ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #40 : Chapter 37 :: Embrace

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.88K
      159
      31 ม.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

    Chapter 37

    Embrace

     

     

     

    จงอินจับรถเข็นพลิกขึ้นมาก่อนที่ชานยอลกับเทาจะช่วยกันเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นใส่เข้าไปในรถเข็น หลังจากถามไถ่ความบังเอิญที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ได้ผลสรุปมาว่าให้จงอินกลับไปเล่าที่โมเทลทีเดียวเลยจะดีกว่า ร่างหนาก้มลงมองคนข้าง ๆ ที่กำลังเก็บของอยู่ด้วยความเป็นห่วง ถึงเมื่อกี้จะไม่ได้ออกแรงมากนักแต่พอคิดว่าคนที่เขาทำร้ายคือโอเซฮุนความรู้สึกผิดก็ตีขึ้นมา

    ข้างบนมีแต่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เราคงเก็บกลับไปได้แค่ของในโซนนี้ ชานยอลว่าแล้วเข็นรถเข็นออกไป

    ฉันล่ะตกใจ นึกว่านายจะโดนกัดซะแล้ว เทาว่าก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวคนที่กำลังสะพายกระเป๋าเป้ที่อัดไปด้วยเสบียงอาหาร จงอินมองทั้งสองคนสลับไปมาก่อนที่เทาจะเดินตามชานยอลออกไป ตอนนี้เหลือเพียงแค่คนสองคนที่ยังอยู่ตรงนี้

    เจ็บหรือเปล่า?

    อ๋อ...ไม่ครับ เซฮุนก้มหน้าลง ตอนนี้เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ดีใจจนไม่รู้ว่าจะแสดงออกมายังไง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นเมื่อจู่ ๆ ใครอีกคนก็เข้ามายืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับคลายสายสะพายกระเป๋าเป้ลงมา ไม่เป็น...

    ฉันถือให้

    ...

    กลับมาถึงผู้ชายคนนี้ก็เริ่มเผด็จการกับเขาซะแล้ว เซฮุนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกวงแขนแกร่งกอดรอบคอก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะก้าวไปข้างหน้า ทั้งที่มีเรื่องที่อยากรู้อยู่เต็มไปหมดแต่เขากลับเรียบเรียงมันไม่ถูก ความรู้สึกเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ต่างอะไรจากการเดินคนเดียวในความมืด ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความหวังในที่แบบนั้นจนกระทั่งมีแสงสว่างเล็ก ๆ จุดขึ้นมา...เซฮุนชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่กำลังทอดสายตามองไปข้างหน้าแล้วก็ยิ้มบาง ๆ ทั้งคู่มองหน้ากันและกันราวกับว่าจะให้แววตาคู่นี้ตอบคำถามให้ทุกอย่าง

     

     

    เรื่องคำถามน่ะช่างมันเถอะ...แค่จงอินยืนอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว

     

     

     



     

     

     

    กึง!

    เด็กน้อยที่นอนรออยู่บนรถดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระทบกับพื้นซีเมนต์ ยังไม่ทันมองว่าต้นเสียงมาจากไหนมินซอกก็หันกลับไปคว้าไรเฟิลมาจากเบาะหลังแล้วเปิดประตูออกมา ยกไรเฟิลขึ้นตั้งระดับหัวไหล่พร้อมกับส่องลำกล้องไปยังเป้าหมาย แต่ภาพตรงหน้าทำให้ขาทั้งสองข้างหยุดยืนกับที่เมื่อต้นเสียงที่ว่านั่นมาจากชายหนุ่มสองคนที่กำลังช่วยกันยกรถเข็นเหล็กลงจากฟุตปาธ

    มินซอก?

    ...เจ้าของชื่อลดปืนลงอย่างช้า ๆ ริมฝีปากหยักของเด็กหนุ่มตัวสูงค่อย ๆ ยิ้มออกมาเมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้คือใคร สองขายาวรีบเดินเข้าหาพร้อมกับรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด มินซอกยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริง ๆ ที่ได้เจอหวงจื่อเทาที่นี่...ตรงนี้และเวลานี้ เด็กน้อยค่อย ๆ เอื้อมมือขึ้นมากอดตอบคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนด้วยความดีใจ

    ให้ตายเถอะ

    ร่างของมินซอกแทบจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่า ถึงจะไม่ได้สนิทเหมือนอย่างเพื่อนคนอื่นที่เรียนห้องเดียวกันอีกทั้งเขากับเทาก็เคยพูดคุยกันเพียงแค่เผิน ๆ เท่านั้น แต่การที่ได้เจอ เพื่อน ที่เคยอยู่ร่วมกันในเวลายากลำบากอีกทั้งมินซอกยังช่วยเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายแบบนี้มันปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าเขาดีใจมากแค่ไหน

     

     
     

    ไม่สิ...ไม่ใช่วินาทีสุดท้ายสักหน่อย

     
     

     

    จงอินกับเซฮุนหยุดฝีเท้าทันทีที่เดินออกมาจากประตูห้าง ทั้งคู่มองไปยังคนสองคนที่เพิ่งผละออกจากกัน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเห็นเด็กหน้าหยิ่งคนนั้นหัวเราะ ภาพที่เห็นมันบ่งบอกได้ดีถึงระดับความสัมพันธ์ของคนสองคนว่าในเมื่อสนิทกว่าก็คงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากกว่า ในขณะที่คนแปลกหน้าอย่างเขาได้รับเพียงแค่คำพูดกวนประสาทกลับมาแทบทุกครั้งที่มีบทสนทนา...

     

     
     

    เด็กนั่นก็แค่วางตัวและรักษาระยะห่างกับคนที่ไม่สนิทด้วยเท่านั้นสินะ

     

     
     

    คุณมาด้วยกันเหรอครับ?

    ใช่ จงอินหันไปตอบเซฮุนแล้วทั้งคู่ก็ยิ้มออกมา ความสุขล้นหัวใจเพียงแค่นึกไปถึงอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าหากว่ากลุ่มคนในโรงเรียนได้เจอจงอินและมินซอกอีกครั้ง ชานยอลเข็นรถเข็นไปหยุดอยู่หลังรถเพื่อเก็บของใส่เข้าไปและปล่อยให้เด็กทั้งสองคนไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกัน

     

     

     

     

     

     

    ชานยอลเคาะประตูทางเข้าโมเทลเพียงแค่ไม่กี่ครั้งประตูก็เปิดออก เป็นจางอี้ชิงที่ออกมาต้อนรับคนอื่นพร้อมกับมีดในมือที่ยกขึ้นเตรียมพร้อมจะแทงหน้าใครก็ตามที่ไม่ใช่มนุษย์

    “You?” อี้ชิงเลิกคิ้วขึ้นสูงขณะมองไปยังคนสองคนที่ยืนอยู่ข้าหลังชานยอล

    เป็นการต้อนรับที่น่าปลื้มปิติจริง ๆ จงอินว่าแล้วแทรกตัวเข้าไปข้างในก่อนจะตบบ่าหนุ่มชาวจีนปุ ๆ

    “It just so happens that.”(บังเอิญน่ะ) ชานยอลบอกร่างผอมที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตูทางเข้าโมเทลแล้วเดินตามจงอินเข้าไป

    จงอิน?!” แบคฮยอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือใครอีกคนที่พลัดหลงไปนานเกือบครึ่งเดือน เด็กน้อยยิ้มกว้างแล้วพุ่งเข้าไปกอดอีกคนด้วยความดีใจจนร่างหนาเซถอยหลังเล็กน้อย

    เฮ้!” ใบหน้าคมก้มลงมองหัวทุยที่ซุกอยู่กับแผงอกเขา ได้ยินเสียงงึมงำของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องเล็กในกลุ่มแล้วทุกคนก็ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ภาพที่เห็นให้ความรู้สึกเหมือนเด็กเจ็ดขวบที่รอคุณพ่อกลับบ้านไม่มีผิด ปาร์คกาฮีหันไปยิ้มให้กับลูกศิษย์สาวที่นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าทั้งคู่ก็จางหายไปเมื่อเห็นใครอีกคนเดินตามเข้ามาทีหลัง ร่างระหงหยัดตัวลุกขึ้นยืนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างพร้อมกับขาที่ก้าวเข้าออกไปข้างหน้า

    มินซอก...

    มินซอก!!” อึนจีปล่อยโฮพร้อมกับโผเข้าไปกอดเพื่อนตัวเล็ก ใบหน้าที่ใครเคยบอกว่าเย่อหยิ่งตอนนี้ดูเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้เพียงเพราะถูกครูสาวสวมกอดทับเข้ามา ทุกคนมองไปยังคนสามคนที่กำลังยืนกอดกันก่อนที่เทาจะเข้าไปกอดทับอีกรอบ น้ำตาแห่งความสุข ความโล่งใจไหลออกมาก่อนที่พวกเขาจะค่อย ๆ ผละตัวออกจากกัน ครูสาวเช็ดน้ำตาออกให้เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออด

    นาย...มาที่นี่...ได้ยังไง อึนจียังคงสะอื้นไม่หยุดจนมินซอกต้องเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอบ้าง คนตัวเล็กหันไปมองจงอินที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วทุกสายตาก็หันไปมองเขา

    หลังจากหนีตายที่ท่าเรือ ผมก็คิดไม่ออกว่าจะหาทางไปเกาะเชจูยังไงนอกจากต้องจัดการกับพวกตัวกินคนที่นั่นให้หมด และที่แน่ ๆ ผมคงทำมันคนเดียวไม่ไหวแน่ จงอินอธิบายให้ทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้ฟังผมเลยกลับไปขอความช่วยเหลือจากพวกคุณที่โรงเรียน แต่พอไปถึงสิ่งที่ผมเห็นคือพวกตัวกินคนกระจายอยู่เต็มไปหมด แล้วก็ได้เด็กนั่นช่วยเอาไว้น่ะ

    แล้วคุณเลยไปช่วยเขาออกมาจากดาดฟ้าเหรอคะ? อึนจีถามแล้วก็ได้รับคำตอบเป็นใบหน้าที่ส่ายไปมา

    เปล่า ฉันหนีออกมาได้น่ะ มินซอกตอบ ทุกคนขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย

    โลดโผนน่าดู จงอินหัวเราะ

    ไว้ค่อยเล่าตอนทานมื้อเย็นกันดีไหมครับ ตอนนั้นจะได้พาลู่หานมาลงมานั่งฟังด้วย ทุกคนพยักหน้ากับที่ชานยอลพูด แบคฮยอนกับอี้ชิงเข้าไปช่วยร่างสูงเอาของออกจากรถเข็น ส่วนยุนฮาได้เพียงแค่นั่งมองคนสี่คนยืนคุยกันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไหน ๆ เขาก็ไม่ได้สนิทกับใคร มันก็ไม่จำเป็นอะไรที่เขาจะต้องเข้าไปแสดงความยินดีทั้งนั้น

    ชั้นสองมันมีแค่สี่ห้องเท่านั้นที่ใช้ได้ เห็นทีว่าเราคงต้องขึ้นไปเคลียร์ชั้นสามกันหน่อย ชานยอลบอกแล้วจงอินก็พยักหน้ารับ

    แล้วตอนที่เคลียร์ชั้นสองพวกมันมีกันเยอะหรือเปล่า?

    ไม่เยอะครับ ที่ชั้นสามก็ไม่น่าจะเยอะเหมือนกัน ผม คุณ เซฮุน เทา สี่คนก็เกินพอแล้ว

    งั้นเริ่มตอนนี้เลยไหม? พอเห็นชานยอลพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วร่างหนาก็ก้าวไปข้างหน้าแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นได้เออ ว่าแต่ไอ้ลู่หานอยู่ห้องไหน?

    2005

    เด็กดาดฟ้า!” มินซอกหันไปตามเสียงเรียกแล้วชี้หน้าตัวเองด้วยความสงสัย จงอินกระดิกนิ้วเรียกแล้วเด็กน้อยก็ชักสีหน้าเดินเข้าไปหา

    มีอะไร

    ฝากนี่ขึ้นไปเก็บห้อง 2005 หน่อย

    ทำไมไม่ขึ้นไปเองล่ะ ทางขึ้นก็อยู่แค่นี้

    ผู้ใหญ่เขาจะไปทำธุระกัน ให้นิดใช้หน่อยทำบ่นเหรอ หัวทุยเซไปทางด้านข้างเพราะถูกผลักเบา ๆ มินซอกเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนที่ปรอดความอดทนจะพุ่งขึ้นสูงเมื่อจงอินยัดกระเป๋าใส่มือเขา

     


     

    ไอ้...

     
     

     

    ฝากด้วย

    ...

     ยักคิ้วกวนประสาทแล้วเดินขึ้นบันไดกับชานยอลและเซฮุน ทั้งคู่หันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจแต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังยิ้มออกมาได้ ชานยอลมองตามแผ่นหลังของร่างบางที่กำลังวิ่งตามจงอินขึ้นไปจนอยู่ห่างกันแค่หนึ่งช่วงแขนเท่านั้น

    นึกไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณจะกลับไปที่โรงเรียน

    ถ้ารู้ว่ามีท่าเรือที่ปูซานฉันก็คงไม่ถ่อหน้ากลับไปถึงที่นั่นหรอก

    อ้าว...คุณไม่รู้หรอกเหรอครับ?

    ก็ใช่ไง แต่ความไม่รู้ของฉันมันช่วยให้เด็กนั่นรอดตายมาได้นะ เลิกมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว จงอินว่าพร้อมกับผลักหัวร่างบางที่กำลังยิ้มตาหยีอยู่ เห็นแบบนั้นแล้วร่างสูงก็ได้แต่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเดิม ๆ ที่เคยหายไป

     

     

     

     

     

     

    หลังจากคุยกับครูสาวและเพื่อน ๆ จนหายคิดถึงแล้วเด็กน้อยก็เดินทอดน่องขึ้นมาบนชั้นสองอย่างไม่เร่งรีบ ได้แต่สงสัยว่าการเอากระเป๋าขึ้นมาเก็บที่ห้องมันเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรมากนั้นเลยหรือไงคิมจงอินถึงต้องใช้เขา ใช่ว่าคิมมินซอกจะเป็นคนขี้บ่นหรอกนะ แต่พอเห็นถูกใช้แบบนี้เขาก็แอบรู้สึกแปลก ๆ ยังไงชอบกล

    เพราะตั้งแต่เข้ามาในโมเทลเขาก็ยังไม่เห็นลู่หานเลย ลองเลียบเคียงถามอึนจีดูว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหนแล้วก็ได้คำตอบมาว่านอนเดี้ยงอยู่บนชั้นสอง ขาทั้งสองข้างพามาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง 2005 มินซอกหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหลับตาลง ไม่หรอกน่า...คิมจงอินก็มาพร้อมกันกับเขา ผู้ชายคนนั้นคงไม่รู้หรอกว่าลู่หานพักอยู่ที่ห้องไหน

    คนตัวเล็กหมุนลูกบิดเข้าไป แสงสว่างที่ส่องเข้ามาทางประตูระเบียงทำให้เห็นบรรยากาศในห้องได้อย่างชัดเจน เฟอร์นิเจอร์หรูกับทีวี LCD ขนาดสี่สิบสองนิ้วโดยประมาณตั้งอยู่ติดกับผนังด้านซ้าย พอเลื่อนระดับสายตาไปอีกนิดก็ต้องเบิกโพลงเมื่อเผลอสบตากับใครอีกคนที่กำลังพยายามหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงโดยมีไม้ค้ำช่วย

    ...

     

     
     

    ตุ่บ!

     

     
     

    โอ๊ย!” แม้ว่าจะตกใจกับภาพที่เห็นแต่คิมมินซอกกลับขยับขาไม่ออกหลังจากใครอีกคนล้มลงไปกับพื้นเพราะเสียหลักทันทีที่เห็นหน้าเขา พอเห็นลู่หานขดตัวเข้าหากันพร้อมกับโอดครวญกุมแผลตรงช่วงท้องเอาไว้แล้วคนตัวเล็กถึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บเพราะถูกแทงมา

    มินซอกเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่เร่งรีบ ถึงภาพตรงหน้าจะทำให้เขากระวนกระวายใจก็เถอะ แต่การที่จะเข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับผู้ชายที่ย้ำกับตัวเองนักหนาว่าจะต้องลืมให้ได้แล้วอะไร ๆ ก็ดูขัดใจไปซะทุกอย่าง

    ความคิดในหัวมันตีกันไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้ขามันก้าวเข้าไปหาคน ๆ นั้นคือสมองที่สั่งการว่า มินซอก เขากำลังเจ็บอยู่นะ นายจะใจร้ายใจดำยืนมองอยู่เฉย ๆ ได้ลงคอเลยหรือไง? ร่างโปร่งนิ่วหน้าเจ็บเมื่อถูกประคองให้ลุกขึ้นนั่ง

    นี่... ยังไม่ทันพูดอะไรต่อคนเจ็บก็โผเข้ากอดเขาในทันที มินซอกค้างอยู่ในท่าคุกเข่าก่อนจะก้มหน้ามองใครอีกคนที่ซบหน้าอยู่กับแผงอกของเขาพร้อมกับแขนทั้งสองข้างตวัดกอดรอบเอวบางเอาไว้แน่น

    มินซอก... น้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายโล่งอก แม้ว่าแผลตรงช่วงท้องจะสร้างความเจ็บปวดให้มากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถเทียบเท่ากับความสุขที่ได้เห็นมินซอกอยู่ในอ้อมกอดของเขาเลยสักนิด คนตัวเล็กทำตัวไม่ถูก มือทั้งสองข้างยังคงยกค้างเอาไว้โดยที่ไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหน

    นี่มินซอกจริง ๆ ใช่ไหม...

    ...

    บอกพี่ที... น้ำเสียงแหบพร่าพูดพร้อมกับหลับตาลงบอกทีว่าพี่ไม่ได้ฝันไป...

    ...

    ในหัวมีแต่คำว่า ทำไม? อยู่เต็มไปหมด ทำไมลู่หานถึงได้ดูโหยหาอาลัยอาวรณ์เขาเสียขนาดนั้น? ทำไมทำเหมือนดีใจนักหนาเพียงแค่ได้เห็นหน้าเขา คิมมินซอกสำคัญกับผู้ชายที่ชื่อลู่หานมากขนาดนั้นเลยเหรอหรือว่าเป็นแค่ความรู้สึกผิดและโล่งใจที่เขายังไม่ตายกันแน่?

    จะไปห้องน้ำเหรอ เดี๋ยวผมช่วย

    ไม่...ลู่หานกระชับกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้น พอได้ยินเสียงคนตรงหน้าแล้วเขาถึงได้มั่นใจว่านี่ไม่ใช่ฝันไป...

    แต่แผลคุณ

    ช่างมัน... ร่างโปร่งกลืนน้ำลายเหนียวลงคอก่อนจะผละออกมามองใบหน้าเรียบเฉยของคนตัวเล็กตอนนี้พี่ไม่อยากทำอะไรแล้วนอกจากมองหน้านายนาน ๆ

    ถ้าเกิดแผลฉีกขึ้นมาคุณอาจจะไม่มีโอกาสได้มองหน้าผมอีก

    ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้มันยังไม่ฉีกสักหน่อย ลู่หานยิ้มบาง ๆ ก่อนที่มินซอกจะก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกใครอีกคนกุมเอาไว้ จนถึงวินาทีนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นลู่หานเป็นแบบนี้

     
     

     

    อยู่กับพี่นะ...เปาจื่อ

     

     
     

     

     
     

     
     

    ใช้เวลาเคลียร์ชั้นสามเพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้นเพราะชั้นนี้ไม่มีผีดิบอยู่สักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเลยมีห้องว่างเหลืออีกหลายห้องพอให้คนที่อยู่ชั้นสองย้ายขึ้นมาบ้าง เทากับชานยอลเดินออกมาจากประตูทางหนีไฟหลังจากยกตู้เข้าไปขวางทางเดินขึ้นชั้นสี่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

    ห้อง 3002 กับ 3004 ใช้ไม่ได้นอกนั้นก็โล่งหมดจงอินกับเซฮุนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวสูงทั้งสอง

    ดีเลย กูจะได้ย้ายขึ้นมานอนคนเดียว นอนกับไอ้ห่ายุนฮาแล้วอึดอัดชิบ เทาว่าแล้วเดินลงไปข้างล่าง

    แล้วคุณล่ะเซฮุน จะนอนห้องเดียวกับแบคฮยอนหรือว่ายังไงครับ? ชานยอลถามพอเป็นพิธีถึงจะรู้ดีแก่ใจแล้วว่ายังไงเซฮุนก็คงเลือกที่จะขึ้นมาอยู่ข้างบนนี้กับจงอิน

    ผม...เด็กหนุ่มอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แล้วหันไปมองข้าง ๆ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อจู่ ๆ จงอินก็หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    อย่าลืมลงไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าล่ะ ชานยอลยิ้มขำแล้วยีหัวคนตรงหน้าก่อนจะเดินตามเทาลงไป ตอนนี้เหลือเพียงแค่ร่างบางคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ หันไปข้างหลังก็ไม่เจอ หรือว่าจะเข้าไปเลือกห้องนอนกันนะ?

    เปิดประตูห้องเข้าไปแล้วก็พบเพียงความว่างเปล่า เดินไปดูในห้องน้ำก็แล้ว ระเบียงก็แล้วแต่ก็ไม่เจอ เซฮุนขมวดคิ้วเดินออกไปข้างนอกห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องข้าง ๆ แล้วก็เห็นจงอินกำลังยืนพูดอยู่คนเดียว

    ทำอะไรน่ะครับ?

    เปล่า

    นึกว่าต้องเดินตามหาทุกห้องซะแล้ว เซฮุนพูดพลางส่ายหน้าเบา ๆ ใช่ว่ากลัวจงอินหายตัวไปไหนอีกหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าจะไปไหนก็บอกกันตลอดแบบนี้มันเลยไม่ชินที่จู่ ๆ อีกฝ่ายหายไป

    นายเข้าไปดูห้องนี้หรือยัง? จงอินชี้ไปยังผนังห้องแล้วเซฮุนก็พยักหน้าเป็นคำตอบแล้วได้ยินเสียงฉันแหกปากไหม?

    ไม่นะครับ? ร่างบางขมวดคิ้วสงสัยหากแต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

    ดีละ

    อะไรที่ว่าดีครับ?

    เปล่า แค่บอกว่าดีแล้วที่ไม่ได้ยิน คือเมื่อกี้ฉันเดินเตะตู้น่ะ แหกปากร้องลั่นเลยเนี่ย ร่างบางมองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะทำท่าเว่อเกินจริงเจ้าตัวถึงได้หยุดแล้วปั้นสีหน้านิ่ง  “มองอะไรครับหนูน้อย

    เปล่านี่ครับ... เด็กหนุ่มยักไหล่แล้วลุกขึ้นเดินไปหยุดที่ประตู

    เซฮุน

    ครับ?

    ห้องนี้นะ

    ...

    เว้นจังหวะให้ความเงียบทำงานพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ร่างบางพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเดินออกไปนอกห้อง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นโดยหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไม แค่ประโยคสั้น ๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนพูดมีนัยยะอะไรหรือเปล่า

     

     

    แค่มีคุณอยู่ตรงนี้...

    ทุกอย่าง...มันจะค่อย ๆ ดีขึ้นใช่ไหมครับจงอิน?

     

     
     

     

     

     

     

    ภายในล็อบบี้ที่ไม่กว้างและไม่แคบเกินไปสำหรับสิบเอ็ดคน เทียนไขเล่มใหญ่ถูกจุดอยู่โดยรอบคือสิ่งเดียวที่ให้สว่างในค่ำคืนนี้ หลังจากกินมื้อเย็นเรียบร้อยก็ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากันเพื่อวางแผนชีวิต

    เราคงต้องปักหลักอยู่ที่นี่อีกสักพักหนึ่งจนกว่าแผลของลู่หานจะดีขึ้นเป็นชานยอลที่เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน พอไม่เห็นใครขัดแย้งกับข้อนี้ร่างสูงเลยพูดต่อเพราะฉะนั้นสิ่งจำเป็นในตอนนี้ไม่ใช่แค่อาหาร แต่ยังมีข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอีก เรื่องนี้ผมกับจงอินจะรับผิดชอบเอง

    งั้นผมไปด้วย เทาอาสารับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยและชานยอลก็พยักหน้ารับ

    อี้ชิงบอกว่าอีกประมาณเดือนนึงแผลน่าจะหาย ลู่หานพูดหลังจากที่นั่งฟังมาตลอด

    อาหารในละแวกนี้คงมีพอให้เราอยู่ไปถึงเดือนหน้า จงอินที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ด้านในสุดพูด

    อีกไม่นานก็จะถึงหน้าหนาวแล้ว ผมว่าพวกเราควรเตรียมตัวให้พร้อม

    เสื้อกันหนาว ถุงมือ ถุงเท้า ยารักษาโรค จงอินเสริมเราควรหาที่อยู่ใหม่ให้เป็นหลักเป็นแหล่งก่อนที่หิมะแรกจะตก ไม่งั้นชีวิตบรรลัยแน่ ๆ

    หนีตายช่วงหน้าหนาวนี่โคตรวิกฤติ ลู่หานส่ายหน้าเบา ๆ

    แล้วเราจะย้ายไปอยู่ที่ไหน คุณวางแผนเอาไว้แล้วหรือยังคะ? ปาร์คกาฮีถาม

    คย็องซังใต้ พวกคุณคิดว่ายังไงครับ?ชานยอลเสนอ บางคนหันไปถามความคิดเห็นจากคนข้าง ๆ บางคนก็นั่งเฉย ๆ แล้วรอให้คนอื่น ๆ ตัดสินใจ

    ผมเห็นด้วยกับชานยอลครับ แบคฮยอนยกมือขึ้นระดับจมูกก่อนที่คนอื่น ๆ จะยกมือตาม อาจจะดูเหมือนวิธีของเด็กที่ต้องตัดสินใจกันด้วยการโหวตแบบนี้ แต่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่กับจำนวนคนและระดับความสนิทมันทำให้เขาต้องใช้วิธีนี้

    งั้นเอาเป็นว่าเป้าหมายต่อไปของเราคือคย็องซังใต้นะครับ อ้อ...มีอีกเรื่องนึงที่ผมอยากจะขอความเห็นจากพวกคุณ ตอนนี้เป็นปาร์คชานยอลที่เป็นผู้นำแทนอี้ฟานอย่างปฏิเสธไม่ได้ จงอินได้เพียงแค่มองร่างสูงที่กำลังพยายามทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นแม้ว่าปาร์คชานยอลจะไม่เต็มใจรับกับสิ่งที่ทำอยู่สักเท่าไหร่ มีใครในนี้ที่ยังขับรถไม่เป็นบ้างครับ?ร่างสูงกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วมินซอกกับอึนจีก็ยกมือขึ้น ผมว่าเราควรสอนขับรถให้กับเด็กทั้งสองคน

    งั้นผมสอนยัยนี่เองแล้วกัน เทาชี้ไปที่อึนจี

    งั้นผมจะสอนคุณเอง ตกลงไหมมินซอก? ชานยอลมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มินซอกพยักหน้าได้แค่รอบเดียวก็มีใครอีกคนแย้งขึ้นมา

    ผมขับไม่ค่อยเป็นครับ แบคฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พอรู้อีกทีใบหน้าเรียวก็ร้อนฉ่าเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรโง่ ๆ ลงไป เพียงแค่เห็นชานยอลจะไปสอนมินซอกขับรถสองต่อสองเขาก็รู้สึกหวงอย่างบอกไม่ถูก

    หืม?

    ผม...

    ฉันสอนให้นายก็ได้นะ จงอินเสริม แบคฮยอนค่อย ๆ หันไปมองใครอีกคนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหลังแล้วหรี่ตามองอย่างขัดใจ

    คุณสอนหมอนั่นเถอะ ไว้ค่อยสอนผมทีหลังก็ได้มินซอกตอบเสียงเรียบ แววตาของมินซอกที่มองมาทำให้แบคฮยอนรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย

     

     

    ขอโทษนะมินซอก...

     

     

    ใช่ นายก็สอนแบคฮยอนไป ไว้หายเมื่อไหร่แล้วเดี๋ยวฉันจะสอนให้มินซอกเอง ทุกคนหันไปมองลู่หานที่นั่งเอนหลังพิงกับพนักโซฟา คนถูกพาดพิงหันไปมองคนเจ็บที่กำลังจะลุกขึ้นยืนโดยมีอี้ชิงคอยช่วยประคอง ง่วงแล้ว ลู่หานบอกลาทุกคนด้วยประโยคนี้แล้วค่อย ๆ กะเผลกออกไปจากล็อบบี้พร้อมกับอี้ชิง

    งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ชานยอลยิ้มแล้วทุกคนก็ลุกขึ้นแยกย้ายกลับเข้าไปในห้องตัวเองเหลือเพียงแค่แบคฮยอนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ เด็กน้อยจ้องคนตัวโตตาปริบ ๆ พอเห็นแบบนั้นชานยอลเลยเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กแล้วก้มหน้าลงจนอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน

    ว่าไงครับ?

    คุณอยากสอนมินซอกขับรถมากกว่าผมหรือเปล่า คำถามนี้ทำให้ร่างสูงหลุดหัวเราะออกมา แบคฮยอนจ้องหน้าอีกฝ่ายระหว่างรอคำตอบแล้วก็ถูกยีหัวเบา ๆ

    ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?

    ผมก็แค่อยากรู้นี่นา

    ผมอยากสอนให้ทุกคนที่ยังขับรถไม่เป็นครับ

    ตอบไม่ตรงคำถาม แบคฮยอนทำท่าจะชกไหล่คนตัวสูงแต่ชานยอลคว้ามือเล็กไว้ได้ทัน เด็กน้อยดูตกใจเล็กน้อยตอนที่มองมือของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้น

    ผมไม่ตอบคำถามนี้หรอกครับ ชานยอลยิ้มขำแล้วกุมมืออีกคนให้เดินไปด้วยกัน แบคฮยอนก้าวขาไปตามแรงดึงอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่มองแผ่นหลังของคนตัวสูงกว่า ความสัมพันธ์ที่ระบุไม่ได้ หรือบางทีชานยอลอาจจะกำหนดไว้แล้วว่าเขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่จำเป็นต้องดูแล เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ชานยอลคงไม่คิดเกินคำว่าพี่น้อง

     

     

    แต่ปาร์คชานยอลจะรู้บ้างไหมนะ...ว่าเด็กอย่างบยอนแบคฮยอนคิดไปไกลมากแค่ไหนแล้ว?

     

     

     

     

     

     

    ของในกระเป๋าถูกจัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าหลังจากอาบน้ำเสร็จ มินซอกเช็ดผมที่เปียกลู่ด้วยผ้าสีขาวที่ถูกปักชื่อโมเทลด้วยด้ายสีครีม เด็กน้อยนั่งลงบนเตียงแล้วก็ยิ้มบาง ๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงความนิ่มของมัน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้นอนสบายแบบนี้

     

     
     

    ก๊อก ๆ

     

     
     

    เลิกคิ้วมองเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ จะเป็นเทา อึนจี หรือว่าครูกาฮีกันนะที่มาเคาะประตูกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ แต่พอดึงประตูเข้าหาตัวมินซอกก็ต้องยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อเห็นลู่หานยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

    ไม่ไหวแล้ว

    มินซอกขมวดคิ้วกับคำพูดแปลก ๆ ของคนตรงหน้า ลู่หานทิ้งไม้ค้ำลงบนพื้นแล้วสวมกอดคนตัวเล็กพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่บาง เด็กน้อยเซไปข้างหลังเมื่ออีกฝ่ายเทน้ำหนักมาจนเขาแทบรับไว้ไม่ไหวจนต้องใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดลู่หานเอาไว้

    เป็นบ้าอะไรของคุณ

    ใช่ พี่น่ะจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

    แล้วขึ้นมาข้างบนนี้ทำไม คุณอี้ชิงอยู่ไหน?

    สนใจแค่พี่ได้ไหม คนอื่นน่ะช่างเขาเถอะ

    ไม่ให้สนได้ยังไง ที่นี่มีแค่ผมกับคุณสองคนเหรอ? แล้วคุณก็เจ็บอยู่ยังจะฝืนตัวเองอีกแล้วเมื่อไหร่แผลจะหายลู่หานไม่ตอบคำถามแต่กลับกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นแล้วปล่อยให้คนตัวเล็กบ่นต่อไป มินซอกถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วผละตัวออกจากคนตรงหน้า

    ผมจะเดินไปส่งคุณข้างล่าง

    ไม่ พี่ไม่ได้หอบสังขารขึ้นมาข้างบนนี้เพื่อที่จะคุยกับนายแค่สามนาทีหรอกนะมินซอก

    ผมก็ไม่ได้เปิดประตูให้คุณมายืนเพ้อเจ้อเหมือนกัน

    ใช่ไง พี่กำลังเพ้อ ตอนที่ได้ยินว่านายติดอยู่บนดาดฟ้าน่ะพี่แทบจะเป็นบ้า นายรู้บ้างไหม? ลู่หานจ้องหน้าคนตัวเล็กด้วยแววตาจริงจัง

    ผมไม่รู้หรอก คุณกลับไปนอนพักได้แล้ว มินซอกปล่อยมือออกแล้วเอี้ยวตัวกลับแต่ก็ถูกอีกคนสวมกอดจากข้างหลัง

    งั้นก็รู้สักทีสิ...

    ...

    พี่ไม่สนหรอกว่านายจะเกลียดขี้หน้าพี่หรือเปล่า ลู่หานเอาคางเกยไหล่คนตัวเล็กที่ยืนนิ่งให้เขากอดแต่เสียใจด้วยนะที่นายไล่พี่ไปไหนไม่ได้อีกแล้ว

    ...

    พี่จะไม่ไปไหนอีก แล้วพี่ก็จะไม่ปล่อยให้นายไปไหนอีกเหมือนกัน

    เพ้อเจ้ออะไร

    เพราะใครล่ะ?

    เพราะผมงั้นสิ? มินซอกพูดเสียงเรียบแม้ว่าอีกฝ่ายจะออกแรงกอดเขาแน่นยิ่งขึ้น

    ใช่...เพราะนายคนเดียว

    ผมจำได้ว่าแบคฮยอนอยู่ข้างล่าง

    ก็เรื่องของเขา

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรื่องของแบคฮยอนไม่ใช่เรื่องของคุณ

    ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบนาย

     

     

    เงียบ...

     

     

    คำพูดที่เคยคิดจะสวนกลับเพื่อให้ลู่หานเลิกยุ่งกับเขาถูกกลืนลงคอไปหมด ทั้งที่พยายามเข้มแข็งมาตลอด แต่พอถูกกอดทุกอย่างก็พังทลายไม่เหลือชิ้นดี เขาเกลียดความรู้สึกแบบนี้...

    ตอนนี้พี่ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้อยู่ข้าง ๆ นายเลย

    ...

    นายจะเย็นชากับพี่แบบนี้ก็ได้ แต่ขอแค่อย่างเดียว น้ำเสียงของร่างโปร่งแผ่วลงก่อนจะพลิกตัวมินซอกให้หันเข้าหา สองมือโอบใบหน้าคนตัวเล็กเอาไว้แล้วจ้องมองอย่างมีความหมาย

     

     

     

    ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะมินซอก...

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างบางมองหน้าตัวเองในกระจกหลังจากอาบน้ำเสร็จ ตอนนี้จงอินออกไปคุยธุระกับชานยอลไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ก้มลงเป่าเทียนให้ดับแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ แสงเทียนให้ห้องนอนของโมเทลให้ความรู้สึกแตกต่างกับห้องนอนในโรงเรียนอย่างสิ้นเชิง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกเขินเล็กน้อยกับความโรแมนติกแบบไม่ตั้งใจ

    เดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วดึงผ้าห่มออกแต่จังหวะนั้นสายตาก็หันไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนที่นอน คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัยก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู

     

     

    คุ้น ๆ แฮะ...

     

     

    มองเครื่องบินกระดาษในมือแล้วพลิกไปพลิกมา ทำไมมันคุ้นแบบนี้นะ? วูบหนึ่งก็นึกขึ้นอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยค่อย ๆ แกะกระดาษออก และดูเหมือนว่าเขาจะเดาเอาไว้ไม่ผิดเมื่อภายในกระดาษเขียนเอาไว้ว่า...

     

     

    จงอิน...คุณอยู่ไหน?

    ...ผมคิดถึงคุณ

     

     

    ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของนาย ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองใครอีกคนที่เข้ามายืนซ้อนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใบหน้าคมที่กำลังยิ้มบาง ๆ ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกจนต้องรีบซ่อนเครื่องบินกระดาษไว้ข้างหลัง

    ...คุณ จากเด็กหน้าตายที่เคยต่อปากต่อคำเก่งกลับกลายเป็นคนละคน ยิ่งเห็นเซฮุนทำตัวไม่ถูกแล้วก็ยิ่งพอใจ มันชักจะไม่ดีแล้วล่ะ...ทำไมเด็กนี่ถึงได้น่ารักในสายตาเขามากขึ้นทุกวัน ๆ แบบนี้นะ?

    หืม?

    คุณ... เซฮุนหยิบกระดาษขึ้นมาเพ่งดูอีกครั้งแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่ามันเป็นลายมือของเขาเอง จงอินไปเห็นมันได้ยังไงนะ? ร่างหนากดไหล่อีกคนให้นั่งลงบนเตียงก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เซฮุนถอนหายใจหนัก ๆ กับของที่อยู่ในมือตอนนี้ มันน่าอายจริง ๆ ให้ตายเถอะ...

    ตอนไม่มีฉันน่ะเซฮุนเม้มริมฝีปากก่อนจะค่อย ๆ หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย เหงาหรือเปล่า?ทำไมจงอินถึงได้ถามอะไรแบบนี้นะ ทั้งที่ทุกอย่างมันน่าจะเป็นคำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ร่างบางจ้องหน้าอีกฝ่ายที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

    พอหันไปแล้วไม่เห็นฉันอยู่ข้าง ๆ นายรู้สึกเคว้งเหมือนกันบ้างไหม?

    ...

     

     

    มาก...ที่สุดเลยล่ะ...

     

     

    คุณ...เก็บมันได้แค่อันเดียวเองเหรอครับ? เซฮุนก้มลงมองกระดาษในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตรงหน้าภายใต้แสงเทียนที่จุดอยู่ตรงหัวเตียง ผมพับตั้งหลายอัน...

    งั้นเหรอ? แล้วฉันควรกลับไปที่นั่นเพื่อหามันให้ครบทุกอันหรือเปล่า? เซฮุนยิ้มตาหยีเมื่อถูกจงอินยีหัวอย่างหมั่นเขี้ยว

    ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้งครับ...ผมเขียนให้คุณใหม่ก็ได้

    ที่ท่าเรือน่ะ เก่งเหมือนกันนะเรา

    ชานยอลเล่าให้ฟังเหรอครับ? เด็กหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วจงอินก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

    อยากจะบ่นเหมือนกัน ถ้าฉันอยู่ตรงนั้นนายได้หูชาไปถึงปีหน้าแน่จงอินมองคาดโทษเด็กน้อยที่เอาแต่ยิ้มอยู่ได้ เห็นแล้วก็หมั่นเขี้ยวขึ้นมานิด ๆ

    น่าเสียดายจังเลยนะครับที่คุณไม่ได้อยู่ตรงนั้น

    คิดว่าเท่มากเหรอถึงได้ไปเสี่ยงตายแทนคนอื่นแบบนั้นน่ะร่างหนาเหล่มองคนข้าง ๆ ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้

    แล้วคุณล่ะครับ คิดว่าตัวเองหล่อมากไหมที่ปล่อยให้คนอื่นลงเรือแล้วตัวเองได้แต่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกลับไปที่โรงเรียนน่ะ

    แล้วหล่อไหมล่ะ? หล่อไหม? จงอินเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะล็อคคอร่างบางที่กำลังหัวเราะพอใจให้เข้ามาใกล้ ๆ

    นาทีนั้นคงไม่มีใครหล่อเท่าคุณแล้วล่ะครับจงอิน...

    ก็นั่นไง

    แต่ไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะ... ร่างบางอมยิ้มแล้วจับท่อนแขนแกร่งเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเหมือนเดิม พอไม่มีคุณคอยสั่งคอยบังคับแล้วชีวิตผมก็ดูยากขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ เซฮุนหัวเราะแล้วก็ค่อย ๆ หันไปมองคนข้าง ๆ ที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น

    ก็ชานยอลไม่เคยดุผมเลย ผมชินกับการที่มีคุณคอยบ่นมากกว่าน่ะครับ

    พูดมาก... จงอินยิ้มขำแล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบคนที่เอาแต่พูดไม่หยุดแถมยังทำร้ายเขาด้วยรอยยิ้มตาหยีแบบนั้นอีก มือหนาคว้าท้ายทอยร่างบางให้เข้ามาใกล้เพื่อรับรสจูบที่แนบแน่นยิ่งขึ้น เปลือกตาบางปิดลงในวินาทีถัดมาเพื่อรับจูบหวานจากคนที่เขาเฝ้ารอมานาน

     

     

     

     

    CUT

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

    (ดมยาดม) #โครงการกีฬาในร่มต้านภัยยาเสพย์ติด

    ฉากพรีเมียมเข้าทวิต @_malinworld นะคะที่รัก ฉาก CUT อยู่ใน bio เลยจ้า

    มลินเหนื่อยกับฉากนี้ มลิน Tried แต่ถ้าไม่มีมันก็เหมือนจะขาดอะไรไป มลินไม่ได้หื่น ทุกคนโปรดเข้าใจตามนี้...

    แม่ยกลู่หมินกับแม่ยกไคฮุนแบ่งกันฟินไปนะคะ ขอโทษที่มาอัพช้ามาก O<- < #ฮาราคีรีตัวเองชดใช้ความผิด

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×