ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #26 : Chapter 25 :: Decision

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.46K
      153
      5 ม.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

    Chapter 25

    Decision

     

     

     

    กว่าจะเคลียร์ผีดิบในหอพักหญิงเสร็จเรียบร้อยก็ปาไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ทุกคนรวมถึงเด็กนักเรียนบางส่วนต่างทยอยเข้ามาในหอหญิงเพื่อขนย้ายซากศพออกมากองไว้ในลานอเนกประสงค์ก่อนที่จะเอาไปเผาทิ้งข้างนอก

    อี้ฟานกับเทาช่วยกันโยนซากศพลงมาจากชั้นสี่โดยมีฟูกเก่า ๆ วางรองรับเอาไว้กันไม่ให้ร่างเด็กสาวแต่ละคนเละกระจายตอนร่วงลงมาข้างล่าง ส่วนชั้นสามจงอินกับเซฮุนรับผิดชอบและก็ใช้วิธีโยนศพลงมาเช่นกัน หากจะขนย้ายศพเด็กผู้หญิงเหล่านี้ลงทางบันไดเชื่อว่าพรุ่งนี้ก็คงไม่เสร็จ นี่ถือว่ายังดีที่เด็กนักเรียนชายคนอื่น ๆ ยังแสดงความมีน้ำใจยื่นมือเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้นเรื่องเคลียร์ซากศพคงเสร็จตอนฟ้ามืดแน่

    เอาเลย!”

    เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าฟูกเก่า ๆ ตะโกนบอกก่อนจะถอยหลังออกไป พอเห็นเทากับอี้ฟานโยนศพลงมาข้างล่างเขากับเพื่อนอีกคนก็รีบไปประคองหัวท้ายเพื่อย้ายศพออกไปวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

    แบคฮยอนเดินเข้ามาในตึกพร้อมกับผ้าปิดปากสีขาวที่แวะไปเอามาจากห้องพยาบาล เด็กหนุ่มยื่นให้กับคนที่กำลังช่วยกันทำความสะอาด

    ขอบใจ” ลู่หานยิ้มแบบขอไปทีพลางมองหน้าคนตัวเล็กที่ยื่นผ้าปิดปากให้ แบคฮยอนยิ้มตอบก่อนจะเดินสวนไป ร่างโปร่งเอี้ยวตัวหันไปข้างหลังแล้วก็เห็นแบคฮยอนยืนคุยกับชานยอลอยู่

    ขอบคุณครับ” ชานยอลยิ้มบาง ๆ แล้วก้มลงมองมือตัวเองที่สวมถุงมือยางที่เลอะไปด้วยคราบเลือดสีดำที่เกิดจากการขนย้ายซากศพ

    ผม...ช่วยใส่ให้นะ” แบคฮยอนก้ม ๆ เงย ๆ ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อร่างสูงพยักหน้าเป็นคำตอบ ชานยอลโน้มใบหน้าลงมาเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวเล็กใส่ผ้าปิดปากให้ได้ถนัด พอเห็นแบบนั้นลู่หานก็ก้มลงมองมือตัวเองบ้าง

    ...

    งั้นผมขึ้นไปบนชั้นสองก่อนนะ

    ถึงจะเป็นประโยคธรรมดาแต่สายตาแบคฮยอนก็ยังมองชานยอลต่างจากที่มองคนอื่นอยู่ดี ร่างสูงพยักหน้ารับ สิ่งที่หมอนั่นควรทำคือหันหน้าเข้าหาศพที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าอยู่บนพื้น ไม่ใช่ยืนละลายแบคฮยอนด้วยสายตาแบบนั้น

    ตอนนี้ที่ชั้นหนึ่งฝั่งปีกซ้ายมีเพียงแค่เขากับชานยอลเท่านั้น ถึงจะมีเด็กนักเรียนเดินผ่านไปผ่านมาบ้างเป็นบางช่วงแต่ก็ไม่ช่วยคลายบรรยากาศกดดันระหว่างเขาสองคนได้เลย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ลู่หานรู้สึกว่าการเห็นหน้าปาร์คชานยอลมันเป็นเรื่องน่าอึดอัด หลายครั้งที่เขานึกอยู่ในใจว่า มึงมาทำอะไรที่นี่?’

     

     

    ก็เพราะเขาเห็นมันเป็นมารหัวใจสินะ?

     

     

    คุณไปนั่งพักก่อนก็ได้นะครับ” เป็นชานยอลที่เปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน คนที่กำลังหิ้วปีกศพเด็กสาวอยู่ถึงกับชะงัก ลู่หานหันไปมองอีกคนที่ยังคงหันหลังให้เขาแล้วก็วางศพลง

    สีหน้าคุณไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” ชานยอลหันมามองอีกฝ่าย แววตาคู่นั้นเหมือนกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

    ฉันสบายดี

    ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” คงต้องขอบคุณผ้าปิดปากที่ช่วยไม่ให้เขาเห็นริมฝีปากหมอนั่น ถ้าเกิดปาร์คชานยอลกำลังยิ้มอยู่ มันคงเป็นรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ที่สุดในโลกเขาคิดอย่างนั้น

    ปาร์คชานยอล

    เรียกซะเต็มยศเลยนะ” น้ำเสียงเอื่อยราวกับไม่ยี่หระ ร่างสูงลากศพออกมาวางไว้ข้าง ๆ ลู่หานก่อนจะดึงผ้าปิดปากลงขณะสบตากับอีกฝ่าย

    เมื่อคืนนายขึ้นไปหาแบคฮยอนตั้งแต่เมื่อไหร่?”

    คุณอยากรู้ไปทำไมเหรอครับ?” ชานยอลไม่ได้ชะงักกับคำถามที่มาจากน้ำเสียงห้วน ๆ ของอีกคนเลยสักนิด หนำซ้ำแล้วเขายังยิ้มให้กับลู่หานอีกต่างหาก

    ทุกครั้งที่เกิดคำถาม ก็เพราะว่าอยากรู้คำตอบป่ะวะ?”

    พอรู้ว่าแบคฮยอนอยู่ข้างบนนั้นตามลำพังผมก็ขึ้นไปทันทีครับ” ร่างสูงตอบแบบตรงไปตรงมาแต่ยังไงก็ดูกวนประสาทในสายตาเขาอยู่ดี

    หยุดทำสีหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ

    ชานยอลหยุดยืนอยู่กับที่ ใบหน้าคมก้มลงมองถุงมือยางเขาค่อย ๆ ดึงมันออกอย่างใจเย็นแล้วโยนทิ้งลงในถุงดำ

    คุณกำลังทำให้บรรยากาศมันตึงเครียดกว่าที่เป็นอยู่นะลู่หาน

    มันก็ควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง?”

    ไม่เลย มันไม่ควรเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ

    นายรู้ทุกอย่าง” ลู่หานมองไปยังใครอีกคนที่ยืนหันหลังให้กับเขา “นายรู้ แต่นายก็ยังทำแบบนั้น

    ทำแบบนั้น...” ร่างสูงทวนคำพูดเบา ๆ เขารู้ดีว่า ทำแบบนั้น’ ที่ลู่หานหมายถึงคืออะไร

    แบคฮยอนไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวเป็นผู้ชายแสนดีสักทีเถอะ

    ความเงียบโรยตัวเมื่อเด็กนักเรียนสามคนเดินเข้ามาช่วยกันแบกศพออกไป เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขารู้สึกมันจะทำให้ปาร์คชานยอลลำบากใจหรือเปล่า เพราะสิ่งที่หมอนั่นทำกับเขา มันก็ไม่ต่างกันนักหรอก

    ที่เทคแคร์แบคฮยอนออกหน้าออกตาแบบนั้นน่ะ...ก็เพราะจงใจอยากให้เขาเห็นสินะ

    ผมต้องทำตัวแบบไหนถึงจะถูกใจคุณเหรอครับ” ร่างสูงก้มลงมัดปากถุงดำที่อัดเต็มไปด้วยซากขยะ

    ฉันไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้นายก็อาลัยอาวรณ์เมียจะเป็นจะตาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ โกรธแบคฮยอนจนแทบไม่อยากมองหน้าแต่ตอนนี้มันคืออะไรวะ?”

    ...

    นายไม่คิดบ้างเหรอว่าแบคฮยอนมีความรู้สึก สิ่งที่นายทำทุกอย่างมันเหมือนกับให้ความหวังเด็กนั่น

    ...

    ถึงนายจะรู้สึกดี แต่ฉันเชื่อว่าที่นายรู้สึกกับแบคฮยอนมันไม่ใช่ความรัก

    ปาร์คชานยอลมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนอย่างเขานักหรอก มันก็แค่เงียบปากจนดูเหมือนเป็นคนดีเท่านั้น แต่สิ่งที่มันทำก็ทำร้ายความรู้สึกคนอื่นเหมือนกันนั่นแหละวะ

    ร่างสูงเอี้ยวตัวหันมามองอีกฝ่ายและที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นเท่าตัวก็คือริมฝีปากของชานยอลที่ยังคงยกยิ้มอยู่อย่างนั้นแม้ว่าเขาจะสาดคำพูดเห็นแก่ตัวออกไป ขายาวก้าวเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ ร่างโปร่ง ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ ๆ ใบหูก่อนจะกระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

    แล้วที่คุณรู้สึกกับแบคฮยอนและมินซอกพร้อม ๆ กันนั่นเรียกว่าอะไรเหรอครับ?”

    ...

     

     

    ชานยอล...มันรู้เรื่องของเขากับมินซอกได้ยังไง?

     

     

    ก่อนจะจัดการชีวิตคนอื่น...ผมว่าคุณน่าจะเอาเวลาไปเคลียร์ปัญหาของตัวเองให้มันเรียบร้อยก่อนดีกว่านะครับ” เสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่กลับก้องอยู่ในหัวเขา

     

     

    ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะถูกเลือก...รู้ตัวบ้างหรือเปล่า?”

     

     

    ...

    ร่างโปร่งก้าวขาไม่ออกแม้ว่าใครอีกคนจะเดินออกไปจากตรงนั้นแล้วก็ตาม...วูบหนึ่งใบหน้าของปาร์คชานยอล ผู้ชายเย็นชาที่เคยฆ่าบยอนแบคฮยอนด้วยคำพูดเมื่อนานมาแล้วค่อย ๆ ฉายขึ้นมาในหัว

     

     

    ทำไมล่ะบยอนแบคฮยอน แค่นี้ถึงกับกลัวขึ้นสมองเลยหรือไงหื้ม?’

    ไม่เอาน่าชานยอล นายก็รู้ว่าแบคฮยอนเป็นยังไง

    แน่นอน ผมรู้ว่าบยอนแบคฮยอนเป็นคนปอดแหกและกลัวตายมากแค่ไหน...

     

     

    เขาแทบลืมไปแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้แสนดีอย่างที่คิดเอาไว้...

     

     

     

     

    เหนื่อยเลยนะคะ” ปาร์คกาฮียื่นขวดน้ำให้ทุกคนที่เดินกลับมาในสภาพเหงื่อโชก จงอินเทน้ำใส่หัวตัวเองเพื่อดับความร้อนแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกคนข้าง ๆ ฟาดเข้าเต็มแรง

    ตีทำไมเนี่ย?”

    คุณไม่สบายอยู่นะครับ

    ก็มันร้อนนี่หว่า” ร่างหนาพึมพำแล้วทำท่าจะราดหัวตัวเองอีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้นเมื่อเซฮุนเพ่งมองมาที่เขา

    เธอยืนมองชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่เป็นเหมือนกับผู้นำของโรงเรียนในตอนนี้แล้วก็นึกขอบคุณจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงกับสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทให้กับโรงเรียน คิ้วเรียวขมวดมุ่น กาฮีมองหาใครอีกคนที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่พอหันหลังกลับไปก็เห็นอี้ฟานยืนใช้ความคิดอยู่เงียบ ๆ ตามลำพัง

    คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะอี้ฟาน?” ร่างสูงหลุดออกจากความคิดก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้กับคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเขายกเว้นลู่หานที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ส่วนเซฮุนและแบคฮยอนกำลังเล่นกับลูกหมาอยู่ในลานอเนกประสงค์

    ไม่มีอะไรครับ

    คงไม่ได้ถูกกัดหรอกนะ?” จงอินก้ม ๆ เงย ๆ สำรวจร่างกายอีกคน

    ผมแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ

    แต่สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลย แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีอะไรจริง ๆ ?” ปาร์คกาฮีถามด้วยความเป็นห่วง อายุของเธอก็ไม่ใช่น้อย ๆ จากสิ่งที่เห็นมันก็พอทำให้ได้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเป็นกังวลเรื่องอะไรบางอย่างอยู่

    ผมจะพูดยังไงดี

    เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ถ้ามันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวก็เล่ามาเถอะนะคะ” ปาร์คกาฮียิ้มก่อนที่ร่างสูงจะหันไปมองคนอื่น ๆ ที่กำลังยืนรอคำตอบจากเขา

    ผม...” อี้ฟานเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งแล้วหายใจออกมา “ผมคิดว่าเราควรจะหาที่อยู่ใหม่

    ...

    ...

    ...

    ทุกคนอึ้งหลังจากได้ยินอี้ฟานพูด จงอินหันไปส่งซิกเรียกให้ลู่หานกับคนอื่น ๆ เดินมาสมทบเพราะคิดว่าทุกคนควรรับรู้และร่วมออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

    จริงอยู่ว่ายังมีข้าวโพดให้เก็บอีกเยอะ แต่อาหารกระป๋อง หรืออาหารอย่างอื่นที่พอจะทานได้มันก็หายากเข้าไปทุกทีแล้ว

    มันก็ถูกของคุณ แต่ของพวกนั้นก็ทำให้เราอยู่ไปได้อีกนานเลยไม่ใช่เหรอ?” เทาแย้งขึ้นมา แน่นอนว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะหนีไปจากที่นี่

    ข้าวโพด กล้วย ปลาในบ่อน้ำจะทำให้เราอยู่ไปได้อีกสักพักหนึ่ง แต่คุณอย่าลืมว่าในเมื่อละแวกนี้ไม่มีเสบียงหลงเหลือให้เก็บแล้วเราก็ต้องออกไปไกลยิ่งกว่าเดิมนั่นก็หมายความว่าเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงตายต้องเพิ่มมากขึ้น ไหนจะเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้อีก ผมขึ้นไปดูมาแล้ว แทงค์น้ำบนดาดฟ้าหอหญิงไม่ได้มีน้ำเหลือให้ใช้เต็มถังหรอกนะครับ

    ...

    ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เราก็ต้องย้ายกันไปเรื่อย ๆ แบบนี้อยู่ดี” ทุกคนต่างเงียบเมื่อได้ยินข่าวร้ายจากปากอี้ฟาน ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนว่าปัญหามันจะมีมากมายขนาดนี้ ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าถ้าหากเคลียร์ตัวกินคนจากหอหญิงออกได้พวกเขาก็คงสบายไปอีกพักใหญ่

    ผมแค่พูดไปถึงอนาคตซึ่งเรามองข้ามมันไปไม่ได้ พวกคุณเข้าใจสิ่งที่ผมอยากจะสื่อหรือเปล่า?” อี้ฟานพยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจแต่ก็มีแค่บางคนที่พยักหน้ารับ

    อี้ฟานพูดถูกนะ ทุกวันนี้ปัญหาหลัก ๆ คือเรื่องกิน เราไม่สามารถปักหลักอยู่ที่ไหนสักแห่งไปได้ตลอดชีวิตหรอก” จงอินเสริม

    หมายความว่าเราจะต้องย้ายไปจากที่นี่เหรอครับ?” แบคฮยอนถาม

    ยังไม่ใช่ตอนนี้” พูดจบอี้ฟานก็หันไปมองหน้าปาร์คกาฮีกับเทาที่ดูเหมือนจะเป็นกังวลกับเรื่องที่ได้รับรู้มากที่สุด

    คุณดูสิ ตัวกินคนทยอยกันมาเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าเราจะจัดการมันไปแล้วก็ตาม” ร่างสูงมองไปยังประตูหลังโรงเรียน พวกผีดิบสี่ห้าตัวกำลังเขย่าประตูหวังจะพังเข้ามา “ถ้าพวกมันมาเยอะกว่านี้ประตูคงพังแน่

    ถ้าพวกมันมา เราก็แค่ฆ่ามันเหมือนกับที่เคยทำก็ได้นี่ ไม่เห็นจะยากอะไร” สีหน้าของเทานิ่งเฉย เขารู้สึกไม่พอใจกับเรื่องที่อี้ฟานหยิบยกขึ้นมาพูด

    พวกมันมาจากไหนกัน?” เซฮุนขมวดคิ้วสงสัย

    มันมาตามเสียงรถของเรา” ชานยอลพูดหลังจากที่เงียบมานาน “ทุกครั้งที่รถขับเข้ามานั่นคือการยื่นบัตรเชิญให้พวกมันตามมาที่นี่ ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ทีละนิดจนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

    ทุกคนเงียบแล้วนึกไปถึงพวกตัวกินคนที่อยู่รวมกันเป็นจุด โดยเฉพาะคนที่ออกไปหาเสบียงเป็นประจำอย่างจงอิน เขานึกภาพเหล่านั้นออกได้ง่าย ๆ เพราะเป็นอย่างที่ชานยอลพูดจริง ๆ

    คุณว่ายังไง?” จงอินหันไปถามความคิดเห็นจากหญิงสาวที่ยืนครุ่นคิดอยู่ข้าง ๆ ปาร์คกาฮีเงยหน้าขึ้นก่อนจะหลุบสายตาลง

    เรื่องนี้ฉันคงติดสินใจเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันคงต้องเรียกประชุมเพื่อถามความเห็นของนักเรียนทุกคนก่อน

    ได้ ถ้าคุณพร้อมที่จะย้ายออกเมื่อไหร่เราจะได้ออกไปหารถมาเพิ่ม” กาฮีพยักหน้าหลังจากที่จงอินพูดจบ

    งั้นฉันขอตัวนะคะ ไปกันเถอะเทา” ปาร์คกาฮีหันไปเรียกอีกคนให้เดินตามไปด้วยกันซึ่งเด็กตัวสูงก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย ทุกคนยืนมองทั้งคู่เดินไปด้วยกันจนลับสายตา

    ฉันว่าเจ๊แกคงไม่โอเคสักเท่าไหร่” จงอินกระดกน้ำที่เหลือรวดเดียวจนหมดขวด

    ไอ้เด็กเทานั่นก็ด้วย” ลู่หานเสริม

    คงต้องให้เวลาพวกเขาตัดสินใจหน่อย จะให้ตัดสินใจปุปปับตอนนี้ก็คงไม่ได้” อี้ฟานยังคงมองไปยังทางเข้าหอพักชายที่ทั้งสองคนเดินหายเข้าไปเมื่อครู่นี้

    แล้วถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับเราล่ะ?” ทุกคนหันไปมองเซฮุนที่ยิงคำถามนี้ขึ้นมา

    นั่นสิ

    ถ้าพวกเขาไม่ย้าย เราจะอยู่ต่อหรือว่าย้ายออกไป?”

    ...

    ไม่มีใครตอบคำถามนี้ ทุกคนต่างเงียบแล้วครุ่นคิดกับคำถามที่ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะมีคำตอบในใจอยู่แล้วแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาและหนึ่งในนั้นคือลู่หาน...

     

     

    เขา...ยังไม่พร้อมที่จะออกไปจากโรงเรียนทั้งที่ยังรู้สึกแบบนี้...

     

     

     

     

     

    แอ๊ด...

    เสียงประตูเปิดออกเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มที่ยืนประกอบปืนอยู่ตรงริมรั้วดาดฟ้าท่ามกลางสายลมยามเย็นที่พัดผ่าน มินซอกมองไปยังผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอึดอัด และคงไม่ต้องถามก็พอจะรู้ว่าเพราะอะไร

    อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ” คำพูดประโยคแรกหลุดออกมาจากปากลู่หาน มินซอกก้มหน้าประกอบปืนต่อไปราวกับว่าเสียงของอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่ลมที่พัดผ่านมาเท่านั้น

    พอไม่ได้ยินคนตัวเล็กปริปากเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ลู่หานเม้มริมฝีปากพลางชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่กำลังตั้งอกตั้งใจประกอบปืนพกที่ชานยอลให้ ที่ไม่ยอมพูดกับเขาแบบนี้ก็เพราะว่าโกรธเรื่องเมื่อเช้าสินะ...ไม่สิ...หรืออาจจะโกรธตั้งแต่เรื่องเมื่อคืนก็ได้

    พี่จะไม่ถามว่ามินซอกโกรธพี่เหรอ แต่พี่มาที่นี่เพื่อมาแก้ตัว

    ...” มินซอกเงยหน้าขึ้นพลางทอดสายตาไปข้างหน้า ทิ้งช่วงเวลาน่าอึดอัดไว้แค่ครึ่งนาทีก่อนจะหันมาสบตากับคนข้าง ๆ ที่กำลังมองเขาด้วยแววตาจริงจัง “แก้ตัว?”

    เรื่องเมื่อเช้าน่ะ มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกนะ” ก็ไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเองหรอก แต่ที่มินซอกเป็นแบบนี้ก็เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขา...

     

     

     

    คิดว่า...

     

     

    แม่งเอ๊ย!

     

     

    คุณรู้เหรอว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่” แววตาและสีหน้าของคนตัวเล็กช่างเย็นชาจนเขาพูดไม่ออก

    ...

    ที่บอกว่าผมเข้าใจผิดน่ะ เรื่องอะไรเหรอ?” คนตัวเล็กถามต่อแต่ลู่หานกลับตอบไม่ได้ เพราะสิ่งที่เขาบอกว่าเข้าใจผิด...มันก็มีสิ่งที่มินซอกเข้าใจถูกอยู่เหมือนกัน

    พี่จะบอกว่า...ไม่สิ...” มินซอกได้แค่มองลู่หานที่กำลังพยายามเรียบเรียงคำพูดดี ๆ เพื่ออธิบายให้เขาฟัง เด็กหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวางปืนประกอบลง

    อย่าทำเหมือนรู้สึกผิดอะไรขนาดนั้นเลย

    ...

    ผมไม่ได้กำลังจะตาย ไม่ต้องทำเหมือนเห็นใจหรือเวทนาผมซะขนาดนั้น

    ...

    ผมไม่ใช่ผู้หญิง ผมไม่ต้องกังวลว่าจะท้องหรือเปล่าถ้าเกิดมีอะไรกับใครสักคน” ทุกประโยคที่มินซอกพูดกำลังทิ่มแทงอกข้างซ้ายของลู่หานอย่างต่อเนื่อง ร่างโปร่งมองคนข้าง ๆ ที่กำลังหันมาสบตากับเขาอีกครั้งด้วยแววตาเฉยชา

    ที่คุณขึ้นมาหาแบคฮยอนบนนี้หลังจากนอนกับผมมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด และถ้าจะมีคนผิดมันก็ไม่ใช่คุณ

    มินซอก มันไม่...

    คุณไม่ต้องคิดมากหรอก” มินซอกหัวเราะเบา ๆ

    ...

    หลังจากที่นอนกับคุณ ผมถึงได้รู้ว่าการมีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันนี่มันแย่กว่าที่คิดเอาไว้เยอะ” มินซอกส่ายหน้าแล้วหันไปอีกทาง “และอีกอย่างที่ทำให้ผมรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา...” คนตัวเล็กเงียบไปชั่วอึดใจและปล่อยให้เสียงสายลมพัดผ่าน ลู่หานได้เพียงแค่ยืนนิ่งแล้วฟังคำพูดราวกับเข็มพันเล่มทิ่มมาบนตัวเขาซ้ำๆ

    ผมไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น

    ...

    คำพูดของมินซอกมันทำให้เขาพูดไม่ออก จะบอกว่าเหมือนกับถูกตบหน้าก็คงเปรียบได้มากกว่านั้น ลู่หานยังคงจ้องคนตัวเล็กที่เบือนหน้าหลบไปทางอื่นราวกับว่าไม่อยากหันมาสบตากับเขาอีก

    ที่มินซอกพูดทุกคำ...ทุกประโยค...มันทำให้เขารู้สึกแย่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

    ที่ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าผมชอบคุณ มันอาจเป็นเพราะความเหงา ผมคิดว่าการชอบเพศเดียวกันมันคงไม่ผิดเพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึก ไหนคุณจะมาแกล้งให้ผมใจเต้น ออกไปเสี่ยงตายแล้วไม่กลับมาแต่ดันมีแว่นมาเป็นของฝากทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าในช่วงเวลาที่ผมกำลังสับสน มันก็คงไม่แปลกที่ผมจะคิดแบบนั้น

    ...

    ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” มินซอกหันไปยิ้มให้คนที่ดูเหมือนว่ายังคงอึ้งกับสิ่งที่เขาพูด “คนที่ต้องเฟลมันคือผมนะ ผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ เจ็บจะตายไป” มินซอกพูดกลั้วหัวเราะ

    มินซอกหยุด...

    เลิกทำเหมือนว่ารู้สึกผิดต่อผมสักทีเถอะน่า มันก็ครั้งแรกของเราทั้งคู่ ผมไม่ตายเพราะเรื่องแค่นี้หรอก

    มินซอกพี่บอกให้หยุด

    ต่อไปนี้ก็พยายามหน่อยล่ะ คู่แข่งของคุณไม่ธรรมดานะ ทั้งหล่อ สูง ดูดี สุภาพซะขนาดนั้น จะเอาชนะใจเด็กอย่างหมอนั่นได้ก็ต้อง...

    พี่บอกให้หยุดไง!”

    ...

    ลู่หานรั้งตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดเพื่อให้คนตัวเล็กหยุดพูดทำร้ายจิตใจเขาสักที เขาทนฟังมันต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ได้ยินมันเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยโกหกคือความรู้สึกของเขาที่มีต่อมินซอกว่ามันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น

     

     

    ถึงความรู้สึกของเขามันจะมีแต่ความเห็นแก่ตัวก็ตามที...

     

     

    ขนลุกชะมัด ถอยออกไปห่าง ๆ ได้ไหม” คนตัวเล็กพยายามยื้อตัวออกมาแต่ลู่หานกลับกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น

    เด็กหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวและคิดว่าอีกไม่นานน้ำใส ๆ มันคงไหลออกมาหากว่าลู่หานยังไม่คลายอ้อมกอดออกภายในตอนนี้...

    ได้โปรด...ช่วยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วแกล้งทำเป็นหัวเราะหรือพูดจากวนประสาทเหมือนเดิมทีได้ไหม? เขาจะได้ยิ้มและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกัน

    เพราะแบบนั้นมันคงดีทั้งกับตัวเขาและก็ลู่หานด้วย...

    ผมมันเพี้ยนเองแหละที่คิดว่าตัวเองมีความรักทั้งที่โลกกำลังจะแตกอยู่รอมร่อ

    ...

    แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะกินจะอยู่ยังไงก็น่าจะพอแล้ว...คุณว่าไหม?” ประโยคหลังแผ่วลงเพราะความอ่อนแอเข้ามาแทนที่ ยิ่งได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของลู่หานเขาก็รู้สึกเหมือนจะตายขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น

     

     

    ตาย...ทั้งที่ยังหายใจอยู่...

     

     

    ปล่อยผมเถอะ

    ...

    แค่นึกถึงตอนที่ถูกคุณกอดเมื่อคืน...ผมก็ขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว

     

     

     

     

     

     

    ในห้องนั่งเล่นที่ใช้สำหรับประชุม นักเรียนทุกคนมองไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาแล้วหันไปซุบซิบกัน

    พวกเราคุยกันเรียบร้อยแล้วค่ะ และผลลัพท์ที่ออกมาคือพวกเราจะอยู่ที่นี่

    อ่า...

    อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วนี่ครับ เรื่องอะไรเราจะออกไปเสี่ยงตายข้างนอกนั่น” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา ทุกคนเงียบ ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นออกมาอีก พวกเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าผลลัพท์จะออกมาแบบนี้

    พวกคุณจะออกไปจริง ๆ เหรอคะ?” กาฮีดูเป็นกังวลกับเรื่องนี้มากสังเกตได้จากสีหน้าของเธอที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    ถึงแม้ว่าระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันจะไม่นานเท่ากับนักเรียนคนอื่น ๆ แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขาได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว ทุกคนที่เหมือนกับครอบครัว พี่น้องที่คอยดูแลกันในช่วงเวลาลำบากแบบนี้

    พวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายออกไป” อี้ฟานสีหน้าเคร่งเครียด เขาดูลำบากใจกับการที่ต้องพูดเรื่องนี้หลังจากตกลงกับคนในกลุ่มแล้ว “ตอนแรกผมคุยกันไว้ว่า ถ้าทุกคนตกลงย้ายออกไปด้วยกันเราจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาเสบียงไม่ได้

    ...

    แต่ถ้าพวกคุณเลือกที่จะอยู่ เราก็ขอย้ายออกไปตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า

    ว่าไงนะ?”

    จะย้ายออกเหรอ?”

    เสียงโวยวายของนักเรียนดังเซ็งแซ่หลังจากที่จงอินพูดและมีแค่ปาร์คกาฮีกับเทาเท่านั้นที่ยังคงนิ่งอยู่

    ถ้าพวกคุณย้ายออกไปแล้วเราจะอยู่กันยังไง?”

    ใช่ พวกคุณจะทิ้งเราไปเหรอ?”

    ...

    ฉันไม่ได้อยากทิ้งหรอกนะ แต่อย่างที่บอกว่าเราอยู่กันที่นี่ไปตลอดไม่ได้ ถ้าเสบียงหมดแล้วจะทำยังไง นั่งรถข้ามไปต่างจังหวัดเพื่อขนเสบียงกลับมาเหรอ?”

    แต่ที่นี่คือบ้านของพวกเรา ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเท่าที่โรงเรียนอีกแล้ว ข้างนอกมีแต่พวกมันเต็มไปหมด ผมไม่อยากเห็นใครตายอีก ผมกลัวครับ!”

    มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”

    ไหนคุณบอกว่าเจอขุมทรัพย์ไร่ข้าวโพดแล้วไง? ถ้ามีของกินเยอะขนาดนั้นเรายังต้องกลัวอะไรอีกครับ?”

    แล้วถ้าวันหนึ่งมันหมดล่ะ?” ทุกคนเงียบทันทีหลังจากที่จงอินพูดจบ ร่างหนาถอนหายใจแล้วกวาดสายตามองนักเรียนทุกคนที่กำลังนั่งมองเขาราวกับขอความเห็นใจ

    นึกไปถึงอนาคตบ้างสิ ไม่ใช่คิดแค่จะเอาตัวรอดไปวัน ๆ ตอนนี้ทางออกที่ดีที่สุดมีอยู่สองทางคือหนึ่ง...ย้ายออกไปจากที่นี่กันให้หมดหลังจากเสบียงร่อยหรอจนหามาเพิ่มไม่ได้อีกกับสอง...พวกฉันย้ายออกเพื่อที่จะได้ตัดอาหารส่วนของพวกฉันไป นายทุกคนจะได้อยู่ที่นี่กันนานขึ้น

    ...

    มีใครอยากไปด้วยหรือเปล่า?”

    ...

    เด็ก ๆ ทุกคนหันไปมองหน้ากันเพื่อขอความคิดเห็นจากเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ใจหนึ่งก็กลัวอดตายหากว่าจะต้องทนอยู่ที่นี่ไปเรื่อย ๆ แต่อีกใจก็กลัวตายเพราะถูกกัดถ้าต้องออกไปเสี่ยงข้างนอก

    พวกคุณจะย้ายออกไปเมื่อไหร่คะ” กาฮีหันมามองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “...มันเร็วเกินไป ฉันคิดว่าเด็ก ๆ คงยังไม่ทันได้ตั้งตัวถ้าเกิดพวกคุณจะย้ายออก” เธอยิ้มบาง ๆ

    ถ้าพวกคุณเลือกที่จะอยู่ต่อจริง ๆ ผมจะออกไปหาเสบียงมาตุนไว้ให้ก่อนจะย้ายออกไป” อี้ฟานพูด

    ...

    ความเงียบเข้าครอบคลุม ทุกคนต่างพูดไม่ออกหลังจากที่ทุกอย่างถูกตัดสินแล้ว เด็ก ๆ ได้แต่ทำหน้าหงอยเผื่อว่าผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะคิดใหม่แล้วเปลี่ยนใจ...

    นั่นคือสิ่งที่ผมจะทำให้พวกคุณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแยกจากกัน

     

     

     

     

     

    สามวันต่อมา...

    กึง!

    กระเป๋าเป้อย่างดีถูกโยนขึ้นไปบนท้ายกระบะ ทุกคนแต่งกายเตรียมพร้อมสำหรับการออกไปหาเสบียง ครั้งสุดท้าย’ ก่อนที่จะย้ายออกไปจากโรงเรียน ไม่มีใครตั้งตัวทันสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้

    จงอิน อี้ฟาน ชานยอล ลู่หาน เซฮุน เทา และปาร์คกาฮีที่จะออกไปหาเสบียงใน โรงงานผลิตอาหารกระป๋อง ที่จงอินเพิ่งนึกขึ้นได้ก่อนนอนว่าควรจะไปสำรวจที่นั่นดูสักครั้งหลังจากขับผ่านมาเฉย ๆ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในชุงช็องใต้

    ใช้เวลาขับรถพอสมควรจนมาถึงเป้าหมาย ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นเลยสักประโยคเดียวเพราะทุกคนยังคงรู้สึกคว้างกับการลาจากที่ใกล้เข้ามาถึงเร็ว ๆ นี้...

     

     

    ปัง!

    เสียงประตูรถปิดลงหลังจากที่ทุกคนก้าวขาออกมา ใบหน้าคมเงยขึ้นมองตามความสูงของโรงงานก่อนจะลดระดับสายตาลง ข้างหน้ามีตัวกินคนยืนอยู่เป็นจุด ๆ ที่สามารถกำจัดได้อย่างไม่ยากนัก จงอินส่งซิกบอกให้แยกกันไปจัดการกับพวกมันทีละตัวอย่างเงียบเชียบที่สุด แน่นอนว่าพวกเขาควรจะระวังในทุกฝีก้าวเพราะไม่รู้ว่ามีตัวอะไรหลบอยู่แถวนี้บ้าง

     

     

    ฉึ่ก!!

    คมมีดปักเข้าที่กลางหัวของผีดิบที่อยู่ในชุดคนงานโดยฝีมือของหญิงสาวเพียงคนเดียวที่มาด้วย ใบหน้าเรียวหันไปตามเสียงอะไรบางอย่างที่กลิ้งไปตามพื้นซึ่งนั่นก็คือหัวของตัวกินคนที่ถูกตัดขาดด้วยมีดดาบของลู่หาน

    ทุกคนเดินตามหลังกันมาติด ๆ ไม่มีใครเดินทิ้งห่างมากจนเกินไป อี้ฟานยืนระวังซ้าย ชานยอลระวังขวา เทาระวังหลัง เซฮุนกับกาฮีอยู่ตรงกลางส่วนจงอินกับลู่หานยืนขนาบข้างประตูทางเข้าคนละฝั่ง

    นับสามนะ” ทั้งคู่มองหน้าอย่างรู้กัน

    เออ

     

    แอ๊ดดดด...

     

    ลู่หานเลื่อนประตูเหล็กสนิมเกรอะกรังออกอย่างช้า ๆ แต่ถึงอย่างนั้นล้อเลื่อนก็ยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดให้ได้หวั่นใจอยู่ดี ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ถอยหลังออกไปเล็กน้อยพร้อมกับยืนตั้งท่าเล็งปืนไปข้างหน้า

    ประตูเปิดออกแค่หนึ่งช่วงแขนพอให้ทุกคนเดินเข้าออกได้ ร่างหนามองเข้าไปข้างในโกดังที่เงียบสงบก่อนที่รองเท้าบูทหนังสีดำค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ นัยน์ตาคมกลอกมองไปรอบข้างอย่างใจเย็น

    กลิ่นเหม็นอับและความเงียบกดดันจนระแวงไปกับทุกย่างก้าว ข้างหน้ามีลังกระดาษที่วางทับกันอยู่หลายชั้น มีบางส่วนที่กองเละเทะกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ข้าง ๆ มีรถยกของอยู่สามคันพร้อมกับลังกระดาษสีครีมที่ไม่มีป้ายบอกยี่ห้อที่กองขึ้นสูงขนาดคนหกคนยืนต่อตัวกัน พอหันไปทางซ้ายก็พบกับทางเดินชั้นลอยที่ทำด้วยเหล็กมันเชื่อมต่อกันไปจนถึงห้องควบคุมที่อยู่ข้างบนด้านในสุด

    กูเอง

    ลู่หานอาสาเดินเข้าไปสำรวจทางด้านขวามือ จงอินพยักหน้าบอกให้เทาเดินตามไปส่วนเขากับเซฮุนก็แยกไปสำรวจทางซ้าย ร่างหนาหยุดเดินพร้อมกับยกมือห้ามคนข้างหลังเมื่อภาพตรงหน้าคือผีดิบในชุดคนงานกลุ่มหนึ่งกำลังรุมกินศพอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่สนใจการมาของพวกเขา

    เอาไงดีครับ ถ้าเข้าไปแทงหัวพวกมันด้วยมีดคงไม่ไหวแน่” เซฮุนว่า

    ใช้ปืนยิง สองตัวสุดท้ายค่อยเอามีดเก็บ

    ครับ” เซฮุนพยักหน้าแล้วเล็งปืนไปยังผีดิบกลุ่มนั้น ร่างของตัวกินคนฟุบหน้าลงไปกับอาหารชั้นยอดทันทีที่กระสุนเจาะเข้ากลางศีรษะ

    พอเหลือสองตัวสุดท้ายจงอินก็ดึงมีดออกมาจากสนับขาก่อนจะโยนมันขึ้นบนอากาศแล้วกำด้ามมีดเอาไว้ ปลายมีดแหลมแทงเข้ากลางหัวคนงานชายอย่างแรง จงอินเงยหน้าขึ้นมองเซฮุนที่เพิ่งจัดการตัวกินคนตัวสุดท้ายแล้วหันหลังไปกระดิกนิ้วเรียกคนอื่น ๆ ให้เดินตามมา

    "โซนนี้น่าจะเป็นผลไม้กระป๋อง...ลู่หานทางนั้นคืออะไรวะ?”

    ผักดองว่ะ

    ที่นี่ยังมีอาหารกระป๋องเหลืออยู่พอสมควร ผมว่าเราขนกลับไปกักตุนไว้ได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะเราไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะมีใครมาเจอที่นี่อีกหรือเปล่า” อี้ฟานพูด

    งั้นก็รีบขนลังที่อยู่ใกล้ประตูออกไปก่อน ชานยอลทางนั้นคืออะไร?” จงอินถามหลังจากเห็นร่างสูงใช้มีดพกกรีดเทปกาวออกจากลังกระดาษ มือแกร่งเอากระป๋องขนาดเหมาะมือขึ้นมาหมุนดูวันหมดอายุแล้วก็เงยหน้าขึ้นตอบ

    ปลากระป๋อง

    ถือว่าเป็นข่าวดี

    เริ่มเก็บปลากระป๋องกันก่อนแล้วกัน” ทุกคนพยักหน้าแล้วเดินถอยกลับไป เซฮุนหยุดเดินแล้วหันไปมองร่างหนาที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ สุดท้ายเขาก็เดินกลับไปช่วยคนอื่น ๆ ขนของกลับไปที่รถ

     

     

     

     

     

    เก็บของหวานไปบ้างก็ดีนะ พวกผลไม้กระป๋องน่ะ” ลู่หานชี้ไปยังทางด้านซ้ายมือและคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย ก็รู้ว่ามันคงไม่สำคัญเท่ากับปลากระป๋องโง่ ๆ ที่นับว่าเป็นอาหารชั้นเลิศในทุกวันนี้แต่เขาก็แค่อยากให้เด็ก ๆ ได้กินของหวานกันบ้างหลังจากที่โลกเปลี่ยนไปแล้ว

     

    แน่นอนว่าเขาก็อยากให้มินซอกได้กินของดี ๆ บ้าง...

     

    เซฮุนมองไปยังอีกคนที่เดินเข้าไปลึกกว่าคนอื่น ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นจงอินมีท่าทีแปลก ๆ

    มีอะไรเหรอครับจงอิน?”

    ตรงนี้มีประตู ช่วยฉันหน่อย” จงอินขอแรงร่างบางให้มาช่วยเข็นรถยกของให้พ้นทาง ขายาวถอยหลังออกมาสามก้าวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองระดับความสูงของประตู

    มันเป็นทางเข้าอีกทางหรือเปล่านะ...

    หรืออาจจะเป็นทางเชื่อมไปโกดังที่สอง

    คุณจะเข้าไปดูข้างในเหรอครับ?”

     

    หยุดนะ!!!”

     

    ยังไม่ทันได้พิสูจน์ว่าฝั่งตรงข้ามคืออะไรทั้งคู่ก็ต้องหันไปมองชั้นลอยที่มีใครคนหนึ่งเล็งปืนมาที่เขา จงอินดันเซฮุนให้มายืนหลบข้างหลังก่อนจะเล็งปืนไปยังคนแปลกหน้าเช่นกัน

    พวกแกเป็นใคร!!” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคนงานสีเทาเล็งปืนมาที่เขาสลับกับอี้ฟานที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาทางด้านใน ร่างสูงยกมือขึ้นเหนือศีรษะเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ได้คิดที่จะต่อสู้กับใคร

    ลดปืนลงเถอะครับเราไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร...จงอิน ลดปืนลง” ประโยคสุดท้ายเบาลงเล็กน้อย จงอินถอนหายใจแล้วเก็บปืนเข้ากับสายสะพาย

    ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรวะ!! พวกแกเข้ามาในที่ของฉัน ขโมยของ ๆ ฉัน...แถมยังจะปล่อยให้ พวกมัน’ ออกมาอีก” ชายวัยกลางคนค่อย ๆ ปีนบันไดลงมาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่หน้าประตู

    ข้างในนั่น?”

    เอาของ ๆ ที่พวกแกขนออกไปมาคืนฉันให้หมดแล้วรีบไสหัวออกไปซะ” ไม่พูดอย่างเดียว ชายวัยกลางคนทำท่าปลดเซฟตี้พร้อมกับเล็งมาที่หน้าจงอินอีกครั้ง “อย่ามาทำหน้าอวดดีใส่ฉันนะไอ้เด็กเมื่อวานซืน” น้ำเสียงแหบพร่าที่มาพร้อมกลับกลิ่นเหม็นจากคนตรงหน้าบ่งบอกได้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รับการทำความสะอาดทางร่างกายมานานพอสมควร

    แกอยู่ที่นี่มาตลอดเลยเหรอ?” จงอินถามก่อนจะกลอกตาไปรอบ ๆ โกดัง ถึงไอ้หอกนี่จะเล็งปืนมาที่เขาแต่คนปากดีอย่างมันก็ทำได้แค่ขู่เท่านั้นแหละ...สังเกตได้จากมือของมันที่กำลังสั่นอยู่น่ะนะ

    แกจะรู้ไปทำไม!”

    ก็แค่ถาม แกอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ มีคนอื่นอีกไหม?”

    ที่นี่มีแค่ฉัน...กับ” ชายวัยกลางคนเม้มปากก่อนจะมองผ่านไปข้างหลังเซฮุนที่มีซากศพคนงานที่เพิ่งถูกพวกเขาจัดการไปเมื่อครู่

    นั่นเพื่อนแกเหรอ?”

    หยุดถามอะไรโง่ ๆ สักทีเถอะ

    แกฆ่าพวกเขาหรือไง?”

    จงอิน...อย่า” อี้ฟานห้าม

    ฉันไม่ได้ฆ่า ทั้งที่เรามีอาหาร มีน้ำดื่มจากก๊อก ก็แค่ออกไปเจอโลกภายนอกไม่ได้แต่พวกมันเลือกที่จะจบชีวิตกันแบบนั้นเอง” พอได้ยินเรื่องเล่าจากปากอีกฝ่ายร่างหนาก็พยักหน้าเข้าใจ

    แล้วข้างในนั้นมีอะไร” จงอินถามเสียงเรียบทำให้คนได้ฟังเกิดอารมณ์โทสะมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ชายวัยกลางคนกัดฟันกรอด เขาเริ่มจะหมดความอดทนกับคนพวกนี้ที่เข้ามาในถิ่นของเขาแถมยังไล่ต้อนให้จนมุมด้วยคำถามบ้า ๆ นั่นอีก

    พวกกินคน?”

    ...

    หรือว่ามีของดี ๆ อยู่ในนั้นแต่แกทำหวง?” จงอินยังคงพูดจายั่วโมโหไม่สิ้นสุดแม้ว่าอีกฝ่ายจะเล็งปืนมาตรงหน้าเขา เซฮุนปรามอีกคนด้วยการบีบแขนแกร่งเบา ๆ แต่ร่างหนากลับไม่ยอมหยุด

     

     

    กึง กึง!!

     

     

    ทั้งสี่คนหันไปมองประตูบานใหญ่ที่ถูกเขย่าจากฝั่งตรงข้าม ใบหน้าจองหองของชายกลางคนลดลงจนซีดเผือด คงมีแค่คนเดียวในนี้ที่รู้ดีว่ามีตัวบ้าอะไรอยู่ในนั้น...เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอก่อนจะหันกลับไปเล็งปืนใส่จงอินอีกครั้ง

    แกรีบไปเข็นรถยกของกลับมาขวางทางเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้...ส่วนแกอย่าขยับ

    ...

    เร็วสิวะ!!!”

    มือแกร่งเล็งปืนมาที่เซฮุนแทนเมื่อจงอินไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ร่างหนากลอกตามองไปทางด้านข้าง ทางลู่หานคงกำลังยกของกลับไปที่รถ นี่เขาก็ถ่วงเวลามาพอสมควรแล้ว หวังว่าพวกนั้นจะกลับมาทันแล้วจัดการกับไอ้โสโครกนี่ซะ

    มึงยืนอยู่เฉย ๆ !!!” จากเซฮุนเปลี่ยนมาเล็งที่อี้ฟานแทนเมื่อขายาวก้าวมาข้างหน้า ร่างสูงยังคงยกมือขึ้นอยู่ระดับศีรษะ เขาเดินถอยหลังกลับไปเมื่อชายวัยกลางคนยังไม่ยอมลดปืนลง

     

     

    กึง กึง กึง!!!

     

     

    เร็วเข้าสิ!! พวกแม่งจะพังเข้ามาอยู่แล้ว!!”

    เจ้าถิ่นดูร้อนรนผิดกับพวกเขาทั้งสามคนที่ยังคงอยู่ในความสงบ อาจเป็นเพราะชายคนนี้รู้ดีว่ามีตัวอะไรอยู่หลังประตูนั้น หรืออาจเป็นเพราะมีนิสัยแบบนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จงอินออกแรงดันรถยกของสุดแรงแต่ลำพังแค่เขาคนเดียวมันคงเป็นไปได้ยากที่จะเร็จภายในเสี้ยววินาที

     

     

    ปัง!!!!

     

     

    ฮืออออ......

     

     

    แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อประตูถูกพังเข้ามาขณะที่รถยกของขวางทางได้เพียงแค่ประตูฝั่งซ้ายเท่านั้น จงอินผงะถอยหลังไปสามก้าวเพราะแรงดันจากประตูก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเหล่าตัวกินคนนับสิบกรูออกมาด้วยความเร็วพร้อมกับโผเข้าใส่ชายวัยกลางคนที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

     

     

    ปัง  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ !!!

     

     

    เสียงปืนในมือชายกลางคนลั่นขึ้นเมื่อร่างของเขาถูกรุมกัดจนล้มลงไปกับพื้น และแน่นอนว่าเสียงปืนเป็นฉนวนเรียกให้ตัวกินคนอีกมากมายแห่กันมาที่นี่...ผีดิบจำนวนหนึ่งไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่หลงเหลืออยู่ในนี้เมื่อพวกมันกำลังเพลิดเพลินกับอาหารมื้อเที่ยงที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

    จงอิน เซฮุน วิ่ง!!!” อี้ฟานตะโกนบอกพร้อมกับชักปืนขึ้นมายิงตัวกินคนที่พุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วสูง เซฮุนเดินถอยหลังพร้อมกับยิงช่วยจงอินกับอี้ฟานที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุด

    อี้ฟาน ข้างหลัง!!” ลู่หานตะโกนบอกก่อนจะหยุดวิ่งแล้วยิงเข้ากลางหัวตัวกินคนที่กำลังจะพุ่งเข้าหาอี้ฟาน

    “!!!”

    ร่างสูงล้มลงไปกับพื้นหลังจากถูกตัวกินคนอีกตัวกระโจนใส่จนปืนของเขากระเด็นไปทางด้านข้าง มือแกร่งพยายามดันร่างของตัวประหลาดออกก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อกระสุนเจาะเข้าที่กลางหัวมัน

    อี้ฟานหอบหายใจพลางเงยหน้าขึ้นมองมือใครอีกคนยื่นลงมา เขาลุกขึ้นยืนโดยได้รับการช่วยเหลือจากชานยอลที่เพิ่งมาถึง

    พวกมันมาจากไหนวะ!” เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ ลู่หานยังคงยิงไปยังเป้าหมายที่แห่กันออกมาเป็นฝูง

    เกิดอะไรขึ้น!!”

    ครูครับ ออกไปรอข้างนอก อย่าเข้ามาในนี้!” เทาตะโกนบอกหญิงสาวที่เขากำชับนักหนาว่าให้ยืนรออยู่ที่หน้าประตู

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!” ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นเมื่อมวยผมของเธอถูกดึงจากตัวกินคนที่ติดอยู่ในร่างข้างหลัง

    ครูครับ!!” เทาเบิกตากว้าง กาฮียังคงยื้อดึงผมเอาไว้ แรงดึงจากตัวกินคนมันทำให้ผมของเธอแทบหลุดออกมาจากหนังหัวเสียเดี๋ยวนั้น

     

    เทารีบไปประคองครูสาวที่ล้มลงไปกับพื้นให้ลุกขึ้นนั่งหลังจากที่ลู่หานตัดแขนตัวกินคนจนขาดออกจากกัน เขาสำรวจร่างกายของคนตรงหน้าก่อนที่จะประคองให้ร่างเพรียวลุกขึ้นหลังจากที่เธอส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ลู่หานเก็บมีดดาบไว้กับปลอกที่เหน็บไว้ข้างหลังก่อนจะชักปืนออกมายิงอีกครั้ง

    กระสุนหมดว่ะ!” ร่างโปร่งปลดแม็กกาซีนออกพลางหันไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ชานยอลโยนแม็กกาซีนสำรองมาให้และเขาก็รับมันได้พอดี

    รีบวิ่งกลับไปหาอี้ฟานเร็วเข้า!” จงอินหันไปบอกร่างบางก่อนจะถีบตัวกินคนที่เข้ามาในระยะประชิดให้เซถอยหลัง ร่างบางวิ่งกลับไปอย่างทุลักทุเลเมื่อมองไปทางไหนก็เจอแต่พวกกินคนขวางทางอยู่เต็มไปหมด

     

     

    อีกแค่นิดเดียวก็ถึงแล้ว ทุกคนอยู่แค่ไม่อีกกี่ช่วงแขน...แต่...

     

     

    เซฮุนเอี้ยวตัวหันกลับไปหาใครอีกคนที่ควรจะวิ่งตามกลับมาด้วยกันแต่ตอนนี้คน ๆ นั้นกลับถูกเหล่าผีดิบต้อนให้จนมุม นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อพบว่าตอนนี้กระสุนปืนของจงอินหมดแล้ว ร่างหนาเหนี่ยวไกซ้ำ ๆ ก่อนจะซัดหมัดลุ่น ๆ เข้าที่หน้าตัวกินคนที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้

     

     

    ด้านข้างไม่มีทางหนีได้...ให้ตายเถอะตอนนี้เขาเจอทางตันเข้าซะแล้ว

     

     

    จงอิน!!!!”

    แม่งเอ๊ย!” ร่างหนาคว้าท่อนไม้บนพื้นขึ้นมาฟาดหน้าผีดิบจนมันเซถอยไปข้างหลัง แต่ก็แค่ทำให้มันเสียหลักเท่านั้น

    ลู่หาน...ชานยอล!” เซฮุนหันไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยากในเวลาแบบนี้เมื่อทุกคนก็แทบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน

    ความลนลานทำให้สมองตีกันไปหมด ร่างบางถอดแม็กกาซีนออกมาดูแล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามันเหลืออยู่เพียงแค่นัดเดียว ใบหน้าเรียวเงยหน้าขึ้นมองจงอินที่ยังคงอยู่ที่เดิม สภาพแบบนั้นคงยื้อไว้ได้ไม่นานแน่...

    ปลอกเก็บเสียงถูกหมุนออกขณะที่ขาเรียววิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำต่อไปนี้มันได้ผลหรือเปล่า แต่ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างในตอนนี้จงอินต้องตายแน่...

     

     

    ปัง!!!!

     

     

    ...

    ทุกสายตาหันมามองเซฮุนไม่เว้นแม้กระทั่งตัวกินคนที่กำลังจะเข้าไปเอาชีวิตร่างหนา...ควันสีขาวค่อย ๆ ลอยขึ้นหลังจากร่างบางเหนี่ยวไกนัดสุดท้ายออกไปโดยที่ไม่มีปลอกเก็บเสียง

    ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือดอ้ากว้างตามมาด้วยเสียงโหยหวน ดวงตาสีเทาทุกคู่เปลี่ยนเป้าหมายมาที่เซฮุนที่ยืนอยู่ตรงกลางโกดังก่อนที่พวกมันจะวิ่งเข้าหาเขาแทน

    เซฮุน!!!”

    ร่างบางเลิกลั่ก หันซ้าย หันขวาเพื่อหาทางหนี ตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่จงอินที่ตกใจกับการกระทำของเซฮุน พวกเขาทุกคนต่างก็ตกใจไม่แพ้กันแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เพราะแต่ละคนก็แทบจะรับมือไม่ไหวเพราะกระสุนปืนหมดจนต้องชักมีดขึ้นมาสู้

    บ้าเอ๊ย!” ร่างหนาสบถอย่างหัวเสียก่อนจะหันหลังเหยียบกล่องลังกระดาษเพื่อปีนขึ้นไปบนชั้นลอยที่เชื่อมต่อกันเป็นทางยาว

    วิ่งไปทางนั้น!!!” จงอินวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามีพร้อมกับตะโกนบอกร่างบางที่กำลังวิ่งหนีตัวกินคนอย่างไม่คิดชีวิต

     

     

    กึง กึง กึง!!!

     

     

    เสียงรองเท้าบูธหนังสีดำย่ำลงบนทางเดินชั้นลอยที่ทำด้วยเหล็ก เป้าหมายของเขาคือบันไดที่ชายกลางคน ๆ นั้นใช้ปีนลงมา ฝูงตัวกินคนจำนวนมากวิ่งตามหลังเซฮุนไปติด ๆ ร่างบางเอี้ยวหน้าหันหลังกลับไปเป็นระยะก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     

    อี้ฟาน!! รีบพาทุกคนออกไปข้างนอก!!!”

     

     

    กึง กึง กึง!!!

     

     

    ยื่นแขนขึ้นมาเร็วเข้า!” จงอินก้มลงต่ำพร้อมกับยื่นแขนลงไปข้างล่างเมื่อเขาวิ่งอ้อมมาจนถึงฝั่งตรงข้ามได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เซฮุนคว้ามือหนาเอาไว้แน่นก่อนที่อีกคนจะออกแรงดึงเขาขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด

     

     

    ฮือออออ.......

    กรรรรรรรรรรรรรรซ์



    แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง!!!

     

     

    ทั้งคู่ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นเหล็กของชั้นลอยพลางหอบหายใจหนักท่ามกลางเสียงโหยหวนของตัวกินคนที่อยู่เบื้องล่าง พวกมันยืนออกันอยู่ใต้บันไดพร้อมกับยื่นมือขึ้นมาด้วยความหิวโหย

    เราต้องออกไปแล้ว!” เทาหันไปบอกคนอื่น ๆ ที่ยืนหันหลังให้กัน

    ออกไปได้ไงวะ มึงไม่เห็นจงอินกับเซฮุนหรือไง!!”

    ผมรู้ แต่เราต้องถอยแล้วลู่หาน!” อี้ฟานไม่พูดอย่างเดียว เขาดันคนอื่น ๆ ให้เดินถอยหลังออกไปก่อนจะฟาดสันปืนเข้าที่หน้าตัวกินคนให้เสียหลัก

    สองขาทั้งวิ่งทั้งเดินถอยหลังสลับกัน พวกเขาได้เพียงแค่มองตามคนสองคนที่ยังคงติดอยู่ข้างในโดยที่ทำอะไรไม่ได้...

     

     


     

     

     

     

    TBC

     

     

     

    ตอนนี้บอกเลยว่าฉากโกดัง 18 หน้าค่ะ 555555555555555

    อยากบู๊กันมากใช่หม้ายยยยยยยยยยย แต่แค่นี้ยังไม่พอนะเดี๋ยวตอนหน้าเราไปพาไคฮุนหาทางหนีออกจากโกดังกัน

     

    รู้สึกหน้าสั่นแทนพี่ลู่เหลือเกิร์ล

     

    เราเชื่อว่ามีคนลืมไปแล้วว่าพี่ชาร์ลเคยเป็นคนโหดสรรถมากแค่ไหนหลังจากที่เมียพี่แกตายไป

    ดราม่าเกินไปไหม จะย้ายออกจากโรงเรียนแล้วนะ ;_ ; #โบกผ้าเช็ดหน้า #บ่นไรคะมลิน

     

    #ficzombie




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×