คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 21 :: His Birthday
Chapter 21
His Birthday
“ไปอาบน้ำไป เหม็นเหงื่อ”
“ได้”
คนเป็นหลานตรงดิ่งเข้าไปเอาผ้าขนหนูในห้องโดยที่ไม่อ้อล้อกวนประสาทอย่างที่เคย แบคฮยอนหรี่ตามองไปยังเด็กหนุ่มที่หันมายิ้มกวนใส่ พอเห็นงั้นเลยกำหมัดขึ้นพร้อมกับขยับปากบ่นนั่นแหละไอ้เด็กแสบถึงได้ยอมไปอาบน้ำดี ๆ
เมื่อกี้เพิ่งไปดูหนังกันมาซึ่งปาร์คชานยอลก็เลือกสไตล์ได้น่ารักน่าชังเหลือเกิน ไอ้หนังแนวผีผ่างก็ไม่ถูกจริตเขาอยู่แล้ว พูดก็พูดเถอะครับ ไอ้ผีเนี่ยใคร ๆ ก็กลัวทั้งนั้นแหละถ้าได้เห็นมันกับตาน่ะนะ ถามว่าส่วนตัวเคยเห็นจริง ๆ ไหม ก็ไม่เคยครับ แต่หนังผีมันฉายให้เห็นแถมยังมาพร้อมเสียงโหยหวนไงก็เลยหลอน
ระหว่างดูก็ยกขาขึ้นทั้งน้าทั้งหลาน เบาะที่มีพนักวางแขนกั้นไว้ถูกยกขึ้นแล้วปล่อยให้หัวชนกับอีกฝ่ายเพราะความกลัว เสื้อแขนยาวของชานยอลถูกถอดออกมาคลุมขาของทั้งสองคนที่ยกขึ้นมา แม้จะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่มันก็ทำให้รู้สึกปลอดภัยจากความน่ากลัวของผีในจอขนาดใหญ่เท่านาสิบไร่นั่นได้
ไอ้เด็กแสบยกมือขึ้นปิดตาแล้วแหวกนิ้วออก แน่นอนว่าแบคฮยอนก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน ก็ไอ้วิธีดูหนังผีครึ่งราคาแบบนี้น่ะเขาเป็นคนสอนชานยอลเองสมัยเจ็ดปีที่แล้ว ตอนสิบขวบซ่าไงครับ วัยกำลังเก่ง ใครบอกว่าทำอะไรไม่ได้เป็นต้องลองหมด อย่างตอนนั้นไอ้จงอินแซวว่ามันเป็นตุ๊ดคงไม่กล้าดูหนังผี เท่านั้นแหละ...โดนลากไปดูวันนั้นโดยไม่ถามความสมัครใจกูเลยสักคำ
ตอนเดินออกมาจากโรงหนังมันก็โม้ไม่หยุด บอกว่าฉากนั้นนะไม่เห็นจะน่ากลัวเลย รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แล้วก็จบแบบผีชนะตามระเบียบ ไอ้เขาก็ได้แต่แค่นหัวเราะ อยากให้มันเห็นสภาพตัวเองตอนยกขายาว ๆ ขึ้นมาบนเบาะจริง ๆ แถมยังซุกหน้ากับไหล่กูอีกตอนผีจะออก
นึกแล้วก็ขำ แบคฮยอนรู้สึกว่าช่วงนี้ชานยอลได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตเขาพอสมควร ไม่ว่าจะทำอะไรเด็กนั่นก็จะมีส่วนร่วมด้วยตลอด อย่างตอนเดินในห้างก็ไม่ยอมให้เขาถือกระเป๋าเองแม้กระทั่งถุงกระดาษที่ใส่เสื้อผ้า เจ้าตัวอ้างว่าเป็นหลานที่ดีต้องดูแลน้า แน่นอนว่ามันทำให้เขาหลุดขำ
แบคฮยอนเอาเสื้อผ้าที่เลอะน้ำมะนาวไปแช่กะละมังข้างบ้านก่อนจะกลับมาเปิดทีวีดู ละครหลังข่าวจบไปแล้วตอนนี้เหลือแค่รายการทำอาหารช่วงห้าทุ่มที่ยังฉายเรียกน้ำย่อยอยู่ คนตัวเล็กนั่งลงบนโซฟาเอนหลังพิงพนักแล้วเปิดแอร์ พอความเย็นเริ่มคงที่เปลือกตาก็หนักอึ้ง ร่างที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันค่อย ๆ เอนตัวลงนอนกับโซฟาพร้อมกับดึงหมอนอิงมาหนุน
ชานยอลออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับขยี้เส้นผมที่เปียกลู่ เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าประตูในสภาพผ้าเตี่ยวผืนเดียวเมื่อเห็นเท้าน้าชายโผล่ออกมาจากโซฟาแต่ตัวคนหายไปไหนก็ไม่รู้
ขายาวก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ผล็อยหลับไปแล้ว เสียงทีวีจากรายการทำอาหารยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบให้กับทั้งคู่ในเวลานี้ เด็กหนุ่มยืนมองคนตัวเล็ก อาจจะสักสองนาทีหรือมากกว่านั้นแต่เขารู้สึกอยากอยู่แบบนี้ไปอีกสักหน่อย
เสียงมือถือสั่นตรงโต๊ะหน้าโซฟาเรียกความสนใจให้หันไปมอง ชานยอลเอื้อมไปหยิบมันมาสไลด์ดูแล้วก็พบว่าคนที่ทักไลน์มาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก...
ครูพี่อี้ฟาน
กลับถึงบ้านหรือยังครับ? 20:30
ครูพี่อี้ฟาน
ถ้าถึงบ้านแล้วตอบด้วยนะ (: 21:40
ครูพี่อี้ฟาน
รำคาญพี่หรือเปล่าครับ? 22:01
ครูพี่อี้ฟาน
พี่คิดมากนะ อย่าเงียบไปแบบนี้สิแบคฮยอน 22:25
ครูพี่อี้ฟาน
ขอโทษที่งี่เง่านะครับ 22:46
ครูพี่อี้ฟาน
คิดถึง 23:15
ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นหลังจากอ่านจนมาถึงข้อความสุดท้ายแล้ว เขาได้แต่คิดว่าควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนั้นดีระหว่าง Read ให้ว้าวุ่นเล่น ๆ หรือว่าจะตอบกลับไป แต่วิธีไหนจะทำให้เขารู้สึกเหนือกว่าล่ะ ส่งสติ๊กเกอร์กวนส้นตีนไปเฉย ๆ มันจะเงิบไหม หรือตอบ ‘อืม’ ดี? แต่อันนี้ท่าจะเจ็บจริง
โทษทีเถอะ ใจจริงเขาก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ...เออ...ยอมรับก็ได้ว่าอยากทำ ปาร์คชานยอลยังมีความเป็นเด็กอยู่มากถึงได้มีความคิดอยากอยู่เหนือกว่าคนที่เคยพยายามทำแบบนั้นกับเขามาแล้ว ซึ่งที่อู๋อี้ฟานทำมันก็ได้ผล เด็กหนุ่มยังจำเรื่องวันนั้นได้ดี
ชานยอลเลือกที่จะวางมือถือไว้ที่เดิมโดยที่ไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้ถูกแบคฮยอนด่า อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้คนตัวเล็กเข้าใจได้ว่ามือถือเครื่องนี้มีปัญหาเปิดอ่านข้อความเอง หรือไม่ก็ผีแกล้ง เครื่องห่วย สัญญาณมือถือกวนตีน ทุกอย่างในโลกสามารถหยิบยกมาดริ๊ฟท์ได้ทั้งนั้นตราบใดที่ชานยอลไม่พูด
เด็กตัวสูงย่อตัวลง แขนแกร่งที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ตามเนินผิวค่อย ๆ เอื้อมไปข้างหน้าเพื่อเขี่ยปรอยผมออกจากหน้าผากมนให้อย่างเบามือ เคยได้ยินตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าสีชมพูนั้นเหมาะกับผู้หญิงเพราะมันเป็นสีหวานแหวว แต่วันนี้ปาร์คชานยอลรู้แล้วว่ามันก็เหมาะกับแบคฮยอนเหมือนกัน
เด็กหนุ่มอมยิ้มขณะมองเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน นับวันน้าชายของเขาก็ยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแบบนี้มันไม่ดีเลย มันทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง อะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ อะไรที่ไม่เคยพูดก็ได้พูด และมันเพิ่งเกิดขึ้นกับแบคฮยอนเป็นคนแรก
เคยเห็น Quotes คำคมในอินเทอร์เน็ต ใครสักคนบอกไว้ว่าเวลาคนเรามีความรักก็มักจะเป็นควายกันทั้งนั้น เลือกปิดหูปิดตาแล้วก็เชื่อความรู้สึกของตัวเอง ไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นและสิ่งที่จะตามมาภายหลัง คนพวกนั้นอาจจะคิดถูกแล้วก็ได้ แต่ในความคิดของชานยอลมันฉีกไปอีกทางนึงว่าการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมาเสียดายทีหลังถ้าไม่ได้ทำ
ชานยอลชะงักมือเมื่ออีกคนลืมตาขึ้นมาสบตากัน สีหน้าคนตัวเล็กไม่ได้ดูตื่นตระหนกแล้วลุกขึ้นมาฟาดหัวเขาไม่ยั้งอย่างที่คาดคิดเอาไว้ คนเป็นน้าเพียงแค่ปรือตามองเขาเหมือนคนเมาง่วงสุด ๆ สภาพแบบนี้คิดว่าแบคฮยอนคงพร้อมจะหลับได้ทุกครั้งที่กระพริบตาลง
ไม่ดีเลย...หวังว่าแบคฮยอนจะมองด้วยสายตาแบบนั้นกับเขาแค่คนเดียวนะ
“ชานยอล”
“อื้ม”
เด็กหนุ่มหัวใจเต้นตึกตัก ๆ แน่นอนว่าการไม่ถูกด่า ไม่ถูกทำร้ายร่างกายมันเป็นสัญญาณที่ดีในการเชื่อมโยงไปฉากโรแมนติก บางทีแบคฮยอนอาจจะเอื้อมมือมารั้งท้ายทอยเขาเข้าไปขยี้จูบแล้วหอบหายใจกระเส่าก่อนจะพูดว่า ‘น้าไม่ไหวแล้ว...’ ก็ได้
“คือ...”
ว่ามาเลยแบคฮยอน ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว ฟันก็เพิ่งแปรงมารับรองหอมเฟรชสุด ๆ
“นั่งดี ๆ หน่อยแหนมของแกมันชี้หน้าฉันอยู่”
“...”
“นั่นน่ะ”
เด็กหนุ่มใช้เวลาประมวลผลประโยคนี้อยู่ครู่หนึ่งและก็ได้ตัวช่วยเป็นสายตาคู่นั้นที่กำลังหลุบมองข้างล่าง แค่นั้นแหละปาร์คชานยอลถึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังนั่งเปิดหวออยู่
“...!!!!”
“ฉันเห็นตั้งแต่มันเล็กเท่านิ้วก้อย ยังมีอะไรต้องอายอีก” เด็กตัวสูงหน้าขึ้นสีจัด สองมือตะครุบเป้าตัวเองไว้แล้วรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คนเป็นน้าทำตาปริบ ๆ มองหลานชายที่อยู่ในสภาพผ้าเตี่ยวผืนเดียวแล้วก็ยิ้มขำ
“อนุญาตให้ใช้ห้องน้ำต่อได้ แต่ล้างออกด้วยนะอย่าให้เลอะพื้น” แบคฮยอนว่าแล้วอ้าปากหาวหวอด ๆ นั่นยิ่งทำให้ชานยอลหน้าเสียยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
“ผมไม่ใช้หรอก! ผมจะไม่ทำอะไรเลยด้วย!” ชานยอลเชิดหน้าเถียง พอเห็นว่าน้าชายตัวเล็กไม่สะเทือนก็เลยรีบกลับเข้าไปในห้องแล้วเอาหัวโขกกับผนังเพราะความอับอาย
“ขอบคุณครับ!”
ชานยอลโค้งหัวขอบคุณลุงชินหลังจากที่ซื้อพุดดิ้งหลากรสเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นใจให้หมด ทั้งท้องฟ้าสว่างสดใสกับลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปรอบตัว การเดินไปตามฟุตปาธตอนสาย ๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงได้เลือกขึ้นแท็กซี่แทนที่จะเดินกินลมชมวิวแบบนี้นะ
เอาเถอะ วันนี้ปาร์คชานยอลจะขึ้นรถเมล์แล้วกัน
“ฮัลโหลแบคฮยอน”
( อ้อ ว่าไง? )
“ได้พุดดิ้งกล้วยมาด้วย อยากกินอะไรอีกไหม?”
( ไม่ต้องแล้ว กลับมาทำกินที่บ้าน )
“โอเค กำลังจะนั่งรถเมล์กลับนะ”
( โว้ว ผีเข้าเหรอ นึกไงนั่งรถเมล์? )
“เออน่า แล้วเจอกัน”
เด็กหนุ่มอมยิ้มแล้วกดวางสาย ถึงมันจะดูเหมือนเด็กอนุบาลที่ชอบอวดเวลาทำความดีก็เถอะ แต่เขาก็อยากให้แบคฮยอนรู้สึกว่าเด็กคนนี้ยังมีอะไรดี ๆ อยู่บ้างถึงเรื่องที่เอาไปอวดมันจะไม่มีอะไรดีเลยก็ตาม
ขายาวเดินมาหยุดอยู่หน้าป้ายรถเมล์ ยืนรออยู่ประมาณห้านาทีก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนคุ้นตาที่เพิ่งลงจากรถคันสีดำฝั่งตรงข้าม ผู้ชายตัวสูงภูมิฐาน ทั้งที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปธรรมดา ๆ แต่ก็เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้เพราะความหล่อ
ชานยอลเพ่งมองอยู่อย่างนั้นแล้วก็เดินถอยไปทางด้านขวามือเมื่อรถเมล์ขับมาจอดเทียบฟุตปาธจนบังเป้าหมาย อันที่จริงเขาจะไม่สนใจก็ได้ว่าผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่ร้านดอกไม้ แต่เพราะคำพูดประโยคหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวนั่นแหละที่ทำให้ต่อมเสือกทำงานอย่างฉับพลัน
‘แฟนคนล่าสุดของผมเป็นเจ้าของร้านดอกไม้น่ะ’
ไม่ได้การละ...
CONAN MODE : ON
เด็กหนุ่มมองซ้ายขวาดูรถ พอได้จังหวะก็รีบวิ่งข้ามไปอีกฝั่ง แน่นอนว่าเขาไม่วิ่งไปโง่ ๆ ให้ไอ้ครูขี้เก๊กนั่นเห็นแน่นอน แผ่นหลังกว้างทาบกับกระจกร้านเสื้อผ้า ท่าทางการยืนในตอนนี้หน่วย S.W.A.T. ยังต้องเรียกพี่ ชานยอลค่อย ๆ ก้าวไปทางด้านข้างโดยไม่สนใจว่าผู้คนที่ผ่านไปมาจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน
“หายไปไหนมา”
เด็กตัวสูงค่อย ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปในร้านดอกไม้ ประโยคคำถามเมื่อครู่มาจากผู้หญิงผมยาวดัดลอนปลายอ่อน ๆ เธออยู่ในชุดเดรสสีขาวเลยเข่า ส่วนมือทั้งสองข้างกำลังตัดก้านดอกไม้
“ไม่ค่อยว่างน่ะ เธอกับเขาสบายดีนะ?”
“เรื่อย ๆ จ้ะ ว่าแต่นายเถอะเป็นอะไรหรือเปล่า ดูไม่สดใสเลย”
“...งั้นเหรอ?”
“ใช่ ดูสิ ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ” เธอวางกรรไกรกับดอกไม้ลงแล้วเอื้อมไปเอาตลับแป้งพับมาเปิดเพื่อให้อีกคนดูหน้าตัวเอง
“แต่ความหล่อไม่ลดลงใช่ไหม?”
“ลด ลด ลด” เธอทำตาโตก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมา
“แล้วนี่แฟนเธอไปไหนล่ะวิคตอเรีย?”
“อยู่กับฉันอย่าพูดถึงเขาสิ”
“โอเค งั้นเอาดอกลิลลี่สีชมพูช่อนึง” อี้ฟานล้วงกระเป๋าเงินหนังสีดำออกมา หญิงสาวย่นจมูกดูผิดหวังหน่อย ๆ ที่อีกฝ่ายเปลี่ยนไปเรื่องอื่นที่ไกลเกินที่เธอคาดเอาไว้
“ซื้อไปให้ใครล่ะคราวนี้”
“พูดเหมือนฉันเปลี่ยนคนบ่อยอย่างนั้นแหละ”
“เปล่า ฉันถามเพราะคราวที่แล้วนายก็ไม่บอกไง”
“ไม่บอกแปลว่าไม่อยากให้รู้” ร่างสูงยิ้มขำ
“หน่อยน่า~”
“รีบ ๆ จัดมาเลยยัยขี้เกียจ” ชานยอลทำปากเหมือนลิงทันทีที่เห็นอู๋อี้ฟานผลักหัวหญิงสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู เธอหัวเราะแล้วผลักไหล่ร่างสูงก่อนจะเดินไปจัดช่อดอกไม้ให้
สกินชิพ : 70% แต่ไม่ออกแรงมาก ยังเล่นช่วงแขนแสดงว่าอยู่ในระดับแฟนเก่าที่ยังเป็นเพื่อนกันได้
บทสนทนา : 60% ยังมีช่องว่างที่ไอ้ครูนั่นเว้นไว้อยู่ คาดว่าคงไม่ได้สนิทกันพอที่จะคุยได้ทุกเรื่อง ชัดเจนถึงสเตตัสการเป็นแฟนเก่า
ไม่ได้การละ...ต้องเข้าไปหักหน้ามันสักหน่อย รับรองมีหน้าสั่น
“อะแฮ่ม!”
ร่างสูงหันไปทางประตูที่ใครอีกคนเพิ่งเดินเข้ามาในร้าน มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกงส่วนอีกข้างถือถุงพุดดิ้งนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจนัก จากสีหน้าชานยอลที่แสดงออกว่าไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้มันก็เป็นคำตอบได้แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“สวัสดีครับ ซื้อดอกไม้หน่อย”
“รอสักครู่นะคะ!”
“ได้เลยครับพี่สาว ไม่ต้องรีบนะ ผม – รอ – ได้” เด็กหนุ่มตะโกนกลับไปก่อนจะหันมาทำหน้าตกใจเกินจริงที่เห็นใครอีกคนนั่งอยู่บนโซฟา “เฮ้ย! บังเอิญอ่ะ!”
“...” อี้ฟานลดระดับสายตาลงมาสนใจกับสมาร์ทโฟนในมือ พอเห็นแบบนั้นก็งิดครับ นี่กูเข้ามาเพื่อให้มึงรู้สึกผิด รู้สึกหน้าแตก รู้สึกแพ้ หรืออะไรก็ได้แต่ไม่ใช่การเมินกูแบบนี้
นั่น...ยังเฉยอีก...ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้เจ้าของร้านต้องเอาดอกไม้มาส่งแล้วให้มันเดินหนีไปทั้งที่เขายังไม่ได้สร้างความร้าวฉานแน่
“นี่พี่”
“หืม?” ร่างสูงขานตอบในลำคอทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ชานยอลเห็นอย่างนั้นเลยมองเข้าไปข้างในก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง
“ซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมเพื่อนเหรอ?”
“เปล่า”
“อ้าว นึกว่าเพื่อนไม่สบายซะอีก เห็นพี่คนนั้นจัดดอกทิวลิปสีชมพู” ชานยอลเท้าแขนลงกับตู้กระจกขณะมองไปยังใครอีกคน
“จำผิดแล้วมั้ง เพราะถ้าจะเอาไปเยี่ยมญาติดอกทิวลิปสีเหลืองน่าจะเหมาะกว่า” อี้ฟานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มให้เด็กตัวสูง “เพราะความหมายของดอกทิวลิปสีชมพูคือ ‘ที่สุดของหัวใจ’ กับ ‘ความอ่อนหวานของคุณช่วยเติมเต็มให้กับชีวิตผม’ ถ้าเอาให้เพื่อนคงรู้สึกขนลุกแปลก ๆ”
ชานยอลเบ้ปากกับความหมายเลี่ยนแดกขั้น Beyond แต่เสือกตอกหน้าเขาให้หงายเงิบได้อีกแล้ว ถึงจะสงสัยว่าทำไมไอ้ครูขี้เก๊กมันรู้เรื่องความหมายดอกไม้ดีจังแต่สุดท้ายก็จบด้วยความคิดที่ว่าก็มันเคยมีแฟนเป็นเจ้าของดอกไม้ เพราะงั้นเรื่องนี้เลยถูกยกไป
“พี่ครับ! ขอดอกไม้ที่มีความหมายว่า ‘ผมรักคุณที่สุดในโลก แถมรักมากกว่าคนแถวนี้ล้านล้านเท่า’ ให้ผมสักช่อหน่อย!”
“สักครู่นะคะ!!”
“ผมจะเอาเดี๋ยวนี้! เอาแบบความหมายลึกซึ้งชนิดที่ว่าคนเห็นดอกไม้ต้องเขินจนวัวตายควายล้มแล้วตกลงปลงใจเป็นแฟนผมทันทีอ่ะ!”
“สักครู่ค่ะ!!!”
“โอเค!!! ก็ได้!!!” ชานยอลขยับปากบ่นอุบอิบก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งแล้วก็พบว่าไอ้ครูหอกนั่นกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ ขำไรวะสึด เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว ดอกทิวลิปสีชมพูของมึงเป็นหมันแน่
“ได้แล้วอี้ฟาน”
“ขอบใจนะ” ร่างสูงลุกขึ้นไปหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ชานยอลชะโงกหน้ามองดอกทิวลิปสีชมพูที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามแล้วก็แอบเครียดอยู่ลึก ๆ
“คุณลูกค้าจะรับเป็นดอกอะไรดีคะ”
“ห...หะ?”
“เอาสิ อยากได้อะไรก็บอกพี่เขาไป” อี้ฟานยิ้ม บอกเลยว่ามันเป็นรอยยิ้มของคนมีชัยและกวนส้นตีนที่สุดในโลก ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วเหล่มองหญิงสาวเจ้าของร้านดอกไม้
“เอาดอกไม้ที่สื่อว่าผมโคตรรัก โคตรเครซี่ โคตรแอดดิกซ์มาสักช่อ ไม่สิ...ผมเปลี่ยนใจละ งั้นเอาเป็นดอกไม้ที่ความหมายชนะดอกทิวลิปสีชมพูมาให้ผมช่อนึง” พูดจบก็แค่นหัวเราะ เอาสิมึง งานนี้แหละได้นั่งอธิบายโคตรเหง้าประวัติศาสตร์ดอกไม้ให้แบคฮยอนฟังกันสนุก
“งั้นเป็นดอกกุหลาบไหมคะ แสดงถึงความรัก คลาสสิคดี”
“กุหลาบก็ชนะทิวลิปแล้วใช่ไหม?” เด็กหนุ่มถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“หรือจะเป็นทิวลิปสีส้มดีล่ะชานยอล?” เด็กตัวสูงหันหน้าเขาหาครูหนุ่มที่กำลังช่วยแนะนำให้กับเขา “ความหมายก็ดีเหมือนกัน”
“มันหมายความว่าไง?” ชานยอลขมวดคิ้ว
“หมายความว่า ‘สุขใจที่ได้อยู่ใกล้คุณ’ น่ะค่ะส่วนใหญ่จะให้ญาติพี่น้อง”
ตึง!!!!
ไม่ต้องสงสัยว่าเสียงอะไร เสียงหน้ากูเองครับ สั่นเป็นเจ้าเข้ากันเลยทีเดียว
“ไม่เอา ทิวลิปสีส้มนี่ก็เก็บไปเลย” ชานยอลทำมือปัด ๆ แล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว
“งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
“โอเค ว่าง ๆ ไว้ไปทานข้าวด้วยกันนะ” ชานยอลหันไปมองชายหญิงที่กำลังโบกมือลากันและปล่อยให้เขายืนง่อยแดกเลือกดอกไม้อยู่คนเดียว พอเห็นงั้นเลยเดินถอยหลังแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกเจ้าของร้านว่าไม่เอาแล้ว
ร่างสูงเปิดประตูรถแล้ววางดอกไม้ไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ชานยอลวิ่งตามมาหยุดอยู่ข้างหลังแล้วเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย
“เฮ้!”
“อ้าว ไม่ซื้อดอกไม้แล้วเหรอ?”
“ไม่ซื้อละ”
“อ้อ งั้นก็กลับบ้านดี ๆ นะ” อี้ฟานพยักหน้าแล้วปิดประตูรถ แต่ก็ต้องค้างมือไว้กับพวงมาลัยเมื่อจู่ ๆ เด็กตัวปัญหาก็เปิดประตูเข้ามานั่งตรงเบาะหลังหน้าตาเฉย
“จะไปบ้านผมใช่ไหม”
“...”
“ขอติดรถไปด้วยดิ”
“...”
ร่างสูงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงถึงแม้ว่าจะหงุดหงิดกับวันดี ๆ ที่เขาคิดว่าคงไม่ต้องเจอเรื่องแย่ ๆ อย่างที่เป็นอยู่ อี้ฟานมองเด็กหนุ่มผ่านกระจกมองหลังแล้วก็เห็นว่าชานยอลกำลังแกะถ้วยพุดดิ้งกินโดยไม่ขออนุญาตสักคำ
ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงแค่เสียงเข้าเกียร์เท่านั้นที่ได้ยิน อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะอาศัยรถไอ้ครูนี่มาหรอก แต่เพราะคิดว่าที่ทำอยู่มันน่าจะทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดได้ มันก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาโอเค
“พรุ่งนี้วันเกิดเราแล้วใช่ไหม?”
ชานยอลมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลัง ซึ่งอู๋อี้ฟานก็มองเขาอยู่เช่นกัน ชานยอลพยักหน้าเป็นคำตอบ ดูเหมือนว่าอู๋อี้ฟานกำลังจะเริ่มสงครามประสาทกับเขาแล้ว
“รู้ได้ไง”
“ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเรา พี่ก็รู้มาจากแบคฮยอนทั้งนั้นแหละครับ” นั่นไง กูว่าแล้ว มึงจะตอบไม่ยั่วโมโหกูบ้างมันจะเป็นไรไหมไอ้ครูสากกระเบือ
“ประมาณนั้น”
“จะไปฉลองที่ไหนล่ะ?”
“ถามทำไมอ่ะ อยากไปด้วยไง?”
“เปล่าครับ พี่จะได้รู้ว่าเราจะพาแบคฮยอนไปด้วยหรือเปล่า เพราะพี่กะจะชวนเขาออกไปดูงานนิทรรศการศิลปะด้วยกัน แต่คงไม่ได้พาน้าไปด้วยหรอกใช่ไหม? เพราะอย่างเราน่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนมากกว่า”
ชานยอลคิ้วกระตุก มันถูกอย่างที่ไอ้ครูขี้เก๊กพูดนั่นแหละว่าเขานัดเพื่อนไว้แล้วว่าจะไปกินเลี้ยงกันตอนกลางวันแล้วจบด้วยคาราโอเกะห้าชั่วโมงติดแล้วค่อยกลับบ้าน นี่ก็ขออนุญาตแบคฮยอนไว้ซะดิบดีแล้วด้วย
“ประมาณนั้น”
“ครับ ขอให้สนุกนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก สนุกอยู่แล้วล่ะ”
อี้ฟานยิ้มขำ ทั้งคู่หันกลับไปสนใจโลกของตัวเองอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครปริปากพูดออกมาอีก ชานยอลกำลังอึดอัดอีกแล้ว ทำไมไอ้ครูนี่มันต้องพยายามพูดให้เขาคิดมากอยู่เรื่อยด้วยวะ เพราะเป็นผู้ใหญ่ โตกว่า รู้มากกว่า ก็เลยคิดว่าจะทำยังไงก็ได้เพื่อเอาชนะเด็กอย่างเขางั้นดิ
“จอดหน่อย”
ไม่จำเป็นต้องถามว่าเพราะอะไรอู๋อี้ฟานก็เทียบจอดชิดขวาให้ ชานยอลเปิดประตูรถลงไปโดยที่ไม่พูดอะไรแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า
“ไม่ต้องรีบกลับก็ได้นะ พี่มีเรื่องอยากคุยกับแบคฮยอนตามลำพัง”
“...”
“เอาค่าขนมไหม?”
“...”
ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม อารมณ์โทสะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่ได้ยินสองประโยคก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มปรายตามองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังแล้วก็แค่นหัวเราะ
“ขอบคุณครับ แต่พี่เก็บไว้เลี้ยงข้าวเจ้าของร้านดอกไม้เถอะ” พูดจบก็ลงจากรถพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง อี้ฟานไม่ได้เลื่อนกระจกลงมาถามว่าเขาโกรธหรือรู้สึกไม่พอใจอะไรตรงไหนหรือ กลับกันแล้วยังขับรถต่อไปหน้าตาเฉยอีกด้วย
เด็กหนุ่มกำถุงพุดดิ้งไว้แน่น ได้แต่บอกตัวเองในใจว่าให้ใจเย็น ๆ เข้าไว้ อย่าไปเดินตามเกมมัน ไม่งั้นมันจะจบเหมือนกับคราวนั้นที่มีเพียงแค่เขาที่สติแตกแล้วก็ทะเลาะกับแบคฮยอนอีก แต่ถึงจะคิดแบบนี้แล้วทำไมความน้อยใจถึงยังไม่หายไปวะ
เมื่อไหร่แบคฮยอนถึงจะเลิกยุ่งกับผู้ชายคนนั้นสักที ปาร์คชานยอลจะต้องทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไรไปอีกนานแค่ไหน ต้องคอยฟังมันพูดข่ม พูดเหมือนว่ายังไงเขาก็เป็นแค่เด็กนั่นน่ะ ถึงปาร์คชานยอลจะไม่เร่งรีบขอความชัดเจน แต่ขออย่างเดียวไม่ได้เหรอ ขอแค่อย่าทำให้เขาต้องคิดมากกับเรื่องผู้ชายคนนี้ก็เท่านั้นเอง
ชานยอลใช้เวลาไปกับการเดินโง่อยู่ประมาณชั่วโมงนึงก็กลับมาถึงบ้าน เขาได้ยินเสียงแบคฮยอนเรียกแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมหันกลับไปเพราะว่าไอ้ครูขี้เก๊กนั่นยังคงนั่งอยู่บนโซฟา
เด็กหนุ่มไม่ได้เปิดไฟ เขาเดินไปปิดผ้าม่านแล้ววางพุดดิ้งไว้บนโต๊ะโดยที่ไม่คิดจะเอาออกไปแบ่งให้น้าชายกิน หรือแม้แต่การเอามันไปแช่ตู้เย็นเอาไว้ ชานยอลทิ้งตัวลงบนเตียงสามฟุตแล้วเพ่งมองไปยังเพดานห้อง ความรู้สึกก่อนหน้านี้ว่าแย่แล้ว แต่พอเห็นช่อดอกไม้ก็ยิ่งงิดเข้าไปใหญ่ ถึงมันจะยังวางอยู่ข้างตัวไอ้ครูหอกก็เถอะ
“ผู้ชายห่าที่ไหนเขาให้ดอกไม้กันวะ เสี่ยวสัด” แค่นหัวเราะแล้วพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผนัง ถ้าแบคฮยอนรู้ว่าดอกไม้ช่อนั้นเอามาจากร้านแฟนเก่าไอ้ครูนั่นจะทำหน้ายังไงวะ นี่ถือว่าปาร์คชานยอลยังไว้ชีวิตอู๋อี้ฟานอยู่นะ ไม่งั้นจะเดินออกไปแฉเดี๋ยวนี้
เด็กหนุ่มล้วงเอาหูฟังออกมาจากกางเกงแล้วเปิดโหมดเครื่องบินทั้งตัวเองและมือถือ จะไม่มีการคอนเนคติ้งอะไรใด ๆ กับใครทั้งสิ้นแม้กระทั่งไอ้เทาที่จะโทรมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ตอนเที่ยงคืนเหมือนปีก่อน และเชื่อว่าปีนี้มันก็คงทำเหมือนกัน
ปล่อยให้เพลงในเพล์ลิสต์เล่นไปเรื่อย ๆ แล้วข่มตาให้หลับ ล่อมันตั้งแต่ช่วงบ่ายเลยครับสายโหดซะอย่าง นอนยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เคยทำมาแล้วทำไมวันนี้จะทำไม่ได้
งีบหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งสะลึมสะลือเพราะเสียงเคาะประตู หูฟังที่เคยปิดกั้นเสียงทุกอย่างเมื่อก่อนหน้านี้หลุดออกไปเรียบร้อยแล้วเพราะนอนพลิกไปพลิกมา ชานยอลปรือตามองประตูที่เงียบไปแล้ว แต่แค่ครู่เดียวเสียงเคาะก็ดังอีก
“ชานยอล”
“...”
“หลับเหรอ?”
“...”
“กับข้าวอยู่บนโต๊ะนะ ถ้าจะกินเดี๋ยวน้าอุ่นให้” ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายความว่าก่อนหน้านี้แบคฮยอนมาเรียกเขาแล้วรอบนึงหรือเปล่า?
เด็กตัวสูงเอนตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ถึงแบคฮยอนจะใจดีก็เถอะแต่เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากไปนั่งทำหน้าหงิกใส่ ไม่วายโดนถามอีกว่าเป็นอะไร เผลอ ๆ อาจจะโดนด่าด้วย ใครจะรู้ บางทีอู๋อี้ฟานอาจจะเอาเรื่องเมื่อตอนกลางวันไปฟ้องแบคฮยอนก็ได้
มือแกร่งหยิบมือถือขึ้นมาดู ห้าทุ่มสามสิบสี่คือเวลาปัจจุบัน ชานยอลถอนหายใจแล้วพลิกตัวนอนหันข้าง เขากำลังงี่เง่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่แบคฮยอนไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เออนั่นแหละ น้าของเขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างทั้งเขาทั้งไอ้ครูนั่นเลยติดแจแบบนี้ไง
สุดท้ายความรู้สึกก็เอาชนะอีโก้ ชานยอลหมุนลูกบิดแล้วชะโงกหน้าออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงทีวีเปิดทิ้งไว้แต่ไม่เห็นตัวคน เด็กหนุ่มเดินออกมายืนตั้งหลักอยู่ตรงนั้น คิดว่าการทำหน้ามึนตึงคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นนอกจากจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขายาวก้าวเข้าไปในครัวแล้วเอามื้อเย็นที่แบคฮยอนเผื่อไว้ให้เข้าไปเวฟ รอไม่นานก็อุ่นเสร็จ เด็กหนุ่มเอาไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีก่อนจะหยัดตัวนั่งลงบนพื้น หันไปข้างหลังก็เห็นคนตัวเล็กนอนทับแขนตัวเองอยู่ ส่วนมืออีกข้างก็กอดมือถือเอาไว้
ชานยอลมองดวงหน้าขาวแล้วหันกลับไปกินข้าว เขาทำอยู่อย่างนั้นราวกับว่าเห็นหน้าน้าชายตัวเองเป็นกับ แต่ใครจะสนวะครับ การกินข้าวไปมองหน้าคนที่ชอบไปนี่แหละคือวิถีการเจริญอาหาร
เด็กตัวสูงยันมือไว้กับพื้นแล้วเอื้อมไปหยิบหมอนอิงที่อยู่บนโซฟาอีกตัวก่อนจะขยับเข้าไปใกล้น้าชาย ค่อย ๆ ประคองศีรษะเล็กขึ้นมาแล้วซ้อนหมอนลงไป ยิ่งตอนเห็นแบคฮยอนนอนขดขาเข้าหาตัวแล้วก็อมยิ้มจนลืมไปหมดว่าก่อนหน้านี้เคยนอยด์อะไร
RRRRRrrrrrrrrrrrr!!!
ทั้งคู่สะดุ้งสุดตัวกับเสียงโทรศัพท์มือถือ แบคฮยอนดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่าหลานชายตัวโตกำลังนั่งทำตาปริบ ๆ อยู่บนพื้นทั้งที่แก้มทั้งสองข้างอัดแน่นไปด้วยข้าว
“...”
“...”
“สุขสันต์วันเกิด”
“...”
“...”
ทั้งคู่สบตากัน ชานยอลขยับปากเคี้ยวข้าวอีกแค่ครั้งเดียวแล้วก็ยิ้มกว้างกับประโยคแรกที่ได้ยินในวันเกิด แบคฮยอนปั้นหน้านิ่งก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้ายังไงในตอนนี้ดี เขาแค่ตั้งเวลาไว้ แต่ไม่คิดจะอวยพรเพราะมันคงฝืดปากแย่ถ้าทำแบบนั้น
แต่พอเห็นชานยอลนั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้าเขา แถมสายตาที่มองมาก็ทำให้ Flashback ไปตอนที่เด็กคนนี้อายุเจ็ดขวบ เด็กอ้วนที่ชอบใช้สายตาพูดแทนปากอยู่บ่อย ๆ จนถึงตอนนี้ชานยอลก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
เด็กตัวสูงขยับตัวเข้าไปกอดเอวน้าชายที่นั่งอยู่บนโซฟา แบคฮยอนสะดุ้งอย่างตกใจพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับหัวไหล่ นัยน์ตาเรียวหลุบลงมองหัวอีกคนที่ซุกอยู่กับตัก เขาเห็นว่าชานยอลกำลังหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้ม
“คนแรกเลย ดีใจจัง”
“อือ”
“ผมรักแบคฮยอนนะ”
“...อ...อืม” แบคฮยอนพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติที่สุด เขาไม่แน่ใจว่าประโยคเมื่อครู่นี้ชานยอลสื่อมันไปในทางไหน แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอยู่ดี
มือเล็กวางลงบนศีรษะหลานชายพร้อมกับลูบเบา ๆ ชานยอลเงยหน้าสบตากับน้าชายตัวเล็กก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นคุกเข่า ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่แทบจะอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน ชานยอลยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้มจนทำให้เขาสงสัยว่าเด็กนี่มีความสุขอะไรนักหนา
“อย่างกับเด็ก นั่งกินดี ๆ สิ” แบคฮยอนใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดใต้ริมฝีปากล่างให้เด็กตัวสูง ชานยอลหลุบตามองก่อนจะคว้ามือเล็กเอาไว้แล้วจูบปลายนิ้วเบา ๆ นั่นทำให้คนเป็นน้านั่งแข็งทื่อเพราะทำอะไรไม่ถูก “...”
“ใจดีอีกแล้ว” มองหน้าคนตัวเล็กพร้อมกับรอยยิ้มแล้วก็จุ๊บปลายนิ้วอีกครั้ง แบคฮยอนถลึงตามองหลานแล้วชักมือกลับแต่ชานยอลดันไม่ยอมปล่อย
“ชานยอล!”
“จ๋า?”
“จ๋าบ้าอะไร?! ปล่อยเลยนะ เดี๋ยวบั๊ด!” แบคฮยอนยังคงพยายามชักมือกลับ แน่นอนว่าชานยอลยังคงระดมจูบปลายนิ้วเขาไม่หยุด
“จะตบหัวผมอีกเหรอ” เด็กหนุ่มยักคิ้วท้าทาย และไวเท่าความคิด หัวของเขาเซไปทางด้านข้างทันทีเพราะถูกมือเล็กฟาดเข้าให้ “โอ้ย!!!”
“ทะลึ่งดีนัก”
“ทะลึ่งยังไงก็แค่แสดงความรัก”
“ไปแสดงกับแม่แกไป รีบกินรีบย่อยรีบนอน จะได้รีบตื่นมาโทรหาแม่แต่เช้า”
“รู้แล้วน่า” ชานยอลว่าแล้วไปเอาจานข้าวมาถือไว้ก่อนจะขยับตัวถอยหลังไปนั่งตรงช่วงหว่างขาน้าชาย
“โทรไปพูดดี ๆ แล้วก็บอกว่า ‘ขอบคุณครับแม่ที่ให้ผมเกิดมา’ โอเคไหม”
“เลี่ยนตายอ่ะ ใครจะไปกล้าพูดแบบนั้นกัน โอ้ย!” ชานยอลหัวทิ่มอีกครั้งเพราะถูกตบ ใบหน้าคมหันไปมองคาดโทษน้าชายที่ง้างมือขึ้นทำท่าอย่างกับว่าจะฟาดหัวเขาอีกรอบก่อนจะตักข้าวเข้าปาก
“ทำให้แม่ซึ้งแค่นี้จะตายเหรอ”
“ไม่ตาย งั้นผมซ้อมบอกรักแบคฮยอนก่อนได้ไหม”
“เงียบปากแล้วกินข้าวไปเลย” ร่างเล็กยกเท้าขึ้นมาถีบหลังเด็กตัวสูงจนเซไปข้างหน้า แต่คราวนี้ชานยอลไม่ได้หันมาบ่นอะไรสักคำหนำซ้ำยังจับขาเขาไปวางไว้บนไหล่อีก
“ทำอะไร” แบคฮยอนขมวดคิ้ว ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขาวางอยู่บนไหล่ของหลานชายตัวโต ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามในทันที เด็กตัวสูงที่กำลังเคี้ยวข้าวแต่ปากก็ยังยิ้มกำลังมองหน้าเขาอย่างมีความหมาย
“ซ้อมไว้”
“ซ้อม?” คราวนี้ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ไอ้เด็กนี่กำลังฝึกเล่นคำกับเขาหรือยังไง คนเป็นครูสอนสังคมอย่างเขาไม่ได้เก่งเรื่องจิตวิทยานะเว้ย!
“เผื่อวันข้างหน้าได้เอาขามาพาดตรงนี้ จะได้ชินไงแบคฮยอน”
“...”
“...”
“ปาร์คชานยอล!!! มึง!!!”
TBC
ลาก่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แดกตีนน้าแทนเค้กไปนะมิสเตอร์ชาร์ล 55555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น