ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "NERDY BOY" มนุษย์แบคฮยอน | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 03 :: My Body (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.81K
      202
      22 ก.พ. 58

     

     

     

    Chapter 3

    My Body

     

     

     

    เวลาผ่านไปจนถึงคาบสุดท้ายของช่วงเช้า ซึ่งเป็นคาบอิสระที่จะปล่อยให้เด็ก ๆ ตัดสินใจว่าจะเข้าชมรมไหน แบคฮยอนขยับแว่นพลางไล่นิ้วชี้ตามรายชื่อชมรมทีละบรรทัดอย่างใจเย็น คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนเปิดโลก ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าคนกรุงโซลจะมีชมรมให้เลือกเยอะขนาดนี้

     

    ถ้าให้เทียบกับโรงเรียนที่มกโพหกชมรมก็เครียดที่จะตัดสินใจเลือกแล้ว ไหนจะชมรมการเกษตรเพื่อวิถีชีวิต ไหนจะหมากล้อมกระชับมิตร รวมไปถึงชมรมนั่งสมาธิที่เพื่อฝึกจิตใจเด็กมัธยมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

     

    แล้วนี่มันคืออะไรกันล่ะ...ชมรมที่อยู่บนกระดาษเอสี่ใบนี้มันคืออะไรกัน...

     

    -        ชมรมร้องเพลง

    -        ชมรมการแสดง

    -        ชมรมวาดเขียน

    -        ชมรมเทควันโด้

    -        ชมรมฟุตบอล

    -        ชมรมบาสเก็ตบอล

    -        ชมรมหมากรุก

    -        ชมรมงานฝีมือ

    -        ชมรมแกะสลัก

    -        ชมรมคัฟเวอร์แดนซ์

    -        ชมรมปีนเขา

    -        ชมรมจับแมลง

    -        ชมรมเดินเล่น

    -        ชมรมดูละคร

    -        ชมรมเป่ายิ้งฉุบ

    -        ชมรมสนทนาพาเพลิน

     

    ปัญหาระดับโลกได้บังเกิดขึ้นแล้ว นี่ยังไม่ได้ไล่อ่านแถบทางด้านขวาเลยนะ ทั้งหมดมีตั้งสามสิบชมรม แน่นอนว่าตอนนี้บยอนแบคฮยอนยังหาตัวเลือกที่ตอบโจทย์ให้กับเขาไม่ได้

     

    หลับตาแล้วจิ้มสุ่มไปเลยดีไหมนะ...ไม่เอาดีกว่า...ถ้าเกิดโดนชมรมการแสดงมีหวังร้องเป็นควายแรปแน่เลย ไม่เอา ๆ

     

    สวัสดีเด็กใหม่

     

    จะเข้าชมรมไหนเหรอ?

     

    หน้าแบบนี้ต้องลงวาดเขียนไม่ก็แกะสลักแหง ๆ

     

    แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ทั้งสามคนที่กำลังดูตื่นตาตื่นใจกับการเข้าหาเขาเป็นอย่างมาก พอคุ้นหน้าคนพวกนี้ที่เห็นนั่งอยู่แถวหน้าสุด คนทางซ้ายนี่เคยเห็นถูกอาจารย์เรียกให้ไปช่วยยกของ ส่วนคนกลางเห็นชอบยกเก้าอี้ไปตั้งไว้ก่อนจะขึ้นไปเหยียบเพื่อลบกระดานตอนท้ายคาบ ส่วนคนทางขวานี่ไม่รู้แฮะ แต่เห็นว่าอยู่กับสองคนนี้บ่อย ๆ

     

    เรายังเลือกไม่ได้เลยว่าจะเข้าชมรมไหน พวกนายมีอะไรจะแนะนำเราบ้างไหม? ร่างเล็กถามตาใส เขากำลังพยายามผูกมิตรกับคนตรงหน้าทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ บยอนแบคฮยอนตั้งเป้าหมายแล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องหาเพื่อนให้ได้หลังจากถูกคิมนัมจุนเขม่นไปเมื่อเช้า

     

    นั่น...พูดถึงก็หันมาสบตากันเลยทีเดียว...จะยิ้มให้กันบ้างก็ไม่ได้ แล้วทำไมต้องเผยอปากแถมยังทำมือปาดคอตัวเองด้วย จะล้อเลียนว่าเขาเตี้ยสินะ เสียใจอ่ะ

     

    พวกฉันอยู่ชมรมห้องสมุด นายอยากเข้ามาแจมด้วยไหมล่ะเด็กใหม่?

     

    ชมรมห้องสมุดเหรอ? มันอยู่บรรทัดไหนเนี่ยทำไมเราไม่เห็นเจอเลย แบคฮยอนกรีดนิ้วชี้ไล่ดูรายชื่ออย่างรวดเร็ว มันจะดีนะถ้าเข้าชมรมนี้ พอพูดถึงห้องสมุดก็ต้องมีหนังสือ พอมีหนังสือก็ต้องมีความรู้ อา...แค่จินตนาการก็รู้สึกฉลาดขึ้นมาเลย

     

    อยู่หน้าหลังไง คนที่อยู่ตรงกลางช่วยพลิกกระดาษเอสี่ให้ แล้วก็เห็นว่าทั้งหน้ามีแค่ชมรมเดียวคือนั่นแหละ...ชมรมห้องสมุด

     

    อ๋อ

     

    ว่าไง อยากเข้าหรือเปล่า

     

    เข้าสิเข้า เราว่ามันต้องเจ๋งมากแน่เลย แบคฮยอนกดหัวปากกาลงเตรียมติ๊กเครื่องหมายถูกตรงชื่อชมรม

     

    เยี่ยม! เราได้สมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว ผู้ชายที่อยู่ตรงกลางหันไปไปแท็กมือกับคนที่อยู่ทางซ้าย ส่วนอีกคนอ้าปากหาวหวอด ๆ ดูไม่เดือดไม่ร้อนอะไรนัก ร่างเล็กมองเพื่อนใหม่ทั้งสามคน ตามมารยาทแล้วเขาควรจะถามชื่อก่อนสินะ

     

    นายชื่ออะไรกันเหรอ

     

    อ๋า! มัวแต่คุยเรื่องชมรมจนลืมแนะนำตัวไปเลยอ่ะ ฉันคิมจุนมยอน เป็นประธานชมรมห้องสมุด <- ยิ้มแฉ่ง

     

    ฉันชื่อคิมจงแด เป็นรองประธานห้องสมุด!” <- ยิ้มเหมือนคนที่กำลังมีความสุขสุด ๆ

     

    ...โดคยองซู

     

     

    กา...กา...กา...

     

     

    เหมือนกำลังเต้นอยู่ในงานวัดแล้วจู่ ๆ หลวงพ่อก็เดินมาปิดเพลง ทั้งสามคนยิ้มเก้อพลางมองไปยังเจ้าของชื่อคนสุดท้ายที่กำลังแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าจะชื่อเหี้ยอะไรก็ช่างแม่งเหอะครับ กูง่วง

     

    คยองซูเป็นเลขาชมรมห้องสมุดน่ะ ฮะ ๆ จุนมยอนกอดคอเจ้าของชื่อแต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไม่ใยดี

     

    ดูเป็นงานเป็นการจังเลยอ่ะ แล้วเราต้องทำอะไรบ้างนะ แบคฮยอนกำลังตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ บางทีชมรมนี้อาจจะมีช่วงเวลาเงียบ ๆ ให้อ่านวรรณกรรมเด็ด ๆ พอถึงเวลาก็นั่งรวมตัวกันแล้วแบ่งปันเรื่องราวที่ได้จากหนังสือเล่มนั้นให้คนอื่น ๆ ฟัง

     

    แค่คิดก็สนุกแล้วสิ...

     

    ไว้พอถึงคาบชมรมก็รู้เองน่า จงแดตบบ่าเด็กใหม่เบา ๆ ก่อนจะชำเลืองไปยังโต๊ะหลังห้องติดประตูทางออก เด็กหนุ่มป้องปากแล้วกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก ฉันนึกว่านายจะเข้าชมรมเดียวกับสามทหารเสือซะอีก...

     

    สามทหารเสือเหรอ?

     

    ใช่...พวกนั้นไง บุคคลต้องห้าม จุนมยอนเสริม

     

    หมายถึงชานยอลใช่ไหม

     

    เออดิ...ก็หมอนั่นเพิ่งย้ายไปอยู่บ้านนายไม่ใช่เหรอ? จงแดมองพวกที่อยู่หลังห้อง แน่นอนว่าการเสวนากับคนกลุ่มนั้นมันเป็นเรื่องอันดับท้าย ๆ ที่พวกเขาจะทำหากว่าโลกจะแตก

     

    ใช่ ชานยอลแชร์ค่าบ้านกับเรา แบคฮยอนยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้รู้สึกบันเทิงไปด้วย จุนมยอนกับจงแดหันไปหาคยองซูพร้อมกัน

     

    ท่านคยอง นายว่าไง?

     

    ซวยเช็ด

     

    ...

     

    ...

     

    หา?

     

    แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ ขณะที่จงแดกับจุนมยอนทำตาเหลือกเหมือนคนกลัวศาสตร์มืดเข้ามาดูดวิญญาณ เด็กหนุ่มทั้งสองคนจีบนิ้วโป้งชี้กลางไว้ด้วยกันก่อนจะแตะอกข้างขวาไปซ้ายและปิดท้ายตรงหน้าผากพร้อมพูดเบา ๆ ว่าอาเมน

     

    อะไรเหรอ

     

    คยองซูกำลังจะบอกว่านายต้องซวยเช็ดเพราะอยู่กับไอ้หมอนั่นไงล่ะ จงแดรีบตอบ เพราะถ้ารอให้อีกคนพูดชาติหน้าก็ไม่รู้ว่าจะได้ฟังไหม

     

    นายต้องเข้าพิธีแก้กรรมนะเด็กใหม่ จุนมยอนเบ้หน้า ดูนั่นสิ เด็กหนุ่มชี้ไปยังกลุ่มคนหลังห้องอีกครั้ง ตอนนี้ชานยอลกำลังแชร์หูฟังกับจงอินขณะดูคลิปวิดีโอผ่านมือถือโดยมีจื่อเทาประกบอยู่ข้าง ๆตอนแรกคิมจงอินก็ไม่ได้ดำแบบนั้นหรอกนะ

     

    ใช้คำผิดแล้วจุนมยอน ต้องบอกว่าหมองสิถึงจะถูก จงแดผลักไหล่เพื่อนเบา ๆ

     

    มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละน่า เด็กหนุ่มว่าแล้วหันไปทางกลุ่มเดิมอีกครั้ง อันที่จริงคิมจงอินเป็นคนขาว แต่ผิวของหมอนั่นเริ่มหมองลงตั้งแต่คบปาร์คชานยอลเป็นเพื่อน

     

    โห...มีเรื่องแบบนี้ด้วยอ่ะ... แบคฮยอนทำตาโต

     

    ใช่ แล้วก็เป็นอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ จุนมยอนยิ้มมุมปากอย่างกับว่าเรื่องที่พูดอยู่มันเด็ดขาดและแน่นอนจริง ๆ

     

    แล้วเขาจะไหม้ไหม ร่างเล็กหันไปมองคนตัวสูงทั้งสามคนที่กำลังหัวเราะคลิปวิดีโอในมือถือ ตอนนี้ชานยอลถอดหูฟังให้หวงจื่อเทาใส่แทนแล้ว

     

    ยังไม่ถึงกับไหม้หรอก นายก็ระวังตัวให้ดีเถอะ คนพวกนั้นน่ากลัวจะตาย จงแดลูบแขนป้อย ๆ

     

    ถ้านายถอยออกมาได้อย่างมากก็อาจจะแค่เขียวเหมือนหวงจื่อเทา คยองซูพูดเสียงเรียบ แน่นอนว่ารีแอคชั่นของจงแดและจุนมยอนค่อนข้างที่จะแรงพอสมควรหลังจากเลขาชมรมห้องสมุดพูดจบ

     

    ชานยอลมองไปยังโต๊ะหลังห้องฝั่งติดหน้าต่าง และมันเป็นจังหวะเดียวกับตอนไอ้บ้านนอกหันมาพอดี เด็กตัวสูงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วมองเป็นเชิงหาเรื่อง แต่ไอ้เชี่ยนั่นเสือกยิ้มให้เขาพร้อมกับโบกมือให้ซะอย่างนั้น นี่มึงกวนตีนกูใช่ไหม

     

    มึงดูดิ ด่านนี้แม่งต้องไปแอบดูคนต่างชาติเล่นมาก่อนแน่ ๆ มึงคิดว่าอย่างโอเซฮุนจะเล่นผ่านได้เองเหรอวะ” จงอินหันไปคุยกับจื่อเทาอย่างออกรส

     

    กูว่าไม่ อยู่โรงเรียนเก๊กเต้นคัฟเวอร์ขนาดนั้น จะเอาเวลาไหนไปศึกษาข้อมูลเกมกันวะ

     

    ว่าได้เหรอ พี่เซฮุนของสาว ๆ ออกจะเท่ ได้ข่าวว่าเป็นประธานชมรมคัฟเวอร์แดนซ์ด้วยนะ นี่ก็จะเอาทุกทางเลยไหมแฟนข่งแฟนคลับเนี่ย”   

     

    คนมันวัลลาบีอ่ะมึงต้องเข้าใจ” จื่อเทาหัวเราะ

     

    ชานยอลละสายตาจากไอ้บ้านนอกแล้วหันกลับมาสนใจบทสนทนาของเพื่อนสนิททั้งสอง มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะให้ความสนใจเป็นพิเศษถ้าเป็นเรื่องของมนุษย์ขี้เก๊กที่ชื่อโอเซฮุน ไอ้หมอนั่นเป็นเด็กห้องบี ที่ขึ้นชื่อว่าฮอตมากทั้งในชีวิตจริงและโลกโซเชียล เพราะหลายสิ่งที่มันทำนั่นแหละ ทั้งแคสเกม เต้นคัฟเวอร์ แถมยังเสือกเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนด้วย

      

    ว่าแต่มึงจะเอายังไงวะชานยอล นี่มื้อเที่ยงก็จะเกาะพวกกูแดกอีกสินะ จื่อเทามองเพื่อนอย่างเอือม ๆ ไอ้ตัวเขาก็ไม่ได้เครียดนักหรอกที่จะเลี้ยงข้าวเพื่อน แต่ไอ้จงอินสั่งไว้ว่าอย่าสปอยล์มันมากนัก ให้ดัดสันดานกันบ้างเดี๋ยวจะเคยตัว ไอ้เขาเลยต้องทำตามเพราะก็เห็นด้วยอยู่

     

    อย่างไอ้ชานยอลนี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา มันก็ดีแต่ทำตัวกะโปกประชดชีวิต ไม่ได้สนใจเล้ยว่าคนรอบข้างจะเดือดร้อนเพราะมัน เขากับไอ้จงอินก็ช่วยกันพูดว่าให้มันยอมลดทิฐิลงบ้างแล้วกลับไปอยู่บ้านซะ หลังจากนั้นจะทำตัวปิดกั้นพี่ชายต่างแม่ยังไงค่อยว่ากันอีกที เพราะยังไงซะการอยู่ในบ้านมันก็ไม่ทำให้อดตาย

     

    หางานพิเศษทำเถอะ พวกมินิมาร์ทงี้ก็มีให้ทำพาร์ทไทม์ จงอินเสริม พอได้ยินอย่างนั้นคนถูกไล่ให้ไปลำบากถึงกับถอนหายใจแรง ๆ พอเข้าเรื่องนี้ทีไรแล้วก็รู้สึกเหมือนโลกจะพินาศทุกที

     

    พูดเรื่องนี้อีกละพี่เครียด ชานยอลทำท่าตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ นี่พวกมึงรักกูจริงป่ะสัด ไม่ช่วยแล้วยังไล่อีก

     

    พอช่วยแล้วมึงเคยตัวไง พอถูกปล่อยเซอร์ก็มาพูดงี้ เพราะงั้นรีบหางานทำเถอะห่า สงสารเพื่อนมั่ง นี่ถ้าบ่นแล้วได้เงินป่านนี้กูกับไอ้เชี่ยเทารวยไปแล้ว จงอินส่ายหน้าแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋า

     

    มึงมีพ่อแม่คอยหาเลี้ยงก็พูดได้ดิ ไม่ต้องออกมาดิ้นรนเหมือนกูนี่ ชานยอลแค่นหัวเราะ ไอ้พวกนี้มันชั่วจริง ๆ ถ้าพวกมึงเจอชะตากรรมแบบกูบ้างแล้วจะพูดไม่ออก

     

    แล้วมึงจะทำยังไงล่ะครับ จะให้กูกับไอ้เทาผลัดกันเลี้ยงมื้อเที่ยงงี้ก็ย่อมได้ นี่ไม่ได้พูดถึงความละอายใจเลยนะเพราะเรื่องแบบนี้มึงต้องสำนึกได้เอง แต่มื้อเช้ากับมื้อเย็นมึงจะเอายังไง แดกกับไอ้เด็กใหม่งี้เหรอ สักวันมันก็คงต้องพูดเหมือนกูนี่แหละ

     

    เออรู้แล้ว เดี๋ยวพอถึงเวลาทางออกมันก็เดินมาหากูเองนั่นแหละ เพราะงั้นพวกมึงไม่ต้องห่วงนะครับ ชานยอลยกมือขึ้นระดับหัวไหล่พลางกลอกตามองเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังทำหน้าเอือมระอาเขาเต็มแก่ตอนนี้พวกมึงก็เลี้ยงข้าวเที่ยงกูไปก่อน

     

    ถ้าเห็บหมาเป็นคนก็คงหน้าเหมือนมึงนี่แหละ

     

    จ้า พ่อคนรูปหล่อ ชานยอลเผยอปากก่อนจะตบกระบาลหวงจื่อเทาไปทีนึงชนิดว่านักเทนนิสทีมชาติยังต้องคุกเข่าให้

     

    เด็กตัวสูงละความสนใจจากเพื่อนสนิททั้งสองคนแล้วหันไปมองสมาร์ทโฟนที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะพร้อมหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เด้งขึ้นมา เป็นการบอกว่ามีข้อความไลน์เข้าจากใครคนหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เขาอดที่จะเบ้ปากเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วไม่ได้

     

    เชี่ยไรอีกล่ะ

     

    กูว่าไอ้เด็กใหม่มันรักมึงว่ะ จื่อเทาหัวเราะแล้วหันไปแท็กมือกับจงอิน

     

    เห็นไหม ไอ้เทาก็คิดเหมือนกู

     

    หุบปากไปเลยพวกมึง ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วคว้ามือถือขึ้นมา ดูซิคราวนี้มึงจะอะไรกับกูอีก

     

    ไอ้บ้านนอก

    ชานยอลเข้าชมรมไหนเหรอ  11:25 AM

     

    ไอ้บ้านนอก

    มือคนมีถึงสิบนิ้ว ถ้าชานยอลไม่ได้เป็นง่อยก็คงตอบไลน์เราได้เนอะ  11:25 AM

     

     

    นั่นไง...กวนส้นตีนกูอีกแล้วช้างลาก

     

     

    11:26 AM เสือกจ้า

     

    ไอ้บ้านนอก

    เราเข้าชมรมห้องสมุดล่ะ ชานยอลสนใจเข้าด้วยกันไหม  11:26 AM

     

     

    อ่านที่กูตอบไปบ้างป่ะเนี่ยสาด กูบอกว่าเสือก ๆ ๆ ๆ ๆ มึงควรจะถามกลับมาว่าทำไมชานยอลต้องหยาบคายกับเราด้วย หรือไม่ก็เราแค่อยากทำกิจกามร่วมกันกับชานยอลก็เท่านั้นเอง เดี๋ยวนะ...ไม่...คือเมื่อกี้จะบอกว่ากิจกรรมดิไม่ใช่กิจกาม  เออ...แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ รู้ไว้ซะว่ากูไม่อยากคุยกับมึง!!!

     

    ไอ้บ้านนอก

      11:27 AM

     

    11:27 AM เชิญมึงอยู่กับเผ่าคนแคระไปเถอะ ไม่ต้องไลน์มาแล้วนะ รำคาญ

     

    ไอ้บ้านนอก

    ชานยอลอ่ะ TT_TT 11:27 AM

     
     


     

    60%

     

     

    ช่วงเย็นหลังจากสิ้นสุดความทรหดของคาบสุดท้ายไอ้เทาก็แยกไปซ้อมกีฬาต่อ ส่วนไอ้จงอินเห็นว่าจะลงเรียนเสริมภาคค่ำ ซึ่งปาร์คชานยอลก็ได้แต่เบ้ปากแล้วภาวนาในใจว่าขอให้มึงได้เหรียญทองโอลิมปิกทุกสาขาวิชาชนะพวกเด็กเรียนทั่วทั้งแผ่นดินด้วยเถิด

     

    แต่เรื่องของพวกมันสองคนยังไม่ใช่จุดพีคของวันนี้เพราะปาร์คชานยอลมีภารกิจอันใหญ่หลวงที่ต้องทำ เด็กหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเย็น เห็นงี้ก็นึกถึงไอติมเรนโบว์ว่ะ อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ถ้าได้กินไอติมฟรีสักแท่งก็คงจะดีไม่น้อย

     

    กริ๊ง! กริ๊ง!

     

    เสียงปริศนาเหมือนเข็มแหลมทิ่มบอลลูนรูปไอติมเรนโบว์ของกูจนแตกฟองกลางอากาศ ปาร์คชานยอลหันไปข้างหลังแล้วก็ขมวดคิ้วทันทีที่เห็นใครคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานมาทางนี้พร้อมนิ้วหัวแม่มือสั้น ๆ ที่กำลังกดกริ่งตรงแฮนด์จับอย่างมันมือ ปากมันก็ยู่เข้าหากันงึมงำห่าอะไรสักอย่าง แถมยังมีหน้าปั่นวนรอบตัวกูเป็นวงกลมอีก แหม...หรรษาเหลือเกินนะมึง

     

    หยุดเลยห่ากูลายตา ชานยอลถีบจักรยานเบา ๆ จนคนตัวเล็กต้องเอาขาลงยันพื้นเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเขาและพาหนะคู่ใจล้มเทกระจาดลงไปบนพื้นซีเมนต์ แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ มองเพื่อนตัวสูงที่กำลังมองมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก ซึ่งเขาก็ควรจะชินได้แล้วเพราะชานยอลเอาแต่ทำหน้าแบบนี้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน

     

    ซ้อนท้ายเราไหม

     

    นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่กูจะทำก่อนตาย เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะพลางมองหน้าหมา ๆ ของอีกฝ่ายก่อนจะลดระดับสายตาลงมองจักรยานคันเก่งของมัน และที่ทำให้หงุดหงิดกว่าเดิมก็คือประโยคที่เขียนด้วยปากกาเมจิกซึ่งบ่งบอกความเป็นเจ้าของนั่นแหละ

     

    โอเค แล้วเราจะทำอะไรกันนะ สึด คำถามมึงนี่ติดเรทมากไหม

     

    ห้องเรา...เอ่อ ห้องกูกับมึงน่ะ ชานยอลรีบพูดประโยคหลังและหวังว่าไอ้เตี้ยจะได้ยินประโยคแรกไม่ชัด ซึ่งดีเหลือทนที่มันกำลังทำหน้าซื่อตั้งใจฟังเขาพูด ยังไม่มีโต๊ะกับเก้าอี้ถูกป่ะ

     

    ใช่ ไปซื้อกันไหม

     

    ซื้อทำไมวะเปลืองเงิน มึงรวยมากไง? เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถามอีกฝ่าย อันที่จริงก็ควรพาไอ้บ้านนอกไปธนาคารซะก็สิ้นเรื่อง จะได้พามันโปรยเงินซื้อทุกสิ่งที่อยากใช้ในบ้าน

     

    แต่ถ้าทำแบบนั้นมันคงเบ้ปากตอนเห็นกระเป๋าเงินฟีบลงและนึกขึ้นได้ว่าไอ้รูมเมทหน้าหล่อคนนี้ไม่ได้เสียเงินเลยสักแดงเดียวกับการซื้อของเข้าบ้าน ซึ่งปาร์คชานยอลคงได้กลายร่างเป็นปลิงดูดเลือดเพศผู้ที่เจริญเต็มวัยในสายตามนุษย์ฮอบบิท หลังจากนั้นมันคงเฉดหัวเขาออกจากบ้านแหงแซะ

     

    เราจน คำตอบสั้นเหมือนตัวคนพูดไม่มีผิด ชานยอลพยักหน้าส่ง ๆ แล้วหันซ้ายขวา ในหัวอันชาญฉลาดของเขากำลังคิดและเรียบเรียงเหตุการณ์หลังจากวางแผนทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้วยังไงต่ออ่ะ ชานยอลจะกลับไปเอาเก้าอี้ที่บ้านเหรอ

     

    โน ไม่มีบ้านอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ

     

    อ้าว แล้วจะไปเอาที่ไหน

     

     

    กริ๊ง! กริ๊ง!

     

     

    มึงหยุดเล่นดิ๊กูรำคาญ!” เด็กตัวสูงผลักหัวร่างเล็กแรง ๆ แล้วรีบชักมือกลับเพราะรู้สึกได้ถึงไฟฟ้าสถิตที่ช๊อตผ่านทางปลายนิ้วแล่นมาจนถึงช่วงอก

     

    ชานยอลถอยหลังออกจากคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนจักรยานประมาณห้าก้าวเห็นจะได้ เขาเห็นว่าไอ้เตี้ยกำลังขมวดคิ้วสงสัย ไม่รู้ว่ามันกำลังงงเรื่องโดนตบหัวฟรีหรืองงเรื่องที่เขาถอยหลังออกมาไกลขนาดนี้กันแน่

     

     

    กริ๊ง!!

     

     

    ชานยอลถอยไปขนาดนั้นแล้วจะได้ยินเราพูดเหรอแบคฮยอนมองอีกคนที่กำลังเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก ชานยอลเป็นอะไรของเขานะ

     

    ไม่จำเป็น มึงอยู่ตรงนั้นแหละไม่ต้องเข้ามา เด็กหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกงเอาตลับเมตรออกมาสาวออกรัว ๆ เพื่อวัดระยะห่างเป็นครั้งที่สองของวัน พอรู้ว่าตอนนี้ยังอยู่ในระยะไม่ปลอดภัยเลยต้องถอยหลังออกไปอีกหลายก้าวเพื่อให้ครบสองเมตรตามมาตรฐานสากล

     

    ชานยอลขมวดคิ้วเพ่งมองไอ้บ้านนอกที่กำลังขยับปากพูดอะไรสักอย่าง ปากแดง ๆ ของมันเวลาพูดไม่หยุดนี่น่าบีบแรง ๆ แล้วดึงออกมารัดกับหนังยางจริง ๆ ให้ตายเถอะ

     

    พูดอะไรวะกูไม่ได้ยิน!” เด็กตัวสูงตะโกนหาอีกฝ่ายที่อยู่ห่างกับเขาสองเมตรเป๊ะ ๆ แต่ไอ้เตี้ยไม่ได้ตอบคำถามในทันที มันกลับย่นจมูกแล้วปั่นจักรยานเล่นหน้าตาเฉยไอ้บ้านนอก!!!”

     

    อารายยย อะไรพ่อง! กูฆ่ามึงด้วยตลับเมตรเลยดีไหมเนี่ยซั้ซ

     

    กูถามว่าเมื่อกี้มึงพูดอะไร?!”

     

    ก็ชานยอลเป็นคนบอกเองว่ามันไม่จำเป็นเพราะงั้นอย่าสนใจเลยนะ ห่าลาก นี่มึงยอกย้อนกูเรอะ

     

    กูถามว่ามึงพูดอะไร

     

    อารายน้า

     

    ไอ้เตี้ย!!!”

     

    สิ้นสุดความอดทน ปาร์คชานยอลก้าวดุ่ม ๆ เข้าไปหาคนตัวเล็กที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ พอเห็นอย่างนั้นแบคฮยอนถึงกับเบิกตาอย่างตกใจแล้วรีบใส่เกียร์สี่ซอยขาอย่างบ้าคลั่ง

     

     

    ไปเลยแม็กน่ามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!

     

     

    เหวออ!!!”

     

    มึง!!!” เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นวิ่งตามไอ้เตี้ยที่กำลังปั่นจักรยานหนีความตายอย่างบ้าคลั่ง

     

    อนิจจา...จักรยานโง่ ๆ หรือจะสู้ขายาว ๆ ของปาร์คชานยอลคนนี้ได้ แบคฮยอนแทบหน้าทิ่มเพราะเบาะเหล็กข้างหลังถูกดึงเอาไว้โดยใครอีกคนเลยทำให้การเคลื่อนไหวของจักรยานหยุดไว้แค่นั้น คนตัวเล็กเอี้ยวหน้าหันกลับไปข้างหลังแล้วก็ขนลุกซู่ทันทีที่เห็นออร่าไฟลุกโชนออกมาตามตัวอีกคน โอ้โห! ชานยอลเหมือนดราก้อนบอลเลย!

     

    มึงอยากลองดีกับกูสินะมนุษย์ฮอบบิท... น้ำเสียงเย็นเยือกมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากซึ่งเป็นบทนำความโหดสัสที่จะแสดงให้อีกฝ่ายเห็น

     

    คิดว่าจะปั่นจักรยานหนีกูได้งั้นเหรอไอ้บ้านนอก ขับสี่สูบกูก็กระโดดถีบจนล้มมาแล้ว หมวกกันน็อกราคาเป็นหมื่นเป็นแสนนี่อาบเลือดด้วยฝีมือกูทั้งนั้น แล้วมึงเป็นใคร!

     

    ...

     

    เหมือนเปิดซาวด์หนังสงครามโลกมาอย่างดีแต่ถูกดับกลางอากาศเมื่อมนุษย์ฮอบบิทก้าวขาลงมายืนทำหน้ามึนอยู่ตรงหน้าเขา หนำซ้ำยังปล่อยเซอร์ให้กูใช้มือขวาอันมีค่าจับเหล็กเบาะหลังจักรยานไว้หน้าตาเฉยอีก

     

    ที่วิ่งตามเรามานี่จะซ้อนท้ายหรือจะปั่น

     

    ซ้อนเชี่ยไรล่ะ กูจะโบ้หน้ามึง พูดจบก็ปล่อยจักรยานทิ้งลงพื้นแล้วผลักหัวทุย ๆ ไปทีนึง แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าพลางถอนหายใจแรง ๆ ใส่เป็นเชิงบอกว่าตอนนี้เขากำลังไม่พอใจนะ

     

    ทำไมไม่ตั้งขาตั้งก่อนอ่ะ ถ้ารถเราเป็นรอยขึ้นมาจะทำยังไง

     

    ต้องทำอะไรด้วยเหรอ เศษเหล็กนี่ของมึงไม่ใช่ของกู

     

    ดี งั้นคืนนี้ชานยอลก็นอนพื้นไปนะ เพราะที่นอนเป็นของเราคนเดียว

     

    เอ้อ! คิดว่ากูอยากนอนกับมึงมากนักไง๊ เด็กหนุ่มเชิดหน้าเถียงคอเป็นเอ็นพลางมองไอ้เตี้ยที่กำลังก้มลงเอาจักรยานขึ้นมาขี่

     

    แต่เมื่อคืนชานยอลขอนอนกับเรา

     

    พูดให้มันดี ๆ นะเว้ย! กูอยากนอนบนฟูกไม่ได้อยากนอนกับมึง!” ห่านี่พูดคลุมเครือให้กูเสียหายตลอด ฟัค

     

    ก็แล้วแต่ งั้นเรากลับก่อนนะ เบื่อชานยอลแล้วอ่ะ

     

    ป๊าดดดดดดดดดดด มึงเป็นใครมาจากไหนถึงได้กล้าพูดคำว่าเบื่อกับกูแบบนี้ ขนาดสาว ๆ สุดฮอตในโรงเรียนยังกระพรือกระโปรงใส่กู ช่วยสำนึกบ้างนะว่าใครกันแน่ที่จะเบื่อ

     

    โอ๊ะ!” คนตัวเล็กปั่นจักรยานออกมาได้ไม่ถึงเมตรก็ต้องห่อไหล่เพราะถูกคนตัวสูงดึงคอเสื้อขึ้น นัยน์ตากลมกระพริบปริบ ๆ แล้วพยายามแกะมือแกร่งออกแต่ก็ไม่ได้ผลอะไรเนี่ย

     

    มึงจะไปไหน นี่ยังไม่ได้ไปเอาเก้าอี้เลยไหม?

     

    ถ้าชานยอลยอมซ้อนท้ายแต่แรกเราก็ยอมไปด้วยดี ๆ แล้วอ่ะ ทำไมต้องใช้กำลังตลอดเลย มีปมเหรอ โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ก่อนถามว่ากูเป็นอะไรนี่มึงช่วยสำเหนียกดูตัวเองก่อนไหมว่าทำตัวล่อมือล่อตีนมากแค่ไหน นี่ถือว่าปาร์คชานยอลใจเย็นมากแล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นนี่นอนแดกฝุ่นจานโตไปแล้ว

     

    เรื่องมันผ่านไปแล้วมึงจะคุ้ยมาพูดให้ได้อะไรขึ้นมาวะไอ้บ้านนอก

     

    เรื่องมันผ่านไปแล้วมึงจะคุ้ยมาพูดให้ได้อะไรขึ้นมาวะไอ้บ้านนอก แบคฮยอนเลียนเสียงอีกฝ่ายก่อนจะหน้าทิ่มจนเกือบฟาดกับแฮนด์จักรยานเพราะถูกโบกหัวอีกรอบเจ็บจัง

     

    กูยอมแหกกฎสองเมตรเพื่อการนี้เลยครับ มองไอ้เตี้ยที่ขยับแว่นให้เข้าที่พลางลูบหัวป้อย ๆ แล้วก็หงุดหงิด อย่าถามว่าไม่นึกสงสารมันเหรอ มีแต่จะซ้ำอ่ะนี่พูด

     

    ป่ะ ไปเอากันเถอะ

     

    เอาอะไรของมึง!!!!” ปาร์คชานยอลอยากบ้า สรุปมึงเป็นคนอย่างนี้อยู่แล้วหรือว่าเสแสร้งกันแน่วะมนุษย์ฮอบบิท กูเริ่มจะหวั่นใจกับมึงแล้วนะ

     

    เอ้า! ก็ไปเอาเก้าอี้ไง เราพูดผิดตรงไหนอีกเนี่ย คนตัวเล็กมองอีกคนด้วยแววตาผิดหวัง ชานยอลนี่ยังไงนะ นอกจากจะเป็นพวกชอบเสียงดังแล้วยังเข้าใจยากอีกด้วย แบบนี้จะเรียนจบไหม น่าเป็นห่วงสุด ๆ ไปเลย

     

    ไปรอกูอยู่ข้างรั้วข้างนอก!” เด็กตัวสูงชี้ไปทางซ้ายซึ่งแบคฮยอนก็งงอีกแล้วว่าทำไมต้องไปรอที่นั่นด้วย

     

    แล้วชานยอลไม่ไปด้วยกันเหรอ

     

    เลิกสงสัยได้แล้วพ่อมึงชื่อเจ้าหนูจำไมเหรอ ทำตามที่กูบอกก็พอ ปรบมือแรง ๆ สองครั้งแล้วแบออกตั้งช่วงหัวไหล่ทั้งสองข้าง แบคฮยอนมองอีกคนหวาด ๆ แล้วปั่นจักรยานไปรอตามที่ชานยอลบอก

     

    คนตัวเล็กตั้งขาตั้งไว้แล้วก้มลงผูกเชือกรองเท้า ลุกขึ้นชะเง้อหน้ามองเข้าไปรูกำแพงรั้วโรงเรียนแล้วก็พบแค่ความเงียบ แน่นอนว่าตรงนี้เป็นมุมอับข้างโรงเรียนไม่ค่อยมีคนผ่านอยู่แล้ว ไหนจะเป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียนอีก ถ้านึกถึงหนังผีคงสยองดีพิลึก

     

    ไอ้เตี้ย... ร่างเล็กเขย่งขามองเข้าไปในรูรั้วกำแพงโรงเรียนแล้วก็อ้าปากหวอทันทีที่เห็นเพื่อนตัวสูงกำลังหอบเก้าอี้ตัวหนึ่งวิ่งมาทางนี้

     

    อย่าบอกนะ...

     

    ปีนขึ้นมารับเก้าอี้จากกูเร็ว!”

     

    อ่ะ...อื้อ!” ถึงจะดูงง ๆ และไม่เข้าใจแต่แบคฮยอนก็ยังทำตามที่คนตัวสูงสั่ง แน่นอนว่าสิ่งที่ชานยอลทำมันไม่ถูกต้อง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนตัวเล็กก็เบื่อที่จะต้องฟังอีกฝ่ายบ่นด่าเป็นชั่วโมงมากกว่าเป็นไหน ๆ

     

    ชานยอลมองอีกคนที่กำลังปีนรั้วอย่างร้อนใจพลางหันไปดูลาดเลาเป็นระยะ แน่นอนว่าสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้มันโคตรจะกะโปกและไร้ศักดิ์ศรีที่ขโมยเก้าอี้โรงเรียนหน้าด้าน ๆ แต่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้นี่ครับ นี่ไม่มีเงิน

     

    ไอ้บ้านนอกก้าวขาคาบรั้วโรงเรียนแล้วพยายามก้มลงมารับเก้าอี้จากมือเขา อยากจะแหกปากตะโกนให้ก้องโลกเพราะหงุดหงิดที่ไอ้เตี้ยเสือกเกิดมาแขนสั้นเลยทำให้การส่งต่อของในครั้งนี้เป็นเรื่องยาก

     

    สูงอีกชานยอล สูง ๆ

     

    มึงจะเอาแค่ไหน! ก็ก้มลงมาดิวะ!”

     

    ฮึบนะ

     

     

    ฮึบพ่อง!!! รีบรับไปสักทีเถอะก่อนที่ยามจะ...

     

     

    พวกเธอทำอะไรกันน่ะ!!!”

     

     

     

     

    เราแปะให้

     

    ไม่ต้องมาแตะตัวกู

     

    ชานยอลชักแขนออกมาพลางมองคาดโทษร่างเล็กที่นั่งชันเข่าอยู่บนขั้นบันไดหน้ามินิมาร์ทปากซอยโรงเรียน แบคฮยอนถือพลาสเตอร์สีฟ้าลายการ์ตูนค้างอยู่ท่านั้นพลางมองรอยแผลตรงข้อศอกอีกฝ่ายที่เพิ่งกัดฟันล้างไปเมื่อกี้นี้

     

    เชี่ยเอ้ย... เด็กหนุ่มสบถอย่างหัวเสียทันทีที่นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ถ้าไอ้เตี้ยไม่ชักช้าก็คงได้เก้าอี้กลับบ้านไปสบาย ๆ แต่นี่เสือกโดนยามวิ่งไล่จนต้องปีนรั้วหนีหัวซุกหัวซุนจนตกลงมาเจ็บตัวอีก

     

    ต้องพาร่างกายอันบอบช้ำหนีเสียงนกหวีดไม่พอยังต้องกลับไปช่วยไอ้บ้านนอกจูงจักรยานเศษเหล็กหนี โอย...ดีนะที่ไอ้ลุงยามเหลาเหย่ไม่เห็นหน้าเขาไม่งั้นล่ะได้ไปนั่งห้องเย็นพร้อมถูกหักคะแนนความประพฤติกันทั้งคู่แน่

     

    แปะพลาสเตอร์เถอะ นั่น มึงยังไม่เลิกเร้าอีก จะเป็นห่วงอะไรนักหนา หรือว่ามึงชอบกูอย่างที่ไอ้จงอินกับไอ้เทาพูดจริง ๆ  “เราลอกกระดาษออกแล้วอ่ะเสียดาย

     

     

    เพล๊ง!!!!

     

     

    เสียงอะไรนะ? อ๋อ เสียงหน้ากูไงครับ แตกละเอียดเชียว

     

     

    ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยขโมยของเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ตกอยู่ในสถานะผู้สมรู้ร่วมคิด นี่ใจยังเต้นตุบ ๆ อยู่เลยอ่ะ

     

    หายใจเข้าลึก ๆ ชานยอล...อ่า...นั่นแหละ...

     

    ไม่คิดเลยว่าการเป็นคนจนตรอกจะทำให้นึกอยากขโมยของได้ ชานยอลนี่สุดยอดเลย

     

    หายใจเข้าลึก ๆ กว่านี้...

     

    แต่การขโมยของมันไม่ดีหรอกนะ ไว้พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเราไปธนาคารกันเถอะ คนตัวเล็กเม้มปากแล้วค่อย ๆ เนียนไปแปะพลาสเตอร์ให้คนที่กำลังทำหน้าหงิกอยู่

     

    ไม่ กูไม่อยากใช้เงินมึง

     

    ...

     

    เดี๋ยวจะหาว่ากูเกาะแดกอีกล่ะ ชานยอลมองคาดโทษคนที่กำลังชี้หน้าตัวเองงง ๆ

     

    เรายังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยนะ

     

    เดี๋ยวสักวันมึงก็พูด

     

    เราไม่พูดหรอก ชานยอลคิดมากจัง แบคฮยอนหัวเราะแล้วดึงแก้มอีกฝ่าย แน่นอนว่าปฏิกิริยาตอบรับของคนตัวสูงมันเหมือนกับทุกครั้งคือผงะถอยออกห่างในทันที ป่ะ กลับบ้านกัน

     

    เดี๋ยว ร่างเล็กก้มลงมองอีกคนที่จีบมือดึงเสื้อนักเรียนของเขาไว้อย่างรังเกียจก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ชานยอลถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วเสยผมขึ้น ดูเหมือนว่าตอนนี้รูมเมทของเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ถ้ามึงจะซื้อของเข้าห้องกูก็เห็นด้วย แต่ของใช้ส่วนตัวกูนี่สิ

     

    เราไม่ซื้อให้นะ ชานยอลมีแค่แปรงสีฟันก็พอแล้วอย่างอื่นใช้ด้วยกันก็ได้

     

    เออ อันนั้นกูรู้ เด็กตัวสูงมองอีกฝ่ายด้วยหางตาโอเค กูตัดสินใจได้แล้ว

     

    ว่า...

     

    มึงต้องไปช่วยกูขนของที่บ้าน

     

     

     

     

    ทั้งคู่ใช้เวลาเกือบสี่สิบห้านาทีกว่าจะการเดินทางมาถึง แบคฮยอนหันไปหาคนข้าง ๆ ที่กำลังจับจ้องไปยังบ้านสองชั้น มันไม่ได้ใหญ่โตมโหฬาร แต่ก็พอดูออกว่าฐานะครอบครัวของคนตัวสูงน่าจะมีระดับอยู่พอสมควร

     

    สีหน้าของชานยอลนั้นเรียบเฉย เขาเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คงใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะกลับมาที่นี่ทั้งที่มีปัญหากับครอบครัว ซึ่งบยอนแบคฮยอนก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องถามเพื่อคลายความสงสัยถ้ามันแลกมากับความเจ็บปวดของเพื่อนใหม่คนนี้

     

     

    ถ้าถึงเวลาเหมาะสม หรือตอนที่รู้สึกเปิดใจแล้วชานยอลก็คงเล่าให้ฟังเองมั้ง...

     

     

    จอดเศษเหล็กมึงไว้ตรงนี้ เด็กตัวสูงชี้นิ้วลงและแบคฮยอนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างเล็กขยับแว่นแล้วเดินตามหลังอีกคนไปติด ๆ ชานยอลเลือกที่จะปีนรั้วเข้าบ้านแทนที่จะเดินเข้าทางประตู

     

    ปีนไหวเปล่า?

     

    ไหว ร่างเล็กตอบแล้วถอยหลังไปสามก้าวก่อนจะวิ่งมากระโดดเกาะรั้วได้อย่างง่ายดาย เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองไอ้เตี้ยที่ปีนป่ายอย่างชำนาญแล้วก็อยากจะซูฮกมันเหลือเกิน ชาติที่แล้วมึงเป็นลิงเรอะช่วงวันหยุดเรากับเพื่อน ๆ ชอบไปปีนต้นไม้แล้วกระโดดลงสระน้ำกัน เราถนัดเรื่องปีนมาก จ้ะ ขอให้มึงเชี่ยวไปตลอดรอดฝั่งเถอะ วันไหนตกลงมาปากแตกฟันร่วงแล้วจะหัวเราะให้เข็ด

     

    ชานยอลยืนตั้งหลักบนรั้วแล้วก้าวขาไปเหยียบระเบียงห้อง ถึงจะห่างจากตรงนี้มากแต่ด้วยความที่เกิดมาขายาวเลยทำให้ขึ้นไปถึงได้ไม่ยากนัก แต่ปัญหานี้ตกไปอยู่ที่มนุษย์ฮอบบิทเพราะขาสั้น ๆ ของมันนั่นแหละ เด็กตัวสูงถอนหายใจเนือย ๆ แล้วใช้มือข้างหนึ่งเกาะรั้วระเบียงไว้ก่อนจะฝืนใจยื่นมืออีกข้างไปดึงมันขึ้นมาด้วยกัน

     

    วินาทีนั้นเหมือนตายทั้งเป็นเพราะมืออุ่น ๆ ของไอ้เตี้ยกำลังจะทำให้เขาสติแตกภาพสีซีเปียตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกันกำลังฉายมาเป็นฉาก ๆ ให้รู้สึกอยากกัดลิ้นตาย ปาร์คชานยอลหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถอนหายใจทางริมฝีปากเพื่อสงบสติอารมณ์ นี่ต้องบอกกับตัวเองว่าอดทนหน่อย ถ้าไม่มีมันต้องลำบากแน่เพราะคงยกของไปคนเดียวหมด ต้องอาศัยไอ้เชี่ยนี่ด้วยไม่งั้นพัง

     

    ล้วงเอากุญแจประตูระเบียงมาไขแค่ครู่เดียวก็เปิดออก เด็กหนุ่มค่อย ๆ เลื่อนบานประตูกระจกอย่างเบามือก่อนจะกวาดสายตามองไปในห้องโทนสีอุ่นแบบที่เขาชอบซึ่งพ่อเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด ปลายนิ้วชี้ถูจมูกเบา ๆ ขณะเดินเข้าไปในห้องที่อยู่มาตั้งแต่จำความได้ สิ่งที่ต้องหยิบติดไปด้วยก็คือเก้าอี้ หมอน โน้ตบุ๊ค แล้วก็หมวกสักสามสี่ใบ

     

    ห้องสวยจังเลยอ่ะ

     

    หุบปาก

     

    โอเค... แบคฮยอนเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากแล้วกลอกตามองไปรอบ ๆ ตามผนังมีทั้งโปสเตอร์การ์ตูนยอดฮิต โมเดล ฟิกเกอร์การ์ตูนเต็มไปหมดชานยอลชอบของเล่นเหรอ

     

    ตอนเป็นเด็กชอบเลยสะสม

     

    หมดไปหลายตังค์เลยสิเนี่ย

     

    เงียบสักทีเถอะน่า

     

    ขอโทษ... ร่างเล็กเม้มปากแน่นแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงพลางชี้นิ้วเป็นเชิงขออนุญาตนั่งซึ่งชานยอลก็ได้แต่พยักหน้าส่ง ๆ เป็นเชิงบอกว่าจะทำอะไรก็ตามใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ไม่อยากเจอคนในบ้าน แต่มันก็คงไม่ดีแน่ถ้าเกิดมีใครเข้ามาเห็นว่าเขาสองคนแอบปีนเข้ามา ถึงชานยอลจะเป็นเจ้าของบ้านก็ตาม

     

    ไวเท่าความคิด เสียงฝีเท้าที่เดินมาทางนี้ทำให้เด็กตัวสูงค้างอยู่ท่านั้น พอเรียกสติกลับมาได้ก็รีบยัดหมวกกับโน้ตบุ๊คใส่กระเป๋าเป้แล้วปรี่มาลากแขนแบคฮยอนให้ไปหลบอยู่ตรงมุมอับข้างตู้เสื้อผ้าสีเข้ม

     

     

    แกร่ก

     

     

    เสียงประตูเปิดออกพร้อมแสงไฟจากด้านนอก ไม่มีแม้กระทั่งเสียงทักทาย ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้บุคคลปริศนาที่อยู่หน้าห้องเป็นใครเพราะเห็นเพียงแค่เงาดำเท่านั้น แบคฮยอนยืนนิ่งเพราะกลัวถูกจับได้ และชานยอลก็คงเช่นกัน เพราะตอนนี้ผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ได้ผลักไสให้เขาออกไปห่าง ๆ หรือคว้าเอาตลับเมตรออกมาสาวให้ยาวสองเมตรแล้วบ่นอุบอิบเพราะรำคาญเหมือนอย่างเคย

     

    ชานยอลแค่ยืนนิ่ง เราสองคนสบตากันในความมืดตรงมุมอับในเวลาพลบค่ำแบบนี้ แสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาทำให้มองเห็นเสี้ยวหน้าผู้ชายตัวสูงได้นิดหน่อย มันทำให้แบคฮยอนรู้ว่าคนตรงหน้ากลัวถูกจับได้มากแค่ไหนสังเกตได้จากเหงื่อกาฬที่ซึมออกมาตามขมับ

     

    บางทีถ้าชานยอลขยับตัวสักนิดแล้วบ่นให้เขาถอยออกไปห่าง ๆ มันก็คงดีกว่าการปล่อยให้เราสองคนยืนอยู่ในท่ากึ่งกอดกันแบบนี้ แบคฮยอนกำลังรู้สึกแปลก ๆ อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอดว่าเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้โมโหและไม่เคยกลัวอะไร แต่พอเห็นในมุมแบบนี้แล้วก็ใจหายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

     

    ชานยอล?

     

    เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากบุคคลปริศนา จากโทนเสียงเจ้าตัวน่าจะเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ไม่แน่ใจว่าคนนั้นเป็นพี่ชายหรือน้องชายของชานยอลหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเสียงพ่อ

     

    “Is that you?” (นั่นนายหรือเปล่า?)

     

    ชานยอลยังคงมองเงาดำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ไหนแต่ไรบยอนแบคฮยอนก็เดาความคิดคนไม่เก่งอยู่แล้ว เพราะงั้นการเรียบเรียงเหตุการณ์ในตอนนี้มันเลยเป็นเรื่องยากสำหรับคนบ้านนอกอย่างเขา

     

    “Luhan, What's wrong?” (มีอะไรเหรอลู่หาน?)

     

    “I just walked pass his room and it's like some people are chatting inside.” (เมื่อกี้ผมเดินผ่านห้องน้อง แล้วเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันน่ะ)

     

    “You miss him way too much. I told you to get enough rest. No need to be hurry with learning Korean.” (คิดถึงน้องจนหูฝาดเลยหรือไง พ่อบอกแล้วว่าให้พักผ่อนมาก ๆ เรื่องเรียนภาษาเกาหลีน่ะค่อยเป็นค่อยไปก็ได้)

     

    “But I want to be able to speak fast so I can understand what Chanyeol says.” (ผมอยากพูดได้ไว ๆ จะได้คุยกับชานยอลรู้เรื่อง)

     

    “You think he wanna talk to you?” (ไอ้เด็กนั่นจะอยากคุยด้วยหรือเปล่าน่ะสิ)

     

    “Maybe not for now but I'm sure we'll get along someday.” (ตอนนี้อาจจะยัง แต่ผมเชื่อว่าสักวันเราต้องเข้ากันได้)

     

    “That haughty boy cares about no one but himself. Go have your meal. I have to go for work too.” (เด็กอวดดีแบบนั้นคงมองไม่เห็นใครนอกจากตัวเองหรอก ลงไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวพ่อต้องออกไปดูงานแล้ว)

     

    ไม่มีบทสนทนาใด ๆ อีกหลังจากเสียงประตูปิดลง แบคฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่าขมวดคิ้วก็ตอนที่รู้สึกปวดหัวจี๊ด ๆ ขึ้นมา จริงอยู่ที่คนตัวเล็กเป็นเด็กเรียนดี แต่วิชาที่รู้สึกว่ายากที่สุดก็คงไม่พ้นภาษาอังกฤษ และแน่นอนว่าบทสนทนาเมื่อครู่นี้เขาพอจะฟังออกบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ทั้งหมด ถ้าจะให้ถามชานยอลว่าสองคนนั้นคุยอะไรกันก็คงไม่ดี

     

    ชานยอลนิ่งนานเกินไปแล้ว ถ้าผู้ชายคนนี้ผลักเขาให้ถอยออกห่าง ๆ มันอาจจะทำให้ความอึดอัดที่โรยตัวอยู่โดยรอบจางหายไปบ้างก็ได้ แต่คนตัวสูงกลับเอาแต่เงียบจนน่าเป็นห่วง

     

    แบคฮยอนเห็นว่าตอนนี้มือใหญ่ที่เคยตีเขากำลังกำหมัดแน่น ถึงจะเพิ่งรู้จักกันแค่สองวันแต่ก็พอจะดูออกว่าเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้มันมีผลกระทบต่อคนตัวสูงมากพอสมควร ผู้ชายคนนั้นคงเป็นพี่ชายชานยอลสินะ แต่ทำไมถึงคุยภาษาอังกฤษกันล่ะ เป็นคนต่างชาติหรือว่าโตที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กเลยทำให้พูดภาษาเกาหลีไม่ได้?

     

    ควรพูดอะไรโง่ ๆ ออกไปให้ชานยอลด่าดีไหมนะ มันต้องดีกว่ายืนเงียบทั้งสองฝ่ายโดยไม่มีใครพูดแบบนี้แน่ ๆ แต่ก่อนอื่นควรถอยออกมาก่อนเพราะชานยอลบอกไว้ว่าห้ามอยู่ใกล้เกินสองเมตร แบคฮยอนจำได้

     

    เขาไปแล้ว... ร่างเล็กพูดเบา ๆ พอให้ได้ยินกันสองคนพร้อมชี้ไปยังประตู พอเอี้ยวตัวหันหลังจะไปเก็บกระเป๋าที่ตกอยู่ข้างเตียงก็ต้องเซถอยหลังไปปะทะอกแกร่งเพราะถูกชานยอลรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านประตูหน้าห้องอีกแล้ว

     

    ...

     

    ...

     

    ก็รู้ว่าตอนนี้คือหน้าร้อน แต่ไม่คิดว่ามันจะร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก ๆ แบบนี้ แบคฮยอนรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังระเบิดออกมาอยู่รอมร่อโดยเฉพาะหน้าอกข้างซ้ายที่มันเต้นตุบ ๆ เหมือนมีคนเอาระเบิดเวลามายัดใส่

     

    นัยน์ตาหลุบลงมองแขนแกร่งที่คาดอยู่ตรงปลายคางของเขา ชานยอลตัวใหญ่หรือแบคฮยอนตัวเตี้ยกันแน่นะ ถ้าอยู่ในสภาพปกติก็คงไม่มีเวลามาคิดอะไรแบบนี้หรอก แต่ท่าทางที่เป็นอยู่ในตอนนี้นั่นแหละที่ทำให้คิด

     

    มันจะดีนะถ้าเกิดชานยอลแกล้งเล่นงัดคอท่ามวยปล้ำแทนที่จะปล่อยให้อยู่ท่านี้นานเกินความจำเป็น เพราะแบคฮยอนก็ไม่ชินกับการที่ต้องอยู่ในอ้อมกอดใครแบบนี้ มันก็จริงที่เขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เพื่อนที่มกโพก็ไม่เคยมากอดเต็มตัวสักหน่อย อย่างมากก็แค่กอดคอเดินไปด้วยกัน

     

    ชาน...

     

    เงียบ

     

    เราร้อนอ่ะ...

     

    กูหนาวตายเลยมั้งเนี่ย

     

    หายใจลำบากด้วย ชานยอลเป็นเหมือนกันไหม...

     

    อืม เด็กตัวสูงก้มลงมองหัวทุยที่แค่มองก็หมั่นไส้ ทำไมมึงเตี้ยจังวะมนุษย์ฮอบบิท

     

    เสียงกระซิบที่อยู่ข้างหูทำให้อยากหันไปแย้งบ้างว่าทำไมชานยอลถึงเอาแต่พูดทั้งที่บอกให้เขาเงียบ ร่างเล็กส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเอี้ยวหน้าหันไปสบตากับอีกฝ่ายท่ามกลางความมืด

     

    ชานยอลรู้สึกไม่ดีเหรอ

     

    ใช่

     

    หมายถึงเรื่องคนที่บ้านนะ ไม่ใช่เรื่องเรา เพราะอย่างหลังนี่รู้อยู่แล้วว่าทำยังไงชานยอลก็หงุดหงิดอยู่ดี

     

    ชานยอลละมือออกมาก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋าเป้แล้วโยนให้ซึ่งแบคฮยอนก็รับได้พอดี ของที่เก็บกลับไปได้วันนี้ก็เอาแค่ที่จำเป็นก่อนแล้วกัน เก้าอี้บ้าบออะไรลืมไปซะ ที่สำคัญตอนนี้คือหมอนกับโน้ตบุ๊ค

     

    เด็กหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กที่ยืนกอดกระเป๋าไว้แนบอก ดูกี่ที ๆ ไอ้นี่ก็เป็นแค่เด็กเนิร์ดที่กวนตีนเก่งที่หนึ่งเท่านั้น ไอ้หน้าหงิม ๆ แบบนี้แหละตัวดี เมื่อกี้ตอนกอดกันก็เผลอใจเต้นไปวูบหนึ่ง แต่อาการนั้นหายไปแล้ว อาจเป็นเพราะไอ้บ้านนอกตัวเล็กมากเลยทำให้รู้สึกไขว้เขวไปอยู่หลายนาที  แต่เชื่อเถอะว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก

     

    ชานยอลดึงสายวัดตลับเมตรออกมาเพียงเล็กน้อยแล้วเคาะลงบนหัวร่างเล็กเบา ๆ แบคฮยอนหลับตาแน่นเพราะกลัวว่าต้องเจ็บ แต่พอผ่านไปประมาณสามวินาทีก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองคนตัวสูงที่ก้มหน้าลงมาเล็กน้อยทั้งที่สายวัดยังแปะแหมะอยู่บนหัวเขา


     

    ฉลาดเหมือนหมา เดี๋ยวมีตังค์แล้วจะซื้อปลอกคอให้ใส่

     

     

     

     

    TBC

     
     

    นี่แค่สองวันนะพวกมึงสองคน 5555555555555555555555555555

     

     

    ขอบคุณ @pinkkieeee ที่ช่วยแปลทรานส์ eng ให้นะจ้ะ






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×