ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #41 : Chapter 38 :: What?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.26K
      138
      2 ก.พ. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 38

    What?

     

     


     

    คนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผึ่งผ้าขนหนูไว้กับราวตาก เอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงสว่างในยามเช้าสาดส่องเข้ามาในตัวห้อง เวลาผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งเดือน เมื่อวานทุกคนประชุมกันแล้วว่าวันนี้จะเริ่มออกเดินทางกันหลังจากลู่หานเดินเหินเองได้ มองไปยังเตียงกว้างที่มีใครอีกคนนอนคว่ำอยู่ตรงนั้นแล้วก็ยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น

    แบคฮยอนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วคุกเข่าลง ศอกทั้งสองข้างเท้าไว้กับฟูกนุ่มพลางเท้าคางมองใบหน้าหล่อได้รูปที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา ปกติจะเป็นชานยอลที่ตื่นก่อนเขา การจ้องหน้าคนที่แอบชอบตอนหลับนี่มองยังไงก็ไม่เบื่อจริง ๆ บยอนแบคฮยอนเพิ่งรู้ข้อดีของการตื่นเร็วก็วันนี้แหละ

    เอื้อมมือไปใกล้ ๆ หวังจะแตะแก้มของคนที่หลับอยู่แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ มือของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้ เปลือกตาหนาค่อย ๆ ลืมขึ้นมองคนตัวเล็กที่กำลังมีท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ แล้วก็นึกขำในใจ

    อ...อรุณสวัสดิ์ครับ...

    อรุณสวัสดิ์

    ...

    ตื่นเช้านะครับวันนี้ เสียบแหบพร่าของคนที่เพิ่งตื่นทำให้เด็กน้อยรู้สึกเขินยิ่งกว่าเก่า ผมเผ้าที่ชี้ฟูอีกทั้งยังเปลือยท่อนบนแบบนั้นอีก แบคฮยอนหลุบสายตาลงมองมือตัวเองที่ยังคงถูกกุมเอาไว้ด้วยมือของคนตัวโตกว่าแล้วก็ทำตัวไม่ถูก

    ไม่เช้าหรอกครับ...คุณน่ะตื่นช้าเอง

    เหรอครับ นี่กี่โมงแล้ว?

    หกโมง ร่างสูงยิ้มขำแล้วพลิกตัวนอนหงาย แบคฮยอนต้องปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างปฏิเสธไม่ได้เมื่อชานยอลยังคงกุมมือเขาไว้อย่างนั้น เด็กน้อยนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงพลางมองคนตัวสูงที่ทำท่าเหมือนจะหลับต่อ

    เมื่อคืนดื่มเยอะเหรอครับ

    ครับ ผมเล่นเกมแพ้เลยต้องดื่มน่ะ มือแกร่งนวดขมับตัวเองเมื่อนึกย้อนไปถึงเมื่อคืน จงอินอ้างว่าดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ พอให้อุ่นเครื่อง ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะอุ่นไปทำไม? สุดท้ายเลยต้องจำใจนั่งดื่มและคนที่ไปไวที่สุดก็คือหวงจื่อเทา

    ไม่หนาวเหรอครับ แบคฮยอนก้มหน้าลงเมื่อสายตามันพาหันไปมองท่อนบนที่เปลือยเปล่าของร่างสูง จะว่าไปแล้วนี่ก็เริ่มอากาศเย็นลงเรื่อย ๆ ยิ่งตกกลางคืนคงไม่ต้องพูดถึง ชานยอลลืมตาขึ้นมองคนตัวเล็กที่ก้ม ๆ เงย ๆ เห็นแบบนี้แล้วก็อยากแกล้งขึ้นมา

    ดื่มเหล้าแล้วมันร้อนน่ะ แต่ก็ขอบคุณที่เป็นห่วงผมนะครับ

    ผมหยิบเสื้อให้ แบคฮยอนทำท่าจะชักมือกลับแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกคนยังคงจับมือเขาเอาไว้

    ไม่เป็นไร ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นนั่งจนคนตัวเล็กต้องเอนหลังไปเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของเขาทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากเกินไปแล้วไม่สบายเหรอครับ หน้าแดงเชียว ไม่พูดอย่างเดียว มือแกร่งโอบใบหน้าคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะเอาหน้าผากแนบกับหน้าผากอีกคน

    แบคฮยอนนั่งตัวเกร็งหลับตาปี๋ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขากับชานยอลพักอยู่ห้องเดียวกันเรียกได้ว่าเป็นแค่รูมเมทเท่านั้นไม่มีอะไรมากเกินไปกว่านี้ เตียงที่นอนอยู่ก็แค่สิ่งของที่ใช้ร่วมกัน ชานยอลไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเขาเลยสักครั้งตั้งแต่นอนตักที่เกาะเชจู

    ใช่ว่าบยอนแบคฮยอนจะเป็นเด็กทะลึ่งหรอกนะ...แต่ในเมื่อเขาเคยจูบกับชานยอลแล้วมันก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้คิดอะไรกับเขาบ้างหรือเปล่า ทั้งที่นอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน แต่ปาร์คชานยอลกลับไม่มีท่าทีอะไรเลยสักอย่าง

    ที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้... เด็กน้อยช้อนตามองอีกคนที่ยังคงทาบหน้าผากอยู่ เขาเรียกว่าเมาค้างเหรอครับ... ชานยอลยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยกับความไร้เดียงสาของแบคฮยอน แสดงว่าคุณเมาอยู่ใช่ไหมครับ?

    ผมดูเหมือนคนเมาเหรอ?

    ไม่รู้สิ ปกติคุณไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา

    แล้วมันแย่หรือเปล่าหื้ม? แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่นแล้วส่ายหน้าเบา ๆ

    พอเมาแล้วคุณดูน่ารักขึ้นตั้งเยอะ คำพูดคำจาไร้เดียงสาของคนตัวเล็กทำให้ร่างสูงหลุดขำออกมา ชานยอลยีหัวแบคฮยอนเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยวแล้วจ้องหน้า

    แสดงว่าตอนปกติผมไม่น่ารัก?

    เปล่าครับเปล่า ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ แบคฮยอนรีบปฏิเสธเพราะกลัวคนตรงหน้าเข้าใจผิด ร่างสูงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยราวกับต้องการให้คนตัวเล็กอธิบายต่อตอนปกติคุณไม่แตะต้องตัวผมเลยนี่นา

    หืม?

    เปล่าครับ... แบคฮยอนลดเสียงลงแล้วหันหลังทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกร่างสูงดึงให้ลงมานอนบนเตียงด้วยกัน หัวทุยซบลงกับท่อนแขนแกร่งก่อนจะเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองอีกคนที่กำลังยิ้มขณะมองเขาชานยอล?

    ครับ?

    คุณเมามากจริง ๆ นะ

    หืม?

    ผมจะทำยังไงดี ทุกคนเมาแล้วจะเป็นแบบนี้เหรอ? แบคฮยอนพลิกตัวนอนคว่ำแล้วเอามือทาบแก้มคนตัวสูงทั้งที่คิ้วขมวดเข้าหากัน ชานยอลกลั้นขำจนตัวสั่นกับประโยคเมื่อครู่ ก็เพราะไร้เดียงสาแบบนี้ไง เขาถึงได้พยายามทะนุถนอมเด็กคนนี้ให้มากที่สุด บยอนแบคฮยอนจะรู้บ้างไหมว่าตอนตกดึกแล้วเจ้าตัวชอบละเมอเข้ามานอนกอดเขาแทบทุกคืนน่ะ

    นั่นสิ ผมควรทำยังไงดีล่ะ?

    คุณอย่าดื่มอีกเลยนะ ถึงผมจะชอบเวลาคุณทำตัวน่ารักแบบนี้ก็เถอะ แต่มันไม่ใช่ตัวคุณเลย แบคฮยอนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่น่าแปลกที่มันทำให้ร่างสูงอมยิ้มเพราะคำพูดเหล่านี้

    ตัวผมมันเป็นยังไงเหรอครับ ไหนบอกมาซิ? ร่างสูงเอนหลังพิงกับหัวเตียงแล้วจ้องมองคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าข้าง ๆ เขา

    คุณเป็นคนจริงจังกับทุกอย่าง

    หมายความว่าที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้มันยังจริงจังไม่พอสินะครับ

    ตอนนี้คุณขี้เล่น นิสัยเหมือนลู่หานเลย แบคฮยอนขมวดคิ้วพลางขยับปากบ่นอุบอิบหากแต่คนถูกว่ากลับหัวเราะเมื่อถูกเปรียบเทียบกับใครอีกคน

    นิสัยแบบลู่หานน่ะฮ๊อตในหมู่สาว ๆ นะครับ

    งั้นก็ยิ่งไม่ควรเหมือน

    เหตุผลล่ะ? คนตัวเล็กเงียบกริบเมื่อถูกสวนกลับ แบคฮยอนเม้มริมฝีปากพลางกลอกตามองไปข้าง ๆ ทำไมชานยอลถึงถามอะไรแบบนี้นะ เหตุผลมันก็มีอยู่แค่ข้อเดียวไม่ใช่หรือไง ก็หวง...แค่นั้นแหละ

    ผมจะไปขอยาแก้เมากับอี้ชิงมาให้นะ พอตอบคำถามไม่ได้ก็เอาตัวรอดด้วยวิธีนี้เลยแล้วกัน แต่คราวนี้ยังไม่ทันได้ตั้งตัวลุกขึ้นยืนร่างของเขาก็ล้มลงไปทับแผงอกแกร่งซะแล้ว แบคฮยอนเบิกตาโพลงเมื่อตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงผิวเนื้อของคนตัวสูงที่นอนอยู่ใต้ร่างอย่างไม่ตั้งใจ

    มันมีด้วยเหรอครับยาแก้เมาน่ะ? หัวใจเต้นเร็วแรงเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำที่มาพร้อมกับภาพท่อนบนเปลือยเปล่า เด็กน้อยหน้าขึ้นสีระเรื่อกับปาร์คชานยอลในแบบที่เขาไม่เคยเห็น

    ผีเข้าคุณใช่ไหม...

    หืม?

    คุณต้องถูกผีเข้าแน่ ๆ เลย แบคฮยอนงึมงำเบา ๆ พลางหลบสายตาหนีคนตัวสูงที่กำลังจะละลายเขาด้วยสายตา

    แล้วคุณกลัวผีหรือเปล่าครับ?

    ไม่กลัว

    ถ้าไม่กลัวมันก็คงไม่มีปัญหาอะไรถ้าเกิดว่าผมจะปล่อยให้ผีตัวนี้สิงผมต่อไป...ใช่ไหมครับ? ร่างสูงยิ้มขำพลางลูบหัวเด็กน้อยที่ทำหน้ามึนงงอยู่ ทำไมน่ารักแบบนี้นะ?

    ผีไม่มีจริงสักหน่อย... แบคฮยอนซบหน้าลงกับแผงอกแกร่งแก้เขิน คนขี้แกล้งอมยิ้มพอใจพลางเกลี่ยผมนุ่มของคนตัวเล็ก

     

     

     
     

     

     
     

     

    ช่วงสายของวันนั้นหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็ช่วยกันขนกระเป๋าข้าวของเครื่องใช้ไปเก็บที่รถแล้วกลับมารวมกันในล็อบบี้อีกครั้งเพื่อวางแผนการออกเดินทาง แผนที่แผ่นใหญ่ถูกกางออกพร้อมกับปากกาเมจิกสีแดงที่อยู่ในมือชานยอล

    เราจะหาที่พักกันที่ยังซันก่อน ถ้าที่นั่นไม่เวิร์คค่อยย้ายไปที่ชินจู ชานยอลแตะปลายปากกาเมจิกลงบนแผนที่พลางเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น ๆ ที่ยืนล้อมวงอยู่

    เราควรหาที่อยู่กันแบบไหน บ้าน อพาร์ตเม้นต์หรือว่าโรงแรม? แต่ผมว่าคนสิบเอ็ดคนคงอยู่บ้านหลังเดียวกันไม่ได้แน่ ๆ เทาพูด

    ถ้าเป็นบ้านต้องเป็นทาวเฮาส์ที่อยู่ติดกันและเป็นเขตปลอดอันตราย

    ต้องดูด้วยว่าละแวกนั้นมีแหล่งให้เก็บเสบียงได้แค่ไหน ถ้าเกิดเคลียร์หมู่บ้านซะดิบดีแต่ไม่มีของให้ปล้นก็เปล่าประโยชน์ ทุกคนพยักหน้ากับสิ่งที่จงอินพูด

    กูว่าหาที่ ๆ อยู่ใกล้แหล่งน้ำก็ดีนะ อย่างน้อยก็ตกปลาแดกได้ ลู่หานเสนอ

    เออ ของป่าอะไรพวกนั้นก็สำคัญเหมือนกัน จะพึ่งแค่พวกอาหารกระป๋องก็คงไม่ได้

    งั้นผมขอสรุปเลยแล้วกัน คืนนี้เราจะพักกันที่ยังซันส่วนเรื่องเสบียงเรายังพอมีเหลืออยู่บ้าง แล้วค่อยออกไปสำรวจลาดเลาละแวกนั้นก่อน ถ้าเกิดไม่เข้าท่าเช้าวันต่อมาจะได้ย้ายไปชินจูต่อเลย

    แล้วปืนล่ะครับ ทุกคนหันไปมองเซฮุนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมว่าปืนก็สำคัญนะ เด็กหนุ่มพูดต่อ ทุกคนเงียบราวกับใช้ความคิด โดยเฉพาะกลุ่มของเขาที่เพิ่งผ่านพ้นเรื่องราวร้าย ๆ มา และมันไม่มีสิ่งใดที่จะค้ำประกันได้เลยว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก

    เซฮุนพูดถูก จงอินวางปืนลงบนโต๊ะไอ้นี่กับไรเฟิลของมินซอกมันช่วยชีวิตพวกนายทุกคนไม่ได้หรอกนะ

    คาตาน่ากู ลู่หานที่นั่งชันเข่าอยู่บนโซฟาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าขุ่นไม่พอใจ

    หาใหม่ พูดสั้น ๆ แล้วเก็บปืนเหน็บไว้กับหัวกางเกงก่อนจะดึงชายเสื้อขึ้นมาปิดไว้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็อันตรายไปหมด ทั้งพวกกินคน ทั้งมนุษย์ด้วยกัน เพราะฉะนั้นจะไปไหนมาไหนช่วยบอกคนรอบข้างนิดนึง อย่าไปคนเดียวเด็ดขาด ฉันไม่อยากวิ่งตามหาใครอีก เหนื่อยจะเล่นหนังแขก 

    เพราะเราไม่มีเครื่องมือสื่อสาร มันคงยากที่จะตามหาหากว่ามีใครสักคนหายไป ชานยอลเสริมเราคงต้องกลับเข้าสู่วิถีชีวิตแบบใช้กฏระเบียบเป็นหลักกันอีกครั้งแล้วล่ะ

     

     

     

     

     

     
     

     

    ปั่ก ๆ

    จงอินตบท้ายรถกระบะเป็นสัญญาณบอกให้ร่างสูงออกรถได้ รถคันแรกมีชานยอล แบคฮยอน อี้ชิง ส่วนรถคันที่สองที่เพิ่งออกตามไปติด ๆ มีเทา ปาร์คกาฮี จองอึนจีและคังยุนฮา ร่างหนาเดินไปเปิดประตูที่นั่งคนขับและวันนี้คนรับหน้าที่สารถีคือลู่หานที่เสี้ยนมือเสี้ยนตีนมานานจนระริกระรี้แทบทนไม่ไหว

    เหล่มองคนข้าง ๆ ที่ผิวปากอารมณ์ดีพร้อมกับเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยแล้วก็หมั่นตีนแปลก ๆ พอหันไปมองข้างหลังก็เห็นเด็กหน้ามึนสองคนนั่งทำหน้านิ่งอยู่ เออ ก็ดีนะ สองคนนี้คงอยู่ด้วยกันได้เพราะมันคงไม่คุยอะไรกันเลย

    เปิดเพลงบ้าอะไร?

    อ้าว คนที่กำลังดีดดิ้นกับทำนองเพลงถึงกับหันควับไปมองข้างหลัง มินซอกชี้นิ้วลงเป็นสัญญาณบอกให้ลู่หานเบาเสียงเพลงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ...ไอ้ลู่หานมันทำตามว่ะครับ

    ดุจังเลยนะเปาจื่อ

    ขับรถไป

    ก็ขับอยู่นี่ไง คนทะเล้นพูดพร้อมกับมองหน้าคนตัวเล็กผ่านกระจกมองหลัง มินซอกถอนหายใจแล้วเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างเพื่อตัดรำคาญ ตั้งแต่วันนั้นที่ลู่หานขอโอกาส เจ้าตัวก็เสนอหน้ามาหาเขาทุกวันจนบางคืนต้องยอมให้นอนด้วยเพราะลู่หานงอแงว่าเจ็บแผล ไม่อยากลงไปแถมยังทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตายอีก

    พักหลังถึงได้รู้ว่ามันเป็นแผนของคนเจ้าเล่ห์ พอแผลเริ่มดีขึ้นเขาก็ไม่ยอมให้ลู่หานเข้ามาในห้องอีก แต่ก็นะ...มันผิดที่เขาเองที่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ปลดล็อคประตูเองได้แม้ว่าเขาจะล็อคไว้แน่นหนาก็ตาม

    เปาจื่อจ๋า~”

    อย่า...ทำเสียงอ้อล้อแบบนั้นกับผม

    เออ มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย แดกหมามุ่ยมาเหรอ แลดูจะคันเหลือเกิน คนที่นั่งฟังอยู่นานถึงกับทนไม่ไหว จงอินผลักหัวเพื่อนสนิทไปแรง ๆ ทีหนึ่งเพราะหมั่นไส้เต็มที ส่วนเซฮุนที่นั่งอยู่เบาะหลังได้แต่ยิ้มขำกับทั้งสามคนที่กำลังก่อความวุ่นวายในรถ

    แล้วมึงเสือกอะไรล่ะครับ ลู่หานลอยหน้าลอยตาพูด เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือสะทกสะท้านอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

    ก็ไม่ได้อยากเสือกหรอกถ้ามึงไม่ได้นั่งรถคันเดียวกันกับกูน่ะนะ

    งั้นก็ลงเลยครับสหาย ลู่หานผายมือไปทางด้านข้างแล้วก็ต้องหน้าคะมำอีกครั้งเพราะถูกตบหัว ร่างโปร่งดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองคาดโทษเพื่อนซี้ที่เอาแต่ลงไม้ลงมือกับเขาสัดนี่

    สาระแนจริง ๆ <- จงอิน

    เฮ้ยเด็กกรงหมา มาเก็บไอ้เชี่ยนี่ไปดิ๊ <- ลู่หาน

    ทำไมต้องเป็นผมล่ะครับ? <- เซฮุน

    เก็บตัวเองก่อนดีไหม? <- มินซอก

    เออ เด็กดาดฟ้าพูดถูก <- จงอิน

    ผมไม่ได้พูดกับคุณ <- มินซอก

    อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับน้องหนู? <- จงอิน

    ลุยมันเลย เปาจื่อสู้ ๆ <- ลู่หาน

    ดูถนนไปเถอะครับลู่หาน <- เซฮุน

    ใช่ ตั้งใจขับรถหน่อยครับขี้ข้า <- จงอิน

     

    ภายในรถคันที่สามยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย กว่าจะสงบได้ก็ผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้มินซอกกับเซฮุนหลับไปแล้ว ส่วนไอ้คนขับยังคงไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยง่าย ๆ แถมยังเปิดหน้าต่างลงแล้วพ่นควันบุหรี่อย่างสบายใจเฉิบอีก

    ไม่เปิดเพลงแล้วไง?

    มึงอยากฟังอะไรก็เลือกเอาละกัน ลู่หานโยนกล่องใส่ซีดีลงบนตักหนาแล้วอีกคนก็รูดซิปออกพร้อมกับเลือกดูแผ่น

    ตั้งแต่เด็กดาดฟ้ากลับมาดูมึงมีชีวิตชีวาขึ้นนะ

    ก็พอ ๆ กับมึงตอนได้อยู่กับเด็กกรงหมาล่ะวะ

    คนเปิดคำถามถึงกับเถียงไม่ออกเมื่อเจอสวนกลับ ทั้งคู่หันไปหาเด็กทั้งสองคนที่นั่งหลับอยู่ข้างหลังก่อนจะหันมามองหน้ากัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งสองคนจะเข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องถามอะไรต่อ จงอินกลับไปนั่งเอนหลังพิงกับเบาะเหมือนเดิมแล้วชันขาขึ้นก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบบ้าง

     

     
     

    จริงอยู่ที่โลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว และตั้งแต่เกิดเรื่องเรายังไม่เจอผู้หญิงเป็น ๆ สักคน กูเข้าใจว่ามึงกำลังอดอยากปากแห้ง ซึ่งกูก็อยู่ในสถานะนั้นเหมือนกัน แต่ว่ามึงครับ...

    ความอยากกับความรักมันไม่เหมือนกันหรอกนะ

     
     

     

    นึกแล้วก็ละอายใจอยู่ไม่น้อย จะว่าไปเหตุการณ์กลืนน้ำลายตัวเองมันก็เกิดขึ้นกับเขาไม่บ่อยนัก เท่าที่จำได้ก็มีเรื่องที่เขาเคยออกปากว่าจะไม่แทงบอลอีกตลอดชีวิตแต่สุดท้ายก็...

    ตอนนี้ลู่หานมันก็คงด่าเขาอยู่ในใจสินะ แต่ก็อยากจะขอบคุณจริง ๆ ที่มันเลือกที่จะไม่หักหน้าเขาต่อหน้าเด็กสองคนนี้

     
     

     

     

     
     

    รถทั้งสามคันจอดลงที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เศษใบไม้แห้งปลิวว่อนบ่งบอกได้ถึงความรกร้างในละแวกนี้ ลู่หานขับไปจอดเทียบรถคันแรกแล้วชานยอลก็เลื่อนกระจกลง

    เดี๋ยวฉันเข้าไปก่อน จงอินบอกแล้วร่างสูงก็พยักหน้ารับ ลู่หานขับนำเข้าไปแล้วให้อีกสองคันขับตามมา ข้างทางมีพวกตัวกินคนยืนอยู่ประปรายแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะออกมาจัดการกับพวกมันทีหลัง

    พอขับเข้าไปในหมู่บ้านกลุ่มแนวหน้าก็เปิดประตูลงจากรถพร้อมกับอาวุธในมือ จงอินหมุนไขควงแล้วเดินเข้าหาผีดิบคุณป้าที่มีสภาพไม่น่าดูสักเท่าไหร่ก่อนจะแทงเข้ากลางหน้าผากเธอโดยไม่ลังเลในขณะที่ลู่หานมีแค่มีดทำครัวโง่ ๆ หนึ่งเล่มที่ใช้เป็นอาวุธ ร่างโปร่งมองอาวุธในมือพลางกลอกตาขึ้นก่อนจะจามเข้าที่หัวตัวกินคนตรงหน้าจนแหวะออก

    ไม่นานนักทุกคนก็กลับเข้าไปในรถและลู่หานก็ขับไปจอดหน้าบ้านหลังหนึ่งก่อน จงอินชี้บอกพิกัดลู่หานเพื่อแบ่งหน้าที่กัน ทั้งคู่แยกกันเช็คบ้านทาวเฮาส์ที่อยู่ติดกันโดยที่มีชานยอล เทา และเซฮุนเดินตามเข้าไปติด ๆ ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีลู่หาน เซฮุน กับเทาก็เดินออกมาก่อน ทั้งสามคนยืนรออยู่หน้าบ้านอีกแค่ไม่กี่นาทีจงอินกับชานยอลก็เดินออกมา

    เคลียร์

     

     
     

     

     

    คืนนั้นทั้งสิบเอ็ดคนแยกบ้านกันอยู่ จงอิน ลู่หานอาสาออกไปขับสำรวจละแวกนี้โดยให้ชานยอลกับเทาอยู่ดูแลทุกคนที่นี่ ระหว่างที่รอคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านและจัดแจงที่นอนสำหรับตัวเอง

    นายขึ้นไปนอนบนห้องแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะนอนตรงนี้เอง เซฮุนบอกหลังจากวางกระเป๋าเป้ลงบนโซฟา

    ข้างบนมีสามห้อง

    ใช่ ห้องหนึ่งเป็นของชานยอลกับแบคฮยอน อีกห้องหนึ่งก็ให้นายกับอี้ชิง ส่วนอีกห้องก็เป็นจงอินกับลู่หาน

    ก็เลยเสียสละให้คนอื่น มินซอกพูดพลางส่ายหน้าหน่าย ๆนายลองนอนดูสิ คนตัวเล็กมองไปยังโซฟาสีครีมตัวยาวและเซฮุนก็ทำตามอย่างว่าง่ายถึงจะงง ๆ อยู่ก็ตามคราวนี้ลุกขึ้นได้ร่างบางมองตามคนตัวเล็กที่ลงไปนอนบนโซฟาและดูเหมือนว่ามันจะพอดีกับขนาดไซส์ของมินซอก

    ฉันนอนตรงนี้เอง

    แต่...

    ฉันชอบอยู่คนเดียวน่ะ

    ...

    เก็บกระเป๋าขึ้นไปได้แล้ว มินซอกตัดบทเมื่อเห็นแบคฮยอนเดินเข้ามา เซฮุนยิ้มให้เพื่อนตัวเล็กอีกคนแล้วเดินขึ้นไปบนห้องเพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบจะบังคับใจคนสักเท่าไหร่ แบคฮยอนเดินไปนั่งข้าง ๆ คนตัวเล็กแล้วเม้มปากเพื่อรวบรวมความกล้า

    มินซอกนอนนี่เหรอ

    อืม

    จะว่าไปแล้วเราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยเนอะ เสียงของแบคฮยอนแผ่วลงติดจะกลัวหน่อย ๆ มินซอกถอดแว่นออกแล้วหันไปมองคนข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    มันก็คงใช่ เพราะฉันไม่คุยกับคนอื่นโดยไม่จำเป็น

    การคุยกับคนอื่นมันเกี่ยวกับเรื่องจำเป็นหรือไม่จำเป็นด้วยเหรอ

    ใช่ คำตอบที่มาพร้อมกับน้ำเสียงหนักแน่นทำให้แบคฮยอนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยถ้ารู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้หรือไม่อยากคุยมันก็ไม่จำเป็นที่ต้องเข้าไปสานสัมพันธ์...เหมือนอย่างฉันกับนายนี่ไง

    ทำไมล่ะ

    การที่ทุกคนอยู่ที่นี่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องรักกัน

    ...

    เราแค่พบเจอชะตากรรมเดียวกัน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ไม่สิ นายอย่าคิดแบบนั้น

    มีใครเคยบอกนายหรือเปล่าว่าอย่าห้ามความคิดคนอื่น?

    ...

    นายมีมุมมองของนาย ฉันก็มีมุมมองของฉัน ในเมื่อฉันไม่รู้สึกถูกชะตากับนายนั่นก็หมายความว่าไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องฝืนเข้าไปพูดคุยหรือทำดีด้วย แค่อยู่ด้วยกัน หนีตายไปด้วยกันก็พอแล้ว

    มินซอก...

    เลิกฝืนสักทีเถอะ สีหน้าของนายมันกระอักกระอ่วนเต็มทีแล้วบยอนแบคฮยอน มินซอกส่ายหน้าแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ถูกอีกคนดึงให้กลับไปนั่งลงที่เดิม

    ฉันไม่ได้ฝืน

    ...

    ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนาย เพราะฉันรู้ว่านายเป็นคนยังไง

    งั้นเหรอ? มินซอกแค่นหัวเราะ คนตัวเล็กได้แต่คิดว่าหมอนี่เป็นใครถึงได้กล้าฟันธงว่าเขาเป็นคนแบบไหนอะไรยังไง? ลำพังแค่ชีวิตตัวเองยังวิเคราะห์ให้แตกฉานไม่ได้ยังจะพูดแบบนี้อีก

    นายคงคิดว่าฉันงี่เง่า เป็นแค่ลูกแหง่ที่เอาตัวรอดไม่ได้ใช่ไหม

    ก็รู้ตัวนี่ มินซอกยิ้ม แบคฮยอนถอนหายใจเบา ๆ แล้วกุมมืออีกคนเอาไว้

    ฉันไม่ร้องไห้หรอกนะ

    ถึงร้องฉันก็ไม่โอ๋หรอก

    ฉันรู้

    แล้วพูดทำไม

    ก็แค่บอกให้รู้... ประโยคนี้มาพร้อมกับน้ำใส ๆ ที่คลอกับเบ้าตาอีกทั้งริมฝีปากที่เบะลงเล็กน้อยเหมือนกับว่าเจ้าตัวกำลังกลั้นสุดชีวิตที่จะไม่ร้องไห้ มินซอกชะงักไปชั่ววินาที เขาล่ะเกลียดจริง ๆ กับการที่ต้องมาเห็นใครสักคนร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเขาเนี่ย...

    ...

    ไม่ร้อง...ไม่ร้อง... แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นแล้วเอาสองนิ้วบีบจมูกตัวเอง มินซอกได้แต่มองคนข้าง ๆ ด้วยสายตาหวาด ๆ บางทีบยอนแบคฮยอนควรทำตัวให้น่าเห็นใจมากกว่าที่จะทำตัวตลกแบบนี้ใส่เขานะ

    ไปนอนไป

    นอนด้วย

    ไม่ให้นอน

    โซฟาตัวนั้นยังว่างนี่

    ฉันจะเอาไว้วางของ

    วางบนโต๊ะก็ได้ไม่ใช่เหรอ ให้ฉันนอนด้วยนะ

    บอกว่าไม่ไง พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอบยอนแบคฮยอน?

    รู้ แต่อยากนอนด้วย นอนคนเดียวข้างล่างไม่กลัวผีหรือไง แบคฮยอนอ้างพร้อมกับทำหน้าเรียกร้องความสงสาร ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผลแม้คิมมินซอกจะทำหน้าไม่พอใจอยู่ก็ตาม

    เก็บเรื่องพรรค์นั้นไว้กลัวคนเดียวเถอะ

    งั้นถ้าฉันบอกว่ากลัวผี มินซอกจะให้ฉันนอนด้วยใช่ไหม? แบคฮยอนยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอหน่วง มินซอกถอนหายใจหน่าย ๆ แล้วพยายามสะบัดมือออกแต่ก็ไม่เป็นผลนะ

    นะอะไรของนาย ไปห่าง ๆ เลยไป

    ได้ แบคฮยอนเดินไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับชันเข่าขึ้นมาทั้งที่ยังมองเขาอยู่ มินซอกเบือนหน้าหลบรอยยิ้มของเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างหัวเสีย

     

     
     

    ทำไมถึงได้ช่างตื้อแบบนี้นะ...?

     

     

     

     


     

    ผลลัพธ์ออกมาเป็นข่าวดีว่าพวกเขาคงได้ปักหลักอยู่ที่นี่ในช่วงฤดูหนาวที่ใกล้จะเข้ามาถึง นอกจากจะอยู่ใกล้แม่น้ำแล้วยังมีแหล่งให้ปล้นเสบียงอีกหลายแห่งแต่ว่าต้องเคลียร์เจ้าที่แถวนั้นสักหน่อย เช้าวันรุ่งขึ้นจงอิน ลู่หาน เทาและยุนฮาอาสาออกไปหาเสบียงกับเครื่องนุ่งห่ม ส่วนชานยอลอยู่ดูแลทุกคนที่นี่

    เป้าหมายแรกคือร้านขายเสื้อผ้า ลู่หานรับหน้าที่ปลดล็อคประตูแล้วทุกคนก็เข้าไปเก็บของที่อยู่ข้างใน เสื้อสเวทเตอร์ ผ้าพันคอ เสื้อโค้ท กางเกงยีนส์หลากหลายขนาดทั้งของชายหญิงถูกยัดใส่กล่องกระดาษโดยที่ไม่เลือกสีและลวดลาย

    ครบยัง เรามีที่ ๆ ต้องไปกันต่อ จงอินบอกแล้วคนอื่น ๆ ก็ยกลังกระดาษออกไปไว้ท้ายกระบะ เป้าหมายต่อไปคือการหาเสบียงในเมืองที่มีเพียงแค่ถนนสองเลนให้ขับผ่านเท่านั้น จงอิน เทาและยุนฮาช่วยกันดันรถที่จอดขวางทางออกเพื่อให้ลู่หานขับเข้ามาข้างใน

    ตรงนี้มีซุปเปอร์มาเก็ท ตรงนั้นมีมินิมาร์ทลู่หานชี้นิ้วบอก

    งั้นมึงกับกูไปซ้าย มึงกับมันไปขวา จงอินบอกลู่หานก่อนจะหันไปพยักเพยิดหน้าบอกเทากับยุนฮาแล้วสองคนนั้นก็แยกตัวไประวังตัวด้วยนะมึง

    นอกจากหมาที่ปากมึงคงไม่มีอะไรกัดกูได้แล้วล่ะ เทาบอกแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก สัดนี่ปากดี โดนลากไปแดกเมื่อไหร่กูจะใส่ชุดดำนั่งขำให้เหงือกสั่นเลยมึง

    ลู่หานเดินนำเข้าไปก่อน จากเสียงครางฮือทำให้เขารู้ว่ามีเจ้าที่อยู่ในนั้นมากกว่าหนึ่ง ทั้งคู่หันมามองหน้ากันแล้วส่งซิกบอก ลู่หานแยกไปทางขวาส่วนเขาแยกไปทางซ้าย มีดทำครัวโง่ ๆ ได้ใช้การอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่พอใจในผลงานมันสักเท่าไหร่ ลู่หานหันไปทำหน้าเนือยใส่คนที่กำลังสลัดคราบเลือดออกจากไขควงแล้วชูอาวุธให้ดู

    กูอยากได้อะไรที่มันดีกว่านี้

    เอาไรล่ะ? เครื่องบดหมูไหม

    บดที่หน้าจงอินหัวเราะแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปเก็บของ

    กูถามอะไรหน่อยดิ

    ว่ามาลู่หานตอบแล้วหยิบน้ำผลไม้กระป๋องขึ้นมาดูวันที่ หมดอายุแล้วแต่กระป๋องยังอยู่ในสภาพดี...ไหนจัดดิ๊ พึมพำกับตัวเองแล้วเกี่ยวที่เปิดออกก่อนจะกระดกอึก ๆ ลงคอ

    มึงได้กับมินซอกยังวะ?

     

     

     

    พรวดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!

     

     

     

    ไม่ต้องตอบละ จงอินกลั้นขำแล้วเก็บของใส่กระเป๋าเป้ ลู่หานดึงคอเสื้อขึ้นมาเช็ดปากทั้งที่ยังสำลักอยู่ ร่างโปร่งมองเพื่อนซี้ด้วยสายตาคาดโทษกับคำถามที่เกือบฆ่าเขาให้ตายด้วยน้ำผลไม้หมดอายุ

    แล้วมึงล่ะได้กับเซฮุนหรือยัง? เรื่องนี้เขาจะไม่ยอมเสียหน้าคนเดียวแน่ ลู่หานมองไปยังอีกคนที่เหวี่ยงกระเป๋าเป้ไปข้างหลังอย่างกับพระเอกหนังเห็นแล้วก็หมั่นไส้อยู่เล็ก ๆ กับสายตาที่มองมาอย่างกับผู้ชนะน่ะ

    คิดว่าไงล่ะ?

    คิดว่ามึงมันเหี้ย มึงมันส้นตีนไงครับ ลู่หานแค่นหัวเราะแล้วเก็บน้ำเปล่าใส่กระเป๋าเป้จนเต็ม นาทีนี้น้ำผลไม้หมดอายุคงไม่สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว ลาก่อน

    รู้กันสองคนนะ

    ต่อให้กูไม่บอกคนทั้งโลกก็รู้หมดแล้วล่ะ มึงสองคนเล่นตัวติดกันตลอดเวลาแบบนี้

    แปลกตรงไหนวะ ก่อนหน้านี้กูกับมึงก็อยู่ด้วยกันตลอดเหมือนกัน

    แต่กูก็ไม่เคยนอนกับมึงทุกคืนป่ะ อีกอย่าง...มึงไม่เคยมองกูด้วยสายตาลึกซึ้งแบบนั้น

    กูไปทำแบบนั้นเมื่อไหร่ มั่วป่ะสัด

    อ่อน ลู่หานส่ายหน้าหน่าย ๆ กับความขี้กากของเพื่อนซี้

    แหม ใครจะไปเก่งอย่างมึง ทั้งตกท่อขาเดาะ โดนแทงยังไม่ตาย สงสัยชาติที่แล้วกรรมจะเยอะ

    แมวยังมีเก้าชีวิต แล้วมึงดูกูครับ? กูเป็นใคร?

    โจรกระจอกที่งัดประตูเป็น

    แต่กูไม่แดกน้ำลายตัวเองนะ

    ...

    เอื้ออออ... ลู่หานยิ้มพอใจแล้วเดินออกไปข้างนอกแต่ก็ต้องหมอบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงปืนลั่น

     

     
     

    ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ

     

     
     

     

    “!!!”

    ร่างโปร่งก้มต่ำไปหลบหลังรถคันหนึ่งก่อนจะหันไปมองจงอินที่นั่งยอง ๆ อยู่ในมินิมาร์ท ร่างหนาชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอกแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนใส่หมวกโม่งกำลังยิงกราดใส่รถคันที่เทากับยุนฮาหลบอยู่

    เกิดอะไรขึ้นวะ?!” ลู่หานขยับปากเบา ๆ ถามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เทาส่ายหน้ารัวเป็นเชิงบอกว่าไม่รู้พร้อมกับชี้ไปยังศัตรูที่กำลังเดินมาทางนี้ จงอินใช้จังหวะทีเผลอวิ่งออกไปหาลู่หานแต่ก็ยังมีคนเห็นอยู่ดี

    มีตรงนั้นอีกคนนึง!”

    เหี้ยแล้วมึง ทั้งคู่มองหน้ากันพลางกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ กูหนีมาตั้งไกลยังเสือกเจอพวกคนจันไรแบบไอ้พวกเปรตนั่นอีก ลู่หานพึมพำเบา ๆ เมื่อนึกถึงค่ายนรกที่ทำให้เขาเจ็บแทบปางตาย ร่างโปร่งหมอบลงต่ำจนหน้าแนบกับพื้นซีเมนต์เพื่อดูว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้แค่ไหนแล้ว

    พวกมันมีกันกี่คน?

    เก้า มาเป็นเกิร์ลเจนเลยไอ้เหี้ย

    พวกมันมีปืนทุกคน ถ้าวิ่งตอนนี้คือตายแน่ไม่ต้องสืบ จงอินบอกแล้วลู่หานก็พยักหน้าทั้งที่ยังมองไปยังผู้บุกรุกอยู่

    เอาไงดีวะมึง

    ต้องแยกกันแล้วว่ะ ขืนไปพร้อมกันแม่งยิงมั่ว ๆ ยังไงก็โดน

    เออ แล้วเด็กหอกสองคนนั้นเอาไงวะ ร่างหนาทำหน้าครุ่นคิดแล้วชี้มือบอกให้เทาวิ่งหนีไปอีกฝั่ง ตอนนี้ดูเหมือนว่าคังยุนฮาจะกำลังสติแตกจนเทาต้องหันไปเตือนสติ

    มึงไปซ้าย กูไปขวา แล้วไปเจอกันที่บ้านเลยโอเคนะ?

    ทราบ ลู่หานคลายเชือกรองเท้าแล้วผูกใหม่ให้แน่นหนา พอร่างกายใช้งานได้ก็เล่นกูเลยนะพวกมึง! กูล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าแม่งเป็นใคร

    จะเป็นใครไม่สำคัญหรอก ไปสัด!” จงอินตบหลังอีกฝ่ายปุ ๆ แล้วออกตัววิ่งไปทางขวาเพื่อล่อเป้ามาทางนี้จังหวะนั้นเทากับยุนฮาก็วิ่งไปอีกทางเช่นกัน ลู่หานก้มลงมองรองเท้าบูทหนังสีดำที่กำลังเดินมาทางนี้แล้วก็ค่อย ๆ อ้อมไปข้างหลังรถโดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัว

     

     
     

    ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

     
     

     

    เสียงปืนกลสาดไปยังร่างหนาที่วิ่งก้มต่ำหนีออกไปจากตรงนี้ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงตะโกนบอกให้เปลี่ยนพิกัดไปยังเด็กสองคนที่วิ่งหนีไปอีกทาง

     

     
     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

     
     

     

    เสียงหวีดร้องของใครคนหนึ่งทำให้ลู่หานหยุดชะงัก ร่างโปร่งหมอบลงต่ำแล้วก็พบว่าคนที่ถูกยิงคือเด็กปากหมาคังยุนฮา กลุ่มผู้ร้ายรีบวิ่งเข้าไปเหยียบแผ่นหลังเด็กหนุ่มเอาไว้พร้อมกับเอาปืนจ่อหัว

    ชิบหายแล้วมึง...

    จะว่าห่วงไหมก็ห่วงแต่นาทีนี้เขาคงช่วยอะไรไม่ได้ ลำพังจะให้โชว์สดเข้าไปบวกกับพวกมันเก้าคนก็ใช่เรื่อง ลู่หานกัดฟันกรอดแล้ววิ่งหลบไปทางข้างหลังเพื่อหาทางอ้อมหนีออกไป

    ยังเหลือตรงนั้นอีกคนนึง!”

    ห่าเอ๊ย... ถอนหายใจหนัก ๆ แล้วกัดฟันวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามี เอี้ยวหันไปข้างหลังเห็นชายใส่หมวกโม่งวิ่งตามมาติด ๆ ถึงสองคน อีกทั้งข้างหน้ายังมีผีดิบยืนดักอยู่อีก ลู่หานดึงมีดโง่ ๆ ออกมาแล้วฟันหัวมันเพื่อให้พ้นทางก่อนจะหมอบลงต่ำเมื่อถูกโจมตีด้วยปืนอีกครั้ง

    ตามมันไป!”

     

     

    นรก! อยากหันไปถามจริง ๆ ว่ากูไปฆ่าพ่อมึงเหรอทำไมถึงได้ตามจองล้างจองผลาญกูขนาดนี้?!

     

     

    ร่างโปร่งหอบหายใจหนัก ข้างหน้าเป็นป่าทึบที่เขาคิดว่าน่าจะใช้อำพรางเอาตัวรอดได้ แต่หันกลับไปก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าไอ้โม่งดำมันยังคงไล่ตามมาติด ๆ ลู่หานล้มลุกคลุกคลานไปตามทาง แหวกต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง...

     

     
     

    “!!!!!”

     

     
     

    ลู่หานถูกล็อคคอไว้ด้วยวงแขนแกร่งก่อนที่ร่างของเขาจะเดินถอยหลังไปทีละก้าว ร่างโปร่งนิ่วหน้าเจ็บพยายามจะต่อสู้กับใครอีกคนที่คิดจะเอาชีวิตเขาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะขนาดตัวของอีกฝ่าย ไอ้โม่งตัวสูงออกแรงหนักกว่าเดิมเมื่อเขาพยายามจะดึงหมวกนั้นออก ลมหายใจติดขัดเพราะช่วงคอถูกรัด...ชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเองว่ารอดมาได้ถึงขนาดนี้แล้วยังไงเขาก็ไม่ยอมมาตายที่นี่แน่

    ลู่หานกระชากหมวกโม่งออกมาอย่างแรงก่อนจะกระทุ้งศอกใส่เอวหนาจนวงแขนแกร่งคลายออกจากคอเขา ร่างโปร่งเซไปข้างหน้าพลางกำคอเสื้อตัวเองพร้อมกับโกยอากาศเข้าปอด พอหันกลับเข้าหาบุคคลปริศนาอีกครั้งแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อถูกฝ่ามือปิดริมฝีปากพร้อมกับมืออีกข้างที่กำคอเสื้อเขาเอาไว้

    ใบหน้าหล่อได้รูปกับรอยแผลเป็นตรงโหนกแก้ม ผมสีดำขลับไถข้างจนไม่เหลือเค้าเดิม นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนที่มือแกร่งจะค่อย ๆ คลายออกเมื่อเจ้าของหมวกโม่งสีดำสื่อสารกับเขาด้วยสายตาเรียบร้อยแล้ว

     

     
     

     

    หาที่เกาะเอาไว้แน่น ๆ

     

     

     
     

    พูดจบร่างของเขาก็ถูกคนตัวสูงผลักตกลงไปข้างล่าง ถึงจะยังอยู่ในอาการช็อกสุดขีดแต่เขาก็รีบคว้าจับสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุดเอาไว้เพื่อไม่ให้ตกลงไปข้างล่างที่มีน้ำเชี่ยวพัดผ่าน เถาวัลย์คือสิ่งแรกที่เขาจับเอาไว้ได้ ลู่หานนิ่วหน้าเจ็บเพราะร่างของเขากระแทกกับหินก้อนใหญ่อย่างจัง พอเรียกสติขึ้นมาได้ก็เงยหน้าขึ้นไปข้างบน ชายหนุ่มร่างสูงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นหากแต่มีใครอีกคนเดินมาสมทบ ได้ยินบทสนทนาที่พูดถึงการไล่ล่าเขา

    มันตกลงไปข้างล่าง คงคอหักตายไปแล้ว

    ไหนวะ?

     ลู่หานเบิกตากว้างแล้วเหวี่ยงตัวเองให้ไปทางด้านข้างพร้อมกับเกาะก้อนหินเอาไว้เพื่อให้ต้นไม้อำพรางร่างของเขา เห็นคนสองคนชะโงกหน้าลงมาดูผลงานแล้วชายวัยกลางคนก็ตบบ่าร่างสูงแทนคำชมเชย

    ทุกอย่างในหัวตีกันไปหมด ใช่...ไม่ผิดแน่...ผู้ชายหมวกโม่งที่ไล่ล่าและคิดจะเอาชีวิตเขาน่ะ...จะว่าเป็นคนละคนก็ไม่ใช่เพราะถ้ามันคิดจะฆ่าเขาจริง ๆ แล้วประโยคคำเตือนเมื่อกี้มันคืออะไร?

     

     

     

    ไม่ว่าไอ้หมอนั่นจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม...ยังไงเขาก็ต้องรีบเอาเรื่องนี้ไปบอกจงอินให้เร็วที่สุด...

     

     

     

    บอกกับทุกคนให้รู้...ว่าอู๋อี้ฟานยังมีชีวิตอยู่...

     

     

     


     








     

     

    TBC

     

     

     

     

    กรี๊ดดดดดดดดด

     

     

    #โครงการสงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

    #YIFANComeBackStage

    นั่นใครอ่ะ คนหน้าเหมือนหรือตัวจริง? ทำไมพี่อี้ฟานเปลี่ยนไป๋ เกิดอะไรขึ้น ต้องติดตามนะบอกเลย 
     




    [พื้นที่โฆษณา]

    ที่รักคะ ปิดจองฟิคซอมบี้ซีซั่น 1 วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้แล้วนะคะ ใครยังไม่จองให้รีบจองเลย เดี๋ยวพลาดนะตัวเอง ลิงค์ข้างล่างนี้นะ โอเค รู้เรื่อง 
    http://my.dek-d.com/dek-d/story/viewlongc.php?id=1015157&chapter=35

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×