คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Last Scene :: พี่เขาและความรักของเราทุกคน
LAST SCENE
พี่เขาและความรักของเราทุกคน
แบคฮยอนนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน พยายามข่มตาหลับแล้วแต่ก็สะดุ้งตื่นอยู่ตลอด ไม่ใช่การคาดเดา แต่มันเป็นเหมือนสัญญาณเตือนหลังจากสปอยล์ข่าวมาก่อนหนึ่งวัน และวันถัดมาก็จะปล่อยข่าวจริงให้ชาวเน็ตและแฟนคลับได้กล่าวถึง ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เขาตื่นมาตอนเก้าโมงเช้าและได้เจอกับข่าวแฉเรื่องคู่รักร่วมเพศที่ถูกแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตโดยเวปไซต์ชื่อดัง
คนตัวเล็กมือสั่นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หลังจากอ่านหัวข้อข่าวจบ มือข้างหนึ่งทาบไว้กับหน้าผาก ค่อย ๆ เลื่อนสกอร์เมาส์ลงมาทีละนิดโดยที่ยังไม่ได้สนใจอ่านเนื้อข่าว สิ่งแรกที่ต้องการเห็นคือรูปประกอบ ซึ่งมันพร่ามัวจนพอจะดูออกว่าช่างภาพคงอยู่ไกลพอสมควร มันคือตอนที่เขากับพี่พระเอกเล่นน้ำทะเลด้วยกัน ตอนเดินอยู่บนถนน แต่การสกินชิพที่น่าเป็นกังวลมากที่สุดกลับมีเพียงแค่การจูงมืออีกฝ่ายขึ้นฝั่งหลังจากลงน้ำลึกเกินไป
“ไม่มี... รูปจูบ?”
RRRrrrrr!!!
สายตาหยุดอยู่ที่สมาร์ทโฟนซึ่งวางอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แบคฮยอนคว้าเอามากดรับสายเพื่อนสนิทอย่างไม่อิดออดพร้อมแนบมันกับหู
( มึงเห็นข่าวยัง? )
“กูเพิ่งเปิดเข้ามาเมื่อกี้แต่ยังไม่ได้อ่านเลย ไอ้ฉิบหายมือกูสั่นไปหมด ในทวิตเขาเริ่มด่ากูยัง?”
( ใจเย็นก่อนเกลอ ตอนนี้สถานการณ์กำลังปั่นป่วน แต่คนที่เป็นศพยังไม่ใช่มึง )
“ยังไงวะ งั้นขอเวลาแป๊บนึงดิ กูขออ่านก่อน”
( ไม่ต้องอ่าน เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง เนื้อข่าวมันก็ประมาณว่าจับตามองมึงกับพี่ชานยอลมาสักพักแล้ว พฤติกรรมเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันไรงี้มันไม่น่าใช่รุ่นพี่รุ่นน้องคนสนิท เพราะพี่ชานยอลไม่ค่อยเอ็นดูใครอะมึง เออ แฟนคลับรู้ทั้งแผ่นดินว่าพี่เขาออกแนวรำคาญชาวบ้านชาวช่องเลยไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทในวงการ แต่ปิดท้ายข่าวว่ารูปที่ทะเลอะพวกมึงจูบกันด้วยแต่นางถ่ายไม่ทัน )
“เดี๋ยว อะไรคือถ่ายไม่ทัน?”
( ไม่รู้ดิ สรุปมึงจูบกันตรงนั้นช่ะ? )
“ก็-- เออ”
( อ้าว แล้วมันยังไงวะ กูแปลกใจที่นางถ่ายไม่ทัน )
“กู-- ไม่รู้อะ” แบคฮยอนกำลังพยายามตั้งสติ มันเกินความคาดหมายจริง ๆ กับหน้าเวปไซต์ข่าวที่ควรมีรูปเขาจูบกับพี่พระเอก แต่ไอ้ประโยคที่ว่าถ่ายไม่ทันนั่น... “คือในสายตาคนทั่วไป รูปอื่นมันก็ดูปกติใช่เปล่าวะ” สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เด็กน้อยลุกขึ้นเดินวนไปรอบ ๆ กับข่าวที่ไม่อยากเชื่อ
( มันก็ต้องมีคนเชื่อบ้างแหละ แต่ตราบใดที่ไม่มีรูปล่อแหลม มึงกับพี่ชานยอลก็ยังแถได้นะ โห... กล่องคอมเมนท์ร้อนระอุมาก ทั้งด่ามึง ด่าเวปไซต์ ด่าพี่ชานยอล บางคนบอกว่าเอาข่าวกะโหลกนี่มากลบเรื่องนักการเมืองคอรัปชั่นเหรอ กระจอกมาก )
“แล้วกูจะรู้ได้ยังไงว่าทางนั้นจะไม่ปล่อยรูปทีหลังอะ บางทีเขาอาจจะหลอกให้กูกับพี่พระเอกตายใจแล้วค่อยเชือดคอทีหลังก็ได้”
( ไม่หรอกมึง ข่าวสำนักนี้ถ้าลั่นว่าจะปล่อยก็ปล่อยอะ ไม่กั๊ก เล่นบอกมาขนาดนี้แต่ไม่มีรูปประกอบแสดงว่านางไม่มีจริง ๆ มาขนาดนี้แล้วคงไม่เสี่ยงให้โดนด่าหรอก )
“กูควรโทรหาพี่พระเอกตอนนี้เลยป่ะวะ?”
( เดี๋ยว ๆ มึงอย่าเพิ่ง )
“อะไรวะ”
( ข่าวใหม่สด ๆ ร้อน ๆ )
คยองซูเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่ป๊อปอัพไลน์บนคอมพิวเตอร์แบคฮยอนจะเด้งขึ้นมาพร้อมลิงค์บางอย่าง เด็กน้อยกดเข้าไปอย่างไม่รอช้า แค่ครู่เดียวเวปไซต์ข่าวบันเทิงก็ฉายขึ้นมาบนจอ
‘พระเอกหนุ่มสุดฮอต! เตรียมจัดโต๊ะแถลงอีกครั้งหลังจากมีข่าวฉาวกับเด็กมอปลายเจ้าเก่า เวลาบ่ายโมงตรงที่ห้าง KK’
“...”
( โคตรไวเลย พี่อี้ฝานจัดการเองเปล่าวะ ตอนนี้พี่ชานยอลจะตื่นยัง )
แบคฮยอนเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์มือถือขึ้นสายเรียกซ้อนจากเบอร์ของผู้จัดการหนุ่มที่เพิ่งถูกกล่าวถึงไปเมื่อครู่นี้ เขากดรับสายโดยไม่บอกให้คยองซูรอ ก่อนจะเอาโทรศัพท์แนบกับหู
“ฮัลโหล”
( แต่งตัวรอนะครับ ผมจะเข้าไปรับคุณตอนสิบโมงครึ่ง )
“ให้ตายเถอะ ฉันอยากจะเป็นบ้าสักวันละร้อยรอบ มีลูกชายก็เหมือนมีลูกสาว หัวกระไดไม่เคยแห้ง”
“มันมีเสน่ห์เหรอแม่”
“มะเหงกแกเหรอแบคบอม คนรุมถุยน้ำลายใส่สิไม่ว่า”
“แต่บ้านเราไม่มีบันไดนะที่รัก”
“หุบปากไปเลยไอ้แก่ ใครใช้ให้เสนอหน้าพูดแทรกห๊า!!!”
“เพคะ” คนเป็นพ่อโค้งหัวอย่างมีมารยาทแล้วก้มหน้าก้มตาถูบ้านต่อไป ฮโยลินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพลางมองไปยังลูกชายคนเล็กที่นั่งทำหน้าหงอยอยู่บนเก้าอี้ทางด้านซ้าย ข้าวปลาไม่แตะ ดูท่าจะกินไม่ลงหลังจากเล่าเรื่องข่าวนรกนั่นให้เธอฟังแต่เช้า
“กินเข้าไปสิ ฉันไม่อยากเห็นแกทำหน้าหมาตอนขึ้นกล้องเพราะหิวข้าว”
“แม่ก็อย่าใส่อารมณ์ดิ ลูกกำลังใจไม่ดีนะรู้ไหม”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง เดี๋ยวพวกสาระแนในซอยก็แห่มาถามฉันอีกว่าลูกชายคนเล็กเป็นเกย์จริง ๆ เหรอ”
“หูย พูดอะไรของแม่เนี่ย ดูดิ ผมหล่อได้พ่อขนาดนี้จะเอาอะไรไปเกย์”
“เยี่ยมมากลูกพ่อ สู้ ๆ” ผู้นำบ้านในสภาพผ้ากันเปื้อนพร้อมไม้ถูพื้นกำมือเขย่าเป็นกำลังใจให้ลูกชายคนเล็ก
“ไม่รู้ล่ะ ถึงชานยอลจะดีงามกับใจมากแต่ฉันก็ไม่โอเค” ข่าวเรื่องเกย์นี่เจ็บไปถึงม้ามตับ พวกในซอยยิ่งขี้แซะอยู่
“ที่รักอิจฉาลูกเหรอ”
“ฉันบอกให้ไปถูบ้าน!!!” ไม่พูดอย่างเดียว คุณแม่ยังสาวปาแอปเปิ้ลใส่สามีจนต้องโยกตัวหลบแบบดิจิตอล
“แม่จะฟังคนอื่นทำไม ผมเป็นลูกแม่นะ”
“แล้วไงวะ มึงกำลังทำให้แม่เดินเหินเหมือนคนปกติไม่ได้ มึงมันคนบาปแบคฮยอน” คนเป็นพี่ชายถลึงตาเบะปากล้อ
“แล้วถ้างานแถลงจบแล้วกูคือฝ่ายชนะ ถามว่าใครจะได้เดินเชิดหน้าชูตาในตลาดหลังจากคนทั้งแผ่นดินรู้ว่าคุณนายคิมฮโยลินรู้จักกับพระเอกระดับท็อปสตาร์วะ?”
สิ่งที่ลูกชายคนเล็กพูดทำคุณแม่ยังสาวหันขวับ เธอชันขาข้างหนึ่งขึ้นบนเก้าอี้พลางหรี่ตามองเด็กน้อยที่กำลังส่งสายตามาเพื่อบอกว่า ‘ขอให้แม่วางใจ งานนี้ยิ่งกว่าถูกหวยแน่ ๆ’
ลึก ๆ ก็ลังเลอยู่ห้าสิบห้าสิบว่าไอ้ลูกชายคนนี้ไม่น่าจะเป็นเกย์หรอก เด็กกะโปกติดเกมแบบนี้จะเอาเวลาไหนไปมีความรัก ไหนจะ ติดเพื่อนอีก มันขยันเขียนนิยายหาเงินช่วยพ่อแม่จะตาย จะว่าไปแล้วก็เอาไปคุยอวดใครที่ไหนก็ได้ว่าพระเอกหนุ่มอย่างปาร์คชานยอลเดินเข้าออกบ้านออกจะบ่อย ถามว่ามีใครบ้างไม่อิจฉา เออ มันมีเหตุผล
“แน่ใจนะ”
“อือ” รับปากไว้ก่อนเอาฤกษ์เอาชัย ถ้าเกิดแสดงความไม่มั่นใจออกไปตอนนี้คงปวดหัวเพราะถูกแม่ด่าแน่ แบคฮยอนไม่พร้อมแถลงข่าวในสภาพอารมณ์ดิ่ง
ไม่นานนักพี่อี้ฝานก็มาถึง ผู้ชายคนนั้นขอคุยกับแม่เป็นการส่วนตัวอยู่ราว ๆ ห้านาทีก่อนจะเดินออกมาข้างนอก สีหน้าของแม่ไม่ได้ต่างไปจากเดิมนัก แต่ก็ดูเงียบแปลก ๆ แววตาที่มองมาก็พอจะดูออกว่าเป็นห่วงลูกคนนี้อยู่เหมือนกันแม้ว่าจะไม่พูด
“เย็นนี้แม่จะทำหม้อไฟ ถ้ากลับช้าอดกิน”
“อย่าให้ไอ้แบคบอมกินหมดนะ ต้องรอผมด้วย”
แม่พยักหน้าพร้อมตบแก้มลูกชายเบา ๆ ขยับบอกให้ไปได้แล้ว เขาเห็นว่าแม่สบตากับพี่อี้ฝานเป็นครั้งสุดท้ายราวกับอยากจะฝากฝัง แบคฮยอนเดินลงไปตามตรอกแคบกับผู้จัดการหนุ่มในชุดสุภาพ ผู้ชายคนนี้ยังคงนิ่งเฉยคาดเดาอารมณ์ได้ยากเหมือนอย่างเคย ทั้งคู่ขึ้นไปบนรถ เป้าหมายคือร้านเสื้อผ้าที่ต้องจัดแจงให้เขาใส่เพื่องานแถลง
พี่อี้ฝานบอกว่าตอนนี้พี่พระเอกเตรียมตัวอยู่อีกที่หนึ่ง คนขับรถจะพาพี่เขาไปส่งที่นั่น ซึ่งคงได้เจอกันทีหน้างานเลย เสื้อผ้าหลายแบบ หลายสไตล์ถูกทาบลงบนตัวเด็กน้อย แบคฮยอนมองตัวเองในกระจกแล้วปล่อยให้สไตล์ลิสต์จัดแจงให้ทุกอย่าง
“ฉันว่าให้น้องแต่งแบบนี้เข้ากว่านะคะ”
“อืม...” อี้ฝานยืนกอดอกขมวดคิ้วครุ่นคิดขณะมองแบคฮยอนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด หลังจากลองมาหลายตัว เขาเองก็คิดว่าชุดนี้เข้าท่าที่สุดแล้ว กับการแต่งตัวสไตล์เด็กมอปลาย เสื้อยืดลายทางมีสีสันและถูกสวมทับด้วยยีนส์สีเข้ม เพิ่มพร็อพเป็นหมวกแฟชั่นสักใบ
“ให้ดูโตเกินไปก็ไม่ดี ถ้าจุดประสงค์ของคุณในครั้งนี้เพื่ออยากย้ำให้สื่อเห็นว่าน้องเป็นเด็กมัธยม”
“ครับ ผมว่าชุดนี้ก็ดี”
“งั้นมาตรงนี้หน่อยนะคะ พี่ขอแต่งหน้าให้นิดนึง” สไตล์ลิสต์สาวผายมือไปทางด้านข้าง ซึ่งแบคฮยอนก็เดินตามไปนั่งบนเก้าอี้หมุนอย่างไม่อิดออด เด็กน้อยสบตากับผู้จัดการหนุ่มผ่านกระจกตรงหน้า ทั้งที่มีเรื่องอยากถามมากมาย แต่ก็ต้องเก็บเงียบเอาไว้ก่อน
พอใกล้ถึงเวลาแถลงข่าวหัวใจก็เต้นแรงขึ้นไปอีก แบคฮยอนทาบมือลงกับหน้าอกข้างซ้าย หลับตาลงก่อนจะหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกเอาความกล้าที่มีอยู่ ทุกอย่างจะต้องออกมาดี ขอแค่ตั้งสติรับกับคำถามเหล่านั้นให้ได้
คนตัวเล็กชะงักไปเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่ของผู้จัดการหนุ่มวางลงบนศีรษะของเขา แบคฮยอนค่อย ๆ หันไปทางที่นั่งคนขับก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าผู้ชายคนนี้เข้าใจยาก และชาตินี้ทำยังไงก็คงไม่เข้าใจว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉย หรือรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยที่ส่งมานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ บางครั้งพี่อี้ฝานก็เด็ดขาดจนดูใจร้าย แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในแบบผู้ใหญ่ซึ่งอาจจะมาจากส่วนลึกของจิตใจผู้ชายคนนี้ มากกว่าการแสดงออกเพราะงานที่จำเป็นต้องทำ
“จริงอยู่ที่ผมเคยขัดขวางความรักของคุณ แต่ตอนนี้ผมอยากบอกอะไรสักอย่าง ซึ่งมันคงไม่ต่างจากวันที่คุณเห็นกองหนังสือนิยายในห้องนั้น” ชายหนุ่มมองหน้าคนตัวเล็กสลับกับถนนเบื้องหน้า
‘แต่หลังจากฟังผมเล่าแล้ว ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงก็ช่วยทำตัวเหมือนเดิมกับชานยอลทีนะครับ’
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่ามันจะทำให้ใครสักคนดูแย่แค่ไหน ยังไงก็ช่วยรักชานยอลต่อไปด้วยนะครับ”
นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ เขาไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าเด็กคนนี้จะเข้ามาเปลี่ยนโลกของหมอนั่น... ปาร์คชานยอลผู้โดดเดี่ยวทั้งที่มีคนมากมายอยู่รอบข้าง
“โลกของชานยอลอาจจะกว้างมากพอที่จะให้คนเข้ามาเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันก็มีเดินออกไปจากชีวิตเขา แต่มีเพียงคุณแค่คนเดียวที่หมอนั่นอยากรั้งขอให้อยู่”
คนตัวเล็กมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายกับประโยคที่ฟังแล้วหดหู่ ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกับพี่พระเอก แบคฮยอนก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นจะมีมุมอ่อนแอ ครั้งหนึ่งปาร์คชานยอลเป็นแค่ดาราขวางโลกคนหนึ่งที่มั่นใจในตัวเองจนน่าหมั่นไส้ ดูเหมือนไม่แคร์อะไร ความเจ็บปวดใด ๆ ในโลกนี้คงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตผู้ชายคนนั้นไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เลย
พี่พระเอกคือผู้ชายตัวโตที่จิตใจบอบบางที่สุดคนหนึ่ง
“ผมคงไม่สัญญาว่าจะอยู่กับเขานานแค่ไหน มันถูกอย่างที่พี่เคยพูดว่าผมเป็นแค่เด็กอายุสิบแปด ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมต้องให้โลกนี้ช่วยสั่งสอน แต่ผมจะเรียนรู้” แบคฮยอนมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เสียใจกับหนึ่งวินาทีที่กลายเป็นอดีตไปใช่ไหมครับพี่อี้ฝาน?”
เจ้าของชื่อไม่ได้ตอบคำถามในทันที ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ กับคำพูดของเด็กน้อยก่อนจะวางมือลงบนศีรษะทุยอย่างเอ็นดู
“ใช้ไหวพริบและทักษะความเป็นนักเขียนกับเรื่องนี้สิ ถ้าวันนี้คุณเป็นฝ่ายชนะ คุณจะได้รางวัลเป็นความสุขทั้งหมดที่คุณและชานยอลควรจะได้รับ”
ห้างสรรพสินค้าอัดแน่นไปด้วยแฟนคลับและสื่อข่าวมากมาย รวมไปถึงขาจรที่แวะมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในวันนี้ งานแถลงข่าวถูกจัดกลางที่โล่งพร้อมโต๊ะและเก้าอี้สำหรับสื่อทุกสำนัก แบคฮยอนได้ยินพี่อี้ฝานโทรคุยกับพี่พระเอกเมื่อครู่นี้ แว่ว ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังเดินทางมาและคงถึงในอีกไม่ช้า ในขณะที่เขาถึงลานจอดรถวีไอพีของห้างแล้ว วูบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่าจะโดนแฟนคลับหัวรุนแรงของพี่พระเอกสาดน้ำกรดใส่หน้าอย่างที่ไอ้คยองซูพูดไหม แต่พอเห็นพี่การ์ดร่างใหญ่หลายคนยืนเฝ้าคุมอยู่หลายทาง ความกลัวนั้นเลยทุเลาลงไปพอสมควร
รถตู้สีดำจอดเข้าล็อกฝั่งตรงข้ามพร้อมเหล่าแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่วิ่งตามเข้ามา พี่อี้ฝานเปิดประตูลงไปช่วยพี่พระเอกลงจากรถพร้อมกางแขนข้างหนึ่งออกเพื่อกันแฟนคลับไม่ให้เข้าใกล้มากไปกว่านี้ ในขณะที่การ์ดคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
ทุกคนกำลังตรงมาที่รถของเขาและคนที่เดินนำมาข้างหน้าคือพี่พระเอก แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อคอเต่าสีดำสวมทับด้านนอกด้วยโค้ทสีกรมท่า อีกทั้งสีผมที่เปลี่ยนเป็นสีเทาเข้มและถูกเซ็ทขึ้นนั่นอีก... ความหล่อในวันนี้กะจะเอาให้ตายกันทั้งห้างเลยใช่ไหม
เด็กน้อยทำตาปริบ ๆ ทันทีที่ถูกคว้าท่อนแขนให้ลงจากรถ มือใหญ่ที่คิดว่ายากกับการแตะต้องกำลังวางลงบนไหล่ของเขา นักเขียนอายุสิบแปดกับนักแสดงชื่อดังกำลังเดินไปยังทางเข้าห้างสรรพสินค้าด้วยกันโดยมีการ์ดนับสิบขนาบข้างและตามด้วยเสียงกรีดร้องของแฟนคลับจนแสบแก้วหู
“มือพี่อะ”
“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารัก”
“ไม่ใช่เรื่องชุดดิ” แบคฮยอนก้มหัวลงพร้อมแกะมืออีกคนออกไป แต่พี่พระเอกกลับคว้าคอเสื้อเอาไว้แล้วดึงขึ้นจนดูเหมือนว่ากำลังหิ้วเขาให้เดินไปด้วยกัน “เฮ้ยพี่!”
“ผมบอกว่าน่ารักก็น่ารักสิ”
“อะไรของพี่เนี่ย” ในสถานการณ์แบบนี้เราไม่ควรทำตัวติดกันไม่ใช่หรือไง พี่พระเอกก็น่าจะรู้ว่าเราทั้งคู่กำลังตกเป็นเป้าสายตาผู้คนเป็นร้อย แล้วดูดิ พอหันไปรอบข้างก็เห็นทั้งสื่อทั้งแฟนคลับรัวชัตเตอร์ไม่หยุด
ชายหนุ่มคว้าแขนคนตัวเล็กให้ขึ้นไปบนเวทีเตี้ยด้วยกันหลังจากสื่อมากมายต่างประจำที่เรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนรู้สึกเหมือนจะเป็นลมกับแสงแฟลชที่รัวมาไม่หยุด ความกดดันถาโถมเข้ามาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าความตายกำลังจะมาถึง
คำถามแรกเริ่มจากนักข่าวชายทางด้านขวามือ แบคฮยอนประสานมือไว้บนตักแล้วหายใจเข้าลึก ๆ แม้ว่าพี่พระเอกจะเป็นคนตอบ แต่ความกลัวก็ไม่ได้ทุเลาลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“จากข่าวที่ออกมาว่าคุณชานยอลกับคุณแบคฮยอนมีความสัมพันธ์กันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือเปล่าครับ?”
พระเอกหนุ่มยังคงยิ้มรับกับคำถาม มันไม่ได้สร้างความตกใจให้กับเรื่องที่รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นในวันนี้ เขาปรับไมค์ให้อยู่ตรงระดับริมฝีปากพลางมองไปยังสื่อมากมายเบื้องหน้าและหยุดที่กล้องตรงกลาง
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาอยู่ตรงนี้เพื่อฟังผมพูดเรื่องเดิม ๆ อีกครั้ง”
เสียงหัวเราะจากผู้คนที่รายล้อมอยู่โดยรอบดังขึ้นกับความอารมณ์ขันของพระเอกหนุ่ม ชานยอลยิ้มพร้อมมองไปยังกล้องแต่ละตัวที่จับภาพเขาอยู่ หากแสดงอาการหวั่นกลัวให้เห็นล่ะก็... เขาและแบคฮยอนจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเกมนี้ไปทันที การควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในกำมือนั้นมันคือสิ่งที่เขาต้องทำให้ได้
“มันอาจจะน่าสนใจ หรือน่าเบื่อสุด ๆ ที่ผมได้ขึ้นไปอยู่บนหน้าหนึ่งของข่าวบันเทิงอีกครั้ง แต่ช่วยอดทนหน่อยนะครับ วันนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้เห็นปาร์คชานยอลกับข่าวชู้สาว”
เสียงฮือฮาดังขึ้นหลังจากพระเอกหนุ่มพูดจบ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังกังวลสุด ๆ กับประโยคกำกวมซึ่งดูเหมือนจะสื่อไปในทางไม่ดีนัก เขาไม่รู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
“คุณจะลาออกจากวงการเหรอคะ?”
“ผมยังไม่ได้ตอบคำถามแรกเลย รบกวนนั่งลงก่อนนะครับ” ชานยอลผายมือให้นักข่าวสาวนั่งลงที่เดิมและทิ้งจังหวะไปอยู่ชั่วอึดใจ “สำหรับคำถามที่ว่าผมกับแบคฮยอนมีความสัมพันธ์เกินกว่าที่เห็นหรือเปล่า ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ‘ไม่’ ครับ”
เสียงของพระเอกหนุ่มนั้นหนักแน่น ไม่แม้แต่จะลังเลขณะสบตากับนักข่าวคนนั้น คนตัวเล็กไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายตอบกำกวมเพื่อรักษาน้ำใจเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครชอบการโกหก แต่สำหรับโลกที่ความจริงทำให้ใช้ชีวิตลำบาก แบคฮยอนก็รู้สึกดีที่ได้ยินพี่พระเอกตอบอย่างนั้น
“และผมก็ไม่คิดจะออกจากวงการด้วย อืม... ไม่รู้สิครับ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าเหตุผลอะไรที่จะมีน้ำหนักมากพอให้ตัดสินใจถอนตัวออกจากตรงนี้”
“ความรักล่ะคะ? จริงอยู่ที่คุณเคยถูกแฉเรื่องเดทกับนางแบบสาวหรือนักแสดงชื่อดังมาหลายคน แต่พอถึงจุดที่อยากเปิดเผยจริง ๆ คุณจะออกไปใช้ชีวิตอิสระอย่างคนปกติหรือเปล่า?”
ชายหนุ่มยิ้มขำเล็กน้อยกับคำถาม ก่อนจะสบตากับนักข่าวสาว “คุณคิดว่าออกจากวงการไปแล้วจะได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติจริง ๆ เหรอครับ?”
มีเพียงแค่เสียงแฟลชเท่านั้นที่ทำลายความเงียบในช่วงขณะที่พระเอกหนุ่มทิ้งจังหวะไป แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงเหงื่อชื้นที่ไหลออกมาตามฝ่ามือ ความกดดันและความตื่นเต้นทั้งหมดตีตื้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ซึ่งเขาคิดว่ามันคงไม่หายไปง่าย ๆ จนกว่างานแถลงจะสิ้นสุดลง
“มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ พอกลายเป็นคนธรรมดา ผมก็แค่ไม่มีงานบันเทิงให้ทำ แต่เมื่อไปเดินทอดน่องในห้างสรรพสินค้า หรือตามฟุตปาธข้างถนน คนที่เดินผ่านก็จะมองหน้าผม และหลังจากนั้น...” ชายหนุ่มดีดนิ้ว “เรื่องของผมที่อยู่ในความทรงจำของเขาก็จะเริ่มทำงาน ‘อ่า นั่นปาร์คชานยอลที่เคยเล่นเป็นพระเอกหนังเรื่องนี้นี่นา อ้าว ผู้ชายคนนั้นที่เล่นโฆษณาเครื่องดื่มไม่ใช่เหรอ? ฉันเคยชอบเขา เข้าไปขอถ่ายรูปดีกว่า’ ครับ ต่อให้ไม่มีงานทีวีแต่พวกเขาก็ยังจำผมได้ ไหนล่ะครับชีวิตอิสระหลังออกจากวงการบันเทิง”
แบคฮยอนเงยหน้ามองไปยังชั้นบน ผู้คนมากมายยืนอัดแน่นอยู่ข้างรั้วกับหัวข้อน่าสนใจในวันนี้ บางคนรัวถ่ายรูปไม่หยุด บางคนหันไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนหลังจากได้ฟังคำตอบของพี่พระเอก
“เพราะฉะนั้นผมคิดว่ามันยังเป็นเหตุผลที่ยังไม่มีน้ำหนักมากพอ”
“ถ้าคุณเดทจริง กลัวแฟนคลับทิ้งหรือเปล่าคะ?”
“มันควรเป็นเรื่องที่ผมต้องกลัวไม่ใช่เหรอครับ?” ชานยอลยิ้มขำ “ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร สิ่งหนึ่งที่ผมกลัวมากที่สุดก็คือการถูกทิ้ง”
แบคฮยอนมองเสี้ยวหน้าคนข้าง ๆ นี่อาจจะเป็นความจริงข้อแรกที่พี่พระเอกได้พูดอย่างเต็มปากเต็มคำกับสื่อ
“บางคนบอกว่า ‘น่าสงสารแฟนคลับที่ตกหลุมรักดารา เขาไม่แคร์เธอหรอก’ ในขณะที่ดาราอย่างผมก็ทำได้ดีแค่ยิ้มและอวยพรให้ เมื่อแฟนคลับบอกกับผมว่า ‘พี่คะ ฉันกำลังจะแต่งงาน ได้โปรดอวยพรให้ฉันมีความสุขกับชีวิตคู่ด้วยนะคะ’ หรือแม้แต่ตอนที่เห็นว่าเธอกำลังเลิกชอบผมเพราะหันไปชอบนักแสดงหน้าใหม่ ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่ตกหลุมรักใคร?”
บรรยากาศดูหมองลงไปตามน้ำเสียงและแววตาของพระเอกหนุ่ม แบคฮยอนชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าที่พูดออกมาทั้งหมดนั้นคือความรู้สึกที่แท้จริงหรือการแสดงกันแน่ เขาอยากเชื่อว่ามันคือความรู้สึกที่แท้จริง แต่ถ้ามันคือการแสดง พี่พระเอกก็คงตีบทแตกอย่างน่าตกใจเกินไปแล้ว
“กลับมาที่เรื่องของคุณสองคนนะคะ เกี่ยวกับรูปที่คุณไปเที่ยวทะเลด้วยกัน และไหนจะออกไปข้างนอกด้วยกันสองต่อสองอยู่บ่อย ๆ โดยไม่มีผู้จัดการส่วนตัวอีก รบกวนคุณแบคฮยอนตอบคำถามนี้ด้วยค่ะ” ดูเหมือนว่าสื่อจะจับทางได้แล้วว่าเล่นกับเขาไม่ได้ เลยหันไปหาเด็กคนนี้แทน
คนตัวเล็กไม่ได้ตอบคำถามในทันที เจ้าตัวเพียงแค่หันมามองเขา เราสบตากันโดยที่สื่อสารทางคำพูดไม่ได้ แบคฮยอนทิ้งให้ความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนนับร้อยในละแวกนี้ทำงานอย่างหนัก ก่อนที่เจ้าตัวจะจัดไมค์ให้อยู่ในองศาที่พอดีกับริมฝีปากตนเอง
“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าการที่ไปไหนกับพี่เขามันจะน่าจับผิดขนาดนี้ ผมเคยเห็นแต่ข่าวดาราชายหญิงมาตลอด ส่วนเรื่องที่ไม่มีผู้จัดการส่วนตัวไปด้วย... ผมคิดว่าถ้าพี่เขาไม่ได้เป็นง่อยก็คงไปไหนมาไหนเองได้โดยไม่ต้องรอผู้จัดการเปล่าครับ...”
“คุณ” ชานยอลกดเสียงลงต่ำพร้อมส่งสายตามาเป็นเชิงปรามให้ระวังคำพูดมากกว่านี้ แบคฮยอนตะปบปากตัวเองแล้วหันไปยิ้มเจื่อนก่อนจะโค้งหัวขอโทษ
“แต่ถ้าถามเรื่องไปเที่ยวด้วยกัน ผมก็คงต้องขออนุญาตแหกพี่เขานิดนึงครับ...”
ทั้งสื่อและผู้คนโดยรอบต่างส่งเสียงฮือฮากับประโยคไม่เป็นทางการที่หลุดออกมาจากปากคนตัวเล็กอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผิดกับพระเอกหนุ่มที่ไม่ว่าสื่อจะยิงมาไม้ไหนก็รับได้และตอกกลับไปอย่างนุ่มนวล
“ไม่อยากพูดแบบนี้เลยครับ แต่ว่าพี่เขาไม่ใช่คนมีสังคม” แบคฮยอนชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่ถลึงตามองคาดโทษกับคำพูดที่ไม่เคยเตรียมกันไว้ก่อน
เขากับพี่พระเอกไม่ได้คุยเรื่องนี้กันมาเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ข่าวที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนไม่มีรูปจูบประกอบนั่นแหละที่ทำให้แผนตึงเครียดพลิกผันไปหมด ถึงจะได้ยินพี่อี้ฝานบ่นอย่างหัวเสียว่าคนพวกนั้นหัวหมอที่มาขู่ด้วยรูปที่ไม่ได้ถ่ายมาก็เถอะ ไม่รู้ล่ะ นาทีนี้ถ้าพี่พระเอกไม่เริ่มแถ เขาก็จะแถเอง
“พอมีวันหยุดพี่เขาเลยลากผมไปเที่ยวด้วย คงไม่ต้องถามถึงความเต็มใจ”
“นี่คุณ” ชานยอลขมวดคิ้วพลางขยับปากบ่นแบบไม่มีเสียง
“แล้วรูปในน้ำล่ะคะ ถ้าคุณไม่เต็มใจ แล้วให้เขาจับมือทำไม”
“ก็พระเอกคนเก่งของโลกใบนี้เขาว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าไม่ลากขึ้นมาด้วยกันก็คงลอยหายตายจากไปกับน้ำทะเลแน่ ๆ อะ” แบคฮยอนชี้นิ้วไปยังคนตัวสูงที่นั่งถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ ชานยอลคว้านิ้วเรียวเอาไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะรีบชักมือกลับในทันที
“แล้วที่ข่าวบอกว่าคุณสองคนจูบกันล่ะครับ?”
“จูบ?” แบคฮยอนทวนคำถาม ก่อนจะแกล้งหัวเราะออกมาราวกับว่าเรื่องนี้มันตลกเสียเต็มประดา บ้าเอ๊ย จะแถก็แถได้ไม่เต็มปาก
“ใช่ครับ เราจูบกัน”
“ว้อท!?” ร่างเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจ พร้อมเสียงฮือฮาของผู้คนนับร้อยโดยรอบ ชานยอลชำเลืองมองเด็กตัวแสบที่เอาแต่พูดจ้อไม่หยุดจนทำให้แผนของเขาบิดเบี้ยวไปหมด คำพูดที่เรียบเรียงมาก็เละไม่เป็นท่า
“แล้วที่ปฏิเสธมาทั้งหมดมันยังไงครับ ในเมื่อคุณสองคนจูบกันจริง ๆ”
“อย่างที่เห็นว่าเด็กคนนี้ปากเป็นยังไง แต่เวลาอยู่กับผมให้คูณร้อยเข้าไปอีก ความตั้งใจของผมก็แค่ต้องการให้เขาหยุดพูดเท่านั้น ผมไม่คิดว่าจะมีคนเก็บเรื่องนี้มาเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะตอนที่ผมอยู่เมืองนอก การจูบมันก็เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่มันยังไม่ลึกซึ้งด้วยการใช้ลิ้นน่ะครับ” ชานยอลวางมือลงบนศีรษะคนตัวเล็กซึ่งมีหมวกรองรับอยู่ แบคฮยอนเบี่ยงตัวหลบพร้อมมองค้อนคนอายุมากกว่าที่กำลังแถหูหลับตับไหม้ นี่จะวัดสกิลกันใช่ไหม
“ปากพี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“เห็นไหมล่ะครับ เถียงคำไม่ตกฟาก” เด็กน้อยปัดมือแกร่งออกอย่างหัวเสีย ไม่มีแล้วผู้ชายที่ทำให้คิดมากตลอดทั้งคืนเพราะความเป็นห่วง ผู้จัดการหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างเวทีอดไม่ได้ที่จะยิ้มขำ กับท่าทางที่ทั้งคู่แสดงออกมานั้นมันไม่ต่างจากงานแถลงข่าวครั้งแรกเลยสักนิด
“ยังไงก็จะยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรกันเหรอคะ?”
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังถ้ามันไม่ใช่อย่างที่พวกคุณกำลังสงสัยอยู่” ชานยอลยังคงควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี กับคำบอกกล่าวของจงอินที่แนะนำเรื่องการวางตัวแบบพระเจ้านั้นมันค่อนข้างที่จะเข้าท่าเลยทีเดียว
‘จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกมายา ก็ต้องปรับตัวอยู่กับมันให้ได้’
‘การพูดความจริงมันช่วยทำให้รอดไม่ได้เวลาเจอวิกฤติหรอก แต่การตีบทแตกหน้าตายมันช่วยได้’
‘ไม่ว่าจะถูกไล่ต้อนยังไง นายต้องหัวไวมากพอที่จะดึงเกมกลับมาให้ได้ นายไม่ใช่ประเภทแบดบอย งั้นก็ใช้ความเพอร์เฟ็คที่ทุกคนมองเห็นกับเรื่องนี้ซะ’
‘แบมือออกสิ แล้วจะเห็นว่าโลกใบนี้มันอยู่ในกำมือของนาย’
“แล้วที่เคยพูดทิ้งท้ายไว้เมื่อคราวก่อนว่าความสัมพันธ์ของคุณสองคนอาจจะพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่นี่ยังไงคะ หมายความว่าคุณมีสิทธิ์ชอบผู้ชายด้วยกันจริง ๆ ใช่หรือเปล่า?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มันจะเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์เลยใช่ไหมครับ?” ชานยอลสบตากับนักข่าวสาวคนนั้น “น่าใจหายจริง ๆ ที่ความรู้สึกของมนุษย์ถูกขีดเส้นความถูกต้องด้วยเพศ”
“คุณไม่เห็นด้วยเหรอคะ?”
“มันเป็นเรื่องของความรู้สึกน่ะครับ ผมอยู่วงการนี้มานานพอสมควร มีบางอย่างที่ยังไม่รู้และยังต้องเรียนรู้ แต่ผมก็เห็นอะไรมาเยอะเหมือนกัน ประเทศเราไม่ชอบรักร่วมเพศ แต่ค่ายเพลงส่วนใหญ่ก็ยังขายจุดนี้เพื่อเอาใจสาววาย” ผู้คนต่างให้ความสนใจกับประโยคเมื่อครู่ และคิดว่าปาร์คชานยอลไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้พูดแบบนั้นออกสื่อ
“แล้วคุณรู้สึกยังไงเวลามีคนจับคุณให้คู่กับผู้ชายคะ ยกตัวอย่างเช่นคุณคิมจงอินที่เล่นละครและงานโฆษณากับคุณอยู่บ่อยครั้ง?”
“ผมคงตอบว่าไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากยิ้มได้ถ้ามันทำให้แฟนคลับของผมมีความสุข” แบคฮยอนแอบเบะปากเล็กน้อยกับคำพูดคำจาที่ดูเหมือนจะเป็นคนดีใสสะอาดของอีกฝ่าย ถ้าโลกใบนี้รู้ว่าพี่เขายี๊หน้ากันแทบตายจะเป็นยังไงนะ
“หลังจากเป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศมาถึงสองครั้งภายในเวลาปีเดียว คุณแบคฮยอนรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ครับ?”
“ผมเหรอ... ก็-- อายครับ” ชานยอลหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ คำตอบที่ตรงไปตรงมาของเด็กคนนี้ซึ่งมาพร้อมสีหน้าซื่อ ๆ นั่นน่ะ... น่าเข้าไปฟัดแก้มเป็นบ้า
“เพราะฉะนั้นผมอยากรบกวนทุกคนให้ทำความเข้าใจเรื่องนี้ใหม่สักหน่อย แบคฮยอนยังเรียนอยู่ ยังต้องไปโรงเรียน เจอผู้คนอีกมากมาย มันคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดเขาใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขเพราะถูกจับตามองว่าเป็นอะไรกับผม แม่ของเขายังต้องเดินตลาดน่ะครับ”
เสียงหัวเราะจากคนรอบข้างดังขึ้นลั่นไปทั่วทั้งห้าง บรรยากาศในตอนนี้เริ่มผ่อนคลายทีละนิดกับความเวอร์ในการบอกเล่าของพี่พระเอก แม่คงภูมิใจไม่น้อยที่พี่เขาออกปากปกป้องถึงขนาดนี้
“อยากพูดอะไรส่งท้ายไหมครับ?”
“โอป้าขอโทษนะครับเวนดี้”
แบคฮยอนตาเหลือก แทบลืมไปเลยว่าถ้าดึงเรื่องยัยขี้เมาท์นั่นมาพูดแต่แรกบางทีเรื่องนี้อาจจะจบไปตั้งนานแล้ว แต่มันต้องไม่ใช่หลุดออกมาจากปากพี่พระเอกสิวะ!
“เวนดี้? ใครเหรอคะ?”
“แฟนผม” <- แบคฮยอน
“แฟนคลับของผมเองครับ” <- ชานยอล
ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำให้เรื่องมันยุ่งยาก พระเอกหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้เด็กตัวแสบเงียบแล้วปล่อยให้เขาจัดการเองสักที แต่แบคฮยอนก็ส่งสายตาตอบกลับมาว่าไม่ยอม
“ครับ เธอเป็นแฟนแบคฮยอน แล้วก็เป็นแฟนคลับผมด้วย”
“ทำไมถึงต้องขอโทษเธอล่ะคะ?”
“เพราะผมกำลังทำให้แฟนของเธอลำบากเพราะตกเป็นข่าวน่ะครับ หรือเปล่านะ?” พระเอกหนุ่มเท้าศอกมองเด็กน้อยที่กำลังแค่นหัวเราะ ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ในตอนนี้จะไม่ใช่สื่อทุกสำนัก แต่มันคือพี่พระเอกต่างหาก
“ลำบากมากด้วย”
“รู้สึกผิดจังเลยครับ”
อี้ฝานส่ายหน้าพลางถอนหายใจ กับคู่รักบนเวทีที่กำลังแสดงละครโดยไม่ต้องนัดซ้อมกันมาก่อน บางทีสองคนนั้นควรนึกได้ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง เพราะยังมีกล้องของสื่อข่าวและผู้คนอีกมากมายกำลังจับตามองอยู่
“แล้วคุณแบคฮยอนล่ะครับ อยากพูดอะไรส่งท้ายหรือเปล่า?”
เจ้าของชื่อเงียบไปชั่วอึดใจ ทุกคนที่อยู่ละแวกนี้ต่างมองไปยังเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเวทีขนาดเล็ก และชานยอลก็เช่นกัน เขาอยากรู้ว่าคนตัวเล็กจะพูดยังไงเพื่อให้เรื่องนี้จบลงอย่างสวยงามเหมือนครั้งก่อน
“ในวันนี้ผมอาจจะโดนด่าแหลกในอินเทอร์เน็ต ทั้งจากแฟนคลับพี่ชานยอล หรือขาจรที่เที่ยวด่าในเวปไซต์เอามันโดยที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับชีวิตผม แต่พวกคุณจะทำได้แค่ด่า”
พระเอกหนุ่มชะงักไปหลังจากได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาคู่นั้นที่มองไปยังกล้องตรงกลาง แบคฮยอนไม่หลงเหลือท่าทีตื่นกลัวเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว เด็กขี้กังวลที่คุยกันเมื่อคืนได้หายไปและแทนที่ด้วยเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งซึ่งกำลังพยายามเข้มแข็งเพื่อประคับประคองความรักของเราต่อไปให้ได้
“พวกคุณเห็นพี่ชานยอลแค่ในจอทีวี ไม่ได้มาเห็นเขาใช้ชีวิตข้างนอก แต่ผมเห็น” แบคฮยอนไม่หันมามองหน้าเขาระหว่างพูดเลยสักนิด “ผมรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง เขาว้าเหว่แค่ไหนกับโลกมายาที่มีเพียงแค่แฟนคลับที่อยู่เพื่อพี่เขา”
“...”
“ผมไม่ได้ก้าวร้าว ผมพยายามใช้คำพูดอย่างระมัดระวังที่สุดแล้ว” คนตัวเล็กเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ “ถึงจะถูกถ่ายรูปมาจับผิดอีกกี่ร้อยครั้ง คุณก็จะได้แค่รูปไปเขียนข่าวเพื่อสร้างกระแสให้องค์กร และต่อให้ต้องจัดโต๊ะแถลงการณ์อีกกี่ครั้ง เด็กอายุสิบแปดอย่างผมก็จะอยู่ตรงนี้กับพี่ชานยอล” แบคฮยอนลุกขึ้นยืน เท้ามือลงกับโต๊ะพร้อมก้มลงพูดกับไมค์
“...”
“ผมรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ แต่จรรยาบรรณก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจมากกว่านี้ การกรองข่าวมันจำเป็นมากสำหรับงานที่คุณทำอยู่ เพลา ๆ เรื่องจับผิดคนอื่นแล้วหันไปสนใจครอบครัวตัวเองบ้างดีไหมครับ คุณสนใจแต่ชีวิตคนอื่นมากเกินไปแล้ว”
นักข่าวทุกสำนักต่างค้างอยู่ในท่าถือไมค์ ไม่เว้นแม้แต่ชานยอลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แน่นอนว่าทุกอย่างที่แบคฮยอนแสดงออกตั้งแต่แรกเริ่มการตั้งโต๊ะแถลงมันสร้างความประหลาดใจให้กับเขา แต่กับประโยคเมื่อครู่นี้มันเกินความคาดหมายจริง ๆ
ทุกสายตาหันไปทางผู้จัดการหนุ่มร่างสูงที่ยืนปรบมืออยู่ข้างเวที เขาเห็นว่าพี่อี้ฝานกำลังยิ้มซึ่งไม่ใช่ภาพที่จะได้เห็นบ่อย ตอนนั้นแบคฮยอนถึงได้รู้ตัวว่าพูดมากเกินไป และเขาก็จำไม่ได้แล้วด้วยว่าหลุดพูดอะไรออกไปบ้าง สมองมันรวนไปหมด
คนตัวเล็กกวาดสายตาไปรอบตัวเมื่อเสียงปรบมือดังขึ้นประสานกันจนได้ยินไปทั่วห้างสรรพสินค้า แบคฮยอนไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันจะถูกใจใครเลยด้วยซ้ำ เขาแค่พูดไปตามความรู้สึกเพื่อแสดงจุดยืนให้คนอื่นได้รู้ และเป็นการสร้างหนทางให้เขาได้อยู่ใกล้พี่พระเอกต่อไป
...มันก็แค่นั้นเอง
หันไปข้างกายแล้วก็ได้เห็นว่าพระเอกหนุ่มกำลังหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าหล่อที่สาว ๆ ต่างตกหลุมรักนั้นกำลังยิ้มให้กับเขา มันช่างอ่อนโยนและน่าอบอุ่นใจในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้เหลือเกิน
คนตัวเล็กหลุบสายตาลงมองมือต้องห้ามที่ต้องใช้ความคิดก่อนสัมผัส ชานยอลแบมือออกเพื่อรอให้เด็กน้อยของเขาวางมือลงมาเพื่อแสดงให้คนทั้งโลกรู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้กลัวความคิดของคนอื่นที่จ้องจะทำให้ชีวิตของเราตกต่ำลง
แบคฮยอนค่อย ๆ วางมือลงไปก่อนที่มือใหญ่จะค่อย ๆ กอบกุมเอาไว้จนกลายเป็นสอดประสานเรียวนิ้ว ทั้งคู่หันเข้าหาสื่อและผู้คนที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะโค้งหัวลงต่ำเพื่อแสดงความเคารพหลังจากการแถลงสิ้นสุดลงพร้อมเสียงปรบมือที่ยังคงดังก้องไปทั้งห้างสรรพสินค้า
รู้สึกได้ถึงขาทั้งสองข้างที่มันไร้เรี่ยวแรงเพราะความตื่นเต้น และดูเหมือนว่าพี่พระเอกจะรู้ถึงได้โอบไหล่เขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียการทรงตัว ในหัวของเด็กน้อยวัยสิบแปดที่เพิ่งพลั้งปากพูดบ้า ๆ ออกไปมีอะไรไม่รู้วนเวียนอยู่เต็มไปหมด แบคฮยอนเอาแต่ฉีกยิ้มโง่ ๆ ตอนพระเอกหนุ่มชี้นิ้วไปยังกล้องที่จับภาพของเราระหว่างเดินทางไปขึ้นรถ
“เอาล่ะ พี่มีทางเลือกให้สองทาง ระหว่างแยกย้ายกันกลับไปนอนหรือหามื้อเที่ยงควบเย็นทานกันดี?”
เสียงของพี่อี้ฝานน่าฟังขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แบคฮยอนสบตากับผู้จัดการหนุ่มผ่านกระจกมองหลังก่อนจะหันไปมองคนข้างตัวที่กุมมือเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ใบหน้าของพี่พระเอกนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนดูเหมือนว่าเรื่องน่ากังวลใจเมื่อก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ไปทุกที่ที่มีคนตามถ่ายรูปได้ ผมจะไม่นอนจนกว่าบ้านแฟนไซต์จะลงรูป HQ”
คำพูดของนักแสดงในความดูแลฟังดูน่าหมั่นไส้อย่างถึงขีดสุด อี้ฝานได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกกับการจัดโต๊ะแถลงข่าวซึ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ แน่นอนว่าทุกคนล้วนแต่ตกอยู่ในความกังวล แต่ถึงอย่างนั้นปาร์คชานยอลก็ใช้ทักษะของการเป็นนักแสดงได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งเด็กคนนี้ที่เขาประเมินต่ำเกินไป บยอนแบคฮยอนไม่ใช่แค่เด็กอายุสิบแปด แต่เด็กคนนี้เป็น ‘นักเขียน’ ที่มีกึ๋นมากเกินกว่าที่จะสบประมาทด้วยอายุ เชื่อว่าถ้าโตขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย เจ้าตัวคงสร้างความประหลาดใจให้มากกว่านี้เป็นแน่
“เก่งได้แม่มัน”
“ได้ฉันด้วย”
“หุบปากไปเลยไอ้แก่ ลูกฉันเลี้ยงมากับมือ”
แม่ผลักหัวพ่อก่อนจะหันมาลูบหัวลูกชายคนเล็กอย่างเอ็นดู แบคฮยอนอมยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้ว ไม่ใช่เพราะแม่พูดดีด้วย แต่เป็นเพราะผลลัพธ์ที่ออกมาเกินความคาดหมายโดยที่ไม่ทำให้ใครต้องรู้สึกแย่
‘ฟ้าหลังฝนมันสวยมากเลยใช่ไหม? แต่อย่าประมาทล่ะ เพราะบางทีเราอาจจะเผลอหกล้มเพราะถนนลื่นก็ได้ พี่จงอินคนดีเป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ นะครับ’
มันจริงอย่างที่ข้อความพี่ตัวโกงส่งมา หลังจากผ่านเรื่องราวที่ทำให้ตกอยู่ในความกลัวไปได้ก็ดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะเห็นคุณค่าของความสุขในทุกนาทีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กน้อยก้มลงมองถ้วยเซรามิกส์สีดำซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อชั้นดีที่แม่ตักให้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจก็คือการเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นพ่อกับพี่ชายนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และแม่นั่งอยู่ข้างตัว คละคลุ้งไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของคนในครอบครัว มันคือสิ่งเดียวที่เขาไม่อยากสูญเสียไป แบคฮยอนคงเกลียดตัวเองถ้าต้องทำให้ทุกคนต้องรู้สึกแย่กับสิ่งที่เขาเป็น
ต่อไปนี้จะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังอย่างที่พี่ตัวโกงแนะนำ บยอนแบคฮยอนจะต้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ทีดีให้ได้
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เปิดสไกป์คุยกับเพื่อนรัก คยองซูเอาแต่พูดไม่หยุดถึงเรื่องงานแถลงในวันนี้ ทั้งชมว่าเขาฉลาดมีไหวพริบ ไม่เสียแรงที่มันสละเวลาอันมีค่ามาเสี้ยมสอน ไหนจะหลอกด่าอีกสารพัด
คยองซูบอกว่าบ้านแฟนไซต์พี่พระเอกมีความสุขมากเลยพากันแจกของกันยกใหญ่ ตั้งแต่โฟโต้บุ๊กไปจนถึงตุ๊กตาและผ้าเชียร์ และปิดท้ายด้วยการบอกข่าวดีว่าได้บัตรคอนงานการกุศลที่ใกล้จะมาถึงนี้แล้ว
พอวางสายก็เดินออกไปเปิดตู้เย็น รินนมใส่แก้วแล้วยกดื่มอยู่ตรงนั้น เขาเห็นว่าแม่กำลังเดินไปเปิดประตูบ้านหลังจากเสียงเคาะประตูดังขึ้น พอก้มหน้าลงมองก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ ทันทีที่เห็นว่าพี่พระเอกยืนอยู่หน้าประตูในชุดไม่เป็นทางการ
“อ้าวชานยอล”
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มโค้งหัวทักทาย พลางทอดสายตาเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่มาถึง เขายิ้มให้กับคุณแม่ยังสาว ก่อนจะหยุดสายตาที่คนตัวเล็กซึ่งอยู่ในชุดนอนลายสก๊อตสีน้ำตาลและแก้วนมในมือ
“มาซะดึกเลย เข้ามาก่อนสิ ข้างนอกมันหนาว” ฮโยลินจับท่อนแขนอีกคนให้เข้ามาในบ้านก่อนจะปิดประตู แบคฮยอนถอยออกมาจากตรงนั้นแล้วแกล้งทำเป็นยืนดื่มนมหน้าห้องครัวเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับการที่พี่พระเอกกับแม่กำลังนั่งคุยกันอยู่ตรงโซฟา
“ที่จริงผมว่าจะมาพรุ่งนี้ แต่ก็ทนรอให้ถึงตอนนั้นไม่ไหว” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ขณะมองหน้าคุณแม่ยังสาวและไม่ลืมที่จะโค้งหัว ฮโยลินเบิกตากว้างอย่างตกใจ รีบยื่นมือออกไปข้างหน้าเป็นเชิงบอกอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้น “ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนอีกแล้วนะครับ”
“เดือดร้อนอะไรกัน ดูพูดเข้าสิ”
“ทั้งเรื่องข่าวที่ส่งผลกระทบถึงครอบครัวของคุณ และที่ผมมารบกวนกลางดึกแบบนี้อีก ถ้าไม่ได้ขอโทษคุณฮโยลินคืนนี้ผมก็คงข่มตาหลับไม่ลงแน่”
เจ้าของชื่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา คุณแม่ยังสาวเอื้อมมือไปจับท่อนแขนดาราหนุ่มพร้อมบีบเบา ๆ จริงอยู่ที่คิมฮโยลินก่นด่าลูกชายเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ถ้าชานยอลอยากขอโทษ พี่ก็จะรับไว้ แต่หลังจากนี้ก็เลิกกังวลกับมันเถอะนะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว และตราบใดที่ยังไม่มีใครล้มหายตายจากไปเพราะเรื่องนี้ก็อย่ารู้สึกผิดเลย”
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้ม เขาเชื่อแล้วว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเป็นยังไง ที่แบคฮยอนเป็นเด็กแสบแต่ไม่แก่แดดจนน่าหงุดหงิด และเป็นเด็กจิตใจดีเข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ แบบนั้น ทุกอย่างล้วนมาจากการถูกเลี้ยงในครอบครัว
บ้านบยอนไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนในละคร ที่พ่อแม่ต้องเป็นเจ้าของบริษัทรวยล้นฟ้าชนิดว่าใช้เงินทั้งชาติก็คงไม่หมด หัวหน้าครอบครัวเป็นพนักงานกินเงินเดือน แม่บ้านที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำความสะอาดและดูแลสามีกับลูกอีกสองคน พี่ชายคนโตอยู่ในช่วงมหาลัย เรียนบ้าง เล่นบ้าง และคบกับเด็กผู้หญิงเหมือนปกติทั่วไป
ในขณะที่แบคฮยอนก็เป็นเด็กมอปลายคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนเก่งเกรดเฉลี่ยพุ่งสูงจนต้องยกย่อง แต่สิ่งที่ทำให้เด็กคนนี้น่าเอ็นดูก็คือเรื่องช่วยครอบครัวหารายได้จากความชอบของตัวเอง อีกทั้งอุปนิสัยที่ไม่ได้เป็นเส้นตรง เมื่อไม่สบอารมณ์เจ้าตัวจะแสดงออกอีกอย่างหนึ่ง เวลาดีใจ หรือแม้แต่ตอนรู้สึกแย่ เด็กคนนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับเขาได้อยู่เสมอ
“เราเองก็ลำบากที่ต้องประคับประคองตัวเองให้อยู่ในวงการแบบนั้นใช่ไหม แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ แบคฮยอนมันถูกเลี้ยงมาเหมือนทหารยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไอ้เด็กนั่นมันอึด” คนถูกกล่าวถึงหรี่ตาลงขณะกระดกนมสดลงคอ แอบชำเลืองมองคนเป็นแม่และพระเอกหนุ่มที่อยู่ด้านนอก จริง ๆ เล้ย! ไม่เคยจะพูดถึงลูกให้คนอื่นฟังในแง่ดีสักครั้ง -_-
“ข้อนี้ยากจังเลยครับ ผมเป็นห่วงเขาไปแล้วซะด้วยสิ” ชายหนุ่มยิ้มขำ แบคฮยอนรู้สึกร้อนไปทั้งหน้ากับคำพูดเหล่านั้น คงมีแต่แม่คนเดียวที่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
“เป็นห่วงก็ดีแล้ว ไอ้เด็กนั่นกับพี่ชายแท้ ๆ ของมันก็กัดกันอย่างกับหมา ถ้าได้ชานยอลมาเป็นพี่ชายอีกคนมันคงหายเหงา” ฮโยลินว่าอย่างวางใจ ยิ่งเห็นลูกชายติดพระเอกหนุ่มรุ่นพี่แบบนี้ก็ยิ่งไม่ต้องเครียดว่ามันจะไปทำใครท้อง
“ครับ ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน” คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยทันทีที่เห็นว่าใบหน้าหล่อหันมาทางนี้ แบคฮยอนหันหลังเข้าไปในครัวแล้วล้างแก้วนม หมกมุ่นอยู่กับสายน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกอยู่อย่างนั้น ให้ตายเถอะ พี่พระเอกไม่กลัวแม่จะจับได้บ้างหรือไงนะ ถ้าวันนั้นมาถึงเขานี่แหละจะกลายเป็นศพแรก แค่นึกถึงหน้าแม่ตอนเป็นนางยักษ์ขมูขีแล้วก็กลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
“แบคฮยอน” สองขาเดินออกมาข้างนอกก่อนจะหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงคนเป็นแม่ทัก เด็กน้อยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามพลางมองไปยังพระเอกหนุ่มกับผู้ให้กำเนิดที่เพิ่งลุกขึ้นจากโซฟา “ไปจัดเตียงไป คืนนี้พี่ชานยอลจะค้างด้วย”
“หา ทำไมค้างอะ?”
“แม่บอกให้พี่เขาอยู่เองแหละ นี่ดึกแล้ว ขับรถกลับตอนนี้มันอันตราย แกเสียสละเตียงให้พี่เขาแล้วเข้าไปเอาผ้าปูในห้องแม่ซะไป”
“แล้วมันอันตรายยังไง...” เด็กน้อยพูดเสียงเบา ก่อนจะสะดุ้งเฮือกทันทีที่เห็นสายตาอาฆาตของแม่
“ทำไมแกต้องถามมากด้วยเนี่ย ไปจัดที่นอน!”
“รบกวนด้วยนะครับ” คนตัวเล็กหรี่ตามองพระเอกหนุ่มที่ดูเหมือนจะพอใจกับการตัดสินใจของแม่เป็นอย่างมาก ต้องให้พูดไหมว่าหมั่นไส้รอยยิ้มบนใบหน้าพี่เขาแค่ไหน
“ผ้าห่มลายน่ารักดีนะครับ”
“อย่าแซวดิ ผืนนี้ใช้ตอนอยู่ประถม” แบคฮยอนหันไปมองค้อนคนที่นั่งอยู่บนเตียงสามฟุตแคบ ๆ พร้อมปูที่นอนสำหรับตัวเองบนพื้นไปด้วย รู้สึกอายอยู่ไม่น้อยที่ต้องให้อีกคนมาเห็นความเป็นเด็กของเขาแบบนี้
“ผมว่าน่ารักดี ทั้งคุณ ทั้งผ้าห่ม”
“ไม่ต้องเลย วันนี้พี่ทำผมแสบมาก” เด็กน้อยชี้คาดโทษพร้อมย่นจมูกใส่ ชานยอลเห็นอย่างนั้นก็เท้ามือไว้ข้างหลังทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากแฟนเด็ก
“แต่วันนี้คุณทำให้ผมประทับใจนะ” ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแกล้งเมินเขา หลังจากเรียกสติกลับมาหลังจบงานแถลง แบคฮยอนก็เอาแต่บ่นไม่หยุดว่าหัวใจเกือบวายตายตอนที่เขาพูดถึงเรื่องจูบอย่างหน้าตาเฉย “ยังงอนอยู่เหรอครับ?”
“โน แต่จะนอนแล้ว” เด็กน้อยทิ้งตัวลงนอนกับผ้าปูแล้วใช้เท้าเกี่ยวผ้านวมลายดอกทานตะวันขึ้นมาห่มจนถึงคอ
ชานยอลเลิกคิ้วมองเด็กแสบที่เลือกหันหลังให้เขาแทนที่จะเดินมาหอมแก้มสักฟอดแล้วบอกฝันดี ชายหนุ่มปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอนตัวลงนอนไปบนเตียงแคบ
มีเพียงแค่แสงจากโคมไฟสีส้มตรงโต๊ะคอมพ์เท่านั้นที่ทำให้มองเห็น แต่คนตัวเล็กที่นอนหันหลังให้ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้พระเอกหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่ มันก็จริงที่เขารอดจากเงื้อมมือพวกสื่อหิวข่าวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะประมาทได้ แบคฮยอนยังคงระแวงว่าจะถูกจับตามองอยู่ ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านของเขาเองก็เถอะ
เสียงพลิกตัวบนเตียงดึงความสนใจจากเด็กน้อยให้หลุดจากความคิด แบคฮยอนหันกลับไปข้างหลังแล้วก็เห็นว่าคนตัวสูงพยายามจัดการตัวเองให้นอนบนเตียงสามฟุตให้ได้ คนตัวเล็กหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมสบตากับคนรักพลางถอนหายใจ
“เห็นไหม ถ้ากลับไปนอนที่คอนโดก็ไม่ต้องทรมานแล้ว”
“ก็ผมอยากอยู่กับคุณนี่ครับ”
“แต่พี่จะนอนไม่สบาย ดูดิ” แบคฮยอนมองขายาว ๆ ของอีกฝ่ายที่พ้นออกมาจากเตียง ชานยอลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหดขาเข้ามาแล้วนอนหันข้าง ซึ่งมันช่างเป็นภาพที่ตลกเหลือเกิน
“เป็นห่วงเหรอครับ?”
“ทำไมต้องถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว” แบคฮยอนบุ้ยปาก
หมั่นเขี้ยวใบหน้าซน ๆ ของเด็กคนนี้จริง ๆ ให้ตายเถอะ ปาร์คชานยอลอาจจะมีความอดทนสูงแต่ก็ไม่ใช่กับทุกเรื่อง ซึ่งคิดว่ามันคงใช้กับบยอนแบคฮยอนไม่ได้ เขาต้องข่มใจตัวเองไม่ให้เข้าไปฟัดแก้มเด็กคนนี้แค่ไหน เจ้าตัวคงไม่รู้
“งั้นทำไมคุณถึงหายใจ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งก็ต้องตาย”
“ไม่ย้อนเด็กบ้างจะเป็นไรป่ะ” แบคฮยอนจิ๊ปาก ถีบขาเตียงขู่หวังจะให้คนอายุมากกว่ากลัวบ้าง แต่พี่พระเอกกลับเอาแต่ยิ้มขำพอใจ
“เป็นห่วงก็บอกว่าเป็นห่วง ไม่เห็นจะยากเลยนี่ครับ เหมือนที่เราคุยโทรศัพท์กันเมื่อคืน ตอนนั้นคุณน่ารักมากจนผมต้องห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้คว้ากุญแจรถออกมาหาคุณ”
“หรือจะลงมานอนพื้น แลกกันไหมล่ะ แต่ตรงนี้มันจะทำให้พี่ปวดหลังไปจนถึงเช้า ตื่นแล้วห้ามบ่นด้วย” เด็กปากแข็งรีบเปลี่ยนไปเรื่องอื่น ชานยอลหลุบสายตาลงมองที่นอนก่อนคนตัวเล็กจะย่นจมูกใส่แล้วทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้เหมือนเดิม
ความเงียบยึดครองทุกอาณาบริเวณในคืนหิมะตก แบคฮยอนไม่สามารถข่มตาหลับได้ทั้งที่รู้ว่าอีกคนนอนอยู่บนเตียง ไม่มีเสียงขยับตัวหรือประโยคเรียกร้องความสนใจจากพี่พระเอกอีก ถ้าจะบอกว่าพี่เขาอาจจะปรับสภาพให้เข้ากับเตียงสามฟุตได้แล้วก็คงไม่น่าจะใช่...
คนตัวเล็กค่อย ๆ หันกลับไปมองข้างหลัง ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีที่เห็นว่าใครอีกคนได้มานอนอยู่ข้าง ๆ และในวินาทีนี้เรากำลังสบตากัน แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินเพียงแค่เห็นรอยยิ้มของพระเอกหนุ่มในระยะใกล้ พร้อมมืออุ่นที่กำลังทาบลงบนแก้มเขาอย่างเบามือ
“ผมคงนอนไม่หลับทั้งที่อยู่ด้วยกันในห้องนี้ แต่คุณกลับไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผม”
“...”
“อย่ากังวลไปเลยนะครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร”
การเป็นผู้ใหญ่ก็เหมือนมีเวทย์มนต์อยู่ในมือ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกอ่านความคิดอย่างทะลุปรุโปร่งจนไม่เหลือความลับให้เก็บไว้ในใจ ความกลัวมากมายที่เกิดขึ้นทำให้เขายังลังเลในการเข้าใกล้พี่พระเอก ทั้งที่เป็นคนประกาศกร้าวออกไปในงานแถลงข่าวเพื่อยืนยันจุดยืนกับปากเองแท้ ๆ
“แต่ถ้านอนตรงนี้พี่จะปวดหลังนะ” ไม่มีอีกแล้วเด็กดื้อที่เคยทำตาขวางใส่เขาเมื่อไม่กี่นาทีที่ก่อน น้ำเสียงแผ่วเบานั้นมาพร้อมแววตาที่เหมือนกับว่ากำลังร้องขออ้อมกอดอุ่น ๆ จากเขาโดยไม่รู้ตัว
ชานยอลจูบหน้าผากมนเบา ๆ แล้วผละออกมาสบตากับอีกฝ่าย อดนึกถึงเด็กตัวแสบเมื่อตอนเพิ่งรู้จักกันไม่ได้ ตอนนั้น ‘คุณนักเขียน’ คือเด็กที่น่าปราบพยศให้อยู่หมัด แต่ปัจจุบัน ‘แบคฮยอน’ คือเด็กที่ใส่ใจเรื่องของคนอื่นมากกว่าตัวเอง จนเขาต้องใช้อ้อมกอดนี้เพิ่มความมั่นใจให้
“ถ้าแลกกับการได้นอนกอดคุณ เรื่องปวดหลังก็น่าสนใจนะครับว่าไหม?” ชายหนุ่มไล้นิ้วหัวแม่มือลงบนแก้มขาว แบคฮยอนหลับตาลงแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเข้าหาอ้อมกอดคนตรงหน้าเสียเอง
“พี่รักผมขนาดนี้เลยเหรอ ไม่อยากเชื่อเลย” กลั้นยิ้มได้ก็บ้าแล้ว ชานยอลจูบลงบนศีรษะทุยของคนตัวเล็กที่กำลังออกแรงกอดแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป ผิดกับบยอนแบคฮยอนคนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนอย่างสิ้นเชิง
“ผมก็อยากถามคุณเหมือนกัน” เสียงกระซิบข้างหูทำให้อบอุ่นไปทั้งหัวใจ เด็กน้อยยังคงหลับตารับความรักผ่านทางอ้อมกอดของอีกฝ่าย ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว เขาไม่ได้ทำให้ใครต้องเดือดร้อนใช่หรือเปล่า?
“เรายังอยู่ด้วยกันได้ใช่ไหม” พระเอกหนุ่มขานตอบในลำคอเบา ๆ กับคำถามนี้พร้อมลูบกลุ่มผมสีเข้มไปด้วย “ขอโทษถ้าตอนกลางวันผมทำตัวไม่น่ารักกับพี่ ผมก็แค่คิดว่าจะพูดยังไงให้ตัวเองได้อยู่ข้าง ๆ พี่ต่อไป”
“ผมไม่ได้โกรธสักหน่อย ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่ครับ”
“พี่ทำเกินขอบเขตไปแล้วนะรู้ไหม” พูดจบก็รู้สึกได้ถึงวงแขนเล็กที่กระชับกอดร่างเขาแน่นยิ่งขึ้น “พี่กำลังทำให้ผมเห็นแก่ตัวจนเป็นเด็กนิสัยเสียแล้ว เพราะต่อไปนี้ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับพี่”
“ไม่ดีเหรอครับ ผมว่าบทเด็กตัวแสบมันเคมีกับบทพระเอกอยู่เหมือนกันนะ?” ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้เด็กน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
“ผมเพิ่งอายุสิบแปด พี่ต้องรักผมให้มากขึ้นทุก ๆ ปีตามอายุนะรู้เปล่า”
“นั่นเป็นประโยคคำสั่งหรือประโยคขอร้องครับ?”
“เป็นสิ่งที่พี่ต้องทำให้ได้ เพราะผมก็จะรักพี่มากขึ้นตามอายุพี่เหมือนกัน”
“ผมว่าเราไม่ควรพูดเรื่องอายุกัน” ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อย เรียกรอยยิ้มจากแฟนเด็กได้เป็นอย่างดี
“ผมจะเป็นทั้งแฟนคลับทั้งแฟนครับให้พี่เลย โชคสองชั้นชัด ๆ”
“ไม่กลัวแล้วหรือไงครับคนเก่ง?” ชายหนุ่มบีบจมูกรั้นอย่างหมั่นเขี้ยว มองเด็กน้อยที่กำลังยิ้มตาหยีเป็นครั้งแรกของวันหลังจากผ่านงานแถลงข่าวไป
“ตอนแรกก็กลัว แต่พอคิดว่าถ้ามีพี่อยู่ด้วยทุกอย่างมันต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ ๆ ผมก็เลยไม่กลัวแล้ว” ตั้งแต่เริ่มรู้ตัวว่ารักเด็กคนนี้ หัวใจของพระเอกหนุ่มก็พองโตนับครั้งไม่ถ้วน ร่างสูงเพียงแค่ยิ้มขณะสบตากับอีกฝ่าย จะมีสักกี่คนที่เรายอมทำเพื่อเขา และเขาก็ทำทุกอย่างเพื่อเราได้เช่นกัน
“ถ้าเป็นข่าวกันอีกครั้งล่ะครับ?”
“เชื่อเถอะว่ามันจะไม่มีอีกแล้ว”
“อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจขนาดนี้หืม?” ชายหนุ่มถามอย่างใคร่รู้ แบคฮยอนกลอกตาไปมาอยู่ในทีก่อนเม้มปาก
“ผมคิดว่ามันคงดีกับทุกคนถ้าเราวางตัวให้ดีตอนอยู่ด้วยกันข้างนอก ถ้าการไปเที่ยวด้วยกันสองคนมันทำให้เกิดปัญหา ผมว่าการอยู่ในคอนโดพี่ตลอดทั้งวันมันก็โอเคนะ”
“...”
“ผมไม่ได้อยากเปิดเผย ผมก็แค่อยากอยู่กับพี่แบบนี้ เพราะผมรู้ดีว่าช่วงเวลาที่ไม่มีพี่มันแย่แค่ไหน ในเมื่อเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกันแล้ว ผมก็อยากจะรักษาพี่เอาไว้ให้ดีที่สุด”
“...”
“เพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่าผมจะอึดอัดนะ ผมยืนอยู่ส่วนไหนของโลกก็ได้ ขอแค่มองเห็นพี่ได้ชัด ๆ ก็พอ” แบคฮยอนยิ้มเจื่อนกับความในใจที่ระบายออกมาให้อีกฝ่ายฟังจนได้
“คุณไม่อยากแสดงความเป็นเจ้าของผมบ้างเหรอครับ?”
“อยากสิ แต่ถ้าทำแล้วจะไม่ได้อยู่กับพี่อีก ผมยอมให้พี่เป็นของทุกคนบนโลกก็ได้อะ” ชานยอลหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้กับคำตอบที่ตรงไปตรงมาของคนตัวเล็ก แบคฮยอนทาบมือลงกับแก้มเขาแล้วทำปากจู๋เหมือนเด็ก ๆ ชายหนุ่มมองดวงตาคู่นี้ที่กำลังทอประกายสดใส สุดท้ายความอดทนที่สะสมมาตลอดหนึ่งวันก็ได้สิ้นสุดลง
ริมฝีปากสีเชอร์รี่ถูกบดจูบเพื่อให้หยุดพูด มือที่เคยทาบแก้มอีกฝ่ายค่อย ๆ เลื่อนไปคล้องคออย่างรู้งานก่อนที่ร่างของพระเอกหนุ่มจะขึ้นคร่อมทับ คนตัวเล็กเผยอปากรับลิ้นร้อนที่กำลังป้อนความรักให้ในค่ำคืนอันเหน็บหนาว กอบโกยเอาความสุขที่ควรได้รับหลังจากผ่านพ้นอุปสรรคมาได้
CUT
บริเวณหน้าฮอลใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายทั้งชายหญิง รวมไปถึงแม่ค้าขายอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่แท่งไฟ ผ้าเชียร์ ที่คาดผม ไปจนถึงแทททูติดตามผิวหนัง เรียงแถวยาวเป็นจุดเพื่อให้ผู้คนที่มาร่วมงานคอนเสิร์ตการกุศลได้จับจอง
กลุ่มแฟนคลับแต่ละแฟนดอมเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นจุด แบคฮยอนคือหนึ่งในชานเฟ็คที่หลงเข้ามานั่งอยู่ในบ้านแฟนไซต์ที่เวนดี้เป็นสตาฟฟ์ ช่วยกางไวนิลขนาดใหญ่ไว้กับเสาทั้งสองข้าง มันถูกออกแบบอย่างสวยงามด้วยเซียนโฟโต้ช็อปอย่างโดคยองซู ที่ใคร ๆ ต่างก็อิจฉาจนอยากได้ตัวไปช่วยแฟนดอมอื่น
ตอนที่เพิ่งมาถึงทุกคนต่างเข้าให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มซึ่งเป็นข่าวกับนักแสดงที่พวกเธอรักถึงสองครั้ง ทั้งถามว่าเรื่องราวเป็นมายังไง แท้จริงแค่ไหน รวมไปถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตประจำวันของพระเอกหนุ่ม
มาสเตอร์นิมกำลังแจกจ่ายอุปกรณ์ที่ต้องใช้ทำโปรเจ็คเมื่อถึงเวลาที่นักแสดงหนุ่มต้องขึ้นแสดง ถึงจะแค่สองเพลงแต่พวกเธอก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อให้ ‘ชานยอลโอป้า’ ประทับใจ
เวนดี้ช่วยสตาฟฟ์คนอื่น ๆ แจกของผู้ที่มาร่วมงาน แอบเห็นเจ้าตัวบ่นอุบอิบถึงกลุ่มเด็กสาวแต่งตัวแสบเซี้ยว ซึ่งเห็นว่าเป็นแฟนคลับอีกแฟนดอมหนึ่งที่เพิ่งเดินปาดหน้าไปเมื่อครู่
“นั่นแฟนคลับวงไหนอะ”
“พวกขวางโลกที่ชื่อ KAISTERS น่ะสิ เดินปาดหน้าผ่านไปอย่างนั้นคงอยากรู้ว่าวันนี้พวกเราทำโปรเจ็คอะไรกันบ้างแน่ ๆ”
“ไคสเตอร์งั้นเหรอ”
“แฟนคลับคิมจงอินอะแก เราไม่ชอบ แอ่ะ” เวนดี้เบะปากเมื่อนึกไปถึงการทำยุทธหัตถีบนทวิตเตอร์กับแฟนดอมนั้นมาตั้งแต่จำความได้ เมื่อมีใครล้ม อีกฝ่ายก็พร้อมเหยียบ มันเป็นอย่างนั้นมาตลอดเพราะไม่มีใครยอมใคร
“เอาน่า คิดซะว่าวันนี้ทำเพื่อพี่พระเอก”
“รู้แล้ว เราไม่ได้สนใจพวกนั้นสักหน่อย”
“ไม่สนก็คือสนนั่นแหละ” แบคฮยอนหัวเราะแล้วก้มลงไปเก็บอุปกรณ์ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“แกไม่โกรธเหรอ เวลาเห็นคนมาด่าคนของแก”
“โกรธแล้วจะให้ทำไง เราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้อยู่แล้ว ด่าจนชนะไปก็เท่านั้น เขาไม่ได้รู้สึกยินดีหรือมองคนของเราดีขึ้นสักหน่อย ถ้าด่ามาก็แค่พยายามไม่สนใจ มันก็แค่นั้นเอง”
“พูดน่ะมันง่าย แกไม่ได้อยู่ในวงการนี้แต่แรกแกไม่รู้หรอกว่ามันน่าหงุดหงิด”
“แต่ตอนทะเลาะเพื่อเอาชนะมันก็น่าหงุดหงิดเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“แกอะ” เวนดี้ย่นจมูกมองแฟนปลอม ๆ ที่เอาแต่ขัดใจเธออยู่ได้ แบคฮยอนไม่เคยเป็นติ่ง หมอนี่จะรู้ได้ยังไงว่าสงครามระหว่างแฟนคลับมันเป็นเรื่องซับซ้อนแค่ไหน ก็รู้ว่ามันไร้สาระ แต่ใครล่ะที่เริ่มก่อน
“จะบอกไรให้ พี่พระเอกเขาคิดมากนะตอนที่รู้ว่าพวกเธอทะเลาะกัน ไหนจะคนนอกอีก เขาไม่ได้ด่าแค่แฟนคลับหรอกนะ”
“...”
“ไม่ต้องรักแฟนดอมอื่นก็ได้ แต่ให้นึกถึงคนที่เรารักเยอะ ๆ ดิ” แบคฮยอนวางมือลงบนศีรษะคนตัวเล็กกว่า เวนดี้มุ่ยหน้ามองแฟนหลอก ๆ ก่อนจะตบแก้มเบา ๆ แก้หงุดหงิด
“ก็ได้ แต่ไม่รับปากนะ”
“แค่เพลา ๆ ลงก็พอแล้ว”
“ฝากบอกพี่ชานยอลด้วยว่าเวนดี้ของพี่เป็นเด็กดี”
“อือ แล้วจะบอกให้” แบคฮยอนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องน่าปวดหัวจนทำให้ความสุขที่ควรได้รับหายไปล่ะ”
“อือ รู้แล้ว”
“เลือกมองเห็นในสิ่งที่อยากเห็นดีกว่า ถ้าทำได้อย่างนั้นเธอจะเป็นแฟนคลับที่มีความสุขที่สุดนะ”
แบคฮยอนมองไปยังกลุ่มผู้หญิงตั้งแต่วัยมัธยมไปจนถึงรุ่นสาวใหญ่ ทุกคนยังคงตั้งใจทำเพื่อนักแสดงที่เธอรักโดยที่ไม่มีใครปริปากบ่นว่าเหนื่อย เพียงแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
‘ความรักระหว่างศิลปินและแฟนคลับ’ ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายมาเป็นเพื่อนสนิทได้ในที่สุด
ตั้งแต่แรกเริ่มที่รู้ว่าคยองซูเป็นแฟนคลับหรือที่ใคร ๆ เรียกว่าติ่ง เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกินที่ต้องตามหวีดร้องเพราะความหล่อเหลาของคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อจริงของแฟนคลับ ใช้เงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนอาหารให้กับคนในกองถ่าย ไปจนถึงโปรเจ็ควันเกิดเหล่าแฟนคลับที่ช่วยกันโดเนทเงินเพื่อเอาไปทำบุญในนามศิลปินนักแสดง
มันก็แค่ความรักเอง ใช่... ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพราะความรักที่จะบอกว่าไม่หวังผลก็คงไม่ถูก เพราะสิ่งที่แฟนคลับต้องการคือได้เห็นคนที่เธอรักใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยปราศจากเรื่องทุกใจ ยิ้มให้กล้องได้โดยไม่ต้องฝืนเพื่อให้พวกเธอหมดความกังวล
ซึ่งพี่พระเอกก็เหมือนกัน จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าผู้ชายนิ่ง ๆ ที่ไม่ค่อยพูดและมีความมั่นใจสูงอย่างปาร์คชานยอลจะรักแฟนคลับจนกลัวว่าจะถูกทิ้งเข้าสักวัน แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่ผู้ชายคนนั้นมีให้กับแฟน ๆ และหวังว่าพวกเธอจะรับรู้ได้
การแสดงเริ่มต้นแล้ว บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกแต่ก็อบอุ่นไปทั้งหัวใจเมื่อเห็นแท่งไฟหลากสีส่องกระกายไปทั่วทั้งฮอลกว้าง ไอดอลหน้าใหม่ขึ้นแสดงก่อนและตามด้วยนักร้องบัลลาดรุ่นพี่ที่ใคร ๆ ต่างก็หลงใหลในเสียงนั้น
แบคฮยอนก้มลงมองแผ่นกระดาษบนตักที่อยู่ในซองโปรเจ็ค มันถูกเรียบเรียงด้วยมาสเตอร์นิมว่าร้องแฟนชานท์ท่อนไหน แท่งไฟควรถูกปิดลงเมื่อไหร่ และชูป้ายกระดาษขึ้นเพื่อเรียงเป็นตัวอักษร มันอาจดูคล้ายตอนช่วงกีฬาสีของโรงเรียน แต่มันต่างกันตรงที่ทุกคนล้วนทำด้วยใจ ไม่ได้ถูกบังคับให้ไปนั่งทำบนแสตนด์กลางแสงแดดหน้าสนามฟุตบอลเพื่อคะแนนกิจกรรม
เสียงแฟนชานท์ประสานเป็นจังหวะไม่มีผิดเพี้ยน เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คนนอกอย่างเขาทึ่งในความเป็นแฟนคลับ แท่งไฟสีแดงเลือดนกเยื้องไปทางซ้ายสามล็อกเป็นของกลุ่ม KAISTERS ซึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้สิทธิ์พรีเซลเหมือน CHANFECT และ EXOFAN กลุ่มแฟนคลับของไอดอลชายชื่อดังในตอนนี้อย่าง EXO
หนึ่งการแสดงที่ชวนให้ขนลุกของพี่ตัวโกงคือการโซโล่ Deep Breath รวมไปถึงการร้องเพลง Featuring กับไอดอลเพื่อนสนิทอย่างอีแทมินแห่งวง SHINee เสียงแฟนชานท์ของ KAISTERS ดังก้องไปทั้งฮอล พลังแห่งแฟนคลับของแต่ละแฟนดอมช่างน่าทึ่งจริง ๆ
แสงไฟสปอร์ตไลท์ดับลงเหลือเพียงแค่แสงสว่างจากแท่งไฟเท่านั้นที่ส่องประกายในที่แห่งนี้ ก่อนที่เสียงเกากีต้าร์จะดังขึ้นในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนคลับมาพร้อมสปอร์ตไลท์สีขาวที่ส่องไปยังชายหนุ่มร่างสูงซึ่งนั่งอยู่กลางเวที
“저 별을 가져다 너의 두 손에 선물하고 싶어
โชคชะตากำหนดให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ ผมอยากจะวางของขวัญของเราไว้บนมือทั้งสองข้างของคุณ
내 모든 걸 다 담아서 전해주고파
ทุกอย่างที่เป็นตัวผมนั้น ขอมอบให้กับคุณ”
เสียงตะโกนเรียก ‘ปาร์คชานยอล’ ตามหลังท่อนร้องได้อย่างลงตัว แบคฮยอนหันไปมองรอบข้างอย่างช้า ๆ พอได้ยินเสียงแฟนชานท์ในระยะใกล้แบบนี้แล้วก็รู้สึกตื้นตันใจแปลก ๆ เด็กน้อยหยุดสายตาอยู่ที่ชายหนุ่มบนเวที เสื้อเชิ้ตสีขาวพับขึ้นถึงข้อศอกทำให้พี่พระเอกดูอ่อนโยนขึ้นเป็นเท่าตัว อีกทั้งรอยยิ้มเมื่อยามหลับตาร้องเพลง รวมไปถึงแววตาที่มองมายังกลุ่มแฟนคลับที่พร้อมใจกันยกโปรเจ็คขึ้นจนเรียงเป็นคำว่า
‘Forever CHANFECT
Forever With CHANYEOL’
“I promise you 첫눈이 오는 날에
ผมสัญญากับคุณ ในวันแรกที่หิมะตกลงมา
I promise you 너와 함께
ผมสัญญาว่าจะอยุ่กับคุณ
두 손을 마주잡고 그날을 거닐며 외쳐
จับมือคุณไว้ เดินไปด้วยกันและตะโกนออกมา
I love you 잡은 두 손은 흐르는 세월 모르길
ผมรักคุณ มือที่จับเอาไว้มันทำให้ผมไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว”
เสียงกรีดร้องมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของแฟนคลับ แบคฮยอนเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวกลุ่มนี้เป็นอย่างดี กับความอัดอั้นใจที่ต้องทนเห็นคนที่เธอรักเจอกับปัญหามากมายในโลกมายานับครั้งไม่ถ้วนโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยนอกจากอยู่ตรงนี้เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ปาร์คชานยอลล้ม หรือขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของการเป็นนักแสดงก็ตาม
คยองซูตะโกน ‘พี่ชานยอล!’ อย่างไม่กลัวเจ็บคอ เจ้าตัวไม่ได้สนใจว่าตอนนี้จะถูกมองว่าเป็นแฟนบอยบ้าคลั่งที่เอาแต่ร้องเรียกไม่หยุดแม้ว่านักแสดงบนเวทีจะไม่ได้ยิน เวนดี้ร้องไห้จนสะอึกสะอื้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยิ้มออกมาได้เมื่อถึงช่วงกล่าวทักทาย
พี่พระเอกยังคงทำได้ดีเสมอแบคฮยอนรู้สึกอย่างนั้น คนตัวเล็กยิ้มบาง ๆ ขณะมองชายหนุ่มบนเวทีซึ่งกำลังกวาดสายตาไปรอบฮอลและฟังเสียงผู้คนที่ตะโกนเรียกชื่อตนเองแม้ว่าจะไม่ใช่กลุ่มแฟนคลับ
เพลงที่สองเริ่มขึ้นพร้อมแท่งไฟสีฟ้าอ่อนที่โบกช้า ๆ เป็นจังหวะตามท่วงทำนอง คนตัวเล็กยังคงยิ้มกับเสียงเพลงของชายหนุ่มที่เขารัก มันทำให้นึกว่าความสุขของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันจริง ๆ สำหรับแบคฮยอนแล้ว เกมกับการเขียนนิยายอาจจะเป็นความสุขอันดับต้น ๆ และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถยกเอาความชอบของตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อวัดว่าอะไรดีกว่าและอะไรไร้สาระได้
เราต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง เหมือนกับทุกคนในฮอลนี้ที่เลือกซื้อความสุขผ่านบัตรคอนเสิร์ตการกุศล บางคนมีกำลังเงินมากพอ ไม่ทุกข์ร้อนกับบัตรราคาแถวหน้าสุด บางคนได้มาฟรี ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลยเพียงเพราะรู้จักคนที่ทำงานในวงการนี้ แต่สำหรับบางคนที่ยังเรียนหนังสืออยู่ พวกเขาต้องอดขนม หักห้ามใจไม่ให้ซื้อของเพื่อเก็บเงินส่วนนี้มาซื้อความสุขระยะสั้นเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
คนอื่นมองว่าพวกเธอบ้า แต่กลุ่มที่เรียกว่าแฟนคลับก็บ้าได้อย่างมีความสุขในแบบที่เธอเลือกแล้ว
ถ้าหากเขากับพี่พระเอกไม่รอดจากงานแถลงข่าวในวันนั้น บยอนแบคฮยอนก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ และชายหนุ่มบนเวทีคงไม่สามารถยิ้มได้อย่างมีความสุขเหมือนที่ตามองเห็น เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้เขาระมัดระวังมากขึ้น
การแสดงสิ้นสุดลงในเวลาสองทุ่มครึ่ง ผู้คนมากมายเริ่มทยอยกันกลับบ้านจนเกิดการจราจรติดขัดไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ยังมีกลุ่มแฟนคลับบางส่วนที่กรูไปหาศิลปินตามลานจอดรถ ซึ่งแบคฮยอนก็ถูกคยองซูกับเวนดี้ลากมาด้วย
เป็นเรื่องดีที่พี่พระเอกตัวสูง เขาถึงมองเห็นได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องแทรกผู้คนเข้าไป คนตัวเล็กยืนอยู่ด้านหลังสุดแล้วปล่อยให้แฟนคลับเบียดเสียดกันเพื่อที่จะได้เห็นนักแสดงที่เธอรักในระยะใกล้และถ่ายรูปเก็บไว้
“ทำตัวให้อุ่นเข้าไว้ อย่าเป็นหวัดนะครับ” ชานยอลรับกล่อง Hot Pack มาจากการ์ดแล้วแจกจ่ายให้แฟนคลับเองกับมือ
“ต่อแถวให้เป็นระเบียบด้วยครับ” เสียงของผู้จัดการอย่างอู๋อี้ฝานไม่ได้ดูน่ากลัวในเวลานี้ เมื่อความใจดีของพระเอกหนุ่มชะล้างออกไปจนหมด เด็กสาวแยกออกเป็นสองแถวแล้วยืนต่อกันอย่างเป็นระเบียบ
“ฉันจะเป็นบ้าเพราะเขาอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ” เสียงของเด็กสาวที่ต่อแถวอยู่ท้ายสุดเหมือนคนจะร้องไห้ ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอก เชื่อว่าคนอื่น ๆ ก็คงคิดเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่บยอนแบคฮยอนที่ยืนอยู่ตรงนี้
พี่พระเอกไม่ลังเลที่จะยิ้มให้กับแฟนคลับเลยสักนิด แบคฮยอนมองไปยังการ์ดหลายคนที่ยืนถือกล่องถุงร้อนกันหนาวไว้ ทั้ง ๆ ที่ถ้าช่วยกันแจกก็คงได้ครบทุกคนในเวลาอันสั้น แต่ดูเหมือนว่าการ์ดเหล่านั้นตั้งใจถือไว้เพื่อรอให้พี่พระเอกหยิบเอาไปแจกแฟนคลับด้วยตัวเอง
ชานยอลยังคงยิ้มและกวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อสายตามองเห็นคยองซูกับเวนดี้แต่กลับไม่เห็นเด็กน้อยของเขาที่น่าจะอยู่ด้วยกัน แต่มันก็เป็นเหมือนอย่างที่ใครคนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ ว่าต่อให้มีผู้คนมากมายรายล้อมอยู่รอบข้างตัวสักแค่ไหน แต่เราก็สามารถมองเห็นคนที่เรารักได้อยู่ดี
ทั้งคู่สบตากันในระยะห่างหลายเมตร แบคฮยอนยิ้มกว้างพร้อมกำมือขึ้นพร้อมขยับริมฝีปากพูดว่า ‘สู้ ๆ’ ก่อนที่พระเอกหนุ่มจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันกลับไปให้ความสนใจแฟนคลับอีกครั้ง
ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้กับภาพตรงหน้า ระหว่างความรักและมิตรภาพระหว่างนักแสดงละแฟนคลับมันเป็นเรื่องลึกซึ้งและซับซ้อนจนบางครั้งก็ดูเข้าใจยากถ้าไม่ได้ลองมาอยู่จุดนี้เอง
นึกย้อนไปถึงตอนนั้นที่ถูกถามว่า ‘คุณไม่อยากแสดงความเป็นเจ้าของผมบ้างเหรอครับ?’ ซึ่งเขาก็ได้ตอบไปแล้วว่าเคยคิด และตอนนี้ก็ยังมีหลงเหลือตกเป็นตะกอนอยู่บ้าง แต่ที่สุดแล้วเขาก็ได้แค่คิด แต่มันจะไม่เกิดขึ้น แบคฮยอนไม่สามารถมีความสุขกับการบอกให้คนทั้งโลกรับรู้ถึงความรักของเขาได้
“จดทะเบียนรถแท็กซี่ไว้ด้วยนะครับ รีบกลับบ้าน ห้ามเถลไถลไปที่อื่นต่อนะรู้ไหม?”
“ค่ะ!” เสียงขานตอบรับอย่างว่าง่ายของกลุ่มแฟนคลับเรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี ทั้งคู่สบตากันอีกครั้งเมื่อพระเอกหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างรถ เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ปาร์คชานยอลได้ขอบคุณคนรักของเขาผ่านทางสายตา
“ผมรักคุณ”
กลุ่มเด็กสาวกรีดร้องดังก้องไปทั้งลานจอดรถกับคำหวานที่ออกมาจากปากนักแสดงหนุ่ม ท่ามกลางความหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม บยอนแบคฮยอนกำลังรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจกับการแสดงออกถึงความรักที่มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่รับรู้ได้
คนตัวเล็กเพียงแค่ขยับริมฝีปากตอบแบบไม่มีเสียงว่า ‘รักเหมือนกัน’ มันอาจไม่ลึกซึ้งจนทำให้อีกฝ่ายแหวกแฟนคลับมากอดเขาเอาไว้ แต่มันคืออีกหนึ่งคำที่ย้ำว่าความรู้สึกของเขายังคงเหมือนเดิม และมันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่เด็กอายุสิบแปดคนหนึ่งจะรู้สึกได้
เขารักปาร์คชานยอลที่เพอร์เฟ็คในสายตาใคร ๆ แต่ผู้ชายคนนั้นจะกลายเป็นคนธรรมดาที่เขารักเมื่ออยู่ด้วยกันสองคน ความรักที่ไม่ต้องเปิดเผย ความรักที่ไม่ต้องทำให้ใครต้องเจ็บปวด
บยอนแบคฮยอนจะรักปาร์คชานยอลและดูแลความรู้สึกชานเฟ็คทุกคนด้วยหัวใจของเขาเอง
THE END
เราร้องไห้ตอนเขียนฉากสุดท้าย ไม่รู้ทำไม 5555555 เรื่องราวเดินมาถึงจุดจบแล้ว ใจหายเนอะ คงคิดถึงพี่พระเอกกับน้องนักเขียนตัวแสบแย่เลย
ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ ทั้งคนที่คอยเมนท์ให้ สกรีมในทวิตเตอร์ คนที่กดโหวตเป็นกำลังใจ คนที่แชร์เรื่องนี้ให้คนรอบข้างอ่าน รวมไปถึงนักอ่านที่แวะเวียนเข้ามาด้วย ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ เราจะพยายามพัฒนาฝีมือการเขียนให้ดีขึ้นกว่านี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือทำให้ไม่สบายใจ อ่านแล้วติดขัดตรงไหนเราก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ เรายังเขียนไม่เก่ง ยังต้องฝึกอีกเยอะ เพราะฉะนั้นทุกตัวอักษรที่เขียนลงไปมันคือประสบการณ์ที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นไปกว่านี้ค่ะ
สำหรับคนที่สนใจสั่งซื้อเล่ม เชิญที่ลิงค์นี้เลยนะคะ --->> http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1325473&chapter=23
ยังเหลือสเปอีก 1 ตอน เอาความหวานงุ้งงิ้งไปอ่านเล่นกันเนอะ ลุ้นกันมาหลายตอนแล้ว ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ ( ปล. ฉากคัทอยู่ในไบโอทวิตเตอร์เหมือนเดิมนะจ๊ะ)
ความคิดเห็น