ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "MEAN BOY" มนุษย์ชานยอล | CHANBAEK KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #26 : Chapter 25 :: His Home (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.05K
      108
      9 ก.ย. 57

     



     

    Chapter 25

    His Home

     



     

     

    เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นพร้อมกับคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนที่สาดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่แหวกออกไปอยู่ข้างเดียวกัน ซึ่งการเปิดผ้าม่านเป็นสิ่งที่เขาจะทำเป็นอย่างสุดท้ายสำหรับคนที่ชอบอยู่ในความมืดเป็นชีวิตจิตใจ

     

    มือแกร่งยกขึ้นบังระดับสายตาก่อนจะสอดมือเข้าไปในกางเกงแล้วลูบน้องชายที่กำลังผงาดขึ้นมาท้าโลกยามเช้าให้สงบลง พอเรียกสติได้เด็กหนุ่มก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง สิ่งแรกที่แล่นปราดเข้ามาในหัวคืออาการหนักอึ้งเหมือนกับว่ามีใครสักคนเอาหินก้อนใหญ่มาวางไว้

     

    ยกมือขึ้นเกาหัวพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ อาการเมาค้างยังคงอยู่ไม่จางหายไป เด็กหนุ่มหยุดชะงักเมื่อพบว่าทุกอย่างในห้องมันดูสะอาดจนต้องรีบขยี้ตาดูให้แน่ใจว่าตอนนี้เขาอยู่ห้องตัวเองหรือว่าเผลอเดินเข้าห้องผิด

     

    และภาพในหัวเมื่อคืนก็ลอยเข้ามาเป็นฉาก ๆ แบคฮยอนกำลังช่วยเช็ดตัวให้เขา แบคฮยอนกำลังจูบอยู่กับเขา และจบด้วยการนอนกอดกัน แต่พอลืมตาขึ้นปาร์คชานยอลก็รู้สึกเหมือนถูกหักอกอย่างแรงเมื่อพบว่าข้างตัวไม่มีใครนอนอยู่อย่างที่คิดเอาไว้ อีกทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็อยู่ครบ ไม่ได้ถอดอย่างในฝันเมื่อคืนนี้

     

    เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใครอีกคนที่เดินเข้ามาในห้อง ชานยอลยังคงดูงง ๆ แม้ว่าจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่เห็นหวงจื่อเทาเดินเข้ามาในสภาพชุดนักศึกษาเพราะมันเป็นคำตอบได้แล้วว่าปาร์คชานยอลไม่ได้เข้าผิดห้อง เด็กหนุ่มมองหน้ากันแค่ครู่เดียวคนเป็นเพื่อนก็วางถุงหิ้วลงบนโต๊ะแล้วค้นเอาบางอย่างออกมา

     

    เมื่อคืนมึงเมาอย่างกับหมาขี้เรื้อนข้างถนนที่เป็นลูคีเมียระยะสุดท้าย

     

    โฮ่ง จื่อเทาเหล่มองไปยังไอ้ขี้เมาที่ยังมีหน้ามากวนประสาทเขาอีก ชานยอลอ้าปากหาวหวอด ๆ แล้วรับขวดนมที่เพื่อนสนิทโยนมาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี และตอนนี้มันก็เป็นเวลาที่เขาควรจะได้คำตอบแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากเมื่อคืนเมาดริฟท์จนไม่เหลือสภาพคนปกตินี่มึงทำความสะอาดห้องให้กูเหรอ

     

    เออ ขานตอบสั้น ๆ แต่ก็บ่งบอกได้ดีว่าตอนนี้จื่อเทาไม่ได้อยู่ในอารมณ์แฮปปี้นัก ชานยอลยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะโยนฝาขวดนมใส่หัวเพื่อนจนกระเด็นลงไปบนพื้น เด็กเขียวกุมหัวตัวเองแล้วเก็บฝาขึ้นมาเขวี้ยงคืนแล้วมันก็เข้าเป้าโดนหัวคิ้วไอ้ขี้เมาเต็ม ๆ

     

    ห่านี่ กูเจ็บนะ ชานยอลง้างมือขึ้นทำท่าจะเหนี่ยวเพื่อน แต่จื่อเทากลับทำท่าเลียนแบบ นี่มันคือการอ้อนตีนแบบ Official ชัด ๆ ใครสั่งใครสอนให้มึงทำความสะอาดห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

     

    ก็ห้องมึงโสโครกอ่ะ ไม่พอใจก็ไปเก็บซากขยะมาวางไว้ที่เดิมดิ จื่อเทาพูดกวนตีนแล้วนั่งก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่าง ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้หงุดหงิดนักกับเรื่องนี้ บางทีมันอาจจะทำการบ้าน หรือรายงานอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้เข้าเรียน

     

    เด็กหนุ่มดื่มนมจนหมดไปครึ่งขวดแล้ววางไว้ข้างเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ชานยอลปล่อยให้ตาเหม่อมองไปยังเพดานห้องเหมือนอย่างที่ชอบทำ เขามักจะเป็นแบบนี้เวลาอยากปล่อยให้ความคิดลอยไปไกล ๆ โดยที่ไม่ต้องหยุดอยู่กับเรื่องราวในหัว

     

    ห่าเทา

     

    อือ

     

    เมื่อคืนมึงฝันว่าไร

     

    ถามไมอ่ะ

     

    อยากรู้ มือที่ถือปากกาหยุดไว้แค่นั้นแล้วเอี้ยวหน้าหันไปมองเพื่อนตัวสูงที่นอนเอาขาหน้าก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง จื่อเทาเท้าศอกลงบนโต๊ะแล้วกุมขมับกับความฝันที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อคืนนี้

     

    กูฝันว่าวิ่งหนีซอมบี้ในอุทยาน

     

    ...

     

    เออ เลือดนี่ไหลเป็นโลหิตเลยนะมึง พูดจบเด็กหนุ่มก็หันกลับไปง่วนอยู่กับแผ่นกระดาษบนโต๊ะอีกครั้ง

     

    แล้วมึงรู้สึกไหมว่ามันเหมือนจริง

     

    รู้สึกดิ ในฝันกูวิ่งจนเหนื่อยแต่วิ่งยังไงก็ยังอยู่ที่เดิม ตื่นมานี่เหงื่อโชกไปหมด แถมมีกลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจากฝันด้วยโฟร์ดีเหี้ย ๆ อ่ะ แต่พอลืมตาขึ้นมาถึงได้รู้ว่าหมาบ้านกูมันตดอัดผ้าห่ม มันเป็นฝันร้ายในรอบเดือนของกูเลยนะเว้ย สงสัยช่วงนี้กูอ่านฟิคมากเกินไป พูดแล้วก็ถอนหายใจ จื่อเทาหันไปทางเพื่อนตัวสูงอีกครั้งแล้วก็พบว่าชานยอลกำลังนอนหันหน้าเข้าหาผนัง

     

    ดีนะที่มึงตื่นมาแล้วก็รู้ว่ามันเป็นแค่ฝันร้ายเด็กหนุ่มเหม่อมองไปยังผนังห้องสีขาว มันดูโล่งและว่างเปล่าเหมือนกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้แต่ถ้าเป็นฝันดีมันคงน่าใจหายที่ต้องตื่นมาแล้วรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง

     

    เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ปาร์คชานยอลรู้สึกว่าอยากอยู่ในความฝันต่อไป ถ้าจะตื่นมาเจอความจริงที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกหักอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วปิดเปลือกตาลง มีวิธีไหนที่จะทำให้กลับไปฝันถึงเรื่องเดิม ๆ ได้อีกเปล่าวะ

     

    ... จื่อเทามองแผ่นหลังกว้างสลับกับกระดาษใบเล็กในมือแล้วดึงมันออกจากกันก่อนจะกดเข้ามือถือเพื่อดูว่าน้าชายของเพื่อนตอบอะไรมา มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มมีโพสต์อิทหลายแผ่นที่เขียนกำกับเอาไว้ว่าอะไรอยู่ไหนตามที่น้าแบคบอก ส่วนมืออีกข้างก็อ่านข้อความในไลน์

     

     

    น้าแบค

    พวกอุปกรณ์ห่อเสื้ออยู่ในกล่อง น้าเอาไว้ใต้เตียงน่ะ พวกเสื้อก็เหมือนกันนะ ส่วนเสื้อผ้าที่กองอยู่ตรงใกล้ประตูน้าเอาไปซักตู้หยอดเหรียญแล้วตากไว้ตรงระเบียงให้แล้ว ถ้ามันตื่นก็ฝากบอกให้ออกไปเก็บด้วย อย่าตากทิ้งไว้ข้ามคืนนะเดี๋ยวกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจะหาย พวกชีทกระดาษน้าเอาคลิปหนีบไว้ให้ตามรายวิชา อยู่ในลังกระดาษที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะคอมพ์นะ ขอบใจมาก  9:22

     

     

     

    ทำไมวันนี้มึงมาเช้าจังวะ มีเรียนบ่ายไม่ใช่ไง?

     

    กูเห็นสภาพมึงเมื่อคืนไม่น่ารอดก็เลยออกมาดูหน่อย แต่ขี้เกียจกลับบ้านหลายรอบเลยอาบน้ำเปลี่ยนชุดทีเดียวอ่ะ พอได้ยินคำตอบชานยอลก็พลิกตัวหันกลับไปก่อนจะเลิกคิ้วมองเมื่อตอนนี้เพื่อนสนิทของเขากำลังเอาโพสต์อิทแปะไปตามชั้นวางของให้

     

     
     

    ปิ๊กกีต้าร์ทั้งหมดอยู่ในกล่อง คราวนี้หายโกรธได้ยัง?’

     

     
     

    มึงทำไร

     

    ห...หา? จื่อเทาสะดุ้งเล็กน้อย เขาค่อย ๆ หันกลับไปหาเพื่อนที่มองมาราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบเดี๋ยวนั้นซึ่งเด็กหนุ่มก็ไม่คิดว่าจะถูกถามซะด้วย จื่อเทาเอากระดาษแปะปลายจมูกตัวเองแล้วทำตาปริบ ๆ แก้โง่ก่อนจะพูดเสียงแผ่วแปะกระดาษบอกพิกัดของให้มึงไง...

     

    ...

     

    ก็กูทำความสะอาดห้องมึงเงี้ย...กลัวมึงหาของไม่เจอแล้วจะด่ากูอีกอ่ะ จื่อเทาเชิดหน้าแถจนดูมีพิรุธ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กเขียวก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างแล้วเก็บมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง

     

    อย่าทำแบบนี้อีก คราวหลังปล่อยให้ของหายไปเลยดีกว่าถ้าจะต้องให้กูอ่านของพวกนั้น ชานยอลพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะพลิกตัวนอนหันหน้าเข้าหาผนังอีกครั้ง

     

    เด็กหนุ่มปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งที่ยังไม่ได้ลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่างเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่หันไปเห็นสิ่งที่ทำให้นึกถึงแบคฮยอนหัวใจเขาก็กลับมาห่อเหี่ยวอีกแล้ว ยิ่งรู้ว่าเมื่อคืนมันเป็นแค่ความฝันก็ยิ่งรู้สึกแย่ ถึงมันจะเป็นฝันที่เหมือนจริงมากก็เถอะ แต่เขามั่นใจว่าน้าชายตัวเล็กคงไม่มีทางมานอนให้เขากอดจูบอย่างเอาแต่ใจแบบนั้นแน่

     

     

     

     

    ครูสอนชีวะเดินเข้ามาในห้องพักครูหลังจากสอนเสร็จคาบบ่ายเสร็จแล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าคนตัวเล็กฟุบหน้าหลับอยู่บนโต๊ะทั้งที่มือข้างขวายังคงถือปากกาเอาไว้ ร่างสูงก้าวขามาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ครูสอนสังคมที่ยังคงหลับลึกจนไม่รู้ถึงการมาของเขา

     

    ชายหนุ่มจ้องมองภาพตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางหนังสือลงบนโต๊ะของเขาแล้วลากเก้าอี้ล้อมานั่งข้าง ๆ ร่างสูงยิ้มบาง ๆ พร้อมกับปัดไรผมออกจากดวงหน้าขาวอย่างเบามือแต่ถึงอย่างนั้นสัมผัสของเขามันก็ทำให้คนตัวเล็กตื่น

     

    อ้าว...พี่อี้ฟาน...

     

    แอบอู้เหรอครับครูแบคฮยอน?

     

    โธ่...แค่ห้านาทีเอง ร่างเล็กพูดก่อนจะถลึงตามองนาฬิกาเมื่อพบว่าห้านาทีของเขามันเลยมาแล้วเกือบสิบห้านาที คุณพระช่วย!!!” แบคฮยอนรีบโกยหนังสือกับเครื่องเขียนขึ้นมาแนบอกอย่างลนลานเพราะอีกสี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงเวลาเข้าสอนแล้วผมไปก่อนนะครับพี่ แล้วเจอกันนะ

     

    อี้ฟานยังไม่ทันพยักหน้ารับด้วยซ้ำแบคฮยอนก็วิ่งออกไปจากห้องพักครูเสียแล้ว ร่างสูงยิ้มขำพลางส่ายหน้าหน่าย ๆ ก่อนจะหันกลับมาที่โต๊ะทำงานของคนตัวเล็ก สมุดที่ยังเปิดทิ้งไว้เรียกความสนใจจนต้องเอามาดูใกล้ ๆ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไปเมื่ออ่านรอยปากกาที่อยู่บนกระดาษซึ่งเป็นเมนูอาหารหลายอย่าง บางเมนูถูกขีดฆ่าออกไปพร้อมกับคำกำกับข้างหลังว่า ชานยอลเคยกินแล้ว และบางเมนูที่ถูกกำกับไว้ว่าต้องแปลงรสชาตินิดหน่อย

     

    เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่อู๋อี้ฟานจมอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ หลายครั้งที่เขาบอกตัวเองให้หยุดแล้วจบทุกอย่างไว้แค่คำว่าพี่น้อง ซึ่งมันคงเป็นเรื่องยากสักหน่อยสำหรับคนที่เป็นฝ่ายรอความรัก เพราะไอ้การตัดสินใจง่าย ๆ แบบนั้นก็คงมีแค่คนที่หมดใจหรือไม่ได้รักเท่านั้นแหละที่พร้อมจะเป็นพี่น้องกับใครอีกคนได้ทั้งที่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง

     

    การตัดใจใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่มันยากตรงที่อู๋อี้ฟานยังต้องเห็นหน้าบยอนแบคฮยอนทุกวันในห้องพักครู พอเขาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรก็ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะผ่อนคลายขึ้น และนั่นมันก็เป็นเรื่องดีที่เขาทั้งคู่จะไม่ต้องอึดอัดเวลาอยู่ด้วยกัน แต่มันแย่ตรงที่มีแค่เขาฝ่ายเดียวนี่แหละที่กำลังรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ

     

    ร่างสูงกดเข้าแอพลิเคชั่นไลน์ก่อนจะกดส่งข้อความหาครูสอนสังคมที่เพิ่งวิ่งออกไปเมื่อครู่ แน่นอนว่าแบคฮยอนคงไม่มีทางตอบคำถามนี้กลับมาในทันที ซึ่งเขาอาจจะต้องรออีกสักสิบห้าถึงยี่สิบนาทีหรือพักใหญ่ ๆ จนกว่าคนตัวเล็กจะพักเบรค

     

     

    14:33  เย็นนี้ไปทานข้าวกันนะ

     

    MiniBaekhyun

    ได้ครับ  15:12

     

    MiniBaekhyun

      15:12

     

    MiniBaekhyun

    กำ กดผิดอัน  15:12

     

    MiniBaekhyun

      15:13

     

     

    ร่างสูงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วเลื่อนเก้าอี้กลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง ใจหนึ่งบอกให้พยายามต่อไปแต่อีกใจก็อยากจะหยุด อู๋อี้ฟานได้แต่คิดว่าถ้าเกิดเขารุกหนักตั้งแต่ตอนแรก...ตอนที่แบคฮยอนยังมีใจให้เขาอย่างชัดเจนมันจะเป็นยังไงนะ?

     

    ถ้าเขาคบกันก่อนที่เด็กคนนั้นจะเข้ามามีผลกระทบต่อชีวิตแบคฮยอนล่ะ? ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างมันจะจบลงที่ตรงไหน? มันจะจบที่ปาร์คชานยอลอกหักและต้องเป็นฝ่ายตัดใจ หรือว่าจะเป็นเขาที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วดูสองน้าหลานรักกัน?

     

     
     

     

     

     

    เหี้ยละ...

     

    เด็กหนุ่มปล่อยมือออกจากเมาส์ก่อนจะเลื่อนมากุมขมับหลังจากเห็นเกรดแต่ละวิชาที่อัพเดทในเวปไซต์ของมหาลัย และมันไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ หนำซ้ำยังทำให้รู้สึกอยากตายเพิ่มขึ้นอีก 99% อีกด้วย

     

    นี่ก็ผ่านเทอมสองไปแล้ว ไอ้ตัวเขาก็ไม่ได้หวังหรอกว่าจะได้เกรด A สักวิชาเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เถลไถลไปซะเยอะ ตีดอทยันเช้า ผัดวันประกันพรุ่ง ตื่นไปเรียนทันบ้างเวลามีคลาสช่วงบ่ายสาม แต่วันไหนเรียนเช้าก็ไปไม่ทัน มันเป็นอย่างนั้นอยู่พักนึง เด็กหนุ่มชะล่าใจ คิดว่ายังไงก็คงมีเวลาอีกเยอะ ค่อยเข้าเรียนช่วงใกล้หมดโควตาขาดก็ยังไม่สาย แต่สุดท้ายตัดภาพมาอีกทีคือสอบไฟนอลแล้ว หลายวิชาที่ปาร์คชานยอลไม่มีสิทธิ์สอบอีกทั้งยัง...

     

    F...F...F...F เต็มไปหมด...

     

    ชิบหายละ จากเกรดเฉลี่ยทั้งสองเทอมถ้าเอามารวมกันก็ไม่น่าจะผ่านเกณฑ์ สถานะของเด็กหนุ่มในตอนนี้เหมือนเหยียบเส้นด้ายบาง ๆ ที่พร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ แต่เคยได้ยินพวกรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่ายังไงก็ผ่านอยู่แล้วเพราะบางวิชาเขาก็เข้าเรียนอยู่ อย่างภาษาอังกฤษก็พอถู ๆ ไถ ๆ ได้เพราะฉะนั้นมันน่าจะดึงเกรดขึ้นมาได้บ้าง

     

    เด็กหนุ่มคว้าซองบุหรี่แล้วออกไปนั่งตรงระเบียง อัดนิโคตินเข้าปอดหนัก ๆ แล้วทอดสายตาไปยังตึกสูงในมหาลัยที่เป็นเหมือนจุดหมายปลายทางในอนาคตที่ช่างริบหรี่เหลือเกิน มันต้องไม่ดีแน่ถ้าจะเอาแต่นั่งปลอบใจตัวเองว่าเกรดที่เหลือจะช่วยให้รอดตายได้ เขาควรจะทำอะไรสักอย่างถ้าไม่อยากโดนรีไท

     

     

     

    แสงแฟลชจากกล้องสื่อหลากหลายสำนักรวมไปถึงเหล่าแฟนคลับที่อยู่ข้างนอกรั้วที่ถูกกั้นไว้และที่ยืนเบียดกันบนชั้นในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ไอดอลคู่ขวัญยืนอยู่บนเวทีงานแถลงข่าวละครเรื่องใหม่ที่โอเซฮุนได้รับบทคู่กับคิมฮยอนอาอีกเรื่อง แน่นอนว่ากระแสคู่นี้มาแรงข้ามปีจนยากที่จะหยุดยั้งจนผู้กำกับ คนเขียนบทละครต้องแย่งชิงกันไปเป็นตัวเอกของเรื่อง

     

    เซฮุนรั้งเอวคอดเข้ามายืนใกล้ ๆ ก่อนจะยิ้มตาหยีให้กับหญิงสาวที่กำลังกัดนิ้วชี้แก้เขิน เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับแหละเหล่าแอนตี้แฟนคู่ชายหญิงได้เป็นอย่างดี จนการ์ดที่ยืนอยู่แถวนั้นหูดับตับไหม้ไปตาม ๆ กัน

     

    ถ้ามีกล้องแสกนสีหน้าที่แท้จริงตอนนี้คงเห็นหน้าโอเซฮุนเบ้ปากอยู่ ไอ้ท่าขวยเขินแบบนั้นน่ะคิดว่าน่ารักมากเหรอคิมฮยอนอา ใจจริงอยากจะขอให้หยุดทำท่าทางแบบนี้สักที ไอ้ห่าถ่านที่ยืนเซ็กเง็กอยู่ตรงหลังเสาคงฟินจนรัวถ่ายรูปไม่หยุดแล้วมั้งป่านนี้

     

    ไม่รู้ว่ามันตั้งใจถ่ายรูปเขาหรือว่าถ่ายรูปยอดรักของมันกันแน่ เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว ถ้ากลับบ้านไปเห็นรูปฮยอนอามากเกินสี่รูปมึงเจอตีนกูแน่ไอ้ที่รัก

     

    เสียงกดชัตเตอร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ทั้งเหล่าบ้านแฟนไซต์และสื่อจากสำนักดัง ๆ ไปจนถึง Dispatch ขาโหดที่ใคร ๆ ต่างก็หวั่นเกรง คู่พระนางนั่งข้างกันและถัดไปคือคู่รองที่ก็มีชื่อเสียงอยู่พอตัว นับว่าละครเรื่องนี้เก็งเอาดาราดังมาเล่นเกือบทั้งเรื่องแม้กระทั่งตัวโกง

     

    และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงตอบคำถาม สตาฟหนุ่มเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับวางไมค์ไว้ตรงหน้านักแสดงหลักของเรื่อง ร้อนรักมาเฟียตัวร้ายของยัยคุณหนู ซึ่งพอหันไปเห็นชื่อเรื่องทีไรโอเซฮุนก็อยากจะกุมขมับเหลือเกิน ชื่อนี้คือดังชัวร์แล้วใช่ไหมนี่ถาม

     

    งั้นขอถามคุณเซฮุนพระเอกของเรื่องก่อนเลยนะคะ ว่าคิดยังไงถึงรับแสดงเรื่องนี้ แล้วบทเป็นยังไงคะ? ไอดอลหนุ่มยิ้ม เขาปล่อยให้เวลาผ่านไปหลายวินาทีกว่าจะขยับปากตอบคำถามได้ จำไว้นะครับเป็นไอดอลต้องทิ้งช่วงให้คนลุ้น ไม่ใช่ถามปุ๊บตอบปั๊บ อันนั้นไว้ให้เป็นหน้าที่ของพรายดำก็พอ

     

    ส่วนตัวผมประทับใจผู้กำกับโจตั้งแต่อยู่มหาลัยแล้วครับ พอรู้ว่าถูกเลือกให้เป็นพระเอก ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ มันเหมือนฝันเลยครับ ฮะ ๆ

     

    เซฮุนหัวเราะทั้งที่ในใจนี่อยากจะขากถุยสักที นี่พวกมึงพลาดตั้งแต่คิดชื่อเรื่องแล้ว ไอ้คนเขียนเรื่องนี้ก็ดังเพราะเขียนแต่พล็อตแนวตลาด ๆ โดนใจแม่บ้านหลังข่าวแต่หาความเป็นไปได้ยากเหลือเกิน นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่มินซอกขอไว้นะจ้างกูก็ไม่เล่นสึด

     

    บทของผมเล่นเป็นมาเฟียใจโหดที่ต้องตามแก้แค้นแทนพ่อที่ถูกหักหลังทางด้านธุรกิจครับ แต่การฆ่าศัตรูมันก็จะง่ายเกินไป เพราะฉะนั้นผมก็เลย... เซฮุนหันไปมองนางเอกสาวที่นั่งเล่นหูเล่นตาให้กับเขาอยู่ แน่นอน ติ่งกรี๊ดแตกอีกแล้ว

     

    เขาจับฉันไปขังในบ้านร้างแล้วข่มขืนจนรักกันค่ะ

     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่เอาชะนี!!!!!!!!!! เซฮุนโอป้าควรได้กับทงเฮโอป้าที่เป็นพระรองสิ!!!!!!!!!!!”

     

    ฮยอนอาสุดยอดดดดดดดดดดด อยากดูฉากนั้นไว ๆ แล้ว!!!”

     

     

    เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของติ่งทุกวัยสร้างความวุ่นวายให้งานแถลงข่าวจนต้องเพิ่มการ์ดไปยืนทำหน้าโหดอยู่ข้างรั้วอีกจำนวนหนึ่ง จงอินรัวชัตเตอร์ไม่หยุด วันนี้แบกเลนส์ระดับกล้องดูดาวมาต่อให้อยู่มุมนี้ข้าก็บ่ยั่น ภาพระดับ HD ซูมเห็นสิวทุกเม็ด

     

    คำถามจากสื่อหลายสำนักผ่านไปแล้วและเซฮุนก็ตอบได้ดีตามประสาไอดอลที่ต้องวางตัวในสังคมบันเทิง ทั้งหน้าเวทีและบนชั้นสอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ดของห้างล้วนเต็มไปด้วยเหล่าแฟนคลับ เซฮุนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับโบกมือให้แถมด้วยหลับตาทำปากจู๋เป็นการปิดท้าย ฆ่าติ่งตายทั้งแผ่นดิน

     

    คราวนี้เป็นคำถามจากเหล่าแฟนคลับที่จะถูกสุ่มคัดเลือกจากกล่องพลาสติกใสที่มีกระดาษอยู่ข้างในนั้นเกินครึ่ง MC อีทึกเดินวนรอบเพื่อให้นักแสดงทุกคนเลือกมาคนละหนึ่งชิ้น หลังจากนั้น MC ก็เก็บมารวบรวมแล้วถามทีละข้อ

     

    คำถามทั้งสามข้อถูกถามไปแล้วและโชคดีที่สุ่มโดนคิมฮยอนอาทั้งหมด และมันจะดีมากถ้าคำถามสุดท้ายนั่นไม่ใช่ของเขา แต่เดี๋ยวนะ...นี่มันโชคดีที่สุ่มได้หรือว่าเรทติ้งกูตกกันแน่วะ

     

    ต่อไปคำถามสุดท้ายมาจากนามสมมติว่า หนูยินดีถ้าพี่จะเป็นเกย์ เอ่อ...ฮะ ๆ MC อีทึกหัวเราะออกไมค์แล้วเพ่งมองข้อความในกระดาษแผ่นเล็กในมือก่อนจะหันไปทางพระเอกหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำอยู่ขอถามเซฮุนโอป้าค่ะ โอป้าเป็นเกย์หรือเปล่าคะ

     

     
     

    พรวดดดดดดดดดดดดดดดด!!!

     

     
     

    อุ้ย! กระฉอกหมดแล้วค่ะโอป้า!” ฮยอนอารีบเอาผ้าพันคอผืนบางขึ้นมาช่วยซับปากให้พระเอกหนุ่มโดยไม่แคร์เลยว่าเกาะอกที่สวมอยู่จะโหลดต่ำลงสักแค่ไหน เซฮุนโบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเหล่าแฟนคลับที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบจากเขาอยู่

     

    เพราะหนูเห็นว่าโอป้าไปไหนมาไหนกับผู้ชายนอกวงการด้วย...แถมเข้าออกบ้านหลังเดียวกันอีก มันยังไงกันเหรอคะ โอป้าเป็นเกย์ใช่ไหม?

     

    ...

     

    เซฮุนนิ่งไป จากที่มีเสียงรัวปุ่มชัตเตอร์กับเสียงกรี๊ดลั่นห้างตอนนี้กลับเงียบกริบอย่างกับเป่าสาก ทั้งติ่งทั้งแอนตี้แฟนและขาจรต่างพร้อมใจกันเงียบอย่างไม่ได้นัดหมาย ไอดอลหนุ่มเหล่มองไปยังต้นเสาใหญ่สีครีมทางซ้ายแล้วก็พบว่าจงอินกำลังค่อย ๆ เฟดตัวถอยออกจากตรงนั้นอย่างช้า ๆ

     

    เกย์อะไรกันครับ? คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันพร้อมกับเปล่งเสียงหนักแน่นออกมา แมนกว่านี้มีอีกไหมพี่เซฮุนขอถาม เอาให้รู้กันทั้งแผ่นดินกันไปเลยครับว่าตอนนี้กูกำลังงิดเพราะถูกกล่าวหา ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ ภาพลักษณ์ไอดอลของเขาจะมาพังพินาศเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด

     

    ผู้คนจากหน้าเวทีกำลังส่งเสียงฮือฮา รู้สึกว่าจะมีบางส่วนที่คิดว่ามันเป็นความจริง และบางส่วนที่ยังยึดมั่นในความเรียลของคู่เซฮยอน อันที่จริงเขาก็คิดเรื่องนี้มานานแล้วว่าถ้าถูกดิสแพทหรือแอนตี้แฟนจับได้ว่าอยู่กินกับจงอินจะเป็นยังไง และแน่นอนว่าเขามีคำตอบในใจอยู่แล้ว

     

    ไอดอลหนุ่มคว้าไมค์ขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เรียกความสนใจจากผู้คนที่อยู่โดยรอบ ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นกำลังโปรยยิ้มให้กับกล้องที่ทั้งถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งชนิดว่าบ้านแฟนไซต์จากทุกสำนักต้องได้โมเม้นนี้จนครบ และจากสีหน้าที่แสดงออกไป มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าโอเซฮุนไม่ได้ฉายแววตระหนกเลยสักนิดกับคำถามเมื่อครู่

     

    ถ้าเคยซื้อนิตยาสารของ ZEED AH แล้วอ่านช่วงคอลัมน์ของผม คุณก็จะรู้ว่าโอเซฮุนมีเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอยู่สองคน ไอดอลหนุ่มว่าแล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาก่อนจะหันจอมือถือไปข้างหน้านี่ครับ หน้าตาเพื่อนของผม

     

    ซูมกล้องหน่อย ๆ

     

    ไอดอลหนุ่มยิ้มแล้วเหล่มองไปยังยอดรักหักสวาทที่ยังคงยืนอยู่หลังเสา แต่คราวนี้มันมาพร้อมกับหมวกโม่งสีดำ ถ้าไม่ติดว่าในมือนั้นมีกล้องเลนส์กระบอกเท่าข้าวหลามกูจะจินตนาการแล้วนะว่ามึงมาจากตาลีบัน

     

    ปัจจุบันผมอยู่บ้านหลังเดียวกันกับเพื่อนคนนี้ ไม่ขอบอกแล้วกันนะครับว่าเขาชื่ออะไร เพราะงั้นผมจะแทนตัวเขาว่ามืดคุงแล้วกัน

     

    มืดพ่องดิที่รัก ไอ้โม่งดำขยับปากด่าแล้วรัวถ่ายรูปต่อ

     

    เซฮุนชี้ไปยังรูปไอ้กรังแว่นดำที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายสุดของรูป ส่วนเขายืนอยู่ตรงกลาง และแบคฮยอนนั่งอยู่บนรั้วไม้ คือถ้ามีเพื่อนอีกคนนี่ F4 ชัด ๆ แต่ติดอยู่แค่ว่าไม่มีใครคบ เรื่องมันมีอยู่ว่าหลังจากเรียนจบมืดคุงดันหางานทำไม่ได้ทั้งที่จบครูโสตมาในขณะที่เพื่อนผมคนนี้...อ้อ...ผมขอเรียกว่าหลักกิโลคุงนะครับ

     

    เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งห้าง แน่นอนว่าตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างถูกควบคุมไว้โดยไอดอลหนุ่มรูปหล่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    ในขณะที่หลักกิโลคุงได้งานเป็นครูสอนสังคมแล้วแต่มืดคุงกลับถูกไล่ออก ถูกปฏิเสธงานบ้างล่ะ บ้านหลังนั้นก็ยังต้องผ่อนต่อจากพ่อแม่อีกหลายปี ผมสงสารเพื่อนครับ เลยย้ายไปอยู่ด้วยแล้วหารค่าบ้านกันคนละครึ่ง

     

    เซฮุนโอป้าหล่อแม้กระทั่งจิตใจ กรี๊ดดดดดดดดด

     

    หล่อตั้งแต่หน้าตายันขนหน้าแข้ง ใจบุญแบบนี้อยากมีเมียโดยไม่รู้ตัวไหมคะโอป้า กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

     

    ถึงผมจะเป็นไอดอล จะดังจนมืดคุงไม่กล้านั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันก็เถอะ แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นเพื่อนสนิทที่ผมรักมากที่สุด ผมไม่อยากให้เขาอึดอัดเพราะผมเป็นดาราเลยครับ เซฮุนลดสีหน้าลงเรียกคะแนนสงสาร เป็นอีกครั้งที่นักข่าวหันไปซุบซิบกันและเหล่าแฟนคลับก็เช่นกัน

     

     

    หิ...

     

     

    รู้ไหมครับว่าผมลำบากใจแค่ไหนที่จะต้องไปกับเพื่อนแล้วผมต้องแจกลายเซ็นให้แฟนคลับและปล่อยให้เพื่อนยืนโด้ลมอยู่ข้าง ๆ โดยที่ไม่มีใครสนใจ... เซฮุนทำหน้าเจ็บปวด มีครั้งนึงที่ผมไปกินข้าวกับหลักกิโลคุง หลังจากนั้นเด็กที่โรงเรียนก็ไปตามเซ้าซี้เขาจนเสียเวลาสอนไปเกือบครึ่งชั่วโมงเพียงเพราะรู้ว่าเขามีเพื่อนเป็นไอดอลชื่อดังอย่างผม...มืดคุงก็ด้วยครับ เขาเกือบฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เพราะต้องตื่นมาแล้วเห็นว่ามีดาราหน้าตาดีอย่างผมอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน มันแย่มากเลยครับที่ผมกลายเป็นข้อเปรียบเทียบของเพื่อนรักไปอย่างไม่ตั้งใจ...

     

    จงอินอ้าปากพลางหรี่ตามองไอ้ที่รักที่กำลังแถจนดริ๊ฟท์ยางไหม้ กูว่าพอแค่นี้ก่อนดีไหมครับฮุนจ๋า ยิ่งมึงพูดกูว่ายิ่งออกทะเลนี่จะทะลุไปดาวลูกเป็ดลูกไก่ละ จากที่พูดมากูกับไอ้แบคฮยอนแทบไม่มีข้อดีอะไรเลย นี่แอบนึกอยู่ในใจว่ามันถูกต้องแล้วไหมที่เกิดมาเป็นมนุษย์ จากสภาพแล้ววิญญาณหมายังดูมีอะไรกว่าชีวิตกูสองคนอีกสึด

     

    เพราะฉะนั้น ผมอยากขอแลกเปลี่ยนสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ กับที่รักของผมทุกคนที่นี่...ได้ไหมครับ? เซฮุนถามพร้อมกับยื่นไมค์ไปข้างหน้าเช็คซาวด์เสียงฟีดแบค

     

    ได้ค่า!!!”

     

    โอป้าอยากได้อะไร เอาตัวกับวิญญาณหนูไปเลยก็ได้ กรี๊ดดดดดดดดด

     

    เขาเรียกกูว่าที่รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    ผัวขา!!!!”

     

    เซฮุนยิ้มตาหยีแล้วส่งจูบให้กับเหล่าแฟนคลับ ฮยอนอาเบ้หน้าแล้วเท้าคางมองพระเอกหนุ่มที่กำลังตอแหลไฟไหม้ แน่นอนว่าเธอเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้นิสัยเบื้องหลังของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี

     

    ผมขออย่างเดียว อย่าทำให้เพื่อนของผมลำบากใจได้ไหมครับ ผมอยากให้เขาใช้ชีวิตอย่างปกติ ถ้าทำได้ หลังเลิกงานผมจะนั่งอยู่ตรงนี้แล้วแจกลายเซ็นพร้อมฟรีฮักให้ทุกคนเลย

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

     

    จงอินลดกล้องลงแล้วส่ายหน้าหน่าย ๆ ชายหนุ่มเดินไปหลบอยู่หลังตู้กดน้ำอัตโนมัติก่อนจะเก็บกล้องและเลนส์ใส่กระเป๋า มือหนาถอดหมวกโม่งออกแล้วใส่หนวดปลอมเพิ่ม คราวนี้ล่ะมึงแอ๊ดคาราบาวมาเอง

     

    แอดมินคาอิจังในร่างตัวผู้ค่อย ๆ เดินเนียนไปยืนต่อแถวกับติ่งนับร้อยที่กำลังรอคิวขึ้นไปเอาลายเซ็นเซฮุนโอป้าขาซารางแฮ แต่ ณ จุดนี้พี่ถึงกับเซ็งเพราะน้องฮยอนอากับคู่รองได้ลงจากเวทีไปแล้ว จากสาเหตุคงเป็นเพราะเธอคงไม่บ้าจี้นั่งแจกลายเซ็นทั้งที่ไม่ใช่ธุระเพราะฉะนั้นบนเวทีเลยเหลือแค่เซฮุนโอป้าผู้หล่อสัสคนเดียว

     

    แต่เมื่อกี้คิมจงอินแอบเห็นว่าเซฮุนมันมองมาทางนี้พอดี ไม่รู้เป็นเพราะอำพรางตัวเนียนเกินไปหรือว่ามันตาดีชนิดที่เจอแว๊บเดียวแล้วรู้เลยว่าเป็นเขากันแน่ และเพราะเป็นแบบนั้นชายหนุ่มถึงไม่สามารถเฟดตัวหนีได้เพราะมันเห็นแล้ว

     

    พี่จงอิน?

     

    ...

     

    เจ้าของชื่อขมวดคิ้วแล้วหันไปข้างหลัง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าคนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่ใครนอกจากไอ้เด็กกะโปกหลานชายไอ้แบคฮยอนที่มาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน

     

    กูแต่งแบบนี้แล้วมึงยังจำได้อีกเรอะ คนอายุมากกว่าดึงหนวดปลอมออกแล้วทำหน้าเซ็ง ชานยอลยิ้มแล้วหันไปหาเพื่อน

     

    นี่พี่จงอิน เพื่อนน้ากูเอง

     

    หวัดดีพี่ / สวัสดีค่ะ ทั้งสองคนโค้งหัวให้อย่างมีมารยาท จงอินเลยทำมือปัด ๆ แล้วมองเด็กตัวสูงหัวจรดตีน

     

    คืนนี้ Bet คู่ไหนวะพี่?

     

    พูดถึงเรื่อง Bet แล้วกูแสบดากเลย เมื่อวานหมดแรร์ไปยี่สิบกว่าอัน ตอนนั้นกูรู้สึกเหมือนไฟแนนซ์มายืนอยู่หน้าบ้านแล้วบอกว่า มึงครับ กูมายึดรถมึงแหละ ยังไงอย่างนั้น จงอินทำหน้าเครียดเมื่อนึกถึงเกมที่เขาทั้งคู่ติด

     

    จื่อเทากับจียอนยืนขมวดคิ้วมองชายหนุ่มทั้งสองคนคุยภาษาเกมกันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะค่อย ๆ ตีเนียนเดินไปแซงคิวจงอินโดยไม่ให้รู้ตัว ร่างหนาทำหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้ชานยอลหยิบสมาร์ทโฟนออกมาเข้าเวป dota2lounge เพื่อเช็คดูว่าคืนนี้มีคู่ไหนเด็ด ๆ พอที่จะลงพนันของได้บ้าง

     

    อะไรก็ได้ กูไม่ลง Navi แล้วนะพากูหมดตัว

     

    “Empire ดิพี่ Bet รอบไหนชนะรอบนั้น

     

    เชื่อมึงเดี๋ยวกูไปขี้อีกล่ะ

     

    เฮ้ย รอบนี้จริงจัง เชื่อผม ชานยอลทำตาโตก่อนจะยิ้มค้างเมื่ออีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาระอานิด ๆ

     

    กูเห็นมึงออนเกมทั้งวันทั้งคืน ไปเรียนบ้างเปล่าวะ?

     

    ...

     

    เอาดี ๆ นะมึง สมัยเรียนกูติดเกมก็จริงแต่ก็ไม่เคยทิ้ง จงอินว่าแล้วเดินไปข้างหน้าสามก้าวเมื่อแถวเริ่มเข้าไปใกล้ไอดอลหนุ่มทุกที

     

    ผมรู้น่า

     

    พลาดก้าวนึงเสียเวลาไปเป็นปีเลยนะ

     

    ครับ...รู้แล้ว... ชานยอลพูดเสียงยานคาง นอกจากเล่นเกมด้วยกันแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่คิมจงอินออกปากบ่นเขา

     

    กลับบ้านบ้าง น้ามึงคิดถึง

     

    ...

     

    เห็นปากมันอย่างนั้น แต่มันห่วงมึงกว่าใครเลยนะนี่ไม่ได้ค่าโฆษณาด้วย จงอินว่าแล้วเดินขึ้นไปบนเวที

     

    พี่รู้ได้ไง แบคฮยอนบอกเหรอ

     

    เปล่า กูแค่รู้สึกได้

     

    งั้นแสดงว่าพี่คิดไปเองแล้ว จงอินหันควับแล้วขมวดคิ้วมอง

     

    ไอ้ห่านี่จะเถียงทำพระแสงด้ามทู่อะไรวะ กูบอกว่าห่วงก็ห่วงดิซั้ซ

     

    เป็นผู้ใหญ่อย่าคิดแทนคนอื่นดิ

     

    เป็นแค่เด็กหัวหลิมก็อย่าเถียงผู้ใหญ่ จงอินชี้หน้าเด็กตัวสูงพร้อมกับกระดิกนิ้วชี้ไปมา

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ นี่ขนาดมาตามพี่เซฮุนยังต้องนึกถึงแบคฮยอนอีก จะไม่ให้สมองเขาได้หยุดพักเลยหรือไงกัน มันก็เกือบจะปีนึงแล้วนะที่เขาย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น ความรู้สึกที่มีอยู่มันควรจะเบาบางลงบ้างสิ

     

     

     

    ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงจูบในฝันคืนนั้นที่ทำให้เขาเพ้อถึงตลอดอยู่แบบนี้

     

     

     

     

     

    60%

     

     

      

    ร่างเล็กยืนอยู่หน้าร้านขายรองเท้าในย่านฮงแด สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวนอกกับความหนาวเย็นในยามค่ำคืน ควันที่ออกจากปากทุกลมหายใจบ่งบอกได้ถึงสภาพอากาศปัจจุบันได้เป็นอย่างดี นัยน์ตากวาดมองไปรอบข้างระหว่างรอคนตัวสูงคุยโทรศัพท์ อู๋อี้ฟานยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนักและดูเหมือนว่าปลายสายจะเป็นคนสำคัญเจ้าตัวถึงได้แยกออกไปคุย

     

    แบคฮยอนยิ้มเมื่อคนตัวสูงหันมามองเป็นระยะ พี่อี้ฟานคงเกรงใจที่ต้องให้ยืนรอ แต่สำหรับเขามันก็ไม่ใช่เรื่องแย่นักที่จะยืนอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้สายตามองไปรอบ ๆ ย่านฮงแดหลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จ

     

    ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้มาเดินเล่นแถวนี้ ครั้งล่าสุดก็ตอนมากินข้าวกับพี่อี้ฟานเมื่อสองเดือนที่แล้ว นี่ก็เข้าฤดูหนาวอย่างจริงจังแล้ว เป็นอย่างที่ครูสาวแว่นสอนภาษาอังกฤษว่าจริง ๆ นั่นแหละ เธอบอกว่าฤดูหนาวจะทำให้คนโสดเหงาขึ้นอีกเป็นสิบเท่า ซึ่งบยอนแบคฮยอนน่าจะเข้าใจความรู้สึกนั้นที่สุดกับการโสดมาตลอดยี่สิบห้าปี แต่มันก็ไม่แย่เท่ากับปีนี้เพราะเขาเอาแต่คิดถึงปาร์คชานยอลนั่นแหละ

     

    ร่างเล็กเอามือถือออกมาเลื่อนดู หวงจื่อเทากลายเป็นอีกคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ในกลุ่ม Favorite แต่มันก็เกือบอาทิตย์แล้วสำหรับข้อความที่คุยกันครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะไม่ค่อยว่างและแบคฮยอนก็ไม่ได้เซ้าซี้ เพราะสิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือความเป็นอยู่ของหลานซึ่งพักหลังดูน่าเป็นห่วง

     

    จื่อเทาบอกว่าพยายามแล้วแต่ด้วยความที่เทอมสองวิชาบังคับบางตัวนั้นเด็กทั้งสองคนเรียนคนละเซค เลยกลายเป็นว่าทำให้ชานยอลกับจื่อเทาเวลาเรียนไม่ตรงกัน คนตัวเล็กถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปทางด้านข้างเมื่อร่างสูงเดินมาถึง

     

    ขอโทษนะ พอดีเพื่อนพี่โทรมาถามทางน่ะ

     

    ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่พี่คุยเรียบร้อยแล้วเหรอ?

     

    ครับ เราจะไปกันเลยไหม? อี้ฟานถามพร้อมกับจับปลายจมูกรั้นที่กำลังแดงระเรื่อเพราะยืนอยู่ตรงนี้นานเกินไป พอเห็นว่าแบคฮยอนขมวดคิ้วเขาเลยปล่อยออกแล้วเลื่อนมือลงมากุมมือคนตัวเล็กให้เดินไปด้วยกัน

     

    จับมือผมแบบนี้ไม่กลัวคนมองเหรอ

     

    สิ่งเดียวที่จะทำให้พี่อายคือการที่ถูกเรากระชากเข้าไปจูบครับ

     

    ร่างสูงพูดติดตลกและมันก็ทำให้คนข้าง ๆ หัวเราะออกมาได้ นิ้วเรียวราวทั้งห้าค่อย ๆ สอดประสานกับมือเล็ก แม้ว่าแบคฮยอนจะไม่ได้ทำเหมือนกันกับเขาแต่มันก็ยังดีกว่าการที่คนตัวเล็กพยายามชักมือออก

     

    พักนี้ชานยอลเป็นยังไงบ้าง

     

    ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้คุยกับจื่อเทาเลย

     

    ได้โทรหาเขาบ้างหรือเปล่าหืม? ร่างสูงมองคนข้าง ๆ ที่กำลังทำหน้าคิดไม่ตกทันทีที่เข้าเรื่องหลานชาย

     

    ผมรู้จักมันดีกว่าใคร มันไม่รับสายผมหรอก

     

    อย่าคิดแทนคนอื่นสิ อี้ฟานปล่อยมือออกแล้วเลื่อนขึ้นมาวางมือไว้บนศีรษะคนตัวเล็กกว่า แบคฮยอนเซไปชิดกับคนตัวสูงก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนลงมาโอบไหล่เขาเอาไว้

    พี่ไม่เคยคิดแทนผมหรือไง

     

    เคยครับ แต่บังเอิญว่ากรณีของพี่กับเรามันต่างกันตรงที่พี่คิดถูก ร่างสูงยิ้มบาง ๆ ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปตามฟุตปาธยามค่ำคืน แบคฮยอนนิ่งไปชั่วอึดใจแล้วเงยหน้ามองคนตัวสูง

     

    มันก็นานแล้วนะครับ

     

    ครับ เพราะว่ามันนานแล้ว พี่ถึงได้เป็นแบบนี้ รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของร่างสูง อี้ฟานก้มลงมองดวงหน้าขาวที่กำลังมองมายังเขาราวกับจะบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกผิด แทนที่จะชอบเราน้อยลง แต่พี่กลับชอบมากขึ้น

     

    ...

     

    ขอโทษนะครับถ้าความรู้สึกของพี่มันทำให้เราต้องลำบากใจ

     

    ไม่สิ มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องมาขอโทษ ผมต่างหากที่... แบคฮยอนแย้งขึ้นมาแต่ก็ถูกมือใหญ่ที่เคยโอบไหล่ขึ้นมาปิดปากเอาไว้เสียก่อน ร่างเล็กทำตาปริบ ๆ หากแต่คนตัวสูงกลับยิ้มบาง ๆ ราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร

     

    เวลาคุยเรื่องนี้ทีไรเราเคยรู้ไหมครับว่ากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่? ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับก้มลงมาใกล้ ๆ แล้วแบคฮยอนก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบแบบนี้

     

    ทันทีที่ครูสอนชีวะปั้นหน้าเศร้า คิ้วตก เบ้ปากเล็กน้อยเลียนแบบคนตัวเล็ก เจ้าตัวก็หลุดหัวเราะออกมา พอเห็นอย่างนั้นอี้ฟานเลยปล่อยมือออกแล้วเลื่อนกลับไปโอบไหล่แบคฮยอนเหมือนเดิม

     

    จะว่าไปแล้วผมนี่โคตรโง่เลยนะ

     

    ยังไงเหรอครับ? ทั้งคู่ทอดสายตาไปข้างหน้าและปล่อยให้เสียงของสิ่งแวดล้อมรอบข้างทำลายความเงียบระหว่างเขาไปขณะหนึ่ง

     

    พี่เป็นคนหล่อ ดูดี ฐานะการงานมั่นคง แถมยังมาชอบผู้ชายไม่มีอะไรอย่างผมมาเป็นปี ๆ แต่ผมดันไม่คบด้วยไม่เรียกโง่ให้เรียกอะไรล่ะครับ

     

    พี่เห็นด้วยครับ เราโง่จริง ๆ นั่นแหละ ร่างสูงหันไปทำหน้าจริงจัง พอเห็นว่าแบคฮยอนทำหน้าเหวออี้ฟานก็หลุดขำออกมา

     

    แต่ผมเคยชอบพี่มาก ๆ เลยนะ

     

    จะปลอบใจกันเหรอครับ คำว่าเคยไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกดีหรอกนะ ครูสอนชีวะพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ แบคฮยอนกลอกตาขึ้นบนแล้วพยักหน้าช้า ๆ

     

    ผมทำอะไรพี่ก็ไม่รู้สึกดีทั้งนั้นแหละน่า

     

    ไม่จริงหรอก พี่สามารถรู้สึกดีขึ้นได้ถ้าเราบอกว่าพี่อี้ฟานครับ ผมยอมแล้ว เรามาเป็นแฟนกันนะแบบนี้

     

    อันนั้นก็ตลกแล้ว แบคฮยอนหรี่ตามองคนตัวสูงที่กำมือขึ้นป้องปากแล้วหัวเราะ

     

    พี่ขอถามสักข้อสองข้อได้ไหมครับ?

     

    ได้ แต่ความเครียดของคำถามห้ามเกินระดับสี่นะ

     

    หืม? แล้วมันวัดกันด้วยวิธีไหนน่ะครับ?

     

    ที่สีหน้าผมนี่ไง แบคฮยอนหันมาแล้วฉีกยิ้มกว้างแบบนี้คือระดับหนึ่ง ถัดจากนั้นสองวินาทีก็เปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งตึงอันนี้ระดับสี่

     

    งั้นแสดงว่าคำถามพี่น่าจะราว ๆ ระดับสามล่ะมั้งครับ

     

    ยังไม่เกินลิมิต ว่ามาครับ

     

    ที่ไม่คบกับพี่เพราะรอชานยอลเหรอครับ?

     

    สองขาหยุดยืนกับที่จนคนเดินจูงมือต้องเอี้ยวหันกลับมามอง แบคฮยอนยืนนิ่งขณะมองไปยังคนตัวสูง คำถามของพี่อี้ฟานมันคือคำถามเดียวที่เขาเคยถามตัวเองมาตลอดหนึ่งปีและแน่นอนว่าบยอนแบคฮยอนมีคำตอบนี้ในใจมานานมากแล้ว

     

    ร่างสูงรู้สึกเสียดตรงหน้าอกข้างซ้ายเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าช้า ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงอาการออกมาว่าผิดหวังกับคำตอบของแบคฮยอนมากแค่ไหน

     

    มันอาจจะดูบ้า แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้อยู่บ้านหลังเดียวกันกับหลาน

     

    ...

     

    สายตาพี่เหมือนกำลังจะด่าว่าผมโกหกเลย แบคฮยอนมองใบหน้าเรียบเฉยของอีกคน โอเค...ผมใช้คำว่าน้ากับหลานหลอกตัวเองมาตลอด เพื่อที่จะบอกตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้ พี่รู้ไหมว่าผมคิดมากแค่ไหน

     

    ...

     

    ความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันมันไม่ยั่งยืนอยู่แล้ว ต่อให้ผมคบกับพี่สักวันหนึ่งเราก็ต้องเลิกกัน บางทีพี่อาจจะเบื่อผู้ชายด้วยกันแล้วไปคบกับผู้หญิงเหมือนเดิม สุดท้ายคือจบด้วยการแต่งงาน

     

    แบคฮยอนไม่ได้มองว่าตอนนี้อี้ฟานกำลังทำหน้าแบบไหน และสิ่งที่เขามองเห็นในตอนนี้มีเพียงแค่พื้นซีเมนต์เท่านั้น

     

    ส่วนชานยอลก็เหมือนกัน เด็กคนนั้นอาจจะรู้สึกเหมือนกับผม แต่แล้วยังไงล่ะ เด็กนั่นเพิ่งอายุสิบเก้า มันยังต้องเจออะไรอีกเยอะ รับประกันได้เลยว่าถ้าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันคืบหน้ามากไปกว่านี้อย่างเก่งก็ไม่พ้นปีสองปีหรอก

     

    ...

     

    ไม่ต้องเครียดไปถึงเรื่องที่ว่าครอบครัวจะรับไม่ได้เลย แบคฮยอนแค่นหัวเราะ มันบ้าชัด ๆ ที่ผมเอาแต่คิดถึงมันจนนอนไม่หลับ ผมเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังไม่ได้แม้กระทั่งเพื่อนสนิททั้งสองคน น้ำเสียงของแบคฮยอนดูอ่อนแรง คนตัวเล็กค่อย ๆ ย่อตัวลงไปนั่งยอง ๆ กับพื้นทั้งที่มือของเขายังถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้ “อันที่จริงพี่ไม่น่าขอโทษผมหรอก สิ่งที่พี่ควรทำคือด่าผมทั้งต่อหน้าและลับหลัง พี่ควรจะเมินแล้วทำเหมือนผมเป็นแค่อากาศเน่า ๆ ที่ไม่ควรเข้าใกล้ พี่ควรทำให้ผมรู้ว่าผมมันโง่ที่ไม่เลือกพี่แต่ดันหันไปงมงายกับความรักบ้า ๆ แบบนั้น”

     

    ...

     

    นี่ไง ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้อยู่กับพี่แต่ผมกลับคิดถึงมัน แย่ไหมล่ะ? แบคฮยอนเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย คราวก่อนที่เรามาด้วยกัน หลังจากพี่กลับไปแล้วผมก็ไปยืนอยู่ตรงนั้น ร่างเล็กชี้ไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีผู้คนมากมายกำลังยืนมุงดูบางอย่างอยู่ที่นั่นมีวงดนตรีร้องเพลงสดอยู่

     

    ...

     

    ผมยืนอยู่ข้างหลังสุด มองไม่เห็นหน้านักร้อง มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง เพลงอะไรก็ไม่รู้ผมไม่เคยได้ยิน แต่ผมก็ยืนฟังจนจบ เพียงเพราะตอนนั้นเขาอยากซึมซับความรู้สึกเดิม ๆ ความรู้สึกที่เหมือนมีใครมายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง แล้วฮัมเพลงนั้นให้ฟังเบา ๆ

     

    อี้ฟานไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ปล่อยให้แบคฮยอนระบายความรู้สึกที่มีต่อเด็กคนนั้นจนกว่าจะพอใจ แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งที่เก็บความรู้สึกมานาน แต่พอได้พูดออกมาเขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก

     

    ร่างเล็กเบิกตากว้างเมื่อจู่ ๆ คนตัวสูงก็นั่งลงบนพื้นโดยที่ไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง ใบหน้าหล่อนั้นฉายแววเรียบเฉยขณะมองมายังเขาก่อนที่มือแกร่งจะเลื่อนมาปาดน้ำตาที่คลออยู่ออกให้อย่างเบามือ

     

    คนอื่นคงหาว่าพี่ทำเราร้องไห้

     

    ...

     

    ไม่เป็นไรนะ อี้ฟานยิ้มพร้อมกับลูบหัวคนตัวเล็กเบา ๆ ถึงมันจะเป็นความรักที่ไม่สมหวัง แต่อย่างน้อยเราก็ได้อยู่ข้าง ๆ เขาไม่ใช่เหรอ

     

    ...

    มันก็เหมือนกับที่เราอยู่กับพี่ในตอนนี้...พี่ไม่ได้มีความสุขแต่ก็ไม่ได้ทุกข์จนจะเป็นจะตาย

     

    ...

     

    อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าเสียเราไป นั่นแหละครับที่พี่รู้สึก

     

     

     

     

     

    แม้แต่การถอดรองเท้าเก็บไว้ในชั้นยังเอื่อยเฉื่อย แบคฮยอนเปิดไฟทั้งบ้านแล้วมองเข้าไปข้างใน มันก็ว่างเปล่าเหมือนกับทุกวันไม่มีอะไรดูพิเศษไปจากเดิม บ้านหลังนี้ดูกว้างขึ้นและไม่น่าอยู่เอาเสียเลยสักนิด คนตัวเล็กถอดเสื้อโค้ทแขวนไว้กับราวตั้งแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา

     

    ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะไปไหนเขาก็ต้องบอกตัวเองว่าอย่านานเกินไปให้รีบกลับบ้าน เพราะว่ายังมีเด็กอีกคนที่รอกินข้าวด้วย นี่ก็ปีนึงแล้วที่บยอนแบคฮยอนต้องทำอาหารกินเองคนเดียวแล้วเททิ้งเพราะกินไม่หมด

     

    หลายครั้งที่ออกไปกินข้าวบ้านจงอิน ใช่ว่าเขาจะกินข้าวคนเดียวไม่ได้ แต่เพราะว่าถ้านั่งกินที่บ้านมันก็ทำให้การเจริญอาหารลดลงไปเกือบครึ่งเพราะนึกถึงคนที่เคยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    มือเล็กเอื้อมสะเปะสะปะหาของบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะหยิบมันมา ตุ๊กตาสวมมือริลัคคุมะถูกสวมใส่เข้าไป แบคฮยอนจ้องหน้ามันโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มักจะทำแบบนี้เวลารู้สึกว่างเปล่า

     

    ซื่อบื้อ แบคฮยอนเบ้ปากเล็กน้อยขณะมองหน้าหมีโง่ วูบหนึ่งใบหน้ากวน ๆ ของคนเป็นหลานก็ลอยทับขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

     

    คนตัวเล็กประสานมือไว้ตรงช่วงอกแล้วปิดเปลือกตาลง เขารู้สึกโกรธตัวเองอยู่ไม่น้อยที่พ่นความรู้สึกทั้งหมดออกไปต่อหน้าพี่อี้ฟานแบบนั้น ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ  แต่แววตาคนเรามันไม่โกหกอยู่แล้ว

     

    แบคฮยอนตบหน้าผากตัวเองซ้ำ ๆ เผื่อว่าจะรู้สึกฉลาดขึ้นมาบ้าง เขารู้สึกปวดหัวที่ต้องมาเครียดกับเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อย ทั้งเรื่องพี่อี้ฟาน อีกทั้งเรื่องของชานยอลที่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง บางทีเขาควรจะตัดสินใจเสี่ยงตายโทรไปให้หน้าแตกเล่น ๆ ถ้ามันแลกมาซึ่งความสบายใจ

     

    ร่างเล็กหยิบมือถือขึ้นมา นัยน์ตาเรียวจับจ้องไปยังเจ้าของเบอร์โทร ทำใจกดปุ่มโทรออกอยู่หลายวินาที แต่ปลายนิ้วหัวแม่มือยังไม่ทันแตะหน้าจอ มือถือก็สั่นเพราะมีสายเข้า แบคฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของจื่อเทา

     

    ว่าไง

     

    ( น้าแบค! )

     

    เป็นอะไร แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย? คนตัวเล็กยกมืออีกข้างที่สวมตุ๊กตาคุมะขึ้นมาตรงระดับสายตาระหว่างรอคำตอบจากคนปลายสาย

     

    ( แย่แล้วอ่ะ แย่แล้ว )

     

    มีอะไรก็พูด อย่าลนสิ

     

    ( ไอ้ชานยอลอ่ะน้า... )

     

    ชานยอลทำไม? แบคฮยอนดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินชื่อหลาน

     

    ( เมื่อกี้ยังนั่งคุยกันดี ๆ อยู่เลยอ่ะ จู่ ๆ มันก็ขับมอไซค์ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมโทรหามันเป็นสิบรอบแล้วแต่ก็ไม่ติด )

     

    เกิดอะไรขึ้น?

     

    ( คืองี้อ่ะ...น้าใจเย็น ๆ นะ )

     

    ...

     

    ( มันโดนรีไทร์... )

     

    ...

     

    แบคฮยอนพูดไม่ออก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนงง ๆ มึน ๆ จนเรียบเรียงอะไรไม่ถูก คนตัวเล็กลุกขึ้นเดินวนไปวนมา ได้ยินเสียงอู้อี้ของคนในปลายสายที่กำลังขอโทษเขาที่ดูแลหลานชายให้ไม่ดี

     

    แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ตอนนี้สิ่งที่บยอนแบคฮยอนอยากรู้ก็คือปาร์คชานยอลอยู่ที่ไหนหลังจากรับรู้ว่าตัวเองถูกรีไทร์ออกจากมหาลัย ร่างเล็กเดินไปเอากุญแจรถกับเสื้อโค้ทออกมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะออกไปตามหาหลานชายจากส่วนไหนของกรุงโซล แต่ทันทีที่เปิดประตูบ้านออกสองขาก็หยุดชะงักเมื่อพบว่าคนที่กำลังตามหายืนอยู่ตรงหน้าประตูรั้ว

     

    ( น้าแบค ฮัลโหล ได้ยินไหมน้า )

     

    ...

     

    ...

     

    (ฮัลโหล น้า... )

     

     

    กึ่ก...

     

     

    ปลายนิ้วหัวแม่มือกดวางสายโดยไม่ได้บอกลาสักคำ ดวงตาเรียวยังคงจับจ้องไปยังเด็กตัวสูงที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก แบคฮยอนกำมือถือไว้แน่น เขารู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกแม้กระทั่งการแสดงสีหน้าออกมาให้อีกฝ่ายเห็น

     

    ชานยอลไม่พูดอะไรเลยสักคำ สิ่งที่เด็กคนนั้นทำได้ดีคือการยืนมองเขาเฉย ๆ ด้วยแววตาเศร้าหมอง แบคฮยอนค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า เสียงฝีเท้าที่เหยียบลงบนพื้นหินมันคล้ายกับเสียงหัวใจของเขาตอนนี้ที่กำลังเต้นแผ่วลงเรื่อย ๆ ตอนที่เดินเข้าใกล้หลานชาย

     

    คนตัวเล็กหยุดยืนอยู่กับที่และเว้นระยะห่างสำหรับความอึดอัดไว้พอสมควร ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่พักหนึ่ง เขาควรจะทำอะไรเหรอ บยอนแบคฮยอนควรถามหรือพูดอะไรดีในสถานการณ์แบบนี้

     

    น้าชายตัวเล็กกลั้นหายใจแล้วก้าวเข้าหาจนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเด็กตัวสูง ทั้งคู่สบตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรและก็เป็นแบคฮยอนที่เป็นฝ่ายเอื้อมมือเข้าไปกอดเด็กตัวสูงแม้ว่าท่าทางจะเก้ ๆ กัง ๆ ก็ตาม

     

    ...

     

    ...

     

    ชานยอลรู้สึกเหมือนเพิ่งรอดจากความตาย ทั้งที่เมื่อชั่วโมงก่อนเขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังพินาศไปในพริบตาหลังจากรู้ว่าโดนรีไทร์ออกจากมหาลัย แน่นอนว่าถ้าเรื่องนี้ถึงหูครอบครัวที่ปูซานเขาต้องโดนส่งกลับไปอยู่ที่นั่นแน่

     

    หลังจากใช้เวลาในห้องเงียบ ๆ อยู่นานชานยอลเลยโทรหาเพื่อนสนิทแล้วเรียกให้ออกมาเจอกันเพื่อปรึกษาปัญหา ซึ่งหวงจื่อเทาก็แสดงออกทางสีหน้าและคำพูดอย่างชัดเจนว่ามันเครียดกับเรื่องนี้มากแค่ไหน ตอนนั้นในแมคโดนัลสว่างเพราะแสงไฟสีซีเปีย แต่ปาร์คชานยอลกลับรู้สึกได้แต่ความมืดที่อยู่รอบตัวเขา

     

    เด็กหนุ่มไม่สามารถหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้ เขาคิดไม่ออกเลยว่าพ่อกับแม่จะทำหน้าแบบไหนตอนรู้เรื่องนี้ ขณะที่หวงจื่อเทากำลังช่วยคิดหาทางออกชานยอลก็ลุกขึ้นยืน ต่อให้เพื่อนสนิทของเขาพยายามหาทางสักแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์ เพราะความจริงมันก็เห็นกันอยู่ว่าเขาถูกรีไทร์เรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์คันโปรดที่แม่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแล้วก็ขับมาถึงที่นี่...

     

    ผมขอโทษ...แบคฮยอน...ผมขอโทษ

     

    ไม่เป็นไร... คนตัวเล็กเกยคางกับไหล่เด็กตัวสูงที่เริ่มออกแรงกอดเขาแน่นยิ่งขึ้น แบคฮยอนลูบหัวปลอบอีกคนเบา ๆ

     

    ที่เป็นอยู่มันทำให้ชานยอลแปลกใจอยู่พอสมควร เพราะที่คิดไว้คือแบคฮยอนต้องด่าทอสารพัดที่เขาทำตัวเกเร หรือไม่ก็ขับรถไปส่งที่สถานีแล้วให้เขานั่งรถกลับบ้านที่ปูซาน แต่ตอนนี้สิ่งที่ปาร์คชานยอลได้รับคืออ้อมกอดอุ่น ๆ ของคนที่เขาคิดถึงมาตลอด คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา

     

    หนาวไหม ตัวแกเย็นไปหมดแล้ว แบคฮยอนผละตัวออกมาแล้วลูบต้นแขนหลานชายผ่านเสื้อฮู๊ดสีขาว ร่างเล็กพ่นไอร้อนลงบนฝ่ามือแล้วทาบลงกับแก้มและซอกคอของเด็กตัวสูง

     

    แบคฮยอนจะไปไหน

     

    ออกไปตามหาแกไง แบคฮยอนชะงักมือเมื่อชานยอลจับมือเขาเอาไว้ ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังฉายแววน่าสงสาร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงด่าไปแล้วว่าทำไมถึงได้ทำตัวแย่แบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งเดียวที่บยอนแบคฮยอนอยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือจูงมือชานยอลเข้าไปในบ้านแล้วต้มรามยอนร้อน ๆ ให้กินแก้หนาว

     

    รู้แล้วเหรอ สิ้นสุดคำถามแบคฮยอนก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

     

    อือ เพื่อนแกเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้

     

    ...

     

    อยาก...เข้าบ้านไหม...? แบคฮยอนถามหยั่งเชิง ถึงชานยอลจะยอมคุยดี ๆ แล้วก็เถอะ แต่เขาก็ไม่มั่นใจอยู่ดีแหละว่าการชวนในครั้งนี้มันจะได้รับคำตอบมาในทางไหน

     

    ทั้งคู่ยืนนิ่ง และคงเป็นคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเสียศูนย์เพราะเด็กตัวสูงไม่ตอบคำถามนี้ แบคฮยอนกลอกตาไปมาแล้วกลับมาหยุดที่หลานชายอีกครั้ง

     

    เข้าไปกินรามยอนแล้วค่อยกลับก็ได้ เดี๋ยวน้าทำให้ พูดจบก็หันหลัง แต่ยังไม่ทันก้าวขาวงแขนแกร่งก็โอบกอดรอบคอเขาเอาไว้ แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงแก้มของชานยอลที่แนบอยู่ข้างหูและแผงอกแกร่งที่ทาบอยู่กับแผ่นหลังของเขา เด็กหนุ่มกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นราวกับจะบอกคนตัวเล็กว่าอย่าไปไหน ชานยอล

     

    ...

     

    ตรงนี้มันหนาว เดี๋ยวแกก็ไม่สบายหรอก

     

    ผมไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร

     

    ...

     

    แบคฮยอนอยากด่าผมไหม?

     

    นั่นสิ ฉันควรจะด่าแก น้าชายตัวเล็กพูดเสียงแผ่ว เสียงของชานยอลเริ่มเบาลงจนเปลี่ยนเป็นกระซิบข้างหู

     

    ผมรู้ว่าขอโทษคงไม่พอ แต่ผมแค่อยากมาเจอน้าเผื่อว่าวันข้างหน้าผมจะไม่ได้มาเหยียบที่โซลอีก เด็กหนุ่มหลับตาลง เขารู้สึกว่าได้ก้าวพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเพราะความไม่คิดของตัวเอง ถ้าแม่รู้ว่าผมโดนรีไทร์...เขาคงให้ผมกลับไปอยู่ปูซาน

     

    ...

     

    ผมรู้สึกเสียดายเวลาที่เสียไป ผมน่าจะอยู่กับน้าแล้วทำตัวดี ๆ

     

    ...

    ผมขอโทษ

     

    ฉันรู้แล้วน่ะ...

     

    วันชูซอกไปเยี่ยมผมบ้างนะ ซื้อพุดดิ้งลุงชินไปด้วย

     

    ...

     

    ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว มันลนไปหมด ตอนนี้ผมใจเต้นแรงมากเลย ชานยอลหลุบสายตาลงเมื่อน้าชายตัวเล็กเอี้ยวหน้าหันเข้าหาเขา นัยน์ตาที่กำลังมองมานั้นเขาไม่สามารถอ่านออกได้เลยว่าแบคฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่

     

    ทำไมฉันต้องไปหาแกถึงที่นั่นด้วย

     

    ...

     

    ชีวิตมหาลัยก็เหมือนการวิ่งแข่ง ตอนนี้แกก็แค่หกล้มแล้วมองเพื่อนวิ่งนำไปก่อน แต่มันยังไม่สายถ้าแกจะลุกขึ้นแล้วเริ่มวิ่งอีกครั้ง

     

    ...

     

    ถ้าแกรับปากว่าจะเริ่มต้นใหม่ ฉันก็จะไม่บอกแม่แกเรื่องรีไทร์ แววตาของแบคฮยอนนั้นจริงจัง แต่เชื่อเถอะว่าประโยคเมื่อครู่มันทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกเหมือนเจอแสงสว่างในโลกอันมืดมิด ทำได้ไหม? ทั้งคู่สบตากัน ชานยอลค่อย ๆ คลายวงแขนออกก่อนจะยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ

     

    แล้วน้าจะบอกแม่ผมยังไง

     

    ฉันมีวิธีแล้วกัน แต่แกต้องสัญญาว่าต้องอ่านหนังสือเตรียมเข้ามหาลัยเทอมหน้าให้ได้ ระหว่างนี้ก็ทบทวนตัวเองซะว่าอยากเรียนอะไร หรือจะลงเรียนคณะเดิม ชานยอลพยักหน้า ตอนนี้เขาเป็นเหมือนเด็กที่กำลังถูกพ่อแม่สั่งสอนยังไงอย่างนั้น

     

    ผมจะทำตามที่แบคฮยอนบอกทุกอย่าง

     

    ดี

     

    แบคฮยอน

     

    ...

     

    ผม... เด็กหนุ่มเกาท้ายทอยพลางมองดวงหน้าขาวของคนตรงหน้า แบคฮยอนขมวดคิ้วระหว่างรอคำตอบแต่ไอ้เด็กนี่ก็เอาแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่น ผม...ย้าย...กลับ...มา...

     

    พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนจะไปช่วยขนของที่หอพัก แพ็คของให้เรียบร้อยก่อนสี่โมงเย็นด้วยล่ะ ชานยอลมองตามแผ่นหลังคนตัวเล็กที่เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าบ้าน แบคฮยอนหันกลับมาทำหน้าหน่าย ๆ แล้วเลิกคิ้วมอง  ฉันกำลังจะต้มรามยอน จะกินด้วยหรือจะกลับหอก็เลือกเอา เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะทำตาเป็นประกายขณะมองไปยังน้าชายที่กำลังเบ้ปากใส่เขา

     

     

     

    ใส่เต้าหู้ด้วยนะแบคฮยอน! เอากิมจิด้วย! ผมหิวจะตายอยู่แล้ว!”

     

     

     

     

    TBC

     

     

    มาแล้วค่ะ จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้ว หลานชายกลับมาอยู่ในอ้อมอกน้าแบคแล้ว หลังจากนี้ความเกรียนของหลานชายจะอัพเลเวลมากแค่ไหนเดี๋ยวรู้เรื่องเลย 5555555555555555555555555555555555555555555555555

     

    #มนุษย์ชานยอล


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×