คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Special Scene :: พี่เขาต้องโดน! (100%)
SPECIAL SCENE
พี่เขาต้องโดน!
แบคฮยอนไม่ได้คาดหวังว่าชีวิตหลังจากงานแถลงวันนั้นจะราบรื่นขึ้น แต่การที่มันไม่แย่ลงไปกว่าเดิมก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แม้เวปไซต์แฉชื่อดังจะโพสรูปเฮอเร่อเชิงข่มขู่ว่า ‘คราวหน้าจะไม่พลาดแน่’ ก็ตาม แต่ในความน่าสยองขวัญนั้นก็มาพร้อมเรื่องชวนประหลาดใจ เมื่ออยู่ ๆ พี่อี้ชิงที่ทำงานอยู่ในสำนักพิมพ์ก็ติดต่อมาแล้วบอกข่าวดียามเช้าว่า...
‘มีคนสนใจเอานิยายที่แกเขียนไปทำเป็นละครช่อง SBS ว่ะ’
วินาทีนั้นสมองถึงกับตื้อไปเลย มีแต่คำว่า ‘ได้ไงวะ ได้ไงวะ’ วนเวียนชนผนังกะโหลกศีรษะเด้งไปมาอยู่เต็มไปหมด เขาถามย้ำพี่อี้ชิงว่ามันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม แล้วนิยายเรื่องไหน อะไรยังไง ซึ่งทางนั้นก็ตอบมาว่าเป็นนิยายแนวสืบสวนฆ่าล้างโคตรที่เพิ่งลงแผงหนังสือไปสด ๆ ร้อน ๆ และผู้กำกับต้องการคุยกับเขาโดยเร็วที่สุด
แบคฮยอนไม่อิดออดที่จะติดต่อกลับไป ทางผู้กำกับดูเป็นคนอัธยาศัยดีถ้าเขาไม่ได้โลกสวย คุยกันอยู่แค่ไม่กี่นาทีอีกฝ่ายก็นัดแนะให้ไปหาที่บริษัท อ้างว่าถ้าเห็นหน้าค่าตากันพร้อมกาแฟกลิ่นหอม ๆ สักถ้วยระหว่างคุยกันคงก็ดีไม่หยอก ซึ่งแบคฮยอนก็ตกลง
พอเล่าให้คนที่บ้านฟังนี่แทบจะปิดซอยเลี้ยง ต้องย้ำแม่อยู่ประมาณแปดรอบว่าอย่าเพิ่งเอาไปประกาศให้คนในซอยรู้จนกว่าจะตกลงกับผู้กำกับได้ ถึงคุณนายจะดูเซ็งไปบ้างแต่สุดท้ายแกก็ยอม
ระหว่างทางไปบริษัทก็ชั่งใจอยู่ว่าจะบอกพี่พระเอกตอนนี้เลยดีไหม เด็กน้อยอายุสิบแปดจะไม่วางใจต่ออะไรใด ๆ ทั้งนั้นจนกว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นทางการ ขืนไปโม้แล้วผู้กำกับเปลี่ยนใจไม่เอาคงแป๊กแย่ งั้นไว้ค่อยเล่าให้พี่เขาฟังทีหลังแล้วกัน
ผู้กำกับเป็นคนอารมณ์ขัน คุยไปขำไปเหมือนคนอัดแก๊สหัวเราะมายังไงอย่างนั้น นี่ได้แต่ยิ้มแห้งเออออห่อหมกไปด้วย ลุงแกถามว่าถ้ามาทำเป็นละครอาจจะมีปรับบทนิด ๆ หน่อย ๆ เขาจะซีเรียสกับเรื่องนี้หรือเปล่า แต่พอคิดว่าละครที่ทำมาจากนิยายมันก็มีปรับเปลี่ยนกันบ้าง และถ้าเพิ่มเรทติ้งให้ละครมากขึ้นมันก็อาจจะไม่แย่นัก
พอลงเรื่องคาแรกเตอร์ ผู้กำกับถามความเห็นเด็กน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามว่าอยากให้ใครแสดง ซึ่งแน่นอนว่าแบคฮยอนมีตัวเลือกในใจมาตั้งนานแล้วว่าถ้านิยายที่เขาเขียนได้ถูกเอาไปทำเป็นหนังหรือละครสักเรื่อง ใครหน้าไหนก็จะเป็นพระเอกไปไม่ได้นอกจากปาร์คชานยอล
แต่... ทุกอย่างก็พังครืนเมื่อเห็นว่าคยองซูเพื่อนรักรัวโทรมาไม่หยุดจนต้องกดรับอย่างปฏิเสธไม่ได้
( อ่านลิงค์ที่กูแปะให้ในไลน์เดี๋ยวนี้ ย้ำ... เดี๋ยวนี้ )
เสียงของคยองซูดูจริงจังจนคิดว่าถ้าปล่อยผ่านไปแค่ห้านาทีก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่โตได้ แบคฮยอนชูนิ้วชี้เพื่อขอเวลานอกซึ่งผู้กำกับก็ผายมือให้อย่างมีมารยาท คนตัวเล็กเดินไปเข้าห้องน้ำ สายตายังคงจับจ้องอยู่กับหน้าจอมือถือหลังจากกดเข้าลิงค์ และสองขาก็หยุดชะงัก เมื่อเห็นข่าวที่ทำให้คิ้วต้องกระตุก
‘บินลัดฟ้ากลับมาหารักเก่า คิมดาซมโพสรูปสวีทหวานแหววกับพระเอกหนุ่มปาร์คชานยอลในร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อดังหลังจากกลับมาถึงโซลได้ไม่ถึงวัน’
เปรี๊ยะ!
แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงหางคิ้วที่มันกระตุกทันทีที่อ่านพาดหัวข่าวจบ พอเลื่อนลงมาก็เห็นภาพประกอบแคปชั่นซึ่งไม่ได้เวิ่นเว้อเกินจริงเลยสักนิด กับรูปคิมดาซมยิ้มแป้นแล้นซบไหล่พี่พระเอกโดยมีจานอาหารราคาแพงตรงหน้าเป็นเครื่องประดับ
ไม่เจอกันเกือบอาทิตย์นึงเพราะต่างคนต่างยุ่ง แต่ที่พี่เขามีเวลาไปนั่งเป็นโซฟาเคลื่อนที่ให้ผู้หญิงคนนั้นซบนั่นคืออะไรกัน แบคฮยอนขยับริมฝีปากบ่นแบบไม่มีเสียง มันจะไม่อะไรเลยนะถ้าริมฝีปากพี่เขาไม่ยกยิ้มตอนมองกล้อง -_-
สองขาก้าวดุ่ม ๆ กลับไปนั่งโซฟาตัวเดิมอย่างไม่สบอารมณ์นัก คาดว่าผู้กำกับคงรู้สึกได้ถึงออร่าอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากเด็กอายุสิบแปดที่ไม่มีอารมณ์จะแยกแยะความหึงหวงที่เกิดจากคนในอดีตของพี่พระเอกได้
“หนูโอเคใช่ไหม?”
“ครับ ผมโอเค โอเคมากด้วย”
“ฮะ ๆ งั้นเรามาคุยเรื่องนักแสดงกันต่อดีกว่า เอาล่ะ คนที่หนูอยากให้รับบทเป็นพระเอกเรื่องนี้คือ...”
“มันต้องมีอะไรผิดพลาด”
“...”
“ต้องใช่แน่ ๆ”
ผู้จัดการหนุ่มมองนักแสดงในความดูแลที่กำลังหัวเสียอยู่กับสมาร์ทโฟนในมือหลังจากอ่านข่าวบันเทิงผ่านทางเวปไซต์ไปเมื่อครู่นี้ เสียงจิ๊ปากบวกกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปมนั่นเป็นสิ่งบ่งบอกได้ดีว่าปาร์คชานยอลกำลังจะเสียสติในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ถ้าหากยังไม่ได้คำตอบ
“ตลกใช่ไหม? เขากดแคนเซิลสายผม”
“แบคฮยอนอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้”
“ไม่มีทาง พี่ก็น่าจะรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นยังไง” ชานยอลยังคงขยับปากบ่นกับสมาร์ทโฟนในมือแล้วกดโทรออกอีกครั้ง “ย่าห์! บยอนแบคฮยอน!”
“รับสายแล้วเหรอ?”
“ยัง”
“...”
อี้ฝานมองอีกคนด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากเดิม ผู้จัดการหนุ่มกลอกตาไปมาอยู่ในทีแล้วปล่อยให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามปลดปล่อยอารมณ์คุกรุ่นไปกับอุปกรณ์สื่อสารในมือ
“ใจเย็นน่า ไว้อีกสักพักค่อยโทรไปก็ได้”
“พี่คิดว่าผมจะได้คำตอบแบบไหนกลับมา หลังจากเห็นพาดหัวข่าวว่าผู้กำกับชื่อดังจับมือกับนักเขียนเด็กมาทำละครแล้วให้คิมจงอินเป็นพระเอก ส่วนผมเป็นตัวร้าย?”
คนฟังรีบก้มหน้าลงเมื่อรู้ตัวว่าหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ถึงชานยอลจะหัวเสียกับเรื่องนี้มากแต่มันก็ค่อนข้างตลกจนอยากแท็กมือกับแบคฮยอนสักครั้งที่เลือกบทนี้ให้กับคนที่รับบทพระเอกมาตลอดชีวิต ไม่อยากนึกเลยว่าป่านนี้คิมจงอินจะยิ้มกว้างแค่ไหน
“แบคฮยอนคงอยากให้นายลองบทอื่นบ้างน่ะ”
“พี่เลิกเข้าข้างเด็กคนนั้นได้แล้ว” ชานยอลมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง อี้ฝานไหวไหล่แล้วลุกขึ้นยืน สำหรับหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัว เขาคิดว่าการยื่นมือเข้าไปช่วยจัดการเรื่องคู่รักปลากัดนี่คงไม่ใช่เรื่องที่สมควรนัก
“งั้นพี่กลับนะ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” พระเอกหนุ่มไม่ได้ขานตอบ เจ้าตัวเพียงแค่หันมารับรู้แล้วกลับไปง่วนกับสมาร์ทโฟนในมืออีกครั้ง
ในห้องโถงกว้างเหลือเพียงแค่ความเงียบ เรื่องราวของแฟนเด็กยังคงวนเวียนอยู่ในหัวและต้องการคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น เมื่อโทรไปกี่ครั้ง ๆ แบคฮยอนก็ยังไม่สนใจที่จะรับสาย
แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารกระตุ้นความสนใจจากชายหนุ่มวัยยี่สิบแปด ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นกับแจ้งเตือนการอัพเดทอินสตาแกรมของคนตัวเล็กก่อนจะกดเข้าไปดู รูปน่าหมั่นเขี้ยวชวนให้อยากฟัดนั่นไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เมื่อเห็นแคปชั่นสั้น ๆ ว่า
‘Catch me if you can.’
แคชมีอิฟยูแคนงั้นเหรอ ตอนนี้เด็กตัวแสบคิดว่ากำลังเล่นไล่จับอยู่หรือไง? กดเข้าไปที่หน้าฟีดแล้วก็ยิ่งคิ้วกระตุก เมื่อเห็นรูปที่แฟนเด็กกดไลค์พร้อมคอมเมนท์ประกาศสงครามกับเขาผ่านอินสตาแกรมของคิมจงอิน
ชานยอลเพียงแค่นหัวเราะทั้งยังไม่ละสายตาออกจากสมาร์ทโฟนในมือ ไม่เจอกันแค่อาทิตย์เดียวเด็กตัวแสบของเขาถึงขั้นกล้าแข็งข้อแล้วเหรอ ในเมื่อไม่ยอมรับสาย ไม่ยอมตอบคำถาม งั้นมันคงไม่เสียหายอะไรถ้าบทตัวโกงมือใหม่อย่างปาร์คชานยอลจะไปเอาคำตอบกับเหยื่อด้วยตัวเอง
“We'll see then.” (เดี๋ยวได้จับแน่)
“ผีสางอวตารตนไหนดลใจให้มึงทำเรื่องผิดผีแบบนี้ ลองบอกกูซิ”
“โธ่มึง พี่เขาทำตัวไม่น่ารักกับกูก่อนนะ”
“มึงกล้าพูดอย่างนั้นต่อหน้ากูคนนี้ ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมึง แล้วก็ชอบพี่ชานยอลมาก่อนมึงประมาณล้านปีแสงงั้นเหรอ มึงเห็นนี่ไหมแบคฮยอน” คยองซูเปิดผมม้าเหี้ยน ๆ ขึ้นแล้วชี้หน้าผากตนเอง “มันมีตัวอักษรแบบป้ายไฟเรียงกันเป็นคำว่า ‘เพื่อน’ อยู่...”
“จริงจังไหมล่ะสังคม”
“ความบาปนี้จะติดตัวมึงไปจนวันตาย” แบคฮยอนมองปลายนิ้วอีกคนที่กำลังชี้หน้าคาดโทษเขา กับความผิดบาปที่บางทีมึงก็ไม่น่าจะซีเรียสขนาดนี้ป่ะซั้ซ
“แต่พี่เขาทำอะไรไว้มึงก็รู้ป่ะวะ”
“มึงต้องแยกแยะสิ แยกแยะะะะ” คยองซูหงิกมือ “มึงพลาดมหันต์ที่ใช้อารมณ์ตัดสินชีวิตคนอื่น มึงมันชั่วแบคฮยอน สมควรที่จะมีแท็กเป็นของตัวเองอย่างนี้แล้ว” คยองซูถลึงตามองเพื่อนสนิทพร้อมชี้ไปยังแท็กดราม่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังไหลอย่างกับน้ำหลาก
ความเห็นมากมายทั้งดีและชวนสะดุ้งซึ่งกล่าวถึงการตัดสินใจของเขาที่ให้พี่พระเอกรับบทตัวร้ายนั้นแบคฮยอนคงอ่านไม่หมดภายในวันนี้ เด็กน้อยฟาดมือเพื่อนตาโตทันทีที่เห็นว่ามันกำลังพิมพ์ข้อความลงทวิตเตอร์พร้อมติดแท็ก ซึ่งนั่นไม่ได้ช่วยกูแก้ตัวไรเลย แม่งซ้ำเติม...
“ไรวะ”
“เพื่อนกันป่ะสัด”
“ไว้ค่อยเป็นทีหลัง ตอนนี้กูขอด่าก่อน” คยองซูหันหน้าเข้าจออีกครั้ง แต่ก็ถูกแบคฮยอนห้ามไว้
“อะไรวะ บทตัวร้ายที่พี่พระเอกได้เล่นก็ออกจะเท่ ฆ่ายกโคตรอย่างเลือดเย็นแถมจุดไฟเผาบ้านงี้ มึงลองจิตนาการดูดิ ฉากพี่ชานยอลของมึงยืนหันหลังให้บ้านที่กำลังลุกโชนไปด้วยเพลิงไฟแล้วก้มหน้าลงจุดบุหรี่สูบอย่างไม่รู้สึกรู้สานั่นจะเท่แค่ไหน”
“...” คยองซูนิ่งไปครู่หนึ่ง กลอกตาเล็กน้อยระหว่างใช้ความคิดว่าที่ไอ้หอกนี่พูดมามันก็ถูก... แต่ถึงอย่างนั้นเหตุผลบางอย่างมันก็ค้ำคอเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับได้ เด็กน้อยตาโตขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วสบตากับเพื่อน “ถึงจะหล่อจริงแต่พวกกูก็ไม่โอเค”
“อะไรวะ! ใจคอนี่จะประคบประหงมไม่ได้เล่นบทอื่นเลยใช่ไหม?!”
“ได้ แต่ประเด็นหลักคือมึงเสือกเลือกพระเอกผิดใจพวกกู” คยองซูเชิดหน้าเถียงคอเป็นเอ็นซึ่งแบคฮยอนก็ทำเลียนแบบ เอาสิ เชิดมากูเชิดกลับ นี่ตั้งหลักเตรียมทำท่าสะพานโค้งแล้วด้วย
“พี่จงอินกับบทนั้นก็เหมาะดีนะ มึงไม่เห็นด้วยเหรอ”
“เออ เหมาะตรงหน้าขี้คุกเหมือนบทพระเอกมึงไง แพะรับบาปหน้าโง่ที่พอเลือกพระเอกผิดปุ๊บ พระเอกนิยายมึงเลยดูโง่ยิ่งกว่าเดิมอีก นี่มึงมีสมองเปล่าวะแบคฮยอน กูขอถามอีกที” เด็กน้อยตาโตมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างเหลืออด เป็นเพื่อนกันมาหลายปีก็คิดว่ามันโง่มาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะโง่หนักขนาดนี้
“อะไรอี๊ก”
“มึงไม่รู้เหรอว่าชานเฟ็คกับไคสเตอร์ไม่ถูกกัน แล้วการที่พี่จงอินได้เป็นพระเอกนั่นหมายความว่ากิลด์วอร์ครั้งนี้พวกกูคือฝ่ายพ่ายแพ้ และต้องจมตีนพวกไคสเตอร์ทางโลกโซเชียลไปจนกว่าละครจะจบ”
แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ กลอกตาไปทางขวาแล้วมองหน้าเพื่อนอีกครั้ง กับสงครามแฟนคลับที่รบรากันมานานเป็นปี ๆ ซึ่งไม่มีใครยอมใคร ก็เห็นกับตามาตั้งแต่งานคอนเสิร์ตการกุศลเมื่อคราวนั้น แต่ถ้าจะบอกให้ไอ้คยองซูหัดเงียบ ๆ แล้วปล่อยให้คนอื่นพูดไปก็คงไม่ได้
ถึงเวนดี้จะยอมอ่อนลงบ้างกับเรื่องแฟนดอมอื่น แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเปลี่ยนความคิดทุกคนได้ หนึ่งคนฟัง อีกหนึ่งคนก็อาจจะมองว่าเสือก เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนจริง ๆ ด้วย
“เดี๋ยวกูเข้าไปทวีตขอโทษก็ได้อะ”
“แค่นั้นไม่พอหรอก”
“แล้วจะให้ทำไงวะ กูจนปัญญาละเนี่ย เปลี่ยนบทก็ไม่ได้ด้วย กูตั้งใจให้ออกมาเป็นแบบนี้”
คยองซูแกล้งทำหูทวนลมไม่สนใจ ได้ยินเสียงพึมพำตัดพ้อความเป็นนักเขียนของเพื่อนสนิทขณะเลื่อนสกอร์เมาส์อ่านคำด่าในทวิตเตอร์แล้วก็ได้แต่เบ้ปาก มึงโชคดีที่ได้พี่ชานยอลไปครอบครอง แถมนิยายยังถูกเอามาทำเป็นละครยังมีอะไรต้องเศร้าอีก
“โห ไคสเตอร์เต็มแท็กเลย”
“ใช่ไง ที่เข้าข้างมึงก็มีแต่พวกนั้น”
“โหยมึง วันพระไม่ได้มีหนเดียวน่า” แบคฮยอนตบบ่าอีกคนปุ ๆ ก่อนจะทำตาเหลือกเมื่อถูกคยองซูคว้าคอไว้ด้วยมือเดียว
“พวกกูยังเฟลขนาดนี้ มึงลองคิดดูเองแล้วกันว่าพี่ชานยอลจะเซ็งแค่ไหนที่รู้ว่าคู่แข่งตลอดหลายปีของพี่เขาเสือกนำหน้าไปเป็นพระเอกในละครเรื่องเดียวกัน...”
“เฮ้ย พี่เขาคงไม่--”
“มึงต้องจัดการเรื่องนี้แบคฮยอน ถ้าสามวันนี้กูไม่เห็นพี่ชานยอลอัพไอจีอย่างอารมณ์ดีล่ะก็... มึง – ตาย”
หลังจากข่าวละครเรื่องใหม่ถูกปล่อยออกไป บยอนแบคฮยอนก็กลายเป็นที่กล่าวถึงว่าการที่เขามาอยู่จุดนี้ได้เป็นเพราะมีข่าวกับพระเอกหนุ่มชื่อดังอย่างปาร์คชานยอลหรือเป็นเพราะฝีมืองานเขียนดีจริง ๆ กันแน่
แต่พูดก็พูดเถอะ ถึงจะตงิดใจอยู่บ้างที่ใครหลายคนดูถูกเขาด้วยความคิดแบบนั้น แต่มันก็เป็นโอกาสดีที่คนเกาหลีส่วนหนึ่งจะได้รู้ว่างานเขียนของเด็กวัยสิบแปดมันแย่อย่างที่คิดหรือเปล่า
วันนี้มีเวิร์คช็อป ทางผู้กำกับโทรบอกให้แบคฮยอนมาที่นี่เพื่อพบปะกับนักแสดง คนตัวเล็กบอกอย่างเกรงใจว่าถ้าไม่ไปก็คงดีกว่า ตัวเขาคงไม่สำคัญอะไรขนาดนั้น แต่ประโยคหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นคือ...
‘นักแสดงต้องอยากรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นผู้กำเนิดตัวละครที่เขาต้องสวมบทบาท พวกเขาสนใจในตัวหนูไม่ต่างจากลุงหรอก มาให้ได้ล่ะ’
แบคฮยอนตั้งใจมาช้าเพราะไม่อยากมานั่งเก้อมองนักแสดงเข้ามาทีละคน แต่พอเห็นว่าตอนนี้มีผู้คนจำนวนหนึ่งนั่งรอบโต๊ะยาวในห้องกว้างพร้อมบทในมือแล้วก็แทบเหงื่อตก แค่คิดว่านั่นคือสิ่งที่เขาตั้งใจเขียนมันและกำลังจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นละครก็ตื่นเต้นจนไม่กล้าก้าวขาเข้าไปแล้ว
“ทำลับ ๆ ล่อ ๆ คุณเป็นพวกถ้ำมองหรือไงครับ?”
คนตัวเล็กค่อย ๆ ชำเลืองมองไปยังต้นเสียงที่มาจากด้านหลัง ทั้งคู่สบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก ก่อนที่เด็กน้อยจะหลุบสายตาลงมองเสื้อผ้าหน้าผมอีกฝ่ายซึ่งแปลกตากว่าที่เคยเห็น ใส่สีดำมาทั้งตัวนี่ไว้อาลัยใครอยู่ไง๊
“พี่ก็มาช้าเหมือนกันยังจะว่าคนอื่นอีก ดูดิ ข้างในคุยกันไปถึงไหนแล้ว ดูเลยดู” เด็กน้อยบุ้ยปากไปทางประตูที่อยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก ซึ่งพี่พระเอกก็ไม่แม้แต่จะคล้อยตามเลยสักนิด ผู้ชายคนนี้เอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่นั่น
“เป็นตัวร้ายจำเป็นต้องแคร์ใครด้วยเหรอ?” ชายหนุ่มเท้าแขนลงกับผนังแล้วก้มหน้ามองคนตัวเล็กกว่าระหว่างรอคำตอบ
“อย่างน้อยบทที่พี่เล่นก็แคร์นางเอก”
“แล้วเท่ากับที่คุณแคร์ผมหรือเปล่าครับ?” แบคฮยอนไม่ตอบ เจ้าตัวเพียงแค่แลบลิ้นออกมาแล้วทำจมูกบานใส่ ชานยอลจ้องใบหน้าซนของแฟนเด็กที่ยังไม่เลิกปั่นประสาทเขาจนเผลอขมวดคิ้วมองโดยไม่รู้ตัว “หลังจบเวิร์คช็อปแล้วอย่าเพิ่งหนีกลับบ้านล่ะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“โหย ไม่คุยอะ วันนี้มีนัด ต้องเข้าใจนิดนึงว่าผมกำลังจะเป็นคนดัง” แบคฮยอนยิ้มร่าก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนตัวโตกว่าทำท่าขู่จะพุ่งเข้าใส่แต่ก็ยั้งไว้ “ไรวะ!”
“บอกให้รอก็รอสิครับ จะดื้อกับผมไปถึงไหนกัน?”
“ใครดื้อนะ ให้พูดใหม่อีกที” เด็กน้อยเอามือทาบหลังหูแล้วเอียงหน้าเล็กน้อย ทำท่ายียวนกวนประสาทคนอายุมากกว่าก่อนจะอ้าปากหวอทันทีที่ถูกดึงแก้ม “โอ๊ะ!”
“คุณไงครับที่ดื้อ”
“พี่นั่นแหละ!” แบคฮยอนดึงมืออีกคนออกพร้อมถลึงตามองหาเรื่อง นี่ถ้าใส่แขนสั้นจะถลกแขนเสื้อโชว์เลยเนี่ย พี่พระเอกจะเอาช่ะ ย่อมได้!
“รอผม”
“ไม่”
“แบคฮยอน”
“ยื่นมาอีกผมกัดมือขาด” แบคฮยอนขยับปากงับอากาศขู่เป็นเชิงบอกว่าถ้าอีกฝ่ายกล้ายื่นมือมาประทุษร้ายเขาอีกครั้งต้องมีงานเลือดอาบแน่
“ไม่งอแงสิครับ ไหนบอกว่ารักผมไงเด็กดี” ชานยอลพยายามใจดีสู้เสือฟันน้ำนม ร่างสูงจับข้อมือเล็กที่กำลังจะฟาดเขาเอาไว้พร้อมรอยยิ้ม
“พี่ก็บอกว่ารักผมแต่ก็ไปกับคิมดาซมเหมือนกันล่ะวะ”
“เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลังสิ มาตึงใส่ผมตรงนี้เดี๋ยวก็ฟัดให้คนอื่นเห็นซะหรอก”
“เอาดิ จะได้จัดโต๊ะแถลงอีกรอบ คราวนี้ผมไม่ปิดแล้วด้วย ให้คนทั้งโลกรู้ไปเลยว่าพี่เป็นพวกปากอย่างใจอย่าง มาดิมา ฟัดแก้มผมแรง ๆ ตรงนี้” แบคฮยอนเอียงใบหน้าพร้อมทำแก้มป่องกวนอีกคน
เรื่องกวนประสาทนี่แบคฮยอนไม่เคยยอมแพ้เลย เขาพยายามใจเย็นสู้ก็แล้วแต่เด็กตัวแสบก็ยังดื้อไม่ยอมฟัง ทำตามที่เจ้าตัวพูดซะเลยดีไหม ปาร์คชานยอลเป็นพวกถูกท้าไม่ได้เสียด้วยสิ เพิ่งรู้ว่าหึงแล้วจะน่าหมั่นเขี้ยวขนาดนี้
“แบคฮยอน”
“ชื่อใครวะ ไม่คุ้นเลย” เด็กน้อยกลอกตาพลางโคลงศีรษะเหมือนคนสติหลุด ชานยอลเพ่งมองเด็กดื้อแล้วก็ท่องในใจว่าให้อดทนไว้ เวิร์คช็อปจบเมื่อไหร่รับรองเขาจะจัดการเอาให้ดื้อไม่ออกไปอีกหลายอาทิตย์
“...”
“...”
ค้างอยู่ท่านั้นเมื่อหันไปเห็นว่ามีคนกำลังเดินผ่านมาทางนี้และชะลอฝีเท้าลงเพื่อมองหน้าเขาทั้งคู่ วินาทีนั้นคล้ายว่าโลกได้หยุดหมุนไปเกือบชั่วอึดใจ จนกระทั่งคนตัวเล็กหลุดหัวเราะออกมาพร้อมชักมือกลับแล้วโค้งหัวทักทายนักแสดงรุ่นคุณตาอย่างมีมารยาท
“สวัสดีครับ ฮะ ๆ”
ร่างสูงโค้งหัวให้นักแสดงรุ่นอาวุโสที่เคยเล่นละครด้วยกันครั้งหนึ่ง ตอนนั้นชานยอลรับบทเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีเงินล้านที่ต้องรับกิจการต่อ และฮวังซอนเบนิมก็เป็นคุณพ่อเจ้าเผด็จการ ทั้งคู่มีโอกาสพูดคุยกันอย่างเปิดใจอยู่หนหนึ่งในคืนวันเลี้ยงฉลองปิดกองถ่าย
ชายแก่พยักหน้ารับก่อนจะมองไปยังเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างตัวชายหนุ่ม “ว่าแต่นี่...”
“บยอนแบคฮยอนครับ เขาเป็นนักเขียนน่ะ”
“อ่า... ที่ผู้กำกับบอกว่าจะพามาแนะนำให้รู้จักใช่ไหม ฮ่า ๆ ดีใจที่ได้เจอนะ เด็กกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เก่งมากเจ้าหนู”
เสียงคนแก่ตอนพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วยนี่น่าฟังกว่าเสียงพี่พระเอกตอนพยายามจะกล่อมเขาด้วยคำหวานอีก แบคฮยอนยิ้มกว้างขณะก้มหัวให้นักแสดงรุ่นตายีหัวก่อนจะชำเลืองมองคนรัก
“เป็นไงบ้างล่ะ หาโทรศัพท์เจอไหม?”
“ครับ ผมลืมไว้ที่รถจริง ๆ ด้วย” แบคฮยอนถึงกับตาเหลือกกับประโยคนี้ เด็กน้อยเหล่มองอีกฝ่ายที่ยังคงนิ่ง สุขุมสยบทุกความเคลื่อนไหว
“จะคุยกันก่อนใช่ไหม งั้นฉันเข้าไปก่อนล่ะ”
“ครับซอนเบนิม” โค้งหัวให้ชายแก่จนกระทั่งประตูถูกผลักเข้าไป ตอนนั้นทั้งคู่ถึงได้ยืนหลังตรงกันอีกครั้ง
“อะไรคือการลืมมือถือไว้ในรถ นี่พี่มาถึงนานแล้วเหรอ”
“ครับ”
“แล้วก็ยืนเถียงกับผมตั้งนานเนอะ ก็นึกว่าเพิ่งมา เอ้อ...” วันนี้แบคฮยอนถลึงตามองพี่พระเอกไปกี่รอบแล้วใครพอจะตอบได้บ้าง ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องกวนได้อย่างไม่รู้จบ อยากลองของกับเด็กมากนักใช่ไหม
“เรียกว่าเถียงก็คงไม่ถูก ต้องบอกว่าปล่อยให้คุณยืนบ่นอยู่ฝ่ายเดียวก็อาจจะน่าฟังมากกว่า”
“มะเหงกเหอะ”
“เอาใหญ่แล้วนะครับ ถ้ายังพูดคำหยาบกับผมอีกรับรองว่าวันนี้ตัวร้ายที่ชื่อปาร์คชานยอลได้ทำเรื่องไม่คาดฝันจนคุณไม่มีวันลืมแน่...” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปใกล้ แต่แบคฮยอนกลับเบ้ปากเป็นเชิงสู้
“คิดว่าขู่เป็นคนเดียวดิ? วันนี้ผมจะไม่รอพี่ จะหนีไปเที่ยวเล่นที่อื่นชนิดว่าต่อให้ไปดักรอที่บ้านก็คงไม่ได้เจอ สายแข็งมากใช่ป่ะ หึ”
แบคฮยอนย่นจมูก ชี้หน้าคนตัวโตกว่าพลางเดินถอยหลังทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตู มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะแสดงศักยภาพให้อีกฝ่ายเห็นว่าเด็กธรรมดาอายุสิบแปดก็ไม่ได้ยอมพระเอกหนุ่มหน้าหล่อไปซะทุกเรื่อง
แต่ยังไม่ทันผลักประตูเข้าไปก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่ฟาดลงบนสะโพกเขา หนำซ้ำยังขย้ำเบา ๆ จนต้องรีบหันกลับไปมองคาดโทษเจ้าของมือนั้น สีหน้าพี่พระเอกตอนนี้เจ้าเล่ห์เป็นบ้า รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าหล่อนี่โคตรน่าเอาเล็บไปข่วนจนเป็นรอยเลยให้ตายเถอะ!
“เด็กนิสัยไม่ดีต้องถูกตีก้น”
แบคฮยอนยืนอ้าปากค้างอยู่ท่านั้นในขณะที่อีกฝ่ายผลักประตูเข้าไปพร้อมท่าทางสบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กน้อยมองตามแผ่นหลังกว้างของตัวโกงหน้าใหม่ที่เล่นเขาตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดกองถ่าย พี่พระเอกนั่งลงบนเก้าอี้ข้างนักแสดงสาวพร้อมคว้าบทขึ้นมาไว้ในมือ
วูบหนึ่งเขาได้สบตากับผู้ชายคนนั้น ท่ามกลางผู้คนมากมายในห้องกว้างไอ้บ้าพี่พระเอกก็ยังกล้าทำปากจุ๊บใส่เขาได้อีก!!!
60%
ถ้างานนี้จะมีคนแพ้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่บยอนแบคฮยอน!
เด็กน้อยยกยิ้มพอใจพลางเลียไอติมโคนในมือ ตอนนี้เขากำลังเดินทอดน่องอยู่ในห้างสรรพสินค้าอย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่าใครอีกคนเคยสั่งให้ให้รอคุยกันหลังจบเวิร์คช็อป โทษทีนะพี่พระเอก งานนี้เด็กกะโปกจะไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
คุณได้รับข้อความจาก...
‘อ๊ะ ๆ นี่ใครกัน พี่พระเอกที่กลายเป็นตัวร้ายนั่นไงจำไม่ได้เร๋อ’
[ ผมจะรอคุณอยู่ลานจอดรถอีกแค่สิบนาที... สิบนาทีเท่านั้นที่ผมจะใช้ความอดทนกับคุณ ]
โอ้โห... รู้สึกได้ถึงออร่าความดุที่แผ่ซ่านออกมาจากข้อความสั้น ๆ นี้ แบคฮยอนเบ้ปากคว่ำก่อนจะยิ้มพอใจ นี่พี่เขายังไม่ไปสร้างงานสร้างอาชีพตามประสาพระเอกเงินล้านอีกเหรอ
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘อ๊ะ ๆ นี่ใครกัน พี่พระเอกที่กลายเป็นตัวร้ายนั่นไงจำไม่ได้เร๋อ’
[ จะติดต่อคนดังนี่จองคิวหรือยัง หืม หืม หืม ]
ระดับความกวนตีน : MAX
คุณได้รับข้อความจาก...
‘อ๊ะ ๆ นี่ใครกัน พี่พระเอกที่กลายเป็นตัวร้ายนั่นไงจำไม่ได้เร๋อ’
[ จะเอาใช่ไหมครับ? (: ]
เด็กน้อยกัดริมฝีปากบน กลอกตาไปมาอยู่ในทีแล้วก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถือ แบคฮยอนมีความสุขเหลือเกินที่ทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดจนต้องแสดงออกแบบนี้กับเขา ก็แหงล่ะ ปกติเคยเป็นฝ่ายเหนือกว่าเมื่อไหร่กัน ไม่ว่าจะดื้อยังไงเขาก็ต้องยอมโอนอ่อนให้ตลอดเพราะเจอลูกอ้อนของพี่พระเอก
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘อ๊ะ ๆ นี่ใครกัน พี่พระเอกที่กลายเป็นตัวร้ายนั่นไงจำไม่ได้เร๋อ’
[ ไว้เจอกันเมื่อชาติต้องการนะมือปืนยูอินฮวาน *อีโมหมูขึ้นไปยืนบนโซฟาแล้วจูบเหม่งยีราฟขี้โมโห* ]
แค่นี้ก็ชนะแล้ว
“นี่แค่ตอนอายุสิบแปดนะเนี่ย” คนตัวเล็กพูดกับหน้าจอโทรศัพท์ ถ้าเขาอายุเท่าพี่พระเอกเมื่อไหร่สกิลการเอาชนะคงแข็งแกร่งกว่านี้แน่ ให้รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ ไว้สำนึกผิดเรื่องคิมดาซมเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน
เดินไร้สาระไปจนพอใจแล้วก็แวะเข้าร้านหนังสือ ยืนลูบ ๆ คลำ ๆ นิยายของตัวเองที่ติดอันดับขายดีแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก อัพรูปลงอินสตาแกรมพร้อมบอกพิกัดว่าวางแผงที่ร้านไหนโดยไม่อายสายตาใคร ๆ งานฮาร์ดเซลต้องมา เอาน่า... มันคือความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนทำงานสายด้านนี้
เด็กน้อยหยิบมือถือขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน คนแรกที่ผุดเข้ามาในหัวคือพี่พระเอก คิดว่าพี่เขาคงโทรมาแหกแต่ก็ไม่ใช่ เมื่อสุดท้ายแล้วคำตอบก็ออกมาเป็นเพื่อนสนิทที่รักกันปานจะกลืนกิน
“ว่า?”
( ชะนีผีบุกบ้านกู นางบอกให้จุดธูปเรียกมึงมากินข้าวด้วยกัน )
“แฟนกูอะเหรอ”
( จ้า แฟนเสิ่นเจิ้น*ของมึงนั่นแหละจ้ะ รีบมานะ เวนดี้โทรสั่งไก่ทอดละ )
*เสิ่นเจิ้น = เป็นคำเปรียบเทียบของปลอม ไม่ใช่ของแท้มักมาจากเสิ่นเจิ้น
“โอเค จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปหมด แม้ว่าจะถูกเพื่อนสนิทอย่างมะขามป้อมตราโดคยองซูแซะด้วยน้ำเสียงแต่ก็ยังยิ้มได้อยู่ ชีวิตติ่งอย่างมันช่างบันเทิงเหลือเกิน วันหยุดก็โทรนัดเพื่อนในแฟนดอมหาของกิน นินทาคน แล้วก็เวิ่นเว้อรูปผู้ชายที่มาสเตอร์นิมอัพในทวิตเตอร์
นี่ไม่รู้ว่ากำลังจะติ่งตามพวกมันด้วยตัวเองหรือโดนมนต์ดำกันแน่ เมื่อตอนนี้จำนวนยอดฟอลโลววิ่งของแบคฮยอนเพิ่มมากขึ้นเพราะติดตามบ้านแฟนไซต์พี่พระเอกเต็มไปหมด ตามเก็บรูปอยู่นั่นทั้ง ๆ ที่ถ้าอยากเห็นตัวเป็น ๆ ก็แค่ไปหาที่คอนโด
เด็กน้อยเดินไปหยุดอยู่ตรงป้ายรถเมล์แล้วเงยหน้าขึ้น ตอนนี้ก็ห้าโมงครึ่งแล้วคาดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าความมืดคงกลืนกินท้องฟ้าจนกลายเป็นสีดำ คนตัวเล็กขึ้นแท็กซี่เพื่อตรงไปยังบ้านคยองซู เสียบหูฟังเข้าโลกส่วนตัวแล้วกดเลือกอัลบั้มเพลงที่อยากฟัง
ในมือถือมีเพล์ลิสต์อยู่หลายประเภท แล้วแต่ว่าตอนนั้น ๆ อยากฟังแนวไหน แบคฮยอนชอบฟังเพลงเพราะมันทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจเขียนนิยายต่อ อย่างเช่นอัลบั้มที่ฟังอยู่บ่อย ๆ ก็เป็นแนว Traps ที่ปลุกใจจนอยากกลับไปเขียนนิยายบู๊
ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้น ถ้าพยายามมากกว่านี้นิยายของนักเขียนธรรมดาอย่างบยอนแบคฮยอนต้องไปได้ไกลกว่าที่คิดแน่!
“สิบห้านาทีแล้วนะ แน่ใจเหรอว่าแบคฮยอนจะมาที่นี่?”
จงอินวางมือลงบนพวงมาลัยรถพลางชำเลืองมองอีกคนที่เอาแต่จับจ้องไปยังป้ายรถเมล์ด้วยแววตาอาฆาตแค้น ใช่ เขาเข้าใจไม่ผิดหรอก หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าจากไอ้หมอนี่แล้วก็ชั่งใจอยู่ว่าจะสงสารดีหรือเปล่า
ปาร์คชานยอลทะเลาะกับแฟนเด็กจนต้องตามมาดักรออยู่หน้าปากซอยทางเข้าบ้านแฟนคลับตนเอง ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแบคฮยอน หลังจากนักแสดงชื่อดังทำตัวเป็นซาแซงจนรู้ว่ามีเด็กกลุ่มหนึ่งเมนชั่นเร่งเร้าให้รีบมาที่บ้านผ่านทางทวิตเตอร์เกิดขึ้น คิมจงอินเลยกลายเป็นสารถีจำเป็นที่ต้องพาเจ้านี่มานั่งแหงกอยู่ตรงนี้หลังจากจบเวิร์คช็อป
“เชื่อเถอะ อีกไม่เกินห้านาทีนายจะเห็นเขาเดินลงมาจากรถ ตรงจุดนั้น”
“มั่นใจขนาดนั้นเลย?” เขาเห็นว่าชานยอลแค่นหัวเราะออกมาอย่างผู้ร้ายเมื่อเขาพูดจบ แน่นอนว่าครั้งหนึ่งเขาเคยดูถูกไอ้หมอนี่ว่าเล่นละครห่วยและชาติหน้าคงเล่นบทร้ายไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด กับสายตาคู่นั้นที่มองไปยังเบื้องหน้าอย่างจริงจังกับรอยยิ้มมุมปากนั่นน่ะ
“เด็กคนนั้นเล่นผิดคนแล้ว”
“ถามจริง นี่แค้นเพราะไม่ได้เป็นพระเอกหรืเป็นเพราะเหตุผลอื่น?”
“มันมีอะไรมากกว่านั้น อย่าพูดเหมือนฉันจะเป็นจะตายเพราะไม่ได้รับบทพระเอกสิ” คนตัวสูงพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะสวมแว่นกันแดดเข้าไปอีกครั้ง
“ว่าได้ที่ไหน ตอนรู้ว่าได้รับบทเป็นตัวร้ายคนอีโก้อย่างนายไม่รู้สึกเหมือนถูกถีบเข้ากลางหลังหรอกเหรอ?” จงอินยิ้มน้อย ๆ บอกตามตรงว่าเขาเองก็สะใจไม่ใช่เล่นที่เห็นเจ้านี่ตกอันดับมาจากบทพระเอกบ้าง ใช่ว่าคิมจงอินไม่พอใจกับบทตัวโกงนะ เรียกได้ว่ารักเลยล่ะ แต่สลับบทกันมันก็น่าสนุกไม่หยอกกับการเป็นที่พูดถึงในสังคม
“รู้ไว้เถอะว่านายได้บทนั้นเพราะความหึงหวงของเด็กตัวแสบ” ชานยอลหันมาสบตากับอีกฝ่ายแล้วลดแว่นกันแดดลงมาตรงปลายจมูก ยักคิ้วให้ศัตรูเก่าที่กลายมาเป็นเพื่อนใหม่ก่อนจะยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่าย
“เรื่องนั้นใครจะสน? ในเมื่อคนทั้งโลกไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรนายถึงตกกระป๋องไปรับบทตัวร้ายได้ ไม่เอาน่าชานยอล มันหมดยุคทองของนายแล้ว”
“มันน่าเศร้านะ ถ้าเกิดว่าละครเรื่องนี้ตัวร้ายจะสร้างเรทติ้งได้ดีกว่าพระเอก นายคิดอย่างนั้นไหมจงอิน?”
เจ้าของชื่อแค่นหัวเราะกับความหลงตัวเองที่มันทะลุเกินล้านเปอร์เซ็นต์ของคนข้าง ๆ ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่ชายหนุ่มผิวแทนจะคว้าแว่นกันแดดขึ้นมาสวมพร้อมทอดสายตาไปยังถนนเบื้องหน้าด้วยท่าทีสบาย ๆ
“ทำตัวเองนี่ ถ้าเลิกยุ่งกับน้องสาวฉันตั้งแต่ตอนนั้นเรื่องมันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก”
“ของแบบนี้ปรบมือข้างเดียวมันดังที่ไหน ถ้าดาซมไม่ติดต่อมาฉันจะไปเจอเธอได้ยังไง?” น้ำเสียงของปาร์คชานยอลไม่ได้เหมือนคนกำลังพยายามแก้ตัว แต่ไอ้หมอนี่กำลังกวนประสาทเขาจนชวนให้คิ้วกระตุก
“หุบปากเถอะ ก่อนที่นายจะกระเด็นออกไปจากรถฉัน”
“กระตุกต่อมพี่ชายขี้หวงไม่ได้เลยสินะ พ่อพระเอกหน้าใหม่”
“โธ่ ใครจะไปดีแต่เรื่องหลงตัวเองเหมือนตัวร้ายฟันน้ำนมอย่างนายล่ะพ่อตัวร้ายป้ายแดง?”
ยังไม่ทันได้ต่อปากต่อคำกลับร่างสูงก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป้าหมายมาถึงแล้ว จงอินมองอีกคนที่รีบปลดเข็มขัดแล้วดึงเสื้อคอเต่าขึ้นปิดถึงริมฝีปากก่อนจะสวมหมวกปิดทับ สภาพนี่เหมือนมือปืนยูอินฮวานหลุดออกมาจากนิยายซึ่งกำลังเตรียมตัวทำตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้
“ให้ตายเถอะ นี่เอาจริงใช่ไหม?”
“อย่าคิดที่จะเปลี่ยนใจตอนนี้ นายเป็นคนอ้าปากพูดเองว่าจะช่วยฉัน” ชานยอลชี้หน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าคิมจงอินไม่มีทางหนีไปไหนได้แล้วหลังจากพลั้งปากพูดออกไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเพราะความเห็นใจ
ก็ถ้าไอ้พระเอกร้อยล้านนี่ไม่เล่นละครสร้างภาพจนเชื่อว่าทะเลาะกับแบคฮยอนจริง ๆ เขาจะยอมมาด้วยเหรอ บ้าเอ๊ย
“ไอ้...” จงอินขมวดคิ้วขยับปากด่าไล่หลังอีกฝ่ายซึ่งกำลังเปิดประตูรถและไม่ลืมที่จะหันกลับมาพยักหน้าเรียกเขาให้ตามไป
ชายหนุ่มผิวแทนคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจนัก รอบข้างมีผู้คนเดินผ่านอยู่ประปราย บ้างก็มองตามเพราะจำได้แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาทัก บ้างก็เดินผ่านไปตามประสามนุษย์เงินเดือนที่ต้องรีบกลับบ้านเมื่อใกล้ถึงเวลาฟ้ามืด ก็นะ ใช่ว่าคนธรรมดาจะบ้าดาราไปเสียทุกคน
ชายหนุ่มชุดดำตรงไปหาเป้าหมายที่ยังไม่รู้ตัว ขายาวก้าวเข้าไปประชิดข้างหลังก่อนจะใช้มือขวาปิดปากเหยื่อเอาไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียง ส่วนมืออีกข้างก็รวบเอวอุ้มขึ้นจนขาลอยจากพื้น
“...!!!”
แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจ เสียงร้องอู้อี้ที่ลอดผ่านมือใหญ่นั้นเรียกความสนใจจากคนรอบข้างให้มองมาทางนี้ ร่างเล็กพยายามแกะมือคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังแต่ก็ไม่สำเร็จ ดิ้นทุรนทุรายสุดแรงเกิดก่อนจะหยุดนิ่งไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผิวแทนที่คุ้นหน้าคุ้นตายืนถ่ายคลิปอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้
“Say Cheese.”
“อี๊ด อ๊า ไอ!!!” (ชีสบ้าไร!!!) แม้จะถูกปิดปากแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เด็กน้อยหลุบสายตาลงมองมือใหญ่ที่ปิดปากตนเองแต่ก็เห็นอะไรได้ไม่มากนัก แต่จากกลิ่นหอมแบบนี้คงเดาได้ไม่ยาก
เดี๋ยว... อย่าบอกนะว่า...
ผู้คนที่อยู่โดยรอบกำลังให้ความสนใจทางนี้ ทั้งถ่ายคลิป ถ่ายรูป รวมไปถึงซุบซิบคุยกันว่านี่คือการแสดงหรือเปล่า กับการที่ดาราชื่อดังทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่พร้อมเด็กนักเรียนมอปลายคนหนึ่ง
แบคฮยอนถูกลากไปจนถึงรถ ใช่ เรียกว่าลากนั่นแหละถูกแล้ว ร่างของเขาถูกดันเข้าไปตรงเบาะหลังก่อนจะขยับชิดในโดยอัตโนมัติเมื่ออีกคนแทรกตัวเข้ามา เด็กน้อยถลึงตามองผู้ชายชุดดำที่เพิ่งดึงเสื้อคอเต่าลงจากริมฝีปาก ถอดแว่นกันแดดกับหมวกออกแล้วสะบัดผมให้เข้าทรง
“โดนแบบนี้ผมหยาบคายกับพี่ได้แล้วช่ะ?”
“อย่า... แม้แต่จะคิด” ชานยอลชี้หน้าเด็กน้อยที่กำลังมองเขาตาขวาง สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่แบคฮยอนจะเบนสายตาไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ
“พี่ตัวโกง นี่มันเรื่องอะไร”
“ถามหมอนั่นสิ เขาบังคับให้ทำแบบนี้ พี่ไม่รู้เรื่องเลย” จงอินเอี้ยวหน้ามายังเบาะหลัง ตีหน้าซื่อพร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับหัวใหล่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
“พี่เขาพูดจริงป่ะ?” เด็กน้อยหันไปถามคนข้าง ๆ
“จริงครับ”
“โหย นิสัย แผนสูงมากไหมล่ะพ่อนักแสดงพันล้าน” แบคฮยอนมองเหยียดคนตัวโต จะตามหากันทีต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเรอะ
“‘ยิงเพื่อหวังผลเท่านั้น’ ผมจำประโยคนี้มาจากนิยายของคุณ” ชานยอลพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ เอนหลังพิงกับเบาะไขว่ห้างกอดอก แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเด็กตัวแสบปัดมือเขาลง
“บอกว่าห้ามทำงี้ ทำไมชอบผิดกติกาอยู่เรื่อย”
“ผมต้องทำตามเด็กเอาแต่ใจด้วยเหรอครับ?”
“เอ้า แล้วใครบอกว่าชอบตามใจผมวะ”
“ตามใจจนเสียเด็ก ไหนครับบยอนแบคฮยอนที่น่ารักคนนั้น คุณคือฝาแฝดของเขาที่พลัดพรากไปเมื่อสิบแปดปีที่แล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มปั้นหน้าจริงจังพร้อมดึงแก้มนิ่มของเด็กตัวแสบ แบคฮยอนปัดมือแกร่งออกอย่างรำคาญแล้วง้างมือขึ้นเตรียมฟาด แต่อีกฝ่ายกลับมองสู้
“ขอโทษนะ ฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน จะทำอะไรเกรงใจกันบ้างก็ดี”
“ไม่ต้องเลย! ถึงพี่จะไม่ตั้งใจมาด้วยแต่ก็ยังมีคดีติดตัวอยู่ดีป่ะวะ ถามหน่อยเหอะว่าถ่ายคลิปไปทำผีอะไร” แบคฮยอนหันไปค้อนใส่คนขับ ชานยอลยิ้มขำพลางเกลี่ยผมคนตัวเล็กที่กำลังให้ความสนใจจงอินจน
“มันเป็นแผนของหมอนั่นทั้งหมดเลย หันไปว่าเขาสิ”
“ว่าไงนะ?”
“ผมอยากลองซ้อมบทตัวร้ายดูน่ะครับ รู้สึกในบทละครจะมีฉากที่ผมเข้าไปกระชากลากดึงน้องสาวพระเอกไปฆ่าในห้องน้ำด้วย อ่าใช่ ห้องน้ำ” ชานยอลขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะรีบคว้ามือเล็กที่เหวี่ยงมาเพื่อจะฟาดแขนเขา “แบคฮยอน?”
“คนมองกันพรึ่บ พี่อยากเป็นข่าวอีกใช่ป่ะ?” เด็กน้อยถลึงตามองพูดลอดไรฟัน ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มพอใจก็ยิ่งหงุดหงิด พี่พระเอกแม่งน่าโมโหจริงโว้ย!
“มีจงอินถ่ายคลิปให้ทั้งคน ถ้าจะมีคนเอาไปลงก็คงเป็นข่าวนักแสดงหน้าหล่อทั้งสองที่แกล้งรุ่นน้องคนสนิทโดยการบุกไปลักพาตัวเพื่อต้อนรับละครเรื่องใหม่ที่จะเล่นร่วมกัน อะไรเทือก ๆ นั้นเสียมากกว่า”
“อ๋อเหรอ แผนสูงจังเลยน้า”
“ว่าไม่ได้หรอกครับ มีแฟนเป็นนักเขียนทั้งที ผมก็ควรวางแผนให้เก่งเหมือนที่คุณวางพล็อต” แบคฮยอนหรี่ตามองแล้วพยายามชักมือกลับ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น
“ขอใส่หูฟังแล้วกันนะ เลี่ยนไม่ไหวแล้ว” จงอินส่ายหน้าพลางคลำมือควานหาหูฟังแต่ก็ถูกคนตัวเล็กห้ามไว้
“ไม่ได้ พี่ต้องฟังแล้วก็ตัดสินว่าเรื่องนี้ใครผิด”
“เหตุผลอะไรที่พี่ต้องทำอย่างนั้นครับเรา?” ชายหนุ่มผิวแทนมองอีกฝ่ายชั่วอึดใจก่อนจะหันกลับไปมองถนนอีกครั้ง แบคฮยอนชักมือกลับแล้วโผล่หน้าไปตรงกลางระหว่างที่นั่งคนขับ จับเบาะหน้าไว้เป็นหลักแล้วมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่าย
“เพราะผู้ชายคนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกผมและน้องสาวพี่ไปพร้อม ๆ กันไง”เหมือนมีคนเอาหอกมาทิ่มแทงใจ กับเรื่องที่ทำให้พี่ชายอย่างคิมจงอินหัวเสียมาเป็นปี ๆ หนุ่มผิวแทนสบตากับไอ้ขี้เก๊กผ่านกระจกมองหลัง
“อ่า จริงด้วยสิ หมอนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะ”
“ย่าห์แบคฮยอน” ชานยอลมองแผ่นหลังคนตัวเล็ก ก่อนที่ใบหน้าซนจะก้มลงแล้วมองมาอย่างผู้ชนะ อีกทั้งริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่ขยับพูดแบบไม่มีเสียงว่า
‘พี่ตายแน่ วันนี้พี่ต้องตาย’
นั่นน่ะ...
ฟัดคารถต่อหน้าจงอินซะเลยดีไหม?
“ก็บอกแล้วไงว่าผมจะอธิบายให้ฟัง แต่คุณก็ไม่อยู่รอ”
“รถคันนี้สวยดีอะ พี่ซื้อมาแพงป่ะ” <- ไม่ฟัง
“ก็ไม่เท่าไหร่ แต่มีคันที่สวยกว่านี้อีกนะ อยากลองไปนั่งเล่นดูไหม?” <- นี่ก็ไม่ฟัง
“โหยจริงป่ะ งั้นไป ๆ อยากลองนั่ง” <- ยังไม่เลิก
“อยากไปไหนล่ะ ลิสต์ไว้สิเดี๋ยวพี่พาไป” <- นี่สงสัยอยากมีเรื่อง
คนที่ถูกเมินนั่งไขว่ห้างกอดอกคิ้วกระตุก เขาได้แต่พยายามนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อบอกให้ตัวเองสงบลงโดยที่ไม่ฟาดก้นงอน ๆ ที่โก้งโค้งอยู่ตรงช่องว่างที่นั่งข้างคนขับ แบคฮยอนยังคงไม่หยุด เจ้าตัวยังคงจ้อเจื้อยกับคิมจงอินเหมือนจงใจยั่วโมโหเขา ซึ่งมันก็ได้ผล
ไม่นานนักรถก็ขับเข้าลานจอดรถใต้คอนโด เราทั้งสามคนเดินเข้าไปในลิฟต์โดยไม่ต้องถามหาคนกดปุ่มเปิด แบคฮยอนกับจงอินยังคงเอาแต่คุยเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นปี เกี่ยวกับบทพระเอกเรื่องใหม่ที่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะพราวด์เหลือเกินที่หมอนี่ตกลงปลงใจรับเล่นอย่างไม่อิดออด หมาหัวเน่าสูงร้อยแปดสิบปลาย ๆ ได้แค่ยืนทำหน้าเซ็ง จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก
“โอ๊ะ!” ยังไม่ทันได้เดินตามพี่ตัวโกงไปก็ถูกคว้าคอเสื้อไว้ก่อน แบคฮยอนค่อย ๆ หันไปมองอีกคนที่ยืนทำหน้าตึงอยู่ข้างหลังพร้อมดุทางสายตา
“ห้องผมอยู่ทางนั้น เผื่อคุณจำไม่ได้”
คนตัวเล็กไม่ได้โต้ตอบกลับ เขาเพียงแค่ไหวไหล่น้อย ๆ แล้วหันไปโบกมือลาหนุ่มผิวแทนก่อนจะเดินนำหน้าไป ชานยอลยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาสบตากับเพื่อนใหม่ที่กำลังจะกลายเป็นศัตรูหัวใจเพียงเพราะถูกกระตุ้นเรื่องน้องสาว
“ขอบคุณสำหรับวันนี้”
“ขอค่าตอบแทนเป็นเลิกยุ่งกับน้องสาวฉันแล้วกัน”
“ตกลง ต่อไปนี้ฉันจะไม่รับสายดาซมอีก นายไปอธิบายให้เธอเข้าใจเองแล้วกันว่าเพราะอะไร”
“Deal” จงอินยกยิ้มพอใจ แน่นอนว่าการถูกน้องสาวงอแงใส่มันต้องดีกว่าการรู้ว่าทั้งคู่ยังติดต่อกัน
ถึงปาร์คชานยอลจะเป็นคนดี แต่ก็ใช่ว่าหมอนั่นจะดีกับทุกคนโดยเฉพาะเรื่องความรัก เพราะถ้าไม่มีใจเมื่อไหร่มันก็จะกลายเป็นการให้ความหวัง เขาไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าปาร์คชานยอลไม่ได้คิดอะไรกับดาซมแล้ว
“อ้อ” ยังไม่ทันเดินถึงสามก้าวก็ต้องหยุดฝีเท้า ร่างสูงหันเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมมองด้วยสายตาเรียบเฉย แต่จงอินก็รับรู้ได้ถึงแรงหึงหวงผ่านทางแววตาคู่นั้น “แล้วก็ช่วยเลิกพูดยั่วโมโหฉันด้วยวิธีนี้ซะ”
“มันได้ผลดีเลยใช่ไหมล่ะ?” หนุ่มผิวแทนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขายังคงยิ้มกับสีหน้าของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ใช่” ชานยอลยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่กำลังกดรหัสเข้าห้อง “เกินคาดเลยล่ะ”
ถอดรองเท้าแล้วก้าวเข้าไปในห้อง ยังไม่ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาก็ต้องหันกลับไปมองประตูที่เพิ่งเปิดออกอีกครั้งโดยเจ้าของสีหน้ามึนตึง แบคฮยอนอ้าปากเตรียมเปิดบทสนทนาอีกครั้งในหัวข้อ ‘ไหนบอกมาซิว่าวันนี้พี่อยากคุยเรื่องอะไร’ แต่คำพูดทุกอย่างก็ถูกกลืนลงคอไปหมดเมื่อร่างของเขาถูกช้อนขึ้นพาดไหล่คนตัวสูง
“เฮ้ย!” แบคฮยอนดิ้นขลุกขลัก สิ่งที่มองเห็นตอนนี้มีเพียงแค่แผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงที่กำลังพาเขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ “ปล่อยดิ อุ้มทำไมวะเนี่ย!”
“ยังหยาบคายกับผมอยู่สินะครับ?”
“อ๊ะ!” เด็กน้อยนิ่วหน้าเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบนก้นเขาซะเสียงดัง มันก็ไม่ถึงกับเจ็บหรอกนะ แต่พี่เขาก็ไม่ควรทำแบบนี้ป่ะวะ “นี่พี่!”
“ยังจะขึ้นเสียงอีก?”
“อ๊ะ! พี่อะ ผมเจ็บแล้วนะ!” แบคฮยอนทุบหลังอีกคนไม่ยั้งมือ ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกโยนลงบนโซฟา
ยังไม่ทันได้ตั้งหลักลุกขึ้นนั่ง ก็ต้องทิ้งตัวกลับไปนอนราบอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายคร่อมทับลงมา เด็กน้อยตาเหลือกชำเลืองมองอีกคนที่กำลังแปลงร่างเป็นเดอะฮัลค์ สีหน้ามึนตึงที่แสดงออกให้เห็นนั่นบ่งบอกถึงชะตาชีวิตเด็กอายุสิบแปดที่กล้าอวดดีกับคนแก่กว่าถึงสิบปี
“คุณไม่รอดแน่วันนี้”
“โอ้โห อย่างกับถอดบทมาจากนิยายผมเลยนะเนี่ย” เด็กตัวแสบยังปากดีได้อยู่ เขาเห็นว่าแบคฮยอนกลอกตาไปมาอยู่ในที มองเขาได้ไม่ถึงสองวิก็ต้องหลบไป
“ทำไมไม่อยู่รอผมครับ ทำไมต้องดื้อ?” คนตัวเล็กไม่ได้ตอบคำถาม เขาเห็นว่าดวงตาคู่นั้นเอาแต่ทอดมองไปยังด้านขวาขณะนอนงอตัวอยู่บนโซฟา “แบคฮยอน”
“...”
“ถ้าคุณหึงเรื่องดาซมผมก็พร้อมที่จะเข้าใจ แต่ผมไม่รู้สึกดีที่คุณเอาแต่หลบหน้าแบบนี้”
“...”
“ผมยังรักคุณไม่มากพอเหรอครับ คุณถึงปล่อยให้เรื่องนั้นมาสั่นคลอนเราได้” อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมาหลังจากได้ฟังคำอธิบาย แบคฮยอนก็รู้ว่าพี่พระเอกรักเขาและเชื่อใจว่าจะไม่มีคนอื่น
“แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ พี่สองคนเคยคบกันอะ ไม่มีแฟนใหม่คนไหนรู้สึกดีกับเรื่องนี้หรอก”
“ถ้าคุณจะโกรธ จะไม่พอใจก็ได้ครับ แต่ให้ผมอยู่ข้าง ๆ ตอนที่คุณกำลังรู้สึกอย่างนั้นได้ไหม?” ชายหนุ่มมองเสี้ยวหน้าเด็กขี้งอนที่ยังคงไม่หันกลับมาสบตากัน จนเขาต้องเชยคางมนให้หันมา “ไม่รักผมแล้วเหรอ?”
“ทำไมพูดแบบนี้ เพราะผมรักพี่จนแทบระเบิดอยู่แล้วถึงได้งี่เง่าอะ”
“...”
“พี่แม่งนิสัยไม่ดี เป็นผู้ใหญ่แทนที่จะรู้ว่าต้องทำยังไง และไม่ควรทำอะไร แต่พี่ก็ยังทำ แม่ง โมโหแล้วนะเว้ย”
“ไม่ร้องนะครับเด็กดี ผมผิดไปแล้ว”
“...”
พอโดนโอ๋แบบนี้ทีไรเด็กอย่างเขาก็กลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟทุกที แบคฮยอนเบะปากเล็กน้อยแล้วปล่อยให้อีกคนไล้น้ำตาออกให้อย่างเบามือ ใบหน้าบึ้งตึงที่เคยแสดงออกเมื่อก่อนหน้านี้ได้หายไปและแทนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขาชอบ
“ผมคงคิดน้อยเกินไปว่าถ้ามีข่าวกับดาซมหลุดออกมาสักหน่อยมันคงช่วยกลบกระแสความสงสัยเรื่องของเราหลังจากจบงานแถลงไปได้บ้าง ผมผิดเองที่คิดว่าคุณคงไม่กังวลกับเรื่องนี้”
“พี่ไม่ยอมบอกผมเลยอะ ถ้าไม่รู้เองจะได้ฟังจากปากพี่ไหม”
“ผมกะว่าจะเล่าให้ฟังแต่ช่วงนั้นก็ยุ่งมาก คิดว่าเล่าทีหลังก็คงไม่เป็นไร แต่ข่าวมันไปไวกว่าที่คิด มันทำให้คุณหงุดหงิดใช่ไหม อยากตีผมหรือเปล่าครับ?” ชายหนุ่มจับมือเล็กขึ้นมาทาบแก้มตัวเองก่อนจะตบลงไปเบา ๆ เขายิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยยื้อมือเอาไว้
แบคฮยอนมันก็แค่เด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ที่คิดว่าตัวเองเก่งขึ้นเพราะยั่วโมโหอีกฝ่ายได้สำเสร็จ แต่ทุกอย่างมันผิดไปหมด เขาไม่เคยชนะพี่พระเอกได้เลยไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เด็กน้อยมองเงาตัวเองผ่านดวงตาคู่นั้น รอยยิ้มของคนตัวสูงและน้ำเสียงทุ้มต่ำชวนให้เคลิบเคลิ้มยังคงเป็นเหมือนโซ่ที่ล่ามแขนขาเขาเอาไว้ได้เหมือนเดิม
“แค่กินข้าวด้วยกันเฉย ๆ ใช่ไหม”
“ครับ สามคน”
“สามเหรอ?”
“พี่อี้ฝานไปด้วยน่ะ เขาเป็นคนถ่ายรูปให้”
“...”
“ทีนี้จะหายงอนได้หรือยังหืม?”
“...”
จะต้องตายกี่รอบกับการสบตากันในระยะใกล้แบบนี้ อีกทั้งยังมีรอยยิ้มเพิ่มความหล่อเข้าไปอีก เด็กอวดเก่งกลายเป็นลูกหมาเชื่อง ๆ ให้อีกคนเกลี่ยแก้มเล่น ก่อนจะหลับตาลงเพื่อรับการปลอบประโลมด้วยจูบที่หน้าผาก
“ขอโทษที่ตีก้นนะครับ เจ็บไหม?”
“เจ็บดิ มากด้วย”
“จริงเหรอครับ?” ชายหนุ่มยิ้มขำพลางคลอเคลียปลายจมูกรั้นพร้อมจับมือเล็กขึ้นมาโอยรอบคอตนเอง ซึ่งบีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนก็ไม่ยื้อดึงเหมือนก่อนหน้านี้
“ขอโทษที่งี่เง่าใส่พี่อีกแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อผมนะ ถ้าผมประสาทแดกบ่อย ๆ ก็ปล่อยไปก็ได้ ไม่ต้องง้อทุกครั้งหรอก เดี๋ยวผมได้ใจอะ”
“นี่คือช่วงเวลาสำนึกผิดหรือไงนะ?” ชานยอลหัวเราะ ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าหงอย
เด็กน้อยปิดเปลือกตาลงพลางเอียงใบหน้าปรับองศาจูบ ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่แบคฮยอนปล่อยให้อีกฝ่ายปลอบประโลมด้วยอ้อมกอดและจูบหวานที่คิดถึงมาตลอดหลายวันก่อนที่ทั้งคู่จะถอนริมฝีปากออกจากกัน
“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?”
“ยังไงก็ได้ขอแค่พี่อย่าเบื่อผมก็พอ”
“ติงต๊อง เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตคนเดียวโดยที่ไม่มีคุณหรอกนะ”
“ตอนแรกก็ไม่รู้สึกผิดหรอก แต่พอพี่อธิบายแล้วผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาเฉยเลยอะ การเป็นผู้ใหญ่มันดีแบบนี้เองเหรอ พี่รู้ว่าต้องพูดยังไงผมถึงจะหายบ้า”
“ไม่ใช่เพราะผมโตไปกว่าคุณหรอกครับ แต่เป็นเพราะผมรู้ว่าคุณเป็นยังไงต่างหาก”
“...”
“เด็กดื้อของผมยังคิดมากอยู่หรือเปล่านะ?”
“นิดนึงอะ...” เสียงคนตัวเล็กแผ่วลง แบคฮยอนช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิดแล้วโอบใบหน้าหล่อเอาไว้ “ขอโทษที่ผมเลือกให้พี่เล่นบทผู้ร้ายนะ”
แบคฮยอนจะรู้ตัวบ้างไหมว่าเวลาทำตัวน่ารักแล้วน่าฟัดมากแค่ไหน ชานยอลเพียงแค่อมยิ้มขณะสบตากับคนใต้ร่างแล้วพยักหน้า ตอนแรกอาจจะหงุดหงิดบ้าง แต่สุดท้ายแบคฮยอนก็ยังคงอยู่เหนือเหตุผลทุกอย่างที่เขาไม่ชอบอยู่ดี
“ไม่เป็นไรครับ เปลี่ยนไปเล่นบทอื่นบ้างก็น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน ผมชอบคาแรกเตอร์ยูอินฮวานนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นดิ คือ--” แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างพลางหลุบสายตาลงครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวโตอีกครั้ง “อย่างที่เคยบอกว่าถ้านิยายได้ทำเป็นละครสักเรื่อง ผมจะให้พี่เป็นพระเอกคนแรก แต่ผมกลับไม่ทำตามสัญญา”
“เรื่องนั้นเหรอ ช่างมันเถอะครับ ผมไม่ได้คิดมากจนปลงตกไม่ได้หรอก”
“ช่างไม่ได้หรอก จริง ๆ นะ” แบคฮยอนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “ที่ผมให้พี่เล่นบทนี้ ก็เพราะความเห็นแก่ตัวอะ...”
“ผมเข้าใจครับ ความหึงทำให้เด็กคนหนึ่งหน้ามืดได้” ชานยอลหัวเราะ
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยอะ ที่หึงก็เป็นเรื่องจริง แต่ที่เลือกก็เพราะบทพระเอกมีเลิฟซีนกับนางรองตอนที่ห้า แล้วก็มีเลิฟซีนกับนางเอกอีกตอนที่สิบ”
“ครับ?”
“ในหนังสือผมบรรยายแค่ฉากจูบแล้วตัดฉับไปเลย ฉากต่อมาก็บรรยายว่าเมื่อคืนนี้พระเอกมีอะไรกับผู้หญิงแล้วนะ แต่พอถูกทำเป็นละคร ผู้กำกับก็ขอเพิ่มฉากจูบ ฉากเรทไปนิดหน่อย ชนิดว่าแลกลิ้นฟัดเหวี่ยงกันบนเตียงอะ ผมทำใจไม่ได้ถ้าพี่ต้องเล่นบทนี้”
“...”
“พี่คิดดูดิ พระเอกต้องนอนกับนางรองเพราะผลประโยชน์เพื่อหวังจะตามไปแก้แค้นกับตัวร้ายที่ฆ่าครอบครัวเขา แล้วระหว่างนั้นก็ตกหลุมรักนางเอกอีก”
“...”
“เลยคิดว่าให้พี่ตัวโกงเป็นพระเอกก็ดีแล้วอะ” แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดตาอีกคนไว้เพราะกลัวว่าจะถูกโกรธ ถึงมันจะเป็นเหตุผลที่เอาแต่ใจ แต่เขาก็ยอมโดนดุถ้าต้องแลกกับการที่ไม่ต้องเห็นคนรักเล่นบทนั้น
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่เกือบครึ่งนาทีก่อนที่ชานยอลจะแกะมือเล็กออก สีหน้าของเด็กขี้หวงตอนกำลังกลัวก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ เขาไม่อยากพูดอะไรหรอก ใช่ ปาร์คชานยอลไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เขาเพียงแค่ก้มลงไปบดขยี้ริมฝีปากอีกฝ่ายเพื่อให้หยุดพูดจาน่ารักเสียที
เสียงอื้ออึงในลำคอประสานเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเราทั้งคู่ที่ผ่อนเข้าออก แบคฮยอนโอบกอดรอบคอแกร่งพร้อมขยับตัวเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายช้อนสะโพกเขาขึ้นจนร่างกายของเรากอดกันแน่นแทบไม่เหลือช่องว่าง
คนตัวเล็กหลับตาพริ้มปล่อยให้อีกคนกดจูบลงบนซอกคอตามอำเภอใจ ฟังคำบอกรักที่กระซิบข้างหูเพื่อบอกให้รู้ว่าปาร์คชานยอลจะมีแค่บยอนแบคฮยอนคนเดียว เสื้อแขนยาวของเราทั้งคู่ถอดลงไปกองไว้บนพื้นแล้วปล่อยให้ความอบอุ่นของผิวเนื้ออีกฝ่ายช่วยคลายความหนาว
รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้ากับคำว่า ‘น่ารัก’ ที่มาพร้อมริมฝีปากที่กดจูบลงบนพวงแก้ม แบคฮยอนยิ้มอย่างขลาดอายแล้วพร่ำบอกขอโทษที่ทำตัวเป็นเด็กไม่ดีให้พี่พระเอกต้องหงุดหงิดใจ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายตัวโตที่ใคร ๆ บอกว่าเย็นชาก็ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมย้ำบอกให้เขาแน่ใจว่า ‘ผมรักคุณ’
“ผมมีนัดกับท่านประธานตอนสองทุ่ม...”
“แต่นี่ก็ทุ่มนึงแล้วนะ พี่ไปเตรียมตัวก่อนไหม...”
เขารอได้ถ้าพี่พระเอกติดธุระ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจมากนักแม้ว่าจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ออกมาเอง คนตัวสูงยังคงคลอเคลียซุกไซ้อยู่กับอกของเขาไม่หยุด ขบเม้มจนขึ้นรอยแดงจาง ๆ
“งั้นผมจะรีบทำ”
“อะ... อะไรเล่า! พี่ไปแต่งตัวเลยไป!” แบคฮยอนหน้าขึ้นสีจัด พยายามจะดันอีกคนออกแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างกายกระตุกเป็นระยะเมื่อถูกเรียวลิ้นเล่นงาน เขากำลังจะสติหลุดเพราะผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
เสียงซิปกางเกงที่รูดลงชวนให้รู้สึกวาบหวิว แบคฮยอนหน้าขึ้นสีจัดกับเรื่องลามกที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างเปลือยเปล่าถูกประคองขึ้นให้นั่งทับบนตักแกร่งพร้อมเรียวขาที่ถูกจับให้เกี่ยวกับเอวหนาที่เหลือเพียงแค่กางเกงขายาว
แบคฮยอนมองกล้ามแขนของคนตัวโตกว่าแล้วก็เขินจนทำตัวไม่ถูก ชานยอลอมยิ้มกับท่าทางอีกฝ่ายพร้อมโอบใบหน้าขาวลงมารับจูบร้อนอีกครั้ง เขาไม่เคยรู้สึกพอถ้าคนตรงหน้าคือเด็กคนนี้ ตอนหึงก็น่ารักน่าหมั่นเขี้ยวไปอีกแบบ แต่ก็สู้ตอนง้อสำเร็จแล้วไม่ได้อยู่ดี
เสียงสัญญาณประตูเปิดดังขึ้นทำเอาทั้งสองคนถอนริมฝีปากออกจากกันโดยทันที แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในขณะที่เขากำลังเปลือยเปล่าบนตักพี่พระเอกอย่างนี้
“เตรียมตัวเสร็จหรือยังชานยอล ท่านประธานบอกว่า-- โอ้พระเจ้า ให้ตายเถอะ” ผู้จัดการหนุ่มรีบหมุนตัวหันเข้าหาผนังเมื่อเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนักแสดงในความดูแลกับเรียวขาที่เกี่ยวอยู่กับเอวหนา แม้จะไม่เห็นภาพชวนสยิวแต่อู๋อี้ฝานก็ได้แต่บอกตัวเองว่าไม่ควรเพ่งมองต่อ
แบคฮยอนงุดหน้าลงจนแทบจมหายไปกับแผงอกแกร่ง เอื้อมมือลงไปควานเอาเสื้อแขนยาวของพี่พระเอกมาปิดบังส่วนนั้นเอาไว้อย่างขลาดอาย หลับตาแน่นขยับปากก่นด่าตนเองแบบไม่มีเสียงกับความซวยที่เกิดขึ้น ชานยอลกอดคนตัวเล็กเอาไว้พลางหลับตาลงกับจังหวะอันเหมาะสมที่ผู้จัดการเข้ามาตักเตือนเรื่องนัดทั้งที่เป้ากางเกงมันกำลังจะระเบิดอยู่รอมร่อ อีกสักสิบนาทีค่อยเข้ามาไม่ได้หรือไงนะ?
“เดี๋ยวพี่ไปรอข้างล่างแล้วกัน รีบทำเวลาหน่อยล่ะ ท่านประธานคงไม่อยากรอนาน”
“ครับ”
ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบของคนที่เพิ่งเดินออกจากประตูไป ชานยอลก้มลงมองคนตัวเล็กที่ขึ้นหน้าสีจัดกับความอับอายเมื่อครู่นี้ ทั้งคู่สบตากันอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่ชายหนุ่มจะหลุดหัวเราะออกมากับสถานการณ์ประหลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“ผมจะมองหน้าพี่อี้ฝานอีกได้ยังไงเนี่ย...”
“ถ้าเจอเขาอีกเดี๋ยวผมให้คุณยืมผ้าปิดปากกับแว่นกันแดดเองครับ”
“อ๊า อายเป็นบ้า!” แบคฮยอนกัดกล้ามแน่น ๆ ของคนตัวสูงเป็นการระบายอารมณ์ นี่ก็เอาแต่หัวเราะไม่หยุดไม่รู้ว่ามีอะไรตลกนักหนา ให้ตายเถอะ เครียดจริง ๆ นะ ถ้าเจอพี่อี้ฝานอีกครั้งเขาจะต้องทำหน้าแบบไหน ไม่วายคงถูกมองว่าเป็นเด็กแก่แดดที่ทำเรื่องลามกกลางห้องโถงกว้างได้อย่างไม่อายแน่ ๆ
“รอผมนะ เดี๋ยวจะรีบกลับมา” ชายหนุ่มจูบลงบนขมับคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนแล้วสวมเสื้อให้ แบคฮยอนยกมือปิดหน้าแล้วปล่อยคนอายุมากกว่าช่วยใส่ชั้นในและตามด้วยกางเกงจนเสร็จเรียบร้อย
“พี่อธิบายให้พี่อี้ฝานฟังด้วยนะ...” สีหน้าหงอย ๆ ของบีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนนั้นน่าเอ็นดูเป็นบ้า ชานยอลอมยิ้มพลางพยักหน้าตกลงก่อนจะหอมแก้มขาวของคนขี้อายเบา ๆ
“ผมจะบอกว่าคุณไม่สบาย เลยช่วยเช็ดตัวให้แล้วกันนะครับ”
“ตลกไหมล่ะ ใครที่ไหนจะเชื่อ” แบคฮยอนมองค้อนแล้วก้มลงมองกางเกงอีกคนที่ยังไม่รูดซิปขึ้น เห็นอย่างนั้นเลยช่วยจัดการให้แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสร้างความอับอายให้ตัวเองอีกแล้วเมื่อมันรูดไม่ขึ้นเพราะเป้ากางเกงพี่พระเอกช่างคับพองแน่นเหลือเกิน...
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย TT_TT
“อ่า ขอบคุณครับ คุณใจดีจัง” แบคฮยอนยกมือขึ้นทึ้งหัวในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยันเข่าข้างหนึ่งลงกับโซฟาเพื่อรูดซิปกางเกงตนเอง “ไม่เป็นไรนะลูกรัก เดี๋ยวกลับมาพ่อจะชดเชยให้”
“ไอ้พี่พระเอก!” แบคฮยอนตีแขนแกร่งที่กำลังคลึงเป้ากางเกงตัวเองได้อย่างน่าไม่อาย ชักจะทะลึ่งเกินไปแล้วนะ กะจะฆ่าเขาให้เขินตายวันนี้เลยใช่ไหม? “รีบไปเลยนะ!”
“ถ้าหิวก็โทรสั่งอาหารทานเลยนะครับ แต่ถ้าไม่หิวก็รอทานผมตอนกลับมาก็ได้”
“พี่!” แบคฮยอนถลึงตามองอีกฝ่ายที่เอาแต่ยิ้มขำเปลือยช่วงบนเดินถอยหลังออกไปจากตรงนี้พร้อมเสื้อแขนยาวสีดำในมือ โชว์หน้าท้องและกล้ามล่ำ ๆ ชวนให้ใจสั่นก่อนจะสวมมันเข้าไปในวินาทีถัดมา
บ้าจริง ต่อไปนี้เขาจะไม่ให้พี่พระเอกเอาแต่ใจนอกห้องนอนอีกแล้ว!
THE END
จบแล้วจ้า ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันไหม แต่เราก็ยังคิดอยู่เสมอว่าการเขียนแต่ละครั้งก็คือการพัฒนาฝีมือตัวเอง ถ้าเรายังทำได้ไม่ดีพอ ไม่ถูกใจ หรือทำให้รู้สึกไม่ดีก็ต้องขอโทษทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณคนที่สครีมในทวิต ขอบคุณคนที่คอมเมนท์ให้กำลังใจ ขอบคุณคนที่ช่วยแนะนำให้เพื่อนมาอ่าน ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกดโหวตฟิคให้ ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ หวังว่าจะติดตามผลงานเรื่องของเราเรื่องต่อ ๆ ไปโดยไม่ผิดหวังไปก่อนนะคะ คึคึ
เริ้บ
ความคิดเห็น