คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 14 :: Together
CHAPTER 14
Together
ชานยอลชอบฝนในวันที่ไม่ต้องไปโรงเรียน เหตุผลคงเพราะเขาหลงใหลการซุกอยู่ใต้ผ้านวมอุ่น ๆ ฟังเสียงฝนตกลงบนหลังคามากกว่าการกางร่มเดินไปตามฟุตปาธ และทนอยู่กับขากางเกงเปียก ๆ ไปจนถึงช่วงสายกว่ามันจะแห้ง
วันนี้ก็เช่นกัน... เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มรู้สึกดีกับการลืมตาตื่นในเช้าวันใหม่ และพบว่าคนที่กลัวจะหายไปยังคงอยู่ในชีวิตเขา ชานยอลยิ้มบาง ๆ พลางมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นอนหน้าประตูกระจกระเบียง จิบกาแฟที่ใส่น้ำตาลสองก้อน อ่านหนังสือเล่มโปรดซึ่งวนอ่านแล้วเป็นรอบที่สาม
เด็กตัวสูงลุกขึ้นนั่ง เปิดผ้าห่มดูเพื่อยืนยันว่าเมื่อคืนไม่ได้ฝันไป เขานึกหมั่นไส้ตัวเองอยู่ลึก ๆ ที่หลุดยิ้มออกมาอย่างคนโง่ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนพร้อมเอาหมอนอัดหน้าคลายความขลาดอายเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น
หันไปมองคุณแบคฮยอนที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม จนถึงตอนนี้คนตัวเล็กก็ยังไม่รู้ว่าเด็กยักษ์ของคุณเขาตื่นมาชักดิ้นชักงอบนเตียงแล้ว ชานยอลก้มลงคว้ากางเกงนอนกับเสื้อขึ้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ หยุดยืนอยู่ปลายเตียงเพื่อวางสคริปท์ว่าควรเข้าไปทักทายอีกฝ่ายยามเช้าด้วยวิธีไหนถึงจะดีที่สุด
การเข้าไปจูบแก้มแล้วพูดว่า ‘อรุณสวัสดิ์’ ถูกเททิ้งไปตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว ปาร์คชานยอลไม่ใช่นางเอกละครสักหน่อย ส่วนคุณแบคฮยอนก็ไม่ใช่พระเอกด้วย ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเริ่มครุ่นคิด คิด คิด คิด จนการทักทายยามเช้ากลายเป็นเรื่องน่ากังวลขึ้นมาเสียได้
คุณแบคฮยอนตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อคืนกว่าจะนอนคนตัวเล็กก็ถูกเขาเอาแต่ใจอยู่หลายชั่วโมงเลยนะ เป็นเพราะอึดอัดจนนอนต่อไม่ได้หรือเปล่า บ้าแล้ว... ตอนนี้คุณแบคฮยอนจะรู้สึกอย่างไร ปาร์คชานยอลจะโดนเกลียดขี้หน้าเพราะเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า...
เด็กหนุ่มคว้าผ้านวมผืนใหญ่มาคลุมไหล่ตนเอง ไม่รู้ล่ะ... ถ้ามันจะแย่จริง ๆ เขาก็ขอใช้ลูกอ้อนเข้าสู้แล้วกัน หากคุณแบคฮยอนรู้สึกไม่ดีก็คงดันออกเอง แต่ถ้าไม่... ก็เป็นโอกาสดีที่จะออดอ้อนขอความรัก
ขายาวก้าวไปหยุดอยู่ข้างหลังคนตัวเล็ก เม้มริมฝีปากระหว่างรวบรวมความกล้าก่อนจะอ้าผ้าห่มออกเตรียมกอดอีกฝ่าย “จะเล่นอะไร?”
“...”
เด็กหนุ่มชะงักอยู่ท่านั้น ก่อนจะเห็นว่าคุณแบคฮยอนมองเห็นเขาผ่านกระจกประตูระเบียง ชานยอลยิ้มแห้ง ดูท่าทีคนตัวเล็กอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดพร้อมผ้านวม
“เดี๋ยวกาแฟก็หกใส่หรอก”
“ถ้าผ้าห่มมันเลอะกาแฟ งั้นคืนนี้ผมขอนอนห้องคุณนะครับ”
“เราจะกลับโซลกันตอนเย็น ลืมแล้วหรือไง”
“แต่พรุ่งนี้คุณหยุดไม่ใช่เหรอครับ? อยู่ต่อกันเถอะ... นะครับ” เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างหูเรียกรอยยิ้มจากคนอายุมากกว่าได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนหันไปมองใบหน้ามึน ๆ ของคนเพิ่งตื่น ก่อนจะจัดเผ้าผมที่ชี้โด่เด่ให้
“แล้วซูยองจะอยู่กับใคร เป็นห่วงน้องบ้างหรือเปล่า?”
“ห่วงสิครับ แต่ที่ผมวางใจก็เพราะซึงฮวานไม่ใช่เด็กเกเร เธอไม่พาซูยองไปเถลไถลแน่ ถ้าคุณตกลง ผมจะรีบไปโทรบอกน้องเลย” ทั้งคู่สบตากันในระยะใกล้ แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงความเอาแต่ใจเล็ก ๆ ที่อีกฝ่ายไม่ค่อยแสดงออกมาสักเท่าไหร่ และเขามักจะบอกกับเพื่อนฝูงอยู่เสมอว่าไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้ แต่ก็น่าตลกดี ที่ชานยอลทำแล้วมันน่าเอ็นดู
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ คราวหน้าอย่าทิ้งน้องไว้อย่างนั้นอีก ตกลงไหม?”
“ผมไม่ได้ทิ้งนะครับ... คุณอย่ามองผมเป็นพี่ชายนิสัยไม่ดีนะ ผมไม่อยากให้คุณชอบผมน้อยลงไปกว่านี้แล้ว” เด็กหนุ่มซบศีรษะลงกับขมับคนอายุมากกว่าอย่างออดอ้อน เขาชอบเสียงหัวเราะในลำคอของคุณแบคฮยอน กับมือสวย ๆ ที่กำลังลูบแก้มเขา
มีความสุขจัง...
“ให้ตายเถอะ ฉันควรจะดุเธอไม่ใช่หรือไงกัน”
“อย่าดุผมนะ”
ใจคอเจ้าเด็กยักษ์จะอ้อนไปจนถึงหยดสุดท้ายจริง ๆ ใช่ไหม?
“หลับสบายเลยสิเมื่อคืน?”
“แล้วคุณล่ะครับ ที่ตื่นเร็วเพราะไม่สบายตัวใช่ไหม?” เด็กหนุ่มย้อนถาม และดูเหมือนว่าคุณแบคฮยอนจะรับรู้ได้ถึงความกังวลผ่านทางสีหน้า จึงจิ้มนิ้วชี้ลงมาบนหัวคิ้วของเขา
“ฉันตื่นเพราะหิวต่างหาก”
“หิว?!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง กับเหตุผลที่แท้จริงของการทำให้คุณแบคฮยอนต้องตื่นเช้า
“ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนไปโซล คิดว่าตอนนี้ท้องของฉันมันจะมีอะไรให้ย่อยบ้างล่ะ?”
“คุณน่าจะปลุกผม” เด็กหนุ่มย่อตัวนั่งยอง ๆ ข้างเก้าอี้นอน พร้อมเกยคางลงบนพนักวางแขน หลับตาพริ้มให้คนตัวเล็กจัดเผ้าผมให้ระหว่างรอคำตอบ
“เห็นว่าเธอหลับอยู่ ฉันก็เลยลงไปชงกาแฟดื่มก่อน”
“คราวหลังต้องปลุกผมนะครับ อย่าทนหิวอีกนะ” แบคฮยอนอมยิ้มพร้อมพยักหน้าเป็นคำตอบ ก่อนที่เจ้าเด็กยักษ์จะเอาผ้าห่มไปพับเก็บบนเตียงอย่างเป็นระเบียบแล้วเดินกลับมาอีกครั้ง
“เดี๋ยว จะทำอะไร?” คนตัวเล็กเลิกคิ้ว เมื่ออยู่ ๆ เด็กตัวสูงก็โน้มตัวลงมาพร้อมช้อนร่างของเขาขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว
แบคฮยอนรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายไซส์ต่ำกว่ามาตรฐานตั้งแต่จำเป็นต้องยืนหัวแถว หรือได้รับตำแหน่งเป็นพ๊อยท์การ์ดในสนามบาสเพราะส่วนสูงไม่สามารถเป็นเซนเตอร์ได้ ไปจนถึงตอนที่อยู่กับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ซึ่งเขาต้องเงยหน้ามองพวกมัน แต่ถึงอย่างนั้น แบคฮยอนก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเล็กจนดูไปในทางอ่อนแอ จนกระทั่งร่างกายของเขามันเบาหวิวอยู่ในวงแขนของเด็กหนุ่มวัยสิบเก้า
“จะเล่นอะไรอีก?”
“เป็นรถโดยสารให้คุณครับ”
“วางฉันลงเดี๋ยวนี้เลย” แบคฮยอนมองคาดโทษเด็กตัวสูงที่เอาแต่อมยิ้มพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ
“ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อเราถึงห้องครัวแล้ว เพราะงั้นอย่าดิ้นนะครับ ถ้าตกบันไดผมคงเจ็บหนักแน่ ๆ”
“ถ้ากลัวเจ็บก็ปล่อยฉันเดินเองสิ”
“ผมหมายความว่าคงเจ็บเพราะเอาตัวเองเป็นฐานรองรับตัวคุณต่างหาก” ชานยอลอมยิ้มพร้อมก้มลงมาหอมแก้มคนอายุมากกว่าเสียฟอดใหญ่ เขาเห็นว่าคุณแบคฮยอนขมวดคิ้ว อ้าปากเหมือนอยากดุเด็กฉวยโอกาสเสียเต็มแก่ แต่ก็ทำได้แค่มองไปอีกทาง และพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หลังจากถูกเด็กอย่างเขายัดเยียดความเอาแต่ใจใส่
นอกจากซูยองแล้ว ชานยอลก็ไม่เคยบังคับใคร แต่ถ้าจะให้ทนมองคุณแบคฮยอนเดินอย่างลำบากเพราะเจ็บช่วงสะโพก ซึ่งสาเหตุมาจากเรื่องเมื่อคืน เขาก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
ชานยอลก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่าเขาห่วงคนตัวเล็กมากกว่าตนเองที่ฟื้นตัวไวหากได้รับบาดเจ็บ เด็กหนุ่มเริ่มชอบตัวเองเวลาตกหลุมรัก เพราะเขามักจะมองเห็นคุณแบคฮยอนมาก่อนตัวเองเสมอ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเศร้าบ้างสุขบ้าง แต่ชานยอลก็ได้รู้จักความสุขในการเป็นผู้ให้
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเมื่ออยู่ ๆ คุณแบคฮยอนก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมมองมาด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนทุกครั้ง “เหมือนกำลังจำลองเหตุการณ์อีกสามสิบปีข้างหน้ายังไงก็ไม่รู้สิ”
พอได้คลายความสงสัย ชานยอลก็อมยิ้มแล้วค่อย ๆ วางคุณแบคฮยอนลงบนเก้าอี้ในครัว เขานั่งลงตรงหว่างขาคนตัวเล็กพร้อมกุมมือ เพื่อให้คนตรงหน้ารับรู้ความรู้สึกของเด็กยักษ์คนนี้
“คุณครับ”
“หืม?”
“ผมคงไม่กล้าสัญญาว่าอีกสามสิบปีข้างหน้าผมจะยังนั่งอยู่ตรงนี้ และมองคุณด้วยความรักอยู่หรือเปล่า” เด็กหนุ่มกระชับมือแน่นขึ้น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไป “ผมอยากพูดอะไรเยอะแยะเลย แต่คุณคงรู้และเข้าใจโลกดีกว่าผมอยู่แล้ว”
“พูดมาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าโลกที่เธอรู้จักมันเป็นยังไง”
ชานยอลสบตากับคนอายุมากกว่าระหว่างเรียบเรียงคำพูดในหัว แน่ล่ะ... เขาอยากพูดในสิ่งที่ใจคิด แต่ก็ไม่อยากประดิดประดอยให้สวยหรูจนดูเลี่ยน คุณแบคฮยอนไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะมาหลงคารมหวาน ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงอยากใช้ความเป็นเด็กของตนเองแสดงความจริงใจให้เห็น
“เริ่มชอบผมแค่นี้ก่อนนะครับ อย่าเพิ่งให้มันมากไปกว่านี้”
ท่ามกลางเสียงฝนด้านนอกที่ยังคงตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ แบคฮยอนยังคงมองสีหน้าจริงจังของเด็กอายุสิบเก้า เพื่อปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดความในใจออกมาโดยไม่พูดแทรกใด ๆ
“ในหัวมันบอกให้ผมพูดไปเลยว่าจะอยู่กับคุณจนถึงวันสุดท้าย ผมคงพูดมันออกมาได้ง่าย ๆ แต่ผู้ใหญ่อย่างคุณก็คงรู้ดีว่ามันยากถ้านึกถึงสิ่งรอบตัวเรา” ชานยอลจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาทาบแก้มตนเองพร้อมหลับตาลง “แต่ให้โอกาสผมก่อนนะ”
“โอกาสของเธอเป็นยังไงล่ะชานยอล?”
“ถึงผมจะเดาไม่เก่งว่าผู้ใหญ่คิดยังไง แต่คุณก็คงกังวลอยู่เหมือนกันใช่ไหมครับว่าความรู้สึกของเด็กอย่างผมมันเกิดขึ้นแค่ชั่ววูบหรือเปล่า” ชานยอลยิ้มบาง ๆ “ผมแค่อยากได้เวลาจากคุณ ระหว่างนั้น... คุณก็ทบทวนตัวเองด้วยว่ายังอยากเลือกเด็กอย่างผมอยู่อีกไหม”
แบคฮยอนไล้นิ้วหัวแม่มือบนแก้มเด็กตัวสูงอย่างเอ็นดู มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้นั่งฟังความในใจที่สื่อไปในทางสารภาพรักของเด็กคนนี้ ซึ่งเขารู้ดีว่าควรจัดการความรู้สึกตัวเองอย่างไร แต่การฟังอีกฝ่ายพูดทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องถาม มันก็รู้สึกดีไม่น้อยเลย
“และพอถึงตอนที่คุณมั่นใจแล้ว ก็ช่วยรักผมโดยไม่ลังเลด้วยนะครับ”
คนตัวเล็กอมยิ้มขณะมองดวงตาของเด็กตัวสูงที่ทอประกายไปด้วยความจริงจัง ใสซื่อ ไร้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อให้หลงกล แบคฮยอนพยักหน้าช้า ๆ กับคำขอของเด็กหนุ่มที่มาพร้อมความกล้าซึ่งซ่อนความประหม่าเอาไว้ไม่มิด
“ยังไม่ต้องนึกไปไกลถึงขนาดนั้นหรอก ทุกวันนี้ที่มีเธออยู่ด้วย ฉันก็มีความสุขดี”
ชานยอลเป็นเด็กเจียมตัวตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหวังว่าจะได้รับสิ่งพิเศษจากคุณแบคฮยอนมากไปกว่านี้ ซึ่งประโยคเมื่อครู่มันเกินความคาดหมาย เด็กหนุ่มรู้สึกหัวใจพองโต ก่อนจะซบใบหน้าลงกับตักคนตัวเล็กโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นเขาเป็นเด็กหรือไม่
เพราะสำหรับคุณแบคฮยอน ชานยอลยอมเป็นได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาสามารถดูแลได้ทั้ง ๆ ที่ยังเอาตัวเองไม่รอด มันยังมีจุดดำใหญ่ ๆ ที่แต่งแต้มอยู่ในความรู้สึก เพราะเขายังคงรับเงินจากอีกฝ่ายอยู่อย่างนี้โดยไม่สามารถละทิ้งความกังวลไปได้ และยิ่งความสัมพันธ์ของเราคืบหน้า ชานยอลก็ยิ่งรู้สึกแย่
เด็กหนุ่มได้แต่บอกตัวเองว่าต้องตั้งใจให้มาก พอถึงเวลาที่ได้เป็นผู้ใหญ่จริง ๆ ตอนนั้นความรักของเราทั้งสองคนก็จะเติบโตไปด้วย
ความรักที่จะทำให้เรามีความสุขจนลืมเรื่องอายุไป
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วกินยาแก้ปวดนะครับ”
“เร็ว ๆ เลยนะ หิวจะแย่แล้ว”
ชานยอลยิ้มตาหยี รีบวิ่งไปควานหาผ้ากันเปื้อนมาสวมใส่ ก่อนจะเปิดตู้เย็นเอาอาหารที่แช่ไว้ตั้งแต่เมื่อวานออกมาอุ่นเพื่อเอาให้เขากินรองท้องก่อน ตามด้วยการเอาวัตถุดิบที่เหลือในตู้เย็นมาทำเมนูใหม่
“ชานยอล”
“ครับ” เจ้าของชื่อหันมาพร้อมแววตาที่ฉายไปด้วยความสงสัย จนถึงตอนนี้เด็กอายุสิบเก้าก็ยังทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ กับความสุขที่ไม่ต้องพยายาม
“กินข้าวเสร็จแล้วนวดไหล่ให้ทีนะ” ชานยอลพยักหน้าอย่างไม่อิดออด ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับอาหารเช้าตอนสายอีกครั้ง
ใช่ว่าตอนนี้เขาจะละทิ้งความกังวลไป แบคฮยอนรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่เพิ่งจะเริ่มต้นที่เลขหนึ่ง และยังมีปัญหามากมายที่ต้องกลับไปจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยกเลิกงานแต่งที่ต้องอธิบายให้ผู้ใหญ่รับรู้ และการประคองความรักครั้งนี้โดยไม่ให้เจ้าเด็กขี้กังวลต้องเสียใจอีก
แต่ตอนนี้ขอกอบโกยความสุขก่อนเถอะ ก็เจ้าเด็กยักษ์ทำตัวน่ารักเสียขนาดนั้น จะไม่ให้เห่อได้อย่างไรไหว?
.
.
“เจ็บมากไหมครับ?”
“เจ็บ เพราะงั้นคืนนี้อย่าหวังว่าจะงอแงได้อีก”
ชานยอลยิ้มเจื่อน ก่อนจะบดเบียดร่างโต ๆ เข้าหาอ้อมกอดคนตัวเล็กที่อยู่บนเก้าอี้นอนด้วยกัน เด็กหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะต้องเป็นฝ่ายกอดเพื่อให้ดูแมนกว่า เพราะเขารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรคุณแบคฮยอนถึงจะพอใจ
“คิดว่าตัวเองเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”
“ถ้าใช่ คุณจะยอมให้ผมอ้อนไหมครับ”
“ถ้าบอกว่าไม่ เธอจะยอมย้ายไปนั่งเก้าอี้อีกตัวหรือเปล่าล่ะ?”
“ผมไม่ไปหรอกครับ”
“เด็กคนนี้นี่” แบคฮยอนมองศีรษะทุยของเด็กหนุ่มที่ซบอยู่กับแก้มเขา ฟังเสียงงึมงำว่า ‘ตัวคุณหอมจัง’ แล้วก็หลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ “ดูสิ ขาเธอเลยออกไปนอกเก้าอี้แล้ว”
ไวเท่าความคิด คนตัวเล็กขมวดคิ้วพลางถอนหายใจเพราะเจ้าเด็กยักษ์แก้ปัญหาด้วยการก่ายขากอดตัวเขาเอาไว้พร้อมซุกจมูกลงกับซอกคอเขา เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีจุ๊บปนกลั้วหัวเราะอีก
ให้ตายเถอะ บยอนแบคฮยอนกำลังรู้สึกแปลก ๆ กับสถานะในตอนนี้ ซึ่งมันต่างจากคู่รักชายรักชายทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
ก็พอรู้ว่าเกย์มีทั้งฝ่ายรุกและรับ ดังนั้นเหตุการณ์เมื่อคืนมันก็เป็นคำตอบได้แล้วว่าเขายอมรับในสถานะ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเซ็กส์ เพราะเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ เจ้าเด็กยักษ์ก็ทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนที่ร้องขอความรักจากเขาเหมือนเดิม
“อาทิตย์หน้าไปหาพ่อแม่เธอดีไหม?”
“คุณจะไปกับผมเหรอ?” เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นพร้อมเท้าศอกลงกับที่นอน สบตากับคนอายุมากกว่าซึ่งกำลังยิ้มและพยักหน้าเป็นคำตอบ “แม่ผมต้องดีใจแน่ ๆ ท่านอยากเจอคุณมานานแล้วครับ”
“บอกซูยองด้วย แล้วเราหาเวลาไปซื้อของฝากให้ท่านกัน”
“ของฝาก...?” ชานยอลชะงักพร้อมกลอกตามองไปทางอื่น ซึ่งแบคฮยอนพอจะเดาออกว่าตอนนี้ภายใต้ใบหน้าของเด็กหนุ่มกำลังคิดอะไร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เขาต้องจัดการมันให้ได้ ถ้าหากว่าต้องอยู่ด้วยกันในสถานะแบบนี้
“ถ้ากังวลเรื่องเงินอยู่ ก็คิดซะว่าเป็นรางวัลที่เธอทำให้ฉันพอใจในเกรดเทอมนี้สิ แบบนั้นจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า?”
“คุณครับ... ผมรับมามากเกินไปแล้ว”
“อะไรที่มากเกินไปล่ะ ฉันก็แค่เลี้ยงดูเธอเหมือนที่ทำมาตลอดห้าปี ไม่อยากให้พ่อแม่กินของดี ๆ มีเสื้อผ้าอุ่น ๆ ใส่ก่อนจะถึงฤดูหนาวเหรอ?” แบคฮยอนเกลี่ยปอยผมออกจากใบหน้าคมของเด็กขี้กังวล ก่อนจะดึงแก้มจนยืดออก
“แต่...”
“ได้เอาสมุดกับปากกามาหรือเปล่า?”
“ครับ? ก็เอามานะ... ทำไมเหรอครับ?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ก่อนที่คนตัวเล็กจะปัดมือไล่ให้ไปเอามันมา ชานยอลก็ทำตามอย่างว่าง่าย พาขายาวเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วค้นกระเป๋าเป้แล้วกลับมาที่เดิม
คุณแบคฮยอนลุกขึ้นนั่ง พร้อมแย่งสมุดกับปากกาไปก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกให้เขาไปนอนซบอกเหมือนก่อนหน้านี้ เด็กยักษ์เคยดื้อกับคุณเขาเสียที่ไหนกัน ชานยอลนอนลงไปพร้อมกอดเอวคอด ซบแก้มลงกับแผงอกบางแล้วมองไปยังสมุดที่ถูกกางออก
“ต่อไปถ้าลำบากใจเวลาฉันซื้อของให้ เธอก็จดมันลงไปแบบนี้นะ”
เด็กอายุสิบเก้าหลุดยิ้มกับความน่ารักของคนอายุมากกว่าที่กำลังพยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายกับความกังวลในใจ คุณแบคฮยอนเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้วิธีทำให้เด็กยอมทำตามจนได้แม้ว่าเรื่องนั้นมันจะยากสำหรับเขา
ชานยอลมองลายมือที่กระหวัดลงบนหน้ากระดาษอย่างลื่นไหล ก่อนจะสบตากับคนตัวเล็กที่โอบกอดเขาเอาไว้แม้ว่าสภาพของเรามันจะทุลักทุเลจนน่าตลกถ้าหากคนอื่นมอง แต่ก็ช่างปะไร ถ้าทำตัวแบบนี้แล้วจะได้รับความรักจากคุณแบคฮยอน เขาก็ยอมเป็นเด็กตลอดไป
‘ผมลำบากใจที่คุณจะซื้อเสื้อผ้าให้พ่อกับแม่ของผม ดังนั้น ผมจะขอชดใช้ค่าเสียหายในครั้งนี้ด้วยการทำมื้อดึกไปส่งให้คุณกินที่ออฟฟิศทุกวันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ครับ’
“ถ้าผมเหลิง คุณก็ต้องโทษตัวเองแล้วนะครับ”
“เธอต้องโทษตัวเองที่ทำให้ฉันอยากตามใจสิถึงจะถูก”
เด็กหนุ่มยิ้ม ยันตัวลุกขึ้นเล็กน้อยแล้วสบตากับคนที่อยู่ใต้ร่าง ซึ่งคุณแบคฮยอนก็ไม่มีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิมนัก จะมีก็แต่ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่ทาบลงบนแก้มเพื่อทำให้ช่องว่างของเราลดลงโดยการโอบใบหน้าของเขาลงไปจูบ
ชานยอลชอบที่จะเรียนรู้ โดยเฉพาะบทเรียนที่ได้จากคุณแบคฮยอน เด็กหนุ่มเอียงศีรษะเพื่อปรับองศาการจูบที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ตัวคุณแบคฮยอนอุ่น... ซึ่งมันคงดีถ้าหากว่าเขาได้นอนกอดคนรักใต้ผ้าห่มในวันฝนตกอย่างที่เคยวาดฝันไว้
คนตัวเล็กกอดรอบคอเด็กหนุ่มเมื่อร่างของเขาถูกอุ้มขึ้นจนลอยจากเก้าอี้นอน ลิ้นของเรายังคงกระหวัดดูดดึงโดยไม่มีใครถอนจูบออกมาแม้ว่าขายาวของเด็กตัวสูงจะก้าวไปจนถึงเตียงแล้ว
แผ่นหลังบางนอนราบลงบนเตียงนุ่ม เรายังคงแสดงความรักกันด้วยริมฝีปากโดยไม่มีอะไรมากไปกว่าการจูบ คลอเคลียปลายจมูกบ้าง ถอนจูบออกมาสบตากันบ้าง และกดจูบลงไปซ้ำ ๆ
มือของเด็กอายุสิบเก้าไม่ได้สอดเข้าไปในเสื้อหรือกางเกงของเขา เมื่อตอนนี้มือของเรากำลังสอดประสานกันจนแทบไม่เหลือช่องว่าง ปาร์คชานยอลคงอยากยืนยันให้รู้ว่าแคร์ความรู้สึกและร่างกายของเขามากแค่ไหน กับการอดใจไว้ไม่ให้เซ็กส์ครั้งใหม่เกิดขึ้นแม้ว่าเจ้าตัวจะต้องการมัน
“นอกจากนวดไหล่แล้ว คุณอยากให้ผมทำอะไรอีกไหมครับ?”
“ทำอะไรดี? ฝนตกแบบนี้ออกไปข้างนอกไม่ได้ด้วยสิ”
แบคฮยอนมองเด็กหนุ่มที่คร่อมอยู่บนร่างซึ่งกำลังพรมจูบลงบนหลังมือเขาอย่างทะนุถนอม คนตัวเล็กหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งเพราะการกระทำของอีกฝ่าย ทำไมเจ้าเด็กยักษ์ถึงรักเขามากขนาดนี้นะ?
“งั้นนอนคุยกันก็ได้ครับ คุณจะได้พักผ่อนด้วย”
“เอาสิ ว่าแต่เราจะคุยอะไรกันดีล่ะ” แบคฮยอนไม่ค่อยชินกับวันว่างสักเท่าไหร่ เขาได้แต่นึกย้อนไปก่อนหน้านี้ว่าตอนอยู่กับจูฮยอนทำอะไรบ้าง ซึ่งก็ไม่พ้นการกินข้าว ดูหนังในทีวี มีเซ็กส์ที่เสร็จบ้าง ค้างบ้าง
“เรื่องเมนูมื้อดึกที่คุณอยากให้ผมทำไปให้กินก็ได้ครับ หรือจะให้ลิสต์รายชื่อเพลงที่คุณอยากฟังตอนเรานั่งรถไปหาพ่อกับแม่ผมก็ได้”
“เอาเรื่องของเธอบ้างสิ” แบคฮยอนหัวเราะ จนถึงตอนนี้เจ้าเด็กยักษ์ก็ยังนึกถึงเขาและพ่อแม่ก่อนเสมอ
“ไม่มีเรื่องของผมหรอกครับ” เด็กหนุ่มอมยิ้ม พร้อมขยับตัวลงไปนอนข้าง ๆ คนตัวเล็กและไม่ลืมที่จะดึงผ้านวมขึ้นมาห่มให้ “เพราะต่อไปนี้จะมีแค่เรื่องของเราแล้ว”
“อา... ดูพูดเข้า”
แบคฮยอนเบือนหน้าไปอีกทาง แต่ก็ถูกเด็กยักษ์รวบตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดจนได้ เสียงหัวเราะอย่างขลาดอายของอีกคนยังคงเป็นโรคติดต่อที่ทำให้เขายิ้มทุกครั้ง คนตัวเล็กวางมือลงบนศีรษะเด็กหนุ่มที่ซุกจมูกลงกับซอกคอเขา ซึ่งกดจูบเบา ๆ อย่างใคร่รักพร้อมพร่ำบอกให้อบอุ่นหัวใจในวันฝนตกว่า...
“ถ้าผมพูดจาเลี่ยน ๆ ไปบ้างก็อดทนหน่อยนะครับ เพราะตอนนี้ผมรักคุณจนเหมือนว่าจะเป็นบ้าไปแล้ว”
TBC
ตอนหน้าตอนจบแล้วจ้า ฮืออออ ฟิคเรื่องนี้เป็นพล็อตที่เกิดขึ้นอย่างชั่ววูบ แต่เขียนได้อย่างไหลลื่นเหมือนตอนเราเขียน Among Pages เลยค่ะ TvT
ยังไงเราก็ต้องขอโทษที่ให้รอนานเป็นอาทิตย์นะคะ เนื่องจากว่าอาทิตย์ก่อนเราเพิ่งอัพตอนจบ #มนุษย์จงอิน ไป เราเลยไม่สามารถเขียนตอนจบติดต่อกันได้ค่ะ เพราะมันเป็นอารมณ์หน่วง ๆ อะ แบบ ฟิคเราจะจบแล้วนะ เราจะต้องเขียนจบสองเรื่องติดต่อกันเลยเหรอ เราจะไม่ได้เขียนเขาอีกแล้วนะ มันน่าใจหายจริง ๆ ค่ะ ฮือ แต่ตอนจบจะพยายามไม่ให้ทิ้งห่างนานนะคะ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้ไปนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
ความคิดเห็น