ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 14 :: Detriment

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.2K
      226
      2 ธ.ค. 56

    ? Tenpoints!

     

     

     

     

    Chapter 14

    Detriment

     

     

     

    ชานยอลเดินไปยังลานอเนกประสงค์ที่มีใครคนหนึ่งกำลังลากศพขึ้นบนท้ายรถกระบะตามลำพังในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ เขาเดินเข้าไปช่วยยกส่วนขาในขณะอี้ฟานสอดมือเข้าระหว่างใต้วงแขนเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้าย อี้ฟานเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ที่เข้ามาช่วยแล้วก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ

    ตื่นแต่เช้าเลยนะ

    ผมคิดว่าตื่นเช้าแล้ว แต่ยังมีคุณที่ตื่นเช้ากว่า ชานยอลยิ้มก่อนที่อี้ฟานจะลากศพขึ้นไปจัดให้เป็นระเบียบ เด็กคนอื่น ๆ ยังไม่ตื่นเหรอครับ?

    เวลาตื่นของเด็ก ๆ คือหกโมงครึ่งน่ะ ให้เขาพักอีกหน่อย เพราะวันนี้ต้องใช้แรงกันทั้งวัน อี้ฟานยิ้มบาง ๆ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปแบกซากศพผีดิบด้วยกัน

    มีรถกระบะสามคัน ขนสักห้ารอบก็น่าจะหมด ชานยอลหันไปมองซากศพแล้วคำนวณ ว่าแต่คุณจะเอาไปเผาที่ไหนครับ?

    คงเป็นลานกว้างที่ไม่ไกลจากตรงนี้มาก ซากศพเยอะขนาดนี้ขืนไปไกลขนวันเดียวคงไม่เสร็จ

    งั้นผมอยู่ช่วยคุณก่อนแล้วกัน

    ดีเลย

    อี้ฟาน

    หืม?

    ที่คุณขอให้ผมสอนเด็ก ๆ ใช้ปืนน่ะ...คุณคิดอะไรอยู่เหรอ?

    ... ร่างสูงไม่ตอบภายในทันที ทั้งคู่ละความสนใจจากซากศพแล้วยืนให้ความเงียบครอบงำผมกลัวว่าที่นี่จะถูกบุกรุก

    ชานยอลมองหน้าอีกฝ่าย ท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้นตามระยะเวลาเมื่อดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า อี้ฟานหันไปมองทางอื่นราวกับใช้ความคิด

    มันคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดมีคนมาเห็นว่าที่นี่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ จริงอยู่ที่บนโลกมีทั้งคนดีและคนเลว แต่คนทั้งสองประเภทมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือความหิวกระหาย

    ...

    สถานการณ์ทุกอย่างบีบบังคับให้คนเราแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา คนดีก็กลายเป็นคนไม่ดีได้ถ้าเห็นทางรอดอยู่ตรงหน้า อีกอย่าง...ที่นี่มีแต่เด็ก พวกเขาเอาตัวรอดจากตัวกินคนมาได้ก็จริง แต่มันคงยากที่จะเอาตัวรอดจากมนุษย์ด้วยกัน

    อืม...นั่นสินะ ชานยอลทำหน้าครุ่นคิด

    เราจะไม่ฆ่าใคร ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ร่างสูงจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ไม่มีอารยะธรรมดี ๆ หลงเหลืออยู่อีก

    ถ้าอย่างนั้น...ผมคิดว่าควรสอนให้เด็กที่เฝ้าเวรบนดาดฟ้าใช้ไรเฟิลด้วย ถ้าเกิดมีเหตุซ้ำรอยขึ้นจริง ๆ ข้างบนนั้นคือมุมดีกับการลอบยิงเลยล่ะ อี้ฟานพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้

    เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้วนะ ชานยอล

    ยินดีเสมอร่างสูงยิ้ม ทั้งคู่ยังคงช่วยกันเอาซากศพขึ้นท้ายรถกระบะจนกระทั่งนักเรียนตามมาช่วยในเวลาถัดมา

     

     
     

     

     

     

     
     

    แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างตามด้วยความอบอ้าวในฤดูฝน เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นและปล่อยให้ปรับสภาพสายตากับเพดานห้องอยู่ครู่หนึ่ง ขยับหัวก็รู้สึกมึนเล็กน้อยเพราะพิษเหล้าเมื่อคืน พอหันไปทางขวาก็เห็นหัวทุยของใครอีกคนนอนซบอยู่ตรงไหล่...มือเรียวสวยที่วางอยู่บนแผงอกนี่ก็ด้วย...

     

     

    เดี๋ยว...

     

     

    ...

    ขยับตัวไปทางซ้ายเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของคนที่หลับอยู่ แพรขนตายาวกับเปลือกตาที่ปิดสนิททำให้คนเมาตื่นเต็มตา สมองประมวลผลอย่างหนักแล้วภาพสีซีเปียก็เริ่มฉายเป็นฉาก ๆ

     

     

    สีหน้าจองหองของโอเซฮุน...

    ริมฝีปากสีแดง...

    จูบ...

     

     
     

     

    และ...

     

     

     

     

     

    กูแกล้งหลับใส่มัน

     

     

     

     

     

    เหี้ยเอ๊ย...

    สบถเบา ๆ แล้วเอามือข้างที่ไม่ถูกนอนทับตบหัวตัวเองสองที หันไปมองอีกทีเพื่อให้แน่ใจยังไงโอเซฮุนก็ยังนอนอยู่ที่เดิม

    เพราะฤทธิ์เหล้าที่ทำให้เขาใจกล้าหน้าด้านทำอะไรแบบนั้นออกไปเป็นครั้งที่สอง พอสร่างเมาแล้วถึงกับนิพพานเพราะไม่รู้ต้องทำหน้ายังไง ร่างหนาอ้าปากเล็กน้อยพร้อมกับขยับตัวออกมาทีละนิด...อย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้คนที่หลับอยู่รู้ตัว

    ถ้าตื่นมาตอนนี้นรกแดกหัวกูแท้ ๆ แค่คิดว่าต้องสบตากับเด็กหน้าตายแบบนั้นแล้วคนที่แพ้ก็ไม่ใช่ใคร มันกูนี่ไงล่ะครับที่เก็บสีหน้าได้ไม่เก่งเท่ามัน อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นก็จะแซะตัวออกมาได้แล้ว...แทบกลั้นหายใจตอนที่เอาแขนออกมาจากท้ายทอยอีกคน

    แต่สุดท้ายก็สำเร็จ ไม่รู้ว่าคิมจงอินเก่งหรือว่าเซฮุนมันหลับลึกกันแน่ แต่ที่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาไม่พร้อมที่จะปั้นหน้าปั้นตาอ้อล้อใส่เด็กนี่แต่เช้า ประคองหัวทุยให้นอนลงกับหมอนดี ๆ แล้วก็ชั่งใจว่าจะห่มผ้าให้ดีไหมเพราะตอนนี้อากาศคือร้อนจนเหงื่อซิบ ไม่ดิ...เขาจะห่มผ้าให้ไอ้เด็กนี่ทำไม เขาไม่ได้มีอารมณ์เป็นห่วงเป็นใยอะไรขนาดนั้นสักหน่อย

    ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินเมาง่วงเข้าไปในห้องน้ำ พอได้ยินเสียงน้ำไหลร่างบางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ที่จริงเขาตื่นตั้งแต่ตอนที่จงอินขยับตัวแล้วแต่ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าก็เลยเลือกที่จะแกล้งหลับต่อไป นอนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนได้ไม่เท่าไหร่ร่างหนาก็เดินออกมาออกจากห้องน้ำ เซฮุนรีบหลับตาลงทันทีเมื่ออีกฝ่ายก้าวขามาทางนี้

    ขี้เซาจริง

    ...

    อย่าตื่นสายมากนะ วันนี้ต้องไปกับชานยอลไม่ใช่ไง? พูดไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่รู้ว่าร่างบางจะได้ยินหรือเปล่า แอบชำเลืองมองอยู่หน่อย ๆ แล้วก็โน้มตัวกลับเพราะกลัวเซฮุนตื่นมาป๊ะหน้าเข้าเอาตอนนี้

    งั้นก็นอนต่อไปอีกหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวยังไงชานยอลมันคงขึ้นมาปลุกเองล่ะมั้ง

     

     

     
     


     

     
     

     

    ความร้อนของไอแดดไม่ได้ทำให้คนเมาตื่นจากการหลับใหลได้ง่าย ๆ ท่อนแขนที่วางรองหัวใช้เพื่อแทนหมอนชั่วคราวจากสภาพแล้วคงปวดน่าดูตอนตื่น เด็กหนุ่มนั่งลงยอง ๆ มองคนที่ยังคงหลับอยู่บนที่นั่งทางยาวตรงหน้าห้องนอนชั้นล่าง

    ฟันคมกัดริมฝีปากล่างเมื่อความกดดันบีบบังคับให้บยอนแบคฮยอนควรทำอะไรสักอย่างในตอนนี้ ยิ่งเห็นลู่หานมานอนข้างล่างแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด ไม่เคยง้อใครมาก่อนด้วย เขาน่ะถนัดเรื่องการทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากถูกเพื่อน ๆ แกล้งเสียมากกว่าที่จะต้องคิดหาทางง้อใครแบบนี้

    หยิบกล้องโพลารอยด์ขึ้นมาถือไว้แล้วแนบตรงระดับดวงตาแล้วก็เห็นภาพของคนที่หลับอยู่ นิ้วชี้ข้างขวากดชัตเตอร์เพียงเบา ๆ ก่อนที่รูปจะไหลออกมาจากด้านล่างของกล้อง

    เสียงชัตเตอร์ปลุกคนเมาให้ตื่นขึ้นจากความฝัน ลู่หานขมวดคิ้วมุ่นขณะเพ่งมองคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับภาพในมือ ร่างโปร่งหยัดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังจ้องคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้น แบคฮยอนหุบยิ้มลงก่อนจะเอารูปแปะที่ริมฝีปากพร้อมกับช้อนตามองคนที่นั่งอยู่สูงกว่า

    ...

    อรุณสวัสดิ์... เสียงหงอย ๆ ลอดออกมาผ่านรูปถ่ายในมือ ลู่หานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยแม้ว่าคนตัวเล็กจะเอ่ยทักทายก่อน มือเรียวยกขึ้นเกาหัวจนผมยุ่งชี้ฟูพลางปรือตามองไปรอบ ๆ

    แบคฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นยืน เอากล้องโพลารอยด์ห้อยคอไว้แล้วก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ยังคงไม่สร่างเมาดีก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาจัดเผ้าผมให้ ลู่หานตกใจเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำหน้าสำนึกผิดอยู่แล้วก็พูดไม่ออก

    จริงอยู่ที่เขาน้อยใจแบคฮยอน แต่พอเห็นคนตัวเล็กทำหน้าแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน...

    ทำอะไร?

    อยู่เฉย ๆ ได้ไหมเล่า

    ...

    ลู่หานยอมนั่งอยู่เฉย ๆ ให้แบคฮยอนจัดทรงผมจนพอใจ ร่างโปร่งหลุบสายตาลงแล้วก็รู้สึกชาตรงแขนข้างขวา ถ้าไม่ใช้มันหนุนแทนหมอนก็คงนอนไม่หลับแน่ ๆ บีบนวดเพื่อให้มันหายชาแล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งที่จู่ ๆ แบคฮยอนก็นั่งลงตรงหน้าแถมยังจับมือเขาไปนวดแขนให้อีก

    ...

    ...

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาราวกับว่าความอึดอัดมันจุกอยู่ที่คอ ลู่หานไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนตัวเล็ก ทั้งที่ต้องใช้ความกล้ามากถึงขนาดนี้แต่ดูเหมือนว่าการง้อลู่หานมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แบคฮยอนยังคงนวดแขนต่อไป สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว

    อีกกี่นาทีจะหายโกรธ

    ...

    นี่

    ...

    ถ้าหายโกรธจะยอมเป็นไอ้เตี้ยให้วันนึงเลยเอ้า!” คำพูดคำจาน่ารักทำเอาคนใจแข็งรู้สึกเขว ลู่หานยังคงเก็บอาการได้ดีแม้ว่าตอนนี้ความน้อยใจมันจะหายไปหมดสิ้นตั้งแต่แบคฮยอนนวดแขนให้แล้ว

     

     

    แม่งโคตรใจง่ายเลยกู...

     

     

    อีกห้านาทีต้องหายโกรธนะ

    ไม่

    ทำไมล่ะ เอ...ก็ยอมพูดด้วยแล้วนี่นา แบคฮยอนยิ้มกว้างพร้อมกับก้มหน้ามองร่างโปร่งที่ไม่ยอมมองหน้าเขา

    ...

    งั้นสิบนาทีพอไหม?

    ไม่

    อะไรกัน! นี่นายจะโกรธฉันไปถึงชาติหน้าเลยหรือไงเล่า?!” แบคฮยอนฟาดมือลงบนท่อนแขนแกร่งจนขึ้นริ้วแดง ลู่หานหันควับพร้อมกับเลิกคิ้วมอง

    นายเป็นคนผิดยังกล้ามาตีฉันอีกเหรอบยอนแบคฮยอน!”

    ก็นายงี่เง่าอ่ะ

    โห...ให้โอกาสพูดใหม่อีกทีก่อนที่จะโมโหอีกรอบ ลู่หานแค่นยิ้ม ง้อได้ไม่เท่าไหร่คนตัวเล็กจะทำให้เขาโมโหอีกแล้ว

    อีกรอบนี่แสดงว่ารอบนี้หายแล้วใช่ไหม? แบคฮยอนอมยิ้มถาม ลู่หานยังคงตีหน้ามึน ไม่สนใจร่างเล็กอย่างอนนานนักเลยน่า...ฉันง้อใครไม่เป็น นะ ๆ แบคฮยอนเกาคางร่างโปร่งจนเจ้าตัวรู้สึกหมั่นไส้ ลู่หานคว้ามือเล็กเอาไว้แล้วทำท่าจะกัดจนแบคฮยอนต้องหลับตาปี๋

    อย่ากัดนะ! อย่าาาาา~~”

     

     

    ก็เพราะว่าทำตัวแบบนี้ไง...เขาถึงไปไหนไม่ได้

     

     

    ถ้าฉันกลายเป็นเหมือนพวกกินคน ฉันจะกัดนายคนแรกเลย ลู่หานจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของคนตัวเล็ก

    ไม่มีทาง เพราะฉันจะเอามีดแทงนายตรงนี้ก่อนที่นายจะมีโอกาสได้กัดฉันแบคฮยอนยิ้มแล้วผลักหัวอีกคนจนเงนไปข้างหลังราวกับว่าเรื่องที่ได้ฟังมันน่าตลกเสียเต็มประดา แต่สุดท้ายลู่หานก็ยิ้มออกมาได้เพราะรอยยิ้มของคนตรงหน้า

    หายโกรธแล้วใช่ไหม?

    ไม่รู้ แต่อย่าทำให้โกรธอีกล่ะ

    อื้ม รู้แล้ว แบคฮยอนพยักหน้าก่อนที่จะถูกอีกคนบีบจมูกอย่างหมั่นเขี้ยว แค่ลู่หานไม่โกรธก็พอ ถ้าอะไรที่ลู่หานไม่ชอบแบคฮยอนจะไม่ทำ เขารู้แค่นี้

    นั่นรูปอะไร?

    ไม่บอก แบคฮยอนยิ้มแล้วเอามือปิดกระเป๋าเสื้อที่อยู่ตรงอกข้างขวาเอาไว้

    เอามาดูเลย แล้วนี่ไปเอากล้องมาจากไหน?ลู่หานแบมือมาตรงหน้าหากแต่คนตัวเล็กกลับอมยิ้ม

    ของนักเรียนที่เคยอยู่ห้องนั้นน่ะ เห้ยอย่ามาล้วง!” แบคฮยอนตีมืออีกคนที่กำลังทำท่าจะล้วงเข้ามาในกระเป๋าเสื้อของเขา

    แอบถ่ายรูปฉันอ่ะดิ

    ใช่ ตอนกำลังน้ำลายเยิ้มด้วย อย่างงี้เลย แบคฮยอนปาดนิ้วชี้จากมุมปากไปจนถึงข้างแก้มให้อีกคนดู ลู่หานยิ้มขำแล้วยีหัวคนตัวเล็ก

    ถ่ายรูปกันนะ

    มาชวนคนเพิ่งตื่นถ่ายรูปนี่คิดจะฆ่ากันทางอ้อมไง? ร่างโปร่งเลิกคิ้วมอง แบคฮยอนเอื้อมมือไปเซ็ทผมให้จับ ๆ อยู่ในทีแล้วพยักหน้า

    หล่อแล้วเนี่ย

    เออ ถ้านายบอกว่าหล่อฉันจะยอมถ่ายด้วยก็ได้

    ลู่หานลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาเคยรู้สึกแย่มากแค่ไหน ทั้งเรื่องของแบคฮยอนและเรื่องของมินซอก เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของคนตัวเล็กกับคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกดีแค่นี้

     

     

    ทุกอย่าง...เขาก็พร้อมจะทิ้งมันไว้ข้างหลังอย่างคนเห็นแก่ตัว

     

     

    ลู่หานเอาขาลงจากที่นั่งแล้วขยับเข้าไปใกล้คนตัวเล็กและไม่ลืมที่จะโอบไหล่ให้เข้ามาแนบชิด เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เมื่อแบคฮยอนยื่นมือออกไปจนสุดแขน คนตัวเล็กกะระยะแต่พอดีแล้วกดชัตเตอร์

     

     

    แช่ะ!

     

     

    หยิบแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมออกมาเพื่อรอรูปและไม่กี่วินาทีต่อมาภาพจาง ๆ ก็เริ่มเด่นชัดขึ้น แบคฮยอนเพ่งมองใกล้ ๆ แล้วก็หันไปมองค้อนลู่หานทันทีที่เห็นรูปชัด ๆ

    ทำอะไรของนายเนี่ย?

    โทษที ฉันหันหน้าไปไม่ทันน่ะ ฮ่า ๆ ลู่หานแย่งรูปมาแม้ว่าคนตรงหน้าจะขมวดคิ้วมุ่น เขาเก็บรูปนี้ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงตรงหัวคิ้วคนตัวเล็กถ่ายใหม่ก็ได้น่า

    ทำไมไม่หันมามองกล้องดี ๆ แบคฮยอนพึมพำแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายใหม่

     

     

    รูปก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรมาก...

    เขาก็แค่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เหมือนจะหอมแก้มแบคฮยอนก็เท่านั้น

     

     

    คราวนี้เอาดี ๆ นะ

    ทราบ ลู่หานโอบไหล่คนตัวเล็กอีกครั้ง หน้าของทั้งคู่แทบจะแนบกันอยู่แล้ว ยิ้มให้กับกล้องแล้วกดชัตเตอร์และจังหวะนั้นเองที่ประตูบานตรงหน้าเปิดออกมา

    ...

    ...

    มินซอกชะงักไปครู่หนึ่ง แม้ว่าแว่นของเขาจะใช้การได้ข้างเดียวแต่ภาพตรงหน้ามันก็ชัดจนพูดไม่ออก มองลู่หานกับแบคฮยอนที่อยู่ในท่าโอบไหล่กันแล้วก็รู้สึกชาไปทั้งตัว เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร แต่มีคำถามหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวว่าทำไมลู่หานถึงได้ดูมีความสุขกับเด็กคนนั้นขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อคืน...

    มินซอก

    ศัพท์นามที่เรียกก็เปลี่ยนไป ไม่มีความพิเศษเหมือนในทีแรก เด็กหนุ่มกระชับเสื้อแขนยาวอยู่ในทีแล้วหันไปยิ้มให้กับแบคฮยอนที่นั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น

    อรุณสวัสดิ์ มินซอกตอบทักทายตามมารยาทแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง ทำไมรู้สึกเจ็บตรงหัวใจแบบนี้นะ รู้สึกเหมือนกำลังมีใครบีบมันเอาไว้ เขาไม่สามารถทนดูสองคนนั้นอยู่ด้วยกันได้จริง ๆ ที่ลู่หานออกมากลางดึก...เป็นเพราะกลับไปหาเด็กคนนั้นใช่ไหม?

     

     

    แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ...ทำไมต้องมาแสดงความรักที่หน้าห้องเขาด้วย?

     

     

    ...

    ผู้ชายคนนั้นที่มากับนายเมื่อวันก่อนนี่นา แบคฮยอนชะเง้อหน้ามองตามขณะที่ใครอีกคนถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงความผิดพลาดที่ก่อเอาไว้

    เขาชื่อมินซอกใช่ไหม?

    อื้ม

    นายเป็นอะไรหรือเปล่า? แบคฮยอนถามคนข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง ลู่หานส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะฝืนยิ้มออกมาเพื่อให้ร่างเล็กสบายใจ

     

     

     

    ขอโทษนะ...มินซอก

     

     
     

     


     

     

     

     

    ทั้งที่เมื่อเช้าแดดออก แต่พอช่วงสายฝนกลับตกลงมาอย่างหนัก รถเก๋งสีดำขับเทียบจอดข้างทางตามตำแหน่งที่คนข้าง ๆ ชี้บอก ที่ปัดฝนยังทำงานอย่างต่อเนื่อง เบื้องหน้าคือถนนที่มีรถหลายคันจอดทิ้งไว้และคาดว่ามันคงไม่ได้ใช้การมานานพอสมควร

    มีพวกกินคนเดินตากฝนเพ่นพ่านอยู่เป็นจุด แต่มันก็อยู่ไกลพอที่เขาจะละความสนใจจากมันไปได้ ร่างสูงดึงเบรกมือแล้วเปิดประตูลงไป ทั้งสี่คนวิ่งไปหลบฝนใต้กันสาดหน้าร้านก่อนที่ชานยอลจะปัดฝุ่นออกแล้วส่องเข้าไปภายในร้านขายปืน

    มีที่นี่ที่เดียวใช่ไหม? ร่างสูงหันไปถามเด็กนักเรียนที่มาด้วยกัน

    น่าจะมีแค่ร้านนี้ร้านเดียวแหละครับพี่ เพราะว่าเทามันบอกผมมาแค่นี้

    ไม่เป็นไร เอาล่ะ ผมไม่รู้ว่าข้างในมีตัวอะไรอยู่บ้างเพราะฉะนั้นทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะทุกคนพยักหน้ารับก่อนที่ชานยอลจะกระทุ้งกระจกด้วยเหล็กยาว

    ไม่ต้องกังวลว่าพวกผีดิบจะแห่มาทางนี้เพราะเสียงฝนที่ตกลงมาอย่างหนักกลบไปหมดแล้ว พอกระจกแตกร่างสูงก็สอดมือเข้าไปข้างในแล้วบิดกลอนประตูออก ทั้งสี่คนเข้าไปในร้านที่เงียบสงบ ตู้กระจกใสที่เคยใส่ปืนหายไปเป็นบางส่วนนั่นพอจะคาดเดาได้ว่าเจ้าของร้านคงเก็บมันไว้ส่วนหนึ่งก่อนหน้าไปจากที่นี่

    เดี๋ยวผมจะไปสำรวจข้างในสักหน่อย...นี่เซฮุน ชานยอลเรียกเด็กหนุ่มที่ยืนสำรวจอยู่ตรงหน้าตู้ปืน เซฮุนพยักหน้ารับอย่างรู้งานก่อนจะเดินอ้อมเข้าไปในเคาน์เตอร์แล้วเปิดกระเป๋าเป้ออก

    เราต้องเอาอันไหนไปบ้างครับ? เด็กคนนึงถามขณะยืนมองเซฮุนเลือกปืนอยู่

    ไปหยิบพวกสายสะพายปืนตรงมุมนั้นน่ะ เราต้องใช้เยอะ ร่างบางตอบแล้วเด็กหนุ่มทั้งสองก็เดินแยกไปเก็บของข้างใน

    เซฮุนหยิบปืน .357 แม็กนั่มขึ้นมาลองจับดูแล้วพลิกซ้ายพลิกขวา ปืนรุ่นนี้จัดได้ว่าแรงมากชนิดที่สามารถระเบิดหัวคนได้ เขาก้มลงค้นตู้ชั้นล่างแล้วก็พบกล่องกระสุนมากมายหลายแบบ ไอ้เขาก็ยิงเป็นอย่างเดียวซะด้วยสิ เห็นทีคงต้องรอชานยอลมาเลือกกระสุนอีกที

    ร่างสูงเดินกลับมาพร้อมกับปืนไรเฟิลสีน้ำตาลสองกระบอก เขาวางมันลงบนตู้กระจกแล้วก้มลงมองปืนในมือเซฮุน

    มันเจ๋งมากเลยนะ ปืนที่คุณถืออยู่

    ครับ ผมเคยเห็นคนพวกนั้นใช้

    งั้นคุณก็เก็บกระบอกนั้นไว้กับตัวเอง แต่ที่เราต้องเก็บไปคือปืนพกที่บรรจุกระสุนใส่แม็กกาซีนได้สักราว ๆ สิบห้าถึงยี่สิบนัด แต่ละคนไม่มีทักษะด้านยิงปืนมา คงไม่ดีแน่ถ้าให้วิ่งไปเปลี่ยนแม็กกระสุนไปด้วยเพราะกระสุนหมดเร็ว อย่างเช่นนั่นน่ะ...เบเร็ตต้า ชานยอลชี้ลงบนตู้กระจกที่มีปืนสีเงิน/ดำวางอยู่บนผ้าสีแดงเข้ม เซฮุนหยิบมันขึ้นมาแล้วมองหน้าอีกฝ่ายก่อนที่ร่างสูงจะพยักหน้า

    “Colt 1911 ตรงนั้นด้วย

    ครับ

    ชานยอลหันหลังเข้าหาแผงปืนที่อยู่ข้างหลังพร้อมกับพินิจถึงความจำเป็น เขาต้องการลูกซองอีกสักสองกระบอก และปืนพกอีกจำนวนหนึ่ง กระสุนยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีเผื่อใช้ในคราวจำเป็น...

    คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?

    ผมเคยไปเรียนยิงปืนกับพ่อช่วงซัมเมอร์น่ะ เลยพอรู้เรื่องนี้บ้าง

    เจ๋งดีนะ ผมก็อยากทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวแบบคุณบ้าง พอได้ยินเซฮุนพูดอย่างนั้นชานยอลก็ยิ้มขำแล้วหันกลับไปเก็บปืนใส่กระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก

    ทำไมล่ะ คุณไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวหรือไง?

    ไม่เท่าไหร่ครับ พ่อผมออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จะกลับก็ดึก เราเลยไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่ เพราะงั้นผมเลยใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับปู่ย่าน่ะ

    งั้นแสดงว่าคุณคงสนิทกับท่านมากเลยล่ะสิ

    ครับ เขาทำอะไรให้ผมทานตลอดเลย ทั้งอร่อยบ้าง ทั้งขมจนแทบอาเจียนบ้าง...อ่า...ผมไม่อยากนึกถึงรสชาติของมันเลยเซฮุนทำหน้าเหยเก

    หืม? รสชาติมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าผมเป็นท่านแล้วได้ยินคุณพูดแบบนี้คงเสียใจแย่ ชานยอลหัวเราะ

    คุณก็พูดได้เพราะคุณไม่ได้ทานสมุนไพรของคนแก่เหมือนผมนี่ครับชานยอล เซฮุนทำหน้าเนือยในขณะที่อีกคนยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ทั้งคู่เก็บปืนใส่กระเป๋าจนอัดแน่นก่อนจะหันไปมองเด็กสองคนที่ยืนอยู่ทางด้านใน

    ทางนั้นเรียบร้อยหรือยัง?

    ผมจับใส่มั่วซั่วเรียบร้อยแล้วครับพี่

    โอเค งั้นเรากลับกันได้แล้ว ชานยอลยิ้มขำ สะพายปืนไรเฟิลทั้งสองกระบอกก่อนจะหันหลังกลับไปที่ประตู เด็กทั้งสามคนสะพายกระเป๋าเดินตามมาติด ๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่กระโปรงท้ายรถเพื่อเก็บปืนและกระสุนที่ได้มาไว้ในนั้น

     

     
     


     

     

     
     

    แล้วรีบกลับมานะมึง จากตรงนี้ไปในเมืองมันไกล ร่างหนาย้ำกับลู่หานที่กำลังเดินออกมาข้างนอก ตอนนี้จงอินก็เตรียมตัวที่จะออกไปหาอาหารป่ากับหวงจื่อเทาเหมือนกันและดูเหมือนว่าทางนั้นจะเตรียมพร้อมแล้ว

    เออ กูรู้ละห่า เก็บมีดดาบใส่ปลอกแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูรถพร้อมกับนักเรียนอีกสี่คน

    รถกระบะสีตะกั่วขับออกไปแล้วตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับนักเรียนกลุ่มนี้ที่ต้องออกไปทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ลู่หานเห็นใครอีกคนที่นั่งทำตาละห้อยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วก็หันไปขอเวลากับเด็ก ๆ ที่อยู่ตรงนั้นก่อนจะเดินไปอีกฝั่ง

    เป็นอะไร ทำหน้าหงอยเชียว

    ฉันมันไร้ประโยชน์

    ไม่เอาน่า อย่าพูดแบบนั้นดิ

    ไม่มีใครให้ฉันไปด้วยเลย

    ก็ข้างนอกมันอันตราย ลู่หานยิ้มเป็นกำลังใจให้แต่แบคฮยอนยังคงทำหน้าบึ้งอยู่อย่างนั้น

    คนอื่นออกไปก็อันตรายเหมือนกัน ทำไมต้องปกป้องฉันเหมือนลูกแหง่ด้วย

    ที่ทำแบบนั้นก็เพราะว่าทุกคนเป็นห่วงนายนะ

    ฉันก็เป็นห่วงทุกคนเหมือนกัน เป็นห่วงนายด้วย ประโยคหลังที่ทำให้กลืนคำพูดลงคอไปหมด ลู่หานจ้องหน้าคนตัวเล็กที่ทำปากยื่นก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ

     

     

    งั้นไปด้วยกันไหมล่ะ?

     

     

     
     

     

     

     

     

    ขายาวก้าวข้ามโขดหินและท่อนไม้ใหญ่ไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะทางเบื้องหน้าลาดชันอีกทั้งไคร้น้ำที่เกาะจับอยู่ตามหินที่อาจทำให้ลื่นตกลงไปได้ รอบข้างมีต้นไม้สีเขียวอยู่เต็มไปหมด ได้กลิ่นอายของธรรมชาติและเสียงแมลงร้องที่ทำลายความเงียบ ไม่มีพวกกินคนเดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้ให้รู้สึกหวาดกลัวเหมือนอย่างระหว่างทางที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะว่าตรงนี้เป็นป่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่

    ไม่มีวี่แววของหมูหมากาไก่สักตัว จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มขณะมองไปรอบ ๆ  นี่ก็เดินเข้ามาลึกแล้วแต่ทำไมถึงไม่เจออะไรสักอย่างเลยวะ

    ลองเดินเข้าไปอีกนิด ถ้าไม่เจออะไรก็กลับแล้วกัน

    เป็นความคิดที่ดี

    ทั้งห้าคนเดินฝ่าเข้าไปในป่าโดยที่มีจงอินเดินนำหน้าพร้อมกับใช้มีดเหวี่ยงตัดกิ่งไม้ให้พ้นทาง ส่วนเทาถือธนูที่เพิ่งไปเอามาจากห้องอุปกรณ์ติดมือไว้เป็นอาวุธ

    ตรงนั้น? ร่างหนาชี้ไปยังเบื้องหน้าที่มีเห็ดงอกออกมาตามขอนไม้ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วก้มลงมอง

    นี่สินะที่เขาบอกว่าเยอะเหมือนดอกเห็ด จงอินหัวเราะแล้วหันไปแท๊กมือกับเทาหลังจากที่เขาเจอเห็ดป่าโดยบังเอิญ

    โห โคตรน่ากินเลยอ่ะ เด็กหนุ่มคนนึงชะเง้อหน้ามอง

    ว่าแต่จะรู้ได้ไงวะว่ามันกินได้หรือไม่ได้ ดึงเห็ดออกมาแล้วลุกขึ้นถามความเห็นจากเทา คนเรียนหนังสือต้องรู้นะเรื่องนี้

    ... ประโยคกดดันกลาย ๆ บีบบังคับให้จื่อเทารู้สึกโง่ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ร่างสูงลดระดับสายตามองดูเห็ดในมืออีกฝ่ายแล้วใช้ความคิด

    ไม่เคยเรียนเรื่องเห็ดว่ะ

    เฮ้ยเคยดิวะ เพิ่งเรียนไปเทอมที่แล้วนี่เองแต่กูจำไม่ได้ว่าอันไหนเห็ดพิษเห็ดกินได้ เด็กที่ยืนอยู่ข้างหลังเทาท้วงขึ้นมานั่นทำให้จงอินยิ้มกริ่มราวกับผู้ชนะ

    อ้าว ที่แท้ก็โง่ไม่ต่างจากกูนี่หว่า ลอยหน้าลอยตาพูดแล้วหันกลับไปดึงเห็ดออกมาใส่ถุงที่เตรียมเอาไว้ เทาเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเมื่อถูกหยามเรื่องภูมิปัญญาพลางหลุบสายตาลงมองร่างหนาที่กำลังเก็บเห็ดอย่างเพลิดเพลิน

    ถ้าไม่รู้ว่ากินได้ไหมแล้วจะเก็บไปทำไม

    เก็บไปให้คนมีความรู้เลือกสิวะ เอ้อ...อย่างน้อยก็อี้ฟานกับชานยอล จงอินหันมายิ้มกวนตีนใส่แล้วหันกลับไปง่วนอยู่กับดงดอกเห็ดอีกครั้ง รู้สึกเหมือนถูกเสยเข้าที่คาง เทาขยับปากบ่นอยู่ในทีแล้วเดินตรงไปข้างหน้า

    เฮ้ย ๆ ตรงนี้มีหน่อไม้

    จริงดิ?

    ทั้งสองคนหันไปมองตามเสียงเรียกของเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันก่อนจะลุกขึ้นเดินไปดูแล้วก็พบว่ามีหน่อไม้ผุดขึ้นมาอยู่จำนวนหนึ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้มันจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยนิยมในการเอามาทำอาหารสักเท่าไหร่ แต่ในเวลานี้มันกลายเป็นสิ่งมีคุณค่าที่หาเจอได้ยากไปแล้ว

    เราต้องรีบเก็บให้หมดภายในวันนี้ จงอินพูดแล้วยื่นมือไปขอจอบที่พกมาด้วย

    ทำไมต้องเก็บภายในวันนี้ด้วยล่ะ เผื่อไว้เก็บวันหลังด้วยดิ

    เฮ้ย นี่เรียนหนังสือมาป่ะวะ ที่แทงยอดขึ้นมาเหนือพื้นดินช่วงแรก ๆ เนี่ยเขาเรียกหน่อไม้ แต่ถ้ามันโตขึ้นมาอีกหน่อยมันจะกลายเป็นต้นไผ่ พอกลายเป็นต้นไผ่ก็แดกไม่ได้นะครับนะ จงอินขมวดคิ้วมองเด็กที่หิ้วมาด้วย ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรสักอย่าง ไม่สิ...พี่เลี้ยงเด็กดีกว่า

    โอ้โห มีสาระ... เทาแสร้งทำหน้าตื่นตูมแล้วปรบมือแปะ ๆ ประชดประชัน จงอินมองอีกฝ่ายด้วยหางตาแล้วก็แค่นหัวเราะ

    ก็นะ เรียนมาแค่ไหนก็ควักออกมาใช้แค่นั้น ดีกว่าเรียนไปวัน ๆ แต่ไม่รู้เหี้ยอะไรเลย ประโยคนี้สตั้นไปถึงสี่คน เด็กหนุ่มมองหน้ากันและหันไปมองจงอินพร้อม ๆ กันอย่างไม่ได้นัดหมาย

    ตรงนี้ก็หลายตีนอยู่นะ

    จะกระทืบกูว่างั้น เอาดิ มา ๆ ๆ จงอินพยักเพยิด เอียงหน้าปรับองศาพร้อมกับตบซอกคอปุ ๆ หากแต่เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นเพิ่งคิดได้ว่าเด็กนักเรียนหอในอย่างพวกเขาคงไม่มีปัญญาสู้รบปรบมือกับนักเลงหัวไม้อย่างผู้ชายคนนี้ได้แน่แม้ว่าจะมีหลายตีนก็เถอะ

    ร่างสูงนั่งลงช่วยกันขุดเอาหน่อไม้ออกมาอย่างยากลำบาก ถึงจะไม่เจอสัตว์แต่ได้หน่อไม้กับเห็ดกลับไปก็ยังดี ทันใดนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็รู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ เขาหันไปทางขวามือแล้วเพ่งมองกิ่งไม้ที่ขยับไปมา

    ลุกขึ้นเต็มความสูงพลางขมวดคิ้วมุ่น เขาค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าพร้อมกับกำแท่งเหล็กไว้แน่น มือแกร่งแหวกกิ่งไม้ออก กลืนน้ำลายลงอยากฝืดคอแล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็แค่ลิงตัวหนึ่งเท่านั้น

    โธ่เอ๊ย ตกใจหมด เด็กหนุ่มหัวเราะเบา ๆ แล้วมองไปยังนัยน์ตาคู่นั้นที่ยังคงจ้องมองมาที่เขา พอสบตากันแล้วเขาถึงได้นึกอะไรออกว่า...

     

     
     

    ลิง...ก็คือสัตว์นี่หว่า...

    สัตว์ก็ต้องกินได้น่ะสิ...

     
     

     

    เด็กหนุ่มยิ้มแล้วนั่งยอง ๆ พลางยื่นมือไปข้างหน้าหวังจะสานสัมพันธ์กับลิง หยิบยื่นความเป็นมิตรให้แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่

    มานี่มา...

    ...

    ไปกับฉันนะ

    เด็กหนุ่มยิ้มพร้อมกับยื่นมือเข้าไปใกล้ ๆ ไม่ว่ายังไงเขาจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไปแน่ แค่คิดว่าจะได้เคี้ยวเนื้อสัตว์แทนที่จะกินข้าวต้มเลี่ยน ๆ เหมือนกับทุกวันเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว ถึงจะเป็นลิงก็เถอะ...ถ้าลอกขนแล้วเอาไปผัดกินรสชาติก็คงไม่น่าจะต่างจากหมูนักหรอก

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

     

    พอลิงตัวนั้นเห็นมือเขายื่นเข้าไปใกล้จนแทบแตะถึงตัวมันก็อ้าปากงับจนนิ้วเขาแทบขาด เด็กหนุ่มแหกปากร้องดังลั่นจนคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บหน่อไม้ต้องละสายตาขึ้นมาดู

    จงอินรีบวิ่งไปหาเด็กหนุ่มด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามีก่อนจะใช้มีดเสียบเข้าไปกลางหลังลิงตัวนั้นอย่างแรงจนมันยอมคลายปากออกจากมืออีกคน

    เลือดสีสดอาบมือและไหลลงมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ นัยน์ตาที่คลอไปด้วยน้ำใสจ้องมองนิ้วที่เคยเรียงตามข้อต่อแต่บัดนี้กลับบิดเบี้ยวออกมาราวกับจะขาดอยู่รอมร่อ ร่างหนาประคองเด็กหนุ่มเอาไว้พร้อมกับพูดปลอบใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังช็อคอยู่

    ใจเย็น ๆ นะ หายใจเข้าลึก ๆ ไม่เป็นไร...

    อ...อึ่ก...

    อย่าไปมองมัน เดี๋ยวฉันจะพานายกลับไปทำแผลที่โรงเรียนนะ หายใจเข้าลึก ๆ นั่นแหละ...ดีมาก...เทา! มาช่วยที ร่างสูงเข้าไปช่วยประคองคนเจ็บไว้ก่อนที่จงอินจะถอดเสื้อยืดออกมาแล้วประคบมือเด็กหนุ่มเพื่อห้ามเลือด

    มือแกร่งสั่นเทาเพราะความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย เขาแทบจะเป็นบ้าเพียงแค่เห็นนิ้วตัวเองกำลังจะขาดออกจากกัน

    ฮือ...ผมเจ็บ

    เดี๋ยวกูจะพามึงกลับเดี๋ยวนี้ ใจเย็นนะแตอิน เทาพูดพร้อมกับประคองร่างอีกคนให้ขึ้นขี่หลังในขณะที่จงอินกำลังวิ่งกลับไปเก็บของที่เก็บมาได้ ตอนนี้เหลือเพียงแค่เด็กสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

    เอาไงดีวะ?

    อะไรคือเอาไง?

    กับลิงตัวนี้ไง?

    มันตายห่าไปแล้ว เนี่ย? เด็กหนุ่มเอามีดแทงเข้าหัวลิงซ้ำลงไปอีกครั้ง

    ใช่ไง ตายไปแล้วก็เป็นอาหาร

    หา? ลิงเนี่ยนะอาหาร มึงตลกป่ะเนี่ย?

    ไม่ตลก ใครไม่แดกกูแดกเอง กูอยากกินเนื้อ คิดว่าไอ้แตอินก็คงอยากกินเหมือนกัน หรือมึงไม่?

    ...จะดีเหรอวะ...เนื้อลิงนะเว้ย...ขนลุกชิบหาย

    คิดซะว่าเป็นเนื้อไก่ดิ เอาเหอะ เดี๋ยวกูแบกมันไปเอง พูดจบก็ก้มลงอุ้มลิงขึ้นมา เด็กหนุ่มไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะใจหนึ่งก็อยากกินเนื้อสัตว์อย่างที่พูดจริง ๆ

     
     

     

     

     

     
     

     

    ตึก...ตึก...

    เสียงฝีเท้าย่ำไปตามพื้นที่เบื้องหน้าเละเทะไม่มีชิ้นดี ตอนนี้พวกเขาเข้ามาถึงในห้างได้อย่างปลอดภัยแม้ว่าข้างนอกจะมีพวกมันอยู่หลายตัวให้ต้องกำจัดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ความเงียบน่ากลัวกว่าเสียงโหยหวนหลายเท่านักถ้าต้องให้เลือกสักอย่าง

    ลู่หานกระชับมีดดาบไว้ในมือ กลอกตาไปรอบข้างเพื่อสำรวจความผิดปกติ มือซ้ายส่องไฟฉายไปข้างหน้าและก็พบแต่ซากสิ่งของตั้งแต่ของไร้ค่าไปจนถึงของแบรนด์เนม เลือดสีดำที่แห้งกรังติดกับพื้นพร้อมกับศพที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าที่นี่มีเจ้าถิ่นกำลังเล่นซ่อนแอบอยู่ เสียงซุบซิบของเด็กนักเรียนที่เดินตามหลังทำให้แบคฮยอนเสียสมาธิจนต้องกำไม้เบสบอลไว้แน่น บางทีคนพวกนี้ก็ควรจะเงียบ ๆ บ้าง

    พวกนายไปทางนั้น อีกสิบห้านาทีเจอกันที่นี่ พยายามเบาเสียงให้มากที่สุดเท่าที่จะเบาได้นะ... ลู่หานพูดเบา ๆ แล้วชี้นิ้วไปยังด้านข้างเพื่อบอกให้เด็กนักเรียนกลุ่มนั้นแยกไปหาของใช้ส่วนเขากับแบคฮยอนจะไปอีกทาง

    นายคิดว่าในนี้มีพวกมันเยอะมากแค่ไหน?

    อา...ไม่รู้สิ ซากของเละตามทางขนาดนั้นคิดว่าคงมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น พวกมันอาจจะหลบอยู่ที่ไหนสักแห่ง เรารีบหาของใช้แล้วไปกันเถอะ

    อื้อ

    ทั้งคู่เดินเข้าไปด้วยกันตามล็อกสินค้าที่ข้าวของกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ร่างโปร่งดันรถเข็นให้พ้นทางแล้วส่องไฟฉายไปตามแนวชั้นวางของ บางส่วนว่างเปล่า...บางส่วนยังคงมีสินค้าหลงเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย

    เก็บของที่จำเป็นเท่านั้นนะ อย่างพวกทิชชู่ก็ไม่ต้องเอาไปหรอก

    งั้นฉันเดินไปหยิบผงซักฟอกกับสบู่ตรงนั้นนะ คนตัวเล็กชี้ไปฝั่งตรงข้าม ลู่หานพยักหน้าก่อนจะคว้าข้อมืออีกคนเอาไว้ก่อน

    อย่าไปไกลเกินระยะสายตาฉัน

    รู้แล้วน่า แบคฮยอนหัวเราะแล้วเดินไปหยิบของใส่กระเป๋าเป้ ลู่หานมองคนตัวเล็กแล้วก็ยิ้มออกมา

    เก็บของจนครบแล้วเดินกลับมาทางเดิมแต่เด็กกลุ่มนั้นก็ยังไม่กลับมาสักที อาจจะเป็นเพราะของเหลือน้อยจนต้องเดินหาของที่ใช้ได้ให้ทั่ว เหมือนกับเขาที่เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องระเห็จออกมาเพราะของใช้ถูกกวาดไปหมดแล้วก่อนหน้านี้

    ส่องไฟฉายไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมายที่ตั้งใจมาในวันนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้เจาะจงเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น

    เดี๋ยวมานะแบคฮยอน

    จะไปไหน?

    ไปตรงนั้นแป๊ปนึง

    ฉันไปด้วย แบคฮยอนเกาะแขนอีกคนไว้ ลู่หานหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้า

    มาสิ

    ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าร้านขายแว่นที่ทำด้วยกระจก มองเข้าไปก็ไม่พบซากความเสียหายอะไรอาจเป็นเพราะร้านแว่นไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับคนคิดที่จะเอาตัวรอด ประตูถูกผลักเข้าไปได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องปลดล็อคให้ลำบาก ทั้งคู่เดินเข้ามาในร้านแล้วสาดไฟฉายไปทั่ว

    เข้ามาทำอะไรในนี้น่ะ

    หาแว่น

    แว่น? จะมาอยากเท่อะไรเอาตอนนี้?

    ไม่ใช่ฉันสักหน่อย ลู่หานยิ้มแล้วเดินตรงไปข้างหน้า เขาส่องไฟฉายลงบนตู้แก้วพร้อมกับขมวดคิ้วมองตัวเลขที่กำกับอยู่ตรงมุมเลนส์แว่น

    จะเอาไปให้ใคร แบคฮยอนส่องไฟฉายช่วยคนข้าง ๆ ลู่หานดูตั้งอกตั้งใจกับการหาแว่นจนน่าสงสัย

    มินซอก

    คนเมื่อเช้าน่ะเหรอ?

    ใช่ ฉันเหยียบแว่นเขาพังก็เลยว่าจะหาอันใหม่ให้ ร่างโปร่งตอบทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่อย่างนั้น

    สนิทกันมากเหรอ? แบคฮยอนถาม ตอนนี้เขาชักจะรู้สึกแปลก ๆ แล้วสิที่ลู่หานใส่ใจคนอื่นมากกว่าเขา แบบนี้เขาเรียกว่าหวงเพื่อนหรือเปล่านะ?

    ถามแบบนี้อีกแล้วนะพอนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยของเด็กแว่นแตกคนนั้นแล้วก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่ไม่รู้ว่ามินซอกจะรับแว่นของเขาไว้ไหม แต่ก็ยังอยากเอาไปฝากอยู่ดี

    เห็น ๆ อยู่ว่านายสนิทกับเขา

    เขารำคาญฉันจะตายไป ลู่หานเดินอ้อมไปหลังตู้แล้วหยิบแว่นทุกชิ้นในตู้ขึ้นมาเลือก แบคฮยอนเท้าแขนมองคนตรงหน้าแล้วก็ย่นจมูก

    ถ้าเขาไม่รำคาญ นายก็คงอยู่กับเขาตลอดเวลาเลยสินะ

    ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเตี้ย ลู่หานอมยิ้มเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

    ก็พูดเฉย ๆ

    เหมือนนายกำลังหึงฉันเลย ลู่หานหัวเราะก่อนที่จะเบี่ยงตัวหลบเมื่อคนตัวเล็กฟาดแขนเขา โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ เดี๋ยวพวกกินคนก็แห่มาหรอก ถึงจะบ่นแต่ริมฝีปากก็ยังยิ้มไม่หุบ แบคฮยอนมองคนตรงหน้าด้วยหางตาแล้วก็ยกมือขึ้นทำท่าจะตีลู่หานอีกครั้ง

    ใครจะไปหึงนาย

    นั่นดิ นายคงไม่หึงฉันหรอก อะไร ๆ ก็ชานยอลอยู่แล้วนี่ พูดด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ แบคฮยอนลดสีหน้าลงเมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้นก่อนจะผลักไหล่ลู่หานแรง ๆ

    ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย

    ฮ่า ๆ

    นายชอบมินซอกเหรอ?

    ไหนบอกว่าไม่ให้พูดถึงคนอื่น

    ก็ไม่ใช่คนอื่น มันเรื่องของนาย

    จะถามไปทำไม~”  

    แค่อยากรู้

    รู้ไปแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นระหว่างฉันกับนายหรือเปล่า? ลู่หานถามก่อนจะจ้องไปยังใบหน้าอีกคนที่อยู่ใกล้ ๆ

    หมายความว่ายังไง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่นี่มืดและใบหน้าของลู่หานกระทบกับแสงของไฟฉายพอดีหรือเปล่าเขาถึงได้รู้สึกแปลก ๆ กับแววตาคู่นี้

    เปล่า ไม่มีอะไร ลู่หานยิ้ม

    นี่

    ว่า?

    นายแปลกไปจริง ๆ นะ

    แปลกตรงไหน?

    ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่านายแปลกไป...ตั้งแต่ไปอยู่กับเด็กคนนั้น ลู่หานชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อใบหน้าของใครอีกคนลอยเข้ามาในหัว ร่างโปร่งยิ้มบาง ๆ แล้วก้มหน้าลงเลือกแว่นต่อ

    ไม่ใช่เพราะมินซอกหรอก จริง ๆ แล้วเป็นเพราะความรู้สึกของเขาที่มีต่อแบคฮยอนมันเริ่มชัดเจนมากขึ้นต่างหาก...เขาถึงได้เป็นแบบนี้

    ปกป้องกันอีกแล้ว

    พูดมากน่า ไหนช่วยดูหน่อยดิว่าอันไหนเลนส์หกร้อย อันนี้เปล่าเห็นเลขหก

    ใช่ อันนี้แหละ

    อืม...งั้นเอาอันนี้แล้วกัน หยิบแว่นใส่กล่องก่อนจะยัดใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง แบคฮยอนมองการกระทำของร่างโปร่งแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าลู่หานกำลังมีความลับกับเขาอยู่นะ

     

     

     

    แต่ก็ช่างเถอะ...

     

     
     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

     

     

     

    “!!!”

    ทั้งคู่หันไปตามเสียงที่ดังมาจากข้างนอกร้านแล้วสิ่งที่ตามมาคือแสงจากไฟฉายที่ส่ายไปรอบ ๆ และกำลังตรงมาทางนี้ ลู่หานรีบออกมาจากเคาน์เตอร์พร้อมกับกุมมือแบคฮยอนเอาไว้ สอดประสานกันแน่นแล้วออกมาจากร้านด้วยกัน

    พี่ครับ พวกมันมีเป็นร้อยเลย เราต้องหนีกันแล้ว!!!!” เสียงตะโกนดังมาแต่ไกลเพื่อบอกให้ทั้งคู่ออกตัววิ่งได้แล้ว

    แย่แล้ว...วิ่งเถอะแบคฮยอน ไม่มีการตั้งหลักใด ๆ ทั้งสิ้น ลู่หานหันไปบอกคนข้าง ๆ ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะวิ่งออกไปจากตรงนั้นในทันที

     

    ไม่รู้ว่าพวกผีดิบมันฉลาดหรือพระเจ้ากลั่นแกล้ง พอวิ่งมาเกือบถึงประตูแต่เหล่าผีดิบดันขวางทางออกอยู่เต็มไปหมดจนต้องวิ่งหักหลบไปอีกทาง ลู่หานเหลียวหลังหันกลับไปเป็นระยะแล้วก็พบว่าผีดิบจำนวนมากกำลังวิ่งตามมาติด ๆ บางตัววิ่งเร็ว บางตัวเดินช้า แต่ยังไงพวกมันก็มีกันมากอยู่ดี

     

     

    ปั่ก!

     

     

    ใช้ไฟฉายฟาดหน้าผีดิบที่ขวางทางอยู่จนล้มลงไปกับพื้นก่อนจะควักมีดดาบออกมาจากปลอก มือข้างหนึ่งก็ต้องกุมมือแบคฮยอนเอาไว้ ส่วนมืออ้างข้างก็ต้องถืออาวุธ ข้างหน้ามืดสนิท จะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อมีแสงจากไฟฉายของคนอื่น ๆ เท่านั้น

    ทางนี้!”

    รองเท้าสนีกเกอร์ถีบประตูทางหนีไฟอย่างแรงก่อนจะฟันคอผีดิบที่ยืนอยู่ข้างใน หัวของมันกลิ้งลงไปกับพื้นและไม่มีใครสนใจว่ามันจะยังคงอ้าปากพะงาบอยู่

    สองขาวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว ข้างหน้ามีแสงไฟลอดเข้ามาบ่งบอกถึงทางออกที่อยู่ไม่ไกล...อีกไม่กี่ร้อยเมตรพวกเขาก็จะรอดแล้วแม้ว่าเหล่าตัวกินคนจะตามมาติด ๆ ก็ตาม ทั้งสี่คนวิ่งหลุดพ้นออกมาจากห้างสรรพสินค้าได้แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าตรงนี้คือทางออกข้างหลังห้างและมีพวกมันอยู่เต็มไปหมด

     
     

    ฮืออ...

     
     

    โอ...พระเจ้า...

    เหล่าผีดิบหันมามองทางนี้เป็นตาเดียวกันราวกับเหยื่ออันโอชะ ร่างกายที่ผอมแห้งกรังเพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องมานาน ชุดพนักงาน ชุดรปภ. พวกนั้นล้วนแต่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน หากแต่ตอนนี้มันกลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว...ยังไม่ทันได้ยืนพักหายใจก็ต้องออกวิ่งอีกครั้งเมื่อพวกมันตรงมาทางนี้

    วิ่งไปที่บันไดตรงนั้น!!!”

    บันไดฉุกเฉินที่อยู่ติดกับแมนชั่นข้าง ๆ ห้างดูเหมือนจะเป็นทางรอดเดียวสำหรับพวกเขาในตอนี้ ร่างโปร่งเหวี่ยงมีดดาบไปข้างหน้าจนร่างผีดิบที่ยืนขวางทางขาดเป็นสองท่อน แบคฮยอนได้เพียงแค่วิ่งตามแต่ดูเหมือนว่าลู่หานจะวิ่งเร็วเกินไปคนตัวเล็กเลยสะดุดล้มลง

    ร่างโปร่งหันกลับไปมองอีกคนที่นอนนิ่วหน้าอยู่บนพื้นแล้วก็รีบเข้าไปประคองช่วยให้ลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะสะพายกระเป๋าของแบคฮยอนขึ้นมาด้วย คนตัวเล็กตะเกียกตะกายคลานขึ้นมาแล้วทั้งคู่ก็ออกตัววิ่งกันอีกครั้งเมื่อถูกไล่ตามเข้ามาเรื่อย ๆ

    ปีนขึ้นไป!! ตรงนั้นมีกำแพง!! รถของเราอยู่ฝั่งนั้น!! รีบปีนข้ามไปให้เร็วที่สุด!!” ลู่หานตะโกนบอกเด็กหนุ่มอีกสองคนที่วิ่งนำไปข้างหน้า

    พวกเขาปีนบันไดฉุกเฉินทีละคนส่วนลู่หานช่วยดันแบคฮยอนให้ปีนตามขึ้นไปก่อนจะหันกลับไปฟันคอผีดิบตัวที่วิ่งเข้ามาประชิดตัวได้ทัน แบคฮยอนก้มลงมองอีกคนที่ยังคงสู้กับเหล่าผีดิบเกือบยี่สิบกว่าตัวจนเลยตำแหน่งทางขึ้นบันไดไปแล้ว ลู่หานถูกไล่ต้อนให้ถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนเด็กหนุ่มทั้งสามแทบพูดไม่ออก

    อย่า!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!!”

    แบคฮยอน!!!” ลู่หานมองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังพยายามปีนขึ้นบันไดแต่ถูกตัวกินคนดึงขาเอาไว้ จนตัวเขาเกือบถูกกัดเพียงแค่ละสายตาไปแค่เสี้ยววินาที ลู่หานถีบผีดิบตรงหน้าให้เซถอยหลังกลับไปก่อนจะฟันคอตัวที่เดินเข้ามาจนขาดกลิ้งลงไปกับพื้น

    ปีนขึ้นไปแบคฮยอน!! จับราวไว้แน่น ๆ แล้วอย่ามองมาทางนี้!!!” ตะโกนบอกคนตัวเล็กที่กำลังปีนขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเลโดยมีเด็กหนุ่มอีกสองคนที่กำลังคอยช่วยเหลืออยู่

    ร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าทั้งสองใบข้ามรั้วไปอีกฝั่ง พอหันกลับมาก็เห็นว่ามีผีดิบตัวหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้เขาเลยฟันหัวแหว่งไปซีกหนึ่งจนกระทั่งมีดดาบร่วงลงพื้น

    ไม่มีโอกาสแม้แต่จะก้มลงเก็บอาวุธ ลู่หานค่อย ๆ เดินถอยหลังก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งหนีเข้าไปในตรอกแคบ ผลักถังขยะลงขวางทางเพื่อถ่วงเวลาไว้อีกนิดแต่ก็ทำได้แค่นั้น พวกมันก็ยังคงข้ามมาได้อยู่ดีแม้ว่าบางตัวจะล้มลงไปก็ตาม

    พอช่วยแบคฮยอนได้ทั้งสามคนก็วิ่งไปตามระเบียงทางยาว และที่ทำให้ต้องช็อคก็คือกำแพงสูงที่อยู่ด้านหลังของลู่หาน

     

     
     

    เขาเจอทางตันซะแล้ว...

     

     
     

    ไม่นะ...ลู่หาน!!!!!”

    แบคฮยอนตะโกนสุดเสียงพร้อมกับทำท่าจะวิ่งลงไปช่วยแต่ถูกเด็กหนุ่มรวบตัวเอาไว้เสียก่อน น้ำตาไหลลงพร่างพรูจนยากที่จะหยุดได้เมื่อเห็นเหล่าผีดิบจำนวนมากไล่ต้อนลู่หานไปจนจนมุม

    ไม่ ฉันไม่ไป...เราต้องไปช่วยเขานะ!!!”

    ผีดิบเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ในมือของเขาว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่อาวุธสักชิ้นเดียวที่จะใช้ป้องกันตัว หัวเต้นเร็วรัว ดวงตากลอกไปมามองใบหน้าอันอัปลักษณ์ของมัจจุราชนับไม่ถ้วน ลู่หานซัดหมัดลุ่น ๆ ใส่หน้าผีดิบตัวที่เข้ามาใกล้ที่สุดก่อนจะถอยหลังออกไปเพื่อตั้งหลัก จังหวะนั้นเองที่เขาหันไปเห็นแบคฮยอนกับเด็กหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่บนชั้นลอยฝั่งตรงข้าม

     

     
     

     

    หนีไป!!!!!!!!!!!!!!! เดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

     
     

     

    ...

    ...

    เด็กหนุ่มทั้งสองน้ำตาคลอ เขาจำใจต้องล็อคแขนแบคฮยอนออกมาจากตรงนั้นแม้ว่าคนตัวเล็กจะยื้อไว้จนสุดความสามารถ...ลู่หานกัดฟันกรอด หลังมือขึ้นริ้วแดงหลังจากที่หมัดของเขาซัดไปโดนกะโหลกที่ไม่มีเนื้อหนังมาลดหยุ่นแรงต้านทาน

     

     
     

    จะทำยังไงดี...ไม่มีทางหนีไปไหนแล้ว...

    ไม่มีบันได ไม่มีทางออก...ไม่มีแม้แต่ความหวัง...

     

     
     

    ร่างโปร่งกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อความตายกำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เปลือกตาบางปิดลงพร้อมกับภาพในอดีตที่ฉายขึ้นมาเป็นฉาก ๆ

     

     
     

    แอบเข้าบ้านคนอื่น ขโมยของเขากิน แล้วยังมีหน้ามาพูดจาแบบนี้อีก

    ชีวิตพวกกูขึ้นอยู่กับมึงแล้วลู่หาน

    อะไรของคุณ อยู่ดี ๆ มาตั้งชื่อให้คนอื่น

    ความอยากกับความรักมันไม่เหมือนกันหรอกนะ

    นายมันมิจฉาชีพ

    ไม่ได้ มึงต้องอยู่ที่นี่...เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้มีคนที่พึ่งพาได้

    ก็แน่อยู่แล้ว ผมจะไปเคยกับผู้ชายด้วยกันได้ยังไงล่ะ

    ถ้าหายโกรธจะยอมเป็นไอ้เตี้ยให้วันนึงเลย

     

     
     

     

     

    ฝากดูแลแบคฮยอนด้วยนะลู่หาน...

     

     

     
     

    ภาพและเสียงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ตีกันไปหมดอีกทั้งภาพความตายตรงหน้าที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ เสียงโอดครวญแห่งความหิวโหยกรอกเข้าโสตประสาทไม่ได้ขาดช่วง ร่างโปร่งกำหมัดแน่นก่อนจะปิดเปลือกตาลงให้หยดน้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมา

     

     

     

     

     

    ลาก่อน

     

     

     

     


     

     



     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

    …………………….หลายคนบอก กูเลิกอ่านฟิคเรื่องนี้ละ

    อย่าไปนะ อ่านฟิคเราจนจบก่อนนนนนนนนน *กอดขาแน่น*

     

    #ficzombie

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×