คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Scene 18 :: พี่เขาอดทน (100%)
Scene 18
พี่เขาอดทน
ที่จริงแบคฮยอนไม่ได้ต้องการของขวัญจากพี่พระเอกหรอก คนตัวเล็กแค่อยากเรียกร้องความสนใจให้ดวงตาคู่นั้นมองมาและให้ความสำคัญกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น มันก็แค่เดี๋ยวเดียวเอง แค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เด็กม.ปลายจะได้อยู่กับพระเอกหนุ่มผู้ซึ่งมีตารางงานแน่นจนแทบไม่มีเวลาว่าง
เพียงแค่นั้นที่เด็กอย่างบยอนแบคฮยอนต้องการ
ร่างเล็กตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก แม้จะเช้าตรู่แต่ก็ยังช้ากว่าใครอีกคนที่ไม่ได้นอนอยู่ข้าง ๆ แล้ว แบคฮยอนแกะโพสท์-อิทที่ติดอยู่ข้างแก้มก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อข้อความสั้น ๆ ที่เขียนไว้มันทำให้วันนี้ของเด็กอายุสิบเจ็ดสดใสตั้งแต่เช้า
‘ผมไม่ได้ทำมื้อเช้าไว้ให้ คาดว่าบีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนตื่นมาคงโมโหหิว
แต่เสาร์นี้ผมว่าง มันจะดีไหมถ้าเรากินข้าว ดูหนัง แล้วใช้เวลาในวันนั้นด้วยกันทั้งวัน?’
เด็กน้อยทิ้งตัวลงนอนพร้อมรอยยิ้มก่อนจะก่ายขาเกี่ยวเอาผ้านวมนุ่ม ๆ เข้ามากอดแก้เขิน กลิ่นของใครอีกคนยังคงติดจมูกแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยู่ที่นี่ พี่พระเอกโหดร้ายมากที่เล่นเขาแต่เช้าแบบนี้
ทุกวันนี้แม่เข้าใจว่าลูกเป็นเด็กติดพี่ชายดารา แกถึงไม่ว่าตอนที่แบคฮยอนขนเสื้อผ้าบางส่วนมาไว้ที่คอนโดพี่พระเอกและอยู่ค้างที่นี่ในวันที่อีกฝ่ายบอกว่า
‘ผมจะไม่ขอให้คุณค้างด้วย แต่ผมจะถามว่าหมอนข้างกับตัวผม... คืนนี้คุณอยากกอดอะไรมากกว่ากัน?’
แบคฮยอนไม่ต้องรีบกลับบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเหมือนช่วงแรก ๆ ที่มาค้างกับพี่พระเอก ร่างเล็กจัดการอาบน้ำแต่งตัวและตบท้ายด้วยการดื่มนมสองแก้วก่อนจะไปโรงเรียน
วันนี้ท้องฟ้าสดใส แบคฮยอนสูดอากาศเข้าปอดอย่างโล่งใจแล้วเดินขึ้นไปบนอาคารเรียน นึกตลกตัวเองคนปัจจุบันที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากโข สังเกตได้จากสายตาเพื่อนสนิทอย่างโดคยองซูตอนมองมา เมื่อเขายกมือขึ้นตอบทั้งที่เมื่อก่อนถ้าเอาหัวมุดใต้โต๊ะเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามได้คงทำไปแล้ว
สำหรับคนที่มีความชอบเรื่องเดียวกัน การพูดถึงพล็อตนิยายใหม่ ๆ เวลากินข้าวนั้นคือเรื่องสนุก หลายครั้งที่คยองซูลั่นพล็อตสติแตกบ้าบอออกมาจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่หลังจากคุยกันจบแล้วขึ้นไปบนห้องเรียน แบคฮยอนก็หยิบสมุดขึ้นมาจดพล็อตใหม่ที่เพิ่งคิดได้เอาไว้
พล็อตนิยายรักที่มันท้าทายความสามารถเด็กอย่างเขา
เรียวนิ้วเคาะลงบนคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ สายตาจับจ้องอยู่กับหน้าจอแล้วปล่อยให้เพลงรักในเพล์ลิสต์เล่นผ่านหูฟัง ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมสีเทาเข้ม เขากอดอกมองคนตัวเล็กที่ง่วนอยู่กับโน๊ตบุ๊กบนตักมาร่วมชั่วโมงก่อนจะยิ้มขำแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังโซฟา
“ขมวดคิ้วเชียว ฉากสนามรบเหรอครับ?”
แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกดึงหูฟังออกก่อนจะรีบพับจอโน๊กบุ๊กลงทันที แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อหันไปหาต้นเสียงและก็ได้เห็นว่าใบหน้าหล่อปราศจากเครื่องสำอางอยู่ห่างปลายจมูกเขาเพียงแค่คืบเดียว
“อือใช่ ฉากนั้นเลย” เด็กน้อยยิ้มเจื่อนพลางกลอกตาไปอีกทาง ชานยอลอมยิ้มนั่งลงกับพนักโซฟาแล้วลูบศีรษะทุยของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู
“ขออ่านหน่อยสิครับ”
“ไม่ได้ ฉากนี้ผมยังไม่ได้อ่านทวนเลย อายภาษา” แบคฮยอนรั้งโน๊ตบุ๊กเข้ามาในอ้อมกอด ราวกับกลัวว่าคนตัวโตจะเข้ามาแย่งไป
“ทำอย่างอื่นน่าอายกว่านี้อีก นะครับ สักหนึ่งย่อหน้า” ชานยอลยิ้มขำเมื่อเห็นอีกคนส่งสายตามองค้อนมาก่อนจะส่ายหน้าพรืดเป็นคำตอบ
“ไม่”
“ใจร้ายจัง”
“พี่ไปแต่งตัวเลย มายุ่งอะไรเนี่ย ไป ไป ไป” แบคฮยอนหรี่ตาพร้อมปัดมือไล่ พระเอกหนุ่มเลิกคิ้วมองพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะก้มลงไปฟัดแก้มอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว
ร่างเล็กมองตามแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนแล้วหลังจากทิ้งความเขินอายไว้ให้เขาจนเรียบเรียงประโยคที่จะเขียนลงในนิยายไม่ถูก เด็กน้อยอังหลังมือลงกับหน้าผาก อุณหภูมิมันขึ้นสูงปรี๊ดทุกทีที่ถูกสัมผัสอย่างนี้
พอเห็นว่าสถานการณ์ปลอดภัยเลยเปิดจอโน๊ตบุ๊กขึ้นมาอีกครั้ง ฉากที่เขียนค้างไว้เป็นฉากที่นางเอกใจเต้นแรงกับพระเอกเป็นครั้งแรก ซึ่งเขายึดเอาความรู้สึกตัวเองเป็นหลัก
คยองซูบอกว่าการเขียนอะไรสักอย่างจะออกมาได้ดีก็ต่อเมื่อเราเข้าใจและอินไปกับมัน ถ้าแบคฮยอนเข้าใจความรู้สึกตัวละคร การเขียนนิยายรักก็คงไม่ยากอย่างที่คิด เหมือนที่คยองซูมโนในฟิค x you ว่าพี่อินซองกับพี่ชานยอลต่อยกันแย่งมันจนหัวร้างข้างแตกเพราะเคะหัวโปกกะโหลกไขว้ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร หนึ่งคนทิ้งเราให้ตาย หนึ่งคนให้ลมหายใจ หนึ่งทางคือรักจริง อีกทางก็รักฝังใจ แม่งมาเป็นเล้าโลมผีเปรต
“แบคฮยอน”
“ค้าบ!”
“มานอนได้แล้วครับ”
“ค้าบ”
เสียงตะโกนเรียกจากเจ้านายเรียกให้บีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนปิดจอคอมพ์ก่อนจะตรงดิ่งไปแปรงฟันในห้องน้ำแล้วเข้าไปในห้องนอน พระเอกหนุ่มในชุดนอนสบาย ๆ นั่งพิงอยู่กับหัวเตียงพร้อมอ่านหนังสือเล่มเดิมที่ซื้อมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว
แบคฮยอนคลานขึ้นไปบนเตียงก่อนจะมุดหัวเข้าไปใต้แขนพร้อมซบหน้าลงกับแผงอกแกร่ง ชานยอลขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนบดเบียดเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาก่อนจะกดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่ม
“พี่อ่านวันละสามสี่หน้าแล้วเมื่อไหร่จะจบ”
“คุณอยากให้ผมอ่านจบไว ๆ เหรอครับ?”
“เปล่าอะ ถามเฉย ๆ”
“ผมชอบความรู้สึกตอนอยากติดตามหน้าต่อไป ก็เลยอ่านวันละนิดวันหน่อยแทนที่จะอ่านรวดเดียวจบเพราะอยากรู้ว่าบทส่งท้ายของเรื่องนี้จะออกมาเป็นยังไง” มือข้างหนึ่งถือหนังสือ ส่วนมืออีกข้างเกลี่ยผมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด
“พี่ชอบอ่านนิยายต่างประเทศเหรอ”
“เปล่าครับ ที่จริงผมเลือกซื้อตามอารมณ์ ผมไม่ค่อยได้อ่านนิยายหรอก” ร่างสูงยิ้มแล้วเปิดหน้าถัดไป
“ผมเห็นหนังสือแนวปรัชญาชีวิตอยู่บนชั้นวาง” แบคฮยอนชี้ไปทางด้านขวา
“ก่อนจะเข้าวงการผมต้องศึกษาอะไรหลายอย่าง การที่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ผมต้องรู้จักพูด รู้จักคิดให้เป็น แล้วหนังสือเหล่านั้นก็ช่วยผมไว้ได้เยอะ” ชายหนุ่มปิดหนังสือแล้ววางไว้ข้างโคมไฟ ก่อนจะหันหน้าเข้าหาคนรักที่นอนทับแขนเขาอยู่ “คุณก็ต้องศึกษาไว้เยอะ ๆ นะรู้ไหม?”
การที่แบคฮยอนพยักหน้าอย่างว่าง่ายมันเป็นอีกเรื่องที่เรียกรอยยิ้มให้กับพระเอกหนุ่มได้หลังจากเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน ชายหนุ่มไล้นิ้วหัวแม่มือลงบนแก้มขาวของคนตัวเล็กระหว่างปล่อยให้ความเงียบทำงาน
“ความจริงผมกำลังแอบเขียนนิยายรักอยู่” น้ำเสียงของแบคฮยอนคล้ายว่าจะไม่มั่นใจกับเรื่องที่กำลังพูดถึง ซึ่งมันทำให้ชานยอลประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เลือกที่จะยิ้มบาง ๆ เพื่อให้คนตัวเล็กพูดต่อ “แต่ผมไม่กล้าบอกพี่”
“เมื่อก่อนผมคงทำลายความมั่นใจคุณไปเยอะ แต่ใช่ว่าตอนนี้ผมจะพูดแบบนั้นออกมาได้ง่าย ๆ เพียงเพราะว่าอยากแกล้งคุณหรอกนะครับ”
เราสบตากันหลังจากพูดจบ แม้ว่าเขาจะอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อตอนเริ่มแรกที่เจอกัน มันก็เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่สอนให้ปาร์คชานยอลรู้ว่าอย่าดูถูกงานเขียนของคนอื่นเพียงเพราะอยากเอาชนะ คำพูดบางคำมันอาจเล็กน้อยสำหรับเขา แต่มันอาจฝังลึกลงไปในใจแบคฮยอนจนทำให้รู้สึกผิดในวันข้างหน้าก็ได้
“ถ้าผมตั้งใจ มันจะต้องออกมาดีใช่ไหม?”
ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามในทันที ชายหนุ่มยิ้มแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าขาวอย่างเบามือ
“ผมจะรอซื้อนิยายรักที่มาจากนามปากกาของคุณ”
“...”
“พอถึงตอนนั้นรบกวนเซ็นลงบนหน้าปกให้ผมด้วยนะครับ” ร่างสูงขมวดคิ้วปั้นหน้าจริงจัง เขาไม่อยากให้แบคฮยอนคิดมากกับเรื่องนี้ และเมื่อคนตัวเล็กหลุดยิ้มออกมามันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา
“ผมจะขายให้พี่แพง ๆ เลย เป็นเล่มลิมิเตด” บีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนยกขาก่ายอีกคนพร้อมเอาหน้าถูกับแผงอกแกร่ง
“งกจังครับ กะจะรวยเพราะขายให้ผมเล่มเดียวเลยหรือไง?” ชานยอลยิ้มขำประคองเด็กตัวแสบให้ขึ้นมานอนทับตัวเขาแล้วจ้องหน้ากัน
“ถ้าผมรวย ผมจะจ้างให้พี่ออกจากวงการ”
“Really?”
“พี่รีบเก็บเงินตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ พอออกจากวงการแล้วจะได้มีทุน ผมเห็นดาราหลายคนเปิดร้านกาแฟ ร้านเค้กไรงี้ ฮิปสเตอร์สุด ๆ” สีหน้าของเด็กน้อยนั้นจริงจังจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ชานยอลโอบใบหน้าซนเอาไว้ก่อนจะโคลงไปมาเบา ๆ
“รอหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากให้ชื่อปาร์คชานยอลในวงการหมดอายุไปตามกาลเวลามากกว่า” สีหน้าของแบคฮยอนไม่ได้ต่างไปจากเดิม แต่เขาก็พอดูออกว่าเจ้าตัวกำลังผิดหวัง “อะไรที่ทำให้คุณอยากอัพเดทนิยายตอนล่าสุดลงในเวปไซต์ครับ?”
ร่างเล็กเงียบไปครู่หนึ่งขณะสบตากับคนอายุมากกว่า เชื่อว่าตอนนี้พี่พระเอกคงกำลังคิดอะไรอยู่ และเรื่องนั้นมันต้องทำให้เด็กอย่างเขารู้สึกผิดแน่
“คอมเมนท์ พอเห็นว่าพวกเขารออ่าน ผมเลยมีแรงอยากเขียนต่อ”
“ครับ คุณทำถูกแล้ว” ชานยอลเขี่ยปลายจมูกรั้นอย่างเอ็นดู “การ Give And Take ตามความเข้าใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ในเมื่อคุณเลือกที่จะให้ความสุขกับคนอ่าน มันก็สมควรแล้วที่คุณจะได้รับคำติชมดี ๆ กับคอมเมนท์ให้กำลังใจ แต่ถ้ามีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ ก็คิดซะว่าติเพื่อก่อ แล้วเก็บคำพูดเหล่านั้นมาพัฒนาตัวเอง”
“แต่ถ้าเขาด่าเพราะไม่ชอบผมล่ะ”
“คนสติดีที่ไหนจะเลือกอ่านนิยายคนอื่นทั้งที่อคติล่ะครับ” ชานยอลหัวเราะ “ถ้าเขาว่างขนาดที่จะมาจับผิดงานเขียนของคุณได้ก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ ถ้าเลือกคิดอย่างสบายใจ ผมก็อยากให้คุณแคร์คนส่วนใหญ่ที่ติดตามนิยายคุณมากกว่า”
“...”
“เพราะผมเองก็เหมือนกัน” ชานยอลลูบหัวคนตัวเล็กและก็ได้แต่หวังว่าแบคฮยอนจะเข้าใจเหตุผลทั้งหมดที่เขากำลังจะอธิบาย “ในเมื่อผมเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้ ผมก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของแฟนคลับ ผมจะทิ้งเขาไปเพราะเหตุผลนี้ไม่ได้ มันยังมีน้ำหนักไม่มากพอ คุณเข้าใจผมใช่ไหมครับ?”
กะแล้วว่าเหตุผลของพี่พระเอกต้องทำให้พูดไม่ออก
“พี่จะมองว่าผมงี่เง่าไหม ผมแค่พูดเล่นอะ...” บีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนของเขากำลังหงอยแล้ว ชานยอลยิ้มบาง ๆ ขณะมองคนตัวเล็กที่เกยคางลงบนแผงอกเขาพร้อมทำตาปริบ ๆ
“ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริง ผมก็คงต้องขอร้องคุณ”
เด็กน้อยถูกประคองให้ขยับขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน แบคฮยอนโอบแก้มคนตัวโตกว่าเอาไว้แล้วก้มลงไปจุ๊บปากเบา ๆ
“ขอร้องเลยเหรอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคำนี้จะหลุดออกมาจากพระเอกสุดเก๊กที่ชื่อปาร์คชานยอล” เด็กน้อยคลอเคลียกับปลายจมูกโด่ง
- cutscene -
ในไบโอทวิต
60%
“นั่งนิ่ง ๆ ครับ”
ชายหนุ่มมองบีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนที่เอาแต่นั่งยุกยิกอยู่ไม่สุขตรงระหว่างขาตอนที่เขาช่วยเช็ดผมให้หลังจากอาบน้ำเสร็จ เด็กคนนี้เอาแต่เล่นเกมรถถังในมือถือแล้วส่งเสียง ‘ตาย ๆๆๆ’ ประกอบไม่หยุดแม้ว่าตอนนี้จะตีหนึ่งครึ่งแล้ว
ชุดนอนของชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดตอนอยู่บนร่างเด็กสิบเจ็ดนั้นหลวมโคร่งจนดูเหมือนทารกสวมชุดคุณพ่อ ที่จริงในตู้เสื้อผ้าแบ่งแยกโซนของเขากับแบคฮยอนไว้คนละฝั่ง แต่พอได้ยินเสียงอีกคนบ่นพึมพำว่า ‘หนาว... โหย! หนาวอะ! หนาวจะตายแล้ว!’ คนที่ตกอยู่ในสถานะทาสแฟนเด็กอย่างปาร์คชานยอลก็ได้แต่ปั้นหน้านิ่งขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบห่อผ้าขนหนูแล้วออกไปรื้อตู้เสื้อผ้าฝั่งตัวเอง
จากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันจนถึงช่วงดึกทำให้พระเอกหนุ่มเพลียอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ยังอมยิ้มกับท่าทางของอีกคนที่สนุกไปกับเกมตามประสาเด็ก จนกระทั่งเช็ดผมเสร็จเรียบร้อยเจ้าตัวถึงลงจากเตียงไปค้นกระเป๋าเป้
“ไม่ง่วงหรือไงครับ”
ถามพร้อมอ้าแขนรับคนตัวเล็กที่คลานเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างรู้งาน แบคฮยอนหัวเราะแหะแล้วก่ายขาคาดตัวเขา คนอายุมากกว่าได้แต่อมยิ้มกับท่าทางออดอ้อนของแฟนเด็กพร้อมกระชับกอด กดจูบลงบนศีรษะทุยซึ่งมีกลิ่นหอมของแชมพูที่เขาสระให้ตอนอาบน้ำด้วยกัน
“ขอมือหน่อย”
“เห็นผมเป็นหมาหรือไงครับ”
“ไหนพี่ลองโฮ่งซิ”
“เดี๋ยวเถอะ” อดไม่ได้ที่จะดึงแก้มเด็กตัวแสบที่ยังคิดต่อล้อต่อเถียงกับเขากลางดึก ผู้ชายวัยเกือบสามสิบจะเอาอะไรไปสู้หลังจากเสียพลังงานไปจนเกือบหมดตัวกับเรื่องเมื่อชั่วโมงก่อนกัน?
แบคฮยอนพลิกตัวนอนคว่ำทันทีที่เห็นเขาแบมือออก ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังสวมบางอย่างใส่นิ้วมือของเขา ซึ่งมันคือแหวนพลาสติกที่คุ้นตาอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง
“ทำไมใส่ไม่ได้” รอยยิ้มหายไปและแทนด้วยคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้ากัน แบคฮยอนพยายามยัดมันใส่นิ้วอีกฝ่ายซึ่งมันขนาดใหญ่กว่า พระเอกหนุ่มได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางของบีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนที่ยังคงไม่ลดละความตั้งใจ
“ก็มันเล็กกว่านิ้วผมนี่ครับ”
“ผมยังใส่ได้เลย นี่อะ” เด็กน้อยชูมือให้ดู ก่อนจะเห็นว่านิ้วนางข้างซ้ายนั้นมีแหวนพลาสติกสีน้ำเงินสวมอยู่ ชานยอลมองมือของตัวเองบ้าง แหวนสีแดงที่สวมได้แค่ครึ่งนิ้วมันทำให้กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ
“ทำยังไงดีครับ แหวนหมั้นของคุณมันสวมนิ้วผมไม่ได้”
“เศร้า” แบคฮยอนเบะปากเกยคางลงกับแผงอกแกร่งก่อนจะคว้ามืออีกคนมาวางไว้ตรงหน้าพร้อมมองแหวนสีแดงอย่างเสียดาย
“หามาจากไหนครับ?”
“ตู้ของเล่นในห้าง” เด็กน้อยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะช้อนตามองคนอายุมากกว่า “พี่คงคิดในใจว่า ‘เด็กนี่กล้าดียังไงถึงเอาของราคาถูก ๆ แบบนี้มาสวมนิ้วราคาร้อยล้านวอนของฉัน’ ใช่ไหมล่ะ?”
“ความคิดผมอยู่ในนี้ คุณอ่านมันไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มเคาะขมับตัวเองก่อนจะเขี่ยปลายจมูกรั้นเด็กน้อย
“ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวเอาไปทิ้งก็ได้” ตอนนี้สีหน้าคนตัวเล็กหงอยเหมือนบีเกิ้ลป่วยยังไงอย่างนั้น
ชานยอลกำมือเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกคนถอดแหวนออกไปได้ แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะส่งซิกเป็นเชิงบอกให้อีกคนแบมือออก แต่พี่พระเอกกลับอมยิ้มพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่มีเครื่องสำอาง น้ำหอมมากมายเรียงกันอยู่เต็มไปหมด
ร่างเล็กนอนคว่ำราบกับเตียงแล้วมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงที่ยังคงง่วนอยู่ตรงนั้น ถ้าพี่เขาถอดแหวนออกแล้วเดินมานอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่จะทำยังไงดี ทีตอนจะถอดให้แล้วไม่ยอม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะทำสีหน้ายังไงเพื่อไม่ให้พี่เขารู้ว่ากำลังนอยด์อะ
แค่ครู่เดียวร่างสูงก็เดินกลับมานั่งพิงกับหัวเตียง แบคฮยอนยังคงนอนคว่ำราบกับที่นอนเหมือนซากศพ แม้จะโดนสะกิดแต่เด็กน้อยก็เอาแต่เบะปากไม่ยอมหันไปมอง
“แบคฮยอน”
“อือ”
“นอนคว่ำหน้าเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอกครับ” เสียงทุ้มนุ่มก็ฟังดูอ่อนโยนเหมือนทุกทีนั่นแหละ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากเงยหน้าขึ้นไปเห็นว่าแหวนวงนั้นไม่ได้อยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของพี่พระเอกอีกแล้ว
“ผมหายใจจากกระดูกสันหลังได้พี่ไม่รู้เหรอ”
“ไม่เอาน่ะ อย่าดื้อกับผมสิ ขยับมานอนกับผมเถอะครับ”
ทุกครั้งที่ผู้ชายอย่างปาร์คชานยอลสวมบทพระเอกละครบยอนแบคฮยอนก็ตายทุกที นึกอยากกลับไปตบปากตัวเองทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนเคยสบประมาทพี่เขาไว้แค่ไหนที่บอกว่าเล่นละครห่วยแตก แต่ดูตอนนี้สิ รางวัลออสก้ายังน้อยไปด้วยซ้ำ
“พี่อะ”
“ครับ?”
“มันเป็นความผิดของพี่นะ ทำไมนิ้วถึงใหญ่แบบนี้”
เด็กน้อยดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็ได้เห็นว่านิ้วนางข้างซ้ายของพี่พระเอกมันว่างเปล่าอย่างที่คิดไว้จริง ๆ แต่ที่ทำให้พูดไม่ออกก็คือแหวนของเล่นโง่ ๆ ที่ได้มาจากการหยอดเหรียญตู้ของเล่นมันได้ไปห้อยอยู่กับสร้อยสีเงินเส้นหนึ่งที่คล้องกับนิ้วและถูกปล่อยลงมาในระดับสายตาของเขา
“ผมผิดอย่างที่คุณว่าจริง ๆ ด้วยสิ”
ร่างสูงยิ้มขำก่อนจะกระหวัดมือเพื่อรวบสร้อยเส้นนั้นไว้ในกำมือเมื่อเด็กน้อยทำท่าจะเข้ามาเอามันไป แบคฮยอนนั่งนิ่งทำตาปริบ ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายยื่นมือมาเขาถึงได้ขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ
“นิ้วของผมมันใหญ่เกินไปเลยทำให้สวมแหวนของคุณไม่ได้ แต่ผมใส่สร้อยเส้นนี้ได้นะ”
อยากต่อยพี่พระเอก อยากหยิกแรง ๆ ที่กล้าดีทำให้เด็กต้องใจเสีย แบคฮยอนเบ้ปากมองคนตัวโตที่เอาแต่อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่แกล้งเขาได้สำเร็จ
“เกลียดพี่อะ”
“Sure?”
“ไม่ ผมรักพี่”
“เด็กดี”
กลั้นยิ้มได้ก็บ้าแล้ว แบคฮยอนพุ่งเข้าไปกอดคนตัวโตจนได้ยินเสียง ‘อั่ก’ คาดว่าเจ้าตัวคงจุกอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กฟัดหอมแก้มคนรักซ้ำ ๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อกับความตื้นตัน ดีใจที่เกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนนี้
เมื่อกี้รู้สึกแย่ไปได้ยังไงกัน ทั้ง ๆ ที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเลยที่พี่พระเอกจะทำให้เขาเสียใจ หรือว่ามันเป็นวิถีโรแมนติกของผู้ใหญ่ที่เด็กอย่างบยอนแบคฮยอนยังเข้าไม่ถึง? แต่ไม่เป็นไร ถ้าเสียใจแล้วถูกโอ๋ทีหลังแบบนี้เขายอมก็ได้
“พี่รู้จักคริสตัล ไมเดนไหม?”
“ไม่ครับ มันคืออะไร?”
“มันคือฮีโร่ในดอทเอ ผมชอบเธอมาก แต่ตอนนี้ผมชอบพี่มากกว่าเธอแล้ว”
“ติงต๊อง...” ร่างสูงยิ้มขำพลางส่ายหน้า
“พี่ชานยอล”
“ครับ?” ทั้งที่ได้ยินชื่อนี้มาตั้งแต่จำความได้ แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยชินเลยสักครั้งเวลาได้ยินคนตัวเล็กเรียกอย่างนี้ จะน่ารักเกินไปแล้วนะ
“ผมรักพี่”
เขาไม่ได้ตอบว่า ‘เหมือนกัน’ เพราะอยากเอาใจแฟนเด็ก ชายหนุ่มเพียงแค่อมยิ้มแล้วลูบศีรษะทุยที่ซบหน้าลงกับอกเขา เด็กคนนี้เอาแต่พูดจ้อเจื้อยไม่หยุดเล่นเอาคนอายุมากกว่าเขินจนต้องเก็บอาการทางสีหน้า นานพอสมควรเลยทีเดียวเสียงนั้นถึงเงียบหายไปพร้อมลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ
ร่างสูงประคองร่างเด็กน้อยให้นอนทับท่อนแขนของเขาเหมือนอย่างทุกวัน มันคือความสุขอย่างหนึ่งที่เขานอนจ้องหน้าของอีกฝ่ายตอนหลับ ในเวลาปกติแบคฮยอนก็ซนเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปที่ชอบเล่น หัวเราะ พูดจากวนโอ๊ยจนต้องดุอยู่หลายครั้ง
อดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงปัจจุบันกับอะไรหลาย ๆ อย่างที่เปลี่ยนไป ไม่ว่านิสัยด้านแย่ที่ตัวเขาเองต้องใช้ความโรแมนติกเข้ากำราบเด็กดื้อให้รู้สึกผิด ซึ่งมันคงได้ผลกว่าการปั้นหน้านิ่งแล้วดุด่าจนบีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนของเขาต้องหงอย
ค่อย ๆ เกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าคนตัวเล็กอย่างเบามือ ยังจำครั้งแรกตอนเห็นแบคฮยอนตัดผมได้ ถึงตอนนั้นคนตัวเล็กจะดูน่ารักในทรงผมใหม่ แต่ปากของเขามันก็ไวพอที่จะตอกกลับไปจนเจ้าตัวสูญเสียความมั่นใจ แต่คนตัวเล็กก็ยังคงเถียงกลับมาเหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งนั่นเป็นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ปาร์คชานยอลรู้ว่าเลือกคนไม่ผิด
เพราะถ้าแบคฮยอนเปราะบางเกินไป เรื่องระหว่างเขาทั้งคู่คงไปกันไม่รอด ชีวิตที่ถูกผู้คนจับตามองอยู่ตลอด เด็กคนนี้ต้องเข้มแข็งพอที่จะไม่รู้สึกโกรธ น้อยใจ หรือหึงจนคุยกันไม่รู้เรื่องถ้าหากเขามีถ่ายแบบกับผู้หญิง
สูงขึ้นกี่เซนต์แล้วนะ?
เด็กตัวกระเปี๊ยกจะต้องโตขึ้นอีก นึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดวันหนึ่งแบคฮยอนตัวสูงเท่าเขาแล้วจะเป็นยังไง พอถึงตอนนั้นผู้ชายอายุสามสิบกว่า ๆ อย่างเขาจะอุ้มไหวหรือเปล่านะ ไม่สิ... พอถึงตอนนั้นเด็กคนนี้คงไม่อยากถูกอุ้มแล้ว แค่คิดก็ใจหวิวแปลก ๆ
ได้อย่างเสียอย่าง มันคือสัจธรรมว่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่เราก็จะสูญเสียอะไรหลาย ๆ อย่างในวัยเด็กไป แต่เราก็จะได้ในสิ่งที่เด็กทำไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงมักจะเดินเข้าหาเสมอแม้ว่าในบางครั้งเราไม่ได้ต้องการมัน
วันนี้คนเป็นแม่มองตามคอแทบบิดเพราะเห็นลูกชายคนเล็กแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า ฮัมเพลงเดินเข้าห้องน้ำและใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนชีวิตกับการฝังรกรากอยู่ในนั้น ซึ่งปกตินี่ตดยังไม่ทันหายเหม็นมันก็เดินออกมาแล้ว วันนี้มีอะไรพิเศษ?
“นี่แก”
“จ๋าแม่”
“จะไปไหน”
“ดูหนัง”
“ดูหนังบ้าไรแหกตาตื่นตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง” คนเป็นแม่ยืนกอดอกพิงกับวงกบประตูพร้อมหรี่ตาจับผิดลูกชายหัวฝีหัวหนองที่ยืนส่องกระจกดูความหล่อเหลาที่เธอและสามีช่วยกันปั้นจนเป็นรูปร่าง
“โหยแม่ ผมตื่นเช้ามันแปลกมากเลยไง๊”
“แปลกสิ ปกติวันหยุดฉันเห็นหน้าแกทีก็ตอนบ่าย บอกมาเลยนะ แกมีแฟนแล้วใช่ไหม?” ฮโยลินเลิกคิ้วมองลูกชายคนเล็กผ่านกระจกหวังคาดคั้นเอาคำตอบ บอกเลยว่าเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน และไอ้ท่าทีหลุบตาลงแล้วอมยิ้มเขินนั่นกูก็เคยเป็นมาแล้ว
“ไม่มีหรอกแม่ ผมไปกับไอ้คยองซูอะ”
“เพื่อนชาติแคระของมึงน่ะนะ”
“มันไม่ได้แคระนะแม่ ไอ้คยองซูมันก็แค่ประหยัดความสูง” แบคฮยอนหันไปสู้กับแม่ เรื่องแบบนี้ยอมได้ที่ไหน ด่าเราว่าหนักแล้ว ด่าเพื่อนนี่ยอมไม่ได้ คนในครอบครัวควรปลอบโยนกันและกันไม่ใช่ซ้ำเติมสิ!
“ระวังหาเมียไม่ได้นะ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงหุ่นนางแบบกันทั้งนั้น ดูแม่แกไว้เป็นตัวอย่าง” ว่าแล้วก็ยืนพ๊อยเท้าเชิดปลายคางขึ้น แบคฮยอนมองแม่ในสภาพชุดผ้ากันเปื้อนแล้วก็ถอนหายใจ ถ้าพ่อไม่สอยดาวได้แม่จะมีผัวไหม “จะกินข้าวก็คลานออกมาล่ะ”
“ได้ค่ะแม่”
“ตบปากฉีก”
ขู่พร้อมยกฝ่ามือขึ้นโชว์ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ซึ่งเด็กน้อยได้แต่ยิ้มขำกับการลับฝีปากกับมารดาแต่เช้า
ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ด้วยกัน ถ้าจะบอกว่าที่ไปดูหนังเป็นการเดทมันก็อาจจะใช่ แต่อยู่ในห้องกับพี่พระเอกสองคนมันก็ดีเหมือนกัน วันนี้ผู้ชายคนนั้นจะแต่งตัวแบบไหนนะ จะมีผ้าปิดปาก หมวก กับแว่นเพื่อกลบสายตาคนรอบข้างไหม หรือว่าพี่เขาจะมาในลุคส์คูลโคตร ๆ จนทุกคนต้องเหลียวหลังตาม
แต่แบบหลังไม่น่าใช่ เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริงแฟนคลับนับร้อยคงวิ่งตามแน่ ๆ และโปรแกรมการดูหนังในวันนี้ก็จะพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี
เด็กน้อยเดินไปตามทางอย่างไม่เร่งรีบ พอถึงจุดที่เหนื่อยกับการเดินเมื่อไหร่ค่อยขึ้นรถเมล์ จนมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนสิบโมงครึ่ง บ่ายโมงคือเวลาตามนัดแต่ความตื่นเต้นมันพาเขามาถึงที่นี่แทนที่จะอยู่เล่นดอทเอที่บ้านสักเกมสองเกม
ใช้เวลาอยู่ในเกมเซนเตอร์ระหว่างรอ คิดถึง... อยากเจอจะแย่ไม่ได้เจอกันตั้งสามวันแล้ว เมื่อคืนพี่พระเอกไม่ได้โทรมาคาดว่าคงเหนื่อยจนเผลอหลับไป ส่วนเขาก็ไม่อยากรบกวนเพราะคิดว่ายังไงวันนี้ก็จะได้เจอกันเลยไม่ได้โทรหา
ตอนนี้บ่ายโมงครึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีสายโทรเข้าเพื่อบอกว่าจะมาสาย แบคฮยอนดูนาฬิกาข้อมือแล้วหาที่นั่งรอ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะให้พี่พระเอกเดินไปหาถึงเกมเซนเตอร์และเห็นว่าเขากำลังอินกับเกมยิงซอมบี้มากแค่ไหน
บ่ายสองตรง... มือถือยังคงเงียบเหมือนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว เด็กน้อยเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้แล้วตัดสินใจกดโทรหา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...’
ลืมชาร์จแบตหรือลืมเปิดเครื่อง?
นั่นคือคำถามแรกที่ผุดเข้ามาในหัว ร่างเล็กถอนหายใจแล้วชะเง้อหน้ามองไปยังที่กว้างในห้างสรรพสินค้า ได้แต่หวังว่าจะเห็นพี่พระเอกเดินมาแล้วพูดว่า ‘ขอโทษที่มาสายครับ’ แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่ความคิด เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงสี่โมงเย็นแล้วทุกอย่างก็ยังคงเงียบ
“...”
แทบลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้หิวมากแค่ไหน คนตัวเล็กเอาแต่จ้องสมาร์ทโฟนในมือสลับกับชะโงกหน้ามองหาแต่ก็ไร้วี่แวว
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘พี่พระเอก’
[ พี่หายไปไหน ผมโทรไปไม่ติดเลย ติดธุระด่วนเหรอ โทรบอกผมด้วยนะ ผมรออยู่หน้าโรงหนังแล้ว ]
ถอนหายใจอีกครั้ง...
เป็นอะไรก็น่าจะบอกกันบ้าง ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้ ถ้าพูดตรง ๆ มีหรือว่าจะไม่เข้าใจ แต่ที่ไม่มีการติดต่อมาแบบนี้มันทำให้เป็นกังวลรู้บ้างไหม ถ้างานยุ่งแค่บอกก็จบ แต่ถ้าเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงขึ้นมาล่ะ?
จะโทรหาผู้จัดการส่วนตัวก็ดูไร้เหตุผลเกินไป ในเมื่อพี่อี้ฝานไม่รู้เรื่องระหว่างเขากับพี่พระเอก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นมองเห็นก็มีแค่นักแสดงกับลูกจ้างชั่วคราว
พี่พระเอกไม่รู้เหรอว่าการข่มใจไม่ให้ทำตัวงี่เง่ามันเป็นเรื่องยาก ทั้งที่ตั้งตารอมาหลายวัน ตื่นแต่เช้าเพราะคิดว่าวันนี้จะต้องมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น แต่พอมันผิดพลาดไปหมดทุกอย่างก็อยากจะงี่เง่าแล้ว
หกโมงเย็น... แบคฮยอนยังคงนั่งอยู่ตรงนี้แม้ว่าจะเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วครั้งหนึ่ง ส่งข้อความไปแล้วห้าครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบกลับของพี่พระเอกเลย ถ้าพี่เขาจะโกรธเพราะเรื่องนี้ก็คงไม่ยอมอ่อนให้หรอกนะ ตอนนี้แบคฮยอนโมโหแล้ว พี่พระเอกผิดสัญญาได้แย่มาก
18:12 มึงทำไรอยู่
Dyo`
ตามเก็บรูปพี่ชานยอล มีไร? 18:14
18:14 รูปไรวะ นิตยสารเหรอ?
Dyo`
เปล่า รูปสนามบินอะ 18:15
18:15
18:15 รูปวันไหนวะ?
Dyo`
วันนี้ดิ รูปวันเก่า ๆ กูไล่เก็บหมดแล้ว 18:15
สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกี้เอง 18:15
หล่อสุด ถ้ามาสเตอร์นิมเอาลงโฟโต้บุ๊กมันต้องดีกับใจกูมากแน่ ๆ 18:15
เรียวนิ้วที่เคยพิมพ์ตอบโต้เพื่อนหยุดค้างอยู่หน้าจอสมาร์ทโฟนเมื่อเห็นรูปถ่ายที่แนบมา คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งกับบทสนทนาสั้น ๆ แต่ก็สามารถทำให้เข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นจริง
18:17 มึงแน่ใจเหรอว่ารูปวันนี้
Dyo`
เอ้า กูโกหกมั้งเนี่ย 18:17
บ้านพี่ชานยอลเป็นสิบ ๆ พากันแข่งลงรูปในทวิตโบ้ม ๆ ไม่เข้าไปดูล่ะ 18:17
ร่างเล็กลุกขึ้นยืนโดยที่ยังไม่ปิดหน้าจอแชท สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้และไม่อยากเชื่อ เจอกันครั้งล่าสุดยังคุยเรื่องเดทวันนี้อยู่เลย แล้วสนามบินนั่นมันคืออะไรกัน ถ้ามีงานด่วนปกติก็ต้องบอกก่อนไม่ใช่หรือไง
ในหัวเต็มไปด้วยคำถามเป็นร้อยที่ทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ จากความร้อนใจส่งให้สองขาพาคนตัวเล็กมาจนถึงคอนโดหรูที่เคยเข้าออกเป็นประจำก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง กดรหัสผ่านอย่างคล่องแคล่วแต่ก็ต้องเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนเพราะกดรหัสผิด
“...”
ร่างเล็กลองกดอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่มีทางเลยที่บยอนแบคฮยอนจะจำรหัสผิดทั้งที่เข้าออกอยู่เป็นประจำ แต่หลังจากกดรหัสตัวสุดท้าย เสียงสัญญาณเตือนก็ดังอีกครั้งจนคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน
ลางไม่ดีเลย... เขาคิดอย่างนั้น
บางทีการเคาะประตูมันอาจจะโง่เกินไปหลังจากเข้าทวิตเตอร์และเช็กดูไทม์ไลน์แล้วพบรูปสนามบินมากมายพร้อมบอกพิกัดเป้าหมายว่าพี่พระเอกกำลังไปญี่ปุ่น เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างคนสิ้นคิด เขาปล่อยให้ความกลัวในใจกัดกินอยู่นานก่อนจะหันไปเห็นว่าคุณป้าแม่บ้านกำลังเดินมาทางนี้
“คุณบยอนแบคฮยอนใช่ไหมคะ?”
“ครับ... ผมเอง”
เธอยิ้มขณะสบตากับเขา ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเอาซองจดหมายฉบับหนึ่งออกมาให้ แบคฮยอนรับไว้อย่างไม่เข้าใจก่อนจะเห็นชื่อที่จ่าหน้าซองว่า...
‘อู๋อี้ฝาน’
TBC
“เกิดอะไรขึ้นวะ!!!” <- พูดแทนคนอ่าน 55555555555555
ช่วงนี้เรายุ่งมากจริง ๆ ค่ะ ตอนหน้าอาจจะเอามาลงก่อนสัก 40-50% นะคะ ต้องขอโทษที่ทำให้รอนานค่ะ หลังจากผ่านกลางเดือนกันยาไปเราก็จะว่างแล้ว เดี๋ยวกลับมาอัพให้อย่างจุใจเหมือนเดิมจ้า
ความคิดเห็น