่ถูก
ผมอุ้มลูกสาวฟัดแก้มไปเรื่อยโดยลูกชายก็นอนนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นเพลิงนิลนั่งอยู่บนเตียงด้วยกันซะงั้น ดังนั้นผมเลยยื่นลูกสาวให้เขาดู
“ตั้งชื่ออะไรดี”
เพลิงนิลก้มลงมองทารกที่ผมยื่นให้ดูชั่วครู่หนึ่ง อยากถามว่าจะอุ้มไหมเหมือนกัน ต...แต่ภาพหิ้วลูกชายขึ้นจากโซฟาด้วยมือเดียวยังติดตากูไง สวัสดิภาพของเด็กๆย่อมสำคัญกว่า!
Loading 40%
เพลิงนิลไม่ได้ตอบอะไรผม เขามองไปทางทีวีที่กำลังฉายสารคดีภัยพิบัติทางธรรมชาติอยู่ การจำลองภูเขาไฟระเบิดที่เหมือนจริงซะจนน่าขนลุก...
“ลาวา”
ผมชะงักกึก ลาวานี่ชื่อลูกสาว เอาจริงดิ? หนีไม่พ้นไฟเลยนะเฮ้ย!
“มันดูแปลก...” ผมแย้งเสียงแผ่ว ตาก็มองทีวีไปด้วย ความจริงชื่อลาวาก็ไพเราะอยู่หรอกแต่ความหมายมันทำลายล้างมากเลยนะโว้ย
“หรือจะเอาก้อนสีชมพู?” เพลิงนิลเลิกคิ้วมองผมพลางก้มมองลูกสาว ดวงตาก็ฉายแววราบเรียบคล้ายไม่ได้กวนประสาทผม แต่กูรู้สึกได้ว่าโดนกวนประสาทเต็มๆเลยไง
เดี๋ยวนะ! ไอ้ก้อนสีชมพูมันคืออะไร!!
“ไม่ๆ ลาวาก็ลาวา เบนว่าเพราะกว่าก้อนสีชมพูเยอะเลย” ผมแทบจะปาดเหงื่อออกจากหน้า ตกลงเขามีสกิลในการตั้งชื่อลูกไหมให้ตายสิ...กูอยากจะบ้า!
“แล้วลูกชายล่ะนิล ชื่ออะไรดี”
คราวนี้นัยน์ตาสีรัตติกาลตวัดมองลูกชายผมทางหางตา จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า...
“ก้อนสีขาว”
เอ่อ...คือจะพ้นคำว่าก้อนบ้างได้ไหมวะ!
ผมรู้ซึ้งขึ้นมาในบันดลว่าเพลิงนิลไม่ได้กวนประสาทผมหรอก แต่เขาตั้งชื่อลูกตามสภาพที่เห็นเลยไง เชี่ยเอ้ย...กูไม่ควรเอ่ยถามไปอย่างแรง ฮือ
“ไม่ได้นะ! เรียกลูกว่าก้อนสีขาวยิ่งดูแปลกไปใหญ่” ผมแย้งเสียงหลง
“แอ้...!”
ลูกชายส่งเสียงมาคำนึงทั้งที่ยังไม่ลืมตาและนอนนิ่งไม่ปานว่าตายไปแล้ว กำลังประท้วงว่า ‘ไม่เอา! ป๋มไม่เอาชื่อนี้’ ใช่ไหมลูก โถๆไม่ต้องห่วง พ่อจะไม่ยอมให้ลูกชื่อก้อนสีขาวๆอะไรนั่นแน่นอน!
เพลิงนิลจ้องมองมาอีกครั้ง ดวงตาเฉยชาฉายประกายหงุดหงิดเล็กน้อยที่ผมอยู่ในอาการไม่เห็นด้วยกับชื่อที่เขาตั้ง ใครเห็นด้วยก็บ้าแล้ว!
“อัคคี” สุ้มเสียงทุ้มเย็นเอ่ยขึ้นอีกครั้งพลางตวัดหางตามองโทรทัศน์ที่แปรเปลี่ยนเป็นภัยจากไฟที่ลุกไหม้ป่าทั้งแถบ
ผมชะงักกึก ชื่อเป็นไฟเลยนี่หว่า ไม่เอา!ผมไม่ยอมให้ลูกชายชื่อเป็นไฟเด็ดขาด คนอื่นอาจชื่อนี้ได้แต่ถ้าเป็นลูกของเพลิงนิลมันอันตรายเกินไป ผมกลัวลูกจะเป็นเหมือนชื่อไง แล้วทำไมไม่กลัวลูกสาวจะเป็นเหมือนชื่อ เด็กผู้หญิงสั่งสอนง่าย(?) ไม่ต้องห่วงหรอก
“แต่ชื่อนี้มันเป็นไฟ มันดูไม่สดใสเลย เบนอยากได้แบบสดใสๆหน่อย” ผมขมวดคิ้วมุ่น แต่ละชื่อที่เพลิงนิลตั้งให้ลูกนี่แบบมีแต่ประเภททำลายล้าง!
“งั้นก็เรียกก้อนสีขาวไปซะ” คราวนี้สุ้มเสียงเย็นชาเอ่ยตัดบทไปเสียอย่างนั้น
“ฮะ...แอ้!”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะลูก เดี๋ยวพ่อตั้งให้ใหม่เนอะ”
ผมรีบวางลูกสาวแล้วอุ้มลูกชายเข้าอกอย่างไว นัยน์ตาสีรัตติกาลกดมองลูกชายผู้น่ารักของผมอย่างยากเดาความคิด จากนั้นก็เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไร้อารมณ์ ผมกล่อมลูกจนหยุดร้องไป
อา...สงสัยจะไม่ชอบชื่อก้อนสีขาวจริงๆว่ะ เหอๆ
ผมก้มมองลูกที่แน่นิ่งไปสักพักก่อนจะผินหน้าไปมองนอกระเบียง แสงสีขาวที่อาบไล้ท้องฟ้าตามปกติของฤดูร้อนช่างสดใสสบายตา คิดออกแล้ว...
“เบนว่าชื่อคิมหันต์ก็แล้วกัน เกิดในฤดูร้อนเลยนี่นา ดีไหมปะป๋านิล”
เพลิงนิลหันขวับมาจับจ้องผมอย่างฉับพลัน แค่เรียกปะป๋านี่ถึงกับทำตาเย็นใส่ซะงั้น บรื้อ!ขนลุก แต่อย่างน้อยเขาก็เบือนหน้าไปมองทีวีต่อล่ะนะ
“อืม”
คิมหันต์ที่แปลว่าฤดูร้อน ชื่อนี้ต้องทำให้ลูกชายของผมสดใสและร่าเริงได้แน่ ใครบอกว่าผมงมงายกัน แต่ชื่อลูกสาวเป็นภัยพิบัติไปแล้วไง! ขืนเอาชื่อลูกชายเป็นไฟไปด้วยนี้ไม่ตู้มเลยเรอะ
และเพลิงนิลก็ยอมเออออตัดบทกับผมในที่สุด ลูกสาวนี่นอนหลับอย่างเดียวเลย นิ่งสนิทเหมือนลูกชายเป๊ะ แต่คือลาวาหลับจริงไงซึ่งคิมหันต์ไม่ได้หลับ ลูกชายผมแค่นอนนิ่งๆแต่เงี่ยหูฟังเสียงรอบข้างตลอดเวลา เอ่อ...เป็นเด็กที่แปลกดี
ผมกับเพลิงนิลนั่งเล่นนอนเล่นสลับกับให้นมลูกๆจนเข้ายามเย็น ตอนนี้ก็เกือบทุ่มนึงแล้ว
ก๊อกๆๆ! สิ้นเสียงเคาะได้ไม่นานร่างเล็กบางของพี่แสบก็เดินเอื่อยๆเข้ามา ว่าแต่ทำไมสีหน้าดูซีดๆแบบนั้นวะ
“เอานี่ สตอเบอรี่มึง” พี่รหัสวางถุงผลไม้สีแดงไว้บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้ด้านข้าง ส่วนเพลิงนิลกับพี่เพลิงกัลป์น่ะหรอ สองคนนั้นก็นั่งบนโซฟานู้น
“พี่หน้าซีด เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ”
“ไม่เป็นไร เมื่อเช้ากูอ้วกเยอะไปหน่อย” พี่แสบตอบกลับมา สายตาก็จ้องเขม็งที่ลูกๆทั้งสองของผม สีหน้าดูดีขึ้นมานิดเมื่อเอื้อมมือจับลาวากับคิมหันต์
“พี่แพ้อาหารหรือฮะ” ผมขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“ไม่รู้ว่ะพอตื่นเช้ามาก็อ้วกเลย นี่นอนพักไปเพิ่งมา กัลป์แม่งห้ามไว้อะไรนักหนาก็ไม่รู้” บ่นๆพลางเหลือบตามองสามีตัวเองซะงั้น
แต่ก็แปลกที่พี่เพลิงกัลป์ไม่ได้เถียงอะไรกลับมา แถมยังหันไปคุยกับเพลิงนิลอีก ผมก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันเพราะโดนพี่แสบถามขึ้นซะก่อน
“ตั้งชื่อลูกมึงยัง น่ารักน่าชังทั้งสองคนเลยว่ะ ขอเอากลับบ้านไปฟัดได้ไหม” ถ้าจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ก็อย่าเหอะพี่ ดูไม่น่าไว้วางใจอย่างแรง
“ผู้หญิงชื่อลาวา ผู้ชายชื่อคิมหันต์ฮะ” ผมตอบกลับไป
“ชื่อน่ารักว่ะ แต่ทำไมความหมายไม่คล้องจองกันเลย” พี่มันเริ่มสงสัย มือก็อุ้มลูกสาวผมขึ้นมาดูไปด้วย จะว่าไปลูกสาวก็ขยับตัวอยู่นะ แต่คล้ายบิดขี้เกียจมากกว่า
“คิมหันต์ผมตั้งฮะ แต่ลาวานิลตั้งให้”
“ห้ะ! เพลิงนิลเนี่ยนะ”
ดวงตาคล้ายแมวของพี่แสบเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหู เหอๆถ้าพี่มันรู้ว่าเขาคิดจะตั้งชื่อลูกว่าก้อนสีขาวกับก้อนสีชมพูคงจะช็อกกว่านี้แหง
“มึงไม่ตั้งชื่อลูกเป็นน้ำมันบ้างล่ะ ดีเซล โซฮอล์อะไรแบบนี้ เท่นะมึง” พี่รหัสยกยิ้มพลางออกความเห็น
“แอ้!”
ลูกชายประท้วงอย่างฉับพลันเลยทีเดียว...อา เห็นแววเอาแต่ใจ เอ้ย! คัดสรรแต่สิ่งที่ตนเองชอบมาแต่ไกล คือลูกไม่ได้หลับไปแล้วหรือคิมหันต์? ยังเงี่ยหูฟังพวกพ่อคุยกันอยู่อีกงั้นหรอ ไอ้ท่าทางนอนนิ่งๆนี่คือหลอกตาหรืออะไร
“น่าเสียดาย ท่าทางหลานกูจะไม่ชอบชื่อเป็นน้ำมัน ฮะๆๆ” พี่แสบหัวเราะรื่นเริงพลางก้มหน้าฟัดแก้มลูกชายของผม คุณคิมหันต์ลูกรักก็นอนแน่นิ่งให้ฟัดเลยไง
“มึงตั้งชื่อให้ลูก?” แว่วได้ยินเสียงพี่เพลิงกัลป์ถามเพลิงนิล
“อืม”
“ลาวา...หึ สมเป็นมึงดี” พี่เพลิงกัลป์ยิ้มเย็นตรงมุมปากก่อนจะหยิบนิตยสารมาเปิดผ่านๆ เพลิงนิลก็ชำเลืองตามองนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยว่า
“ก้อนสีขาว ก้อนสีชมพู”
“....” พี่เพลิงกัลป์ถึงกับหยุดกึกพลางมองน้องชายด้วยแววตาราบเรียบชั่วครู่หนึ่ง เฮ้ยๆ!เพลิงนิลพูดอะไรออกไป ผมนี่อยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอด!
“คือนิลหมายถึงก้อนลำลีน่ะฮะ กำลังจะวางแผนไปซื้อสำลี” ผมแก้ต่าง คือมีสำลีสีชมพูหรือเปล่าวะ...ช่างเถอะ!
Loading 70%
หลังจากนั้นพี่เพลิงกัลป์ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก พี่แสบก็เล่นกับลูกผมไปจนดึกดื่น ผมกับทุกคนกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ส่วนลูกก็ดื่มนมทุกสองชั่วโมง พยาบาลก็ทยอยเอานมขวดใหม่มาเปลี่ยนเรื่อยๆทันทีที่หมด
และหลังจากที่พี่เพลิงกัลป์กับพี่แสบกลับไป ความวุ่นวายก็มาเยือนเมื่อประตูถูกผลักออกอีกครั้งพร้อมกับคุณพ่อและคุณโลคัสที่โผล่หน้ามาพร้อมกัน
“เอ่อ...”
ผมอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างฉับพลัน คิดดูนะว่าหน้าตาของพวกท่านแลดูทะมึนมากคล้ายปะทะกันมาก่อนหน้านี้ และเมื่อทั้งสองเดินดิ่งๆเข้ามาเพลิงนิลก็ลุกพรึ่บพร้อมขวางหน้าไว้ในทันที
“เด็กจะหลับ มากันทำไม”
ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วสะกิดแขนเขายิกๆ แต่มันก็จริงอย่างที่เพลิงนิลบอกเพราะลูกๆของผมหลับกันหมดแล้ว
“แค่มาดูหน้าหลาน แกจะขัดขวางหรือไง”
คุณโลคัสเป็นฝ่ายตอบกลับมา แถมยังจ้องหน้าลูกชายเขม็งอีก ส่วนคุณบูรพาก็เหลือบตามองห่อผ้าสีขาวทั้งสองซึ่งวางขนาบข้างตัวผม
“ไม่เป็นไรหรอกนิล ลูกคงไม่ตื่น”
ผมสะกิดเขายิกๆอีกครั้ง นัยน์ตาสีรัตติกาลตวัดมองมานิดหน่อยก่อนจะเคลื่อนไปสบมองลูกๆแล้วทรุดตัวนั่งตรงโต๊ะข้างเตียงในที่สุด
“แข็งแรงดีนะ” ราชาพยัคฆ์หันมาเอ่ยถาม
“ฮะ” ผมตอบรับคุณพ่อพร้อมรอยยิ้ม
“ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ” ราชามังกรเอ่ยขึ้น แม้จะยังแลดูเขม่นๆกับคุณพ่ออยู่เลยก็เถอะ
“ลูกสาวชื่อลาวา ลูกชายชื่อคิมหันต์ฮะ”
“เป็นชื่อที่ดี” ผมรู้สึกเกร็งยังไงก็ไม่รู้ที่คุณโลคัสมาคุยด้วยแบบนี้ แต่เพราะมีเพลิงนิลนั่งแผ่รังสีอยู่ด้านข้างเลยคลายอาการเกร็งไปบ้าง
“จับได้ไหม” คุณโลคัสเอ่ยถาม ในขณะที่คุณพ่ออ้อมมามองหน้าหลานชัดๆอีกฝั่ง
“หลับอยู่” ไม่ใช่ผมเป็นคนตอบ แต่เพลิงนิลที่ไม่ได้หันมองใครตั้งแต่แรกดันหันขวับไปมองพ่อตัวเองอย่างไว
นัยน์ตาสีรัตติกาลฉายความราบเรียบแต่ผมรู้สึกได้ว่าถ้าเขาไม่ยอมให้คุณโลคัสจับลูกๆในเวลานี้ ราชามังกรก็จะไม่สามารถแตะต้องได้จริงๆ
“ฉันก็ไม่ค่อยอยากปลุกหลานเท่าไหร่ เอาเป็นว่าโอกาสหน้าค่อยมาอุ้มก็แล้วกัน”
คุณบูรพาดูจะเข้าใจอะไรง่ายกว่าคุณโลคัส ทว่าที่ทำให้ผมหวั่นใจคือ...
“คุณพ่ออุ้มเด็กเป็นหรือฮะ”
“ฉันไม่เคยอุ้ม” ราชาพยัคฆ์ตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
ว...เวรแล้ว นอกจากเพลิงนิลยังมีบรรดาราชาที่ผมไม่ควรให้อุ้มลาวากับคิมหันต์เด็ดขาด!
“ลูกของแกแกก็ไม่เคยอุ้มหรือไง” คุณโลคัสหันไปถาม แววตาก็ยังเป็นอริกันอย่างชัดเจน
“อืม เหมือนแกนั่นแหละ เคยอุ้มลูกไหมล่ะ”
“ไม่ แต่ฉันจะต้องได้อุ้มหลานแน่” เฮ้ยๆ! อย่ามาฆ่ากันในโรงพยาบาลนะ ใครก็ได้เก็บอาวุธหลีกหนีจากมือบรรดาราชาด่วนๆ!!
“เอ่อ ผมคิดว่ารอให้ลูกผมโตกว่านี้แล้วค่อยอุ้มก็ได้ฮะ เอาแบบเดินได้แล้วดีไหมฮะ” ผมกลัวจะมีใครทำลูกสาวและลูกชายคอหักก่อนได้โตน่ะสิ!
“ไม่”
สองราชาพร้อมใจตอบกลับมาพร้อมกัน พอรู้ตัวว่าพูดพร้อมกันก็ต่างหันไปมองหน้าอีกฝ่ายเขม็ง แต่คุณพ่อดูไม่ทุกข์ร้อนในขณะที่ประกายตาของคุณโลคัสเริ่มเย็นเฉียบแล้วไง
“ฉันเป็นพ่อของเบนซินซึ่งเป็นฝ่ายตั้งครรภ์ ดังนั้นฉันต้องได้อุ้มหลานก่อน” คุณพ่อเปรยขึ้นด้วยแววตาราบเรียบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเฉดแดงก็มีประกายวาบผ่านวูบหนึ่ง
“แต่ฉันเป็นคนทำให้ตั้งครรภ์ ดังนั้นฉันต้องได้อุ้มก่อน” คุณโลคัสเอ่ยเสียงเย็นและเมื่อเรื่องมันเข้ามาสู่ประเด็นที่ผมตั้งครรภ์ดวงตาของคุณบูรพาก็เย็นลงวูบหนึ่งเลยทีเดียว
“แกเกือบทำลูกฉันตาย อย่าคิดว่าครั้งที่แล้วจะเจ๊ากันไป”
“แต่ลูกแกก็รอดมาได้นี่ หรือจะเปิดศึกกันดีล่ะ...หึ”
“ออกไปซะ”
เพลิงนิลที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นเสียงเย็น ดวงตาของเขาจ้องมองลูกสาวที่ขยับร่างคล้ายจะตื่นและลูกชายที่เริ่มเบ้ปากเพราะมีเสียงรบกวนดังเกินไป จากนั้นก็ตวัดมามองสองราชาซะจนผมขนลุกแทน
เวรแล้วไง! คนต่างวัยทั้งสามจ้องตากันราวกับจะระเบิดห้องนี้ให้กลายเป็นจุณได้!
“น...นิลหมายถึงเชิญคุณพ่อกับคุณโลคัสออกไปก่อนเพราะมันดึกแล้ว จะได้กลับไปพักผ่อนกันด้วยไงฮะ ถ้าดึกกว่านี้จะการเดินทางกลับจะอันตรายและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ นิลเป็นห่วงน่ะฮะ ดังนั้นไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมก็ได้ฮะ”
“งั้นฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน รักษาตัวด้วยล่ะ หวังว่าโรงพยาบาลที่นี่จะดูแลหลานของฉันเป็นอย่างดี”
คุณบูรพาว่าพลางจ้องตาคุณโลคัสเขม็ง ผมมองทั้งสองคนแล้วเริ่มเหงื่อตก ถ้าจะฆ่ากันก็เชิญข้างนอกเถอะครับ อย่ามาทำอะไรในนี้เลยเนอะ เดี๋ยวเพลิงนิลกระโดดร่วมวงไปด้วยอีกคนคงแย่แน่
“โรงพยาบาลที่นี่อยู่ในเครือของตระกูลฉัน ดังนั้นย่อมดูแลหลานของฉันเป็นอย่างดี ฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”
คุณโลคัสเอ่ยเสียงเรียบพลางจ้องตาคุณพ่อกลับ จากนั้นก็ตวัดหางตามามองผมกับเพลิงนิลแล้วต่างคนก็ต่างเดินออกไป ผมโบกมือบ๊ายบายตามหลังก่อนจะยกมือลูบๆอก ค่อยหายใจคล่องคอขึ้นมาหน่อย
ความน่ากลัวที่สองราชาบวกเพลิงนิลปล่อยออกมารอบห้องมันไม่ตลกเลยสักนิด! ใครไม่เป็นผมไม่รู้ถึงความใจหายใจคว่ำนี้หรอก
หลังสองราชาไปแล้วผมก็หันมองเพลิงนิล เขาก็มองตอบกลับมาเช่นกัน จะว่าไปบรรยากาศมันเริ่มแปลกๆแล้วว่ะ เมื่อครู่ยังน่าสะพรึงแต่ทำไมตอนนี้มันช่างไม่น่าไว้วางใจอย่างแรง
เพราะเขานั่งเก้าอี้ข้างเตียงเลยทำให้ใบหน้าของเราอยู่ระดับเดียวกัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือหนาเลื่อนมาแตะข้างแก้มแล้วดันต้นคอให้ริมฝีปากผมเข้าไปใกล้
ผมเหลือบตาลงมองริมฝีปากสีซีดในระยะประชิด ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดข้างแก้มจนเผลอหลับตาลงรับสัมผัสที่ประกบลงมา ทว่าในจังหวะนั้น...
“แอ้!”
ลูกชายก็ร้องขึ้นเสียงดังลั่น ตาก็หรี่ๆคล้ายอยากลืมเต็มที ผมผละออกห่างแต่ติดตรงคราวนี้เพลิงนิลไม่ปล่อยแล้วไง เขาดันคอผมกลับไปที่เดิมแล้วประกบริมฝีปากลงมาใหม่ รสสัมผัสที่คุ้นเคยชวนเคลิ้มถ้าไม่ติดที่มีเสียงลูกเป็นแบ็คกราวน์ประกอบฉาก
“แอ้!...เฮะ แอ้!!” คราวนี้ร้องดังกว่าเดิมซะงั้น
เพลิงนิลเป็นฝ่ายผละออกห่างก่อนจะมองลูกชายที่ร้องจนลูกสาวเริ่มเบ้หน้าตาม ทั้งสองเริ่มส่งเสียงร้องแข่งกัน ผมรีบอุ้มลูกชายเข้าอกในทันที หรือจะหิว? ว่าแล้วก็ลองเอาขวดนมแหย่ปาก ไม่นานก็ดูดจ๊วบๆแล้วแน่นิ่งไป
“แอ้...แอ้!!” แต่ลูกสาวเนี่ยสิ...
“นิลเอานมให้ลาวาหน่อย” ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า แต่ต้องลอง เหอๆ
Writer talk3
เฮียนิลจะให้นมลูก!//ทำหน้าผวา สองราชานี่เป็นอริกันอย่างชัดเจนเลยนะคะอย่างนี้ต้องได้กั...//หลบปืนรัวๆ แหม...รุ่นลูกไม่เคยอุ้มแต่มารุ่นหลานนี่อยากอุ้มกันจัง อย่างว่าน้องคิมกับวาน่าร๊าก เดี๋ยวเราจะได้รู้กันค่ะว่าทั้งสองคนน่ารักมหาศาลขนาดไหน//ปาดเหงื่อ ท่านชายคะ ไม่น่าไปขัดจัดหวะเลิฟซีนของป๊ากับม๊าเลย มีคนไม่อยากให้เบนแทนตัวว่าพ่อเยอะมาก ไม่ต้องห่วงค่ะ มันจะมีเหตุการณ์ที่เบนต้องแทนตัวว่าแม่แน่นอน//ยิ้มหวาน แล้วพบกันค่า
รักรีดเดอร์
10/07/2016
Writer talk2
นิยายเรื่องนี้สมควรไปอยู่หมวดตลกขบขันเป็นอย่างยิ่ง 555 น่าร๊าก อัคคีก็ดีนะคะเบนไม่น่าขัด แต่คิมหันต์ก็ไพเราะเหมือนกัน ส่วนน้องลาวาของเรายังไม่เผยนิสัยค่ะ หึๆ มีคนสงสัยว่าอาคาชิคือใคร? พระเอกในฟิค KNB ที่ไรท์แต่งอยู่ค่ะ แล้วพบกันค่า
รักรีดเดอร์
09/07/2016
Writer talk
เบนคิดถูกแล้วค่ะที่ไม่ให้เฮียนิลอุ้ม เหอๆ ตอนนี้ก็เรื่อยๆอีกเช่นเคย เดี๋ยวสักพักไรท์จะข้ามเวลา(ข้ามอีกแล้ว) อยากถามว่าตอนมองลูกชายแล้วคิดอะไรอยู่คะเฮีย//หลบปืน พอลูกสาวมานี่ถึงกับขยับมาดูหน้าเชียว ไม่ค่อยจะเห่อ...//หลบไพ่ แล้วพบกันค่า
#จะว่าไปพระเอกของไรท์ช่าง...//ปาดเหงื่อ
เพลิงนิล = โหดเหี้ยม...เอ้ย! โหดนิ่ง
เพลิงกัลป์ = โหดซึน
อาคเนย์ = โหดหื่น
อาคาชิ = โหดยัน(เดเระ)
รักรีดเดอร์
08/07/2016
ดูท่าทางลูกจะได้พ่อมาทั้งคู่แน่ๆ เบนเตรียมรับมือกับมารน้อยสองคนนี้ได้เลย!
ทำไมใกล้พ่อเบนซินไม่ได้เลย
นน้องคิมหวงแม่สุดไ
เอาราชาทั้งสองมาได้กันเอง555+