คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Scene 6 :: พี่เขาหนัก (อาการหนัก) (100%)
Scene 6
พี่เขาหนัก (อาการหนัก)
ทันทีที่รถขับเทียบจอดฟุตบาท แสงแฟลชก็สว่างจ้ายิบยับจับภาพคนขับรถที่ลงมาเปิดประตูให้ ดาราหนุ่มร่างสูงสวมแว่นกันแดดสีดำขยับเสื้อตัวนอกด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะโปรยยิ้มให้เหล่าสื่อต่าง ๆ ที่แออัดกันอยู่เบื้องหน้า โดยมีการ์ดนับสิบยืนขวางไว้ แถมผู้จัดการส่วนตัวหน้าหล่อที่ยืนขนาบข้างสร้างบารมีความคูล
เด็กน้อยก้มหัวลงต่ำ มองภาพฝูงไฮยีน่าที่กำลังรัวกดชัตเตอร์อย่างไม่ยั้งมือ รู้สึกเห็นใจเหลือเกินกลัวพวกนางจะนิ้วล็อกก่อนที่จะถึงเวลาแถลงข่าว แต่ก่อนจะสงคนอื่นเขาก็ควรสำเหนียกดูสภาพตัวเองในตอนนี้สักนิด
แบคฮยอนไม่คิดว่าที่เป็นอยู่จะเป็นวิธีดังทางลัดที่ถูกต้อง เขาอยากจะเนียนเปิดประตูอีกด้านหนึ่งแล้วคลานออกไปจนถึงป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ แต่ความหวังอันน้อยนิดก็ถูกกระทืบจมตีน เมื่อคนตัวสูงโน้มตัวลงพร้อมยื่นมือมา
“ไปกันได้แล้ว น้องหนู”
น้ำเสียงทุ้มต่ำคล้ายว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นคนละมุนอบอุ่นโดยกมลสันดาน ไหนจะรอยยิ้มบางดุจพิซซ่าไร้ขอบชีสที่ส่งมาอีก ดูคล้ายแลคตาซิดที่อ่อนโยนต่อจุดซ่อนเร้น แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเปรียบเทียบ ประเด็นหลักมันอยู่ที่การแสดงละครตบตาสื่อของปาร์คชานยอล ให้ตายเถอะแฟรงค์ พี่พระเอกโคตรทอแร
WARNING...
Make Picture Mode : ON
พี่เขาเริ่มสร้างภาพแล้วมึง...
แบคฮยอนเบ้ปากพร้อมส่ายหน้า พี่ครั้ฟผมไม่ลงไปแล้วได้ไหม คือตอนแรกก็ไม่คิดไรมากหรอกคุณ แต่พอเห็นว่าสื่อพร้อมจะเก็บภาพทุกรายระเอียดก็นึกอยากจะมียางอายขึ้นมา ไหนจะประโยคก่อนหน้านี้ที่อีพี่พระเอกสปอยล์แบบเบาะ ๆ มาว่า...
‘คุณกำลังจะเป็นที่รู้จักในนามเด็กหนุ่มที่ถูกไอดอลวิตถารทำอนาจารในกองถ่ายละครเลยนะ ซ้อมยิ้มเข้าไว้ครับ สู้ ๆ’
อีดรอกกกกกกกกกกกก กูอยากตรัย
“เร็วครับ” ประโยคนี้ยังคงตามมาพร้อมรอยยิ้ม แต่พ่วงมาด้วยน้ำเสียงกดต่ำเป็นเชิงข่มขู่ พี่พระเอกโคตรสามารถที่แยกอารมณ์ได้แม้การแสดงออกทางสีหน้าจะสวนทางกันแบบนี้ เกลียดอะ
เด็กน้อยค่อย ๆ กระดึ้บออกมา เขาเห็นว่าพี่อี้ฟานพยักหน้าให้กำลังใจ ในขณะที่พี่พระเอกยื่นมือมาให้จับพร้อมถลึงตาใส่เป็นการบังคับนัย ๆ ตอนนั้นแบคฮยอนถึงได้กัดฟันแน่นแล้ววางมือลงบนมือใหญ่ ถ้าอยากให้เนียนมากนักไม่ล็อกคอกูเข้าไปซบแผงอกแข็ง ๆ นั่นเลยล่ะซั้ซ
แค่สามวินาทีเท่านั้นที่แบคฮยอนปล่อยให้ไฟช็อตมือหลังจากถูกอีกฝ่ายแตะต้องโดยตรง ตอนนี้เด็กน้อยไม่มีแว่น แน่นอนว่ามันทำให้คนพวกนั้นเห็นสายตาตื่นงูของเขาอย่างปิดไม่มิด แสงแฟลชนับครั้งไม่ถ้วนที่ทำให้ต้องหรี่ตา แบคฮยอนคิดว่ามันคงเป็นบาปกรรมที่เขาแอบถ่ายรูปพี่พระเอกเมื่อวาน วันนี้เลยต้องมาชดใช้
แต่ก็แค่ครู่เดียวที่ร่างเล็กยืนเกร็งให้ช่างภาพรัวถ่ายรูป ก่อนที่ทุกอย่างที่มองเห็นจะเปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อใครอีกคนสวมแว่นกันแดดให้โดยไม่ทันตั้งตัว
ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองคนข้าง ๆ ในทีแรกแบคฮยอนคิดว่าพี่พระเอกอาจจะเอาแว่นอีกอันสวมให้เพราะนึกสงสารเด็กน้อยที่ไม่เคยถูกสื่อหลายสำนักรัวถ่ายรูปอย่างเขา แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อคนตัวสูงกำลังยิ้มให้สื่อข่าว โดยไร้แว่นกันแดดเหมือนในทีแรก
พูด...ไม่ออกเลย
เด็กน้อยหันไปมองมือใหญ่ที่วางลงบนไหล่ซ้ายของเขา ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนมาวางไว้บนศีรษะทุย แสดงออกถึงความสนิทสนมเพิ่มเข้าไปด้วยการยีหัวเขาเบา ๆ อย่างเอ็นดู วูบหนึ่งที่ทั้งคู่บังเอิญหันมามองหน้ากัน คงมีแค่บยอนแบคฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่ทำหน้ามึนอึน ในขณะที่พี่พระเอกยังคงยิ้มราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับดราม่าที่กำลังจะมาเยือน
ใช่... พี่อี้ฝานเอาคอมเมนท์ในเนติเซนให้อ่านตอนยังอยู่ในรถ สารพัดสิ่งที่เป็นความเห็นในทางไม่ดี ซึ่งทางผู้จัดการหนุ่มได้บอกไว้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนดังที่จะถูกรุมเหยียบเมื่อมีข่าวฉาว คนพวกนั้นไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เกลียดไม่เกลียดไม่รู้ขอรุมซ้ำไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นใคร
‘ถ้าจะเป็นเกย์ ขอชงใส่คิมจงอินซะยังจะดีกว่า’
อ่านอันนี้แล้วยืนขึ้นจนหัวโขกกับหลังคารถเลยล่ะคุณ คือไม่มาถามสุขภาพกูมั่งว่าอยากเป็นด้วยไหม เออใช่นี่เป็นจริง แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นกับพี่พระเอกเปล่าเฮ้ย
‘หน้าตากะโหลกกะลามาก ดูงง ๆ อะ น้องเขารู้ยังว่าเกาหลีใต้มีไอดอลชื่อเอ็กโซ’
นี่ก็ใจร้ายใจดำเหลือเกิน กูรู้ด้วยว่าตอนนี้ SM กำลังจะปั้น Rookies (ไอ้คยองซูสปอยล์ให้ฟังทุกวัน)
‘ไม่ใช่เกย์หรอก ฉันว่าปาร์คชานยอลมีรสนิยมดีกว่านั้น’
เดือดอะ ไม่เคยมองมุมกลับเลยดิว่านี่อาจจะมีรสนิยมที่ดีกว่าพี่เขาก็ได้ กูเริ่มอยากฟีทกับพี่พระเอกเพราะมึงเนี่ยซั้ซ
‘ที่ปาร์คชานยอลดูขรึม สุขุม ที่จริงอาจจะแค่ทำเป็นเก๊กเพื่อปกปิดธาตุแท้ก็ได้’
เห็นด้วยกับเมนท์นี้ อยากกดไลค์แรง ๆ สักร้อยที นี่ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน
‘วัวแก่กินหญ้าอ่อน แหวะ’
เขินที่เป็นหญ้าอ่อน แต่ยังไม่ถูกกินนะ อยากแก้ตัวจัง
‘เลิกว่าชานยอลโอป้าสักที เขาเป็นของฉัน พวกบ้า!’
คอมเมนท์นี้โดนรุมแน่ ลาก่อย
แต่ก็นั่นแหละ อ่านไปแค่นิดเดียวก็ตะเตือนใตแล้ว พี่พระเอกแย่งมือถือคืนแล้วส่งให้กับพี่อี้ฝาน แถมยังขยับปากบ่นอีกว่า ‘ไร้สาระ’ คือตอนแรกก็แอบดีใจว่าพี่เขาคงเป็นห่วงสุขภาพจิตไรงี้ แต่ตัดภาพมาอีกที พี่เขาบอกว่ารำคาญเสียงเวลาเขาอ่านคอมเมนท์
ทั้งคู่เดินไปด้วยกันโดยมีพี่อี้ฟานคอยประกบข้าง และมีการ์ดคอยกันไว้อีกที นี่ไม่มีเวลาให้ทำใจใด ๆ ทั้งสิ้นเมื่อผู้จัดการหนุ่มจูงเชือก เอ๊ย! ผายมือให้เขาเดินไปทางโต๊ะแถลงการณ์ที่ตั้งอยู่บนเวทีขนาดเล็ก
สองขาหยุดกึกเมื่อเห็นบรรยากาศรอบข้าง ขอบคุณมากค่าอีดอก จัดหนักกลางห้างสรรพสินค้าเลย คนเดินผ่านไปมาได้เห็นเหง้าหน้าเก้งเด็กที่เพิ่งลงหนังสือพิมพ์อย่างชัดเจนแน่ไม่ต้องสืบ พวกนางพร้อมจะส่งต่อไปยังเพื่อนฝูงว่า ‘เฮ้ยพวกมึง ปาร์คชานยอลกับคู่เกย์เด็กมาแถลงการณ์ที่ห้าง xxx แหละ’ แล้วเพื่อนที่แสตนด์บายอยู่ที่บ้านก็จะฝากฝังให้ถ่ายรูปและขอเอาไปอัพพรีวิวในทวิต เรื่องนี้กูรู้ ไอ้คยองซูมันทำบ่อย
ปวดขี้อะ เวลาตื่นเต้นแล้วชอบเป็นแบบนี้ทุกทีเลย แบคฮยอนอยากร้องไห้ทันทีที่เห็นว่านักข่าวถ่อมาออกันหน้าเวทีที่มีกรงเหล็กกั้นไว้ ไหนจะผู้คนที่มาเดินแห้งอยู่ในห้าง ทั้งชั้นหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เออ พวกมันเสือกกันหมดเลยแม่เย้ก
ทางงานจัดเตรียมไมค์มาให้สองตัว แบคฮยอนเหล่มองมันเหมือนเป็นเนื้อร้ายที่ไม่อยากแตะต้อง เสียงกูจะดังลั่นไปถึงไหนใครใคร่รู้ พอหันไปทางพี่พระเอกเขาก็ดูชิวเหลือเกิน แผนที่เตรียมกันมานี่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนด้วย โอย...กูเศร้า
ไม่นานนักเอ็มซีก็มาเข้าประจำที่ข้างเวทีพร้อมสคริปท์ในมือ ส่วนเหล่าช่างภาพก็ยังคงรัวถ่ายรูปไม่หยุด ร่างเล็กเลิกคิ้วขึ้นเพราะโดนสะกิดขาใต้โต๊ะ ก่อนจะหันไปหาคนข้าง ๆ ที่ยังคงทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ถอดแว่นออกครับ ผมไม่อยากรู้สึกเหมือนกำลังถูกสอบสวนข้อหาพรากผู้เยาว์เพราะคุณใส่แว่นดำ”
“ก็มันจริงป่ะล่ะ พี่ทำให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้”
“ถึงคุณจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เวลาคุยกับผมก็ควรจะฉีกยิ้มเหมือนสนุกกับการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ เพราะผมก็กำลังทำอยู่เช่นกัน”
โหดสัส... พี่เขาโหดมากจริง ๆ ที่สามารถพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแบบนั้นออกมาได้พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจขณะที่กำลังสบตากัน แบคฮยอนทำหน้าเหวอ ก่อนจะหลับตาแน่นเมื่ออีกคนเอื้อมมือขึ้นมายีหัวเขาอย่างเอ็นดูอีกครั้งแล้วเอนหัวลงมาซบหัวเขาอีกที
แหม่...ตีบทแตก กูอยากมอบแดซังให้เหลือเกิน
“เล่นละครเก่งงี้ไม่ต้องพึ่งคู่ซ้อมแล้วมั้ง” แบคฮยอนเริ่มยิ้มบ้าง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่ากำลังฝืนธรรมชาติ นี่อยากจะเชิดหน้าเบ้ปากใส่ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็จะถูกจับภาพอีกล่ะ
“กับบทที่เคยเล่นแล้ว ผมไม่เคยมีปัญหาหรอกครับ ตอนนี้มีแค่บททหารที่ผมรู้สึกว่ายังตีบทไม่แตก” ร่างสูงพูดอย่างไม่ยี่หระ ไม่ว่าพี่เขาจะพูดยังไงก็น่าหมั่นไส้ไปหมดเลยว่ะคุณ
“พี่ไม่เคยเป็นทหารไง?”
“เคยครับ แต่เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ ผมเลยได้ประจำการเป็นเจ้าหน้าที่บริการงานสาธารณะแทน” อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าล่ะทำไมถึงดูถือปืนไม่ค่อยจะเป็น
“เอาเถอะ... เดี๋ยวได้รู้ว่าวันนี้จะตีบทแตกไหม หึ” แบคฮยอนแค่นหัวเราะ งานนี้จะรุ่งหรือล่มส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับเขาด้วย
ไม่ได้อยากช่วยอะไรพี่พระเอกหรอกนะ แต่วันนี้บยอนแบคฮยอนต้องกู้เอกราชคืนมาให้ได้ ถึงพี่เขาจะหล่อ รวย และดังมาก แต่การถูกตราหน้าว่าเป็นเก้งเด็กคั่วกับดาราหนุ่มมันก็ไม่ได้น่าภูมิใจเลยสักนิด แม่เดินไปอวดคนข้างบ้านไม่ได้ด้วย สงสารแก
การสัมภาษณ์เริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงแรกเป็นคำถามเบสิก และพี่พระเอกก็อาสาตอบแทนโดยที่แบคฮยอนเพียงแค่จับไมค์โง่ ๆ ไว้เฉย ๆ เท่านั้น เด็กน้อยชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่ไหวพริบดีกับการตอบคำถามโดยไม่ลังเล นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ปาร์คชานยอลดูเจ๋ง ถ้าไม่รวมเรื่องบทละครเกี่ยวกับทหารที่ห่วยแตกบรม
“งั้นขอเข้าประเด็นเลยแล้วกันนะคะ ไม่ทราบว่าคุณชานยอลกับคุณแบคฮยอนเป็นอะไรกันเหรอคะ เพราะจากข้อมูลที่ได้มา คุณแบคฮยอนเองก็เป็นนักเขียนนิยาย ไม่ใช่คนในวงการบันเทิงเหมือนข่าวครั้งก่อน ๆ” แรงมาก คำถามนี่แรงยิ่งกว่าแดดประเทศไทย
ร่างสูงยิ้มให้กับเจ้าของคำถามนั้น ก่อนจะหันมาสบตากับคนตัวเล็กที่นั่งใบ้แดก ก่อนจะวางมือลงบนหัวเขา
“ใช่ครับ ผมตามอ่านนิยายของแบคฮยอนมาตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงเรื่องล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ เรารู้จักกันเพราะผมสนใจงานเขียนของเขา ก็เลยอยากทำความรู้จัก” พระเอกหนุ่มเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งทั้งที่ยังยิ้มให้กับเจ้าของคำถามนั้น “แบคฮยอนเป็นเด็กน่ารัก ทุกครั้งที่มองเขา ผมรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองตอนอายุสิบเจ็ด”
ร่างสูงยังไม่ละมือออก ประโยคที่มาพร้อมน้ำเสียงทุ้มต่ำ บ่งบอกถึงความเป็นผู้ชายอบอุ่นอย่างสุดใจ แบคฮยอนอยากเบ้ปาก นิยายสงครามล้างเผ่าพันธุ์ทหารกูนี่อ่านถึงเจ็ดหน้ายังขอถามก่อน
“ขอถามคุณแบคฮยอนบ้างนะคะ ในเมื่อสนิทกันขนาดถึงเนื้อถึงตัวได้แบบนั้น คุณไม่กลัวถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์เหรอคะ?” เจ๊มาจากสำนักข่าวไหนวะเนี่ย ถามกวนตีนสุด
“โห... ใครจะไปคิดเรื่องเข้าใจผิดล่ะครับ พี่น้องเล่นกันมันเป็นเรื่องปกติไหมอะ ที่บ้านผมก็มีตัวผู้ที่เกิดนำหน้ามาก่อนสองปีเหมือนกัน รายนั้นงัดคอท่ามวยปล้ำแล้วกระโดดทิ้งศอกใส่ด้วย เรามันแมน ๆ อะเนอะ”
พูดจบแบคฮยอนก็แบมือออกทำท่าจะแท็กมือ เขาเห็นว่าพี่พระเอกแอบเหยียดสายตามองอย่างไม่เห็นด้วย แต่เจ้าตัวก็หลุดยิ้มออกมาพร้อมแท็กมือตอบเพื่อตบหน้านักข่าวด้วยการแสดงออก
“นิยายของผมวางแผงบนร้านหนังสือทั่วไป ราคาย่อมเยา ถ้าสนใจก็ไปจับจองกันได้นะครับ” ได้โอกาสก็ขายของมันซะเลย แบคฮยอนจะไม่ยอมให้คนอื่นรู้จักเขาเพราะข่าวฉาวอย่างเดียวเด็ดขาด วินาทีนี้ต้องพลิกสถานการณ์
“มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ใส่ชุดเหมือนกันเหรอคะ หรือว่าเป็นชุดคู่รัก?”
แบคฮยอนเหลือกตาขึ้นหลังจากได้ยินประโยคนั้น ตอนแรกอยากจะเดือดที่พี่อี้ฝานจัดแจงชุดนี้ให้จนเกิดคำถามโง่ ๆ มาจนได้ แต่พอนึกไปว่านักเรียนเป็นพันที่ใส่ชุดเหมือนกันมันก็ไม่ได้เป็นคู่รัก คำถามนี้เลยดูกากไปโดยปริยาย
“แบคฮยอนบอกว่าชอบการแต่งตัวสไตล์เดียวกับผม คุณไม่คิดว่าเขาน่ารักเหรอครับกับลุกส์โตเกินวัยแบบนี้?” มือใหญ่วางลงบนหัวอีกครั้ง แต่คราวนี้น้ำหนักที่ทิ้งลงมามันชักแน่นดุจดั่งหินผา ไม่ต่างจากโดนตบหัวเลยสักนิด
“ผมแค่บอกว่าชอบ แต่เรื่องอยากใส่นี่พี่เขาจัดแจงให้เองอะเนอะ” พี่พระเอกมึงอย่าแหลให้มากนัก พูดเข้าตัวแล้วทิ้งขี้ให้เด็กอยู่ได้ อย่าให้เดือดนะเดี๋ยวมีเอาคืน
“แต่ก็ชอบไม่ใช่เหรอหืม?” อบอุ่นมากไหมมาหื้ม ๆ ใส่เนี่ย ไม่ระทวยหรอกนะเว้ยบอกเลย
“นึกว่าใส่เสื้อคอเต่าทั้งคู่เพราะอยากปิดร่องรอยซะอีกค่ะ”
“WHAT?!” แบคฮยอนอ้าปากหวอ รอยอะไรล่ะคุณ รอยทีนเรอะ คำถามนี่ไม่ห่วงสุขภาพเด็กอายุที่ยังไม่ถึงสิบแปดเลยใช่ไหม นังผีร้าย
“ผมคิดว่ารอยคิสมาร์กคือเสน่ห์ ถ้าผมตั้งใจทำให้มันเกิดขึ้น ผมคงอยากให้คนอื่นได้เห็นความสวยของมันมากกว่าที่จะปิดเอาไว้นะครับ” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงในโทนปกติ จนถึงตอนนี้ใบหน้าของพระเอกหนุ่มยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนในทีแรก ไม่มีการแสดงออกว่าหงุดหงิดหัวเสียกับคำถามโง่ ๆ เลยสักนิดเดียว
“แต่รูปที่ออกมามันส่อมากเลยนะคะ” นักข่าวยังคงโจมตีไม่หยุด อีเจ๊แกจะเอาให้ได้ใช่ไหมว่าเขากับพี่พระเอกได้เสียเป็นเมียผัวกันแล้ว
ดาราหนุ่มยกยิ้ม เขาปล่อยให้พวกนักข่าวหน้าโง่ตื่นเต้นกับการรอคำตอบพร้อมจ้องไปยังกล้องที่กำลังจับภาพวิดีโออยู่ตรงกลาง เขายังจำงานแถลงข่าวในครั้งแรกได้ ในวันนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากกว่านี้ เพราะเขากับดาราสาวคนนั้นมีความสัมพันธ์กันจริง แต่ก็ไม่ถึงกับคบกัน
และคราวนี้มันต่างออกไป ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกสบายใจขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็เป็นกังวลแทบแย่ ถ้าจะต้องมีข่าวกับเด็กกะโปโล แถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก บางทีมันอาจเป็นเพราะท่าทางตลก ๆ ที่คุณนักเขียนเด็กแสดงออกมา มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจนคิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนกับเรื่องที่ไม่ได้ทำผิด
“ขอโทษนะครับ ผมไม่เคยมีเซ็กส์ตอนที่ยังใส่กางเกงอยู่”
แม่มึง...อีโรติกยันคำตอบ...
เออ...พี่พระเอกนางตอบดีนะ เล่นเอาพวกนักข่าวเกิดอาการใบ้แดกอย่างฉับพลันซัมวันคอลเดอะด็อกเตอร์เลย แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างกลั้นยิ้ม เขาอยากจะระเบิดหัวเราะใส่พวกนั้นที่บังอาจเอาภาพเขาไปลงหนังสือพิมพ์แล้วตีข่าวไปต่าง ๆ นานา คนบ้าที่ไหนจะบวชนาผืนน้อยกันทั้งที่ยังใส่กางเกงอยู่วะ อย่างน้อยก็ต้องรูดซิปแล้วถลกกางเกงลงบ้างดิ (ถุ้ย)
“โอเคค่ะ ยังไงก็ยังคงยืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กันไปในทางนั้นใช่ไหมคะ?” โหเจ๊ พูดมาถึงขนาดนี้แล้วใช่มั้งเนี่ย เชื่อ ๆ พี่เขาหน่อยเถอะ เพลียใจ
“ตอนนี้ยังครับ”
คำตอบของพี่พระเอกเรียกเสียงฮือฮาจากสิ่งมีชีวิตที่กระจายตัวอยู่ในห้าง รวมไปถึงเก้งเด็กตัวน่อย ๆ ที่นั่งทำหน้าเหวอตาเหลือกอยู่ตรงนี้ด้วย พี่พระเอก!!!! กูกับมึงเกือบจะรอดพ้นจากหายนะอยู่แล้ว นึกครึ้มอะไรขึ้นมาอีกเนี่ยซั้ซ ผีผลักปากเรอะ!!!
“ยังไงคะ? หมายความว่าในวันข้างหน้าคุณอาจจะเปลี่ยนรสนิยมจากผู้หญิงไปชอบผู้ชายได้ ประมาณนั้นหรือเปล่า?” จากตอนแรกนางเกือบถอดใจวางไมค์ละ แต่พอโดนพี่พระเอกกระตุ้นที ตานี่เป็นประกายยิ่งกว่าเพชรงามน้ำหนึ่ง
“พี่พระเอก...” แบคฮยอนกัดฟันพูดทั้งที่ยังคงยิ้มให้กับช่างภาพเบื้องหน้า ไฟมันกำลังจะดับอยู่แล้ว มึงราดน้ำมันใส่เข้าไปทำม๊ายยยย
“ไม่มีใครรู้อนาคตไม่ใช่เหรอครับ?”
ฮือฮา...อะเกน...
...คนอื่นไม่รู้ แต่กูเนี่ยรู้แล้วว่าอนาคตจะดิ่งไปในทางไหน ซั้ซ
“พี่เขาพูดเล่นน่ะครับ ฮะ ๆ” แบคฮยอนหยิบไมค์ขึ้นมาพูดกลั้วหัวเราะ
“ผมพูดจริงครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าเก้ออยู่อย่างนั้นกับคำตอบของอีกฝ่ายที่หนักแน่นยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลก เด็กน้อยถลึงตามองคนอายุมากกว่า ซึ่งปาร์คชานยอลก็เพียงแค่เลิกคิ้วเลียนแบบแถมยิ้มกวนเป็นคำตอบกลับมา พี่เขาคิดอะไรอยู่เหรอ แบคฮยอนอยากจะรู้นัก
“แต่ตอนนี้ยังนะครับ เราเป็นคนรู้จักกัน และหมายความว่ารูปที่ออกมานั้นไม่มีอะไรในก่อไผ่เลย” ร่างเล็กหันไปบอกสื่อพลางโบกมือปฏิเสธ ก่อนจะเอื้อมไปหยิกหน้าขาคนข้าง ๆ แก้หงุดหงิด ซึ่งพี่พระเอกก็ถลึงตามองคาดโทษกลับมา กับความเจ็บปวดที่ได้รับ
“สรุปยังไงกันแน่คะ?”
“ตามที่แบคฮยอนบอกครับ ตอนนี้ยัง”
ร่างสูงกำมือเล็กที่ประทุษร้ายขาเขาเอาไว้แน่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามชักมันกลับแค่ไหน แบคฮยอนนิ่วหน้าออกแรงยื้อกลับสุดแรงจนช่างภาพหรี่ตามองอย่างสงสัยว่าไอดอลหนุ่มและนักเขียนเยาวชนหน้าใหม่เป็นอะไร ถึงได้แสดงอาการแปลก ๆ ออกมาอย่างนั้น
“งั้นคำถามสุดท้ายนะคะ”
นักข่าวสาวทิ้งระยะไปชั่วอึดใจเพื่อให้ผู้ชายทั้งสองบนเวทีได้ใช้เวลาจัดการตัวเอง ใต้เวทีนั้นมีอะไร ไม่มีใครรู้ได้เพราะโต๊ะสีดำที่ปิดบังอยู่
“ตอนนี้สถานะของพวกคุณคืออะไรคะ?”
แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วเอาอีกมือหยิกหลังมืออีกคน ชานยอลหลุดอ้าปากกับความเจ็บปวด ก่อนจะเอามือข้างที่ว่างอยู่คว้ามือเล็กเอาไว้แล้วคาดโทษคนข้าง ๆ ที่บังอาจลงไม้ลงมือกับเขา เด็กคนนี้กำลังจะทำให้เรื่องมันยากขึ้น แค่นั่งเงียบ ๆ ตามแผนแล้วยิ้มให้กับช่างภาพมันยากนักหรือไง
โอเค... ได้... ถ้าดื้อมากนัก เดี๋ยวบยอนแบคฮยอนจะได้รู้ว่าการทำตัวไม่น่ารักต่อปาร์คชานยอล มันจะส่งผลให้ใช้ชีวิตได้ยากขึ้นสักแค่ไหน!
แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่ออีกคนกอดคอเขาแล้วรั้งเข้าไปใกล้พร้อมซบแก้มลงมาบนหัว ท่านั่งตอนนี้คงไม่ต้องพูดถึง แทบจะเทกระจาดทิ้งลงไปทับตักพี่พระเอกอยู่รอมร่อ โอ๊ย กูอยากบ้า พี่พระเอกมึงจะโหดร้ายทารุณกับเด็กไปถึงเมื่อไหร่!
“สถานะของเราสองคนในตอนนี้เหรอครับ?”
“พี่!!!”
แบคฮยอนดิ้นขลุกขลัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพราะถูกเชยคางให้สบตากับคนตัวสูงที่ใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบเดียว พี่พระเอกหันไปยิ้มให้กับช่างภาพและนักข่าวทุกสำนัก ก่อนจะหันมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“It’s relationSHIT”
60%
“It’s relationSHIT เหรอ เออ... กูว่า Shit จริง ๆ นั่นแหละ ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องเข้าใจผิด ความสัมพันธ์แบบเหี้ย ๆ ก็เหมาะกับคนเหี้ย ๆ อย่างมึงแล้วเพื่อน”
คำพูดของโดคยองซูในเช้าวันจันทร์ไม่ได้ช่วยคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนเพียงแค่คนเดียวของมันรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด แบคฮยอนหมอบต่ำจนเบ้าแนบกับโต๊ะก่อนจะยกหนังสือขึ้นมาบังหน้าเมื่อพบว่าคนทั้งแผ่นดินที่เดินผ่านหน้าห้องเรียนเขากำลังมองมาทางนี้ ซึ่งแต่ละคนช่างพร้อมอกพร้อมใจกันเบ้ปากคว่ำ แล้วหันไปซุบซิบกันอย่างสนุกปาก
คือเดินผ่านไปก่อนแล้วค่อยนินทาไม่ได้เหรอ จะรีบอะไรขนาดนั้น รู้ไหมว่าเห็นแล้วมันปวดไต พวกมึงนี่ใจบาปกันเหลือทน
“หุบปากไปเลยห่า เพราะมึงแท้ ๆ กูถึงได้ตกในที่นั่งลำบากแบบนี้” แบคฮยอนชี้หน้าคาดโทษไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งสไลด์จอสมาร์ทโฟนอย่างสบายใจ หลังจากอ่านคอมเมนท์ด่าทอนักเขียนเด็กที่หวังอยากดังทางลัดโดยการเกาะแกะพระเอกหนุ่มหน้าหล่อจนเป็นข่าวฉาว ที่ไม่ใช่ชู้สาวด้วย ชู้เหี้ยอะไรสักอย่างที่สร้างมาเพื่อเพศผู้ทั้งสอง
มีคนแอดไลน์มาด่าเยอะมาก ถึงจะยังไม่เปิดอ่านก็พอรู้ว่าทางนั้นมีจุดประสงค์อะไร กะจะอัพทวิตดราม่าว่าอยากลบไลน์ทิ้งเพราะถูกโจมตี แต่ก็เสียดายสติ๊กเกอร์ที่ซื้อไปหลายตังค์เลยต้องเงียบปากไว้
“ถ้าเป็นคนอื่นกูคงดิ่งไปทั้งวัน แต่โชคดีที่คนมีข่าวกับพี่ชานยอลคือมึง” สารเลวนี่ที่หนึ่ง แบคฮยอนเหล่มองเพื่อนสนิทที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็ด่ามันในใจ
“ทำไมถึงสบายใจขนาดนั้น บางทีกูกับพี่พระเอกอาจจะมีซัมติงรวองกันก็ได้”
“ไม่อะ หนังหน้าอย่างมึงพี่เขาคงไม่เอาหรอก เซนส์กูแรง” คยองซูปิดการขายอย่างไร้เยื่อใย สีหน้าท่าทางนี่คือสุด
“ทำไม”
“โธ่มึง จริงอยู่ที่กูอยากให้พี่ชานยอลเป็นเกย์มากกว่าให้คบกับผู้หญิง แต่ถ้าคู่กับมึงนี่กูยอมเอาคองัดดากหมาตายซะยังจะดีกว่า อารมณ์แบบยืนอยู่ข้างไอ้เจ๊กตาตี่ที่หน้าตาพื้น ๆ แต่เจ้าชายเสือกเลือกมันออกไปเต้นรำด้วย”
สัส ดูมันเปรียบ
“แต่เป็นเกย์กับมึงได้ว่างั้น?” แบคฮยอนเลิกคิ้วมอง ซึ่งไอ้คนเป็นเพื่อนก็อมยิ้มเขิน ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงกลางหลังเขาดังอั่ก
“ช่างเถอะ มึงก็ทนหน่อยแล้วกัน ไหน ๆ ก็ขายของกลางงานแถลงแล้วนี่ มั่นหน้าเนอะ” คยองซูหลอกด่าทั้งที่ยังยิ้มอยู่ แบคฮยอนรู้สึกหน้าแห้งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ หลังจากนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานทำอะไรลงไป
“กูโทรเช็กกับสำนักพิมพ์ดีไหมวะ”
“เช็กยอดขายเหรอ มึงคิดว่ายอดจะเพิ่มว่างั้น?”
“ใครจะรู้วะ ขนาดเสื่อถุงปุ๋ยลายการ์ตูนที่พี่พระเอกใช้นั่งริมแม่น้ำฮันยัง Sold Out เลย ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้กับเด็กมีพรสวรรค์อย่างกูเสมอ เอาล่ะ ลุย!” แบคฮยอนกดโทรออกทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากใบหน้าเพื่อนสนิท งานนี้ต้องมีขายหมดแผง พระเจ้าคุ้มครอง “พี่อี้ชิงเหรอ เออพี่ วันนี้ยอดขายนิยายผมเป็นไงมั่ง”
เด็กน้อยขมวดคิ้วอย่างคาดหวัง ทุกอย่างที่มาจากพี่พระเอกคือเงินทองเสมอ แน่นอนว่าการเสียหน้าในครั้งนี้ต้องมีผลพลอยได้กลับมาบ้าง ไม่งั้นกลับบ้านตอนเย็นกูโดนแม่สวดยับอีกรอบ แม้จะอธิบายให้นางฟังไปแล้วว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ
ว่าได้เหรอ เห็นแม่หน้าเลือดอย่างนั้นแต่ชีก็ไม่โอเคที่จะให้ลูกเป็นเด็กเสี่ยนะบอกเลย
“ยอดขายเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์เหรอ?!!! เจ็ทเข้!!!!” แบคฮยอนกดวางสายแล้วลุกขึ้นเต็มความสูงที่มีอยู่น้อยนิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอ้าแขนออกกว้างรับยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
“เฮ้ยมึง”
“ไรวะ” เด็กน้อยขมวดคิ้วก้มลงมองเพื่อนไซส์มินิที่กระตุกเสื้อเขาทั้งที่ยังจ้องสมาร์ทโฟนในมือ มึงนี่นะ เวลาคนกำลังฟินทำไมชอบเสือก
“ดูนี่”
“...”
แบคฮยอนหรี่ตามองคลิปใน vines ที่ลิงค์เข้ามาในทวิตเตอร์บนหน้าจอของคยองซู ทั้งคู่เอาหัวชนกันระหว่างรอคลิปโหลดก่อนที่...
ดูเฉย ๆ > ตาโต > ตาเหลือก > ตาแทบถลนออกมา
เจ๊ทแม่!!! นี่มันคลิปเผานิยายกู!!!!
‘ฉันช่วยเพิ่มยอดขายให้นะ ตุ๊ดเด็ก’
‘ฮ่า ๆ’
เสียงในคลิปแผดลั่นไปทั้งห้อง จนเพื่อนร่วมชะตากรรมวัยรุ่นหันมาทางนี้เป็นตาเดียวกัน คยองซูวางมือลงบนบ่าเพื่อนสนิทแล้วบีบเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ เสียงหัวเราะและภาพตอนหนังสือถูกไฟเผายังคงวนลูปไปมาอยู่อย่างนั้นไม่หยุด
อยากได้ปี๊บสักอันมาคลุมหัว แต่ก็ต้องเดินเชิดหน้าผงาดอย่างราชสีห์ แบคฮยอนปั้นหน้านิ่งตอนเดินออกมาหน้าโรงเรียน แม้ว่าเสียงซุบซิบนินทาจะไล่หลังมาเหมือนกลิ่นธูปก็ตาม
จนถึงตอนนี้ความรู้สึกแย่ ๆ หลังจากเห็นคลิปเผานิยายโชว์ก็ยังไม่ไปไหน เสียใจอะ หนังสือใครใครก็รักป่ะวะ ถ้าจะได้เงินแล้วเห็นภาพแบบนี้เขายอมให้ยอดขายดิ่งลงจะดีกว่า
“เอาน่ามึง ข่าวลือก็คือข่าวลือ ถ้ามึงอยู่เฉย ๆ ทำตัวเหมือนตดที่เหม็นแป๊บเดียวเดี๋ยวก็จางหายไป ทุกอย่างก็จบ” นี่มึงปลอบกูเหรอคยองซู สารเลว ต้นเหตุเพราะมึงทั้งนั้น บักห่าคั่ว บักมารสังคม บักพากเจาะตับ
“รู้สึกดีขึ้นเยอะ”
“ใช่ไหมล่ะ บอกแล้วว่ากูเหมาะกับการเป็นจิตแพทย์” จิตพ่องดิซั้ซ
“คนอย่างมึงน่ะมัน... โอ้วพระสงฆ์!!!” แบคฮยอนยกมือทาบอกผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่อเห็นว่าใครอีกคนยืนพิงอยู่กับรถสปอร์ตสีแดงเข้มคันคุ้นตา พร้อมด้วยติ่งหูที่กรูเข้าใส่เหมือนซอมบี้แตกรัง
“กรี๊ดดดดดดดด ชานยอลโอป้า!!!!”
“โอป้าคะ เซ็นชื่อให้หนูหน่อยค่ะ เอาตัวใหญ่ ๆ เท่าฝาบ้านเลยนะคะ กรี๊ดดด”
“มองกล้องนี้หน่อยค่ะ!!! โอป้า!!!!!”
“เวรละมึง พี่เขามาได้ไงวะ คยอง...” หันไปข้างตัวก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า และก็ได้เห็นว่าไอ้เพื่อนชั่วมันหายไปจากตรงนี้แล้ว ตัดภาพมาอีกทีเหรอ... โน่นเลยโน่น... กลางดงฝูงซอมบี้
ให้มันได้อย่างนี้สิ!!!
เด็กน้อยมองตาขวาง ก่อนจะเซไปข้างหน้าเพราะถูกวิ่งชน อีห่านป่าทางมีตั้งเยอะยังเสือกเดินชนกูอีกหรือ... มันก็จริงที่บยอนแบคฮยอนเกิดมาเตี้ย แต่ก็ใช่ว่าจะเล็กเท่าฝ่ามือจนคนมองไม่เห็นปะวะ
คนขี้หงุดหงิดเป่าลมใส่ผมหน้าม้าแล้วเดินกระแทกตีนออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว พวกผู้หญิงนี่ยังไงวะ ดูไม่ออกเลยเหรอว่ารอยยิ้มของพี่พระเอกคือที่สุดของความเฟคแล้ว ถ้าพี่เขาถอดแว่นออกนี่จะเจอคำว่า ดอก ดอก ดอก เลื่อนเป็นป้ายไฟเลยล่ะ
“แบคฮยอน”
อี – ช้าง – แพ้
เจ้าของชื่อหยุดกึก ก่อนจะกลอกตาซ้ายขวาระหว่างใช้ความคิด บ่ดั้ยดอก ถ้าหันไปนี่ชะนีกลุ่มนั้นได้รุมทึ้งกูเป็นแน่แท้ เขายิ่งเหม็นหน้ากูกันอยู่ บยอนแบคฮยอนยังไม่อยากใช้ชีวิตอย่างรันทดเหมือนนางเอกการ์ตูนตาหวานเล่มละพันวอน เพราะงั้นกูแกล้งตายแป๊บ
“บยอนแบคฮยอน!!”
ซั้ซ!!! นั่นไม่ใช่ชื่อกู!!!!
คนตัวเล็กกระชับกระเป๋าเป้แล้วจ้ำอ้าวไปข้างหน้าเหมือนคนหูหนวก วินาทีนี้ใครเดินแข่งกับนี่คืออดเหรียญทองแน่พี่บอกก่อน แต่ไวเท่าความคิด เด็กน้อยแทบตาเหลือกเมื่อถูกวงแขนแกร่งล็อกคอจากข้างหลังจนต้องเซไปปะทะกับอกแกร่ง อื้อหือ... ถ้าเป็นนิยายนี่คือกูต้องฟินช่ะ แต่นี่ไม่ใช่!!! กูแทบหยุดหายใจเหมือนคนจะถูกฉุดขึ้นรถตู้!!!
“อั่ก!!!”
“กรี๊ดดดด!!!!”
“ขอโทษนะครับทุกคน วันนี้ผมมีธุระกับแบคฮยอน ไว้วันหลังจะมาถ่ายรูปด้วยใหม่นะ”
“โอป้าเป็นอะไรกับเขาเหรอคะ... ไม่ใช่แฟนใช่ไหม?” คำถามนี้มาพร้อมน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยดราม่า แบคฮยอนกลอกตามองผู้คนเบื้องหน้าที่นับจำนวนไม่ได้ พลางจับท่อนแขนแกร่งที่ยังคงคาดอยู่ใต้คางเขาอย่างหวาดผวา มึงอย่านะพี่พระเอก ตอบดี ๆ นะ...
ร่างสูงถอดแว่นกันแดดออก แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนไปยังติ่งน้อยหอยสังข์ที่แทบละลายเป็นขี้ผึ้ง ก่อนจะวางมือลงบนหัวเขา
“อยู่กันมาตั้งนาน พวกคุณน่าจะรู้จักผมดีที่สุด...ใช่ไหมครับ?”
“อ๋า...”
“กรี๊ดดดดดด”
“ถึงผมจะมีข่าวกับแบคฮยอน แต่ผมอยากให้พวกคุณฟังหูไว้หู แล้วเชื่อหัวใจตัวเอง”
“กรี๊ดดดดดดดด โรแมนติกเวอร์เอ่าะ!!”
ถุด... กูล่ะเลี่ยน
“เพราะนอกจากพวกคุณแล้ว... ผมจะไปมีใครได้อีก... จริงไหมหื้ม?” น้ำเสียงทุ้มต่ำช่างเจ้าชู้เหลือเกิน แบคฮยอนแลบลิ้นพร้อมส่งเสียงแหวะ แล้วก็แทบสำลักเมื่ออีกคนรัดวงแขนแน่นยิ่งขึ้น
“อั่ก!!!”
“ขอตัวพาน้องชายไปทานมื้อเย็นก่อนนะครับ ทุกคนกลับบ้านดี ๆ นะ ระวังตัวด้วย อย่างน้อยก็ให้รู้ไว้ว่ายังมีผมคนนี้ที่เป็นห่วงอยู่เสมอ”
กูจะอ้วกกกกกกกกกกกกกกกก
เสียงกรี๊ดยังคงลอดเข้ามาได้แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่จะขึ้นมาบนรถแล้ว แบคฮยอนเท้าศอกกุมขมับ ก่อนจะเหล่มองคนตัวโตที่เอื้อมมาคาดเข็มขัดให้
“ทำเองได้”
“ครับ คงมีแต่คนเป็นง่อยที่คาดเข็มขัดเองไม่ได้”
สีหน้าและน้ำเสียงนี่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน แบคฮยอนขยับปากบ่นอุบอิบ ก่อนจะง้างมือขึ้นทำท่าจะตีมือแกร่งที่ยังคงช่วยคาดเข็มขัดให้ แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายพี่เขาก็จัดการทุกอย่างเองจนเสร็จสรรพ
“คุณดูอารมณ์ไม่ดี”
“แหงดิ ลองมาโดนคนทั้งโรงเรียนมองหน้าด้วยสายตาแปลก ๆ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าบ้างแล้วจะเข้าใจ”
“คุณคงเป็นกังวล แต่ผมคิดว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นภูมิคุ้มกันอย่างดีให้คุณในอนาคตนะครับ” ร่างสูงพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่แบคฮยอนกลับไม่คิดอย่างนั้น
“ภูมิคุ้มกันบ้าไร ผมไม่จำเป็นต้องใช้มันอะ”
“ตอนนี้อาจจะยัง แต่สักวันหนึ่งคุณจะขอบคุณความเข้มแข็งที่มีอยู่ หลังจากได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์จากปากคนอื่น กลุ่มคนที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณ” พี่พระเอกยิ้มขณะทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า
แบคฮยอนไม่รู้ว่าเขาเด็กเกินไปที่จะเข้าใจ หรือพี่พระเอกชอบพูดให้งงกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็หงุดหงิดกับสถานะที่เป็นอยู่เหมือนเดิม
“พี่จะพาผมไปไหน”
“เล่นเพนท์บอลครับ”
“โหพี่ ก่อนจะเผด็จการนี่ช่วยดูหน้าผมหน่อยได้ไหม ผมเครียดจะตายห่าอยู่แล้วยังจะบังคับให้ไปเล่นด้วยอีกเหรอ ผมอยากกลับบ้านไปกินข้าวสักหม้อนึง แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนแหกปากอัดหมอนให้หายบ้าอะ!!!”
เด็กน้อยพ่นความในใจใส่คนข้าง ๆ อย่างอัดอั้น มันจะมากเกินไปแล้วนะเว้ย!!! บางทีพี่เขาก็ควรเช็กบ้างว่าตอนนี้คนอื่นอยู่ในอารมณ์ไหน ไม่ใช่ว่าอยากทำอะไรก็ทำ บยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่จะอะไรก็ได้ตลอดเวลานะ!!!
“เพราะผมเห็นว่าคุณกำลังเครียด ก็เลยชวนไปด้วยกันครับ”
“...”
“ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตบอกไว้ว่า เด็กวัยรุ่นมักจะคลายเครียดด้วยการเล่นเกม ซึ่งเกมในที่นี้ก็มีรากแยกแตกออกไป บางคนชอบเล่นเกมตู้ บางคนชอบเล่นเกมพีซี เอ็กซ์บ็อกสามหกศูนย์ ไปจนถึงเกมที่ลงสนามยิงปืนแบบนี้ และผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่เราจะได้ยิงลูกบอลสีอัดหน้าใครสักคนเพื่อระบายความเครียด”
“...”
แบคฮยอนไม่ได้สวนกลับไป หลังจากให้สมองประมวลผลแล้วว่าสิ่งที่พี่พระเอกพูดมันค่อนข้างที่จะเข้าท่าไม่ใช่เล่น เรื่องใช้ความรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์นี่จัดว่าเด็ดมากเลยทีเดียว เด็กน้อยชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่หันมามองเป็นระยะราวกับจะขอความเห็น
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ ลงสนามแล้วคุณก็เป็นบ้าได้ตามใจเลย”
“...”
“ว่าไงครับ?”
“ไม่ต้องเลย จุดประสงค์หลักของพี่ก็เพื่อซ้อมบทละครใช่ไหมล่ะ รู้หรอกรู้” แบคฮยอนหรี่ตามองพลางทำมือปัด ๆ พี่พระเอกหล่อนอย่ามาแผนสูงซะให้ยาก
“ผมจะอยู่ทีมฝั่งตรงข้ามคุณ”
แบคฮยอนเลิกคิ้วมองคนข้าง ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทันทีที่รถจอดไฟแดง พี่พระเอกก็หันมามองหน้าเขาด้วยแววตาที่ต่างออกไป
“ยังไง? อยู่คนละทีมต้องไล่ฆ่ากันนะเว้ย พี่ไม่รู้เหรอ?”
“รู้ครับ” ร่างสูงยิ้ม “วันนี้ผมจะใจดีกับคุณสักวัน”
“อ๋อเหรอออ รู้สึกเป็นเกียรติจังโลยยยย” แบคฮยอนทำหน้าอ้อร้อ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น
“แต่คุณยิงผมไม่โดนหรอก”
“แน่ใจ?” เด็กน้อยเลิกคิ้วมองหลังจากถูกลูบคม นี่พี่เขาไม่รู้จักมือดีจากพระนครที่ถือไรเฟิลวิ่งบุกเป็นแนวหน้าในเกมเคาน์เตอร์สไตร์คใช่หรือไม่ เดี๋ยวมึงเจ็บพี่พระเอก เดี๋ยว ๆ
“ครับ งั้นก็มาดูกันเลยดีกว่า ว่าเด็กสิบเจ็ดอย่างคุณจะจัดการผมด้วยวิธีไหน บยอนแบคฮยอน”
พอมาถึงสนามทั้งคู่ก็รับเสื้อผ้าไปเปลี่ยน มีทั้งสนับศอก สนับแขน สนับเข่าเต็มไปหมด แบคฮยอนใส่หมวกกันน็อคแล้วทุบโชว์ ก่อนจะทำมือปาดใต้คางข่มขู่คนตัวสูงที่ใส่ชุดทีมฝั่งตรงข้าม งานนี้ต้องมีคนตาย บอกแค่นี้
ทั้งหมดมีสิบคน แยกเป็นทีมละห้าคน ซึ่งทีมพี่พระเอกต้องออกมาจากประตูฝั่งโน้น แบคฮยอนมองอาวุธในมือที่ต่อท่อสีฟ้า ก่อนจะกวาดสายตามองเด็กหัวเกรียนในทีมที่ขี้ซุยอวดเก่งมาตลอดรายการ
ทันทีที่ลงสนาม แบคฮยอนก็กระโดดเข้าหาพุ่มไม้เหมือนในหนัง ก่อนจะแหวกใบไม้ออกเพื่อสังเกตการณ์ เขาเห็นว่าผู้คนกำลังสาดกระสุนใส่กันอย่างดุเดือด แน่นอนว่าคนที่ถูกยิงต้องออกไปจากสนามเพื่อหาผู้ชนะ ซึ่งกูจะไม่ยอมโดนยิงเป็นคนแรกทั้งที่ยังไม่เห็นเหง้าหน้าพี่พระเอกแน่
“เวรเอ๊ย!!!”
เสียงสบถของคนในสนามเรียกความสนใจให้เงยหน้ามอง และรอยยิ้มก็จุดขึ้นมาเมื่อพบว่าฝั่งนั้นโดนยิงออกไปแล้วสอง โห้ว ไอ้พวกเกรียนนั่นก็ใช้ได้นี่หว่า
แบคฮยอนคลานหมอบต่ำไปกับพื้นแล้วหลบหลังต้นไม้ เมื่อความอัปรีย์สักอย่างทำให้แว่นขึ้นฝ้ามัวจนต้องถอดออกมาเช็ด เวรเอ๊ยใครปล่อยดรายไอซ์ออกมาตอนนี้กูมองไม่เห็นใครแล้วเนี่ยซั้ซ
แป่ะ ๆๆๆๆๆๆ
สาบานว่านั่นคือเสียงกระสุน แบคฮยอนหันออกไปเตรียมยิงขู่ทั้งที่ยังไม่ได้ใส่แว่นใสกลับเข้าไป แต่ก็ถูกยิงสวนกลับมาเข้าเต็มหน้าจนต้องหลับตาปี๋ แล้วหงายหลังลงไปนั่งกับพื้นในที่สุด
“แบคฮยอน!”
“อ๊าก!”
“อย่าขยี้ตา เอามือออก” กลิ่นและเสียงที่อยู่ใกล้หูนั้นยืนยันแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร แบคฮยอนมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด พอจะปรือตามองมันก็ลืมไม่ขึ้นเพราะสียังคงเลอะอยู่ “แสบตาไหม?”
“แสบ... โอ๊ย จะตาบอดไหมเนี่ย ไม่นะ ผมยังต้องใช้มันทำมาหากินอยู่อะ ผมยังต้องเขียนนิยาย เล่นเกมออนไลน์ แล้วก็แชทกับเพื่อน โอย... ทำไงดีเนี่ย ทำไงดี ทำไงดี!”
“ใจเย็นก่อน เดี๋ยวผมจะพาคุณออกไปล้างตา” ร่างเล็กลุกขึ้นตามการประคองของอีกคน แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าสถานการณ์รอบข้างในตอนนี้เป็นยังไง “อย่ายิง! โธ่เอ๊ย!”
เด็กน้อยยืนนิ่ง เมื่อร่างของเขาถูกรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย แบคฮยอนคิดว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิด ว่าพี่พระเอกตั้งใจช่วยบังกระสุนให้โดยการกอดเขาไว้อย่างนี้ หลังจากที่เขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อีก
ถึงมันจะแปลก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หลังจากได้ยินน้ำเสียงจริงจังของอีกฝ่ายที่ส่งมา อีกทั้งสีที่เลอะอยู่ระดับสายตานั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แบคฮยอนกลัวตาบอด และเขาคิดว่าพี่พระเอกก็อาจจะคิดแบบนี้เหมือนกัน เมื่อการกระทำของอีกฝ่ายสวนทางกับที่เคยเป็น จนรู้สึกว่าความจริงแล้วผู้ชายคนนี้ก็ยังมีมุมที่เป็นด้านบวกอยู่บ้าง
แบคฮยอนคิดว่าหัวใจของเขากำลังทำงานผิดปกติเป็นอย่างมาก การจมหายเข้าไปในอ้อมกอดคนชอบเผด็จการตอนอยู่ในโหมดใจดีมันเป็นเรื่องชวนใจเต้นขนาดนี้เลยเหรอ เด็กน้อยขยับตัวไปไหนไม่ได้ราวกับเป็นอัมพาต แบคฮยอนได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายช้อนร่างเขาขึ้นขี่หลัง โดยที่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมารับรู้อะไรได้เลย
“ปล่อย”
“...”
“พี่ปล่อยผมเร็ว!”
“อย่าดิ้นครับ”
“เฮ้ยพี่ปล่อยเหอะ!”
เท้าทั้งสองข้างเหยียบลงบนพื้นโดยสวัสดิภาพ ชานยอลมองคาดโทษเด็กน้อยที่ยืนหลับตาอยู่ตรงหน้าเขา พลางเอื้อมมือขึ้นคลำหาทางอย่างคนอวดเก่ง
“จะทำอะไรครับ?” ร่างสูงคว้าข้อมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้ เขาเห็นว่าเด็กขี้บ่นแอบเบ้ปากเหมือนคนกำลังจะตาย ก่อนที่เขาจะจูงมืออีกคนเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้วเปิดฝักบัวใส่ ทั้งที่ยังอยู่ในชุดพร้อมรบทั้งคู่ “ผมบอกว่าอย่าขยี้ตาไง”
“เอ้า! ไม่ขยี้แล้วจะล้างสีออกยังไงอะ” ยังอีก... ยังจะโวยวายไม่เลิก
ชานยอลถอนหายใจแรง ๆ แล้วจับอีกคนให้หันหน้าเข้าหา ก่อนจะเชยคางมนขึ้นรับกระแสน้ำ พร้อมใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงตามเปลือกตาให้อย่างเบามือ
“ช่วยเลิกดื้อกับผมสักสองนาทีด้วยครับ”
เด็กน้อยยืนตัวเกร็ง เขาเถียงไม่ออกกับประโยคที่เหมือนจะดุแต่ก็ปะปนไปด้วยความเอ็นดูเล็ก ๆ เออ... ถ้าไม่ได้คิดไปเองน่ะนะ...
ถึงจะหลับตาอยู่แต่ก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าพี่พระเอกห่างกันอยู่แค่คืบเดียว มันเป็นเขตอันตรายที่แบคฮยอนคิดว่าไม่ควรปล่อยให้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้นาน ๆ แต่วินาทีนี้ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากยืนนิ่งเฉยเป็นท่อนไม้ให้พี่พระเอกช่วยล้างสีออกให้
“ดื้อจนได้เรื่อง”
“ไรวะ พี่ไปโทษคนยิงสีใส่ตาผมดิ” แบคฮยอนพยายามจะปัดมือแกร่งออก แต่อีกคนก็จิ๊ปากทำเสียงไม่พอใจ แล้วช่วยล้างตาให้เขาต่อ “พี่เป็นคนยิงใช่ไหม บอกมา”
“ครับ ผมยิงเอง”
“กะแล้ว นิสัยไม่ดีอะ” เด็กน้อยพยายามจะลืมตามอง แต่ก็ถูกเสียงจิ๊ปากคาดโทษเป็นเชิงสั่งให้หลับตาอีกครั้ง
“ผมไม่รู้ว่าตรงนั้นเป็นคุณ ขอโทษที่ทำให้แสบตา” น้ำเสียงนี้เหมือนจะจองหอง แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย เออ นั่นแหละ... ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง “แล้วถอดแว่นออกทำไมครับ”
“มันขึ้นฝ้าเลยถอดออกมาเช็ดอะ”
“ระวังตัวหน่อยสิ”
“เออรู้”
“พูดเพราะ ๆ กับผมสักประโยคมันจะตายใช่ไหม?”
“อะ...โอ๊ย!!!” เด็กน้อยอ้าปากหวอ ลืมตามองคนตรงหน้าที่กำลังดึงแก้มเขาอย่างหมั่นเขี้ยว แบคฮยอนฟาดมือใหญ่ที่จ้องจะเข้ามาหยิกแก้มเขาอีกรอบ แล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เอามือออกไปเลย!”
“อะไรกัน? ผมถูกยิงก็เพราะช่วยบังกระสุนให้ ไหนจะช่วยแบกคุณออกมาจากตรงนั้น นี่ยังไม่ได้รวมเรื่องช่วยล้างตาให้อีกนะ เคยคิดจะขอบคุณผมสักคำไหมครับ คุณนักเขียน?”
ร่างสูงกอดอกมอง ในห้องอาบน้ำที่มีเพียงแค่เสียงน้ำจากฝักบัวทำลายความเงียบ แบคฮยอนเบ้ปากพลางยักไหล่ ถึงจะแอบรู้สึกดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้าให้พูดขอบคุณก็คงอายตาย เขายอมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีเพื่อแลกกับการหลอกตัวเองว่าไม่ใจเต้นซะยังจะดีกว่า
“แต้งกิ้ว”
“ขอภาษาเกาหลีครับ”
“โห! ทำไมต้องบังคับด้วยวะ มันก็แปลว่าขอบคุณเหมือนกันแหละ” เด็กน้อยขมวดคิ้วมองคนตัวสูง ตอนนี้พี่พระเอกก็เปียกน้ำเหมือนกัน แล้วพี่เขาก็เสือกหล่อมากด้วย เวรละมึงแบคฮยอน “ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ไม่เล่นแยะ” ย่นจมูกแล้วทำท่าจะเปิดประตูออกไป แต่ก็ต้องเซถอยหลังไปปะทะอกแกร่งอีกครั้งเหมือนเหตุการณ์เดจาวู เมื่อเสียงประตูทางด้านนอกถูกเปิดออก
มีคนเข้ามา...?
“ไม่สนุกเลยห่า ทำไมเกมจบง่ายแบบนี้วะ”
“เอาอีกเกมไหมล่ะ เดี๋ยวไปจ่ายเงิน”
“ไม่อะ กูกลับบ้านไปหาเห็บหมายังจะบันเทิงกว่า ทีมตรงข้ามก็กากเกิน”
เสียงบทสนทนาด้านนอกนั้นคงไม่พ้นพวกเด็กที่ลงสนามด้วยกันเมื่อครู่นี้ พี่พระเอกจัดว่าฉลาดที่ปิดน้ำก่อนพวกนั้นเข้ามาได้อย่างพอดิบพอดี แบคฮยอนยืนนิ่งแล้วปล่อยให้ร่างกายต่อสู้กับความหนาวจนตัวแอบสั่นเล็ก ๆ แต่การออกไปเอาผ้าขนหนูตอนนี้มันคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ถ้าเกิดคนพวกนั้นเห็นว่าผู้ชายสองคนออกมาจากห้องอาบน้ำพร้อมกัน
“หนาวเหรอครับ?”
“เปล่า...”
“...”
แบคฮยอนยืนนิ่งเมื่อแขนแกร่งอีกข้างตวัดกอดรอบตัวเขาจนทำให้รู้สึกตัวเล็กเข้าไปอีก ถ้าพี่พระเอกจะแสดงความมีน้ำใจด้วยการกอดคลายความหนาวล่ะก็ เขาคิดว่ามันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเลยสักนิด
กับคนที่เจอหน้าแล้วทะเลาะกันตลอด แต่พอมีเรื่องเล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกหวั่นไหวได้ล่ะก็... แบคฮยอนคิดว่าการอยู่ในอ้อมกอดของพี่พระเอกแบบนี้แม่งโคตรอันตรายต่ออัตราการเต้นของหัวใจเลย
TBC
บอกแล้วว่าไม่ใช่ฟิครัก
ความคิดเห็น