ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "MEAN BOY" มนุษย์ชานยอล | CHANBAEK KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 21 :: His Birthday

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.16K
      106
      28 ส.ค. 57

     

     

    Chapter 21

    His Birthday

     
     

     

    ไปอาบน้ำไป เหม็นเหงื่อ

     

    ได้

     

    คนเป็นหลานตรงดิ่งเข้าไปเอาผ้าขนหนูในห้องโดยที่ไม่อ้อล้อกวนประสาทอย่างที่เคย แบคฮยอนหรี่ตามองไปยังเด็กหนุ่มที่หันมายิ้มกวนใส่ พอเห็นงั้นเลยกำหมัดขึ้นพร้อมกับขยับปากบ่นนั่นแหละไอ้เด็กแสบถึงได้ยอมไปอาบน้ำดี ๆ

     

    เมื่อกี้เพิ่งไปดูหนังกันมาซึ่งปาร์คชานยอลก็เลือกสไตล์ได้น่ารักน่าชังเหลือเกิน ไอ้หนังแนวผีผ่างก็ไม่ถูกจริตเขาอยู่แล้ว พูดก็พูดเถอะครับ ไอ้ผีเนี่ยใคร ๆ ก็กลัวทั้งนั้นแหละถ้าได้เห็นมันกับตาน่ะนะ ถามว่าส่วนตัวเคยเห็นจริง ๆ ไหม ก็ไม่เคยครับ แต่หนังผีมันฉายให้เห็นแถมยังมาพร้อมเสียงโหยหวนไงก็เลยหลอน

     

    ระหว่างดูก็ยกขาขึ้นทั้งน้าทั้งหลาน เบาะที่มีพนักวางแขนกั้นไว้ถูกยกขึ้นแล้วปล่อยให้หัวชนกับอีกฝ่ายเพราะความกลัว เสื้อแขนยาวของชานยอลถูกถอดออกมาคลุมขาของทั้งสองคนที่ยกขึ้นมา แม้จะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่มันก็ทำให้รู้สึกปลอดภัยจากความน่ากลัวของผีในจอขนาดใหญ่เท่านาสิบไร่นั่นได้

     

    ไอ้เด็กแสบยกมือขึ้นปิดตาแล้วแหวกนิ้วออก แน่นอนว่าแบคฮยอนก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน ก็ไอ้วิธีดูหนังผีครึ่งราคาแบบนี้น่ะเขาเป็นคนสอนชานยอลเองสมัยเจ็ดปีที่แล้ว ตอนสิบขวบซ่าไงครับ วัยกำลังเก่ง ใครบอกว่าทำอะไรไม่ได้เป็นต้องลองหมด อย่างตอนนั้นไอ้จงอินแซวว่ามันเป็นตุ๊ดคงไม่กล้าดูหนังผี เท่านั้นแหละ...โดนลากไปดูวันนั้นโดยไม่ถามความสมัครใจกูเลยสักคำ

     

    ตอนเดินออกมาจากโรงหนังมันก็โม้ไม่หยุด บอกว่าฉากนั้นนะไม่เห็นจะน่ากลัวเลย รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แล้วก็จบแบบผีชนะตามระเบียบ ไอ้เขาก็ได้แต่แค่นหัวเราะ อยากให้มันเห็นสภาพตัวเองตอนยกขายาว ๆ ขึ้นมาบนเบาะจริง ๆ แถมยังซุกหน้ากับไหล่กูอีกตอนผีจะออก

     

    นึกแล้วก็ขำ แบคฮยอนรู้สึกว่าช่วงนี้ชานยอลได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตเขาพอสมควร ไม่ว่าจะทำอะไรเด็กนั่นก็จะมีส่วนร่วมด้วยตลอด อย่างตอนเดินในห้างก็ไม่ยอมให้เขาถือกระเป๋าเองแม้กระทั่งถุงกระดาษที่ใส่เสื้อผ้า เจ้าตัวอ้างว่าเป็นหลานที่ดีต้องดูแลน้า แน่นอนว่ามันทำให้เขาหลุดขำ

     

    แบคฮยอนเอาเสื้อผ้าที่เลอะน้ำมะนาวไปแช่กะละมังข้างบ้านก่อนจะกลับมาเปิดทีวีดู ละครหลังข่าวจบไปแล้วตอนนี้เหลือแค่รายการทำอาหารช่วงห้าทุ่มที่ยังฉายเรียกน้ำย่อยอยู่ คนตัวเล็กนั่งลงบนโซฟาเอนหลังพิงพนักแล้วเปิดแอร์ พอความเย็นเริ่มคงที่เปลือกตาก็หนักอึ้ง ร่างที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันค่อย ๆ เอนตัวลงนอนกับโซฟาพร้อมกับดึงหมอนอิงมาหนุน

     

    ชานยอลออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับขยี้เส้นผมที่เปียกลู่ เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าประตูในสภาพผ้าเตี่ยวผืนเดียวเมื่อเห็นเท้าน้าชายโผล่ออกมาจากโซฟาแต่ตัวคนหายไปไหนก็ไม่รู้

     

    ขายาวก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ผล็อยหลับไปแล้ว เสียงทีวีจากรายการทำอาหารยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบให้กับทั้งคู่ในเวลานี้ เด็กหนุ่มยืนมองคนตัวเล็ก อาจจะสักสองนาทีหรือมากกว่านั้นแต่เขารู้สึกอยากอยู่แบบนี้ไปอีกสักหน่อย

     

    เสียงมือถือสั่นตรงโต๊ะหน้าโซฟาเรียกความสนใจให้หันไปมอง ชานยอลเอื้อมไปหยิบมันมาสไลด์ดูแล้วก็พบว่าคนที่ทักไลน์มาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก...

     

     

    ครูพี่อี้ฟาน

    กลับถึงบ้านหรือยังครับ?  20:30

     

    ครูพี่อี้ฟาน

    ถ้าถึงบ้านแล้วตอบด้วยนะ (:  21:40

     

    ครูพี่อี้ฟาน

    รำคาญพี่หรือเปล่าครับ?  22:01

     

    ครูพี่อี้ฟาน

    พี่คิดมากนะ อย่าเงียบไปแบบนี้สิแบคฮยอน  22:25

     

    ครูพี่อี้ฟาน

    ขอโทษที่งี่เง่านะครับ  22:46

     

    ครูพี่อี้ฟาน

    คิดถึง  23:15

     

     

    ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นหลังจากอ่านจนมาถึงข้อความสุดท้ายแล้ว เขาได้แต่คิดว่าควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนั้นดีระหว่าง Read ให้ว้าวุ่นเล่น ๆ หรือว่าจะตอบกลับไป แต่วิธีไหนจะทำให้เขารู้สึกเหนือกว่าล่ะ ส่งสติ๊กเกอร์กวนส้นตีนไปเฉย ๆ มันจะเงิบไหม หรือตอบอืม ดี? แต่อันนี้ท่าจะเจ็บจริง

     

    โทษทีเถอะ ใจจริงเขาก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ...เออ...ยอมรับก็ได้ว่าอยากทำ ปาร์คชานยอลยังมีความเป็นเด็กอยู่มากถึงได้มีความคิดอยากอยู่เหนือกว่าคนที่เคยพยายามทำแบบนั้นกับเขามาแล้ว ซึ่งที่อู๋อี้ฟานทำมันก็ได้ผล เด็กหนุ่มยังจำเรื่องวันนั้นได้ดี

     

    ชานยอลเลือกที่จะวางมือถือไว้ที่เดิมโดยที่ไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้ถูกแบคฮยอนด่า อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้คนตัวเล็กเข้าใจได้ว่ามือถือเครื่องนี้มีปัญหาเปิดอ่านข้อความเอง หรือไม่ก็ผีแกล้ง เครื่องห่วย สัญญาณมือถือกวนตีน ทุกอย่างในโลกสามารถหยิบยกมาดริ๊ฟท์ได้ทั้งนั้นตราบใดที่ชานยอลไม่พูด

     

    เด็กตัวสูงย่อตัวลง แขนแกร่งที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ตามเนินผิวค่อย ๆ เอื้อมไปข้างหน้าเพื่อเขี่ยปรอยผมออกจากหน้าผากมนให้อย่างเบามือ เคยได้ยินตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าสีชมพูนั้นเหมาะกับผู้หญิงเพราะมันเป็นสีหวานแหวว แต่วันนี้ปาร์คชานยอลรู้แล้วว่ามันก็เหมาะกับแบคฮยอนเหมือนกัน

     

    เด็กหนุ่มอมยิ้มขณะมองเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน นับวันน้าชายของเขาก็ยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแบบนี้มันไม่ดีเลย มันทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง อะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ อะไรที่ไม่เคยพูดก็ได้พูด และมันเพิ่งเกิดขึ้นกับแบคฮยอนเป็นคนแรก

     

    เคยเห็น Quotes คำคมในอินเทอร์เน็ต ใครสักคนบอกไว้ว่าเวลาคนเรามีความรักก็มักจะเป็นควายกันทั้งนั้น เลือกปิดหูปิดตาแล้วก็เชื่อความรู้สึกของตัวเอง ไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นและสิ่งที่จะตามมาภายหลัง คนพวกนั้นอาจจะคิดถูกแล้วก็ได้ แต่ในความคิดของชานยอลมันฉีกไปอีกทางนึงว่าการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมาเสียดายทีหลังถ้าไม่ได้ทำ

     

    ชานยอลชะงักมือเมื่ออีกคนลืมตาขึ้นมาสบตากัน สีหน้าคนตัวเล็กไม่ได้ดูตื่นตระหนกแล้วลุกขึ้นมาฟาดหัวเขาไม่ยั้งอย่างที่คาดคิดเอาไว้ คนเป็นน้าเพียงแค่ปรือตามองเขาเหมือนคนเมาง่วงสุด ๆ สภาพแบบนี้คิดว่าแบคฮยอนคงพร้อมจะหลับได้ทุกครั้งที่กระพริบตาลง

     

     

    ไม่ดีเลย...หวังว่าแบคฮยอนจะมองด้วยสายตาแบบนั้นกับเขาแค่คนเดียวนะ  

     

     

    ชานยอล

     

    อื้ม

     

    เด็กหนุ่มหัวใจเต้นตึกตัก ๆ แน่นอนว่าการไม่ถูกด่า ไม่ถูกทำร้ายร่างกายมันเป็นสัญญาณที่ดีในการเชื่อมโยงไปฉากโรแมนติก บางทีแบคฮยอนอาจจะเอื้อมมือมารั้งท้ายทอยเขาเข้าไปขยี้จูบแล้วหอบหายใจกระเส่าก่อนจะพูดว่าน้าไม่ไหวแล้ว... ก็ได้

     

    คือ...

     

     

    ว่ามาเลยแบคฮยอน ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว ฟันก็เพิ่งแปรงมารับรองหอมเฟรชสุด ๆ

     

     

    นั่งดี ๆ หน่อยแหนมของแกมันชี้หน้าฉันอยู่

     

    ...

     

    นั่นน่ะ

     

    เด็กหนุ่มใช้เวลาประมวลผลประโยคนี้อยู่ครู่หนึ่งและก็ได้ตัวช่วยเป็นสายตาคู่นั้นที่กำลังหลุบมองข้างล่าง แค่นั้นแหละปาร์คชานยอลถึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังนั่งเปิดหวออยู่

     

    ...!!!!”

     

    ฉันเห็นตั้งแต่มันเล็กเท่านิ้วก้อย ยังมีอะไรต้องอายอีก เด็กตัวสูงหน้าขึ้นสีจัด สองมือตะครุบเป้าตัวเองไว้แล้วรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คนเป็นน้าทำตาปริบ ๆ มองหลานชายที่อยู่ในสภาพผ้าเตี่ยวผืนเดียวแล้วก็ยิ้มขำ

     

    อนุญาตให้ใช้ห้องน้ำต่อได้ แต่ล้างออกด้วยนะอย่าให้เลอะพื้น แบคฮยอนว่าแล้วอ้าปากหาวหวอด ๆ นั่นยิ่งทำให้ชานยอลหน้าเสียยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

     

    ผมไม่ใช้หรอก! ผมจะไม่ทำอะไรเลยด้วย!” ชานยอลเชิดหน้าเถียง พอเห็นว่าน้าชายตัวเล็กไม่สะเทือนก็เลยรีบกลับเข้าไปในห้องแล้วเอาหัวโขกกับผนังเพราะความอับอาย  

     

     

     

     

    ขอบคุณครับ!”

     

    ชานยอลโค้งหัวขอบคุณลุงชินหลังจากที่ซื้อพุดดิ้งหลากรสเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นใจให้หมด ทั้งท้องฟ้าสว่างสดใสกับลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปรอบตัว การเดินไปตามฟุตปาธตอนสาย ๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงได้เลือกขึ้นแท็กซี่แทนที่จะเดินกินลมชมวิวแบบนี้นะ

     

     

    เอาเถอะ วันนี้ปาร์คชานยอลจะขึ้นรถเมล์แล้วกัน

     

     

    ฮัลโหลแบคฮยอน

     

    ( อ้อ ว่าไง? )

     

    ได้พุดดิ้งกล้วยมาด้วย อยากกินอะไรอีกไหม?

     

    ( ไม่ต้องแล้ว กลับมาทำกินที่บ้าน )

     

    โอเค กำลังจะนั่งรถเมล์กลับนะ

     

    ( โว้ว ผีเข้าเหรอ นึกไงนั่งรถเมล์? )

     

    เออน่า แล้วเจอกัน

     

    เด็กหนุ่มอมยิ้มแล้วกดวางสาย ถึงมันจะดูเหมือนเด็กอนุบาลที่ชอบอวดเวลาทำความดีก็เถอะ แต่เขาก็อยากให้แบคฮยอนรู้สึกว่าเด็กคนนี้ยังมีอะไรดี ๆ อยู่บ้างถึงเรื่องที่เอาไปอวดมันจะไม่มีอะไรดีเลยก็ตาม

     

    ขายาวเดินมาหยุดอยู่หน้าป้ายรถเมล์ ยืนรออยู่ประมาณห้านาทีก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนคุ้นตาที่เพิ่งลงจากรถคันสีดำฝั่งตรงข้าม ผู้ชายตัวสูงภูมิฐาน ทั้งที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปธรรมดา ๆ แต่ก็เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้เพราะความหล่อ

     

    ชานยอลเพ่งมองอยู่อย่างนั้นแล้วก็เดินถอยไปทางด้านขวามือเมื่อรถเมล์ขับมาจอดเทียบฟุตปาธจนบังเป้าหมาย อันที่จริงเขาจะไม่สนใจก็ได้ว่าผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่ร้านดอกไม้ แต่เพราะคำพูดประโยคหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวนั่นแหละที่ทำให้ต่อมเสือกทำงานอย่างฉับพลัน

     

     

    แฟนคนล่าสุดของผมเป็นเจ้าของร้านดอกไม้น่ะ

     

     

     

    ไม่ได้การละ...

     

     

    CONAN MODE : ON

     

     

    เด็กหนุ่มมองซ้ายขวาดูรถ พอได้จังหวะก็รีบวิ่งข้ามไปอีกฝั่ง แน่นอนว่าเขาไม่วิ่งไปโง่ ๆ ให้ไอ้ครูขี้เก๊กนั่นเห็นแน่นอน แผ่นหลังกว้างทาบกับกระจกร้านเสื้อผ้า ท่าทางการยืนในตอนนี้หน่วย S.W.A.T. ยังต้องเรียกพี่ ชานยอลค่อย ๆ ก้าวไปทางด้านข้างโดยไม่สนใจว่าผู้คนที่ผ่านไปมาจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน

     

    หายไปไหนมา

     

    เด็กตัวสูงค่อย ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปในร้านดอกไม้ ประโยคคำถามเมื่อครู่มาจากผู้หญิงผมยาวดัดลอนปลายอ่อน ๆ เธออยู่ในชุดเดรสสีขาวเลยเข่า ส่วนมือทั้งสองข้างกำลังตัดก้านดอกไม้

     

    ไม่ค่อยว่างน่ะ เธอกับเขาสบายดีนะ?

     

    เรื่อย ๆ จ้ะ ว่าแต่นายเถอะเป็นอะไรหรือเปล่า ดูไม่สดใสเลย

     

    ...งั้นเหรอ?

     

    ใช่ ดูสิ ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ เธอวางกรรไกรกับดอกไม้ลงแล้วเอื้อมไปเอาตลับแป้งพับมาเปิดเพื่อให้อีกคนดูหน้าตัวเอง

     

    แต่ความหล่อไม่ลดลงใช่ไหม?

     

    ลด ลด ลด เธอทำตาโตก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมา

     

    “แล้วนี่แฟนเธอไปไหนล่ะวิคตอเรีย?

     

    อยู่กับฉันอย่าพูดถึงเขาสิ

     

    โอเค งั้นเอาดอกลิลลี่สีชมพูช่อนึง อี้ฟานล้วงกระเป๋าเงินหนังสีดำออกมา หญิงสาวย่นจมูกดูผิดหวังหน่อย ๆ ที่อีกฝ่ายเปลี่ยนไปเรื่องอื่นที่ไกลเกินที่เธอคาดเอาไว้

     

    ซื้อไปให้ใครล่ะคราวนี้

     

    พูดเหมือนฉันเปลี่ยนคนบ่อยอย่างนั้นแหละ

     

    เปล่า ฉันถามเพราะคราวที่แล้วนายก็ไม่บอกไง

     

    ไม่บอกแปลว่าไม่อยากให้รู้ ร่างสูงยิ้มขำ

     

    หน่อยน่า~”

     

    รีบ ๆ จัดมาเลยยัยขี้เกียจ ชานยอลทำปากเหมือนลิงทันทีที่เห็นอู๋อี้ฟานผลักหัวหญิงสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู เธอหัวเราะแล้วผลักไหล่ร่างสูงก่อนจะเดินไปจัดช่อดอกไม้ให้

     

    สกินชิพ : 70% แต่ไม่ออกแรงมาก ยังเล่นช่วงแขนแสดงว่าอยู่ในระดับแฟนเก่าที่ยังเป็นเพื่อนกันได้

     

    บทสนทนา : 60% ยังมีช่องว่างที่ไอ้ครูนั่นเว้นไว้อยู่ คาดว่าคงไม่ได้สนิทกันพอที่จะคุยได้ทุกเรื่อง ชัดเจนถึงสเตตัสการเป็นแฟนเก่า

     

     

     

    ไม่ได้การละ...ต้องเข้าไปหักหน้ามันสักหน่อย รับรองมีหน้าสั่น

     

     

     

    อะแฮ่ม!”

     

    ร่างสูงหันไปทางประตูที่ใครอีกคนเพิ่งเดินเข้ามาในร้าน มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกงส่วนอีกข้างถือถุงพุดดิ้งนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจนัก จากสีหน้าชานยอลที่แสดงออกว่าไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้มันก็เป็นคำตอบได้แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

     

    สวัสดีครับ ซื้อดอกไม้หน่อย

     

    รอสักครู่นะคะ!”

     

    ได้เลยครับพี่สาว ไม่ต้องรีบนะ ผม รอได้ เด็กหนุ่มตะโกนกลับไปก่อนจะหันมาทำหน้าตกใจเกินจริงที่เห็นใครอีกคนนั่งอยู่บนโซฟา เฮ้ย! บังเอิญอ่ะ!”

     

    ... อี้ฟานลดระดับสายตาลงมาสนใจกับสมาร์ทโฟนในมือ พอเห็นแบบนั้นก็งิดครับ นี่กูเข้ามาเพื่อให้มึงรู้สึกผิด รู้สึกหน้าแตก รู้สึกแพ้ หรืออะไรก็ได้แต่ไม่ใช่การเมินกูแบบนี้

     

    นั่น...ยังเฉยอีก...ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้เจ้าของร้านต้องเอาดอกไม้มาส่งแล้วให้มันเดินหนีไปทั้งที่เขายังไม่ได้สร้างความร้าวฉานแน่

     

    นี่พี่

     

    หืม? ร่างสูงขานตอบในลำคอทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ชานยอลเห็นอย่างนั้นเลยมองเข้าไปข้างในก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง

     

    ซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมเพื่อนเหรอ?

     

    เปล่า

     

    อ้าว นึกว่าเพื่อนไม่สบายซะอีก เห็นพี่คนนั้นจัดดอกทิวลิปสีชมพู ชานยอลเท้าแขนลงกับตู้กระจกขณะมองไปยังใครอีกคน

     

    จำผิดแล้วมั้ง เพราะถ้าจะเอาไปเยี่ยมญาติดอกทิวลิปสีเหลืองน่าจะเหมาะกว่า อี้ฟานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มให้เด็กตัวสูงเพราะความหมายของดอกทิวลิปสีชมพูคือที่สุดของหัวใจกับความอ่อนหวานของคุณช่วยเติมเต็มให้กับชีวิตผมถ้าเอาให้เพื่อนคงรู้สึกขนลุกแปลก ๆ

     

    ชานยอลเบ้ปากกับความหมายเลี่ยนแดกขั้น Beyond แต่เสือกตอกหน้าเขาให้หงายเงิบได้อีกแล้ว ถึงจะสงสัยว่าทำไมไอ้ครูขี้เก๊กมันรู้เรื่องความหมายดอกไม้ดีจังแต่สุดท้ายก็จบด้วยความคิดที่ว่าก็มันเคยมีแฟนเป็นเจ้าของดอกไม้ เพราะงั้นเรื่องนี้เลยถูกยกไป

     

    พี่ครับ! ขอดอกไม้ที่มีความหมายว่าผมรักคุณที่สุดในโลก แถมรักมากกว่าคนแถวนี้ล้านล้านเท่าให้ผมสักช่อหน่อย!”

     

    สักครู่นะคะ!!”

     

    ผมจะเอาเดี๋ยวนี้! เอาแบบความหมายลึกซึ้งชนิดที่ว่าคนเห็นดอกไม้ต้องเขินจนวัวตายควายล้มแล้วตกลงปลงใจเป็นแฟนผมทันทีอ่ะ!”

     

    สักครู่ค่ะ!!!”

     

    โอเค!!! ก็ได้!!!” ชานยอลขยับปากบ่นอุบอิบก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งแล้วก็พบว่าไอ้ครูหอกนั่นกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ ขำไรวะสึด เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว ดอกทิวลิปสีชมพูของมึงเป็นหมันแน่

     

    ได้แล้วอี้ฟาน

     

    ขอบใจนะ ร่างสูงลุกขึ้นไปหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ชานยอลชะโงกหน้ามองดอกทิวลิปสีชมพูที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามแล้วก็แอบเครียดอยู่ลึก ๆ

     

    คุณลูกค้าจะรับเป็นดอกอะไรดีคะ

     

    ห...หะ?

     

    เอาสิ อยากได้อะไรก็บอกพี่เขาไป อี้ฟานยิ้ม บอกเลยว่ามันเป็นรอยยิ้มของคนมีชัยและกวนส้นตีนที่สุดในโลก ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วเหล่มองหญิงสาวเจ้าของร้านดอกไม้

     

    เอาดอกไม้ที่สื่อว่าผมโคตรรัก โคตรเครซี่ โคตรแอดดิกซ์มาสักช่อ ไม่สิ...ผมเปลี่ยนใจละ งั้นเอาเป็นดอกไม้ที่ความหมายชนะดอกทิวลิปสีชมพูมาให้ผมช่อนึง พูดจบก็แค่นหัวเราะ เอาสิมึง งานนี้แหละได้นั่งอธิบายโคตรเหง้าประวัติศาสตร์ดอกไม้ให้แบคฮยอนฟังกันสนุก

     

    งั้นเป็นดอกกุหลาบไหมคะ แสดงถึงความรัก คลาสสิคดี

     

    กุหลาบก็ชนะทิวลิปแล้วใช่ไหม? เด็กหนุ่มถามด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    หรือจะเป็นทิวลิปสีส้มดีล่ะชานยอล? เด็กตัวสูงหันหน้าเขาหาครูหนุ่มที่กำลังช่วยแนะนำให้กับเขาความหมายก็ดีเหมือนกัน

     

    มันหมายความว่าไง? ชานยอลขมวดคิ้ว

     

    หมายความว่าสุขใจที่ได้อยู่ใกล้คุณน่ะค่ะส่วนใหญ่จะให้ญาติพี่น้อง

     

     

    ตึง!!!!

     

     

    ไม่ต้องสงสัยว่าเสียงอะไร เสียงหน้ากูเองครับ สั่นเป็นเจ้าเข้ากันเลยทีเดียว

     

     

    ไม่เอา ทิวลิปสีส้มนี่ก็เก็บไปเลย ชานยอลทำมือปัด ๆ แล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว

     

    งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน

     

    โอเค ว่าง ๆ ไว้ไปทานข้าวด้วยกันนะ ชานยอลหันไปมองชายหญิงที่กำลังโบกมือลากันและปล่อยให้เขายืนง่อยแดกเลือกดอกไม้อยู่คนเดียว พอเห็นงั้นเลยเดินถอยหลังแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกเจ้าของร้านว่าไม่เอาแล้ว

     

    ร่างสูงเปิดประตูรถแล้ววางดอกไม้ไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ชานยอลวิ่งตามมาหยุดอยู่ข้างหลังแล้วเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย

     

    เฮ้!”

     

    อ้าว ไม่ซื้อดอกไม้แล้วเหรอ?

     

    ไม่ซื้อละ

     

    อ้อ งั้นก็กลับบ้านดี ๆ นะ อี้ฟานพยักหน้าแล้วปิดประตูรถ แต่ก็ต้องค้างมือไว้กับพวงมาลัยเมื่อจู่ ๆ เด็กตัวปัญหาก็เปิดประตูเข้ามานั่งตรงเบาะหลังหน้าตาเฉย

     

    จะไปบ้านผมใช่ไหม

     

    ...

     

    ขอติดรถไปด้วยดิ

     

    ...

     

    ร่างสูงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงถึงแม้ว่าจะหงุดหงิดกับวันดี ๆ ที่เขาคิดว่าคงไม่ต้องเจอเรื่องแย่ ๆ อย่างที่เป็นอยู่ อี้ฟานมองเด็กหนุ่มผ่านกระจกมองหลังแล้วก็เห็นว่าชานยอลกำลังแกะถ้วยพุดดิ้งกินโดยไม่ขออนุญาตสักคำ

     

    ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงแค่เสียงเข้าเกียร์เท่านั้นที่ได้ยิน อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะอาศัยรถไอ้ครูนี่มาหรอก แต่เพราะคิดว่าที่ทำอยู่มันน่าจะทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดได้ มันก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาโอเค

     

    พรุ่งนี้วันเกิดเราแล้วใช่ไหม?

     

    ชานยอลมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลัง ซึ่งอู๋อี้ฟานก็มองเขาอยู่เช่นกัน ชานยอลพยักหน้าเป็นคำตอบ ดูเหมือนว่าอู๋อี้ฟานกำลังจะเริ่มสงครามประสาทกับเขาแล้ว

     

    รู้ได้ไง

     

    ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเรา พี่ก็รู้มาจากแบคฮยอนทั้งนั้นแหละครับนั่นไง กูว่าแล้ว มึงจะตอบไม่ยั่วโมโหกูบ้างมันจะเป็นไรไหมไอ้ครูสากกระเบือ

     

    ประมาณนั้น

     

    จะไปฉลองที่ไหนล่ะ?

     

    ถามทำไมอ่ะ อยากไปด้วยไง?

     

    เปล่าครับ พี่จะได้รู้ว่าเราจะพาแบคฮยอนไปด้วยหรือเปล่า เพราะพี่กะจะชวนเขาออกไปดูงานนิทรรศการศิลปะด้วยกัน แต่คงไม่ได้พาน้าไปด้วยหรอกใช่ไหม? เพราะอย่างเราน่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนมากกว่า

     

    ชานยอลคิ้วกระตุก มันถูกอย่างที่ไอ้ครูขี้เก๊กพูดนั่นแหละว่าเขานัดเพื่อนไว้แล้วว่าจะไปกินเลี้ยงกันตอนกลางวันแล้วจบด้วยคาราโอเกะห้าชั่วโมงติดแล้วค่อยกลับบ้าน นี่ก็ขออนุญาตแบคฮยอนไว้ซะดิบดีแล้วด้วย

     

    ประมาณนั้น

     

    ครับ ขอให้สนุกนะ

     

    ไม่ต้องห่วงหรอก สนุกอยู่แล้วล่ะ

     

    อี้ฟานยิ้มขำ ทั้งคู่หันกลับไปสนใจโลกของตัวเองอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครปริปากพูดออกมาอีก ชานยอลกำลังอึดอัดอีกแล้ว ทำไมไอ้ครูนี่มันต้องพยายามพูดให้เขาคิดมากอยู่เรื่อยด้วยวะ เพราะเป็นผู้ใหญ่ โตกว่า รู้มากกว่า ก็เลยคิดว่าจะทำยังไงก็ได้เพื่อเอาชนะเด็กอย่างเขางั้นดิ

     

    จอดหน่อย

     

    ไม่จำเป็นต้องถามว่าเพราะอะไรอู๋อี้ฟานก็เทียบจอดชิดขวาให้ ชานยอลเปิดประตูรถลงไปโดยที่ไม่พูดอะไรแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า

     

    ไม่ต้องรีบกลับก็ได้นะ พี่มีเรื่องอยากคุยกับแบคฮยอนตามลำพัง

     

    ...

     

    เอาค่าขนมไหม?

     

    ...

     

    ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม อารมณ์โทสะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่ได้ยินสองประโยคก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มปรายตามองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังแล้วก็แค่นหัวเราะ

     

    ขอบคุณครับ แต่พี่เก็บไว้เลี้ยงข้าวเจ้าของร้านดอกไม้เถอะพูดจบก็ลงจากรถพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง อี้ฟานไม่ได้เลื่อนกระจกลงมาถามว่าเขาโกรธหรือรู้สึกไม่พอใจอะไรตรงไหนหรือ กลับกันแล้วยังขับรถต่อไปหน้าตาเฉยอีกด้วย

     

    เด็กหนุ่มกำถุงพุดดิ้งไว้แน่น ได้แต่บอกตัวเองในใจว่าให้ใจเย็น ๆ เข้าไว้ อย่าไปเดินตามเกมมัน ไม่งั้นมันจะจบเหมือนกับคราวนั้นที่มีเพียงแค่เขาที่สติแตกแล้วก็ทะเลาะกับแบคฮยอนอีก แต่ถึงจะคิดแบบนี้แล้วทำไมความน้อยใจถึงยังไม่หายไปวะ

     

    เมื่อไหร่แบคฮยอนถึงจะเลิกยุ่งกับผู้ชายคนนั้นสักที ปาร์คชานยอลจะต้องทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไรไปอีกนานแค่ไหน ต้องคอยฟังมันพูดข่ม พูดเหมือนว่ายังไงเขาก็เป็นแค่เด็กนั่นน่ะ ถึงปาร์คชานยอลจะไม่เร่งรีบขอความชัดเจน แต่ขออย่างเดียวไม่ได้เหรอ ขอแค่อย่าทำให้เขาต้องคิดมากกับเรื่องผู้ชายคนนี้ก็เท่านั้นเอง

     

     

     

     

    ชานยอลใช้เวลาไปกับการเดินโง่อยู่ประมาณชั่วโมงนึงก็กลับมาถึงบ้าน เขาได้ยินเสียงแบคฮยอนเรียกแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมหันกลับไปเพราะว่าไอ้ครูขี้เก๊กนั่นยังคงนั่งอยู่บนโซฟา

     

    เด็กหนุ่มไม่ได้เปิดไฟ เขาเดินไปปิดผ้าม่านแล้ววางพุดดิ้งไว้บนโต๊ะโดยที่ไม่คิดจะเอาออกไปแบ่งให้น้าชายกิน หรือแม้แต่การเอามันไปแช่ตู้เย็นเอาไว้ ชานยอลทิ้งตัวลงบนเตียงสามฟุตแล้วเพ่งมองไปยังเพดานห้อง ความรู้สึกก่อนหน้านี้ว่าแย่แล้ว แต่พอเห็นช่อดอกไม้ก็ยิ่งงิดเข้าไปใหญ่ ถึงมันจะยังวางอยู่ข้างตัวไอ้ครูหอกก็เถอะ

     

    ผู้ชายห่าที่ไหนเขาให้ดอกไม้กันวะ เสี่ยวสัดแค่นหัวเราะแล้วพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผนัง ถ้าแบคฮยอนรู้ว่าดอกไม้ช่อนั้นเอามาจากร้านแฟนเก่าไอ้ครูนั่นจะทำหน้ายังไงวะ นี่ถือว่าปาร์คชานยอลยังไว้ชีวิตอู๋อี้ฟานอยู่นะ ไม่งั้นจะเดินออกไปแฉเดี๋ยวนี้

     

    เด็กหนุ่มล้วงเอาหูฟังออกมาจากกางเกงแล้วเปิดโหมดเครื่องบินทั้งตัวเองและมือถือ จะไม่มีการคอนเนคติ้งอะไรใด ๆ กับใครทั้งสิ้นแม้กระทั่งไอ้เทาที่จะโทรมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ตอนเที่ยงคืนเหมือนปีก่อน และเชื่อว่าปีนี้มันก็คงทำเหมือนกัน

     

    ปล่อยให้เพลงในเพล์ลิสต์เล่นไปเรื่อย ๆ แล้วข่มตาให้หลับ ล่อมันตั้งแต่ช่วงบ่ายเลยครับสายโหดซะอย่าง นอนยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เคยทำมาแล้วทำไมวันนี้จะทำไม่ได้

     

    งีบหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งสะลึมสะลือเพราะเสียงเคาะประตู หูฟังที่เคยปิดกั้นเสียงทุกอย่างเมื่อก่อนหน้านี้หลุดออกไปเรียบร้อยแล้วเพราะนอนพลิกไปพลิกมา ชานยอลปรือตามองประตูที่เงียบไปแล้ว แต่แค่ครู่เดียวเสียงเคาะก็ดังอีก

     

    ชานยอล

     

    ...

     

    หลับเหรอ?

     

    ...

     

    กับข้าวอยู่บนโต๊ะนะ ถ้าจะกินเดี๋ยวน้าอุ่นให้ ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายความว่าก่อนหน้านี้แบคฮยอนมาเรียกเขาแล้วรอบนึงหรือเปล่า?

     

    เด็กตัวสูงเอนตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ถึงแบคฮยอนจะใจดีก็เถอะแต่เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากไปนั่งทำหน้าหงิกใส่ ไม่วายโดนถามอีกว่าเป็นอะไร เผลอ ๆ อาจจะโดนด่าด้วย ใครจะรู้ บางทีอู๋อี้ฟานอาจจะเอาเรื่องเมื่อตอนกลางวันไปฟ้องแบคฮยอนก็ได้

     

    มือแกร่งหยิบมือถือขึ้นมาดู ห้าทุ่มสามสิบสี่คือเวลาปัจจุบัน ชานยอลถอนหายใจแล้วพลิกตัวนอนหันข้าง เขากำลังงี่เง่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่แบคฮยอนไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เออนั่นแหละ น้าของเขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างทั้งเขาทั้งไอ้ครูนั่นเลยติดแจแบบนี้ไง

     

    สุดท้ายความรู้สึกก็เอาชนะอีโก้ ชานยอลหมุนลูกบิดแล้วชะโงกหน้าออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงทีวีเปิดทิ้งไว้แต่ไม่เห็นตัวคน เด็กหนุ่มเดินออกมายืนตั้งหลักอยู่ตรงนั้น คิดว่าการทำหน้ามึนตึงคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นนอกจากจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    ขายาวก้าวเข้าไปในครัวแล้วเอามื้อเย็นที่แบคฮยอนเผื่อไว้ให้เข้าไปเวฟ รอไม่นานก็อุ่นเสร็จ เด็กหนุ่มเอาไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีก่อนจะหยัดตัวนั่งลงบนพื้น หันไปข้างหลังก็เห็นคนตัวเล็กนอนทับแขนตัวเองอยู่ ส่วนมืออีกข้างก็กอดมือถือเอาไว้

     

    ชานยอลมองดวงหน้าขาวแล้วหันกลับไปกินข้าว เขาทำอยู่อย่างนั้นราวกับว่าเห็นหน้าน้าชายตัวเองเป็นกับ แต่ใครจะสนวะครับ การกินข้าวไปมองหน้าคนที่ชอบไปนี่แหละคือวิถีการเจริญอาหาร

     

    เด็กตัวสูงยันมือไว้กับพื้นแล้วเอื้อมไปหยิบหมอนอิงที่อยู่บนโซฟาอีกตัวก่อนจะขยับเข้าไปใกล้น้าชาย ค่อย ๆ ประคองศีรษะเล็กขึ้นมาแล้วซ้อนหมอนลงไป ยิ่งตอนเห็นแบคฮยอนนอนขดขาเข้าหาตัวแล้วก็อมยิ้มจนลืมไปหมดว่าก่อนหน้านี้เคยนอยด์อะไร

     

     

    RRRRRrrrrrrrrrrrr!!!

     

     

     

    ทั้งคู่สะดุ้งสุดตัวกับเสียงโทรศัพท์มือถือ แบคฮยอนดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่าหลานชายตัวโตกำลังนั่งทำตาปริบ ๆ อยู่บนพื้นทั้งที่แก้มทั้งสองข้างอัดแน่นไปด้วยข้าว

     

    ...

     

    ...

     

    สุขสันต์วันเกิด

     

    ...

     

    ...

     

    ทั้งคู่สบตากัน ชานยอลขยับปากเคี้ยวข้าวอีกแค่ครั้งเดียวแล้วก็ยิ้มกว้างกับประโยคแรกที่ได้ยินในวันเกิด แบคฮยอนปั้นหน้านิ่งก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้ายังไงในตอนนี้ดี เขาแค่ตั้งเวลาไว้ แต่ไม่คิดจะอวยพรเพราะมันคงฝืดปากแย่ถ้าทำแบบนั้น

     

    แต่พอเห็นชานยอลนั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้าเขา แถมสายตาที่มองมาก็ทำให้ Flashback ไปตอนที่เด็กคนนี้อายุเจ็ดขวบ เด็กอ้วนที่ชอบใช้สายตาพูดแทนปากอยู่บ่อย ๆ จนถึงตอนนี้ชานยอลก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

     

    เด็กตัวสูงขยับตัวเข้าไปกอดเอวน้าชายที่นั่งอยู่บนโซฟา แบคฮยอนสะดุ้งอย่างตกใจพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับหัวไหล่ นัยน์ตาเรียวหลุบลงมองหัวอีกคนที่ซุกอยู่กับตัก เขาเห็นว่าชานยอลกำลังหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้ม

     

    คนแรกเลย ดีใจจัง

     

    อือ

     

    ผมรักแบคฮยอนนะ

     

    ...อ...อืม แบคฮยอนพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติที่สุด เขาไม่แน่ใจว่าประโยคเมื่อครู่นี้ชานยอลสื่อมันไปในทางไหน แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอยู่ดี

     

    มือเล็กวางลงบนศีรษะหลานชายพร้อมกับลูบเบา ๆ ชานยอลเงยหน้าสบตากับน้าชายตัวเล็กก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นคุกเข่า ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่แทบจะอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน ชานยอลยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้มจนทำให้เขาสงสัยว่าเด็กนี่มีความสุขอะไรนักหนา

     

    อย่างกับเด็ก นั่งกินดี ๆ สิ แบคฮยอนใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดใต้ริมฝีปากล่างให้เด็กตัวสูง ชานยอลหลุบตามองก่อนจะคว้ามือเล็กเอาไว้แล้วจูบปลายนิ้วเบา ๆ นั่นทำให้คนเป็นน้านั่งแข็งทื่อเพราะทำอะไรไม่ถูก...

     

    ใจดีอีกแล้ว มองหน้าคนตัวเล็กพร้อมกับรอยยิ้มแล้วก็จุ๊บปลายนิ้วอีกครั้ง แบคฮยอนถลึงตามองหลานแล้วชักมือกลับแต่ชานยอลดันไม่ยอมปล่อย

     

    ชานยอล!”

     

    จ๋า?

     

    จ๋าบ้าอะไร?! ปล่อยเลยนะ เดี๋ยวบั๊ด!” แบคฮยอนยังคงพยายามชักมือกลับ แน่นอนว่าชานยอลยังคงระดมจูบปลายนิ้วเขาไม่หยุด

     

    จะตบหัวผมอีกเหรอ เด็กหนุ่มยักคิ้วท้าทาย และไวเท่าความคิด หัวของเขาเซไปทางด้านข้างทันทีเพราะถูกมือเล็กฟาดเข้าให้โอ้ย!!!”

     

    ทะลึ่งดีนัก

     

    ทะลึ่งยังไงก็แค่แสดงความรัก

     

    ไปแสดงกับแม่แกไป รีบกินรีบย่อยรีบนอน จะได้รีบตื่นมาโทรหาแม่แต่เช้า

     

    รู้แล้วน่า ชานยอลว่าแล้วไปเอาจานข้าวมาถือไว้ก่อนจะขยับตัวถอยหลังไปนั่งตรงช่วงหว่างขาน้าชาย

     

    โทรไปพูดดี ๆ แล้วก็บอกว่า ขอบคุณครับแม่ที่ให้ผมเกิดมา โอเคไหม

     

    เลี่ยนตายอ่ะ ใครจะไปกล้าพูดแบบนั้นกัน โอ้ย!” ชานยอลหัวทิ่มอีกครั้งเพราะถูกตบ ใบหน้าคมหันไปมองคาดโทษน้าชายที่ง้างมือขึ้นทำท่าอย่างกับว่าจะฟาดหัวเขาอีกรอบก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

     

    ทำให้แม่ซึ้งแค่นี้จะตายเหรอ

     

    ไม่ตาย งั้นผมซ้อมบอกรักแบคฮยอนก่อนได้ไหม

     

    เงียบปากแล้วกินข้าวไปเลย ร่างเล็กยกเท้าขึ้นมาถีบหลังเด็กตัวสูงจนเซไปข้างหน้า แต่คราวนี้ชานยอลไม่ได้หันมาบ่นอะไรสักคำหนำซ้ำยังจับขาเขาไปวางไว้บนไหล่อีก

     

    ทำอะไรแบคฮยอนขมวดคิ้ว ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขาวางอยู่บนไหล่ของหลานชายตัวโต ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามในทันที เด็กตัวสูงที่กำลังเคี้ยวข้าวแต่ปากก็ยังยิ้มกำลังมองหน้าเขาอย่างมีความหมาย

     

    ซ้อมไว้

     

    ซ้อม?คราวนี้ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ไอ้เด็กนี่กำลังฝึกเล่นคำกับเขาหรือยังไง คนเป็นครูสอนสังคมอย่างเขาไม่ได้เก่งเรื่องจิตวิทยานะเว้ย!

     

    เผื่อวันข้างหน้าได้เอาขามาพาดตรงนี้ จะได้ชินไงแบคฮยอน

     

    ...

     

    ...

     

     

     

    ปาร์คชานยอล!!! มึง!!!”

     

     

     

    TBC

     

     

    ลาก่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แดกตีนน้าแทนเค้กไปนะมิสเตอร์ชาร์ล 55555555555555555555555555555555

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×