คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 :: Your Boyfriend (100%)
Chapter 13
Your Boyfriend
โอเซฮุนคงเป็นบ้าไปแล้วที่เอาแต่นอนยิ้มมองเพดาน แต่ไหนแต่ไรที่ตรงนั้นมันเป็นเพียงแค่ที่ยึดสายตาตอนสมองคิดอะไรไม่ออก หรือแม้แต่การปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนมีเพียงแค่เกมกับเสียงเพลงเป็นเพื่อน แต่วันนี้เพดานสีขาวกลับสวยงามขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เพียงเพราะเรื่องราวดี ๆ ในวันนี้ที่เขาไม่สามารถบอกใครได้
‘อย่าเพิ่งตอบตอนนี้นะ ฉันให้เวลานายเอาเรื่องนี้ไปคิดหนึ่งคืน’
จงอินไม่ได้ดูประหม่าเหมือนสาว ๆ ที่เข้ามาสารภาพรักกับเขา ถึงแม้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าผู้ชายคนนั้นจะสื่อออกมาถึงความขลาดอายอยู่บ้าง แต่เซฮุนคิดว่าจงอินคงจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประโยคเมื่อครู่มันจะทำให้หัวใจเต้นแรง ซึ่งเขาไม่แน่ใจเลยว่าถ้าจงอินคาดหวังคำตอบในตอนนี้ อะไรจะทำให้โอเซฮุนคนนี้เป็นบ้าได้มากกว่ากัน
‘ตอบตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ?’
ผู้ชายคนนั้นกำมือแล้วป้องปากหัวเราะ มันทำให้เขานึกย้อนถามตัวเองว่าพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ ทำไมจงอินถึงหัวเราะอย่างนั้นตอนที่เขากำลังจริงจัง
‘ให้เวลาเตรียมตัวคืนนึง’ จงอินเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งทั้งที่ยังสบตากันอยู่ ‘ทั้งฉัน แล้วก็ตัวนายด้วย’
สองมือวางอยู่บนกล่องดนตรีรูปหมีนั่งอยู่บนเปียโนหลังสีขาว ก่อนจะค่อย ๆ ไขลานเพื่อฟังเสียง แม้ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ในความคิด แต่เขากลับรู้สึกว่าจงอินกำลังกระซิบอยู่ข้างหู
เซฮุนไม่เคยมีแฟน เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่เคยรู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไงหลังจากถูกสารภาพรักพ่วงด้วยการขอเป็นแฟนทางอ้อม ถ้าจะบอกตัวเองว่าอย่าคิดไปเองก็คงไม่ใช่แล้ว สำหรับคนที่ชอบทำอะไรคลุมเครือ แต่กลับพูดมันออกมาอย่างชัดเจนได้ขนาดนั้น
มันเป็นสิ่งหนึ่งที่โอเซฮุนไม่คาดคิด ว่าคิมจงอินก็ชอบเขาเหมือนกัน
สี่ชั่วโมงแล้วหลังจากจงอินมาส่งถึงบ้าน แต่ความรู้สึกใจเต้นแรงมันยังคงอยู่ไม่ไปไหน ตอนนี้จงอินจะรู้สึกเหมือนกันบ้างหรือเปล่านะ ถ้าใช่... ผู้ชายคนนั้นจัดการความรู้สึกตัวเองด้วยวิธีไหน อ่านหนังสือหรือว่านั่งเล่นเปียโน แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ได้นอนมองเพดานเหมือนที่เขากำลังทำอยู่
RRRrrrrr!!!!
เด็กหนุ่มหลุดออกจากความคิดแล้วหันไปมองสมาร์ทโฟนข้างตัว ริมฝีปากยกยิ้มกว้างกว่าเดิมทันทีที่เห็นว่าเจ้าของเฟซไทม์บนหน้าจอคือคนที่วิ่งอยู่ในความคิดเขามาตลอดหลายชั่วโมง
มันเป็นเรื่องปกติเหมือนทุกวันที่จะโทรคุยกัน แต่เซฮุนกลับรู้สึกว่ามันพิเศษไปจากเดิม หลายวิเลยทีเดียวที่เขาปล่อยให้คนปลายสายรอ เพราะมัวแต่นั่งรวบรวมสติเพื่อไม่ให้เผลอยิ้มโง่ใส่ตอนเปิดกล้อง
( ไม่ว่างเหรอ )
ทันทีที่หน้าจอขึ้นภาพหลังจากกดรับ คนที่อยู่ในนั้นก็ยิงคำถามแรกมาจนทำให้รู้สึกผิด เซฮุนส่ายหน้าเป็นคำตอบ เขาว่างสำหรับจงอินเสมอนั่นแหละต่อให้หลับอยู่ก็ตื่นมาคุยได้ ผู้ชายคนนั้นทำหน้านิ่งขณะสบตากันผ่านจอมือถือก่อนจะหลุดยิ้มออกมา ทำเอาคนที่พยายามรวบรวมสติถึงกับไปไม่ถูก
( อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ )
“แบบนั้น... แบบไหน?” เซฮุนมองหน้าตัวเองตรงช่องสี่เหลี่ยมเล็ก เอาจริงไหม เขาไม่รู้หรอกว่าคนปกติทำหน้ายังไงกันหลังจากถูกขอเป็นแฟน แถมยังไม่ได้ตอบตกลงอีก
( ทำอะไรอยู่ )
“นอนเฉย ๆ แล้วนายล่ะทำอะไรอยู่”
บทสนทนาเรียบง่ายและเป็นทางการจนรู้สึกได้ว่าทั้งเขาและจงอินต่างก็เกร็งกับการคุยกันในครั้งนี้ เซฮุนมองอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวเดิม จงอินยังคงจับปากกาด้วยมือขวา และเขียนอะไรบางอย่างลงไปในนั้นเหมือนทุกครั้ง
( บอกดีไหมนะ? )
เซฮุนขมวดคิ้วคาดโทษอีกคน จงอินชอบเป็นแบบนี้เวลาเขาอยากรู้อะไรสักอย่าง ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะพลิกสมุดขึ้นมา แล้วโชว์ให้ดูว่าบนหน้ากระดาษสีขาวนั้นมีรูปวาดของเขาอยู่ ซึ่งถ้าให้เปรียบลายเส้นก็คงฝีมือน้อง ๆ เด็กอนุบาล
หลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้กับมุมน่ารักของผู้ชายเข้าใจยาก หัวใจพองโตกับความรู้สึกที่เป็นอยู่ เคยได้ยินมาหลายครั้งว่าตอนมีความรักทุกอย่างมักจะราบรื่นไปได้ด้วยดี ซึ่งโอเซฮุนเชื่อแล้วว่ามันคงเป็นอย่างนั้น
จงอินอมยิ้มกับเสียงหัวเราะของคนในจอ ตาทั้งสองข้างที่ยิ้มตามริมฝีปากจนเป็นสระอิ เขารู้สึกดีทุกครั้งตอนที่เห็นใบหน้าเรียบเฉยของอีกคนถูกเติมเต็มด้วยรอยยิ้ม มันบ่งบอกว่าช่องว่างระหว่างเขากับเซฮุนนั้นค่อย ๆ แคบลงไปทุกที ซึ่งคิมจงอินหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาทั้งคู่จะคุยกันได้ทุกเรื่องด้วยความเข้าใจ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง
“แล้วหน้าอื่นล่ะ ฉันเห็นนายทำแบบนี้ทุกวันแต่ไม่กล้าถาม” เขาเห็นว่าจงอินนิ่งไป ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะเล่นกับปากกาแท่งนั้นโดยที่ยังไม่ตอบคำถาม “ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ แค่ถามเฉย ๆ”
( พูดอะไรอย่างนั้น )
คนในเฟซไทม์วางปากกาลงแล้วยิ้มให้ ไม่รู้สิ... ถึงจงอินจะไม่พูดแต่เขาก็พอจะดูออกว่าอีกฝ่ายรักความเป็นส่วนตัวและคงไม่ชอบคนเซ้าซี้ พอเป็นแบบนี้แล้วก็แอบกังวลใจ ว่าถ้าเกิดคบกันแล้วมันจะเป็นยังไง ความอึดอัดจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงกันแน่
“ฉันกลัวนายรำคาญ ถ้าฉันล้ำเส้นเกินไปก็บอกนะ” คำตอบของคนขี้กลัวเรียกรอยยิ้มจากอีกคนได้เป็นอย่างดี
( ถ้าตอนนี้ฉันอยู่ใกล้ ๆ )
เด็กหนุ่มตัวผอมชะงักไป เมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะปลายนิ้วหัวแม่มือลงบนหน้าจอ
( จะบีบจมูกนายให้หายคิดมาก )
“...”
วิญญาณออกจากร่างแล้วแน่ ๆ ความรู้สึกแบบนี้คงมีแต่คนที่เพิ่งเคยมีความรักเท่านั้นที่เข้าใจ กับการแสดงออกของอีกฝ่ายที่ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจไปเสียทุกอย่าง เซฮุนรู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบจมูกจริง ๆ เขาเป็นบ้าไปแล้วที่เอาแต่เขินจนใบหน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู
“ฉันกลัวนายไม่ชอบ ถ้าเกิดวุ่นวายเกินไปก็บอกกันตรง ๆ นะ ฉันกลัวว่าถ้านายคิดแบบนั้นแล้วจะไม่พูด แต่เลือกที่จะเก็บไว้ในใจ”
( แล้วถ้ามองกลับกัน แต่กลายเป็นฉันที่ทำให้นายลำบากใจล่ะ? )
“ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นเลยนะ สักครั้งก็ไม่เคย” เซฮุนรีบปฏิเสธทันทีทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากหน้าจอ จงอินคิดอะไรอยู่ สำหรับผู้ชายคนนี้แล้วเขาไม่เคยลำบากใจเลยสักนิด
( ฉันก็ไม่เคยเหมือนกัน )
“...”
( ถ้ามัวแต่คิดมากกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น วันนี้ก็จะสูญเสียความสุขที่ควรจะได้รับไป ฉันพูดถูกไหม? )
เซฮุนพยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เป็นคนชอบเก็บทุกเรื่องในโลกมาคิดมาก แต่ยอมรับเถอะว่าคำพูดของจงอินมันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคนขี้กลัวอย่างเขาได้มากเลยทีเดียว
( แต่ถ้าวันหนึ่งมันเกิดขึ้นจริง เราก็หันหน้าคุยกันตรง ๆ ได้ ไม่มีใครทำถูกใจคนอื่นได้ทุกเรื่องหรอก ถ้ามันแย่ก็แค่ค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหากัน มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะรับกันไม่ได้หรอกนะ )
“เข้าใจแล้ว”
( ยังไม่ตกลงเป็นแฟนกันก็คิดมากขนาดนี้ ต่อไปจะขนาดไหน )
“ต่อไปคืออะไรล่ะ นายคิดว่าฉันจะตอบตกลงเหรอ” ตอนนี้เซฮุนไม่อยากแพ้จริง ๆ นะ ดูคำพูดคำจากับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของผู้ชายคนนั้นสิ
( จะปฏิเสธกันว่างั้น? )
“...” เซฮุนไหวไหล่ แล้วแกล้งหันหน้าไปทางอื่น พอหันมาอีกทีก็เห็นจงอินเท้าคางพร้อมเลิกคิ้วมองระหว่างรอคำตอบ
( ถ้าปฏิเสธ ฉันจะปีนเข้าไปในห้องนาย แล้วก็บังคับให้เป็นแฟนกัน )
จงอินมีมุมนี้ด้วยเหรอเขาเพิ่งรู้วันนี้ เซฮุนยิ้มขำกับคำพูดของคนในจอมือถือ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็คงเขินกับแสดงออกในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองเช่นกัน
“จะพยายามไม่คิดมากแล้ว”
( คิดได้ แต่ให้คิดในแง่ดีนะ )
เซฮุนได้แต่พยักหน้าเหมือนเด็กว่าง่าย จงอินค่อนข้างมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขาอยู่พอสมควร ไม่สิ... มีมากเลยล่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะพูดอะไร เขาก็พร้อมที่จะเชื่อฟังเสมอ
( เพราะว่าฉันชอบนายมาก นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากให้นายท่องมันให้ขึ้นใจ )
สิ่งที่โอเซฮุนทำในตอนนี้คือยกมือขึ้นอังหน้าผาก กับประโยคที่อีกฝ่ายยิงมาโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งรู้สึกว่ามันร้อนเข้าไปอีก ร้อนพอ ๆ กับแก้มทั้งสองข้างที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามอัตราการเต้นของหัวใจ
ควรพูดอะไรดี ตอนนี้เหมือนว่าสมองมันตายไปแล้วเลยไม่สามารถประมวลผลออกมาเป็นคำพูดได้ กับความชัดเจนที่อีกฝ่ายมอบให้ เขารู้สึกดีจริง ๆ
“ฉันก็...ชอบนาย...”
จงอินจะได้ยินไหม เสียงมันเบาเกินไปหรือเปล่า และถ้าเป็นอย่างนั้นเขาควรจะพูดย้ำอีกครั้งหรือว่าควรเงียบไปเลยดี เกือบห้าวินาทีที่ทั้งคู่ปล่อยให้ความว่างเปล่ากลืนกิน ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะอมยิ้มแล้วถูปลายจมูกเบา ๆ อย่างขลาดอาย ตอนนั้นเซฮุนถึงได้รู้ว่าความรู้สึกทั้งหมดที่มี... มันส่งไปถึงอีกคนแล้ว
( อยากดูภาพวาดไหม? )
“อ...อ้อ...อยากสิ”
ความรู้สึกของทั้งสองคนเหมือนกราฟที่กำลังพุ่งขึ้นสูง และการที่จงอินพยายามเปลี่ยนไปเรื่องอื่นมันก็เป็นการช่วยชีวิตโอเซฮุนเอาไว้เหมือนกัน เพราะตอนนี้เขากำลังจะสำลักความสุขออกมาอยู่แล้ว ทุกอย่างมันถูกเติมเต็มจนไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ตรงไหนได้อีก
คนในเฟซไทม์ไม่อิดออด จงอินขยับสมุดเล่มนั้นเข้ามาใกล้ก่อนที่เขาจะกดแคปหน้าจอ โอเซฮุนนิสัยเสียอย่างหนึ่ง ตรงที่ชอบกดแคปหน้าจอเวลาคุยเฟซไทม์กับจงอิน ไม่ว่าจะตอนอีกฝ่ายหันไปทำอย่างอื่นหรือตอนหันมามองจอเวลาคุยกัน เขาอยากเก็บทุกอย่างที่เป็นผู้ชายคนนี้เอาไว้ เวลาคิดถึงจะได้เอามาเปิดดู ซึ่งมันช่วยอะไรได้ไม่มากนัก หนำซ้ำยังทำให้คิดถึงยิ่งกว่าเดิมอีก
จงอินพลิกหน้ากระดาษให้ดูทีละหน้า มือของเขาก็กดแคปรูปตามไม่หยุด เซฮุนไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้ หลังจากรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้เอาแต่นั่งวาดรูปเขาระหว่างคุยกัน
( นี่ )
“อื้ม?”
( พรุ่งนี้วันเสาร์ )
ทั้งคู่สบตากันผ่านจอมือถือโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรอีก เซฮุนเคยคิดว่าจงอินเป็นผู้ชายเข้าใจยากและปัจจุบันก็ยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่ แต่มันไม่ใช่ในนาทีนี้ เมื่อเขาเริ่มเข้าใจสายตาอีกฝ่ายที่มองมา ว่าผู้ชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
“เก้าโมง... ทำมื้อเช้ารอด้วยนะ”
คนในจอมือถือยังไม่ละสายตาไปไหน จงอินเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ
มีความสุข... นั่นคือสิ่งที่โอเซฮุนรู้สึกในตอนนี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยรู้สึกว่าจงอินยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุด ส่วนเขายืนอยู่ข้างล่าง และมันเป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจ เขาเคยตะโกนหลายครั้ง บ้างครั้งมันก็เบาไป แต่บางครั้งมันก็ดังจนทำให้เจ็บคอ แต่พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาก็ได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่บนนั้นก้าวลงมาทีละขั้น เราทั้งคู่ขยับเข้าหากันทีละนิด
...จนยืนอยู่บันไดขั้นเดียวกันในที่สุด
50%
นอกจากห้องซ้อมเต้น บ้านของจงอินคงจะเป็นบ้านหลังที่สามของเขา เด็กหนุ่มตัวผอมไม่ได้มาสายหรือมาเร็วกว่าเก้าโมง เซฮุนพยายามทำตัวให้เป็นปกติแม้ว่าจะตื่นเต้นกับการได้เจอจงอินจนแทบนอนไม่หลับ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มาบ้านจงอิน แต่มันคือครั้งแรกที่ได้เจอกันหลังจากที่เขาทั้งคู่พูดถึงความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายออกไป เซฮุนหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกดกริ่ง เพียงแค่ครู่เดียวเจ้าของบ้านก็เปิดประตูออกมา คือคุณพ่อของจงอินที่อยู่ในชุดเตรียมพร้อมออกไปทำงาน
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลุง”
“อรุณสวัสดิ์ ๆ” เด็กหนุ่มโค้งหัวทำความเคารพเจ้าของบ้าน เขายืนรอให้พ่อของจงอินเดินออกมาก่อนแล้วถอยออกไปก้าวหนึ่งเพื่อให้ทาง “ทานเยอะ ๆ นะ จงอินทำมื้อเช้าไว้เยอะมากเลยล่ะ”
“ครับ” เซฮุนยิ้มพลางเกาท้ายทอยแล้วมองเจ้าของบ้านที่ขึ้นไปบนรถ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไป
เพียงแค่ครู่เดียวที่ยืนสูดอากาศเข้าปอด เขานึกขำตัวเองที่คิดว่าถ้าเข้าไปข้างในแล้วระบบร่างกายคงจะทำงานรวนอย่างผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจที่เต้นแรงขึ้น หรือแม้แต่การหายใจเข้าออกที่ยากลำบากหลังจากได้ยินคำพูดไม่คาดคิดหลุดออกมาจากปากจงอิน
สองขาก้าวเข้าไปข้างใน พอหันไปทางด้านขวาก็พบอาหารที่วางเรียงกันอย่างสวยงามอยู่บนโต๊ะ เซฮุนไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ ว่าวันนี้มันพิเศษ เขาเพียงแค่ยืนมองมันแล้วเกาแก้มแก้เขิน
เสียงทัพพีกระทบกระทะในครัวเรียกความสนใจให้หันไปมอง เด็กหนุ่มย่องเข้าไปก่อนจะเห็นว่าพ่อครัวจำเป็นกำลังง่วนอยู่กับการชิมอย่างตั้งใจ เซฮุนเกาะมือไว้กับทางเข้าครัวแล้วชะโงกหน้ามอง นานสองนานเลยทีเดียวกว่าจงอินจะหันมาเห็น
“ปัง!”
“อะไรนะ ‘ปัง’ งั้นเหรอ?” จงอินยิ้มขำพลางส่ายหน้าหน่าย ๆ กับประโยคทักทายที่มาพร้อมใบหน้ามึน ๆ ของอีกคน ไหนจะมือทั้งสองข้างที่ประกบกันเลียนแบบปืนนั่นอีก
เซฮุนหลุบตาลงมองมือตัวเอง หลังจากรู้ว่าการทักทายที่ผิดแปลกไปจากเดิมมันน่าตลกสิ้นดี ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ พ่อครัวจำเป็นแล้วหันซ้ายขวา
“มีอะไรให้ช่วยไหม”
“มี หอมแก้มทักทายหน่อยเป็นไง?”
“...”
“ปัง” มองปลายนิ้วชี้ของอีกคนที่ทำท่ายิงมาอย่างจงใจล้อเลียน ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วกดมือนั้นลง
“มาถึงก็เล่นงี้เลยเหรอ” คิมจงอินคนร้ายกาจ เขาอุตส่าห์เตรียมตัวมาตั้งแต่เช้าซะดิบดีก็คิดว่าคงโดนจงอินแอทแทคหนัก ๆ หลังกินข้าวเสร็จ หรือไม่ก็หลังจากนั้น แต่มันคงไม่ใช่ตอนเพิ่งมาถึงแบบนี้แน่ ๆ
“ล้อเล่น” คนผิวแทนยิ้มขำ “ช่วยถลกแขนเสื้อขึ้นให้หน่อย” จงอินยื่นแขนออกมา และเซฮุนก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“เห็นข้างนอกมีกับข้าวเยอะแยะเลย จะมีคนมากินด้วยเหรอ”
“ใครจะชวนคนอื่นมาในวันที่รอคำตอบจากปากคนที่ชอบกัน ติ๊งต๊อง” เซฮุนเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยิ้มขำก่อนจะหันไปทำมื้อเช้าต่อ ก็แค่ตอบว่ากินสองคนไม่ได้หรือไงนะ จงอินกะจะให้เขาเขินทุกคำพูดเลยหรือไง ห่วงสุขภาพจิตใจคนอื่นบ้างสิ
เมนูสุดท้ายถูกจัดแจงบนโต๊ะอาหาร เซฮุนเพิ่งรู้ว่าอาหารทุกอย่างที่จงอินทำมันคือของชอบของเขาเกือบทั้งหมด ตอนแรกก็คิดไปเองว่าบังเอิญ แต่พอหลอกถามไปสักพักถึงได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้จำได้ตอนคุยเฟซไทม์กันเรื่องหัวข้อ ‘ถ้าพูดถึงของอร่อย’ แต่มีบางอย่างที่เซฮุนไม่เคยกิน และก็ได้คำตอบว่ามันเป็นเมนูที่จงอินอยากให้เขาลองดูสักครั้ง แถมยังย้ำอีกว่าถ้าไม่ชอบเดี๋ยวจะกินเอง
วันนี้จงอินไม่ได้นั่งฝั่งตรงข้ามเหมือนอย่างเคย เซฮุนรู้สึกเจริญอาหารเป็นพิเศษเพราะมีคนนั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่ไม่ได้หันไปสวีทกันทางสายตาหรือคำพูด พวกเขาเพียงแค่ตักอาหารให้อีกฝ่ายอย่างขลาดอายเหมือนเด็กวัยรุ่นเพิ่งมีความรัก และอยากแสดงออกถึงความใส่ใจให้อีกฝ่ายเห็น
มื้อเช้าผ่านไปอย่างเรียบง่าย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งคู่จะจัดการอาหารบนโต๊ะจนหมด จงอินบอกว่าอาจเป็นเพราะมันคืออาหารที่ชอบเลยกินได้เรื่อย ๆ ซึ่งเซฮุนก็คิดว่ามันอาจเป็นอย่างนั้น
เจ้าของบ้านรับหน้าที่เช็ดโต๊ะทำความสะอาด ส่วนเขาตอบแทนมื้อเช้าด้วยการยกจานชามไปล้าง เซฮุนสวมถุงมือยางแล้วเริ่มลงมือ การทำงานบ้านไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัด ถ้าพ่อแม่รู้เรื่องนี้ท่านต้องหัวเราะแล้วเก็บไปล้อแน่ ๆ
พอคิดว่ากำลังล้างจานอยู่ที่บ้านจงอินแล้วก็อดเขินไม่ได้ นอกจากจะเป็นคนไม่มีเพื่อนคบแล้วโอเซฮุนยังเป็นเด็กขี้เพ้อฝันอีกด้วย เด็กหนุ่มยิ้มออกมาเพียงเพราะจินตนาการไปถึงอนาคตว่าสักวันหนึ่งเขาทั้งคู่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน มันอาจจะแปลก ๆ ไม่เหมือนคู่รักชายหญิงเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ก็สามารถมีความสุขได้ในแบบของเขา
มันเป็นไปได้ยาก ด้วยเหตุผลอะไรหลายอย่าง เซฮุนเคยอ่านเรื่องเล่าในเวปบอร์ดทั่วไปในวันที่เบื่อสุดขีดชนิดที่ว่าเกมกับเสียงเพลงก็ช่วยไม่ได้ ในนั้นมีหัวข้อเกี่ยวกับปัญหาความรักสารพัดให้เลือกกดเข้าไปอ่าน
ซึ่งเด็กหนุ่มก็สุ่มเลือกเข้าไป แล้วก็ได้อ่านเรื่องราวความรักของผู้ชายวัยทำงานที่ใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอีกคน เซฮุนรู้สึกเหมือนถูกเปิดโลก กับความรักในอีกมุมหนึ่งที่มันต่างจากในบทละครทั่วไป เป็นความรักที่เปิดเผยในที่สาธารณะไม่ได้ เป็นความรักที่ไม่ยั่งยืน เมื่อสักวันหนึ่งผู้ชายอีกคนกลับไปชอบผู้หญิง
อ่านแล้วก็รู้สึกสลด แต่คนที่รู้สึกมากกว่านี้พันเท่าคงเป็นคนเล่าเรื่อง ทุกตัวอักษรที่เล่าถึงความเพ้อฝันตอนเริ่มรัก มันทำให้เซฮุนนึกย้อนถึงตัวเองในวันนี้จนแอบหวั่นใจ ว่าถ้าเกิดวันหนึ่งความหวานมันหมดลง หรือถูกความไม่เข้าใจเข้ามาสั่นคลอนความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่แล้วจะเป็นยังไง
แต่การเพ้อฝันถึงการได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ชอบในอนาคต มันก็คือความสุขอย่างหนึ่งที่เรียกรอยยิ้มได้เสมอ
เซฮุนสะดุ้งทันทีที่รู้ตัวว่าถูกสวมกอดจากข้างหลัง วงแขนแกร่งที่สอดเข้ามาอย่างนุ่มนวลนั้นไม่ได้ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในอาการเพ้อฝันเตรียมใจได้ทัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ประจำตัวของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเรียกความร้อนจากใบหน้าได้ ก่อนจะหันไปเห็นว่าใครอีกคนกำลังเกยคางลงบนไหล่เขา
“...”
แกล้งตายเลยดีไหม จงอินในมุมนี้น่ากลัวกว่าคนที่เอาแต่เงียบแล้วใช้สายตาฆ่าเขาเสียอีก เซฮุนเพียงแค่ยืนนิ่งแล้วมองฟองน้ำยาล้างจานซึ่งท่วมถุงมือยางในอ่าง ใบหน้าขาวค่อย ๆ หันไป ก่อนจะเห็นปลายจมูกโด่งที่เพิ่งเฉียดแก้มเขาอย่างแผ่วเบา
“ไม่อยากพูดแบบนี้เลยนะ แต่ฉันกำลังเขินมากจนไม่รู้จะล้างจานยังไงแล้ว” จงอินยิ้มขำกับคำพูดคำจาที่มาพร้อมใบหน้าเรียบเฉยแต่ขึ้นสีจัด เด็กหนุ่มผิวแทนแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เขาเพียงแค่กระชับกอดให้แน่นขึ้นแล้วถอนหายใจออกมาราวกับว่าโล่งอก
“เซฮุน”
“อือ” เจ้าของชื่อตอบปัด ๆ แล้วหันไปล้างจานต่อ ถ้าขืนสบตากันนานกว่านี้คงได้มีคนตายแน่ ซึ่งนั่นคงไม่พ้นเขาคนนี้
“เซฮุน”
“อือ”
“เซฮุน”
“...ฟังอยู่นี่ไง” สุดท้ายก็ต้องหันไปมองเจ้าของใบหน้ากวนประสาทจนได้ จงอินกำลังแกล้งเขาชัด ๆ สังเกตได้จากรอยยิ้มบนใบหน้ากับสายตาที่มองมาราวกับตั้งใจให้เขินน่ะ
“ชอบไหม”
“ชอบสิ ก็บอกแล้วว่านายทำกับข้าวอร่อย” เซฮุนมองอีกคนที่ยังเกยคางบนไหล่เขา
“เปล่า ที่จริงฉันหมายถึงคนทำน่ะ” พูดจบก็หลุดขำออกมาเบา ๆ เจ้าของประโยคหวานเลี่ยนคลายวงแขนออกแล้วถูปลายจมูกอย่างขลาดอาย จะบอกว่าจำมาจากเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ช่ำชองเรื่องเสี่ยว ๆ ก็คงใช่ คราวนี้เป็นทีของโอเซฮุนบ้างแล้วที่จะมองผู้ชายเข้าใจยากเขินกับมุกตัวเอง
“ตลอดเวลาที่ผ่านมานายแกล้งทำเป็นคนไม่ค่อยพูดใช่ไหม ส่วนนี่คือตัวตนที่แท้จริง” จงอินมองปลายนิ้วถุงมือยางที่ชี้มาราวกับจะจับผิด ซึ่งเขาเพียงแค่อมยิ้มรับกับข้อพิพากษาของคนตรงหน้า
“ไม่มีใครแสดงออกมุมเดียวไปได้ตลอดหรอก การแสดงออกของฉันมันขึ้นอยู่กับว่าคนตรงหน้าเป็นใคร”
“...”
อยู่ ๆ ก็นึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้น ที่เขาถูกพวกหมาหมู่รุมทำร้ายแล้วจงอินผ่านมาเห็น สายตาของผู้ชายคนนี้ตอนมองมานั้นว่างเปล่าแค่ไหนโอเซฮุนยังจำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งน้ำเสียงเรียบเฉย ประโยคห้วน ๆ ที่เหมือนตอบแบบขอไปทีนั่นน่ะ
ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว...
เซฮุนเพียงแค่ยิ้มเจื่อนแล้วไหวไหล่แบบขอไปที มันก็ถูกอย่างที่จงอินพูดนั่นแหละ ว่าการแสดงออกของแต่ละคนมันขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เหมือนตอนแรกที่เขาได้รู้จักจงอิน จื่อเทา ชานยอลในเวลาไล่เลี่ยกัน จงอินเป็นคน ๆ หนึ่งที่ทำให้เขาระวังคำพูดและเกร็งกับบทสนทนาทุกครั้งมากแค่ไหน
ส่วนจื่อเทาเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน อาจเป็นเพราะหมอนั่นเป็นคนง่าย ๆ และไลฟ์สไตล์คล้ายกัน คนสุดท้ายคือปาร์คชานยอล ผู้ชายประสาทกินที่เดี๋ยวผีเข้าผีออกเหมือนคนสติไม่ดี ที่เขาชอบสวนกลับด้วยคำพูดกวน ๆ ก็เป็นเพราหมอนั่นเป็นคนอย่างนั้น ยิ่งตอนเล่นกับบยอนแบคฮยอนก็ยิ่งแล้วใหญ่
ความเงียบปกคลุมโดยรอบระหว่างสบตากัน ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่เซฮุนให้สมองคิดว่าควรชวนอีกฝ่ายคุยกลบเกลื่อนบรรยากาศแบบนี้ แต่มันก็ไม่ทันแล้ว เมื่อจงอินขยับริมฝีปาก ราวกับว่าอยากพูดอะไร
“มันอาจดูแปลกถ้าฉันพูดว่า ‘เรามาคบกันนะ?’ ตอนมองหน้ากันแบบนี้”
แย่แล้ว... ตอนนี้เลยเหรอ?
“เพราะฉะนั้น...” จงอินเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพลางถูปลายจมูกเบา ๆ สายตาที่เคยมองมาด้วยความแน่วแน่ ตอนนี้กำลังหลุบลงมองต่ำขณะเรียบเรียงคำพูดในหัว “ถ้านายไม่อยากคบกับฉันก็ให้ถอดถุงมือออก แล้วขึ้นไปรอฉันบนห้อง”
“...”
“หลังจากนั้นฉันขอเวลาสักห้านาที เดี๋ยวจะตามขึ้นไปสอนเล่นเปียโนแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ในสายตาเขาแล้วจงอินดูเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แต่ครั้งนี้ทำให้ได้รู้ว่ามันมีบางเรื่องที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ลังเลและไม่มั่นใจอยู่ เซฮุนเงียบไปหลายวินาที มันจริงอย่างที่จงอินพูดนั่นแหละว่าการหันหน้าเข้าหากันแล้วพูดถึงเรื่องของเป็นแฟนมันคงจะแปลก ๆ จนชวนทำให้ทำตัวไม่ถูก
สายตาหยุดอยู่กับฟองสีขาวในอ่าง พอชำเลืองมองก็เห็นสีหน้าประหม่าของคนข้าง ๆ ซึ่งมันทำให้เซฮุนรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เพราะมันทำให้รู้ว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่กำลังตื่นเต้นกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“เอาขนมขึ้นไปกินตอนเรียนเปียโนด้วยได้ไหม... เดี๋ยวล้างจานเสร็จแล้วจะตามขึ้นไป...”
เซฮุนเม้มริมฝีปาก พอหันไปหาคนข้าง ๆ ก็พบกับรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจพองโต เซฮุนเหมือนคนสติไม่ดีที่พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ว่าริมฝีปากมันดื้อดึงเอาแต่จะยกยิ้มตอนสบตากับผู้ชายคนนี้
“โอเค” จงอินหันหลังแล้วเปิดตู้เก็บของที่อยู่สูงเหนือศีรษะ จังหวะนั้นเซฮุนถึงได้มีโอกาสหลับตาแน่นแล้วถอนหายใจหนัก ๆ หลังจากรวบรวมความกล้าพูดประโยคนั้นออกไป “ไม่ใช่แฟนไม่ยอมทำแบบนี้ให้หรอกนะ”
กะเอาให้เขาตายวันนี้เลยใช่ไหม...
“อือ ทำบ่อย ๆ ล่ะ”
จานใบที่ล้างอยู่คงสะอาดกว่าใบอื่น ฟองน้ำในมือถูกกำไว้แน่นเพราะความเขินที่ถูกระบายออกมาทางนี้ ใจมันจะเต้นแรงเกินไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงบ้างหลังจากตกลงคบกันอย่างเป็นทางการ กับแฟนคนแรกที่ทำให้โลกของโอเซฮุนหมุนกลับด้านเหมือนเครื่องเล่นในสวนสนุก
.
.
ในห้องสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย เด็กหนุ่มทั้งสองคนนั่งอยู่หน้าเปียโนหลังเดิมพร้อมโน๊ตเพลงที่ฝึกค้างไว้ตั้งแต่คราวที่แล้ว จงอินอมยิ้มขณะมองหน้าคนข้าง ๆ ที่แสดงออกถึงความจริงจังระหว่างฝึกซ้อมเล่นเพลง
นิ้วเรียวยาวของเซฮุนตอนเล่นเปียโนมันน่ามองพอ ๆ กับใบหน้าขาวตอนขึ้นสีระเรื่อ หลายครั้งที่เขาส่ายหน้าแล้วช่วยแก้เสียงที่เพี้ยนไปจนเจ้าตัวหลุดขำออกมา
“วางนิ้วตรงนี้”
“มันไม่ตรงกับชีทไม่ใช่เหรอ” เซฮุนมองกระดาษสีขาวที่ตั้งอยู่ระดับใบหน้า ก่อนจะหันไปมองคนข้างตัวที่กำลังจัดแจงนิ้วเขาให้วางลงบนคีย์เปียโน
“เดี๋ยวจะพาเล่นเพลงใหม่ เอาล่ะ ตามจังหวะนะ เริ่มได้” คนเป็นลูกศิษย์ไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วแล้วกดเรียวนิ้วลงบนคีย์เดิมซ้ำ ๆ เป็นจังหวะอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังพยักหน้าตาม
ผู้ชายคนนี้ตั้งใจจะให้เขาทำอะไรกันแน่ เสียงที่ดังกลบความเงียบในตอนนี้ล้วนแต่มาจากคีย์ตัวเดิม จงอินวางเรียวนิ้วทั้งสิบลงบนคีย์เปียโนตรงหน้า และสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อเสียงคีย์ทื่อ ๆ ที่เขากดย้ำลงไปซ้ำ ๆ กำลังถูกเติมเต็มด้วยเสียงจากปลายนิ้วของอีกฝ่าย
ทั้งคู่หันมาสบตากันทั้งที่เรียวนิ้วยังคงเคลื่อนไหวไปกับเสียงดนตรี เด็กหนุ่มไม่รู้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้ามันเกิดขึ้นเพราะบทเพลงอันไพเราะ หรือเพราะรอยยิ้มของจงอินตอนนี้กันแน่
“สุดยอดเลย”
“พักก่อนแล้วกัน” เซฮุนพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมไปเอาน้ำอัดลมที่วางอยู่บนโต๊ะมาดื่ม หลังจากที่เขาทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ตรงนี้มานานเกือบครึ่งชั่วโมง
พอหันมาอีกครั้งก็เห็นว่าจงอินกำลังจ้องหน้าอยู่ บรรยากาศที่เคยผ่อนคลายเพราะเสียงดนตรีนั้นถูกความประหม่ากลืนกินอีกแล้ว เซฮุนเอื้อมมือขึ้นหวังจะเช็ดริมฝีปาก แต่ก็ถูกอีกคนคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนจะดึงทิชชู่ออกมาช่วยซับให้
“...”
“อยากให้นายเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จริง ๆ”
“มันต้องเหวอมาก ฉันรู้” เซฮุนพูดทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากใบหน้าคมของอีกฝ่าย ตั้งแต่เกิดมาเคยมีใครมาทำแบบนี้ให้บ้างล่ะ จงอินเอาแต่ยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ คลายข้อมือออก
“สักวันอาจจะชิน ว่าไหม?”
“ไม่รู้ แล้วนายชินหรือยัง”
“หมายถึงเรื่องไหนล่ะ”
“เรื่องไหนก็ได้ที่เกี่ยวกับฉัน เพราะฉันไม่เคยชินเวลาอยู่กับนาย” จงอินเป็นคนไม่ค่อยพูดหรอก เหมือนเจ้าตัวชอบคิดในใจแล้วก็ให้คำตอบออกมาเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าเสียมากกว่า
“ไม่เคยชินเหมือนกัน”
“แต่นายดูสงบกว่าฉันหลายขุม ความเงียบเอาชนะทุกอย่างเหรอ” เซฮุนถามอย่างใคร่รู้ ซึ่งจงอินก็แค่ขมวดคิ้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสบตากับอีกฝ่าย
“เพราะว่ารู้สึกมากเลยไม่กล้าแสดงออก ฉันไม่ได้ชอบที่จะเป็นผู้ชายพูดน้อยแบบนี้หรอกนะ แต่บางทีสมองส่วนความคิดมันก็ตายตอนมองหน้านาย”
“...”
“ฉันจะพยายามพูดให้มากขึ้นนายจะได้ไม่รู้สึกเกร็ง ส่วนนายก็ช่วยยิ้มแบบนี้ต่อไปนะ ฉันจะได้รู้สึกว่ามันคือรางวัลสำหรับความพยายาม”
“...ไม่ได้ฝืนใช่ไหม?” เสียงของเซฮุนเบาลง จงอินส่ายหน้าเป็นคำตอบเมื่ออีกคนเริ่มคิดมากอีกแล้ว
“ที่จริงมันก็มีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่ระหว่างคำว่าพยายามกับฝืนนะ แต่โชคดีที่สำหรับฉันแล้วมันไม่ใช่อย่างหลัง”
“แน่ใจนะ”
คิดว่าเป็นคนขี้กังวลแล้ว พอมาเจอโอเซฮุนแบบนี้คิมจงอินถึงกับต้องยอมแพ้ จะมีใครคิดมากเก่งเท่าคน ๆ นี้อีกไหม เขาเป็นผู้ชายที่ดูไม่มั่นคงขนาดนั้นเลยหรือไงกัน
“ฉันใช้เวลาคิดเรื่องนี้อยู่เป็นอาทิตย์ก่อนจะขอนายคบ นายไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ในหัวของฉันมันมีเรื่องให้กังวลมากแค่ไหน” จงอินเคาะนิ้วชี้ลงบนขมับตัวเองเบา ๆ ขณะสบตากับอีกฝ่าย
“เอาจริงไหม ฉันไม่ได้อยากคิดมากแบบนี้เลยนะ ถ้านายเป็นผู้หญิง ฉันอาจจะไม่ต้องรู้สึกแบบนี้ แต่เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่น่ะ ...นายเข้าใจใช่ไหมว่าฉันก็ไม่ได้หน้าตาน่ารัก น่าทะนุถนอมเหมือนเด็กผู้หญิง ขนาดตอนที่ถูกกอดในครัวฉันยังรู้สึกว่าตัวใหญ่เกิน... โอ๊ะ!”
คนคิดมากขมวดคิ้วพลางมองปลายจมูกตัวเองที่ถูกอีกคนบีบเอาไว้จนต้องหายใจทางปาก จงอินยังคงยิ้มและไม่ยอมปล่อยมือ เซฮุนเลยยื้อตัวถอยหลังจนกระทั่งหลุดออกจากพันธนาการนั้นได้
“ยังพูดไม่จบเลย ทำไมต้องขัดจังหวะกันด้วยเนี่ย”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ไร้สาระน่ะ”
“ตรงไหนกัน นายเป็นคนบอกเองนะว่ามีอะไรให้หันหน้าคุยกันตรง ๆ แล้วเราก็เพิ่งคบกัน ฉันพูดเรื่องซีเรียสได้แล้วไม่ใช่เหรอ” เซฮุนจะรู้ตัวไหมว่าตอนนี้กำลังทำตัวน่ารัก จงอินมองใบหน้ามึน ๆ ของคนคิดมากแล้วก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“กลัวไม่เข้าเรื่อง นายเป็นผู้ชายแล้วยังไง นายจะหล่อจนสาวกรี๊ดแตกทั้งโรงเรียนแล้วยังไงต่อ เราตัวสูงเท่ากันแล้วมันแปลกตรงไหน”
“ถ้าฉันตัวเล็กกว่านี้มันอาจจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ”
“มันไม่เกี่ยวหรอก มันเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก เลิกคิดแทนฉันแล้วมั่นใจในความเป็นโอเซฮุนได้แล้ว”
“...”
“ฉันชอบที่นายเป็นแบบนี้ แล้วฉันก็หวังว่านายจะชอบที่ฉันเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน”
เด็กหนุ่มทั้งสองบนเก้าอี้หน้าเปียโนหลังใหญ่ ทั้งคู่สบตากันราวกับว่ากำลังรอให้อีกฝ่ายพูด รอยยิ้มของจงอินเป็นตัวช่วยที่ดีหลังจากได้ยินคำตอบที่ทำให้โล่งอก ในเมื่อจงอินมอบความมั่นใจให้ โอเซฮุนก็จะพยายามไม่คิดมากไปกว่านี้
“อย่าเพิ่งรำคาญคนคิดมากอย่างฉันเลยนะ”
คำตอบนี้น่าเอ็นดูเกินกว่าจะเคืองใจ จงอินยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะเลื่อนเข้าหาอีกฝ่าย จนกระทั่งริมฝีปากแตะกันในที่สุด
เซฮุนนั่งนิ่งแล้วปล่อยให้ริฝีปากถูกไล้เล็มอย่างแผ่วเบา จูบของจงอินยังคงอ่อนโยนเหมือนกับครั้งแรกและครั้งก่อน ๆ แต่คราวนี้มันให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปก็ตรงที่ไม่มีความสับสนปะปนอยู่
เด็กหนุ่มเผยอปากแล้วปล่อยให้ลิ้นร้อนที่เพิ่งทำการขออนุญาตแทรกเข้ามา จงอินโอบใบหน้าอีกคนเอาไว้แล้วปรับองศาการจูบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นานเลยทีเดียวที่ทั้งคู่ถ่ายทอดความรู้สึกกันผ่านริมฝีปาก จนกระทั่งคนผิวแทนผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง แล้วจ้องมองดวงหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างหลงใหล
“เซฮุน”
“อืม...”
“อีกนะ?”
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ในห้องที่เคยอบอวลไปด้วยเสียงเปียโนเพิ่มบรรยากาศในตอนนี้อีกเท่าตัว เซฮุนรู้สึกร้อนไปทั้งร่างคล้ายว่าข้างในมีภูเขาไฟฝังอยู่ มันกำลังปะทุขึ้นมาทีละนิดเพราะสัมผัสจากริมฝีปากของผู้ชายคนนี้
เซฮุนพยักหน้าเป็นคำตอบ และแน่นอนว่าจงอินไม่ได้ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปอย่างเฉย ๆ ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอีกครั้ง คราวนี้มันลึกซึ้งและรุนแรงขึ้นจนรู้สึกแปลก ๆ เหมือนว่าความต้องการในตอนนี้มันไม่ใช่แค่การจูบ แต่ก็คงเลยเถิดไปมากกว่านี้ไม่ได้ในวันแรกที่เพิ่งคบกัน
มือที่เคยวางอยู่บนหน้าขาเปลี่ยนมาโอบกอดอีกคนจนไม่เหลือช่องว่างให้อากาศวนผ่าน เพราะจูบที่แนบแน่นกระตุ้นอารมณ์วัยรุ่นจนร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันแทบเป็นหนึ่งเดียว เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่มีโอกาสหอบหายใจ อยากกอด อยากจูบ หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกว่าความรู้สึกของเขาทั้งคู่ได้ถูกเติมเต็มโดยสมบูรณ์แล้ว
ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เซฮุนควรอ้าแขนรับความรักจากผู้ชายคนนี้แล้วทิ้งความกังวลทุกอย่างไปให้หมด มันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เขาคิดว่ามันคือความรักข้างเดียว หรือแม้แต่จูบที่เกิดขึ้นอย่างคลุมเครือ เขาไม่เคยได้รับคำตอบในครั้งนั้น จะไม่มีคำถามสำหรับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นอีก จะไม่มีความกังวลสำหรับความรู้สึกที่กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นฝ่ายเดียว
เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... เขากับจงอินคือคนรักกัน
TBC
จับเขาสองคนเป็นก้อน ๆ แล้วก็ทานค่ะ
[FANART] น่ารัก ๆ จากคุณ @Joly_WorldP ค่าา >_<
ความคิดเห็น