ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 17 :: Both of us

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.4K
      215
      9 ธ.ค. 56

    ? Tenpoints!

     

     

    Chapter 17

    Both of us

     

     

     

     

    แยกย้ายกันไปอาบน้ำสระผมได้แล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดล่ะ

    ครับ/ค่ะ... นักเรียนที่ยืนอยู่กลางสนามหญ้าขานตอบเสียงแผ่วหลังจากได้รับคำสั่งจากจงอินก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับเข้าไปในตึกด้วยสภาพอิดโรยหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา

    ฝนซาลงไปตามระยะเวลาจนตอนนี้เหลือเพียงแค่สนามหญ้าที่ชุ่มน้ำฝนเท่านั้น ร่างหนาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหันไปมองผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ตรงนี้

    ผมขอโทษนะคุณกาฮี ทั้งที่ผมน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ อี้ฟานมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ารู้สึกผิด หญิงสาวส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง ๆ

    อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ถ้าไม่มีคุณพวกเราคงแย่กว่านี้แน่ คุณทำดีที่สุดแล้วนะคะอี้ฟาน

    จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าไอ้พวกเปรตนั่นมาจากไหน? จงอินถามแล้วหันไปบอกคนข้าง ๆ ให้ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะเป็นหวัดไปเสียก่อน เซฮุนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ร่างบางมองหน้าทุกคนด้วยความเป็นห่วงแต่พอเห็นสายตาของจงอินที่มองมาราวกับจะบอกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีเขาถึงได้เดินออกมาจากตรงนั้น ระหว่างทางก็เห็นชานยอลเดินออกมาจากหอพักพร้อมกับตะเกียงในมือ

    เจอแบคฮยอนหรือยังครับชานยอล?

    ครับ เขาเพิ่งหลับไปเมื่อกี้น่ะ ชานยอลยิ้มเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ

    อ๋อ...งั้นก็ดีแล้วล่ะครับ ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ

    อาบน้ำเสร็จเช็ดผมให้แห้งด้วยนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย

    ครับ เซฮุนยิ้มก่อนจะเดินสวนออกมาจากตรงนั้น ชานยอลเดินเข้าไปหาคนอื่น ๆ ที่ยืนล้อมวงกันเพื่อถกประเด็นที่ทำให้ฝันร้ายเกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงวางตะเกียงลงบนพื้นหญ้าเพื่อให้ความสว่างหลังจากที่ความมืดกลืนกินทุกอย่างไป

    เมื่อกี้ยองฮามาสารภาพว่าพวกมันไม่ได้เอาลิงไปทิ้งแต่มันเอาไปย่างกินกัน และที่ยองฮาไม่ติดเชื้อเหมือนพวกนั้นเป็นเพราะว่ามันเสือกปอดแหกไม่กล้าแดกก็เลยรอด เทาพูด

    หมายความว่าที่เด็กพวกนั้นตายและกลายเป็นตัวกินคนก็เพราะเนื้อลิงงั้นเหรอ? จงอินขมวดคิ้วมุ่น ทุกคนยืนใช้ความคิดท่ามกลางความเงียบโดยที่ไม่มีใครกล้าฟันธงกับเรื่องนี้

    ทั้งที่ผมบอกให้พวกเขาทิ้งไปแล้วแท้ ๆ เชียว

    ถ้าเป็นเพราะลิงมันก็น่าคิด...อีกอย่างย่างเนื้อกันแบบนั้นคงกินไปทั้งสุก ๆ ดิบ ๆ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าลิงติดเชื้อแล้วสัตว์ชนิดอื่นล่ะ? จงอินเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา ทุกคนเริ่มเป็นกังวลกับสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์ที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับพวกเขา

    นั่นสิ...ถ้าลิงตัวนั้นเป็นพาหะงั้นแสดงว่าต่อไปนี้เราคงต้องเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ไปโดยปริยาย อี้ฟานเสริม

    ถ้ากินเนื้อแล้วถึงกับตาย การใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มันก็ลำบากขึ้นแล้วล่ะ ต่อไปนี้จะกินอะไรก็ต้องระวังกันให้มาก ปาร์คกาฮี...เป็นธุระของคุณแล้วที่ต้องคุยกับนักเรียนเรื่องนี้ จงอินบอกและกาฮีก็พยักหน้ารับ

    ตอนแรกผมคิดว่าต้นเหตุมาจากไอ้แตอินที่ถูกลิงกัดซะอีก ไม่คิดเลยว่าการกินเนื้อสัตว์ก็ทำให้เปลี่ยนได้เหมือนกัน เทาถอนหายใจ

    ต้นเหตุมาจากสองที่ไง หนึ่งไอ้เด็กนิ้วขาด สองไอ้พวกเด็กหิวลิง จงอินแค่นหัวเราะ

    คุณไปพักผ่อนเถอะ ถ้าไม่สบายแล้วจะแย่เอา เพราะครูฮโยรินก็จากเราไปแล้วและในโรงเรียนนี้คงไม่มีใครเชี่ยวชาญเรื่องการดูแลรักษาเท่ากับเธออีก อี้ฟานบอกอีกคนด้วยความเป็นห่วง ปาร์คกาฮีหยุดชะงัก เธอเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว

    เมื่อกี้คุณว่าไงนะคะ?

    ...

    “...”

    ครูฮโยรินตายแล้วครับครู เทาบอกกับคนข้าง ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย หนึ่งคนสำคัญในโรงเรียนได้จากไปแล้ว เขารู้สึกแย่จริง ๆ ที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้

    เธอถูกกัดเหรอ?

    น่าจะเป็นอย่างนั้น พอเราไปถึงเธอก็เปลี่ยนไปแล้ว เป็นอี้ฟานที่ตอบแทนเทา เด็กหนุ่มลดสีหน้าลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะความรู้สึกผิด

    ผมขอโทษที่ปกป้องทุกคนไว้ไม่ได้...

    อย่าพูดอย่างนั้นสิ เธอแบกรับทุกอย่างเอาไว้ไม่ได้หรอกนะเทา หญิงสาววางมือลงบนไหล่กว้างพร้อมกับบีบเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ

    ต่อไปนี้เราต้องระวังกันให้มากขึ้น ถ้าเกิดใครมีรอยแผลไม่ว่าจะชักแม่น้ำทั้งโลกมาอธิบายยังไง ก็ต้องแยกออกจากคนอื่นเป็นเวลาหนึ่งคืนเพื่อสังเกตการณ์ให้แน่ใจ

    หนึ่งคืนเลยเหรอคะ?

    อืม เพราะระยะเวลาการเปลี่ยนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตามที่เคยเห็นมาบางคนถูกกัดไปแค่ห้านาทีก็เปลี่ยนแล้วแต่บางคนก็อยู่ได้เกือบเจ็ดชั่วโมงจงอินอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง

    ...

    ต่อไปนี้เราต้องวางกฎระเบียบให้เคร่งครัดกว่านี้ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนั้นอีก หลังจากที่จงอินพูดจบทุกคนก็เงียบไป

    คุณจะไปไหนคะอี้ฟาน? หญิงสาวเรียกรั้งท้ายชายหนุ่มร่างสูงที่เดินออกไปจากวงสนทนา เจ้าของชื่อหันกลับมาตามเสียงเรียกแล้วมองทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับทุกครั้ง

    ผมจะไปจัดการศพตามทางเดินน่ะ ไม่อย่างนั้นพวกคุณคงลำบากเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ก็อยู่ชั้นล่างกันหมด

    ผมไปช่วยอีกแรง เทาเสริม

    งั้นก็เอารถมาจอดหน้าตึก พรุ่งนี้เช้าจะได้ขนออกไปเผาข้างนอกทีเดียวเลย จงอินพูด

    ไม่ได้ ร่างหนาหยุดชะงักก่อนจะหันกลับไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนทำสีหน้าตรึงเครียดอยู่ที่เดิม

    อะไรไม่ได้?

    จะไม่มีการเผาใครทั้งนั้น

    “...” ทุกคนหันมามองเทาที่สีหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้

    คนพวกนั้นคือเพื่อนผม สิ่งที่พวกเขาควรได้รับการฝังศพตามพิธีทางศาสนา มีการยืนไว้อาลัย และสวดมนต์ให้พระเจ้ามารับพวกเขาไปอยู่ด้วย เทาพยายามกลั้นน้ำตาเมื่อนึกถึงจำนวนศพของเพื่อน ๆ ที่อยู่ภายในตึก ทุกคนยืนเงียบก่อนที่ปาร์คกาฮีจะเข้าไปกอดปลอบเทาพร้อมกับลูบหัวเบา ๆ

    โอเค ฝังก็ฝัง จงอินพูดตัดรำคาญแล้วหันหลังเดินกลับไปเข้าไปตึกแล้วคนอื่น ๆ ก็ตามเข้าไปแม่งได้ขุดกันถึงปีหน้าแน่ นับดูเถอะว่ากี่ศพ...

    ถึงปากจะบ่นแต่เอาจริง ๆ เขาก็เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกเทาเมื่อครู่นี้เอง อาจเป็นเพราะว่าเด็กที่นอนตายเกลื่อนอยู่ในตึกไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่พี่น้องของเขา ๆ ถึงไม่ทันนึกถึงเรื่องนี้ว่าความรู้สึกและความผูกพันมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากแค่ไหน

    พอนึกถึงตัวเองบ้างเขาก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แน่นอนว่าถ้าเป็นเขา...เขาก็อยากขุดหลุมศพให้กับลู่หานด้วยตัวเองเหมือนกัน...

    ขายาวก้าวเข้ามาในตึกแล้วหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นเหล่านักเรียนกำลังช่วยกันลากศพออกมาอย่างขะมักเขม้น โดยที่ไม่ห่วงว่าร่างกายของพวกเขากำลังเปียกและอาจจะมีไข้ในเวลาถัดมา บางคนยังคงร้องไห้ บางคนยังคงเก็บสีหน้าได้ดี มันบอกให้เขาได้รู้ว่าทุกคนต่างมีภูมิคุ้มกันเรื่องความเจ็บปวดไม่เท่ากันจริง ๆ

    ไปกันเถอะ พรุ่งนี้เราต้องมาช่วยกันขุดหลุมแต่เช้า ชานยอลวางมือลงบนไหล่กว้างพร้อมกับยิ้มบาง ๆ จงอินพยักหน้าแล้วเข้าไปลากศพออกมาวางไว้ข้างนอก

    ไม่นานนักปาร์คกาฮีกับเทาก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าสะอาดจำนวนหนึ่ง ทั้งคู่กางมันวางไว้บนพื้นก่อนที่จะช่วยกันแบกหัวและท้ายศพเอาไปวางบนผ้าสะอาด ใช้เวลาไม่นานนักศพทั้งหมดก็ถูกมัดเป็นอย่างดี หน้าที่ของผู้ชายคือต้องแบกศพไปวางไว้อย่างเป็นระเบียบเพื่อรอทำการฝังในตอนรุ่งเช้า ส่วนเด็กผู้หญิงที่เหลือก็ช่วยกันทำความสะอาดทางเดิน

     

     

    .

    .

     

     

     

    นอนพลิกไปพลิกมาอยู่หลายหนจนทนไม่ไหว แบคฮยอนลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจน เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว หากแต่ร่างกายมันกลับไม่ยินยอมรับการพักผ่อน

    คนตัวเล็กลุกขึ้นเดินไปจุดเทียนบนโต๊ะเพื่อให้ความสว่างกับตัวห้อง นั่งเหม่อลอยมองแสงเทียนราวกับต้องมนต์สะกดแล้วปล่อยให้สติเลือนหายไปกับกาลเวลา...ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันยังคงติดตา สีหน้าของลู่หาน แววตาที่มองมาและภาพสุดท้ายที่ได้เห็น มันคือฉากโศกอนาถกรรมที่เรียกน้ำตาออกมาได้ทุกเมื่อที่นึกถึง

    ไม่ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนแต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำก็คือใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีคุณค่า เด็กหนุ่มเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่ต้องซักในวันพรุ่งนี้แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อบางอย่างตกลงไปบนพื้น...

     

     

     

    มันคือรูปถ่ายของลู่หานตอนกำลังหลับกับรูปคู่ของเขาทั้งสองคน...

     

     

     

    ...

    ดวงตาสั่นเครือและพร่ามัวไปหมดเพราะน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงอาบแก้มพร้อมกับก้มลงไปเก็บรูปขึ้นมาดูใกล้ ๆ ใบหน้ายิ้มทะเล้นของคนในรูปกำลังกรีดแทงหัวใจเขาซ้ำ ๆ ราวกับตอกย้ำความผิด

    ...

    จากที่พยายามปลอบใจตัวเองว่าต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้แต่ทุกอย่างก็พังหมดเพราะรูปถ่ายในมือ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียกำลังกลืนกินบยอนแบคฮยอนไปทีละนิดจนแทบทนไม่ไหว คนตัวเล็กสะอื้นจนตัวโยนขณะกอดรูปถ่ายไว้แนบอก ใบหน้าของผู้ชายบ้าบอคนนั้นลอยขึ้นมาให้นึกถึง คำพูดคำจากวนประสาทกับสีหน้าทะเล้นนั่นกำลังทำให้บยอนแบคฮยอนเกลียดตัวเอง

     

     

    ขอโทษที่กลับมาช้า งอนป่ะเนี่ย

    ไม่วาง ขาแพลงไม่ใช่หรือไง อย่ามาดื้อนะไอ้เตี้ย

    เอาไง จะฝ่าดงตีนเข้าชุงช็องใต้หรือจะพาไอ้จงอินขับรถเล่นไปเชจู

    ถ้าเกิดนายคิดสักนิดนึงว่าถ้าโอเซฮุนต้องไปนอนที่ห้องนั้น...คนที่จะไม่มีเตียงนอนจะเป็นใคร? แล้วคนที่ต้องสลับไปนอนห้องของนายคือใคร?’

     

     

    คำพูดและเสียงของลู่หานยังคงหลอกหลอนอยู่ใกล้หู รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ทุก ๆ อย่างที่เคยมีร่วมกันทำไมมันถึงมากมายได้ขนาดนี้นะ...มันมากมายจนบยอนแบคฮยอนทำใจไม่ได้กับการสูญเสียครั้งนี้ เพราะเขา...เพราะเขาแท้ ๆ ทั้งพี่แบคโฮทั้งลู่หานถึงได้เป็นแบบนี้...

     

     

    คนอย่างบยอนแบคฮยอนน่ะ...ตาย ๆ ไปได้ก็คงดี

     

     

    แบคฮยอน

    มือแกร่งลงบนแผ่นหลังของคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าอยู่กับพื้นห้อง แบคฮยอนค่อย ๆ หันไปมองอีกคนทั้งที่ยังน้ำตานองหน้า ชานยอลในสภาพชุดนอนและผมเปียกลู่กำลังตกใจที่เห็นคนตัวเล็กอยู่ในสภาพแบบนี้

    คุณ...

    ...

    ไม่รู้ว่าชานยอลเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างสูงมองไปยังริมฝีปากที่กำลังสั่นเครือกับตาแดงก่ำ พอลดระดับสายตาลงก็เห็นรูปถ่ายในมือ เขาเข้าใจความรู้สึกคนตัวเล็กในตอนนี้ดีและนั่นคือเหตุผลที่เขามาในห้องนี้เพื่ออยากดูให้แน่ใจว่าแบคฮยอนหลับไปแล้วหรือยัง

    เป็นอะไรไปครับ? ตอนแรกผมเห็นคุณหลับไปแล้วนี่... ร่างสูงยิ้มบาง ๆ พร้อมกับลูบหัวปลอบใจคนตรงหน้าเบา ๆ แบคฮยอนก้มหน้าลงแล้วรีบเช็ดน้ำตาออก

    เปล่าครับ...

    ฝันร้ายเหรอ?

    ... แบคฮยอนส่ายหัวเป็นคำตอบ

    ไม่เป็นไรนะ

    แค่คำพูดประโยคเดียวกับสัมผัสจากนิ้วหัวแม่มือที่กำลังช่วยไล้น้ำตาออกจากแก้มอย่างเบามือแบคฮยอนก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไปเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าลำบากใจ คนตัวเล็กพยายามแกะมือร่างสูงออกแต่อีกฝ่ายกลับยื้อมือเอาไว้แล้วเชยคางมนขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อีกครั้ง

    ม...ไม่...

    ร้องออกมาเถอะ ร่างสูงจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาอีกฝ่าย มือใหญ่ทั้งสองข้างโอบใบหน้าเรียวเอาไว้พร้อมกับยิ้มบาง ๆ เพื่อให้แบคฮยอนรู้สึกได้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้...

    ...

    ถ้าคุณอยากร้องไห้ ผมก็นั่งอยู่ตรงนี้ ยิ่งได้ยินชานยอลพูดแบคฮยอนยิ่งรู้สึกผิด คนอย่างเขามีสิทธิ์ได้รับการปลอบโยนแบบนี้ด้วยเหรอ? สิ่งที่เขาควรได้รับมันคือคำด่าทอสารพัดให้สมกับความผิดที่ทำลงไปสิ...

    แบคฮยอนสะอื้นจนตัวโยนจนร่างสูงต้องรั้งคนตรงหน้าเข้ามากอดปลอบ ร่างเล็กซบหน้าลงกับอกแกร่ง ฟูมฟายเหมือนกับคราวที่แบคโฮจากไป ชานยอลกระชับกอดแบคฮยอนไว้แน่นพร้อมกับลูบหัวปลอบใจ

    เขากอดปลอบคนตัวเล็กอยู่นาน...นานจนเสียงสะอื้นหายไป ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาพอสมควร ใบหน้าหล่อก้มลงมองคนในอ้อมกอดแล้วก็พบว่าแบคฮยอนยังไม่ได้หลับไปอย่างที่คิดเอาไว้

    ชานยอล...

    ว่าไงครับ?

    คุณอยากด่าผมไหม

    ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?

    คุณอยากชกหน้าผมเหมือนกับวันนั้นหรือเปล่า... แบคฮยอนถามทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ชานยอลลดสีหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงวันนั้น

    คุณชกผมได้นะ...กี่ครั้งก็ได้...ให้สาสมกับความผิดของผม

    ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก ชานยอลผละตัวออกแล้วจ้องหน้าคนตัวเล็กพร้อมกับรอยยิ้มแค่นี้คุณก็เจ็บมากพอแล้วแบคฮยอน สองมือแกร่งวางบนหัวไหล่คนตรงหน้า ร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่นพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

    ...

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจะเป็นบทเรียนให้กับเรา คุณยังต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจและใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังให้มากกว่าที่ผ่านมา

    ...

    ตอนผมอายุเท่าคุณผมก็เคยทำเรื่องบ้า ๆ ไว้เยอะเหมือนกัน แต่ทุกอย่างมันคือประสบการณ์ มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีปะปนกันไป คุณคงเคยได้ยินใช่ไหม? ว่าชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ร่างสูงปัดไรผมที่เลอะน้ำตาออกจากแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ

    คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ถ้ารู้ว่าทำไปแล้วมันไม่ดีต่อตัวเองและคนรอบข้างก็แค่อย่าทำมันอีก...คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหมครับ? คำพูดปลอบประโลมด้วยโทนเสียงต่ำให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

    ภาพแบคโฮฉายซ้อนทับชานยอลขึ้นมาหลังจากได้ฟังคำสั่งสอนจากคนตรงหน้า แบคฮยอนได้แต่พยักหน้ารับและร้องไห้ออกมาอีกครั้ง มือเล็กปาดน้ำตาออกลวก ๆ แม้ว่าร่างสูงจะช่วยเขาซับน้ำตาออกสักแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าน้ำตาที่ไหลออกมามันจะไม่หยุดง่าย ๆ เสียด้วยสิ

    ถ้าคุณรู้สึกไม่ดี คืนนี้ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อน โอเคไหมครับ? ร่างสูงถามพร้อมกับลูบหัวคนตรงหน้าเบา ๆ แบคฮยอนรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

    ตอนที่กำลังรู้สึกจมดิ่งไปกับเหวลึกของความเศร้าแต่กลับมีใครคนหนึ่งดึงเอาไว้ไม่ให้เขาตกลงไปข้างล่างแบบนี้...

    มันจะ...รบกวนคุณหรือเปล่าครับ... แบคฮยอนถามด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ ชานยอลส่ายหน้าเป็นคำตอบแล้วลุกขึ้นยืนและไม่ลืมที่จะยื่นมือให้คนตัวเล็ก แบคฮยอนลุกขึ้นตามแรงดึงก่อนที่ร่างสูงจะพลิกตัวเขาให้หันหน้าเข้ากับเตียง คนตัวเล็กขึ้นไปนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาจนถึงช่วงเอว

    นอนเถอะ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

    ผมนอนไม่หลับ... แบคฮยอนพูดพร้อมกับจ้องร่างสูง

    หืม?

    ภาพของลู่หาน...กับภาพของนักเรียนที่นอนตายเกลื่อนที่ชั้นหนึ่งมันตามหลอกหลอนไปถึงความฝันของผม เด็กหนุ่มงอขาเข้าหาตัวก่อนที่ชานยอลจะนั่งลงกับขอบเตียงแล้วห่มผ้าให้จนถึงหัวไหล่

    ผมอยู่นี่แล้ว

    ... แบคฮยอนค่อย ๆ หลับตาลง ชานยอลก้มลงมองมือที่กำชายเสื้อของเขาไว้ราวกับต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล้วก็รู้สึกสงสาร มือแกร่งเอื้อมไปลูบหัวคนตัวเล็กแล้วค่อย ๆ ขยับขึ้นไปนอนข้าง ๆ พร้อมกับเท้าศอกลงกับหมอน

    ...

    ตอนเป็นเด็ก ผมกลัวผีจนนอนไม่หลับ แม่เลยเปิดประตูทิ้งเอาไว้เพื่อให้แสงไฟลอดเข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังกลัวอยู่ดี ร่างสูงยิ้มขณะสบตากับคนตัวเล็กที่นอนอยู่ข้าง ๆ ผมกลัวมากจนต้องงอแงไปเคาะประตูห้องพี่สาวแล้วบอกกับเธอว่าพี่ฮะ ผมนอนไม่หลับ ผมขอนอนกับพี่ได้ไหม?’ ”

    แล้วเธอให้คุณนอนด้วยหรือเปล่า? แบคฮยอนถาม สีหน้าของเขาเหมือนเด็กที่กำลังอยากรู้อยากเห็น ชานยอลหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วพยักหน้า

    เธอบอกว่าได้สิ มานี่เร็วเด็กน้อยพอได้ยินอย่างนั้นผมก็ยิ้มกว้างแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงเธอทันที...และคุณคือผมในตอนนั้น ส่วนเธอคือผมในตอนนี้

    “...แล้วคุณก็นอนหลับใช่ไหม?

    เปล่า ไม่หลับหรอก

    อ้าว...ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะ

    ความกลัวจะจางหายไปได้ ถ้าเราได้รับอ้อมกอดจากคนสำคัญ ทันทีที่ฟังจบแบคอยอนก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ทั้งคู่สบตากันอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่ชานยอลจะเอื้อมมือมาประคองหัวคนตัวเล็กเอาไว้แล้วสอดแขนอีกข้างเข้าไปตรงท้ายทอยอีกคน

    แบคฮยอนดูเก้ ๆ กัง ๆ เพราะทำตัวไม่ถูก หัวใจเขาเต้นแรงอีกแล้วเพราะสัมผัสอุ่น ๆ กับกลิ่นหอมประจำตัวของคนตรงหน้า ร่างเล็กวางมือไว้บนแผงอกแกร่งก่อนจะห่อไหล่ลงเมื่อร่างของเขากำลังจะหายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดร่างสูง

     

     

    อ้อมกอดอุ่น ๆ ตอนที่กำลังรู้สึกแย่แบบนี้...

     

     

    ถึงผมจะไม่ใช่คนสำคัญของคุณแต่ผมหวังว่ากอดของผมมันจะช่วยให้คุณผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ด้วยดีนะ

     

     
     

     


     

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น...

    ร่างบางเดินออกมาจากหอพักแล้วหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดหลุมอยู่ตรงสนามหญ้า จากสภาพหลุมที่เห็นบ่งบอกได้ดีว่าผู้ชายคนนั้นใช้เวลาขุดมานานแค่ไหน จากเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นสิ่งยืนยันได้ดีว่าคิมจงอินยังไม่ได้พักผ่อนตั้งแต่เมื่อคืน

    เรียวขาเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ใครอีกคนที่ยังคงตั้งใจขุดหลุมฝังศพ จากที่เห็นถ้านับจากซ้ายมาขวานี่ก็เข้าหลุมที่ห้าแล้ว ผิวสีแทนเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อของความเหนื่อยล้าแต่เจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ

    หลุมแรกของลู่หานเหรอครับ? ร่างบางเอ่ยถามพลางมองไปยังหลุมแรกที่มีไม้กางเขนปักอยู่

    อืม ขุดพอเป็นพิธีแล้วก็กลบดินฝังลงไป ไม่ได้ขุดลึกเหมือนหลุมของคนอื่น ๆ เพราะไม่ต้องยัดตัวมันเข้าไปอยู่ในนั้น ถึงสีหน้าจะเต็มไปด้วยความเศร้าหมองแต่ปากของคิมจงอินก็ไม่ได้ลดหย่อนลงไปสักเท่าไหร่ เซฮุนเม้มริมฝีปากแล้วยื่นบางอย่างให้คนตรงหน้า

    อะไร?

    รูปของลู่หาน แบคฮยอนฝากผมเอามาให้คุณ

    เอามาเพื่ออะไร แปะบนหลุมศพเหรอ? ร่างหนาแค่นหัวเราะแล้วส่ายหน้าหน่าย ๆ แต่ก็ยังก้มดูรูปถ่ายในมือแล้วแอบเบะปากน้อย ๆ

    แล้วแต่คุณครับ จะเอาไปติดกับไม้กางเขน หรือจะเก็บใส่กระเป๋าไว้เป็นที่ระลึกก็ได้

    ตลกละ จงอินเอื้อมมือไปผลักหัวคนข้าง ๆ แล้วมองคาดโทษ ไอ้เด็กนี่ตื่นมาก็กวนตีนแต่เช้า

    พอก่อนก็ได้มั้งครับ คุณเล่นขุดคนเดียวแบบนี้ คนอื่นเขาก็ไม่มีอะไรทำกันพอดีสิ

    ไอ้เด็กพวกนั้นน่ะนะ... จงอินกระตุกยิ้มมุมปากแล้วโน้มตัวขุดหลุมอีกครั้งแค่แรงยกกระสอบข้าวสารยังไม่มี นับประสาอะไรให้มาขุดหลุมฝังศพ วันนึงจะได้ถึงหลุมเปล่าเหอะ บ่นอุบอิบทั้งที่ยังตั้งหน้าตั้งตาขุดต่อไป เซฮุนยิ้มขำกับความหัวรั้นของคนตรงหน้า เป็นห่วงคนอื่นแล้วยังจะปากแข็ง

    นั่นสินะ เลยต้องให้ผู้ชายถึก ๆ อย่างคุณทำ ดูสิ...ใช้เวลาไม่ถึงแปดชั่วโมงได้เกือบห้าหลุมแล้ว

    เป็นบ้าอะไร ทำไมวันนี้พูดเป็นนกแก้วนกขุนทอง ห๊ะ โอเซฮุน เป็นบ้าอะไร ร่างหนาเสียบพลั่วไว้กับพื้นแล้วเสยผมลวก ๆ แล้วเลิกคิ้วมองร่างบาง เซฮุนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะล้วงกระป๋องกาแฟออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู๊ดแล้วยื่นให้ร่างหนา จงอินเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางมองใบหน้าหวานกับกาแฟกระป๋อง

    รับไปสิครับ

    มีใครเอาไม้ตีหัวมาป่ะถามจริง? จงอินหรี่ตามองหากแต่ร่างบางกลับอมยิ้มแล้วเปิดกระป๋องกาแฟให้

    มันกำลังอุ่นเลยนะครับ ผมเอาไปแช่กับน้ำร้อนมา รีบดื่มเร็วเข้า เซฮุนยัดกาแฟกระป๋องใส่มือหนาที่สวมถุงมือเอาไว้ จงอินจ้องร่างบางด้วยหางตาแล้วหลุบมองกาแฟในมือ

    แอบใส่ยาเบื่อลงไปป่ะวะ พึมพำเบา ๆ แล้วยกกระดกรวดเดียว เซฮุนยิ้มขำแล้วเอาพลั่วที่จงอินเสียบไว้กับกองดินมาช่วยขุดบ้าง แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่อถูกห้าม

    หยุด

    หยุดทำไมครับ ผมจะช่วยขุด คุณไปนั่งพักก่อนก็ได้นะ เซฮุนยิ้มแล้วทำท่าจะขุดต่อแต่ก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้

    จะบ้าเหรอ ขุดมือเปล่าแบบนั้นได้มือเปิกกันพอดีดิ เซฮุนยืดตัวขึ้นแล้วทำตาปริบ ๆ จงอินถอนหายใจแล้วเหล่มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ

    เอานี่ไป จงอินถอดถุงมือของตัวเองแล้วยัดใส่มือร่างบาง เซฮุนก้มลงมองถุงมือก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่าย

    จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเมื่อเห็นร่างบางทำสีหน้าแปลก ๆ ใบหน้าที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง ไม่มีโอเซฮุนเด็กหน้าตายคนนั้นที่คอยโต้ตอบเขาด้วยคำพูดกวนประสาท ตอนนี้มีเพียงแค่โอเซฮุนเด็กยิ้มตาขีดกับแววตาแป๋ว ๆ เท่านั้น

     

     

    ทำไมอยู่ดี ๆ มันเสือกทำตัวน่ารักขึ้นมา

     

     

    ถ้าผมใส่แล้วของคุณล่ะครับจงอิน

    ก็ไม่ไง ไม่ทำแล้ว อยากทำมากก็ทำไปเลยนะ เดี๋ยวจะนั่งดู จงอินตอบด้วยน้ำเสียงกวนประสาทก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวที่อยู่ใกล้ ๆ เซฮุนอมยิ้มแล้วก้มลงใส่ถุงมือ ถึงคนปากร้ายจะพูดแบบนั้น แต่มันก็โอเคถ้าจะให้จงอินยอมไปนั่งพักบ้าง

     


     

     

     




     

    อ้าวเซฮุน?

    เจ้าของชื่อกับใครอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หันควับเมื่อเห็นผู้มาใหม่เดินเข้ามากับนักเรียนชายคนอื่น ๆ พร้อมกับพลั่ว เสียม เตรียมพร้อม จื่อเทายิ้มทักทายให้กับคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับยีหัวเบา ๆ เป็นการทักทาย ซึ่งทำให้ใครคนหนึ่งที่นั่งมองอยู่ห่าง ๆ รู้สึกคันตีนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

    อรุณสวัสดิ์

    อืม ตื่นเช้าจังเลยนะ เทายิ้มแล้วสวมถุงมือในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ กำลังกะพื้นที่สำหรับการขุดหลุมฝังศพ

    เช้ากว่าพวกนายแค่ชั่วโมงเดียวเอง

    โว้ว...ขุดไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ? เทาหันไปมองหลุมข้าง ๆ ที่ขุดไว้แล้วเรียบร้อย

    ใช่ ฝีมือจงอินน่ะ เซฮุนชี้ไปยังร่างหนาที่นั่งถ่างขากว้างพร้อมกับเอาแขนทั้งสองข้างพาดไว้กับพนักเก้าอี้แถมยังยักคิ้วกวนอีก พอเทาเห็นอย่างนั้นก็เลยเบะปากแสดงสีหน้าอ้อนตีนไปแบบตั้งใจ

    อะไรมึงทำหน้าแบบนั้น ทึ่งในฝีมือกูก็บอก

    เออ ทึ่งจริง ๆ แหละ ถ้าไม่บอกว่าเคยทำงานที่อู่ซ่อมรถกูคงคิดว่ามึงเป็นสัปเหร่อมาก่อน

    ครับ ถ้าจะตายเมื่อไหร่เรียกใช้บริการกูได้ทุกเมื่อนะ พูดจบก็ได้นิ้วกลางของเทามาเป็นรางวัล

    จงอินยิ้มพอใจก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะค่อย ๆ เลือนหายเมื่อหันไปเห็นหลุมฝังศพของลู่หานที่เขาตั้งใจขุดมันเป็นพิเศษ ร่างหนาหยัดตัวลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลุมฝังศพ ยืนให้ความเงียบครอบงำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเทาสะกิดเรียกเซฮุนให้หันไปมอง

    เมื่อกี้ยังเห็นมันพูดกวนส้นตีนอยู่เลย

    สภาพแบบนั้นคงกวนได้ไม่นานหรอก จริง ๆ แล้วฉันว่าเขากำลังฝืนทำตัวปกติเพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงความเสียใจออกมาน่ะ

    ทำไมล่ะ เสียใจก็บอกว่าเสียใจดิ อยากร้องไห้ก็ร้อง จะฟอร์มจัดไปทำไม เทาส่ายหน้าแล้วขุดหลุมต่อ

    คนเราไม่เหมือนกัน นั่นน่ะคือนิสัยของเขา นายจะเอาตัวเองมาเป็นจุดศูนย์กลางไม่ได้หรอกนะ

    ไม่ได้หมายความแบบนั้น ก็แค่อธิบายเฉย ๆ ว่ารู้สึกยังไงก็แสดงออกมา ฉันคงพูดภาษาเกาหลีไม่รู้เรื่องเองนั่นแหละ โทษที เทายักไหล่

    แล้วที่นายเสียเพื่อนไปขนาดนั้น นายเสียใจมากหรือเปล่า?

    แน่นอนอยู่แล้ว ฉันน่ะเสียใจมาก ๆ เลยล่ะ

    มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะฉันก็ยังเห็นนายกวนประสาทได้ดีอยู่ ไม่มีใครเศร้าได้ตลอดเวลา แล้วก็ไม่มีใครหัวเราะได้ตลอดเวลาเหมือนกัน จริงไหม? เทาหยุดการกระทำแล้วหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังอมยิ้มขณะตั้งอกตั้งใจขุดหลุม

    ออกตัวแทนกันเหลือเกินนะ ว่าไม่ได้เลยเนี่ย

    ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยน่า... เซฮุนยิ้มขำ

    ดูเหมือนจะมีนายคนเดียวที่ยังยิ้มอยู่ได้ในสถานการณ์แบบนี้ เทาแขวะร่างบางเพราะนึกหมั่นไส้

    ฉันแค่ไม่อยากเศร้าไปกว่านี้น่ะ

    ...

    ตอนนี้ทุกคนกำลังเสียขวัญ ฉันแค่คิดว่าถ้าคนหนึ่งเศร้า คนหนึ่งก็ต้องยิ้ม เทาหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย เขาขมวดคิ้วมองร่างบางอย่างไม่เข้าใจ

    ยิ้มไปเพื่ออะไร ในเมื่อใจมันไม่อยากยิ้ม

    ถ้าเรามีเหตุผลว่าทำไมต้องยิ้ม เดี๋ยวใจมันก็ยิ้มเองนั่นแหละ

    ...

    จงอินยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน เขาเอาแต่ขุดหลุมจนถึงเมื่อกี้นี้ ฉันคิดว่านั่นคือวิธีบำบัดความเศร้าของเขา

    ...

    เพื่อนสนิทจากไปทั้งคน เขากำลังเสียหลัก ถ้าฉันไม่อยู่ตรงนี้แล้วใครจะอยู่กับเขาล่ะ

    ...

    ฉันทำให้เขายิ้มไม่ได้หรอก แต่ถ้าทำให้เขาลืมความเศร้าไปได้ชั่วขณะล่ะก็...ฉันเก่งเรื่องแบบนั้นมากเลยนะ เซฮุนหัวเราะด้วยการทำให้เขารำคาญน่ะ

    พิลึกคนว่ะ... เทาพึมพำแล้วก้มลงขุดหลุมต่อ

    ร่างบางหันไปมองใครอีกคนที่กำลังเหน็บรูปถ่ายไว้กับไม้กางเขนตรงหลุมศพ ในตอนนี้คนที่น่าสงสารที่สุดคงไม่ใช่บยอนแบคฮยอนที่เอาแต่ร้องไห้ทุกครั้งที่รู้สึกผิด แต่กลับเป็นคิมจงอินที่เก็บความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ในใจ

    แบคฮยอนยังมีคนคอยปลอบ แต่จงอินไม่มีใครสักคน ผู้ชายคนนั้นสนิทกับลู่หานมากที่สุดใคร ๆ ต่างก็รู้ดี และนี่มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ จงอิน ด้วยความที่ไม่สนิทกันเลย เขาทั้งคู่ต่างคุยกันแบบขอไปที ถึงจะอยู่ด้วยกันตลอดก็เถอะ

     

     

    แต่มันแปลกจริง ๆ ที่เขาทิ้งผู้ชายคนนี้ให้อยู่ตามลำพังไม่ได้...

     

     

    ไปนั่งไป

    ร่างบางสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ คนในความคิดก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เซฮุนปล่อยมือออกจากพลั่วพร้อมกับถอดถุงมือให้อย่างเสร็จสรรพเมื่อร่างหนายื่นมือมา จงอินรับถุงมือไปใส่แล้วเริ่มขุดอีกครั้ง

    แต่ผมเพิ่งขุดไปแค่นิดเดียวเองนะ

    เห็นนายแล้วขัดหูขัดตา

    งั้นผมจะไปหาพลั่วอันใหม่มา

    อย่าหาเรื่อง บอกให้ไปนั่งไง จงอินเลิกคิ้วมองร่างบางที่เอาแต่จะขัดคำสั่งเขาอยู่นั่น เซฮุนหรี่ตาลงมองด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวนั้น

    พูดง่าย ๆ โตไว ๆ

    ครับ ขุดต่อเลย เอาให้หน้ามืดเป็นลมหัวทิ่มกันไปข้าง

    เออ ทิ่มปุ๊บฝังปั๊บไรงี้ เทาเสริมก่อนจะหัวเราะจนคนถูกแซะหันไปมองด้วยหางตา

    ฝังที่หน้ามึงเถอะครับ แหม...ทีเมื่อวานดราม่าร้องไห้ขี้มูกโป่ง มาวันนี้ดีดดิ้นหัวเราะเป็นไก่ขันเชียวนะมึง ได้ทีแล้วขอแขวะคืนบ้างหลังจากนั่งให้พวกมันนินทามานาน

    เขาเรียกฟีลลิ่งครับ คนไม่มีหัวใจอย่างมึงคงเข้าไม่ถึงหรอก นี่พูดเลย

    ฟีลลิ่งตอแหลสินะร่างหนายักไหล่

     

    สุดท้ายก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ไม่มีใครสร้างบรรยากาศใด ๆ อีก ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาขุดหลุมฝังศพและปล่อยให้ความเศร้าทำงานในหัว สิ่งหนึ่งที่จงอินกับเทามีเหมือนกันในตอนนี้คือความสูญเสียที่เพิ่งได้พบเจอ พวกเขาต่างกลบเกลื่อนความเศร้าโดยการแสดงออกให้คนอื่น ๆ เห็นว่าพวกเขาไม่เป็นอะไร

    จงอิน

    อืม

    มึงกับไอ้หน้าหวานนั่นเป็นเพื่อนกันมานานแค่ไหนแล้ววะ เทาเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน จงอินใช้ความคิดพร้อมกับนึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอกันก่อนจะยิ้มบาง ๆ

    ไม่นานหรอก ระยะเวลาก็พอ ๆ กับตอนที่โลกเปลี่ยนไปแล้ว

    เห็นพวกมึงสนิทกันดี นึกว่ารู้จักกันมาแต่ชาติปางไหน

    สันดานคล้าย ๆ กันมั้ง มันเป็นคนเดียวที่คุยภาษาเหี้ยรู้เรื่อง พูดจบก็หันไปมองหน้าคนข้าง ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    นั่นสินะ มันต้องมีสักคนที่พูดภาษาแบบนั้นกับเราได้ เทายิ้มแล้วถอนหายใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทของเขาที่ตายจากไปแล้ว

    ลู่หานมันเป็นคนยังไงวะ?

    หืม?

    เปล่า กูแค่หาเรื่องชวนคุย เงียบมากเดี๋ยวกูร้องไห้ เทาพูดหน้าตาย

    ไอ้หอกนั่นน่ะเหรอ? ชีวิตก่อนหน้านั้นมันเป็นยังไงกูไม่รู้หรอก แต่แม่งฉลาดเอาตัวรอดจนน่าอิจฉา ข้อดีของมันคือสามารถทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องตลกได้... จงอินเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นท้องฟ้า

    แต่เสือกมาตายเพราะความรัก

    ...

    จงอินหรี่ตาลงเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ ร่างหนาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแล้วผ่อนออกอย่างช้า ๆ เพื่อผ่อนคลาย เทามองคนข้าง ๆ ก่อนจะหยุดพักแล้วเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาตามขมับ

    ความรักทำให้คน ๆ หนึ่งยอมตายแทนเพื่อใครอีกคนได้ด้วยเหรอวะ?” จงอินหันไปถามคนข้าง ๆ มันเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมลู่หานถึงได้ทำแบบนั้น

    กูไม่รู้หรอกว่าความรักมันทำให้ยอมตายแทนคนอื่นได้ไหม แต่ที่กูถูกกัด ก็เพราะว่ากูพยายามช่วยครูกาฮีเอาไว้ เพราะเธอคือคนที่กูเห็นเป็นเหมือนแม่คนที่สอง เทาพูดด้วยแววตาจริงจัง

    ...

    ตอนนั้นในหัวกูไม่ได้คิดเหี้ยไรเลยนอกจากว่ากูจะทำยังไงครูถึงจะรอด จะทำยังไงถึงจะออกไปจากตรงนั้นได้ รู้ตัวอีกทีกูก็ถูกกัดแล้ว

    ...

    ไม่ว่าจะในฐานะไหน แต่ถ้ามึงยอมตายเพื่อคน ๆ หนึ่งได้เมื่อไหร่ แสดงว่ามึงรักเขามากยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง

    ... จงอินนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำสอนจากเด็กที่อายุน้อยกว่า

    ทั้งที่เขาผ่านเรื่องราวในชีวิตมามากมาย มีทั้งสุข เศร้า ผิดหวัง เสียใจ ทุกอย่างล้วนผ่านพ้นมาแล้วทั้งนั้น เรื่องความรักก็ด้วย แต่มันไม่เคยมีอยู่ในหัวเขากับเรื่องที่ต้องตายแทนใครสักคน เพราะคนอย่างคิมจงอินคิดอยู่เสมอว่าคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของตัวเองอีก

    ร่างหนาเงียบไปชั่วอึดใจ เขาหันไปหาใครอีกคนที่นั่งมองเขาอยู่ตรงม้านั่งแล้วก็ทิ้งพลั่วลงก่อนจะถอดถุงมือทิ้งบนพื้น

     

     

    ฉันจะไปสำรวจข้างนอกสักหน่อย อยากไปด้วยกันไหม?

     

     

     

     

     


     

     

     

    ทั้งคู่ขับรถออกมาจากโรงเรียนเพื่อออกไปสำรวจพื้นที่บริเวณนี้ เซฮุนหันไปมองคนข้าง ๆ เป็นระยะในขณะที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ใจนึงก็เป็นห่วงเพราะจงอินยังไม่ได้นอน แต่อีกใจก็ไม่อยากขัด ตอนนี้เรื่องฝังศพนักเรียน ชานยอลกับอี้ฟานเป็นคนอาสารับผิดชอบ เพราะมีสองคนนั้นเขาถึงได้โล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่ที่ยังเป็นกังวลก็คงเป็นคนข้าง ๆ นี่แหละที่ยังทำตัวแปลก ๆ จนกระทั่งวินาทีนี้

    เขาสองคนขับสำรวจหนทางมาเกือบชั่วโมงแล้ว ดูเหมือนว่าจงอินกำลังหาเป้าหมายที่จะมาหาเสบียงในคราวหน้าอยู่เพราะเขาเริ่มชะลอรถลง ร่างหนาหันไปมองรอบข้างราวกับสังเกตและจดจำหนทางแล้วก็เริ่มออกรถอีกครั้ง

    ผมขับให้ไหม?

    ทำไม กลัวฉันหลับในแล้วพาแหกโค้งหรือไง?

    ใช่ครับ อุตส่าห์โชคดีไม่ตายเพราะถูกกัดแล้ว เซฮุนยิ้มหากแต่คนข้าง ๆ กลับมองเขาด้วยความหมั่นไส้แถมยังผลักหัวอีก

     

     

    กึก...กึก...!!

     

     

    หน้าของเขาทั้งคู่โงนเงนไปข้างหน้าทุกครั้งที่รถกระตุก หลังจากนั้นก็พบกับข่าวร้ายเมื่อเครื่องยนต์ดับลงเองโดยที่เขาไม่ได้บิดกุญแจ จงอินสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะทุบพวงมาลัยไปทีหนึ่ง

    เวรเอ๊ย ลืมดูน้ำมันอีกกู

    น้ำมันหมดเหรอครับ?

    ใช่ เกลี้ยงด้วย จงอินนวดขมับเพราะรู้สึกเฟลกับตัวเองมากถึงมากที่สุด เขาไม่เคยสะเพร่าแบบนี้มาก่อนและยิ่งเป็นเรื่องรถแล้ว แต่เป็นเพราะว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยทำให้เบลอไปหน่อย

    เราคงต้องเดินกลับแล้วล่ะ

    เดินกลับ? เซฮุนเบิกตากว้างแล้วหันควับกลับไปมองข้างหลังแล้วก็พบว่าเป็นถนนเส้นยาวที่มีป่าอยู่รอบข้างเท่านั้น ไม่มีรถให้ขโมยเลยสักคัน

    คิดว่าออกกำลังกายแล้วกัน จงอินพูดแล้วหยิบปืนมาเหน็บหลังก่อนจะเปิดประตูรถออกไป ร่างหนาเท้าสะเอวมองไปรอบทิศแล้วก็นึกท้ออยู่ในใจ นี่ก็ขับออกมาไกลพอสมควรแล้วและถ้าให้เดินกลับมีสิทธิ์ง่อยแดกแน่ ๆ  

    เดินไปอีกสักหน่อยน่าจะเจอหมู่บ้าน ไหวเปล่าวัยรุ่น? จงอินหันไปแซะคนข้าง ๆ ที่กำลังสะพายกระเป๋าเป้ เซฮุนพยักหน้าหงึกแล้วทั้งคู่ก็เริ่มเดินไปด้วยกัน

    ให้ความรู้สึกเหมือนตอนไปเดินทางไกลกับโรงเรียนเลย เซฮุนยิ้ม นั่นทำให้จงอินขมวดคิ้วมอง ไอ้เด็กนี่มันเป็นอะไร ยิ้มอยู่ได้ทั้งวัน...

    ชอบเหรอ ฉันว่ามันงี่เง่าที่จะต้องไปเดินอะไรแบบนั้น

    ก็ไม่ได้ชอบหรอกครับ แต่การที่มีคนเดินไปเป็นเพื่อน คุยกันระหว่างทางแบบนี้มันก็ดีกว่าเดินคนเดียว

    ท่าจะมีเพื่อนเยอะ

    ก็พอสมควรครับ

    วัน ๆ ทำไรบ้างนอกจากเรียน ๆ นอน ๆ พอได้ยินที่จงอินถามเซฮุนก็ชะเง้อหน้ามองด้วยความสงสัยจนกระทั่งอีกฝ่ายรู้ตัว มองอะไร?

    เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจที่คุณถามเรื่องส่วนตัวของผมน่ะ

    ก็แค่ชวนคุยฆ่าเวลาเท่านั้นแหละ เห็นคนแถวนี้บ่น ๆ ว่าถ้ามีคนคุยด้วยมันคงดีกว่าเดินคนเดียว

    เป็นห่วงผมเหรอ? เซฮุนยังคงชะเง้อหน้ามองอีกฝ่าย จงอินเหล่มองคนข้าง ๆ ก่อนจะดันหน้าร่างบางออกด้วยความหมั่นเขี้ยว

    เงียบปากไปเลยไป

    ล้อเล่นน่ะครับ... เซฮุนอมยิ้ม ชีวิตผมก็เหมือนกับเด็กทั่วไปน่ะ เรียนเสร็จก็ไปเล่นเกมกับเพื่อน เล่นกีฬาบ้าง กลับถึงบ้านก็นอน ตื่นไปเรียน ทำแบบนั้นซ้ำ ๆ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก แล้วคุณล่ะครับจงอิน?

    กินเหล้า ซ่อมรถ เอากับผู้หญิง

    ชัดเจนดี เซฮุนหุบยิ้มแล้วกระชับกระเป๋าเป้ จงอินเหล่มองคนข้าง ๆ อีกครั้งแล้วก็ลอบยิ้มออกมา

    อิจฉาอ่ะดิ

    อิจฉา? เซฮุนเลิกคิ้วมองคนที่กำลังยิ้มกวนประสาทเขาอยู่

    ใช่ไง เพราะเวลาแบบนี้คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนมาพลีกายให้นายอึ้บแล้วล่ะ

    ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ บางทีอาจจะมีผู้หญิงสักคนที่อยากจะมีอะไรกับผมก็ได้เซฮุนตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก สุดท้ายก็วกเข้าเรื่องนี้จนได้

    แล้วผู้หญิงสักคนที่ว่านั่นมันอยู่ไหนล่ะ

    ไม่รู้ครับ ผมแค่พูดขึ้นมาเฉย ๆ ขนาดคุณยังมีผู้หญิงมานอนด้วยได้เลย หน้าตาผมก็ไม่ได้แย่อะไร ก่อนหน้านี้สาว ๆ ที่โรงเรียนชอบผมตั้งเยอะ พูดคุยทับเพื่อให้อีกคนรู้สึกอิจฉาแล้วก็ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลซะด้วยเมื่อจงอินมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่พอใจ

    แล้วไง? คนพวกนั้นก็ตายห่าไปหมดแล้วป่ะ แล้วในสมองของคนที่ตายแล้วก็จำอะไรไม่ได้ เชื่อสิว่าถ้าพวกเธอเจอนายอีกครั้ง คงกรี๊ดกร๊าด วิ่งเข้ามารุมแย่งกินตับไตไส้พุงของนายแทบไม่ทัน เซฮุนโอป้า ขอแดกตับหน่อยค่า’ ” จงอินดัดเสียงจนคนข้าง ๆ หลุดหัวเราะออกมา

    ก็ไม่เป็นไรครับ...ผมหมายถึงผู้หญิงที่ยังมีชีวิตอยู่น่ะ

    ในเวลาแบบนี้ยังจะคิดถึงเรื่องผู้หญิงอยู่อีกเหรอ?

    หรือคุณไม่คิด?

    ไม่คิด ร่างหนาตอบชัดถ้อยชัดคำแล้วล้วงกระเป๋ากางเกง

    ว๊าว ทั้งที่เมื่อวานก่อนยัง...

    อยากโดนจูบอีกใช่ไหม? จงอินชี้หน้าคาดโทษคนข้าง ๆ ที่พูดกวนประสาทเขาไม่หยุดไม่หย่อน เซฮุนเม้มปากแน่นแล้วมองตามแผ่นหลังของร่างหนาที่กำลังเดินหน้าไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รอเขาเลย ร่างบางรีบวิ่งตามไปพร้อมกับผ่อนจังหวะการเดินให้เท่า ๆ กัน

    ง่วงมากเหรอครับ? เซฮุนถามเมื่อเห็นจงอินอ้าปากหาวหวอด ๆ

    ฉันเคยไม่นอนทั้งวันแต่ตอนนั้นอยู่ได้เพราะเครื่องดื่มชูกำลังกับกาแฟเซเว่น

    โอ้...คุณดื่มกาแฟนั่นลงด้วยเหรอ?

    เออดิ ดีดยิ่งกว่าม้าอีกจงอินบ่นอุบอิบ

    นั่นได้ชื่อว่าเป็นกาแฟกรรมกรเลยนะ

    ตอนนั้นรู้สึกว่าอยู่แต่งรถให้เพื่อนแล้วก็นั่งก๊งเหล้ากันต่อ เล่นไม่หลับไม่นอน เครื่องดีดกันถึงสี่โมงเย็นของอีกวัน แต่พอได้นอนนะ...หลับตายข้ามวันข้ามคืนเลยล่ะ จงอินหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องบ้า ๆ ของตัวเองและเซฮุนก็เช่นกัน

    ทั้งคู่หยุดเดินเมื่อเห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอเดินเข้าไปก็เห็นมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ฮาร์เล่ย์จอดอยู่ จงอินหันไปข้างหลังแล้วแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเองเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเงียบ ๆ ซึ่งเซฮุนก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

    รองเท้าหนังหุ้มข้อสีน้ำตาลค่อย ๆ เหยียบลงบนแผ่นไม้แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพราะความเก่าแก่ของตัวบ้าน มือหนาดันประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ แล้วก็พบว่าข้างในมีสภาพปกดีทุกส่วนยกเว้นโต๊ะกับโซฟาหน้าทีวีที่มีซากขวดเหล้าเบียร์เละเทะไม่เหลือชิ้นดี อีกทั้งยังมีกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่วางอยู่บนพื้นอีก

    จงอินเปิดกระเป๋าออกเพียงเล็กน้อย จังหวะนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองบันไดชั้นสองเป็นระยะ ข้างในกระเป๋ามีอาหารหมาอยู่จำนวนหนึ่ง เขาหันไปมองเซฮุนแล้วก็ได้คำตอบเมื่อร่างบางเดินกลับมาพร้อมกับอาหารหมาที่ถูกเปิดกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง

    ไอ้หมอนี่คงกินมันเพื่อประทังชีวิต

    ... เซฮุนเบ้ปากแล้ววางอาหารหมาลงบนบาร์ที่ทำด้วยไม้ จงอินเล็งปืนไปข้างหน้าขณะก้าวขาขึ้นไปบนชั้นสอง แต่ก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อพบว่ามีใครคนหนึ่งกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่กับเชือกที่ผูกรอบคอเขาเอาไว้

    ...

    สภาพชายหนุ่มผมยาว หน้าซีดเซียว เสื้อหนังสือดำเข้ากับกางเกงยีนส์นั่นบ่งบอกให้รู้ว่ารถช็อปเปอร์ฮาร์เล่ย์ที่จอดอยู่หน้าบ้านคงเป็นของไอ้หมอนี่ พอหันไปทางซ้ายก็พบกับกรอบรูปที่ติดอยู่ข้างผนังซึ่งดูแล้วเค้าโครงหน้าและการแต่งตัวมันช่างต่างกับผู้ชายผมยาวนั่นเสียเหลือเกิน

    ไอ้หมอนี่คงแวะพักระหว่างทาง แต่ดูเหมือนว่าจะท้อซะก่อน จงอินเหน็บปืนไว้ข้างหลังแล้วเดินเข้าไปหาศพที่ยังคงดิ้นอยู่กับเชือก

    เขาฆ่าตัวตาย

    ใช่ โง่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว จงอินก้มลงเก็บกระดาษใบหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ

    สวัสดี ฉันชื่อยูนฮงรยู ฉันคือตำนาน คนมากมายรู้จักฉัน แต่ตอนนี้พวกเขาคงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้วแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง โลกใบนี้มันช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียเหลือเกิน การที่ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ไม่ใช่ฉันเลยสักนิด ไอ้ลูกชายของฉันจอดอยู่หน้าบ้าน เขาชื่อวิลเลียม ถ้านายจะเอาไปล่ะก็ช่วยดูแลรักษาให้เป็นอย่างดีด้วย ขัดถูให้สะอาดเงาวับ จูบกุ๊ดไนท์สวีทดรีมทุกคืน ส่วนกุญแจ...มันอยู่ในกระปู๋ฉันเองว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า...ไอ้เวรเอ๊ย ประโยคหลังที่สบถออกมาด้วยความหมั่นไส้

    จงอินเงยหน้าขึ้นมองร่างผีดิบที่ยังคงดิ้นทุรนทุรายอยู่ใต้เชือกแล้วก็อยากจะระเบิดหัวมันสักทีแต่ก็เสียดายกระสุน เซฮุนทำท่าจะเดินเข้าไปเปิดกางเกงผีดิบตัวนั้นแต่ถูกร่างหนารั้งไว้ซะก่อน

    จะทำอะไร?

    เอากุญแจรถไงครับ?

    ไม่ต้อง มันสกปรก เจ้าตัวว่าก่อนจะเข้าไปปลดเข็มขัดหนังเนื้อดีออกแล้วเบี่ยงตัวออกมาด้วยท่าทีรังเกียจ ส่วนเซฮุนได้แต่ยืนยิ้มขำอยู่ข้างหลัง

    ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ ผมก็ผู้ชายเหมือนกัน เรื่องแค่นี้ไม่ซีเรียสหรอก

    อย่าเถียงน่า บอกว่ามันสกปรกไงพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ

    โอเค รู้เรื่องครับ... เซฮุนหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของจงอินที่เหมือนจะอ้วกแตกตอนกำลังเอามีดกรีดกางเกงยีนส์ของผีดิบตัวนั้นจนกระทั่งกุญแจร่วงลงมาบนพื้น

    แม่งเอ๊ย เขาสบถออกมาแล้วถอนหายใจ จงอินหันไปเอาผ้าที่อยู่ข้าง ๆ มาเก็บกุญแจก่อนจะเดินลงไปเข้าห้องน้ำข้างล่างเพื่อล้างความโสโครกอกไป

    จะตายห่าแล้วยังกวนตีนอีก เซฮุนยืนกอดอกพิงกับประตูพลางมองคนตรงหน้าที่ยังคงบ่นเป็นหมีกินผึ้งขณะล้างกุญแจ

    ผมไปเอาเหล้ามาฆ่าเชื้อให้ไหม?

    เงียบไปเลย!”

    ฮ่า ๆ

    ไม่ต้องมาขำ ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ให้นายเอามือล้วงเข้าไปในกระปู๋ของมันน่ะ

    แล้วทำไมไม่ให้ผมทำแบบนั้นล่ะครับ จงอินชะงักเมื่อเซฮุนยิงคำถามแบบนั้น เขาหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังรอคำตอบแล้วก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบาง

    ไม่บอกหรอก

    เสียงแผ่วเบาคล้ายจะกระซิบบอกก่อนจะเดินสวนออกไปข้างนอก เซฮุนเม้มปากแน่นพร้อมกับหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังเดินตามอีกคนไป จงอินขึ้นไปนั่งบนช็อปเปอร์ฮาร์เลย์พร้อมกับสตาร์ทเครื่อง สีหน้าของเขาดูพอใจมากที่จะไม่ต้องเดินต่อไปอีก ใบหน้าคมเงยขึ้นมองร่างบางก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกแล้วตบเบาะหลังเป็นเชิงให้ไปนั่งซ้อนท้าย เซฮุนยิ้มแล้วขึ้นไปนั่งอย่างว่าง่าย

    ไม่ได้ขับมอไซค์นานแล้วนะเนี่ย

    ผมไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์เลยครับจงอิน

    เหรอ งั้นแสดงว่าฉันเป็นคนแรกสำหรับนายน่ะสิ? ใบหน้าคมเอี้ยวหันกลับมามองคนข้างหลังเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มทะเล้น

    ... เซฮุนไม่ตอบ ทั้งที่ในความรู้สึกมันบอกว่าจงอินเป็นครั้งแรกสำหรับในหลาย ๆ เรื่องของเขา

    เกาะแน่น ๆ ล่ะ

    ครับ ร่างบางขานตอบรับพร้อมกับกำเสื้อตรงช่วงเอวของคนตรงหน้าเอาไว้ จงอินก้มลงมองมือเรียวของอีกฝ่ายแล้วก็จับมากอดเอวตัวเองเสียดื้อ ๆ

    ...

    พูดผิดน่ะ เมื่อกี้จะฉันบอกให้นายกอดแน่น ๆ ต่างหาก

    เซฮุนหน้าแดงขึ้นมาได้ง่าย ๆ กะอีแค่ประโยคบ้า ๆ ของคนบ้า ๆ ร่างบางหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะค่อย ๆ ประสานมือไว้กับเอวของจงอิน ลมเย็น ๆ พัดผ่านทำให้รู้สึกดีกับประสบการณ์ใหม่ ๆ มอเตอร์ไซค์ที่เขาไม่เคยนั่งมันให้ความรู้สึกต่างจากรถยนต์อย่างสิ้นเชิง

    เงียบทำไม

    ครับ?

    พูดต่อสิ

    พูดเรื่องอะไรครับ เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกให้ผมหุบปากนี่ เซฮุนถามพลางมองท้ายทอยของคนตรงหน้า

    ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น ตอนนี้ฉันอยากให้นายพูด เพราะเสียงของนายมันทำให้ฉันรำคาญจนง่วงไม่ลง เซฮุนอมยิ้มเมื่อได้ยินคนปากแข็งพูดกัดจิกเขาอีกครั้ง

    ผมก็มีเรื่องตลกเหมือนกันนะ

    อย่างนายน่ะนะมีเรื่องตลกกับเขาด้วย

    ใช่ คุณอยากฟังไหม?

     

     

    เอาดิ แต่ถ้าไม่ตลกฉันจะจอดรถแล้ววิ่งไล่เตะก้นนายแน่โอเซฮุน

     

     

     


     

     

     






     

    TBC

     

     

     

    เขียนตอนง่วงสุด ๆ เพราะช่วงนี้ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุดเลยค่ะ ถึงห้องก็สองทุ่มกว่าจะทำอะไรเสร็จก็สามทุ่ม เหนื่อยมากโลย แต่ก็อยากมาอัพอ่ะ คือพล๊อตเต็มหัวแต่สมองมันไม่ทำงาน TT_TT วันพฤหัสถึงจะว่าง อดใจรออีกนิดนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจฟิคเรื่องนี้ขนาดนี้ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

    ส่วนใครที่คิดถึงฟิคเรื่องนี้มาก ไปอ่านใหม่อีกรอบได้นะคะ เก็บรายระเอียด 5555 เห็นว่ามีหลายคนแอบอ่านข้ามเพราะกลัว

    ปล.ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกการเวิ่นเว้อในทวิต ทุกการแชร์ลิงค์ให้เพื่อนอ่านฟิคเรื่องนี้นะคะ เรามาเป็นทาสซอมบี้กันเถอะค่ะ

     

    Welcome to Zombie Line *อ้าแขนออกกว้าง*

     

    ง่วงมาก สติไม่เหลือแล้ว TVT #ficzombie

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×