ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - DOPPELDANGER | CHANBAEK -

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01 :: Beginning

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.57K
      43
      16 เม.ย. 58

     

     

    Chapter 1

    Beginning

     


     

     

    เราไม่สามารถหลีกหนีความมืดได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน

    ไม่เชื่องั้นเหรอ?

    ลองหลับตาลงสิ

     

     

     

     

    ...แบคฮยอน

     

    ...

     

    ...ตื่นได้แล้ว

     

     

    กึ่ก!

     

    ...

     

    แกร่ก!

     

    เสียงกุกกักปลุกคนที่อยู่ในห้วงนิทราให้ลืมตาขึ้นมาพบกับความจริง สิ่งแรกที่มองเห็นคือเพดานสีขาว ร่างเล็กหยุดสายตาไว้อยู่ตรงนั้นแล้วปล่อยให้สมองเริ่มทำงาน รู้สึกว่าการผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นเรื่องยากกว่าปกติ ร่างทั้งร่างมันปวดไปหมด จนแทบไม่มีแรงหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง

     

     

    แรงกว่านี้สิที่รัก...ใช่...อย่างนั้น...อา...แบคฮยอน

    ถ้ารู้ว่าดีขนาดนี้ ฉันคงออกมาจัดการนายตั้งนานแล้ว

     

     

    เสียงครางทุ้มต่ำของใครอีกคนลอยเข้ามาในโสตประสาทให้ได้คิด มันเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดีที่ทำให้บยอนแบคฮยอนตื่นได้อย่างเต็มตา ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ก่อนจะหันไปมองข้างตัว แต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า

     

     

    แกร่ก

     

     

    เสียงที่ทำให้ตื่นดังขึ้นอีกครั้ง แบคฮยอนหันไปทางเคาน์เตอร์บาร์ขนาดเล็กในครัวแล้วก็เห็นใครคนหนึ่งยืนหันหน้าเข้าหาเตาแก๊ส ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบขวดซ้อสเพื่อปรุงแต่งรสชาติให้กับอาหารในหม้อ ที่กำลังส่งกลิ่นเรียกน้ำย่อยในกระเพาะคนเพิ่งตื่น

     

    แบคฮยอนจ้องแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูง จากเสื้อผ้าที่สวมใส่คงไม่ใช่คนเพิ่งตื่นแน่ ๆ ชานยอลในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับสแล็คขายาวเป็นทางการยังคงง่วนอยู่กับการทำอาหารอย่างตั้งใจ แน่ล่ะ ไม่ว่าเรื่องไหน ผู้ชายคนนี้ก็จริงจังอยู่เสมอ

     

    ร่างเล็กอมยิ้มกับสิ่งที่เป็นอยู่ มันจะมีอะไรดีไปกว่าการที่มีอะไรกับคนรักแล้วตื่นมาพบว่าอีกฝ่ายกำลังทำมื้อเช้าให้กินอีกนะ?

     

    อ้าว ตื่นแล้วเหรอ

     

    ร่างเล็กหลุดออกจากความคิด แบคฮยอนเป็นคนโง่ที่เหมือนอยากพูดอะไรออกไป แต่ก็ทำได้เพียงแค่อ้าปากอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แล้วยิ้มเจื่อนเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนรักที่กำลังเดินตรงมาทางนี้พร้อมอาหารที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อครู่

     

    ชานยอลนั่งลงกับขอบเตียงแล้ววางถ้วยเซรามิกส์สีขาวไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเอาหลังมืออังหน้าผากคนตัวเล็ก ส่วนมืออีกข้างก็อังกับหน้าผากตัวเอง

     

    แบคฮยอนอมยิ้มขณะจ้องตาคนตัวสูง สีหน้าชานยอลตอนกำลังวัดอุณหภูมิหน้าผากนั้นดูจริงจัง แต่มันก็น่ารัก เมื่อนึกไปถึงความใส่ใจ

     

    ตัวอุ่น แต่ไม่มีไข้

     

    งั้นผมกลับบ้านได้เลยใช่ไหมครับหมอ? แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ หลังจากกวนประสาทคนรัก ก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อถูกดีดหน้าผากเบา ๆ

     

    ดื้อ

     

    อะไรเล่า

     

    ยังไม่คิดบัญชีเรื่องเมื่อคืนนะ ร่างสูงชี้หน้าคาดโทษคนรักที่กำลังย่นจมูก แถมยังทำท่าจะเข้ามางับนิ้วเขาอีกอย่าดื่มหนักขนาดนั้นสิ ไม่รู้เหรอว่ามีคนเป็นห่วง

     

    การเป็นคนจริงจังมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งแบคฮยอนขอพูดถึงข้อดีก่อนแล้วกัน ว่ามันทำให้เขารู้สึกดีชะมัดตอนที่ดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างคาดโทษ แต่ก็ปะปนไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

     

    ให้ตายเถอะ เพิ่งมาถามอะไรตอนนี้นะ... ทีเมื่อคืนไม่เห็นจะพูดอะไรเลย

     

    หิวจัง ไหนดูซิว่ามีอะไรกินบ้างเปลี่ยนเรื่องดีกว่า แบคฮยอนคงไม่หน้าด้านพอที่จะถามว่าเมื่อคืนนี้รู้สึกดีไหม หรือการพูดต่อหน้าอีกฝ่ายว่าไปหื่นมาจากไหน เล่นเอาแทบลุกไม่ขึ้นเลย

     

    ชานยอลไม่เคยบ่นได้นาน อย่างมากก็แค่ดุนิดหน่อย สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนอยู่ดี คนตัวสูงอมยิ้มแล้วปัดผมที่ชี้โด่เด่ให้คนเพิ่งตื่น แล้วนั่งมองอีกฝ่ายกินโจ๊กอย่างเอ็นดู

     

    นี่คือสิ่งที่ปาร์คชานยอลอยากเห็นทุกเช้า เขาไม่ใช่คนทำอาหารเก่งนักหรอก แต่แบคฮยอนเป็นคนกินง่าย กินเก่ง แถมยังบอกว่าทุกอย่างที่เขาทำมันอร่อย คนทำได้ใจ ก็เลยมีความคิดว่าอยากตื่นมาทำให้กินทุกวัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น เมื่อครอบครัวของเขาค่อนข้างที่จะเข้มงวดพอสมควร

     

    กี่โมงแล้ว

     

    บ่ายสอง

     

    หา... จริงเหรอ? คนตัวสูงเคาะนาฬิกาข้อมือให้ดู นี่เขาหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ที่กินอยู่นี่คิดว่าเป็นมื้อเช้าซะอีกชานยอลได้ไปสอบหรือเปล่า?

     

    แบคฮยอนถามด้วยความเป็นห่วง พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ควรบอกให้ชานยอลหยุดทำเรื่องอย่างว่าแล้วกลับบ้านไปอ่านหนังสือสอบ แต่เขากลับเลือกที่จะกอดผู้ชายคนนี้ทั้งคืน

     

     

    แต่พูดก็พูดเถอะ... นาทีนั้นใครจะไปหยุดได้

    บยอนแบคฮยอนไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อย...

     

     

    ชานยอลพยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้ม และมันทำให้คนที่กำลังรู้สึกผิดใจชื้นขึ้นมาบ้าง

     

    โล่งอกไปที

     

    ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ ชานยอลวางมือลงบนศีรษะทุย แบคฮยอนตอนตื่นนี่ทำหน้าเหมือนเด็กขี้อ้อนไม่รู้จบจริง ๆ

     

    ก็เปล่า...

     

    เสียงของคนตัวเล็กแผ่วเบา แบคฮยอนรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความฝัน มนุษย์เราต่อให้เมาหัวทิ่มแค่ไหนก็ต้องรู้ตัวทั้งนั้นแหละว่ากำลังทำอะไรอยู่ อย่างมากก็ขาดสติสัมปชัญญะ แล้วปล่อยให้ปากและร่างกายทำตามอำเภอใจ

     

    ทำข้อสอบได้ไหม

     

    ร่างเล็กช้อนตามองคนตรงหน้า จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังคงรู้สึกร้อนรุ่มไปหมด เพียงแค่จ้องมองไปยังดวงตาคู่นั้น ทั้งที่อีกฝ่ายยังคงแสดงออกเหมือนเดิมถึงความเป็นห่วงเป็นใย แต่สายตาที่มองมากับสีหน้าที่เป็นอยู่ มันต่างจากตอนในผับอย่างสิ้นเชิง

     

    แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไก่อ่อนที่กำลังตื่นตูมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดถึง ไม่แม้แต่จะสัมผัสตัวเขาอย่างลึกซึ้ง ต่างจากคนเมื่อคืนที่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นคลอนจนหายใจแทบไม่ทัน

     

    ให้ตายเถอะ มันเป็นเรื่องธรรมดาของชานยอล หรือเพราะว่าผู้ชายคนนี้เขินจนไม่อยากพูดถึงกันนะ?

     

    แหงอยู่แล้ว เมื่อคืนทำการบ้านมาดี

     

    ถ้าเกิดว่าเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น สาบานให้ตายว่าบยอนแบคฮยอนคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับประโยคธรรมดา ๆ แบบนี้ มันบ้าบอเหลือเกินที่คำว่าการบ้าน กลายเป็นคำลามกขึ้นมาได้

     

    ตั้งแต่ลืมตาตื่น...บยอนแบคฮยอนยังหยุดคิดถึงการร่วมรักอย่างเร่าร้อนเมื่อคืนนี้ไม่ได้เลย

     

    ดีจังเลยนะ

     

    ที่พูดน่ะไม่ใช่เรื่องข้อสอบหรอก แต่เขาหมายถึงว่ามันดีจริง ๆ ที่ชานยอลยังตื่นไปสอบไหว ไม่งั้นบยอนแบคฮยอนคงมีตราบาปไปจนตาย กับการทำให้เด็กเรียนเสียคนเพราะคืน ๆ เดียว

     

    กินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำนะ จะได้สดชื่นขึ้น

     

    ชานยอลนั่งมองคนรักที่พยักหน้าพร้อมขานตอบในลำคอ เพียงแค่ครู่เดียวร่างสูงก็ลุกขึ้นไปเก็บกวาดห้องให้ มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกฝึกสอนมาจนติดเป็นนิสัย เขากับคยองซูคนเป็นน้องชายถูกฝึกให้ทำงานบ้านได้เหมือนผู้หญิง ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วพ่อก็แค่อยากให้ลูกชายทั้งสองคนมีความสามารถในทุก ๆ ด้าน

     

    ท่านเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบ แต่มันแย่ตรงที่ลามมาถึงชีวิตลูกชายทั้งสองคนด้วย

     

    ชานยอลคิดว่าโลกของเขาเหมือนกล่องสี่เหลี่ยม มันมีพื้นที่จำกัด มีมุมอย่างชัดเจนไม่โค้งงอ เขารู้สึกอึดอัดที่ได้รับแรงกดดันจากครอบครัวจนปล่อยให้ความเครียดเล่นงาน ชานยอลรู้สึกว่าลึก ๆ แล้วเขาก็เป็นคนเก็บกด แต่มันยังไม่ถึงขั้นที่ต้องได้รับการบำบัดจากจิตแพทย์ ปาร์คชานยอลยังควบคุมตัวเองได้ตราบใดที่ระดับความเครียดยังคงที่ และไม่มีมาเพิ่มเติม

     

     

    การเป็นความหวังของคนในบ้านมันเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ

     

     

    เกือบยี่สิบนาทีที่แบคฮยอนใช้เวลาไปกับการอาบน้ำ ร่างเล็กออกมาในชุดลำลองธรรมดาที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงไม่ออกไปไหนแล้ว ชานยอลหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผมให้คนที่ยืนอยู่หน้ากระจกอย่างเคยชิน ซึ่งแบคฮยอนก็ยอมนั่งนิ่ง ๆ และสบตากับอีกฝ่ายผ่านกระจก

     

    ใกล้ถึงวันครบรอบหกเดือนแล้ว เราไปเที่ยวทะเลกันไหม?

     

    ทะเลเหรอ... ร่างสูงขมวดคิ้วครุ่นคิด พอคำนวณไปถึงวันเดือนปีแล้วก็ได้คำตอบที่ไม่น่าบอกอีกฝ่ายสักเท่าไหร่คงไม่ได้ ช่วงนั้นฉันมีสอบอีกแล้ว

     

    ใช่อย่างที่คิดไม่มีผิด เมื่อคำตอบของเขาดูดรอยยิ้มออกจากใบหน้าคนตัวเล็กไปจนหมดสิ้น เขาเห็นว่าแบคฮยอนก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันผ่านกระจกอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่มันดูฝืนจนสังเกตได้

     

    ไม่เป็นไร ฉันแค่ชวนเฉย ๆ ไว้ชานยอลว่างแล้วเราคุยหาวันไปกันก็ได้ ทะเลไม่หนีไปไหนหรอก

     

    โกรธไหม?

     

    ไม่ จะโกรธทำไมล่ะ ชานยอลเรียนหนัก ฉันเข้าใจ คนตัวเล็กเอื้อมมือขึ้นไปจับท่อนแขนแกร่งของคนรัก แบคฮยอนรู้ดีว่าความงี่เง่าจะนำพาเขาไปสู่การถูกเบื่อ และเขาจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด

     

    เบื่อหรือเปล่าที่มีแฟนแบบนี้ร่างสูงเกยคางลงบนศีรษะทุย พร้อมกอดรอบคอคนรักหลวม ๆ แบคฮยอนมองอีกฝ่ายที่กำลังแสดงความรักด้วยการจูบศรีษะเขา ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

    เหงากับเบื่อไม่เหมือนกันนะ

     

    ประโยคนี้แทงใจได้ไม่ยาก สำหรับคนที่ใช้เวลาไปกับการเรียน หนังสือ และครอบครัว มันทำให้ชานยอลรู้สึกผิดที่ไม่มีเวลาให้แบคฮยอน ทั้ง ๆ ที่เขาคิดว่าตัวเองโชคดีที่อีกฝ่ายยอมเข้าใจในสิ่งที่แฟนเก่าแต่ละคนไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่แฟร์

     

    วันนี้ต้องไปไหนอีกหรือเปล่า

     

    อาจารย์ให้เข้าไปดูรุ่นน้องตอนสี่โมงน่ะ แบคฮยอนมองนาฬิกาทันทีที่ได้ยินคำตอบ ซึ่งเข็มสั้นและเข็มยาวที่บ่งบอกเวลานั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีพอ ๆ กับคำตอบของชานยอลนั่นแหละ

     

    RRRrrrrr!!!!

     

    อืม ว่าไง ร่างเล็กมองคนตัวสูงที่หันหลังไปคุยโทรศัพท์ผ่านกระจก เสียงที่ลอดออกมาจากปลายสายนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย ซึ่งคงไม่พ้นชเวมินโฮเพื่อนสนิทของชานยอล อ้าว ตอนนี้เลยเหรอ ไหนบอกสี่โมงไง?

     

     

    กะแล้ว... เวลาของความสุขไม่เคยอยู่กับบยอนแบคฮยอนได้นานหรอก

     

     

    อ่า...โอเค...อืม...แล้วจะรีบไป

     

    แบคฮยอนลุกขึ้นเดินไปกอดคนตัวสูงก่อนจะโยกตัวไปมาเบา ๆ ชานยอลกดวางสายแล้วก้มลงมองศีรษะคนตัวเล็กก่อนจะกอดตอบ ถึงจะไม่พูด แต่เขาก็รู้ว่าแบคฮยอนไม่อยากให้ไป

     

    ขอโทษนะ

     

    ยังอยากอยู่ด้วยกันอยู่เลย ทำไมมินโฮเป็นคนแบบนี้ล่ะ ชานยอลหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับคำพูดคำจาของคนรัก

     

    ชกหน้ามันเลยดีไหม?

     

    เอาเลย ฝากบอกว่าจากแบคฮยอนนะ

     

    ได้ จะชกหนัก ๆ เลย ข้อหาทำให้ฉันไม่ได้อยู่กับแฟนนาน ๆ ประโยคนี้พอจะเรียกรอยยิ้มจากแบคฮยอนได้บ้าง

     

    ทั้งคู่ยืนกอดกันอยู่ตรงนั้นอยู่ราว ๆ สองนาทีเห็นจะได้ สุดท้ายแบคฮยอนก็เป็นฝ่ายผละออก เพราะต่อให้อยากรั้งแค่ไหน สุดท้ายชานยอลก็ต้องไปอยู่ดี

     

    ร่างเล็กเดินมาส่งคนรักหน้าห้อง ทั้งคู่จูบกันหน้าประตูเหมือนกับทุกครั้งก่อนจะโบกมือลาอีกฝ่าย

     

    ชาร์จแบตด้วยนะ ประโยคสุดท้ายที่ชานยอลตะโกนบอกคนตัวเล็ก ก่อนจะทำมือเป็นรูปโทรศัพท์แนบข้างหู ซึ่งร่างเล็กก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

     

    แบคฮยอนนี่จริง ๆ เลย...ถ้าไม่เจอโอเซฮุนใต้ตึกคณะมนุษย์ศาสตร์ก็คงไม่รู้ว่าทำไมแบคฮยอนถึงปิดมือถือ หมอนั่นบอกว่าเมื่อคืนไปเที่ยวกันทั้งแก๊ง แล้วแบคฮยอนก็ชิ่งหนีกลับก่อน รายนั้นก็โทรตามมาเรียนเหมือนกันแต่ก็โทรไม่ติด เลยคาดว่าน่าจะนอนแฮงค์อยู่ในห้อง ซึ่งโอเซฮุนก็ทำหน้าสำนึกผิด

     

     

    แล้วขอโทษที่ชงเหล้าให้แบคฮยอนหนักขนาดนั้น

     

      

     

     
     

     

    หลังจากตะวันตกดินท้องฟ้าก็ถูกกลืนกินด้วยความมืด แสงจากหลอดไฟข้างทางตามจุดเป็นสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในตรอกแคบข้างมหาลัยซึ่งเป็นทางลัดไปยังถนนเส้นใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง และนักศึกษาบางส่วนมักจะใช้ประตูนี้เป็นทางเข้าออก

     

    ชายหนุ่มสี่คนเดินออกมาจากประตูบานเล็กหลังจากเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ ตอนนี้พวกเขากำลังรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างถึงขีดสุด หลังจากได้รับรู้เรื่องราวจากปากอาจารย์ ว่าปาร์คชานยอลกับเพื่อนของมันได้รับหน้าที่ให้คำแนะนำกับน้องปีหนึ่ง แทนที่จะเป็นกลุ่มรุ่นพี่อย่างพวกเขาที่เคยทำหน้าที่นั้นเมื่อปีก่อน

     

    พูดถึงชื่อนี้ทีไรแล้วก็หัวเสียทุกครั้ง ตั้งแต่งานมหาลัยครั้งก่อนที่แต่ละคณะต้องออกคอนเซปมาแข่ง และปีที่แล้วกลุ่มของพวกเขาก็รับหน้าที่นี้ แต่ปีนี้ไอ้เด็กเวรนั่นกลับเสนอหน้าเข้ามา เออ ต่อให้รุ่นพี่ปีสี่จะเป็นฝ่ายดึงมันเข้ามาก็เถอะ แต่ไอ้เด็กนั่นอยู่แค่ปีสอง ควรรู้ซะบ้างว่าไม่ควรข้ามหัวรุ่นพี่ โดยการบอกว่าวิธีไหนดีกว่า

     

    ชายหนุ่มยังจำได้เป็นอย่างดีกับเหตุการณ์ถูกหักหน้าในวันนั้น ปาร์คชานยอลเสนอชิ้นงานมาแบบไหน พวกพี่ปีสี่ก็เห็นดีเห็นงามไปหมด ส่วนที่เขาเสนอมาก็ถูกพับเก็บไปตามระเบียบ ต่อให้นิติศาสตร์จะชนะ แต่สำหรับชายหนุ่มที่ถูกหักหน้า...เขาไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด

     

    พอเวลาผ่านไป ทุกครั้งที่เจอกัน ไอ้เด็กนั่นก็โค้งหัวตามมารยาทแล้วเดินสวนไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าจะได้ยินคำด่าลอย ๆ ตามไล่หลังไปก็ตาม

     

     

    เกลียดขี้หน้า...นั่นคือสิ่งเดียวที่พวกเขามีต่อปาร์คชานยอล

     

     

    เฮ้ยมึง

     

    ...

     

    นั่นใช่ปาร์คชานยอลเปล่าวะ?

     

    ทั้งสี่คนหยุดฝีเท้าใต้เสาไฟฟ้าในตรอกแคบแล้วมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนพิงอยู่กับกำแพงมหาลัย ชายหนุ่มชุดดำคาบมวนบุหรี่ไว้ในปากแล้วจุดไฟแช็ก เพียงแค่ครู่เดียวควันสีหม่นก็ถูกพ่นออกมา

     

    คนที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่ยิ้มมุมปาก ไม่น่าเชื่อว่าคนในความคิดจะเสนอหน้ามาให้เห็นถึงที่แบบนี้ ชายหนุ่มร่างผอมส่วนสูงร้อยแปดสิบนิด ๆ เดินตรงไปยังเป้าหมาย ตามด้วยเพื่อนอีกสามคน

     

    ไง?

     

    ประโยคทักทายกึ่งหาเรื่อง ซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยส่งไปยังปาร์คชานยอล แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ตรงที่อีกฝ่ายไม่เดินหนีไปเหมือนทุกครั้งเพื่อตัดปัญหา เขาเห็นว่าคนตัวสูงเพียงแค่อัดนิโคตินเข้าปอด แล้วพ่นควันออกมา

     

    มาทำไรตรงนี้วะ ได้ข่าวว่าอาจารย์ให้ไปแนะแนวน้องไม่ใช่ไง?

     

    ไม่มีเสียงขานตอบกลับ คนเป็นรุ่นพี่คิดว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าการเดินหนีไปอย่างซึ่ง ๆ หน้าเหมือนทุกครั้งเสียอีก ชายหนุ่มตัวผอมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างโทสะ เขาได้แต่คิดว่าไอ้เด็กนี่ไม่ควรคิดอยากลองดี

     

    จากที่เหม็นขี้หน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คาดว่าปาร์คชานยอลอาจจะหัวแตกได้ไม่ยาก ถ้ายังขืนทำตัวแบบนี้กับรุ่นพี่อยู่

     

    นี่มึง คนเป็นรุ่นพี่คว้าคอเสื้อร่างสูงเข้ามาจนมวนบุหรี่ร่วงลงพื้น ทั้งสี่คนได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แน่นอนว่าการหาเรื่องในครั้งนี้ไม่ผิดคนหูหนวกไง? ไม่ได้ยินที่ถามเหรอ?

     

    คำถามนี้ไม่ได้ตลกเลยสักนิด หากแต่ชายหนุ่มชุดดำกลับยกยิ้มราวกับว่ามันน่าตลกเสียเต็มประดา ชานยอลคว้าข้อมือคนตรงหน้าเอาไว้แล้วกระชากออกจากคอเสื้อตนเอง คนเป็นรุ่นพี่เบิกตาอย่างตกใจ เขารู้สึกได้ถึงแรงที่หนักหน่วงจากมือนั้น

     

    ได้ยินสิ ร่างสูงยิ้มแล้วเดินเข้าหาคนตรงหน้าทั้งสี่อีกก้าวหนึ่ง ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ทุกอย่างในหัวพวกแก...ฉันได้ยินมันทั้งหมด

     

    ...

     

    ...มึงพูดไรวะ?

     

    ตั้งแต่เห็นปาร์คชานยอลมาตั้งแต่วันแรกในรั้วมหาลัย ไม่เคยเลยสักครั้งที่อีกฝ่ายจะน่ากลัวขนาดนี้ พวกเขาทั้งสี่คนรู้ดี ว่าไอ้เวรนี่ก็แค่เด็กแก่เรียนคนหนึ่งที่มีดีแค่ความรู้ แต่ไม่มีประวัติเรื่องชกต่อย และนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเขากล้าปากดีกับปาร์คชานยอลได้มาจนถึงทุกวันนี้

     

    หืม? ไม่ได้ยินเหรอ?

     

    น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นเย็นยะเยือก เศษใบไม้แห้งปลิวไปตามสายลมจนน่าขนลุกกับบรรยากาศเหมือนในหนังสยองขวัญ สีหน้าและแววตาของปาร์คชานยอลเปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นรุ่นพี่ก็ยังไม่หวั่นใจมากไปกว่านี้ เพราะถ้าจะมีเรื่องกัน ยังไงสี่ต่อหนึ่งก็ชนะใส ๆ

     

    อยากได้ยินชัด ๆ ไหมล่ะ?

     

    ...

     

    ขายาวก้าวเข้าหาอีกฝ่ายอีกหนึ่งก้าว และดูเหมือนว่ารุ่นพี่ที่ยืนอยู่ทางด้านขวาจะทนแรงกดดันจากรุ่นน้องไม่ไหว เลยเข้ามาผลักอกร่างสูงให้ถอยออกไปอย่างแรง จนเพื่อนอีกสองคนต้องเข้ามาห้ามเอาไว้

     

    ห่าเอ๊ย มึงอย่าพูดมากไปหน่อยเลย!”

     

    เฮ้ยมึงใจเย็นก่อน ชายหนุ่มทั้งสองพยายามปรามเพื่อน แต่อีกคนก็เข้ามาแยกคนที่ห้ามออก สองคนนี้อยากมีเรื่องมากกว่าที่จะหยุด

     

    มึงคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ?

     

    คำถามเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าของคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี จากมุมนี้ทำให้มองเห็นร่างปาร์คชานยอลเป็นแค่เงาดำ เพราะเป็นมุมอับที่แสงไฟจะส่องถึง ขายาวก้าวออกมาจากตรงนั้นก้าวหนึ่ง ชายหนุ่มทั้งสี่มองใบหน้าอีกคนที่เงยขึ้นระกับแสงไฟ ก่อนจะเห็นแววตาคู่นั้น ที่มันกำลังจะมอบฝันร้ายให้กับพวกเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

     
     

     

    ฉันก็คือปาร์คชานยอล ยังไงล่ะ

     

     
     

     

     
     

    อึ่ก...แค่ก ๆ

     

    โอ๊ย...

     

    เสียงโอดครวญในตรอกแคบนั้นไม่มีใครได้ยิน ชายหนุ่มทั้งสี่นอนขดตัวอยู่บนพื้นซีเมนต์หลังจากถูกอัดจนน่วมไม่ต่างกัน นัยน์ตาปรือมองชายร่างสูงในชุดดำที่กำลังจุดมวนบุหรี่สูบ เปลือกตาคู่นั้นปิดลงแล้วค่อย ๆ พ่นควันสีหม่นออกมาให้ลอยไปตามกระแสลม

     

    ไม่เคยรู้มาก่อนเลย...ว่าปาร์คชานยอลจะล้มพวกเขาทั้งสี่คนได้

     

    ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองสักนิดว่าผู้ชายคนนี้สามารถรับมือพวกเขาทั้งสี่คนได้อย่างง่าย ๆ อีกทั้งยังตอบโต้กลับมาแรงเป็นสามเท่า

     

    พวกเขาเป็นแค่เด็กนิติแก่เรียน เรื่องปากดีก็มีบ้าง แต่เรื่องชกต่อยก็ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าใคร แต่เพราะเห็นว่าปาร์คชานยอลเป็นเด็กแก่เรียนเหมือนกัน อีกทั้งยังดูเหมือนคนไม่มีพิษไม่มีภัย เลยคิดว่าน่าจะข่มได้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย

     

    ร่างสูงย่อตัวนั่งยอง ๆ ตรงหน้าคนที่ออกปากว่าเป็นรุ่นพี่พร้อมรอยยิ้ม มันน่าเจ็บใจเหลือเกินที่พวกเขาทั้งสี่คนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ถึงขนาดนี้ แต่ปาร์คชานยอลที่มาแค่คนเดียวกลับอยู่ในสภาพเต็มร้อย ไม่มีรอยแผลใด ๆ ทั้งสิ้น

     

    ไง?

     

    ... ชายหนุ่มตัวผอมกัดฟันกรอด น้ำเสียงและรอยยิ้มของคนเป็นรุ่นน้องนั้นมองมาอย่างเย้ยหยันจนน่าโมโห

     

    ดูเหมือนว่าจะเป็นคราวที่พวกแกหูหนวกแล้วสินะร่างสูงอัดควันบุหรี่แล้วพ่นใส่หน้าคนที่นอนอยู่บนพื้น หลังจากย้อนคำพูดที่พวกสวะเอ่ยทักทายเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

     

    มึงจะเอาไงวะ!!!”

     

    ไม่เอาน่า... ก่อนปากดีก็ควรดูสังขารตัวเองด้วยสิ พูดจบก็เขี่ยขี้บุหรี่ใส่เสื้อคนตรงหน้าก่อนจะเท้าแขนลงกับหัวเข่า

     

    สีหน้าที่แสดงออกมาถึงความเคียดแค้น อึดอัดใจนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ร่างสูงมีความสุข หลังจากทนดูอย่างขัดใจมาตลอด ทุกครั้งที่ ปาร์คชานยอล โดนข่มขู่ ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือทางสายตาปาร์คชานยอล คนนี้ก็ได้รับผลกระทบจากโทสะที่หมอนั่นฝังเอาไว้ มันสะสมมามากเกินไปแล้ว และเขาคิดว่ามันควรถูกปลดปล่อยออกมาสักที

     

    และปาร์คชานยอล คนนี้จะจัดการให้อย่างสาสม

     

    อึ่ก!!!”

     

    ชายหนุ่มร่างผอมถูกกระชากคอเสื้อขึ้นมา เขาเห็นว่าแววตาของปาร์คชานยอลนั้นเกรี้ยวกราดแม้ว่าในตอนนี้ริมฝีปากจะยกยิ้มอยู่ อีกสามคนที่เหลือเข้าไปช่วยประคองกันและกันให้ลุกขึ้นยืน แล้วมองไปยังเพื่อนสนิทที่อยู่กับศัตรูหมายเลขหนึ่งผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรุ่นน้อง

     

    อยากจะเข้าไปช่วย แต่พอเห็นสายตาปาร์คชานยอลที่มองมาทางนี้ ขาทั้งสองข้างมันก็ตัดสินใจวิ่งหนีไป แล้วทิ้งคำว่าเพื่อนไว้ข้างหลัง

     

    อั่ก!!!”

     

    น่าสงสารจังเลยนะ เพื่อนหนีไปหมดแล้ว

     

    ...!!!” การตอกย้ำสิ่งที่เห็นอยู่ตำตาแล้วนั้นได้ผล ร่างสูงเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังจะสำลักความเกลียดชัง อึดอัด แค้นใจออกมาอยู่รอมร่อ แน่นอนว่ามันทำให้เขาพึงพอใจ

     

    ชีวิตมันก็อย่างนี้ ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ก็มีแต่ความเห็นแก่ตัว

     

    ...

     

    ร่างสูงยิ้มมุมปากแล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ชายหนุ่มรุ่นพี่ขนลุกซู่อย่างไร้เหตุผล เพียงเพราะได้เห็นแววตาแข็งกร้าวมองมาในระยะใกล้

     

    มองหน้าฉัน แล้วพูดว่าแกกำลังรู้สึกยังไง

     

    ...

     

    ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เขาไม่เคยคิดว่าปาร์คชานยอลจะคับแค้นใจกับคำด่าลอย ๆ ที่เขาและเพื่อน ๆ เคยด่าถึงขนาดนี้

     

    ไม่พูดเหรอ งั้นไม่เป็นไร ร่างสูงยิ้มแล้วอัดควันบุหรี่เข้าปอดอีกครั้ง

     

    ...

     

    อยู่ปีสามแล้ว รู้ไหมว่ากฎหมายมาตราที่ 1127 คืออะไร?

     

    ... คนเป็นรุ่นพี่กลอกตาล่อกแล่กไม่ได้ตอบคำถาม สุดท้ายสายตาของเขาก็กลับมาหยุดอยู่ที่อริรุ่นน้องอีกครั้งม...ไม่รู้ มันมีด้วยหรือไง?

     

    ร่างสูงแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับคำตอบที่เหมือนจะโง่แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด ชายหนุ่มร่างผอมพยายามเอื้อมไปหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่ใกล้ถังขยะ แต่ก็ถูกอีกคนคว้าข้อมือเอาไว้ได้ก่อน

     

    มีสิ เสียงทุ้มต่ำนั้นมาพร้อมแรงบีบตรงข้อมือ คนเป็นรุ่นพี่นิ่วหน้าเจ็บพร้อมส่งเสียงโอดครวญ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยออกง่าย ๆ กฎหมายข้อนั้นกำหนดไว้ว่า ใครที่กล้าลองดีกับปาร์คชานยอล...มันต้องได้พบจุดจบที่คาดไม่ถึง

     

    ...

     

    คำขู่นั้นเหมือนไม่ได้พูดเล่น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความจริงจังปนน่ากลัวผ่านน้ำเสียงและแววตาของอีกฝ่าย ร่างสูงปล่อยคอเสื้อคนเจ็บลงไปนอนกับพื้นเช่นในทีแรก ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วกระชับคอเสื้อให้เข้าที่

     

    จำกลิ่นลมหายใจของตัวเองไว้ให้ดีล่ะ เผื่อว่าวันข้างหน้าจะไม่มีโอกาสอีก

     

    ...

     

    “และถ้ายังเสนอหน้าเข้ามาอยู่ในม่านตาฉันอีกล่ะก็...ฉันจะเอาท่อนไม้ที่แกคิดจะฟาดหัวฉันนี่แหละ ยัดเข้าไปในปากแก

     

    ...

     

    พวกสวะ... ร่างสูงพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับแล้วโยนมวนบุหรี่ที่สูบไม่ถึงครึ่งมวนไปข้างหลัง ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเสียงหลงตามมาเมื่อใบหน้าอีกฝ่ายกลายเป็นถังขยะจำเป็น

     

    มือแกร่งสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางเสยผมขึ้น ขายาวก้าวไปข้างหน้าในตรอกแคบอย่างไม่เร่งรีบแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดี กับอิสระที่เขาได้รับ แน่นอนว่ามันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ยังรอ ปาร์คชานยอล คนนี้ไปจัดการอยู่

     

     

    รวมไปถึงใครอีกคน...ที่เขาใช้เวลาร่วมรักกันอย่างร้อนแรงตลอดทั้งคืน

     

     

     

    อ่า...ตอนนี้ที่รักของฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ คิดถึงจะแย่แล้วสิ...

     

     

     

     

    TBC

     

     

    ฟิคสั้นจริง ๆ นี่ต้องตัดฉากไปตอนสองเลยนะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×